อวี่เหวินห่าวอารมณ์ไม่ดีตะโกนไล่หลังหมอหลวงไป “เมื่อไหร่นางจะฟื้นขึ้นมา?”“พระชายาทรงเหนื่อยและอ่อนเพลีย อีกทั้งตกใจและยังเสียเลือดด้วย ให้นางพักสักครู่ก็คงฟื้น” หมอหลวงพูดจบก็รีบเดินออกไป“ผู้หญิงช่างน่ารำคาญ!” อวี่เหวินห่าวจ้องมองใบหน้าของหยวนชิงหลิงที่ยังอาการสาหัส “บาดเจ็บนิดหน่อย ก็เป็นลมหมดสติแล้ว”สวี่อีรู้สึกว่าท่านอ๋องใจร้ายไปหน่อย เขาคิดว่าพระชายาแข็งแกร่งมากแล้ว อยู่ที่จวนโฮ่วโดนทุบตีไป ยังหนีเอาชีวิตรอดออกมาได้ แล้วยังมุดรูสุนัขไปช่วยกู้สถานการณ์ให้พวกเขาอีกผู้หญิงทั่วไปมีความกล้าหาญแบบนี้ที่ไหนกัน? เกรงว่าดีไม่ดีถูกจับตัวไปที่จวนโฮ่วคงร้องไห้ ร้องไห้จนตัวตาย“งั้นกระหม่อมไปเรียกพวกนางกำนัลมาดูแล ท่านอ๋องจะกลับสำนักผู้ตรวจการก่อนไหมพ่ะย่ะค่ะ?” สวี่อีเอ่ยถาม เกรงว่าท่านอ๋องอยู่ที่นี่จะยั่วประสาทพระชายาอีก“ไม่ต้อง ข้าจะอยู่ตรงนี้อีกครู่หนึ่ง เจ้าไปสั่งให้คนเตรียมโจ๊กหรือน้ำแกง รอนางตื่นแล้วค่อยให้ดื่ม” อวี่เหวินห่าวพูดสั่งสวี่อี“พ่ะย่ะค่ะ!” สวี่อีรับคำสั่งแล้วเดินออกไป“ถังหยาง” อวี่เหวินห่าวหันมามองเขา “เจ้ากลับไปที่สำนักผู้ตรวจการก่อน จับตาดูอาการบาดเจ็บของฮุ่ยติ
อวี่เหวินห่าวรู้สึกว่าโลกนี้มันช่างน่าประหลาดตอนแต่งกับหยวนชิงหลิง เขาคิดว่าชั่วชีวิตนี้คงมองนางไม่ได้ และคงไม่มีทางพูดคุยกับนางได้อย่างสงบ แน่นอนเขาไม่เคยใช้คำว่าชั่วชีวิตสามคำนี้กับชีวิตคู่พวกเขาแต่ตอนนี้ เหมือนมีบางอย่างเปลี่ยนไปอย่างปฏิเสธไม่ได้ไม่รู้ว่าเรื่องราวมันเปลี่ยนไปหรือคนที่เปลี่ยนไปพูดถึงเรื่องเปลี่ยนไป เขาเองก็ค่อย ๆ มองหยวนชิงหลิง มองออกว่า นางได้เปลี่ยนไปแล้ว ไม่ว่าจะพูดหรือทำอะไรล้วนไม่เหมือนเดิมจำได้ว่าตอนเพิ่งแต่งงาน นางหาข้ออ้างเข้าหาเขาครั้งแล้วครั้งเล่า ทั้งส่งเสื้อผ้า น้ำแกง หรือเย็บกระเป๋าเงิน เขาไม่เคยสนใจเลยสักนิด ในแววตาของนางเต็มไปด้วยความขุ่นเคืองและเศร้าโศกเสียใจอย่างชัดเจน แต่ตอนนั้นเขาก็ไม่ใส่ใจ รู้สึกมีความสุขที่เห็นนางเจ็บปวดเพราะเขารังเกียจ เพราะเขาเกลียดชัง เขาชอบและรู้สึกสะใจทุกครั้งเมื่อได้เห็นนางอับอายแต่งงานผ่านไปครึ่งปี