หยวนชิงหลิงที่รอจนถึงตอนห้าทุ่มแล้วยังไม่เห็นอวี่เหวินห่าวกลับมานางนอนรออยู่บบนเตียงนานแล้ว พลิกไปพลิกมาก็นอนไม่หลับ เรียกลวี่หยาไปดูตั้งสองรอบ ก็ยังไม่เห็นเขากลับมาหรือว่ามีคดีใหญ่?ปกติแล้วมีแค่คดีใหญ่เท่านั้นที่เขาจะทำงานล่วงเวลาจนดึกดื่น เมื่อก่อนจะมีแค่เรียกให้ซูยี่กลับมารายงานสักคำ วันนี้ทำไมไม่มี?ด้านนอกมีเสียงฝีเท้าที่วิ่งอย่างรีบร้อนดัง “ตึง ตึงตึง” ทําให้หัวใจของหยวนชิงหลิงเต้นระรัวนางรีบกระโดดลงจากเตียง มีเรื่องแล้ว ต้องมีเรื่องแล้วลวี่หยารีบวิ่งพรวดราดเข้ามา และพูดอย่างตื่นตระหนกว่า “พระชายา ซูยี่กลับมารายงานเพคะ”หยวนชิงหลิงที่มองเห็นซูยี่วิ่งพุ่งเข้ามา เนื้อตัวเต็มไปด้วยเลือด นางรู้สึกหน้ามืดขึ้นมาทันทีอีกนิดก็เกือบจะเป็นลมลงไปแล้วลวี่หยาประคองนางและถามด้วยน้ำเสียงร้อนรน “พระชายา ท่านเป็นอย่างไรบ้างเพคะ?”“ท่านอ๋องล่ะ?” หยวนชิงหลิงคุมสติตัวเองและถามอย่างยากลำบาก ซูยี่ยกมือปาดเหงื่อบนใบหน้าและรีบกล่าวว่า “เกิดเรื่องแล้ว เกิดเรื่องใหญ่แล้ว ท่านอ๋องแพ้เสียเงินมากมาย จึงโกรธอารมณ์เสียขึ้นมา ทะเลาะกับคนอื่น หลังจากนั้นกู้ซีก็มาถึง ไม่รู้ว่าทำไมกู้ซีถึงชกท่านอ๋
“เงินแพ้พนัน? แพ้ไปเท่าไหร่?” หยวนชิงหลิงถามด้วยรอยยิ้ม ตอนนี้นางต้องระงับอารมณ์ นางโกรธเสียจนในอกแทบจะระเบิดออกมาแล้ว“สามร้อยตำลึง”“สองร้อยตำลึง”“หนึ่งร้อยห้าสิบตำลึง”ทุกคนพูดกันทีละคน“เยอะขนาดนั้นที่ไหนกัน?” อวี่เหวินห่าวพูดอย่างโกรธเคือง “พวกเขาฉวยโอกาสตอนที่ข้าเมา ใช้ลูกเล่นสกปรกโกงข้า”ซูยี่ที่ยืนอยู่ข้างหยวนชิงหลิงกระซิบเบา ๆ “จริงพ่ะย่ะค่ะ พวกเขาโกง ท่านอ๋องมองออกจึงโกรธขึ้นมา”หยวนชิงหลิงยิ้มแย้มและกล่าวว่า “ซูยี่ จดเอาไว้ให้หมด ให้พวกเขาเข้าวังหลวงไปรับเงิน ตอนนี้จวนอ๋องของเราเงินไม่พอ แต่ยังดีที่ข้ามีเงินรางวัลที่ได้รับอยู่ที่ฝ่าบาทอีกก้อนหนึ่ง เรียกพวกเขาทั้งหมดเข้าวังไปทวงถาม”“เข้าวังไปทวงหรือ?” ทุกคนมองหน้ากันเอง“ใช่แล้ว จำไว้ พรุ่งนี้ตอนเช้าเข้าไปเอา” หยวนชิงหลิงกล่าวหนึ่งในชายหนุ่มรูปงามในชุดครามพูดขึ้นว่า “พระชายา ท่านจะเบี้ยวเงินหรือ”หยวนชิงหลิงยิ้มกว้าง “เบี้ยวเงิน? นี่ไม่ใช่การเบี้ยวเงินสักหน่อย แต่ว่าในเมื่อพวกเจ้าคิดว่าการวิธีการชำระเงินแบบนี้มีปัญหา งั้นก็เปลี่ยนวิธี ซูยี่ ไปที่จวนจิ้งเป่าเพื่อเรียกคนมา เอาตัวทุกคนที่รวมตัวเล่นพนันกันในคืนนี้ก
