ทหารกลุ่มหนึ่งรีบวิ่งไป ผู้เข้าร่วมทัพก็วิ่งไปสนับสนุน ประคองหยวนชิงหลิง ฮุ่ยติ่งโฮ่วแทบจะไม่ตอบสนองอะไรออกมา มองที่คนสนิทของเขาอย่างไม่รู้ตัว คนสนิทก็ดูตื่นตระหนกเช่นกัน หยวนชิงหลิงได้รับความช่วยเหลือ อวี่เหวินห่าวกอดนางแน่น ถอดเสื้อชั้นนอกออกแล้วคลุมให้นาง หยวนชิงหลิงดูตื่นตระหนก ตัวสั่นและหอบ ใบหน้าของนางบวมอย่างรุนแรง และด้านหลังศีรษะมีเลือดออก ดูเหมือนว่ากำลังจะเป็นลม ซึ่งนางได้พิงอวี่เหวินห่าวหันกลับมาชี้ไปที่ฮุ่ยติ่งโฮ่ว พร้อมกับร้องไห้และพูดว่า “เป็นเขา เขาลักพาตัวข้า ทั้งยังใช้เครื่องทรมานกับข้า ต้องการให้ข้าบอกเหตุผล ว่าทำไมฝ่าบาทถึงแต่งตั้งท่านอ๋องให้เป็นกษัตริย์แห่งจวนจิงจ้าว” อวี่เหวินห่าวหันไปมองฮุ่ยติ่งโฮ่วมองดูเลือดบนใบหน้าของเขาค่อย ๆ จางลงทีละนิดจนเปลี่ยนเป็นสีขาวซีด “ท่านโฮ่ว” อวี่เหวินห่าวเบ้ปากยิ้มอย่างเย็นชา “ม้าพร้อมแล้ว? จะเข้าวังหรือจะกลับไปที่จวนจิงจ้าวกับข้า?” ฮุ่ยติ่งโฮ่วจ้องไปที่อวี่เหวินห่าวด้วยใบหน้าเคร่งขรึม และครู่หนึ่งเขาก็หันศีรษะและพูดว่า “ท่านอัครมหาโปรดไปที่จวนจิงจ้าว” ดวงตาของเขาจับจ้องไปที่หยวนชิงหลิง ราวกับว่าเขาไม่สามารถยอมรับคว
“แค่นี้?” “ก็แค่นี้แหละ” เธอกุมหัวลุกขึ้นยืนช้า ๆ “อาจจะมีอย่างอื่นอีก แต่ข้าปวดหัวมาก นึกอะไรไม่ออกจริง ๆ ใช่แล้ว ฝากบอกท่านอ๋องด้วย สองสามวันนี้ข้าคงออกไปตากแดดตากลมไม่ได้ แล้วก็ไม่สะดวกที่จะพบใคร” ถังหยางอดที่จะหัวเราะหรือร้องไห้ไม่ได้ ช่างเถอะ ต้องกลับไปที่จวนจิงจ้าวอีกสักรอบ ในเมื่อพระชายาปลอดภัยแล้ว เรื่องราวก็ค่อยถามได้ “ใต้เท้าถัง!” หยวนชิงหลิงตะโกนหยุดเขา “ถ้าเป็นไปได้ โปรดจัดแจงสุนัขเหล่านั้นให้เหมาะสมด้วย” “ถ้าไม่บอกเหตุผล เกรงว่าท่านอ๋องจะฆ่าสุนัขทั้งหมด” ถังหยางกล่าวหยวนชิงหลิงรู้ว่าถังหยางนั้นฉลาดแกมโกงมาก ได้แค่พูดว่า “ที่ข้าหนีออกมาได้ ก็ต้องขอบคุณสุนัขเหล่านี้ พวกมันช่วยข้าไว้”ประโยคเดียวที่สามารถหนีออกมาได้ยืนยันสิ่งที่ถังหยางคิดในใจ เขาทำมือเคารพ “หม่อมฉันจะพยายามช่วยผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตพระชายาอย่างดีที่สุด” หลังจากที่ถังหยางเดินไป นางข้าหลวงสี่ก็พูดด้วยความตกใจ “พระชายาตกไปอยู่ในเงื้อมมือของฮุ่ยติ่งโฮ่วจริง ๆ เหรอ?” หยวนชิงหลิงกล่าวว่า “โชคดีที่ท่านอ๋องมาช่วยได้ทันเวลา” “พระชายาได้มี…” นางข้าหลวงสี่ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แต่ก็ส่ายหัวไม่ถาม “ไม่!”