เขาเองก็เริ่มจะเบื่อหน่ายกับการทำให้นางอับอายและไม่อยากเจอหน้านางอีก ถ้าไม่ใช่ว่านางเข้าวังไปพูดกับไทเฮาว่าพวกเขายังไม่ได้ร่วมหอกันอย่างสมบูรณ์ เกรงว่าถึงตอนนี้ พวกเขาก็คงยังไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันเขานึกขึ้นได้ว่า
เธอขี้เกียจขยับ ทำเขาตื่นขึ้นมาต้องถามเธอไม่น้อยแน่ เธอไม่อยากอธิบายแล้วเธอหลับตาลง พยายามย้อนกลับไปในความฝัน ในความฝันแม้แต่ตุ๊กตาตัวเล็ก ๆ ก็ยังทำให้เธอโหยหาอาลัยอาวรณ์ได้ขนาดนี้เลยตื่นขึ้นมาทำไม?ข้อมูลของลิงตัวนั้น เมื่อก่อนก็เห็นมาไม่ใช่น้อย ยาออกฤทธิ์ก็จริง แต่ถ้าไม่ได้ดูกราฟคลื่นสมองนั้นและดูพฤติกรรมประจำวันของมันพบได้เลยว่ามันฉลาดมาก ๆ ไม่อย่างนั้นมันคงแอบหนีออกไม่ได้และถูกรถชนตายหรอกเธอนึกสงสัยขึ้นมา หลังจากลิงตัวนั้นตายแล้ว จะมีการทะลุมิติโอนร่างวิญญาณมาที่นี่หรือไม่?เฮ้ย ช่างน่าขบคิดเสียจริง หัวของคนนั้นหนักจริง ๆเธอหันหน้าไปมองเขาอย่างระมัดระวัง ทำได้เพียงมองเขาได้อย่างละเอียดตอนเขาหลับ เธอไม่ได้คิดอะไรแอบแฝง หรือว่าเขาหลงตัวเองที่สุดมองเขานาน ๆ ก็รู้สึกเหมือนจะตกหลุมรักได้เลยพูดกันตรง ๆ เขาดูดีมากอวัยวะทั้งห้าบนใบหน้าใกล้เคียงกับคำว่าสมบูรณ์แบบ ถ้าให้พูดจริง ๆ รูปหน้านั้นทั้งแข็งทื่อทั้งเย็นชา คนแบบนี้ยิ้มแย้มขึ้นมาก็ทำให้คนอื่นหนาวสั่นได้โดยเฉพาะตอนที่ลืมตาขึ้นมาแบบทันทีทันใด แสงเย็นวาบในแววตาไม่ต้องสร้างปรากฏขึ้นมาเหมือนสายฟ้าฟาด เหมือนในตอนนี้...เธอ
“ทำไม? เจ้าเองก็สงสัยในคำสั่งของข้าหรือ?” อวี่เหวินห่าวกวาดสายตามองราวกับแสงฟ้าแล่บแม่นมฉีรีบก้มหัว “มิบังอาจเพคะ”หยวนชิงหลิงโกรธจนปากสั่น “อวี่เหวินห่าว ท่านกลัวตระกูลฉู่หรือไง? หรือว่าท่านยังเห็นแก่ฉู่หมิงชุ่ย เลยปล่อยคนตระกูลฉู่ไปแบบนี้?”