จู่ ๆ เขาก็ลุกขึ้นปิดปากนาง "เจ้าอย่าพูดเรื่องไร้สาระ เด็กคนนี้ยังไม่เป็นรูปเป็นร่าง คิดอะไรก็เก็บไว้ในใจอย่างระมัดระวัง ไม่เช่นนั้นในอนาคตเขาจะเกิดอาการต่อต้านเจ้า"เมื่อเห็นความกระวนกระวายใจของเขา หยวนชิงหลิงก็เอามือของเขาออก ถามอย่างจริงจังว่า "แต่ลูกในครรภ์ของข้าไม่แข็งแรง ถ้า... ข้าเก็บไว้ไม่ได้จริง ๆ ข้าควรทำอย่างไร ท่านจะรู้สึกผิดหวังและเสียใจไหม?""ข้าไม่รู้สึกผิดหวัง” อวี่หวินห่าวจับมือนางขึ้นมาแตะที่ริมฝีปากและจูบ จากนั้นค่อยลูบหน้าผากของเธอเบา ๆ ดวงตาของเขาดูอ่อนโยน "ข้าจะยิ่งรักเจ้ามากกว่า เพราะเจ้าต้องเสียใจมากกว่าข้า"หยวนชิงหลิงกระพริบตา น้ำตาของนางไหลออกมา ไม่สามารถพูดได้อีกต่อไป ไม่เช่นนั้นนางอดไม่ได้ที่จะร้องไห้อีกนางซบในอ้อมแขนของเขา ฟังเสียงหัวใจของเขา หยวนชิงหลิงค่อย ๆ หลับตาลงอวี่เหวินห่าวรวบรวมผู้คนเพื่อให้มาดื่มเหล้าและเล่นการพนัน เรื่องการทะเลาะวิวาทถูกผู้ตรวจการราชสํานักยื่นหนังสือให้ตั้งแต่เช้าตรู่ และยังมีกู้ซีที่เกี่ยวข้องด้วยทั้งสองถูกส่งตัวออกไปนอกห้องทรงพระอักษร และคุกเข่าอยู่ด้านนอก จักรพรรดิหมิงหยวน สั่งให้พวกเขาทบทวนตัวเองขุนนางที่เข
อวี่เหวินห่าวและกู้ซี รีบลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็วมู่หรูกงกงเหลือบมองกู้ซี "ใต้เท้ากู้ ควรคุกเข่าและพิจารณาตัวเองไปต่อเถอะ ไม่มีพระประสงค์ที่จะให้ท่านเข้าไป"กู้ซีตกตะลึง ท้ายที่สุดฮ่องเต้กับพระโอรสยังคงเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน และไม่ทำให้พระโอรสต้องเสียความรู้สึกเขาทำได้เพียงแต่คุกเข่า เพื่อทบทวนและชดใช้การกระทำโดยประมาทของเขาเมื่อคืนนี้อวี่เหวินห่าวเดินเข้ามา โดยมีอ๋องจี้และซุนถิงฟาง อยู่ข้างในซุนถิงฟางคือผู้รับใช้ใกล้ชิดห้องทรงพระอักษร ดังนั้นเขามักจะเข้าออกห้องทรงพระอักษรเป็นประจำ และจักรพรรดิหมิงหยวนก็ให้ความสําคัญกับเขามากอวี่เหวินห่าว ก้าวไปข้างหน้าเพื่อแสดงความเคารพ "หม่อมฉันถวายบังคมเสด็จพ่อ!"จักรพรรดิหมิงหยวนเหลือบมองเขาอย่างเย็นชา รอยย่นที่หางตาซ้อนกันเป็นชั้น ๆ ไม่สบอารมณ์อย่างยิ่ง "อ๋องผู้งดงามและสง่างาม ดูเจ้าทำเรื่องยุ่งอะไรลงไป”อวี่เหวินห่าวแสดงรอยยิ้มอย่างโง่เขลา พร้อมเอ่ยว่า "เสด็จพ่อ อย่าเพิ่งถามถึงความผิดของลูกเลย ลูกมีเรื่องบางอย่างจะกราบทูลเสด็จพ่อ"จักรพรรดิหมิงหยวนกล่าวอย่างเย็นชา "อย่าเพิ่งรายงานเรื่องความผิดของเจ้า ข้าให้เจ้าเข้ามา เพราะมีงานจะมอบใ
