ประโยคหนึ่งก็ประตูผี คำหนึ่งก็ความตายคนฟัง ฟังแล้วรู้สึกตื่นตระหนกพระชายาจี้อยู่ข้างในก็ได้ยิน ใบหน้าของนางแข็งค้าง แต่นางก็กลับฝืนยิ้มออกมาก็นั่งลงบนเตียงและพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉยว่าอวี่เหวินห่าวเข้าไปแล้วก็พบพระชายาจี้นั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวยาว ด้วยท่าทีที่ไม่สบาย และเอ่ยด้วยเสียงแผ่วเบาว่า "น้องห้ามาหรือ?"อวี่เหวินห่าวจ้องมองนางแล้วเอ่ยว่า "พี่สะใภ้ ข้าต้องขอโทษด้วยที่มารบกวนการพักฟื้นของท่าน แต่มีเรื่องหนึ่งที่ต้องมาสอบถามพี่สะใภ้อีกครั้ง และขอพี่สะใภ้ได้โปรดอย่าปิดบัง"พระชายาจี้เอ่ย "ไม่เป็นไรฟังจากน้ำเสียงน้องห้า ข้าเป็นคนกำลังจะตายแล้ว จึงไม่มีอะไรจะต้องปิดบัง"อวีเหวินห่าวมองหน้านางอย่างเย็นชา นึกถึงว่านางส่งเจ้าแม่กวนอิมนั้นไปให้ก็รู้สึกโกรธขึ้นมา แล้วเอ่ยว่า "พี่สะใภ้อย่าได้ท้อแท้ โรคนี้ไม่อาจถึงตายฟังจากท่านหมอ แค่ต้องทานยาเป็นประจำอาจจะสองสามปี"พระชายาจี้นัยน์ตาสั่นไหวไปด้วยความโกรธ ในมือก็บีบถ้วยกระเบื้องสีขาวจนซีดขาวเห็นข้อกระดูก "น้องห้ายังไม่ได้เอ่ยว่ามาเพราะเหตุอันใดกัน?"อวี่เหวินห่าวเงยหน้าขึ้นแล้วเอ่ยด้วยที่หน้าจริงจังเป็นทางการ "เป็นเช่นนี้ เมื่อวันก่อนข้
อวีเหวินห่าวถามสาวใช้ตัวน้อย "เจ้าแม่กวนอิมอุ้มลูกนั้นมีรูปร่างอย่างไร? เป็นสีอะไร?"สาวใช้ตัวน้อยที่กลัวจนร้องไห้ เมื่อครู่เมื่อถูกอวี่เหวินห่าวถาม และนางไม่รู้ก็ลังเลในสมองว่างเปล่าลิ้นก็ติดพัน "คือ...คือบ่าว บ่าวจำไม่ได้แล้วน่าจะเป็นหยกสีขาวเจ้าค่ะ"อวี่เหวินห่าวยิ้มเยาะ แล้วมองพระชายาจี้ "พี่สะใภ้ ในสายตาของท่านข้าคงดูเป็นคนโง่ที่สามารถหลอกได้ตามใจ"ดวงตาของพระชายาจี้หรี่ลง "น้องห้าเอ่ยเยี่ยงนี้หมายความว่าเยี่ยงไร?"ไม่มีความหมายอันใด เยี่ยงนั้นเรามาสอบสวนคดีกันต่อเถอะ" อวี่เหวินห่าวหมุนตัวดวงตาของพระชายาจี้เย็นชาขึ้น นางกำมือแน่นแล้วค่อย ๆ คลายออก"แม่นมฉีท่านรู้ความผิดใช่หรือไม่!" พระชายาจี้ตะวาดเสียงดังนางข้าหลวงที่กำลังทุบตีสาวใช้ตัวน้อยอยู่คุกเข่าลงสีหน้าซีดเผือดนางข้าหลวงคนนี้เป็นคนที่พระชายาจี้ให้ติดตามมาด้วยตั้งแต่เมื่อนางแต่งงาน จึงใกล้ชิดกับพระชายาจี้มากไม่ว่ามีความคิดอะไรนางล้วนเข้าใจคราวนี้ไม่รอให้พระชายาจี้เอ่ยคำ ก็ตะโกนเสียงดัง "องครักษ์ของจวนนี้อยู่ที่ใด?"มีคนเข้ามาสองคน "อยู่นี่ขอรับ!"อวี่เหวินห่าวกล่าวอย่างเย็นชา "นำนางข้าหลวงฉีออกไป แล้วโบยสามสิบไ