เมื่อพิจารณาถึงตอนนั้น อวี่เหวินห่าวก็พูดออกมาอย่างเย็นชา “เจ้าหยุดเล่นลิ้นได้ไหม? คนข้างกายของฮุ่ยติ่งโฮ่วพูดแล้ว สองสามวันมานี้เจ้าเจตนาปรากฏตัวต่อหน้าฮุ่ยติ่งโฮ่ว เจ้ารู้เขาชอบผู้ชาย เลยเจตนาแต่งตัวเป็นผู้ชายไปหลอกล่อเขา เจ้าเสียสติไปแล้วหรือไง หรือสมองเจ้าถูกผีเข้า? ฮุ่ยติ่งโฮ่วเป็นคนยังไง? เจ้าถึงกล้าไปหาเรื่องเขา ชีวิตนี้ของเจ้า ถ้าเจ้าไม่ต้องการก็จัดการขุดหลุมฝังตัวเองไปซะ อย่ามาสร้างปัญหาวุ่นวายให้ข้า ข้าเกลียดสิ้นดี...” หยวนชิงหลิงมองใบหน้าของเขาที่เต็มไปด้วยความโกรธแล้วพูดขัดเสียงเบา “ตอนที่อยู่ที่จวนโฮ่ว ข้าได้ยินว่าท่านพูดกับฮุ่ยติ่งโฮ่วว่า ถ้าข้าตายด้วยน้ำมือเขา ท่านจะทำทุกวิถีทางเพื่อฆ่าเขาให้เขาลงโลงตายตามข้าไปด้วย ท่านอ๋อง ข้าไม่รู้มาก่อนเลยว่าท่านรักข้าขนาดนี้”นี่เป็นทางที่ปิดปากเขาให้เงียบได้เร็วที่สุดแน่นอน ใบหน้าของอวี่เหวินห่าวที่โกรธอยู่นั้นแข็งทื่อ มุมปากกระตุกอยู่สองสามครั้งราวกับเป็นจังหวะ “ความรักบ้าบออะไร รักกับผีน่ะสิ?”เพิ่งมีช่วงเวลาดี ๆ ได้ไม่นาน คนติดตามที่มองดูทุกอย่างอย่างชัดเจน ถังหยางได้พูดขึ้นมาว่า “ท่านอ๋อง เรื่องอาการบาดเจ็บ”ครู่เดียวอวี่
บรรยากาศตกลงสู่ความเงียบสงัดพระชายามุดโพรงหมาขุด?หยวนชิงหลิงไม่ได้อยากจะบอกเรื่องนี้ออกมาสักเท่าไหร่ “โพรงหมาขุดมันเล็กมาก ข้ามุดเข้าไปไม่ได้แน่ เลยปีนกำแพงแล้วกระโดดลงมาจากด้านบน”สวี่อีพูดไปว่า “โพรงหมาขุดนั้นพระชายายังสามารถมุดไปได้นะพ่ะย่ะค่ะ ตอนข้าน้อยลาดตะเวรก็เห็นโพรงหมาขุดนี้แล้ว”“ไม่พูดก็ไม่มีใครว่าเจ้าเป็นใบ้หรอกนะ!” หยวนชิงหลิงมองเขาอย่างเคือง ๆสวี่อีก็รู้สึกน้อยใจมาก เขาพูดความจริงนี่นาอวี่เหวินห่าวมองไปที่นางอย่างครุ่นคิด “ถึงแม้ว่าข้าไปที่จวนโฮ่ว แต่เจ้ากลับไปทำไม?”หยวนชิงหลิงพูดออกไปอย่าเป็นธรรมชาติว่า “ยังไงข้าก็ต้องกลับ ท่านอ๋องพาคนจากจวนจิงจ้าวไป ถ้าหาข้าไม่พบ ฮุ่ยติ่งโฮ่วมีหรือจะยอมวางมือ เกรงว่าเขาจะทำตัวเป็นหมาบ้ากัดท่านอ๋องไม่ปล่อย”“ไม่ใช่ว่าเจ้าเกลียดข้าเหรอ? ข้าถูกหมาบ้ากัด ไม่ใช่สิ่งที่เจ้าต้องการหรือไง? ” อวี่เหวินห่าวมองไปที่นางความรู้สึกโกรธเกลียดในใจก็จางหายไปหยวนชิงหลิงตบบ่าเขาแล้วพูดอย่างกล้าหาญว่า “เป็นสามีภรรยากันครั้งหนึ่ง ท่านตายด้วยมือข้ามันไม่เป็นไร ตายด้วยมือคนอื่นข้าไม่ยอม”“เจ้าสิตาย!” อวี่เหวินห่าวอารมณ์ไม่ค่อยดียกมือผลักนางออก
