หยวนชิงหลิงมองเขา “จัดการหมายความว่าอย่างไร?"อวี่เหวินห่าวเล่าถึงเหตุการณ์ในวันนั้นตอนไปจวนพระชายาจี้อย่างละเอียด รวมทั้งการลงโทษนางข้าหลวงที่อยู่ข้างกายพระชายาจี้ แต่กลับปกปิดเรื่องที่พระชายาจี้เอ่ยกับเขาตอนสุดท้ายไว้ คิดแล้วก็ยังไม่วางใจจึงเอ่ยกำชับ "ถ้าพระชายาจี้หรือผู้อื่นพูดยุยงเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของเรา เจ้าไม่ต้องไม่เชื่อ"หยวนชิงหลิงยิ้มแล้วเอ่ย "ข้าไม่ใช่คนโง่ คิดว่าข้าแยกแยะถูกผิดไม่ได้รึ?"อวี่เหวินห่าวในใจลึก ๆ ก็ยังรู้สึกกังวลเขาและหยวนชิงหลิงมีความสัมพันธ์ที่ดีขึ้น หลังจากที่นางรักษาอาการป่วยของไท่ซ่างหวง ในใจของนางจะคิดหรือไม่ว่าความจริงเขาอาจจะมีเจตนาอื่นเพราะความกังวลนี้ ความรู้สึกของอวี่เหวินห่าวจึงดิ่งลงเขาอยากได้ยินความจริงจากหยวนชิงหลิงแต่เขากลัวว่าจะทำให้ผู้อื่นคิดว่าเขาต้องการจะปกปิดซุปที่ได้รับจากเสด็จปู่ทำให้หยวนชิงหลิงมีชีวิตชีวาอยู่วันสองวันไม่อาเจียนและก็ทานได้นิดหน่อย ถึงบางครั้งจะรู้สึกคลื่นไส้บ้างแต่เมื่อเทียบกับแบบเดิม มันเป็นเรื่องที่ไม่น่าพูดถึงยิ่งกว่านั้นจากการวินิจฉัยของหมอหลวงนาง นางสามารถลุกออกจากเตียงและเดินในลานได้ทุกวันคือถ้า
"ท่านพี่อยากจะซื้อของที่ดีให้ แต่เขาไม่มีเงิน เงินเดือนที่ได้มาต้องคืนให้กงสี ทุกเดือนต้องแบ่งเงินที่หามาได้ ท่านก็รู้ ฮูหยินรองกำชับนักหนา เงินเดือนก็ไม่ได้มากมายอะไร" หยวนชิงผิงมุ่ยปาก"รู้สิ" หยวนชิงหลิงส่งป๋องแป๋งให้นางข้าหลวงสี่ "เก็บให้ดี"หยวนชิงผิงหยิบเสื้อผ้าชิ้นน้อยขึ้นมาอีกสองชิ้น สีน้ำเงินเข้ม ไม่มีลายปักสัมผัสนุ่มสบาย เอ่ยด้วยหน้าแดงเรื่อ "นี่ข้าเป็นคนทำ"หยวนชิงหลิงรับมันมาแล้วลูบมันด้วยมือไปมาแล้วยิ้ม "เจ้าทำรึ? สวยมากจริง ๆ"นางข้าหลวงฉียิ้มแล้วกล่าว "คุณหนูรองช่างอ่อนหวานนัก เสื้อผ้านี้ทำได้สวยงามนักจน ทำให้ใจคนมองรู้สึกอ่อนนุ่มขึ้นในคราวเดียว”หยวนชิงผิงเอ่ยด้วยความเขินอาย "ข้าทำในฐานะน้า และก็ไม่ได้มีของดี ๆ มามอบให้เขา ดังนั้นจึงทำเสื้อผ้าตัวน้อยสองชิ้นนี้ขึ้น รอให้เขาเกิดออกมาแล้วข้าจะทำอีก"หยวนชิงผิงเป็นคนที่กังวลอยู่เสมอ หยวนชิงหลิงไม่ได้คาดหวังว่าฝีมือการตัดเย็บของนางจะดีมาก กู้ซีเด็กคนนั้นถ้าจะแต่งงานกับนางก็จะต้องมีความสุขมากแน่พูดถึงกู้ซี หยวนชิงหลิงสั่งให้คนด้านในออกไป และปล่อยให้สองคนพี่น้องได้พูดคุยกัน"การแต่งงานของเจ้าจะเป็นไปเยี่ยงไร? หยวนชิงห