นางข้าหลวงฉีร้องไห้แล้วกล่าว "พระชายาไม่ต้องรู้สึกเสียใจกับบ่าว ท่านป่วยอยู่อย่าได้โมโห บ่าวไม่เป็นไร"พระชายาจี้ในใจทั้งเจ็บปวดทั้งโกรธเคือง กัดฟันแล้วเอ่ยว่า "ข้าจะล้างแค้นให้ท่านแน่นอน"นางข้าหลวงฉีสูดหายใจเข้า "คิดไม่ถึงว่าเพื่อสิ่งเล็ก ๆ นี้ท่านอ๋องจะทำขนาดนี้ เดิมนี่ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไร รู้ดีอยู่แล้วก็ไม่ควรโกรธแค่คำพูดไม่กี่คำ คำสาปแช่งไม่กี่ประโยคเขาถึงกับมาหาถึงที่ยังมีเรื่องคดีของพระสนมหลิว พระชายาท่านต้องระวังเขาไว้ เขารู้จุดอ่อนของท่านแล้ว เรื่องพระสนมหลิวเขาก็รู้แน่ชัด" พระชายาจี้เอ่ยอย่างเย็นชา "ตอนนี้เขาคาดหวังว่าจะได้เป็นรัชทายาทและมีความมั่นใจ แต่ว่าความมั่นใจของเขาล้วนขึ้นอยู่กับการตั้งครรภ์ของหยวนชิงหลิง ถ้าไม่มีครรภ์นั้นแล้วเขาจะกล้าเย่อหยิ่งอะไร?"นางข้าหลวงฉีกล่าวอย่าประหลาดใจ "พระชายา ท่านจะต้องไม่ทำ ตอนนี้ในวังมีสายตากี่คู่ที่กำลังจ้องมองอยู่? เมื่อถูกเปิดโปงก็จะไม่มีที่ให้หันหลังกลับแล้ว นี่เทียบไม่ได้กับจวนของพวกเรา"พระชายาจี้เอ่ยอย่างเคร่งขรึม "ท่านวางใจ ข้าจะไม่ลงมือกับหยวนชิงหลิง ได้ยินมาว่าทารกในครรภ์ของนางไม่แข็งแรงสาเหตุเป็นเพราะได้รับยาต้มจื
เห็นหยวนชิงหลิงร้องไห้ ดวงตาของอวี่เหวินห่าวก็ร้อนผ่าว นอกจากกอดนางไว้แล้ว ก็ไม่สามารถเอ่ยอะไรได้อีก"อวี่เหินห่าว ข้าคิดถึงบ้าน ข้าอยากกลับบ้าน" หยวนชิงหลิงร้องไห้ออกมาเสียงดังมีลูกสาวกี่คนกันที่หลังจากแต่งงานแล้วยังสามารถกลับไปบ้านเดิมได้?มีลูกสาวกี่คนที่เมื่อตั้งครรภ์แล้วมีมารดามาเยี่ยมมาคอยดูแล? เพื่อจัดการเสื้อผ้าตัวน้อยและถุงเท้าคู่เล็ก ๆ ให้หลาน คอยบอกเรื่องที่ต้องให้ความสำคัญตอนตั้งครรภ์เธอถูกทิ้งไว้ที่มุมหนึ่งในสถานที่ไหนเวลาใดชีวิตนี้ ล้วนไม่สามารถพบแม่ได้อีกแล้วแม่จะรู้ไหมว่าเธออยู่ที่ไหน?อวี่เหวินห่าวคิดว่านางคิดถึงท่านยาจึงรีบเช็ดน้ำตาให้นาง "ได้ ได้ ข้าจะบอกให้ลวี่หยาไปเชิญท่านย่ามาเดี่ยวนี้ ข้าจะให้นางพักอยู่กับเจ้าดีหรือไม่?"หยวนชิงหลิงส่ายหัว ร้องไห้เสียใจยิ่งกว่าเดิมอวี่เหวินห่าวก็ไม่รู้จะทำอย่างไรต่อไปแล้ว เขาไม่มีวิธีสำหรับความทุกข์ใจของนาง คำพูดเอาใจใด ๆ ก็ล้วนไร้ประโยชน์นางข้าหลวงฉีก้าวเข้ามาอย่างรวดเร็ว สีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อยแล้วกล่าว "ท่านอ๋อง ไท่ซางหวงเสด็จมาเพคะ"อวี่เหวินห่าวตกใจเงยหน้าขึ้นมา "อะไรนะ?""จริงเพคะ ตอนนี้ทุกคนล้วนอยู่ด้านนอกแ
