แชร์

บทที่ 358

ผู้แต่ง: จูน
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-10-29 19:42:56
เมื่อรถม้ากลับมาถึงจวนอ๋อง หยวนชิงหลิงก็อ้วกออกมาจนไม่มีเรี่ยวแรงแล้ว

อวี่เหวินห่าวรีบอุ้มนางเข้าไปในจวนราวกับก้อนสำลีเบานุ่ม กู้ซีตามเข้ามาอย่างท้อใจ ใครจะไปคิดว่าเห็นปกติพระชายาฉู่สง่างามน่าเกรงขาม แต่ไม่คิดว่านางจะอ่อนแอถึงเพียงนี้ ถ้านางอารมณ์ไม่ดีโกรธขึ้นมาจริง ๆ ชาตินี้เขาก็ไม่ต้องคิดแต่งงานกับหยวนชิงผิงแล้ว

ท่านหมอมาแล้ว

อวี่เหวินห่าวลูบใบหน้านาง และกล่าวอย่างวิกตกกังวลว่า “ไม่เป็นไร ให้หมอตรวจชีพจรสักประเดี๋ยว”

หยวนชิงหลิงอาเจียนจนอึดอัดทรมานไปหมด จะโกรธเขาลงได้ที่ไหน? เห็นใบหน้าบวมช้ำของเขาก็รู้สึกปวดใจเช่นกัน “ท่านไปเปลี่ยนเสื้อผ้า ล้างหน้าทำให้กลิ่นเหล้าหายไปที กลิ่นเหล้าของท่านมันทําให้ข้ารู้สึกอึดอัดมาก”

อวี่เหวินห่าวรีบถอยออกไปหลายก้าว “ข้าไม่ทำให้เจ้าเหม็น รอท่านหมอตรวจเจ้าแล้ว ข้าจะไปเปลี่ยนเสื้อผ้า”

“ออกไปข้างนอกเลย!” หยวนชิงหลิงลึงตามองเขา

เมื่อยืนอยู่ในตําแหน่งนั้น ลมพัดมาพอดี กลิ่นเหล้าก็โชยมาตามลมนาง นางรู้สึกคลื่นไส้อาเจียน และอยากจะอาเจียนอีกครั้ง

อวี่เหวินห่าวทำได้แค่ถอยออกไป กู้ซีที่ยืนอยู่ด้านข้าง ทั้งคู่มองตากัน อวี่เหวินห่าวสบถออกมา “ถ้านางเป็น
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อเรื่องนี้บน Application

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 359

    ท่านหมอวินิจฉัยซ้ำครั้งแล้วครั้งเล่า เขาพยักหน้าให้นางข้าหลวงสี่ “เป็นไปได้แปดถึงเก้าส่วน”ริมฝีปากของนางข้าหลวงสี่สั่นไปหมดแล้ว นางยืดคอขึ้นและกล่าวว่า “ซูยี่ เจ้ารีบนำตราของท่านอ๋องเข้าวังหลวง เชิญหมอหลวงเฉามาที่นี่”“ได้ขอรับ!” ซูยี่ได้รับคําสั่งก็รีบพุ่งออกไปทันทีอวี่เหวินห่าวใบหน้าซีดเผือด อยากจะเข้ามาก็กลัวว่ากลิ่นเหล้าของตัวเองจะทำให้หยวนชิงหลิงเหม็น จึงเรียกทักให้นางข้าหลวงสี่ออกมา “กูกู นางเป็นยังไงบ้าง? ร้ายแรงไหม?”นางข้าหลวงสี่กล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง “บางทีอาจจะร้ายแรงมาก รอหมอหลวงมาก่อน ท่านอ๋องรีบไปเปลี่ยนเสื้อก่อนเถิด กลับมาอาจไม่มีคนอยู่ข้างพระชายา”อวี่เหวินห่าวตกใจกลัวจนหัวใจแทบแหลกสลายเป็นเสี่ยง ๆ เขาแทบคุมสติไม่ได้ หันกลับไปมองหยวนชิงหลิงแล้วรีบวิ่งออกไปอาบน้ำชำระร่างกายถังหยางก็ถูกขุดขึ้นมาด้วย เขาเพียงแค่รู้ว่าพระชายาป่วย ไม่รู้ว่าป่วยอะไร เมื่อเห็นว่าทุกคนราวกับกําลังเผชิญหน้ากับศัตรูตัวฉกาจ เขาก็ตื่นตระหนกเล็กน้อยท่านหมอยังไม่กล้าพูด การวินิจฉัยว่าตั้งครรภ์มันไม่ยาก เพียงแต่ไม่สามารถผิดพลาดได้นอกจากนี้เรื่องที่พระชายาชินอ๋องตั้งครรภ์ทางที่ดีควรให้หมอห