หยวนชิงหลิงเองก็รู้สึกสถานการณ์ที่น่าอึดอัดของจวนเสนาบดีในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาจวนเสนาบดีไม่ได้มีคนที่มีอำนาจออกมาเลย ท่านพ่อยังคงดำรงตำแหน่งเป็นรองผู้ช่วยเจ้ากรม ใช้เงินไปไม่น้อย ทุกครั้งที่มีการประเมินในกรม ล้วนต้องฝากฝังให้คนในใช้เส้นสาย มิเช่นนั้นก็คงถูกไล่ออกไปนานแล้วเมื่อต้นปีฮ่องเต้ทรงได้วิพากษ์วิจารณ์ถึงขุนนางบางคนในสำนักผู้ตรวจการ ทรงกล่าวถึงเกี่ยวกับขุนนางบางคน ที่เข้ารับตำแหน่งโดยไม่มีความสามารถใด นั่งกินนอนกินไม่ทำอะไร การประเมินในปีนี้ก็จะทำการคัดคนพวกนี้ออกไปเสนาบดีจิ้งย่อมรู้ได้ทันทีว่าหมายถึงตัวเอง เขาเองก็รู้ตัวเองว่าเป็นคนจำพวกนั้นคนที่จิตใจสูงยิ่งกว่าฟ้า แต่ตัวคนนั้นเบาบางยิ่งกว่ากระดาษ เขานั้นมักถอนหายใจอยู่เสมอ ที่จริงแล้วในใจเขานั้นรู้แจ้งเห็นชัดที่สุด เขาเองนั้นก็ไร้ความสามารถตัวเองก็ไม่มีความสามารถใด ๆ ไปประจบประแจง จึงทำได้แค่เพียงส่งลูกสาวแต่งงานเพื่อผูกสัมพันธ์กับพวกขุนนางในราชสำนัก เพื่อทำให้ตำแหน่งของตัวเองมั่นคงเท่านั้นเขามักแสวงหาไขว่คว้าตำแหน่งอาลักษณ์ของราชสำนัก แต่ทว่าที่จริงในใจเขากลับรู้ดี แค่ยังสามารถปกป้องตำแหน่งรองผู้ช่วยเจ้ากรมของตัวเ
นางข้าหลวงสี่ที่ยกน้ำลูกบ๊วยเข้ามา หยวนชิงหลิงเองก็รู้สึกคอแห้งกระหายน้ำ จึงดื่มในอึดใจเดียวหมดไปแล้วครึ่งถ้วยเล็ก รสชาติเปรี้ยวทำให้ท้องของนางรู้สึกสบายขึ้นมาทันที“ทำไมข้าถึงชอบกินเปรี้ยวจัง?” หยวนชิงหลิงพูดอย่างยิ้มแย้มนางข้าหลวงสี่เองก็ยิ้ม “ชอบกินเปรี้ยวได้ลูกชาย กินเผ็ดได้ลูกสาว ท้องนี้ต้องเป็นลูกชายแน่เพคะ”หยวนชิงหลิงยิ้ม “จะลูกชายก็ดี ลูกสาวก็ดี ไม่เป็นไรทั้งนั้น ขอแค่ปลอดภัยก็ดีแล้ว”“ใช่เพคะ แค่ปลอดภัยก็ดีแล้ว”ผ่านไปสักครู่ ก็พบหยวนชิงผิงพาแม่นางน้อยหน้ากลมท่าทางน่ารักเข้ามานางหลบอยู่ข้างหลังหยวนชิงผิงอย่างกลัว ๆ แววตาชำเลืองมองดูและหลบสายตากล้า ๆ กลัว ๆ เหมือนกระต่ายตัวน้อย“คำนับพระชายาเพคะ!” เสี่ยวหลานก้าวไปข้างหน้า ย่อตัวคำนับอย่างขลาดกลัวหยวนชิงหลิงยิ้มแย้ม “เสี่ยวหลาน ทำไมมากพิธีกับข้าเช่นนั้นล่ะ? รีบนั่งเถอะ!”กับแม่นางคนนี้ นางมีความทรงจำและความรู้สึก เห็นได้ชัดว่าเจ้าของร่างเดิมก็รู้สึกชอบแม่นางคนนี้เสี่ยวหลานมองเห็นใบหน้าอบอุ่นอ่อนโยนของหยวนขิงหลิง ทันใดนั้นนางก็ยิ้มออกมาเผยให้เห็นฟันเขี้ยวสองซี่ ดูน่ารักเป็นพิเศษ“พี่หลิง!” เสี่ยวหลานตะโกนเรียกหยวน