ในช่วงสองปีทีผ่านมาเจ้าหกป่วย เจ้าห้าตาบอด เจ้าเก้ายังเด็กนัก และองค์ชายคนอื่นแต่งงานแล้ว แต่ยังไม่ได้ให้กำเนิดบุตรเสด็จปู่ไม่ได้เอ่ยอะไรแต่ว่าเขาก็ยังรู้สึกกังวลใจอยู่ ต่อหน้าจักรวรรดิหมิงหยาง เขาได้เอ่ยเพียงแค่สองสามประโยคเสด็จปู่เริ่มรู้สึกร้อนใจแล้ว จักรพรรดิ์หมิงหยางในฐานะลูกที่กตัญญูก็ต้องรู้สึกวิตกกังวลเช่นกัน มีเพียงเหล่าขุนนางเท่านั้นที่คิดว่าผู้ใดให้กำเนิดบุตรชายก่อนก็จะได้รับเลือกเป็นรัชทายาทอวี่เหวินห่าวไม่ได้เอ่ยอะไรกับไป เกรงว่าจะเป็นการหยาบคาย"นำเข้ามา!" ชายชรากล่าวกับฉางกงกงเสียงดังฉางกงกงรับกล่องอาหารจากมือของข้าหลวงในวังแล้วยื่นให้นางข้าหลวงสี่ "นี่เป็นรางวัลจากไท่ซ่างหวงประทานให้พระชายา นางข้าหลวงนำไปมอบให้พระชายาเสวยเถอะ"นางข้าหลวงสี่รับมาแล้วถอนหายใจเบา ๆ แล้วกล่าวว่า "เกรงว่าอาจจะทำให้ไท่ซ่างหวงต้องเสียพระทัย เพราะวันนี้พระชายาเสวยอะไรก็ล้วนอาเจียนออกมาหมด"ฉางกงกงเอ่ย "เจ้าก็เพียงแค่รับมันไป เสวยหนึ่งคำก็นับว่าได้ตอบแทนพระมหากรุณาธิคุณของไท่ซ่างหวงแล้วนางข้าหลวงสี่รับมา ย่อกายลงแล้วถอยหลังไปนางข้าหลวงสี่ถือกล่องอาหารแล้วกลับไป หยวนชิงหลิงถาม "ไ
หยวนชิงหลิงถูกเสลี่ยงยกออกไป ไท่ซ่างหวงนั่งอยู่ตรงกลางโถงมองเห็นตั้งแต่แรกแล้ว เขาขมวดคิ้วแล้วเอ่ยว่า "นางออกมาทำไม?"หยวนชิงหลิงมองจากระยะไกลก็เห็นถึงความไม่ชอบใจของไท่ซ่างหวง เสด็จปู่มาถึงจวนเพื่อเยี่ยมนางยังแต่งกายแบบนี้?อวี่เหวินห่าวเดินออกไปอย่างรวดเร็ว แล้วอุ้มหยวนชิงหลิงเข้ามาเป็นเพราะคำพูดของหมอหลวงบอกว่านางไม่สามารถลงมาเดินได้ ดังนั้นไม่ว่าจะเช็ดตัวหรืออาบน้ำเข้าล้วนต้องอุ้มไปหยวนชิงหลิงรู้สึกว่าตัวเองเหมือนคนไร้ประโยชน์ จึงอดที่จะตีแขนของเขาไม่ได้ "ปล่อยข้าลงเดินสักก้าวสองก้าวจะเป็นเยี่ยงไร?""ไม่ได้ หมอหลวงบอกว่าเจ้าไม่สามารถลุกจากเตียงลงมาเดินได้" อวี่เหวินห่าวกล่าว แล้ววางนางลงบนเก้าอี้ "เจ้าไม่เชื่อฟังอย่าคิดว่าข้าไม่รู้ ตอนข้าไม่อยู่ในจวน เจ้าก็มักจะแอบลงจากเตียง"หยวนชิงหลิงเอ่ย "ถ้าข้าไม่เดินสักก้าวสองก้าว ขาก็ใช้การไม่ได้แล้ว"นางมองไปยังไท่ซ่างหวง "เสด็จปู่ ท่านคิดเยี่ยงนั้นหรือไม่เพคะ?"ไท่ซ่างหวงมองเธอชั่วครู่ จากนั้นก็หันไปมองอวี่เหวินห่าวแล้วเอ่ยว่า "ตอนเจ้าออกมาไม่รู้จักมัดนางไว้กับเตียง?"“ถ้ามัดไว้แล้วยังไม่ซื่อสัตย์ก็ไม่รู้จักจัดการสักที?"อวี่เห