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 360

    หยวนชิงหลิงกินไปได้ไม่กี่คำ ก็ทนกลิ่นคาวของหอยเชลล์แห้งในโจ๊กไม่ไหว นางท้องไส้ปั่นป่วนรู้สึกคลื่นไส้ นางโบกมือด้วยใบหน้าซีดเซียวและนอนลง “ไม่กินแล้ว กินแล้วก็อาเจียนออกมาอีก”อวี่เหวินห่าวปวดใจเหลือเกินและถามหมออย่างโกรธเคือง “นางป่วยเป็นอะไรกันแน่ท่านก็ไม่วินิจฉัยออกมา ทำไมนางกินอะไรก็อาเจียนออกมาแบบนี้? ยังไม่คิดหาทางอีก?”ท่านหมอที่ตื่นตระหนกไปแล้วได้กล่าวว่า “ไว้ให้หมอหลวงมาถึง แล้วค่อยเขียนใบสั่งยา ข้าน้อยไม่กล้าเขียนใบสั่งยาขึ้นมามั่วซั่วพ่ะย่ะค่ะ”อวี่เหวินห่าวที่ได้ยินดังนั้น ก็วิตกกังวลซะจนตาของเขาดุดันมาก “เกิดอะไรขึ้นกันแน่?”ท่านหมอพูดอ้ำ ๆ อึ้ง ๆ และหยุดไปนางข้าหลวงสี่กล่าวว่า “ท่านหมอ ท่านกลับไปก่อน ปิดปากให้สนิทอย่าให้เรื่องแพร่งพรายออกไป”ท่านหมอกล่าว “งั้นข้าน้อยขอตัวก่อน”นางข้าหลวงเฉียนพาเขาไปที่ห้องบัญชีเพื่อจ่ายค่ารักษาและส่งเขากลับไปนางข้าหลวงเฉียนกลับเข้ามาถึงประตูเรียกนางข้าหลวงสี่ออกไปทั้งคู่เดินไปที่ระเบียงทางเดิน นางข้าหลวงเฉียนได้กล่าวว่า “ท่านหมอวินิจฉัย อาจจะมีการเข้าใจผิด เรื่องนี้อย่าพึ่งบอกกับท่านอ๋องก่อน รอให้หมอหลวงมาวินิจฉัยแล้วค่อยพูดเถอ

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 361

    อวี่เหวินห่าวกระสับกระส่ายไปมาอย่างกังวล แต่ทำได้เพียงมองดูเขาผูกด้ายสีแดงอย่างช่วยไม่ได้ นิ้วของเขากดเบา ๆ ลงกับด้ายสีแดงหลังจากที่นิ้วของหมอหลวงเฉาถูกกดลงไปสักพัก คิ้วของเขาก็ขมวดเข้าหากัน และมองไปที่หยวนชิงหลิงอย่างกะทันหัน“มีอะไรงั้นหรือ?” อวี่เหวินห่าวถามหมอหลวงเฉาเสนอ "ขอท่านอ๋องได้โปรดถอดด้ายสีแดงเพื่อตรวจชีพจร!"อวี่เหวินห่าวกลอกตาด้วยความโกรธและตะโกนใส่หูของเขา "เมื่อสักครู่ข้าเป็นคนขอให้ท่านตรวจชีพจรเอง"หมอหลวงเฉากล่าวว่า "นี่คือกฎ"หยวนชิงหลิงยื่นมือของนางออกและมองไปที่ หมองหลวงเฉา "ท่านบอกข้ามาตามตรงว่าเป็นโรคอะไร"นางเพิ่งมองดูกล่องยาขณะที่กำลังอาบน้ำอยู่ สังเกตเห็นว่าในกล่องยาไม่มียาใหม่ ๆ มีแต่ยาฉีด และยาเม็ดแคลเซียมโฟลิกดังนั้นนางคิดว่าปัญหาของนางไม่ใช่เรื่องใหญ่หมองหลวงเฉาหลับตา เปลี่ยนมือซ้ายไปทางขวา และเปลี่ยนมือขวาเพื่อดูมือซ้ายอีกครั้งอวี่เหวินห่าวมีความกังวลมาก ความรู้สึกตอนนี้คือ อยากจะโยนหมอหลวงเฉาออกไป และอยากไปเรียนวิชาแพทย์ เพื่อจะได้ตรวจอาการเสียเองสักครู่หมอหลวงเฉา ก็ลืมตาขึ้นและถามว่า "พระชายา ประจำเดือนไม่มานานแค่ไหน?"หยวนชิงหลิงยิ้มพ