เมื่อรถม้ากลับมาถึงจวนอ๋อง หยวนชิงหลิงก็อ้วกออกมาจนไม่มีเรี่ยวแรงแล้วอวี่เหวินห่าวรีบอุ้มนางเข้าไปในจวนราวกับก้อนสำลีเบานุ่ม กู้ซีตามเข้ามาอย่างท้อใจ ใครจะไปคิดว่าเห็นปกติพระชายาฉู่สง่างามน่าเกรงขาม แต่ไม่คิดว่านางจะอ่อนแอถึงเพียงนี้ ถ้านางอารมณ์ไม่ดีโกรธขึ้นมาจริง ๆ ชาตินี้เขาก็ไม่ต้องคิดแต่งงานกับหยวนชิงผิงแล้วท่านหมอมาแล้วอวี่เหวินห่าวลูบใบหน้านาง และกล่าวอย่างวิกตกกังวลว่า “ไม่เป็นไร ให้หมอตรวจชีพจรสักประเดี๋ยว”หยวนชิงหลิงอาเจียนจนอึดอัดทรมานไปหมด จะโกรธเขาลงได้ที่ไหน? เห็นใบหน้าบวมช้ำของเขาก็รู้สึกปวดใจเช่นกัน “ท่านไปเปลี่ยนเสื้อผ้า ล้างหน้าทำให้กลิ่นเหล้าหายไปที กลิ่นเหล้าของท่านมันทําให้ข้ารู้สึกอึดอัดมาก”อวี่เหวินห่าวรีบถอยออกไปหลายก้าว “ข้าไม่ทำให้เจ้าเหม็น รอท่านหมอตรวจเจ้าแล้ว ข้าจะไปเปลี่ยนเสื้อผ้า”“ออกไปข้างนอกเลย!” หยวนชิงหลิงลึงตามองเขาเมื่อยืนอยู่ในตําแหน่งนั้น ลมพัดมาพอดี กลิ่นเหล้าก็โชยมาตามลมนาง นางรู้สึกคลื่นไส้อาเจียน และอยากจะอาเจียนอีกครั้งอวี่เหวินห่าวทำได้แค่ถอยออกไป กู้ซีที่ยืนอยู่ด้านข้าง ทั้งคู่มองตากัน อวี่เหวินห่าวสบถออกมา “ถ้านางเป็น
ท่านหมอวินิจฉัยซ้ำครั้งแล้วครั้งเล่า เขาพยักหน้าให้นางข้าหลวงสี่ “เป็นไปได้แปดถึงเก้าส่วน”ริมฝีปากของนางข้าหลวงสี่สั่นไปหมดแล้ว นางยืดคอขึ้นและกล่าวว่า “ซูยี่ เจ้ารีบนำตราของท่านอ๋องเข้าวังหลวง เชิญหมอหลวงเฉามาที่นี่”“ได้ขอรับ!” ซูยี่ได้รับคําสั่งก็รีบพุ่งออกไปทันทีอวี่เหวินห่าวใบหน้าซีดเผือด อยากจะเข้ามาก็กลัวว่ากลิ่นเหล้าของตัวเองจะทำให้หยวนชิงหลิงเหม็น จึงเรียกทักให้นางข้าหลวงสี่ออกมา “กูกู นางเป็นยังไงบ้าง? ร้ายแรงไหม?”นางข้าหลวงสี่กล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง “บางทีอาจจะร้ายแรงมาก รอหมอหลวงมาก่อน ท่านอ๋องรีบไปเปลี่ยนเสื้อก่อนเถิด กลับมาอาจไม่มีคนอยู่ข้างพระชายา”อวี่เหวินห่าวตกใจกลัวจนหัวใจแทบแหลกสลายเป็นเสี่ยง ๆ เขาแทบคุมสติไม่ได้ หันกลับไปมองหยวนชิงหลิงแล้วรีบวิ่งออกไปอาบน้ำชำระร่างกายถังหยางก็ถูกขุดขึ้นมาด้วย เขาเพียงแค่รู้ว่าพระชายาป่วย ไม่รู้ว่าป่วยอะไร เมื่อเห็นว่าทุกคนราวกับกําลังเผชิญหน้ากับศัตรูตัวฉกาจ เขาก็ตื่นตระหนกเล็กน้อยท่านหมอยังไม่กล้าพูด การวินิจฉัยว่าตั้งครรภ์มันไม่ยาก เพียงแต่ไม่สามารถผิดพลาดได้นอกจากนี้เรื่องที่พระชายาชินอ๋องตั้งครรภ์ทางที่ดีควรให้หมอห