หยวนชิงหลิงซบลงบนไหล่ของเข้าอย่างไร้เรี่ยวแรง “อย่าไปนะ อยู่ที่เป็นเพื่อนข้า”“อ้อนหรือ?” อวี่เหวินห่าวลูบผมนางและหอมแก้มนางอย่างทะนุถนอม หยวนชิงหลิงหลับตาลง แล้วนึกถึงความคิดที่ไม่อยากมีลูกปรากฏขึ้นมาในหัว “ที่ผ่านมาข้าคิดว่า พวกเราคงจะอยู่ด้วยกันแบบ บนโลกใบนี้มีแค่เราสองคนไปอีกหลายปี คิดไม่ถึงเรียกว่าจะมีมาเพิ่มอีกคนเร็วขนาดนี้”“โลกใบนี้มีแค่เราสองคน? โลกใบนี้มีแค่เราสองคนคืออะไร?” อวี่เหวินห่าวมองนางอย่างสงสัย“ก็มีแค่ข้ากับท่านไง?”“จวนอ๋องไม่มีแค่เจ้ากับข้าหรอก ยังมีคนอีกตั้งเยอะ”หยวนชิงหลิงเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าเซ่อซ่าของเขาแล้วก็หลับตาลง ช่างเถอะ อย่าอธิบายเลยมื้อเย็นกินไม่ลง แต่ว่าโชคดีที่ว่าช่วงประมาณสามทุ่ม ขันทีชางเข้ามาส่งน้ำแกงด้วยตัวเอง รสชาติเหมือนครั้งก่อนไม่มีผิด หลังจากที่หยวนชิงหลิงดื่มลงไปแล้ว ก็รู้สึกสบายขึ้นมา อวี่เหวินห่าวอดไม่ได้ที่ถามขันทีชาง “นี่มันคืออะไรกัน? เขียนให้สูตรข้าไม่ได้หรือ?”ขันทีชางกล่าว “คงจะไม่เพียงพอ แต่ว่าสิ่งที่เห็นผลเร็วย่อมมีอันตรายบางอย่าง ไท่ซ่างหวงเพียงแค่อดไม่ได้ที่พระชายาไม่สบาย ตราบเท่าที่นางยังสามารถทนได้ ก็ไม่มีความจำเป
“อย่าแกล้งกันสิ ดึกดื่นขนาดนี้แล้ว ข้าไม่อยากไปอาบน้ำเย็นนะ”“คำพูดของหมอหลวงต้องจดจำเอาไว้” อวี่เหวินห่าวนอนลง ค่อยๆปรับลมหายใจช้า ๆ แล้วสะกดจิตปรับความคิดตัวเองว่าคนที่อยู่ข้างกายตัวเองนั้น นางปีศาจที่แสนเย้ายวน แตะต้องไม่ได้ จัดการก็ไม่ได้ด้วย “อามิตตาพุทธ!”เดิมทีหยวนชิงหลิงคิดจะหยอกเขาเล่นเท่านั้น เห็นว่าเขาเป็นแบบนี้ช่างน่าขันเสียจริง ๆ ริมฝีปากก็ขยับขึ้น ๆ ลง ๆ“อามิตตาพุทธ!” คำพูดที่ฟังดูไม่ชัดที่หลุดลอดออกมาจากริมฝีปากของเขา สายตาของเขาล้ำลึกขึ้นอย่างกะทันหัน มือที่ค่อย ๆ กอดแผ่นหลังของนางเอาไว้หลังความพยายามหนึ่งถ้วยชาผ่านไป หยวนชิงหลิงยิ้มและนอนลงพูดอย่างเคร่งขรึม “อย่าแตะต้องข้านะ ระหว่ากลางของพวกเรามีเส้นแบ่งเขตแดนอยู่ อามิตตาพุทธ”อวี่เหวินห่าวพูดไปบ่นไปและลุกขึ้นมา หยิบเสื้อผ้าสองชิ้นขึ้นแล้วสวมรองเท้าเตะเท้าตึงตังออกไป“นายท่านจะไปอาบน้ำเย็นอีกแล้วหรือ?” ซูยี่ที่เฝ้ายามอยู่ด้านนอกตอนกลางคืนแบบนี้จนถึงช่วงห้าทุ่มจึงจะกลับไปพักผ่อนได้ ดังนั้นจึงชินกับสถานการณ์นี้“ยุ่ง!” อวี่เหวินห่าวเดินจากไปโดยไม่หันกลับมามองเลยด้วยซ้ำซูยี่ยักไหล่ “หาคนมาปรนิบัติรับใช้ให้ท่านส