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 362

    มือของหมอหลวง ยื่นออกมาอย่างแผ่วเบาราวกับปุ้ยฝ้าย หยวนชิงหลิงก็โกรธเล็กน้อย "ไม่รักษาแล้ว ทุกคนออกไปให้หมด ข้าอยากอยู่เงียบ ๆ คนเดียว”"เหล่าหยวน…"“หุบปาก อย่าเรียกข้าเหล่าหยวน ท่านก็ออกไปด้วย ไม่แน่คืนนี้ท่านอาจจะเล่นการพนันและชกต่อยกันจนทำให้ข้าโกรธอีก" หยวนชิงหลิงกล่าวอย่างโกรธเคืองดวงตาของหมอหลวงเบิกกว้างเมื่อได้ยินเสียง "ติ๊ง" เขายื่นมือที่สั่นเทาออกแล้วพูดว่า "ต้องใช่แน่เลย ผู้ที่ตั้งครรภ์ครั้งแรกมักมีอารมณ์แปรปรวนกะทันหันและใจร้อน นี่เป็นสัญญาณของการตั้งครรภ์ครั้งแรก ท่านอ๋องต้องระวังอย่าให้พระชายาเกิดความโกรธอีกครั้งนะ พ่ะย่ะค่ะ"อวี่เหวินห่าวมองไปที่หยวนชิงหลิงด้วยความประหลาดใจ เขาพยายามที่จะก้าวไปข้างหน้า แต่หยวนชิงหลิงกลับโกรธเคืองราวกับวิญญาณร้ายที่น่ากลัว เขาไม่กล้าที่จะยั่วยุนาง เพราะกลัวว่าจะทำให้นางโกรธอีกครั้ง“ถ้าเช่นนั้น...ข้าจะออกไปข้างนอกก่อน ถ้าเจ้ามีอะไรเรียกข้าได้" เขาพูดเบา ๆ ว่า “เจ้าอย่าโกรธเด็ดขาดเลยนะ ห้ามโกรธ เพราะจะมีผลกระทบกับลูกของเราหยวนชิวหลิงเกาศีรษะด้วยมือทั้งสองข้าง ตัวสั่นด้วยความโกรธ “ออกไป!”อวี่เหวินห่าวคว้ามือหมอหลวงข้างหนึ่ง แล้ววิ่

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 363

    เห็นไม้ทดสอบการตั้งครรภ์จากเส้นสีแดงหนึ่งเส้นมีการเปลี่ยนแปลงเป็นสองเส้น และเส้นที่สองก็ปรากฏขึ้นอย่างรวดเร็ว สะดุดตามาก ช่างเป็นสีแดงที่น่าสะอิดสะเอียนหยวนชิงหลิงปีนขึ้นไปบนเตียงด้วยหัวใจที่เต้นแรง ไม่รู้ว่าสมองมันว่างเปล่าหรือยุ่งเหยิงกันแน่ กล่าวได้ว่าไม่มีคำอธิบายที่ชัดเจนนางพยายามสงบสติอารมณ์ให้ผ่อนคลาย และรีบจัดการให้เรียบร้อยนางตั้งครรภ์หลังจากรับประทานยาจื่อจินทังได้ไม่นาน แต่ไม่รู้ว่าตั้งครรภ์นานเท่าใดแล้ว? และตอนนี้นางมีความคิดที่จะทำแท้ง กล่าวคือไม่อาจจะเก็บลูกไว้ได้ เพราะเหตุนี้เรื่องนี้จึงอาจเกี่ยวข้องกับยาต้มจื่อจินดังนั้นยาป้องกันทารกในครรภ์ในกล่องยานี้จึงถูกเตรียมไว้สำหรับนางอย่างไรก็ตาม นางยังรู้ดีว่าถ้าจะทำแท้ง นางจะต้องออกไปกระโดดโลดเต้นเพียงสองวัน รับรองว่าเด็กหลุดออกมาแน่แต่นางมีเหตุผลอะไรถึงต้องทำแท้ง? นางจะต้องหาเหตุผลที่สมเหตุสมผลสมองของนางคิดอย่างรวดเร็ว ใช่ ยาต้มจื่อจิน คนที่กินยาต้มจื่อจินไม่ควรตั้งครรภ์ เพราะเด็กอาจเกิดมาอวัยวะพิการและพิการได้นอกจากนั้น ก่อนหน้านี้นางยังเคยได้รับบาดเจ็บมาก่อน และหลังจากกินยามามาก ยาเหล่านี้จะส่งผลกระทบอย่างมา

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 364

    หมอหลวงไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าท่านอ๋องจะโกรธอะไรขนาดนั้น? ไม่เข้าใจวิธีนับหรืออย่างไร?เริ่มนับเดือนสิบตั้งครรภ์ นับเดือนแล้ว ไม่ใช่สิบเอ็ดเดือนหรอกหรือ? ตามหลักแล้วมันต้องใช้เวลาสิบสองเดือน แต่ดูจากหน้าตาของเขามันลดลงหนึ่งเดือนตามความเหมาะสมถังหยางรู้ดังนั้น เขาจึงเร่งหมอหลวงว่า "ท่านพูดต่อไป"หมอหลวงเหลือบมองถังหยางและกล่าวต่อ “ประการที่สอง มันสำคัญมากเช่นกัน พระชายาไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ชั่วคราว นางต้องนอนพักผ่อน และยังต้องรับใบสั่งยาจากข้าเพื่อป้องกันทารกในครรภ์""ได้ ข้าจำได้" ถังหยางตอบรับประการที่สาม ... " หมอหลวงเฉายืนขึ้นอย่างเคร่งขรึม เหลือบมองไปรอบ ๆ ผู้คนในห้องและกระซิบว่า "นี่เป็นสิ่งสำคัญมากเช่นกัน ต้องจำไว้ว่าอาหารทั้งหมดของพระชายาต้องได้รับการดูแลจากคนที่ไว้ใจได้ นำเครื่องหอมทั้งหมดในห้องออก และไม่จำเป็นต้องใส่เครื่องหอมสำหรับเสื้อผ้า สำหรับของที่ใครให้มาก็ต้องตรวจซ้ำแล้วซ้ำเล่า แม้กระทั่งของกำนัลจากในวัง เพราะตลอดทางที่ออกนอกวังไป อาจไม่สามารถจับตาดูพวกมันได้ทันเวลา และต้องตรวจสอบให้ดีด้วย ยกเว้นอาหารในวัง พระชายาต้องไม่กินอาหารที่ส่งมาจากผู้ใด จำไว้ให้ดีการแสดงอ