หยวนชิงหลิงกินไปได้ไม่กี่คำ ก็ทนกลิ่นคาวของหอยเชลล์แห้งในโจ๊กไม่ไหว นางท้องไส้ปั่นป่วนรู้สึกคลื่นไส้ นางโบกมือด้วยใบหน้าซีดเซียวและนอนลง “ไม่กินแล้ว กินแล้วก็อาเจียนออกมาอีก”อวี่เหวินห่าวปวดใจเหลือเกินและถามหมออย่างโกรธเคือง “นางป่วยเป็นอะไรกันแน่ท่านก็ไม่วินิจฉัยออกมา ทำไมนางกินอะไรก็อาเจียนออกมาแบบนี้? ยังไม่คิดหาทางอีก?”ท่านหมอที่ตื่นตระหนกไปแล้วได้กล่าวว่า “ไว้ให้หมอหลวงมาถึง แล้วค่อยเขียนใบสั่งยา ข้าน้อยไม่กล้าเขียนใบสั่งยาขึ้นมามั่วซั่วพ่ะย่ะค่ะ”อวี่เหวินห่าวที่ได้ยินดังนั้น ก็วิตกกังวลซะจนตาของเขาดุดันมาก “เกิดอะไรขึ้นกันแน่?”ท่านหมอพูดอ้ำ ๆ อึ้ง ๆ และหยุดไปนางข้าหลวงสี่กล่าวว่า “ท่านหมอ ท่านกลับไปก่อน ปิดปากให้สนิทอย่าให้เรื่องแพร่งพรายออกไป”ท่านหมอกล่าว “งั้นข้าน้อยขอตัวก่อน”นางข้าหลวงเฉียนพาเขาไปที่ห้องบัญชีเพื่อจ่ายค่ารักษาและส่งเขากลับไปนางข้าหลวงเฉียนกลับเข้ามาถึงประตูเรียกนางข้าหลวงสี่ออกไปทั้งคู่เดินไปที่ระเบียงทางเดิน นางข้าหลวงเฉียนได้กล่าวว่า “ท่านหมอวินิจฉัย อาจจะมีการเข้าใจผิด เรื่องนี้อย่าพึ่งบอกกับท่านอ๋องก่อน รอให้หมอหลวงมาวินิจฉัยแล้วค่อยพูดเถอ
อวี่เหวินห่าวกระสับกระส่ายไปมาอย่างกังวล แต่ทำได้เพียงมองดูเขาผูกด้ายสีแดงอย่างช่วยไม่ได้ นิ้วของเขากดเบา ๆ ลงกับด้ายสีแดงหลังจากที่นิ้วของหมอหลวงเฉาถูกกดลงไปสักพัก คิ้วของเขาก็ขมวดเข้าหากัน และมองไปที่หยวนชิงหลิงอย่างกะทันหัน“มีอะไรงั้นหรือ?” อวี่เหวินห่าวถามหมอหลวงเฉาเสนอ "ขอท่านอ๋องได้โปรดถอดด้ายสีแดงเพื่อตรวจชีพจร!"อวี่เหวินห่าวกลอกตาด้วยความโกรธและตะโกนใส่หูของเขา "เมื่อสักครู่ข้าเป็นคนขอให้ท่านตรวจชีพจรเอง"หมอหลวงเฉากล่าวว่า "นี่คือกฎ"หยวนชิงหลิงยื่นมือของนางออกและมองไปที่ หมองหลวงเฉา "ท่านบอกข้ามาตามตรงว่าเป็นโรคอะไร"นางเพิ่งมองดูกล่องยาขณะที่กำลังอาบน้ำอยู่ สังเกตเห็นว่าในกล่องยาไม่มียาใหม่ ๆ มีแต่ยาฉีด และยาเม็ดแคลเซียมโฟลิกดังนั้นนางคิดว่าปัญหาของนางไม่ใช่เรื่องใหญ่หมองหลวงเฉาหลับตา เปลี่ยนมือซ้ายไปทางขวา และเปลี่ยนมือขวาเพื่อดูมือซ้ายอีกครั้งอวี่เหวินห่าวมีความกังวลมาก ความรู้สึกตอนนี้คือ อยากจะโยนหมอหลวงเฉาออกไป และอยากไปเรียนวิชาแพทย์ เพื่อจะได้ตรวจอาการเสียเองสักครู่หมอหลวงเฉา ก็ลืมตาขึ้นและถามว่า "พระชายา ประจำเดือนไม่มานานแค่ไหน?"หยวนชิงหลิงยิ้มพ