“พ่ะย่ะค่ะ” อ๋องจี้ถอนหายใจอย่างโล่งอก “อย่างน้อยเสด็จพ่อก็ยังเห็นใจลูก ในช่วงเวลาแห่งความเศร้า เสด็จพ่อโปรดวางใจ ลูกจะรีบทำใจยอมรับ และจะรีบกลับมาช่วยแบ่งเบาภาระของเสด็จพ่อ"จักรพรรดิหมิงหยวนพยักหน้าเล็กน้อยและมองไปที่อวี่เหวินห่าว "ถ้าอย่างนั้นเรื่องนี้ ... "อวี่เหวินห่าวคุกเข่าข้างหนึ่ง “เสด็จพ่อ"จักรพรรดิหมิงหยวนย่อมเข้าใจได้ว่าเขาไม่เต็มใจที่จะไป จึงย่อตัวลงประคองแล้วตรัสว่า "พูด!"อวี่เหวินห่าวกล่าวว่า "หากตอนนี้ข้าจะต้องไปที่จวนถิงเจียงเพื่อปราบปรามโจร จะบอกว่าไม่ไกล ไม่ใกล้ แต่ยังไม่รู้ว่าต้องใช้เวลานานแค่ไหนในการปราบปรามโจร ดูตามแผนที่ในฎีกาก็ยังไม่รู้ที่ซ่อนตัวของขโมยว่าอยู่ที่ไหนในจวนถิงเจียง ดังนั้นแผนงานคราวนี้จึงยังไม่มีความแน่นอน พวกโจรอาจถูกปราบปรามภายในหนึ่งเดือน สามเดือนก็ยังไม่แน่ แต่ตอนนี้ลูกมีภาระหน้าที่ในจวนจิงจ้าว ไม่อาจจากไปนาน...”อ๋องจี้กล่าวโดยไม่รอให้เขาพูดจบ “น้องห้าไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับสำนักผู้ตรวจการ ฝู่เฉิงสามารถแทนตำแหน่งเจ้าได้ชั่วคราว”อวี่เหวินห่าวส่งเสียงอย่างเย็นชาจากก้นบึ้งของหัวใจ "ใช่ ข้าเกรงว่าหลังจากสามถึงห้าเดือนตำแหน่งเจ้าเมืองในจวนจ
ด้านพระสนมเสียน พอได้ยินข่าวว่าหยวนชิงหลิงตั้งครรภ์ก็ดีใจมากถึงแม้ว่านางจะไม่ชอบหยวนชิงหลิง แต่ว่าตอนนี้นางได้เป็นพระชายาฉู่แล้ว จุดนี้สามารถทำใจเปลี่ยนแปลงได้ชั่วคราวนอกจากพระชายาองค์นี้ถึงแม้ประวัติทางบ้านจะไม่ค่อยดี แต่ถ้าได้ให้กำเนิดลูกชายคงจะดีขึ้นกว่านี้ก็ได้แต่หวังว่าท้องนี้จะเป็นเด็กผู้ชายเวลานี้ยังไม่มีพระชายาองค์ใดที่ให้กำเนิดบุตรชายเลย"ในช่วงเวลานี้ มีแต่ต้องดูแลรักษาครรภ์ของหยวนชิงหลิงให้ดีที่สุด เพราะไม่รู้ว่าชีวิตที่อยู่ในครรภ์เป็นอย่างไร? หรือจะเป็นเด็กผู้ชาย..." นางได้แต่คำนึงกับตัวเองว่า "ถ้าเช่นนั้น เด็กคนนี้มีความเป็นไปได้มากที่จะได้เป็นรัชทายาท"เดิมทีพระสนมเสียนคิดว่าเจ้าห้าไม่มีคุณสมบัติที่จะแย่งชิงตําแหน่งรัชทายาท แต่การตั้งครรภ์ของหยวนชิงหลิง ทำให้นางได้รับการกระตุ้น ตอนนี้นางรู้สึกว่าเลือดลมพลุ่งพล่านไปทั้งตัว เต็มเปี่ยมไปด้วยจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้สถานการณ์ในราชสำนักเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ใครจะคิดว่าเวลานี้ฮ่องเต้เลือกจะให้ทายาทคนใดมาแทน?อวี่เหวินห่าวยิ้ม "เสด็จแม่ ท่านอย่ายึดติดกับความหวังนี้ ลมที่พัดอยู่กลางท้องฟ้าอาจไม่ใช่ความหมายที่แท้จริงของเส