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 365

    ผู้คนยิ่งมาก ก็ยิ่งกระจายข่าวไปมาก สมควรจะต้องป้องกันไว้ก่อน"น้อมรับคำสั่ง!" ซูยี่กล่าวตอบถังหยางมองมาที่เขาและพูดว่า “คราวนี้เจ้าต้องระวังให้มาก อย่าทำผิดพลาดอีกนะรู้หรือไม่?”“ข้ารู้ ใต้เท้าทังโปรดวางใจ ซูยี่จะช่วยนายน้อยด้วยชีวิตของข้าอย่างแน่นอน” ความรู้สึกของซูยี่คือการได้รับภารกิจที่มีความสำคัญในการปกป้องนายน้อย แค่คิดว่าพระชายากำลังจะมีพระโอรส เลือดของเขาก็สูบฉีดพุ่งสูงขึ้นทันทีความตื่นเต้นมีมากกว่าที่เมียตัวเองจะคลอดลูกทั้ง ๆ ที่ยังไม่มีเมียหมอหลวงรีบพาผู้คนออกไป เพื่อให้พระชายาได้พักผ่อนในที่สุดก็กำจัดคนทั้งหมดในห้องออกไป อวี่เหวินห่าวนอนข้างหยวนชิงหลิง จับนางอย่างระมัดระวังเขาค่อย ๆ กางมือของเขาจากด้านข้างของนางไปที่หน้าท้องส่วนล่างของนาง และกระซิบว่า “ลำบากเจ้าแล้ว”หยวนชิงหลิงมองมาที่ด้านข้างของเขา ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว แต่ก็ไม่เคยเห็นเขาความเลื่อมใสในตัวเขามาก่อนนางเอื้อมมือไปสัมผัสที่มุมดวงตาที่บวมของเขา ดวงตาของนางเปียกโชก และนางถามด้วยเสียงแหบแห้งว่า “ท่านมีความสุขหรือไม่?”“ไม่เพียงแต่มีความสุข แต่ยังมั่นใจอีกด้วย” อวี่เหวินห่าวจับมือ

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 366

    หยวนชิงหลิงหัวเราะอย่างไม่สบอารมณ์ นึกถึงเรื่องที่กำลังจะเกิดขึ้น "จริงสิ พรุ่งนี้ท่านต้องเข้าวังเพื่อไปรายงานใช่หรือไม่?" "ถูกต้อง ข้าจะเข้าวังเพื่อไปรายงาน" อวี่เหวินห่าวตอบ"ไม่ใช่ว่ายังไม่ถึงสามเดือน ไม่จำเป็นต้องรายงานหรอกหรือ?"อวี่เหวินห่าวกล่าวว่า "คืนนี้คงถูกประโคมเป็นข่าวใหญ่ แม้ว่าทั้งหมดจะเป็นคนกันเองก็ตาม แต่หมอได้รับเชิญในกลางดึก ต้องเป็นที่ถูกสังเกต เชื่อหรือไม่ พรุ่งนี้จะต้องมีคนมาสอบถามหมอ?" ในเมื่อเราไม่สามารถปิดบังได้ ทำไมเราไม่ประกาศเปิดเผยต่อสาธารณะเองเลย?"“เรากำลังถูกจ้องมองอยู่หรือไม่?” หยวนชิงหลิงรู้สึกอึดอัดอวี่เหวินห่าวกอดนางอย่างระมัดระวัง หลีกเลี่ยงหน้าท้องส่วนล่างเพื่อไม่ให้ถูกกดทับ "ในอดีตข้าเคยเป็นท่านอ๋องที่ไม่ได้เรื่อง บางคนคิดว่าข้าขวางหูขวางตา เลยคิดจะฆ่าข้า ไม่ต้องพูดถึงว่าตอนนี้ข้าได้ครอบครองตำแหน่งในจวนจิงจ้าว และเจ้ายังรักษาเจ้าหกให้หายจากโรคร้ายได้ ยิ่งทำให้ไท่ซ่างหวงเห็นคุณค่า เราสองสามีภรรยาเป็นเพียงหนามในดวงตา และเล็บในเนื้อหนังของใครบางคน"หลังจากได้ยินสิ่งนี้ หยวนชิงหลิงมองเขาอย่างจริงจัง “ถ้าอย่างนั้นถ้าลูกของเราเกิดมา ก็จะไม่ปลอดภ