อวี่เหวินห่าวอารมณ์ไม่ดีตะโกนไล่หลังหมอหลวงไป “เมื่อไหร่นางจะฟื้นขึ้นมา?”“พระชายาทรงเหนื่อยและอ่อนเพลีย อีกทั้งตกใจและยังเสียเลือดด้วย ให้นางพักสักครู่ก็คงฟื้น” หมอหลวงพูดจบก็รีบเดินออกไป“ผู้หญิงช่างน่ารำคาญ!” อวี่เหวินห่าวจ้องมองใบหน้าของหยวนชิงหลิงที่ยังอาการสาหัส “บาดเจ็บนิดหน่อย ก็เป็นลมหมดสติแล้ว”สวี่อีรู้สึกว่าท่านอ๋องใจร้ายไปหน่อย เขาคิดว่าพระชายาแข็งแกร่งมากแล้ว อยู่ที่จวนโฮ่วโดนทุบตีไป ยังหนีเอาชีวิตรอดออกมาได้ แล้วยังมุดรูสุนัขไปช่วยกู้สถานการณ์ให้พวกเขาอีกผู้หญิงทั่วไปมีความกล้าหาญแบบนี้ที่ไหนกัน? เกรงว่าดีไม่ดีถูกจับตัวไปที่จวนโฮ่วคงร้องไห้ ร้องไห้จนตัวตาย“งั้นกระหม่อมไปเรียกพวกนางกำนัลมาดูแล ท่านอ๋องจะกลับสำนักผู้ตรวจการก่อนไหมพ่ะย่ะค่ะ?” สวี่อีเอ่ยถาม เกรงว่าท่านอ๋องอยู่ที่นี่จะยั่วประสาทพระชายาอีก“ไม่ต้อง ข้าจะอยู่ตรงนี้อีกครู่หนึ่ง เจ้าไปสั่งให้คนเตรียมโจ๊กหรือน้ำแกง รอนางตื่นแล้วค่อยให้ดื่ม” อวี่เหวินห่าวพูดสั่งสวี่อี“พ่ะย่ะค่ะ!” สวี่อีรับคำสั่งแล้วเดินออกไป“ถังหยาง” อวี่เหวินห่าวหันมามองเขา “เจ้ากลับไปที่สำนักผู้ตรวจการก่อน จับตาดูอาการบาดเจ็บของฮุ่ยติ
อวี่เหวินห่าวรู้สึกว่าโลกนี้มันช่างน่าประหลาดตอนแต่งกับหยวนชิงหลิง เขาคิดว่าชั่วชีวิตนี้คงมองนางไม่ได้ และคงไม่มีทางพูดคุยกับนางได้อย่างสงบ แน่นอนเขาไม่เคยใช้คำว่าชั่วชีวิตสามคำนี้กับชีวิตคู่พวกเขาแต่ตอนนี้ เหมือนมีบางอย่างเปลี่ยนไปอย่างปฏิเสธไม่ได้ไม่รู้ว่าเรื่องราวมันเปลี่ยนไปหรือคนที่เปลี่ยนไปพูดถึงเรื่องเปลี่ยนไป เขาเองก็ค่อย ๆ มองหยวนชิงหลิง มองออกว่า นางได้เปลี่ยนไปแล้ว ไม่ว่าจะพูดหรือทำอะไรล้วนไม่เหมือนเดิมจำได้ว่าตอนเพิ่งแต่งงาน นางหาข้ออ้างเข้าหาเขาครั้งแล้วครั้งเล่า ทั้งส่งเสื้อผ้า น้ำแกง หรือเย็บกระเป๋าเงิน เขาไม่เคยสนใจเลยสักนิด ในแววตาของนางเต็มไปด้วยความขุ่นเคืองและเศร้าโศกเสียใจอย่างชัดเจน แต่ตอนนั้นเขาก็ไม่ใส่ใจ รู้สึกมีความสุขที่เห็นนางเจ็บปวดเพราะเขารังเกียจ เพราะเขาเกลียดชัง เขาชอบและรู้สึกสะใจทุกครั้งเมื่อได้เห็นนางอับอายแต่งงานผ่านไปครึ่งปี เขาเองก็เริ่มจะเบื่อหน่ายกับการทำให้นางอับอายและไม่อยากเจอหน้านางอีก ถ้าไม่ใช่ว่านางเข้าวังไปพูดกับไทเฮาว่าพวกเขายังไม่ได้ร่วมหอกันอย่างสมบูรณ์ เกรงว่าถึงตอนนี้ พวกเขาก็คงยังไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันเขานึกขึ้นได้ว่า