"อืม ข้ารู้สึกไม่เวียนหัวเท่าไหร่ ทานไปแล้วก็ไม่รู้สึกอยากอาเจียนไม่รู้ว่ามันคืออะไร ตอนนี้ฤดูใบไม้ร่วงแล้วก็ไม่รู้ว่ามะพร้าวมาจากไหน"เมืองหลวงตั้งอยู่ทางตอนเหนือ ในฤดูใบไม้ร่วงอากาศค่อนข้างหนาว ส่วนมะพร้าวอยู่ทางตอนใต้แต่ว่าตอนนี้แล้วใครจะสามารถเก็บรักษามะพร้าวไว้ได้?อวี่เหวินห่าวเอ่ย "ในวังสิ่งใดที่ต้องการแล้วไม่มี? ถึงไม่มีก็ขอให้คนส่งมาจากทางใต้ได้ องครักษ์เงาของเสด็จปู่นั้นน่าทึ่ง""องครักษ์เงา?""อืม องครักษ์เงาถูกก่อตั้งขึ้นสมัยเสด็จปู่ ครั้งหนึ่งมีชื่อว่าเชิงเว่ยเฟิงคอยสอดแนมข่าวในหมู่ประชาชนและขุนนางต่อมาหลังจากเสด็จพ่อขึ้นครองราชย์ องครักษ์เงาก็เสื่อมถอยลง เป็นผู้ที่คอยจัดการปัญหาให้เสด็จปู่"เป็นครั้งแรกที่หยวนชิงหลิงได้ยิน เธอจำได้ว่าครั้งหนึ่งเคยเห็นราชองครักษ์สวมชุดสีดำสนิททั้งชุด แต่ไม่รู้ว่าเป็นองครักษ์เงา"ข้าเกรงว่าจะคอยวิ่งเป็นธุระรายงานข่าวสารใช่หรือไม่? ข้าเห็นว่าข่าวของไท่ซ่างหวงนั้นว่องไวเป็นอย่างมาก เกรงว่าองครักษ์เงาเหล่านี้ยังคงสืบข่าวให้เขาอยู่” หยวนชิงหลิงกล่าวอวี่เหวินห่าวเอ่ย "ไม่แปลก ไม่มีอะไรน่าตกใจภายในราชวงศ์ ไม่มีอะไรที่จะสามารถหลบซ่อนจากเสด
หยวนชิงหลิงมองเขา “จัดการหมายความว่าอย่างไร?"อวี่เหวินห่าวเล่าถึงเหตุการณ์ในวันนั้นตอนไปจวนพระชายาจี้อย่างละเอียด รวมทั้งการลงโทษนางข้าหลวงที่อยู่ข้างกายพระชายาจี้ แต่กลับปกปิดเรื่องที่พระชายาจี้เอ่ยกับเขาตอนสุดท้ายไว้ คิดแล้วก็ยังไม่วางใจจึงเอ่ยกำชับ "ถ้าพระชายาจี้หรือผู้อื่นพูดยุยงเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของเรา เจ้าไม่ต้องไม่เชื่อ"หยวนชิงหลิงยิ้มแล้วเอ่ย "ข้าไม่ใช่คนโง่ คิดว่าข้าแยกแยะถูกผิดไม่ได้รึ?"อวี่เหวินห่าวในใจลึก ๆ ก็ยังรู้สึกกังวลเขาและหยวนชิงหลิงมีความสัมพันธ์ที่ดีขึ้น หลังจากที่นางรักษาอาการป่วยของไท่ซ่างหวง ในใจของนางจะคิดหรือไม่ว่าความจริงเขาอาจจะมีเจตนาอื่นเพราะความกังวลนี้ ความรู้สึกของอวี่เหวินห่าวจึงดิ่งลงเขาอยากได้ยินความจริงจากหยวนชิงหลิงแต่เขากลัวว่าจะทำให้ผู้อื่นคิดว่าเขาต้องการจะปกปิดซุปที่ได้รับจากเสด็จปู่ทำให้หยวนชิงหลิงมีชีวิตชีวาอยู่วันสองวันไม่อาเจียนและก็ทานได้นิดหน่อย ถึงบางครั้งจะรู้สึกคลื่นไส้บ้างแต่เมื่อเทียบกับแบบเดิม มันเป็นเรื่องที่ไม่น่าพูดถึงยิ่งกว่านั้นจากการวินิจฉัยของหมอหลวงนาง นางสามารถลุกออกจากเตียงและเดินในลานได้ทุกวันคือถ้า