บทล่าสุด

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1015

    ซูยี่อยู่ในห้องของสุนัขป่าเช่นกัน เมื่อเห็นอวี่เหวินห่าวและหยวนชิงหลิงเข้ามา เขาพูดอย่างกังวล "องค์รัชทายาท พระชายา นายน้อยสุนัขป่าไม่กินอะไรเลย หาหมอหลวงดีไหมพ่ะย่ะค่ะ?"อวี่เหวินห่าวหัวเราะ "เขารักษาอาการป่วยของสุนัขป่าไม่ได้ จะพาเขาไปทำไม?"เขาดูสุนัขป่าน้อยสามตัวนอนอยู่บนเตียงเล็ก ร่างเล็ก ๆ ของพวกมันเบียดเสียดกัน ดูเซื่องซึม บางทีอาจเป็นเพราะพวกมันไม่ได้กินอะไรจึงดูอ่อนแอและซูบผอมเป็นพิเศษ อวี่เหวินห่าวพูดด้วยความประหลาดใจว่า "ผอมลงมากขนาดนี้เลยรึ? สุนัขป่าคงหิวมากแน่ ๆ""สุนัขป่าที่โตเต็มวัย เวลาหิวนั้นกินอาหารหนึ่งมื้อสามารถอยู่ได้นานถึงครึ่งเดือน ตอนนี้พวกมันยังเด็กและต้องกินเนื้อ" ซูยี่เลี้ยงสุนัขป่า และได้ศึกษาการเลี้ยงมามากมายอวี่เหวินห่าวหยิบหนึ่งในนั้นขึ้นมา เห็นสุนัขป่าหิมะตัวน้อยนอนนิ่งอยู่ในมือของเขาเหมือนก้อนสำลีเบาหวิวไม่มีน้ำหนัก "ตัวนี้ของใครกัน?""ของเสี่ยวลั่วหมี่" หยวนชิงหลิงกล่าว "ตัวเล็กที่สุดคือของเสี่ยวลั่วหมี่ ท่านดูสิแยกออกได้เลยเห็นไหม ของ เปาจื่อปากจะแหลมมาก ของทังหยวนก็หน้ากลมกว่า มันแปลกที่จะบอกว่าสุนัขป่าพวกนี้ ทั้งลักษณะนิสัยหรือรูปร่างหน้าตา พว

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1014

    อวี่เหวินห่าวไม่ได้อธิบายอะไรแทนจิ้งถิง เขาแค่พูดว่า "เขาจะอยู่ในจวนสักพัก ดังนั้นเจ้าควรเปิดตาของเจ้าดูสิว่าเขาจริงใจหรือเสเเสร้ง เจ้าฉลาดมากขนาดนี้ ย่อมต้องดูออกอยู่แล้ว”หยวนชิงหลิงได้ยินถึงความไม่พอใจในน้ำเสียงของเขา ดูเหมือนว่าเขาใส่ใจมิตรภาพนี้จริง ๆหยวนชิงหลิงลองคิดดูแล้ว หลังจากใช้เวลาร่วมกับจวิ้นจู่มาสองสามวัน จวิ้นจู่ก็เป็นคนตรงไปตรงมาและเปิดเผย ดังนั้นนางคงไม่หาสามีที่มีจิตใจล้ำลึกซับซ้อนหรอกนางจึงขอโทษเขา "ข้าคิดมากไป ในอนาคตข้าจะไม่พูดอะไรแบบนี้อีก"อวี่เหวินห่าวเอื้อมมือไปเชยคางนาง และมองหน้านาง "เหล่าหยวน ข้าเองก็เห็นว่านิสัยของเจ้าช่างเถรตรงจริง ๆ แม้ว่าบางครั้งเจ้าจะดุร้าย เผด็จการ และไม่มีเหตุผล แต่ถ้าเจ้าทำอะไรผิด เจ้าจะต้องขอโทษอย่างแน่นอน เกรงว่าแม้จะเป็นคนรับใช้ก็ยังกล่าวคำขอโทษได้ เจ้านี่นิสัยดี ใช้ได้จริง ๆ"“ข้าเป็นคนไร้เหตุผลตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?” หยวนชิงหลิงหัวเราะ “ท่านจะชมข้าก็ชมสิ ทำไมต้องดุกันก่อน”อวี่เหวินห่าวหัวเราะ "รางวัลและบทลงโทษต้องแยกให้ออกจากกันอย่างชัดเจน หากเจ้าทำสิ่งที่ถูกต้อง เจ้าควรได้รับคำชมเชย หากเจ้าทำอะไรผิด ก็ต้องบอกกล่าวตักเตือ