อวี่เหวินห่าวโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ แต่ได้ยินน้องสะใภ้ที่พูดอย่างโกรธเกรี้ยวเช่นนี้ นางคงไม่ใช่คนสอนแน่เสียงตะโกนดังโวกเวกเสียขนาดนี้ ย่อมทำให้หยวนชิงหลิงตื่นเป็นธรรมดานางข้าหลวงสี่ประคองนางออกมา นางสวมเสื้อคลุมยาวลากพื้น เพราะเดินไปอย่างรีบร้อน ก้าวประคองกันไปจนร่างดูโดดเด่นคล้ายนกเพนกวินยังไงอย่างงั้น“เกิดอะไรขึ้น?” นางก้าวไปข้างหน้า มองเสี่ยวหลานและหันไปมองใบหน้าโกรธเกรี้ยวของอวี่เหวินห่าว หยวนชิงผิงพูดเรียกร้องความเป็นธรรม “พี่ใหญ่ ไม่คิดเลยว่าท่านอ๋องจะทำเสี่ยวหลาน… เขาทำแบบนั้นได้ยังไง?”อวี่เหวินห่าวที่โกรธจนไม่รู้จะโกรธยังไงแล้วพูดอย่างโกรธแค้นว่า “ข้าอยู่ที่สระผี จู่ ๆ นางก็เข้ามากอดข้าจากด้านหลัง ข้าแค่ลากนางออกมาเท่านั้น”หยวนชิงผิงตกใจมาก “พูดเหลวไหล...”แต่ว่านางหยุดคำที่จะพูดออกมาทันที และหันไปมองเสี่ยวหลาน “เจ้าบอกว่าเจ้าออกไปเดินเล่น ไปเดินเล่นที่ไหน?”แต่ว่า ไม่นะ นางเชื่อใจเสี่ยวหลาน นางออกจะใสซื่อปานนั้นแท้ ๆเสี่ยวหลานที่คุกเข่าอยู่ตรงนั้นพักหนึ่ง ร้องไห้ฟูมฟายออกมา ร้องไห้ออกมาอย่างโศกเศร้า และสิ้นหวัง ไม่มีคำแก้ตัวอธิบายใด ๆ ในตอนนั้นหยวนชิงผิงไม่รู้ข้อเ
“สี่กูกู ท่านเห็นว่าในจวนอ๋องของเรายังมีใครบ้างที่ไม่แต่งงาน ให้เสี่ยวหลานไปแต่งกับเขาเถอะ” หยวนชิงหลิงกล่าว“คนต้อนรับของเรา อาถู่ยังไม่ได้แต่งงานเพคะ” นางข้าหลวงสี่กล่าว“ได้ งั้นจวนอ๋องจะออกเงินช่วยจัดงานแต่งงานให้พวกเขา” หยวนชิงหลิงกล่าวเสี่ยวหลานตกใจจนหน้าซีดเผือดและร้องไห้ขึ้นมา “พี่หลิง ท่านต้องการบังคับให้ข้าตายหรือ!”หยวนชิงผิงก็โกรธจนส่ายหน้าหยวนชิงหลิงโน้มลงมาพูดกับนางว่า “บังคับให้เจ้าตาย? เจ้าเป็นคนพูดเองว่ายอมตกลงเป็นทาสในจวนอ๋อง ทำไมรึ? ไม่ได้พูดจริง ๆ สินะ?”เสี่ยวหลานตกใจจนหยุดร้องไห้ และคุกเข่าก้มหัวหมอบกับพื้น “พี่หลิง ข้าผิดไปแล้ว ได้โปรดยกโทษให้ข้าด้วย”หยวนชิงหลิงถามออกมาอย่างเย็นชา “ผิดอันใดกัน?”เสี่ยวหลานร้องไห้และกล่าวว่า “มีคนสอนให้ข้าทำเช่นนี้ คน ๆ นั้นบอกว่า เพียงแค่ท่านอ๋องแตะต้องข้า เขาก็จะให้ข้าเป็นพระชายารอง นางบอกว่าพี่หลิง ท่านเองก็ทำเช่นนี้จนได้เป็นพระชายาฉู่”หยวนชิงผิงแทบไม่อยากเชื่อหูตัวเองเลยสักนิดจนใบหน้าของนางซีดขาว “เสี่ยวหลาน เจ้าพูดเหลวไหลอะไร?”เสี่ยวหลานเงยหน้าขึ้นมองหยวนชิงผิงด้วยใบหน้าที่นองน้ำตา “พี่ผิง ท่านยกโทษให้ข้าด้วย ข