เหล่าไท่ไท่ขมวดคิ้ว "ข้าไม่รู้จริง ๆ ว่านางขี้หึงหวงและจิตใจคับแคบเช่นนี้ เพื่อประโยชน์ของทารกในครรภ์เจ้าอย่าได้ทำให้นางโกรธเคือง นางอดทนสักปีครึ่งจะดีที่สุด รอคลอดเด็กออกมาก่อน ย่าจะช่วยเจ้า ภรรยาสามอนุสี่เจ้าจะขาดไม่ได้"อวี่เหวินห่าวรู้สึกว่าเขาควรจะออกจากวังให้เร็วที่สุด ก่อนจะพูดออกไปว่าสามภรรยาสี่อนุยังน้อยไปหรืออวี่เหวินห่าวกลับถึงจวน หยวนชิงหลิงเพิ่งดื่มซุปและอาเจียนออกมาฮ่องเต้รับสั่งให้แพทย์หลวงมาตรวจแล้ว ทารกในครรภ์ไม่ค่อยแข็งแรง เขาบอกอวี่เหวินห่าวให้จัดยาตามใบสั่งทุกวันและดื่มทุกวัน ส่วนเรื่องทานไม่ได้แพ้ท้องไม่มีวิธีแก้ สามารถทานได้เท่าไรก็ทานแค่นั้นอวี่เหวินห่าวมองหน้าหยวนชิงหลิงที่เปลี่ยนเป็นเหมือนสีของผักโขมก็รู้สึกปวดใจ เขากอดนางไว้และไม่เต็มใจที่จะไปที่สำนักผู้ตรวจการหยวนชิงหลิงไร้ซึ่งเรี่ยวแรง เธอวางศีรษะลงบนตักของเขา ใบหน้าของเธอยุ่งเหยิงและพูดเสียงแผ่วเบา "ข้าไม่เข้าใจว่ามันเกิดอะไรขึ้น? ตั้งครรภ์ก็ไม่ใช่วันสองวันแล้ว ก่อนนี้ไม่เคยอาเจียนมาก่อน แต่จู่ ๆ ก็มาอาเจียนหนักมาก"อวีเหวินห่าวเกี่ยวผมเธอออก แล้วเอ่ยอย่างทุกข์ใจ "เจ้าดูในกล่องยามียาหรือไม่? ทำให
เมื่อหยวนชิงหลิงขึ้นมาบนเตียง เธอรู้สึกราวกับว่าได้ตายไปแล้วครั้งหนึ่งตื่นมาตอนเช้าวิงเวียนเหมือนกับว่าโลกหมุน จากนั้นก็อาเจียนอย่างหนักหมอหลวงถูกเชิญเข้ามา เธอเอ่ยถามอย่างอ่อนแรง "ทำไมข้าถึงแพ้ท้องหนักขนาดนี้?"หมอหลวงเฉากล่าว "พระชายา ร่างกายของท่านได้รับบาดเจ็บมากเกินไป รวมกับความกังวลเมื่อคืนวานก่อนที่จู่โจมหัวใจ ลมปราณตับอุดกั้น ทำให้เลือดลมปราณไหลผ่านไม่ได้ทำให้อึดอัด รอให้ท่านปรับตัวสักเล็กน้อยจากนั้นก็จะดีขึ้นมากพ่ะย่ะค่ะ""รีบรักษาข้า ยาอะไรก็ดี ข้าอยากหยุดอาการเวียนศีรษะ หยุดอาเจียน…" หยวนชิงหลิงแม้แต่แรงจะลืมตาต่อไปก็ไม่เหลือแล้วอวี่เหวินห่าวกังวลมากจึงดึงมือหมอหลวงออกไป "ท่านไม่มีใบสั่งยาที่ดีกว่านี้รึ? ไทเฮาประทานอาหารบำรุงมาให้มากมาย ท่านให้นางใช้สิ"หมอหลวงเฉาพาอวี่เหวินห่าวออกห่างไปอีกหน่อยแล้วถอนหายใจ "ท่านอ๋อง เอ่ยตามตรง วันนี้ข้าได้ปรึกษากับหมอหลวงใหญ่ พระชายาตั้งครรภ์คราวนี้ไม่ค่อยถูกต้องนัก ร่างกายของพระชายายังไม่หายดี เมื่อพระชายาได้รับยาต้มจื่อจินครั้งแรกแล้ว หลังจากนั้นไม่กี่วันต้องได้รับยาต้มเจี๋ยนั้นเพื่อข่มความเย็นของยาต้มจื่อจิน ตอนนี้มันพลุ่งพล่านอ