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1013

    เขากลับมาที่จวนอย่างไม่สบอารมณ์ หยวนชิงหลิงเห็นว่าเขาขมวดคิ้ว นางรู้ว่าเป็นเพราะเรื่องลงนามพันธมิตรอีกเป็นแน่ ดังนั้นนางจึงปลอบเขาอวี่เหวินห่าวพูดด้วยความโกรธ "เสด็จพ่อจงใจทำให้ข้าลำบาก จูกั๋วกงเห็นด้วยหรือไม่นั้นเป็นเรื่องสำคัญขนาดนั้นเลยรึอย่างไร?"หยวนชิงหลิงหัวเราะ "ท่านอยู่ในเกมและกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้มากเกินไป จึงไม่เข้าใจความหมายของเสด็จพ่อ เสด็จพ่อต้องการให้ท่านเอาแรงสนับสนุนจากจูกั๋วกงมาให้ได้ ไม่ใช่แค่แรงสนับสนุนเรื่องนี้เท่านั้น แต่มันจะเป็นแรงสนับสนุนงานในอนาคตทั้งหมดของท่าน เพราะตอนนี้เขาเป็นคนที่สามารถปราบปรามตี้เว่ยหมิงอย่างออกหน้าได้ นั้นก็คือตัวเขาที่เป็นพ่อตา”อวี่เหวินห่าวตกตะลึงไปครู่หนึ่ง "เจ้าหมายความว่า เสด็จพ่อก็มองตี้เว่ยหมิงออกด้วยหรือ?"หยวนชิงหลิงยืนพิงเขา "เสด็จพ่อย่อมต้องรู้มากกว่าท่านอยู่แล้ว เหมือนที่ท่านเคยพูดไว้ก่อนหน้านี้ว่าพระองค์ลำเอียงเข้าข้างพี่ใหญ่เสมอ จริง ๆ แล้วพระองค์ทรงรู้อยู่แก่ใจ พระองค์แค่ให้โอกาสพี่ใหญ่เสมอ แต่เมื่อเจอโอกาสที่เหมาะสม ก็ควรจัดการไม่ใช่หรอกหรือ? ความคิดของพระองค์ชัดเจนอยู่แล้ว ดังนั้นจงทำตามที่พระองค์ต้องการเถอะ จัดก

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1012

    พระชายาจี้พูดจบก็กลับไปนั่งลงบนเก้าอี้เก้าอี้ที่นางนั่งนั้นใหญ่มาก แต่นางผอมมากเนื่องจากป่วยมาเป็นเวลานาน เก้าอี้นั้นยังมีพื้นที่เหลืออีกมาก ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนนั้นนั่งบนเก้าอี้กว้างตัวใหญ่ประจัญหน้ากับพวกขุนนางกว่าสิบคนที่อยู่ตรงนั้นแม่ทัพซุยไม่กล้าพูดอะไรอีกต่อไป ความโกรธบนใบหน้าของเขาก็ค่อย ๆ แปรเปลี่ยนเป็นความหวาดกลัวคนที่เหลือก็เงียบและก้มหน้าเช่นกันพระชายาจี้รออยู่สักพัก ก่อนที่จะกล่าวอย่างใจเย็นว่า "องค์รัชทายาทคือผู้กำหนดชะตา ถ้าเจ้าปฏิบัติตามให้ดี เจ้าจะมีชีวิตอยู่อย่างมั่งคั่งและมั่งคั่งในภายภาคหน้า วันนี้ข้าพูดได้เพียงเท่านี้ ทุกคนไปเถอะ รักษาตัวด้วย"หลังจากพูดจบ นางก็ยืนขึ้น และเดินออกไปโดยเอามือไพล่หลัง แผ่นหลังบาง ๆ ของนางตั้งตรงดูยิ่งใหญ่ราวกับว่าสามารถแบกท้องฟ้าได้ครึ่งหนึ่งแรงสนับสนุนของอวี่เหวินห่าวสูงขึ้นเรื่อย ๆอย่างไรก็ตาม มีคน ๆ ​​หนึ่งที่มีความคิดเห็นเป็นปฏิปักษ์อยู่เสมอ ถึงกับตำหนิเขาตรง ๆ ต่อหน้าท้องพระโรงทำให้บรรยากาศของวันนั้นแย่เป็นอย่างยิ่ง แม้แต่จักรพรรดิหมิงหยวนก็ยังกริ้วจนหน้าดำจูกั๋วกงคนนี้คือ จูหรูเพ่ย เป็นพ่อตาของตี้เว่ยหมิงเมื่อก่อน

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1011

    มีแม่ทัพแซ่ซุยอยู่ที่นี่ ซึ่งเคยอยู่กับตี้เว่ยหมิงมาก่อน และตี้เว่ยหมิงได้ติดต่อเขาแล้ว เมื่อได้ยินสิ่งที่พระชายาจี้พูด เขาพูดอย่างเฉยเมยว่า "ข้อเสนอขององค์รัชทายาทที่จะจัดตั้งพันธมิตรกับต้าโจว ไม่ต่างอะไรไปกว่าการกระทำของคนขี้ขลาด คิดว่าด้วยการสนับสนุนของต้าโจว เป่ยถังของเราจะสามารถดำรงอยู่ได้อย่างสงบสุขรึ และเช่นกันด้วยวิธีนี้ เป่ยถังของเราจะต้องมองสีหน้าท่าทีของต้าโจวในทุก ๆ เรื่องงั้นหรือ? นี่คิดว่ามันคงไม่เหมาะกระมั่ง”พระชายาจี้มองเขา น้ำเสียงของนางเย็นชาเล็กน้อย “แม่ทัพซุย แม้ว่าข้าจะเป็นผู้หญิง แต่ข้าก็รู้ด้วยว่าสิ่งที่องค์รัชทายาทเสนอเป็นพันธมิตร มิใช่การยอมจำนน ทำไมเจ้าต้องสังเกตสีหน้าท่าทางต้าโจวทุกอย่างด้วย?”แม่ทัพซุยพูดอย่างแข็งกร้าว "พระชายาคงไม่เข้าใจสินะ? เมื่อพันธมิตรถูกจัดตั้งขึ้น ก็จะมีข้อจำกัดซึ่งกันและกัน ข้อจำกัดทางทหารไม่ใช่เรื่องที่ดี"พระชายาจี้ถึงกับขำ แววตาของนางดูเย็นชาขึ้นมา "จริงหรือ? แล้วทำไมข้าถึงได้ยินว่าสนธิสัญญานี้หมายถึงการไม่รุกรานกัน? หรือว่าแม่ทัพซุยมีความคิดที่จะรุกรานแคว้นอื่น"แม่ทัพซุยตกตะลึง "นี่...ข้าย่อมไม่มีอยู่แล้ว"“ในเมื่อไม่มี เจ