มือของหมอหลวง ยื่นออกมาอย่างแผ่วเบาราวกับปุ้ยฝ้าย หยวนชิงหลิงก็โกรธเล็กน้อย "ไม่รักษาแล้ว ทุกคนออกไปให้หมด ข้าอยากอยู่เงียบ ๆ คนเดียว”"เหล่าหยวน…"“หุบปาก อย่าเรียกข้าเหล่าหยวน ท่านก็ออกไปด้วย ไม่แน่คืนนี้ท่านอาจจะเล่นการพนันและชกต่อยกันจนทำให้ข้าโกรธอีก" หยวนชิงหลิงกล่าวอย่างโกรธเคืองดวงตาของหมอหลวงเบิกกว้างเมื่อได้ยินเสียง "ติ๊ง" เขายื่นมือที่สั่นเทาออกแล้วพูดว่า "ต้องใช่แน่เลย ผู้ที่ตั้งครรภ์ครั้งแรกมักมีอารมณ์แปรปรวนกะทันหันและใจร้อน นี่เป็นสัญญาณของการตั้งครรภ์ครั้งแรก ท่านอ๋องต้องระวังอย่าให้พระชายาเกิดความโกรธอีกครั้งนะ พ่ะย่ะค่ะ"อวี่เหวินห่าวมองไปที่หยวนชิงหลิงด้วยความประหลาดใจ เขาพยายามที่จะก้าวไปข้างหน้า แต่หยวนชิงหลิงกลับโกรธเคืองราวกับวิญญาณร้ายที่น่ากลัว เขาไม่กล้าที่จะยั่วยุนาง เพราะกลัวว่าจะทำให้นางโกรธอีกครั้ง“ถ้าเช่นนั้น...ข้าจะออกไปข้างนอกก่อน ถ้าเจ้ามีอะไรเรียกข้าได้" เขาพูดเบา ๆ ว่า “เจ้าอย่าโกรธเด็ดขาดเลยนะ ห้ามโกรธ เพราะจะมีผลกระทบกับลูกของเราหยวนชิวหลิงเกาศีรษะด้วยมือทั้งสองข้าง ตัวสั่นด้วยความโกรธ “ออกไป!”อวี่เหวินห่าวคว้ามือหมอหลวงข้างหนึ่ง แล้ววิ่
เห็นไม้ทดสอบการตั้งครรภ์จากเส้นสีแดงหนึ่งเส้นมีการเปลี่ยนแปลงเป็นสองเส้น และเส้นที่สองก็ปรากฏขึ้นอย่างรวดเร็ว สะดุดตามาก ช่างเป็นสีแดงที่น่าสะอิดสะเอียนหยวนชิงหลิงปีนขึ้นไปบนเตียงด้วยหัวใจที่เต้นแรง ไม่รู้ว่าสมองมันว่างเปล่าหรือยุ่งเหยิงกันแน่ กล่าวได้ว่าไม่มีคำอธิบายที่ชัดเจนนางพยายามสงบสติอารมณ์ให้ผ่อนคลาย และรีบจัดการให้เรียบร้อยนางตั้งครรภ์หลังจากรับประทานยาจื่อจินทังได้ไม่นาน แต่ไม่รู้ว่าตั้งครรภ์นานเท่าใดแล้ว? และตอนนี้นางมีความคิดที่จะทำแท้ง กล่าวคือไม่อาจจะเก็บลูกไว้ได้ เพราะเหตุนี้เรื่องนี้จึงอาจเกี่ยวข้องกับยาต้มจื่อจินดังนั้นยาป้องกันทารกในครรภ์ในกล่องยานี้จึงถูกเตรียมไว้สำหรับนางอย่างไรก็ตาม นางยังรู้ดีว่าถ้าจะทำแท้ง นางจะต้องออกไปกระโดดโลดเต้นเพียงสองวัน รับรองว่าเด็กหลุดออกมาแน่แต่นางมีเหตุผลอะไรถึงต้องทำแท้ง? นางจะต้องหาเหตุผลที่สมเหตุสมผลสมองของนางคิดอย่างรวดเร็ว ใช่ ยาต้มจื่อจิน คนที่กินยาต้มจื่อจินไม่ควรตั้งครรภ์ เพราะเด็กอาจเกิดมาอวัยวะพิการและพิการได้นอกจากนั้น ก่อนหน้านี้นางยังเคยได้รับบาดเจ็บมาก่อน และหลังจากกินยามามาก ยาเหล่านี้จะส่งผลกระทบอย่างมา