สีหน้าของอวี่เหวินห่าวดำมืด “เจ้าอย่าพูดถึงคนที่ไม่เกี่ยวข้อง”หยวนชิงหลิงมองเขาด้วยความรู้สึกผิดหวัง “ข้าคงจะเดาถูก ท่านยังเห็นแก่ฉู่หมิงชุ่ย เลยไม่คิดผูกพยาบาททำร้ายตระกูลฉู่ ข้ามองท่านผิดไปจริง ๆ คิดว่าท่านเป็นคนฉลาด รู้จักหลบหลีกแสวงหาโชคลาภ วันนี้ท่านปล่อยฮุ่ยติ่งโฮ่ว แล้ววันที่ท่านร้องไห้ต้องมาถึง”อวี่เหวินห่าวสะบัดแขนเสื้ออย่างโกรธ ๆ “ช่างไม่เข้าใจอะไรเลย!” พูดจบก็เดินจากไปอย่างเย็นชาหยวนชิงหลิงมองแผ่นหลังของเขา ในใจเต็มไปด้วยความโกรธ อีกนิดเดียวเธอก็เกือบต้องเอาชีวิตกับความบริสุทธิ์ไปแลกกับโอกาสนี้มา เขากลับเห็นแก่ผู้หญิงอีกคนนึงและทิ้งมันไปอย่างง่ายดาย เธอต้องลำบากลำบนอย่างเปล่าประโยชน์หรือนี่?แม่นมฉีถอนหายใจเบา ๆ “พระชายาอย่าโกรธเลยนะเพคะ ท่านอ๋องทรงคิดเพื่อท่าน” “เพื่อข้า?” หยวนชิงหลิงยิ้มเย็นชา “ถ้าเพื่อข้า ก็ไปรายงานตามคว
ตอนที่หยวนชิงผิงกลับจวน ก่อนจากไปนางก็เข้าไปกอดหยวนชิงหลิงและพูดเสียงเบาว่า “ขอบคุณ พี่ใหญ่”คำว่าพี่ใหญ่ที่เรียกหยวนชิงหลิง ทำให้ใจของหยวนชิงหลิงนุ่มฟูไปหมดเธอพิจารณาอยู่นาน รู้สึกว่าตัวเองยอมรับเรื่องที่อวี่เหวินห่าวบอกว่าจะทำไม่ได้“ท่านอ๋องอยู่ที่จวนไหม?” เธอถามแม่นมฉี“อยู่เพคะ ท่านอ๋องอยู่ในห้องตำรา”“ข้าจะไปหาเขา” หยวนชิงหลิงจัดเสื้อผ้าของเธอและเดินออกไปยามพลบค่ำ บรรยากาศในสวนที่ย้อมไปด้วยสีสันยามสนธยา ให้ความรู้สึกสงบสุขและนุ่มนวล ควันสีขาวจากห้องครัวลอยละล่องอ้อยอิ่งในอากาศ ลมหายใจของคนที่หายใจออกมาเป็นควันสีขาวอย่างช้า ๆ เต็มไปทั่ว ให้ความรู้สึกทั้งจริงทั้งเลือนลางราวกับภาพลวงตาเรื่องราวที่ผ่านมาทั้งหมดในวันนี้ ทำให้หยวนชิงหลิงรู้สึกถึงการมีชีวิตอยู่ในยุคนี้อย่างแท้จริง ไม่ใช่การใช้ชีวิตอย่างธรรมดาเรียบง่ายมาถึงห้องตำรา มีหญิงรับใช้ยกสำรับอาหารและน้ำชาอยู่ที่หน้าประตูพอดี หยวนชิงหลิงพูดเสียงเบากับนาง “มาข้าเอง!”หญิงรับใช้ย่อตัวรับคำ “เพคะ!”หยวนชิงหลิงยกสำรับอาหารเข้าไป ในห้องจุดเทียนสองเล่ม แสงสว่างนั้นพริ้วไหวและหรี่ลงเขาอยู่ที่โต๊ะคัดลายมือ บนพื้นเต็มไปด้ว