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1010

    หยวนชิงหลิงไม่สบายใจ อย่างไรก็ตาม เสี่ยวลั่วหมี่ยังมีไข้อยู่นางยิ้มและพูดว่า "เสด็จย่า พวกเขาอาจจะงอแง เกรงว่าจะทำให้พระองค์ทรงเหนื่อยได้เพคะ"ไทเฮาทรงมีสีพระพักตร์นิ่งเฉย และตรัสอย่างไม่พอใจว่า “เกรงว่าคนแก่อย่างข้าจะอ่อนล้า หรือไม่วางใจให้ข้าดูแลพวกเขากัน? กลัวว่าพวกเขาอยู่กับข้าแล้วจะดูแลไม่ดี ไม่มีนมให้กินอย่างนั้นรึ” หยวนชิงหลิงยิ้มและพูดว่า "ดูพระองค์พูดสิเพคะ พระองค์จะปฏิบัติต่อพวกเขาอย่างเลวร้ายได้อย่างไร? พระองค์ออกจะรักเหมือนเป็นหัวแก้วหัวแหวน... "“บุ้ย ๆ ๆ หัวแก้วหัวแหวนอะไรกัน ไม่ใช่ลูกสาวสักหน่อย แต่เป็นทองคำต่างหาก ทองคำของข้า” ไทเฮาทรงตรัสแปลก ๆ ขณะอุ้มเสี่ยวลั่วหมี่ไว้นางเงยหน้าขึ้นและมองไปที่หยวนชิงหลิงและพูดอย่างเย็นชาว่า "อย่าพูดไร้สาระ แค่อยู่ในวังสักสองสามวัน ไว้หายดีแล้วค่อยให้เจ้ามารับไป หากยังกังวลใจ ให้ไปหาไท่ซ่างหวงให้รับรองให้เจ้าเถอะ”หยวนชิงหลิงได้ยินว่านางถึงกับยกไท่ซ่างหวงออกมาแบบนี้ นางจะกล้าปฏิเสธได้อย่างไร นางจึงจำใจต้องส่งลูกที่เพิ่งครบเดือนให้ห่างอกนางเท่านั้นอย่างไรก็ตาม เมื่อนึกถึงเรื่องการจัดตั้งโรงเรียนแพทย์ ทุกวันนี้นางก็แทบไม่มีเวลา

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1009

    ในเมื่อเสด็จพ่อเห็นด้วย จะให้เขามาหารือกับเหล่าขุนนางเพื่อเรียกแรงสนับสนุน แล้วทำไมเขาต้องไปหาเสียงเห็นชอบด้วยจักรพรรดิหมิงหยวนมองเขาอย่างแฝงความนัย เขายังเด็กเกินไปจริง ๆ "ไปซะ"อวี่เหวินห่าวออกไปคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ และทันใดนั้นก็ตระหนักได้ว่า มันยังเป็นความเคลื่อนไหวอันเฉียบแหลมของเสด็จพ่อ ที่ไม่ได้แสดงจุดยืนของพระองค์ออกมา และเฝ้าดูความเคลื่อนไหวของเหล่าขุนนางอย่างเงียบ ๆ หากพระองค์แสดงจุดยืนออกมา หลายคนจะเอียนเอียงคล้อยตามพระองค์ทันที ถ้าพระองค์ไม่พูดอะไร พระองค์ก็จะรู้ความคิดทุกคนจริง ๆ ว่าใครอยู่ข้างตี้เว่ยหมิงอย่างไรก็ตาม หลังจากที่เขาจากไป จักรพรรดิหมิงหยวนก็คิดว่าเรื่องนี้มีข้อดีมากมาย แต่ก็มีข้อเสียเล็ก ๆ น้อย ๆ ด้วยเช่นกัน เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้นักประวัติศาสตร์ในอนาคตเขียนส่งเดชให้เขาเป็นแพะรับบาป การแสร้งทำเป็นบีบบังคับให้ทำในสิ่งที่ไม่น่าทำได้น่าจะเป็นการดีกว่าเขากำลังกินหมานโถ่วและกังวลใจเกี่ยวกับเสี่ยวลั่วหมี่วันนี้เสี่ยวลั่วหมี่มีไข้ อันที่จริงไม่ใช่แค่เสี่ยวลั่วหมี่ แต่เด็กทั้งสามคนมีอาการไอเล็กน้อยเพียงแต่ร่างกายของเสี่ยวลั่วหมี่นั้นไม่ค่อยแข็งแรง เขาจึงมี