เธอขี้เกียจขยับ ทำเขาตื่นขึ้นมาต้องถามเธอไม่น้อยแน่ เธอไม่อยากอธิบายแล้วเธอหลับตาลง พยายามย้อนกลับไปในความฝัน ในความฝันแม้แต่ตุ๊กตาตัวเล็ก ๆ ก็ยังทำให้เธอโหยหาอาลัยอาวรณ์ได้ขนาดนี้เลยตื่นขึ้นมาทำไม?ข้อมูลของลิงตัวนั้น เมื่อก่อนก็เห็นมาไม่ใช่น้อย ยาออกฤทธิ์ก็จริง แต่ถ้าไม่ได้ดูกราฟคลื่นสมองนั้นและดูพฤติกรรมประจำวันของมันพบได้เลยว่ามันฉลาดมาก ๆ ไม่อย่างนั้นมันคงแอบหนีออกไม่ได้และถูกรถชนตายหรอกเธอนึกสงสัยขึ้นมา หลังจากลิงตัวนั้นตายแล้ว จะมีการทะลุมิติโอนร่างวิญญาณมาที่นี่หรือไม่?เฮ้ย ช่างน่าขบคิดเสียจริง หัวของคนนั้นหนักจริง ๆเธอหันหน้าไปมองเขาอย่างระมัดระวัง ทำได้เพียงมองเขาได้อย่างละเอียดตอนเขาหลับ เธอไม่ได้คิดอะไรแอบแฝง หรือว่าเขาหลงตัวเองที่สุดมองเขานาน ๆ ก็รู้สึกเหมือนจะตกหลุมรักได้เลยพูดกันตรง ๆ เขาดูดีมากอวัยวะทั้งห้าบนใบหน้าใกล้เคียงกับคำว่าสมบูรณ์แบบ ถ้าให้พูดจริง ๆ รูปหน้านั้นทั้งแข็งทื่อทั้งเย็นชา คนแบบนี้ยิ้มแย้มขึ้นมาก็ทำให้คนอื่นหนาวสั่นได้โดยเฉพาะตอนที่ลืมตาขึ้นมาแบบทันทีทันใด แสงเย็นวาบในแววตาไม่ต้องสร้างปรากฏขึ้นมาเหมือนสายฟ้าฟาด เหมือนในตอนนี้...เธอ
“ทำไม? เจ้าเองก็สงสัยในคำสั่งของข้าหรือ?” อวี่เหวินห่าวกวาดสายตามองราวกับแสงฟ้าแล่บแม่นมฉีรีบก้มหัว “มิบังอาจเพคะ”หยวนชิงหลิงโกรธจนปากสั่น “อวี่เหวินห่าว ท่านกลัวตระกูลฉู่หรือไง? หรือว่าท่านยังเห็นแก่ฉู่หมิงชุ่ย เลยปล่อยคนตระกูลฉู่ไปแบบนี้?”สีหน้าของอวี่เหวินห่าวดำมืด “เจ้าอย่าพูดถึงคนที่ไม่เกี่ยวข้อง”หยวนชิงหลิงมองเขาด้วยความรู้สึกผิดหวัง “ข้าคงจะเดาถูก ท่านยังเห็นแก่ฉู่หมิงชุ่ย เลยไม่คิดผูกพยาบาททำร้ายตระกูลฉู่ ข้ามองท่านผิดไปจริง ๆ คิดว่าท่านเป็นคนฉลาด รู้จักหลบหลีกแสวงหาโชคลาภ วันนี้ท่านปล่อยฮุ่ยติ่งโฮ่ว แล้ววันที่ท่านร้องไห้ต้องมาถึง”อวี่เหวินห่าวสะบัดแขนเสื้ออย่างโกรธ ๆ “ช่างไม่เข้าใจอะไรเลย!” พูดจบก็เดินจากไปอย่างเย็นชาหยวนชิงหลิงมองแผ่นหลังของเขา ในใจเต็มไปด้วยความโกรธ อีกนิดเดียวเธอก็เกือบต้องเอาชีวิตกับความบริสุทธิ์ไปแลกกับโอกาสนี้มา เขากลับเห็นแก่ผู้หญิงอีกคนนึงและทิ้งมันไปอย่างง่ายดาย เธอต้องลำบากลำบนอย่างเปล่าประโยชน์หรือนี่?แม่นมฉีถอนหายใจเบา ๆ “พระชายาอย่าโกรธเลยนะเพคะ ท่านอ๋องทรงคิดเพื่อท่าน” “เพื่อข้า?” หยวนชิงหลิงยิ้มเย็นชา “ถ้าเพื่อข้า ก็ไปรายงานตามคว