จิ้งโฮ่วเห็นใบหน้าที่ย่อท้อของพวกนางก็อดไม่ได้ที่จะตกใจ "ทำไมเร็วขนาดนี้? ไม่อยู่รอพวกนางทานข้าวรึ?"หวางซรื่อเอ่ยด้วยความหงุดหงิด "รออะไร? เข้าไปวางของลงจากนั้นก็ให้กลับแล้ว บอกพระชายาฉู่พักผ่อนไม่ต้องการพบใคร""ยังถือยศถืออย่างรึ? เจ้าผู้หญิงหัวดื้อคนนี้!" จิ้งโฮ่วเกรี้ยวกราดหวางซรื่ออธิบายว่า "ไม่เชิงว่าถือยศถืออย่าง ข้าเห็นพระชายาและเหล่าองค์หญิงเข้าไปแล้วก็ยังไม่ได้พบ ข้าได้ยินมาว่าทารกในครรภ์ไม่ค่อยแข็งแรง หมอหลวงให้พักผ่อนให้มาก อ๋องฉู่สั่งห้ามโดยเด็ดขาด ห้ามใครเข้าพบ"ทารกในครรภ์ไม่แข็งแรง? จิ้งโฮ่วรู้สึกกลัวใบหน้าของนางเปลี่ยนไปอย่างกระทันหัน "ทารกในครรภ์ไม่แข็งแรงได้เยี่ยงไร? ถามแล้วหรือไม่?""ถามใครเล่า? ถามหนึ่งสามไม่รู้" หวางซรื่อโมโหไม่เบา "อ๋องฉู่ก็เช่นกัน อย่างไรข้าก็เป็นแม่ยายของเขา เย็นชาเยี่ยงนี้คราวหลังก็ไม่ไปแล้ว"จิ้งโฮ่วโกรธเคือง "หุบปาก อ๋องฉู่เย็นชาแล้วเจ้าจะอย่างไร? เจ้าจะไม่อดทนรึ? เขาคือชินอ๋องผู้สง่างาม แม้เขาจะเรียกเจ้าว่าแม่ยายเจ้าก็ต้องแยกแยะความแตกต่างของชนชั้นด้วย"หวางซรื่อถูกว่าสองสามคำก็ไม่กล้าเอ่ยคำใดแล้วฮูหยินรองเอ่ยอย่างตรงไปตรงมา "พี่ห
เหล่าไท่ไท่ไม่ได้สนใจฟัง นางบอกให้แม่นมซุนไปเตรียมการจิ้งโฮ่วคิดว่าเหล่าไท่ไท่คิดถึงอนาคตของเขาอย่างแน่นอน จึงไม่ได้ย้ำอีก แล้วขอตัวออกไปนางคาดเดาจิ้งโฮ่วได้ถูกต้องจริง ๆคนของจวนจิ้งโฮ่วไปถึง อวี่เหวินห่าวห้ามให้นางพบ แต่รู้ว่านางห่วงใยเหล่าไท่ไท่และคราวนี้เหล่าไท่ไท่ก็มาด้วยตนเองพร้อมอาการป่วย จะไม่พบไม่ได้แล้วเขาออกไปเชิญด้วยตัวเอง และแสดงความเคารพอย่างนอบน้อมถือให้เกียรติท่านย่าเหล่าไท่ไท่เห็นเจ้าของจวนออกมาด้วยตัวเอง เป็นมารยาทที่นางเข้าใจ นางวางบนมือของอวี่เหวินห่าวแล้วเอ่ยว่า "ท่านอ๋องไม่ต้องสุภาพขนาดนั้น"ท่านย่าของอ๋องฉู่คือไทเฮาองค์ปัจจุบัน หากเป็นญาติสนิทมิตรสหายก็มิได้ยึดติดกับสิ่งเหล่านี้ แต่กฎเกณฑ์นั้นเหมาะสม ดังนั้นก็ควรปฏิบัติตามส่วนเสียงนี้ อวี่เหวินห่าวได้ตะโกนออกมาแล้ว นางไม่สามารถเอ่ยอะไรได้อีกมิฉะนั้นจะกลายเป็นเมินเฉยอวี่เหวินห่าวมองด้วยรอยยิ้มแล้วจึงเชิญเข้าไป หยวนชิงหลิงได้ยินว่าเหล่าไท่ไท่มาถึงแล้วก็ลุกขึ้นนั่งอวี่เหวินห่าวรีบเข้าไปกดไว้ "ไม่ต้องลุกขึ้น นอนลงก็ดีแล้ว เหล่าไท่ไท่ไม่ใช่คนนอก"หยวนชิงหลิงบ่นพึมพำ "ข้านอนจนเอวจะหักแล้ว""รอท่านย่าเ