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1008

    หลังจากเลิกว่าราชกิจแล้ว อวี่เหวินห่าวก็ไม่ย่อมไม่พอใจ ดังนั้นเขาจึงไปหอตำราหลวงหาจักรพรรดิหมิงหยวนจักรพรรดิหมิงหยวนมักจะกินอาหารเช้าหลังจากเลิกว่าราชกิจในยามเช้า มีโจ๊กและหมานโถ่วอยู่ในห้องทำงานของจักรพรรดิ หลังจากกินโจ๊กชามหนึ่ง ก็พูดอย่างเรียบเฉยว่า"เป็นเพราะความสัมพันธ์ระหว่าเจ้ากับแม่ทัพเฉินแห่งต้าโจว? ถึงเป็นเหตุผลให้เจ้าวิ่งเต้นขนาดนี้?”อวี่เหวินห่าวไม่ได้กินอาหารเช้าเช่นกัน และตอนนี้เขาหิวมาก เมื่อเห็นว่าเขาหยุดกินโจ๊กแล้ว เขาคิดว่าเขาไม่เอาหมานโถ่วแล้ว จึงเอื้อมมือไปหยิบหมานโถ่ว “ไม่ใช่พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อม..."จักรพรรดิหมิงหยวนหยิบตะเกียบขึ้นมาและชี้ไปที่เขา "วางลงซะ!"อวี่เหวินห่าวถึงกับอ้าปากค้าง เมื่อเห็นสายตาพ่อตัวเองเป็นประกายเช่นนั้น เขาแอบบ่นว่าขี้งกและวางหมานโถ่วกลับที่เดิมจักรพรรดิหมิงหยวนหยิบหมานโถ่วขึ้นมาเช็ด จากนั้นค่อย ๆ ปอกลอกเปลือกนอกออกและกินมัน โดยทิ้งอวี่เหวินห่าวที่อยู่ข้าง ๆอวี่เหวินห่าวพูดอย่างเศร้าใจ "กระหม่อมก็หิวเหมือนกัน เมื่อเช้านี้ตื่นมา แม่นมบอกว่าเสี่ยวลั่วหมี่ตัวร้อนเล็กน้อย กระหม่อมจึงรีบไปดูก่อน ไม่ได้สนใจที่จะกินอาหารเช้า"เมื่อได้ยินว

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1007

    เขาพูดเสียงดังในท้องพระโรง "เป่ยโม่และเสียนเป่ยเป็นดั่งหมาป่าทะเยอทะยาน พวกเขาจับตามองเป่ยถังมานานแล้ว แต่เป็นเพราะทหารม้าที่แข็งแกร่งของเป่ยถั งและเหล่ายอดนักรบจึงขับไล่พวกเขากลับไปได้เป็นการชั่วคราว แต่ไม่มีอะไรมารับประกันได้ว่าพวกเขาจะไม่กลับมารุกรานอีกตอนนี้ต้าโจวได้พัฒนาอาวุธและรถออกศึกได้ หากทั้งสองแคว้นเป็นพันธมิตรกัน ต้าโจวสามารถช่วยเป่ยถังปรับปรุงอาวุธและยุทโทปกรณ์ ซึ่งสามารถเสริมสร้างการป้องกันทางทหารของเป่ยถังได้ และร่วมกับการพัฒนาเศรษฐกิจ นี่เป็นประโยชน์ระยะยาวสำหรับเป่ยถัง รัชทายาททรงมีพระวินิจฉัยที่ลึกซึ้ง นั่นเป็นผลดีต่อราษฏร และเขายังคิดถึงระยะยาวสำหรับเป่ยถัง ส่วนแม่ทัพตี้เว่ยหมิงที่เจตนาพูดจาให้คนอื่นตกใจนั้นก็มีส่วนต้องรับผิดชอบด้วย ว่าไปแล้วเป่ยถังไม่ได้ไปรุกรานโม่เป่ยกับเสียนเป่ย หากพวกเขาไปรุกรานต้าโจว มีหรือจะปล่อยเป่ยถังไว้? หรือถึงตอนนั้นต้องยกแคว้นให้เพื่อสงบศึกกัน? "ในตอนนั้นเป่ยถังพ่ายแพ้ให้กับเป่ยโม่ ถูกทหารสามหมื่นนายล้อมไว้ ในท้ายที่สุด แม่ทัพตี้เว่ยหมิงถูกส่งไปเจรจาสงบศึก ยกเมืองที่เป่ยโม่ต้องการถึงจะยอมถอยทัพนี่เป็นความอัปยศอดสูของเป่ยถังเสมอ และม

DMCA.com Protection Status