อวี่เหวินห่าวพูดอย่างโกรธเคือง “คืนนี้ที่ข้าตกระกำลำบากแบบนี้ สุดท้ายคนที่ผิดคือข้างั้นรึ?”“ท่านอ๋องไม่ผิด” ถังหยางที่ได้บรรลุทักษะงี่เง่าไร้สาระนี้ถึงระดับสูงสุดแล้ว “แต่พระชายาเองก็ไม่ผิดเช่นกัน ถ้าผิดคงผิดที่ไม่ควรหยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมาพูดอีก ยกตัวอย่างเช่น พระชายาไม่ใส่ใจผู้หญิงที่ผ่านมาของท่านอ๋องเลย ท่านอ๋องรู้สึกมีความสุขไหมพ่ะย่ะค่ะ?”อวี่เหวินห่าวครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “คงไม่มีความสุข แต่ว่าคืนนี้คงไม่น่าเวทนาขนาดนี้”“ความยากลำบากเกิดขึ้นเป็นครั้งคราว เห็นได้ชัดเลยว่าพระชายาให้ความสำคัญกับท่านอ๋องมากจริง ๆ ในใจนางมีท่านอ๋องอยู่ ดังนั้นกระหม่อมคิดว่าท่านอ๋องควรไปหาพระชายาเพื่อยอมรับผิดเรื่องนี้”อวี่เหวินห่าวจ้องเขม็ง “ยอมรับผิด? เมื่อกี้เจ้าพึ่งบอกว่าข้าไม่ผิดอะไรเลย”“เรื่องนี้ไม่เกี่ยวว่าถูกหรือผิดนะพ่ะย่ะค่ะ ระหว่างสามีภรรยามีแบ่งแยกถูกผิดจริง ๆ ที่ไหน? หนีไม่พ้นการปลอบง้อ รัก แล้ววันเวลาเหล่านั้นก็ผ่านพ้นไป” ถังหยางพยายามเกลี้ยกล่อมอย่างต่อเนื่อง ไม่ยอมให้เจ้านายทั้งสองทะเลาะกันเป็นปัญหารุนแรง จวนอ๋องยากที่จะมีวันคืนอันสงบสุขอวี่เหวินห่าวถูกหลอกเข้าเต็มเปา เขาคล้อยต
แต่ปัญหาก็คือ หลังจากนี้ใจเขาจะจดจ่ออยู่กับนางหรือไม่? เขาพูดออกมาคำเดียวว่า องค์ชายก็เป็นเช่นนี้ในยุคสมัยนี้ หากผู้ชายมีฐานะการเงินดีหน่อยก็สามารถมีภรรยาและนางสนมได้มากมาย ไม่มีข้อยกเว้นสำหรับเขา กับนางในตอนนี้ก็ไม่แน่ว่าแท้จริงจะใช่รักหรือไม่ หากแม้ว่าคือรัก ก็คงเป็นรักที่จืดจางไปแล้ว ไม่สามารถจะเก็บความหวานชื่นไว้ในใจจนชั่วชีวิตได้ แต่มองจากปัญหาการหย่าร้างที่สูงขึ้นในปัจจุบัน ก็พอที่จะทำความเข้าใจได้อย่างน้อยในยุคปัจจุบันนี้ก็สามารถทำการหย่าได้ แต่ในสมัยนี้ หากว่าสามีเปลี่ยนใจไปแต่งกับนางสนมอื่น ผู้ที่เป็นภรรยาทำได้แค่อดทนและอยู่อย่างเงียบ ๆ ตลอดไป อีกทั้งยังต้องเป็นธุระจัดการหาสนมให้สามี ชั่วชีวิตนี้จึงต้องข้ามผ่านความเสียใจ และความน่าสงสารไปให้ได้"พระชายา เข้าบรรทมได้แล้วเพคะ" นางข้าหลวงสี่เดินผ่านมาหยวนชิงหลิงลุกขึ้นนั่ง เรียกให้นางข้าหลวงเข้ามาหา "นางข้าหลวง ข้าขอถามเจ้าที บรรดาเชื้อพระวงศ์ของพวกเราชาวราชวงศ์เป่ยถัง ยินดีรับนางสนมหรือไม่?"เอ่อ...แม้ว่าเวลานี้จะไม่ยอมรับนางสนม ต่อไปอาจจะยอมรับนางสนมก็เป็นได้ เพื่อที่จะได้มีลูกเต็มบ้านหลานเต็มเมือง พระชายาไม่ต้องกังวล
พระชายาจี้เป็นวัณโรคแล้วจริง ๆหมอหลวงได้ยืนยันแล้วว่าอ๋องจี้ได้เสียเงินไปมาก เพื่อให้หมอหลวงเก็บรักษาความลับนี้ไว้ไม่ให้แพร่งพรายออกไปแต่ว่าก่อนหน้านี้ได้มีหมอทำการรักษาแล้ว คงไม่สามารถยับยั้งข่าวนี้ไว้ได้วันรุ่งขึ้นหลังจากที่พระชายาจี้ ได้ถูกหยวนชิงหลิงทำการเปิดเผยเรื่องที่เป็นวัณโรคจากจวนอ๋องหวย ก็เริ่มมีอาการไอขึ้นมาคิดว่าไอเพราะเกิดจากลมหนาว จึงได้ให้หมอจัดยาให้ แต่ยิ่งกินยากลับยิ่งไอมากขึ้นโรคนี้เป็นแบบกระทันหัน และเป็นอันตรายมากหลังจากป่วยมาแล้ว เข้าวันที่ 5 จึงเริ่มมีไข้สูง ไอไม่หยุด จึงได้เชิญหมอออกมาตรวจอีกครั้งผู้ที่เป็นวัณโรค เสมือนว่ามีลางมรณะมาครอบไว้บนศีรษะแต่ทว่านางก็ยังไม่สิ้นหวัง เพราะในเมื่อหยวนชิงหลิงสามารถรักษาอ๋องหวยให้หายได้ก็จะต้องมีหมอที่รักษานางให้หายได้เช่นกันแต่ไม่สามารถพูดได้ว่า ฝีมือการแพทย์ของหยวนชิงหลิง ไม่เป็นสองรองใครแต่ที่นางไม่รู้คือ หยวนชิงหลิงไม่ได้มีฝีมือการแพทย์ดีอะไร นางมีเพียงแต่ยาที่ใช้ในการรักษาเท่านั้นผู้ที่เป็นวัณโรคบางคนสามารถอยู่ได้หลายปี แต่ถ้าเกิดโรคขึ้นมาแบบกระทันหัน บางทีอาจจะไปเลยก็ได้แต่อาการของพระชายาจี้เป
เดิมทีจวนจิงจ้าว มีทีมงานหนึ่งชุดที่จัดการคดีให้ เพียงแต่ก่อนหน้านี้ทุกปัญหาพัวพันกันเป็นคอขวด ไม่รู้ว่าจะฝ่าฟันอุปสรรคไปได้อย่างไรตอนนี้มีเบาะแสแล้ว ทุกอย่างก็ง่ายต่อการจัดการอย่างไรก็ตามการไขคดีภายในระยะเวลาที่กําหนดอาจเป็นเรื่องยากเพราะว่าแม้ว่าจะมีผู้ต้องสงสัย ก็ต้องใช้เวลาในการตรวจสอบ และหลังจากตรวจสอบแล้วต้องหาที่อยู่เพื่อการจับกุมกล่าวอีกนัยหนึ่ง มันแทบจะเป็นไปไม่ได้ที่จะจับฆาตกรได้ในเวลาไม่ถึงครึ่งเดือนเพียงแต่อวี่เหวินห่าวกับคนในจวนจิงจ้าวรู้สึกโล่งใจ ตอนนี้ฆาตกรถูกจับไว้ เขาเป็นที่รู้จักในนาม ซานฮัวโร บนถนนเหอหลิ่งโจวจือ มีฉายาว่า ‘ซานฮัวโร’ เก่งเรื่องอาวุธลับ เข็มพิษ เพื่อเงินแล้วเขาทำได้ทุกอย่างตราบใดที่ฆาตกรถูกจับ แม้ว่าจะไม่ถูกจับกุมภายในเวลาที่กำหนด ทั้งฮ่องเต้และอัครมหาเสนาบดีฉู่ ก็ไม่มีคำพูดอะไรจะกล่าวอย่างไรก็ตาม ก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะพระเจ้าโปรดปรานอวี๋เหวินห่าวหรือไม่วันนี้ได้รับรายงานลับว่า โจวจือจะปรากฏตัวในวัดที่ถูกทำลายในเขตชานเมืองหลวงในเวลากลางคืนอวี๋เหวินห่าวไม่สนใจว่าจะเป็นข่าวจริงหรือเท็จ เขานำกำลังคนไปซุ่มโจมตีก่อน ผลปรากฏว่าเป็นข่าวจริ
อวี่เหวินห่าวบอกขั้นตอนการคลี่คลายคดีอีกครั้ง แต่ปกปิดการชันสูตรพลิกศพของหยวนชิงหลิงและผู้ที่นำความลับของโจวจือมาบอกเอาไนั้นเพราะไม่ใช่ต้องการกีดกันหยวนชิงหลิง แต่อ๋องจี้อยู่ตรงนี้ เขาไม่อยากให้อ๋องจี้รู้เรื่องว่าหยวนชิงหลิงเคยเข้ารวมกับคดีนี้ส่วนที่มีคนให้เบาะแส เขายังคงต้องตรวจสอบ ยังบอกจักรพรรดิไม่ได้ในตอนนี้อ๋องจี้ได้ยินว่าฆาตกรชื่อโจวจือ ก็มีสีหน้าเรียบเฉยจักรพรรดิหมิงหยวนชื่นชมอวี่เหวินห่าว ทว่าในใจเขากลับแค้นเคือง แต่ใบหน้าของเขายังคงต้องชื่นชมอย่างปลื้มปิตทั้งยังไม่มีใจที่จะไปฝึกคัดลายมือเป็นเพื่อนจักรพรรดิหยวนหมิง เขาออกจากวังด้วยความโกรธ ตรงไปยังห้องพระชายาจี้พระชายาจี้ เพิ่งกินยาเสร็จพอดีและกำลังนอนอยู่บนเตียง เห็นเขาเข้ามาด้วยอารมณ์โกรธ อดไม่ได้ที่จะถามว่า "ท่านอ๋อง เป็นอะไรไปเพคะ?"อ๋องจี้จ้องหน้านาง "เจ้ารู้หรือไม่ อวี๋เหวินห่าวปิดคดีได้แล้ว โจวจือถูกจับไปแล้ว?"พระชายาจี้รู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก รีบพยุงกายลุกขึ้นนั่ง กล่าวด้วยความประหลาดใจว่า "เป็นไปได้อย่างไร!""เดิมทีข้าก็คิดว่าไม่น่าจะเป็นไปได้" อ๋องจี้เดินเข้ามาใกล้ ๆ สีหน้าเย็นชา "แต่ว่าข้าได้ยินเขารา
หากนางเสียชีวิตด้วยวัณโรค ไม่มีใครสงสัยในสาเหตุการตายของนาง ทั้งพ่อและพี่ชายยังคงสนับสนุนเขาอยู่ ส่วนจักรพรรดิก็ยิสงสารเขา ที่ยังไม่คลายจากความเศร้า ที่จริงแล้วที่นางเป็นวัณโรคน่าจะเป็นเพราะมาจากการดูแลอ๋องหวยนางไม่มีทางเลือก ที่จะต้องส่งมอบความสำเร็จนี้ให้อวี่เหวินห่าวถ้าไม่กดดันเขา นางก็จะสูญเสียคุณค่าการใช้ประโยชน์ไปจนหมดสิ้นหากต้องการจะควบคุมเขา จะต้องทำให้เขารู้ว่า ถ้าสูญเสียนางไป เขาจะลำบากขึ้นเป็นร้อยเท่าจวนจิงจ้าวคืนนี้มีงานเลี้ยงฉลองอวี่เหวินห่าวดื่มเหล้าเข้าไปมาก ที่สำคัญคือคืนนี้ไม่มีพิธีเป็นทางการ ได้ถูกเจ้าหน้าที่ของจวนจิงจ้าวชักชวนให้ดื่ม จึงดื่มเข้าไปมากเกินปกติ ซูยี่ส่งเขากลับไปที่หน้าประตูจวนอ๋อง เขาเพิ่งจะลงจากรถม้า ก็รู้สึกอยากอาเจียน จึงรีบไปที่อ้วกที่ต้นตั๊กแตนแก่ตรงประตู อาเจียนออกมาเป็นเศษอาหารพุ่งออกมาเหมือนน้ำพุ ซูยี่เห็นแล้วรู้สึกตกใจและหวาดกลัว จะมีใครตายเพราะอาเจียนหรือไม่?อวี่เหวินห่าวอ้วกเสร็จแล้ว เขากลับมีสติเล็กน้อย ชี้ไปที่ ซูยี่และตะโกน "เจ้า...ขับรถเตกหลุมตกบ่อ"ซูยี่ยื่นมือพยุงเขา "ครับ ครับ ข้าผิดไปแล้ว เรากลับกันเถอะ"อวี่เหวินห่าว
อวี่เหวินห่าวกุมขมับพยายามทำสมาธิ ขนาดจะยกมือยังไม่มีแรง พึมพำไปเรื่อยเปื่อยว่า "คนนอกวออกไป!" นางข้าหลวงสี่และฉีหลัวรีบออกไปปิดประตูอวี่เหวินห่าวมองไปที่นาง สีหน้ามีความรู้สึกตื้นตันใจ "เจ้า...เจ้าอย่าโกรธไปเลย" หยวนชิงหลิงกล่าวว่า "ข้าไม่ได้โกรธ""เจ้าโกหก!" อวี่เหวินห่าวนึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวันก่อน นางไม่โกรธก็แปลกแล้ว!"ท่านดื่มจนเมาแล้ว!"เขาตบลงไปที่โต๊ะ "ข้าไม่ได้เมา"หยวนชิงหลิง ดูที่ฝ่ามือของเขาที่บวมแดงไปหมดแล้ว "พอแล้ว ข้าไม่ได้โกรธแล้ว""ข้าไม่เชื่อ เจ้าต้องโกรธแน่ ๆ" อวี่เหวินห่าวกล่าวหา เขาและระบายความโกรธออกมา "เจ้าเอาแต่ถาม ข้าบอกแล้วว่าไม่มี เจ้ายังจะถามข้าต่ออีก""ได้ ข้าผิดเอง ข้าไม่ควรถาม" หยวนชิงหลิงไม่สนใจเขาอีก สองวันนี้นางก็รู้สึกไม่สบายอยู่เหมือนกัน อวี่เหวินห่าวเริ่มเข้าสู่การสนทนา "ถามได้ แต่ไม่ใช่เอาแต่ถาม ข้าบอกแล้วว่าไม่มี เจ้าก็ไม่เชื่อยังถามอยู่อีก"หยวนชิงหลิงก็ทนไม่ไหวแล้ว "ถ้าข้าไม่เอาแต่ถาม ท่านก็ไม่ยอมพูดสิ""ก็ข้าบอกแล้วว่าไม่มี!" ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความไม่พอใจ อ่า แต่กลับปากแข็ง "แต่ในความเป็นจริงเจ้ามี!" อวี่เหวิ
อวี่เหวินห่าวก้มหัวลงและกัดไปที่ข้อมือของนาง คิดว่าต้องไม่ใช้แรงมากไป ทั้งยังไม่ยอมที่จะเสียหน้า ด้วยความโกรธจึงได้ฝังรอยฟันลงไป แต่ไม่ลึกเกิน"เราอย่ามาทะเลาะกันอีกเลย ทะเลาะกันไป ใจข้ามีแต่ความอึดอัด" เขามองหน้านาง มองเข้าไปในดวงตา ในใจยังปนไปด้วยโทสะหยวนชิงหลิงหลบตา "ได้ เราจะไม่ทะเลาะกันแล้ว""ขอกอดหน่อย!" อวี่เหวินห่าวดึงนางเข้ามากอดไว้แนบอกร่างทั้งสองแนบชิดกัน แล้วล้มตัวลงไปหยวนชิงหลิงยิ้มออกมาได้ "นี่บนพื้นนะ มีอะไรไปคุยกันบนเตียง"เขาจะขยับก็ไม่ขยับทับบนร่างของนาง แล้วก็ล้มลงไป"อวี่เหวินห่าว ลุกขึ้นเดี๋ยวนี้!" หยวนชิงหลิงตีไปที่แผ่นหลังของเขาเสียงกรน ดังก้องอยู่ในหูของนาง หยวนชิงหลิงปล่อยมืออย่างอ่อนแรง ดี หลับไปเลยสุดท้าย ต้องเรียกซูยี่เข้ามานำเขาย้ายออกไปหยวนชิงหลิงลูบหลังคนผู้นี้อย่างเอาเป็นเอาตาย น้ำแกงสร่างเมาก็ดื่มไม่ได้ ตียังไงก็ไม่ตื่น หยวนชิงหลิงได้แต่ปล่อยให้เขานอนไม่มีผ้าปูเตียงกับหมอนเลยเหรอ?ชอบตำหนิติเตียนความน่าเกลียดของผู้อื่น? มันเป็นความดื้อรั้นนางยิ้มออกมาแล้ว คำพูดของเขาถึงแม้ไม่น่าเชื่อถือ และอาจเป็นเพราะกลัวนางโกรธ ดังนั้นก็เลยโกหก