หยวนชิงหลิงพูดกับอวี่เหวินห่าวว่า “ท่านต้องรับปากข้าก่อน”“อย่าพูดอะไรเหลวไหลไร้สาระ กินข้าว!” เขาจับข้อมือเธอแล้วดึงเข้ามา “กินข้าวเป็นเพื่อนข้าหน่อย”“ข้ากินแล้ว ดื่มน้ำแกงแล้วด้วย”“เช่นนั้นก็มารับใช้ข้าตอนกินข้าว”“รับคำสั่งเพคะ!” หยวนชิงหลิงกรอกตาดูเหมือนว่าเขาจะหิวมาก ข้าวมื้อนั้นถูกเขากวาดเรียบ แม้แต่ข้าวสักเม็ดก็ไม่มีเหลือ“หิวขนาดนั้นเลยเหรอ? ให้ข้าเรียกคนให้ทำเพิ่มไหม?” เธอจำได้ว่าเขาเข้มงวดควบคุมการกินของตัวเอง เขากินอย่างบ้าคลั่งเช่นนี้ เห็นได้ชัดเลยว่าต้องหิวสุด ๆ“ไม่ต้อง ช่วยข้าเปลี่ยนชุด ข้าจะเข้าวังไปกราบทูล”หยวนชิงหลิงกระโดดขึ้นมาและพูดอย่างชอบอกชอบใจ “เพคะ!”ทั้งสองกลับไปที่ตำหนักเสี่ยวเย่ว หยวนชิงหลิงเปิดหีบเสื้อผ้า เห็นเสื้อผ้าถูกพับวางไว้เรียบร้อยเลยหันไปถามเขา “ใส่ชุดไหนดี?”“ชุดทางการ!” เขาตอบกลับด้วยอรมณ์ไม่ค่อยดี“อื้อ!” เธอปิดหีบเสื้อผ้า เดินไปที่ราวแขวนเสื้อ ถอดเสื้อทางการที่เขาเพิ่งถอดแขวนไว้ เธอยื่นมือไปแตะลูบลายปักอันวิจิตรงดงาม ที่เป็นสัญลักษณ์แสดงถึงอำนาจ เสื้อคลุมสีม่วงคาดด้วยเข็ดขัดหยกทองแบ่งสัดส่วนบนล่างอย่างเหมาะสม ช่างสมบูรณ์แบบหม
ไม่ได้รอจนอวี่เหวินห่าวกลับมา แต่ก็รอจนถังหยางกลับมาแล้วเสื้อผ้าของถังหยางเสียหายยับเยินไปทั่วตัว ถังหยางเข้ามาด้วยสภาพที่น่าอับอาย “พระชายา ผู้มีพระคุณของท่านอยู่ที่สวนด้านนอกแล้ว แต่ว่ามีผู้มีพระคุณตัวนึง ให้ตายยังไงก็จะมากับกระหม่อม กระหม่อมเองก็จำใจ ได้แต่พามันกลับมาด้วย”หยวนชิงหลิงมองออกไปดูด้วยความแปลกใจ ใครกันนะที่ยังไงก็จะมาให้ได้?เห็นสวี่อีจูงสุนัขสีดำหูตั้งเข้ามาด้วย มันเป็นสุนัขที่ให้หยวนชิงหลิงหนีไป ตอนนี้มันนั่งยอง ๆ อยู่กับพื้นหูตั้งขึ้น มันอ้าปากแลบลิ้นที่มีจุดด่าง ๆ มองเธอ ทั้งตัวของมันสกปรกมากและบาดเจ็บ บนขนของมันเปื้อนเลือด มีรอยแส้ฟาดพาดผ่านไปทั่วทั้งตัว แส้ฟาดจนเนื้อเปิดเหวอะหวะ มีขนร่วงเป็นหย่อม ๆ เผยให้เห็นเลือดเนื้อที่เป็นแผลสด มองดูแล้วน่ากลัวมากแต่ตอนนี้มันนั่งอยู่บนพื้น ความโหดเหี้ยมดุร้ายของมันก่อนหน้านี้ได้หายไปหมดแล้ว สองตากลมโต จ้องมองหยวนชิงหลิงอย่างแน่วแน่หยวนชิงหลิงรีบก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว ทั่วทั้งตัวของมัน มีแค่หัวเท่านั้นที่ไม่มีแผล เธอยื่นมือออกไปลูบหัวมัน “เด็กดี”“โฮ่ง โฮ่ง โฮ่ง!” หมาสีดำตัวนั้นพุ่งไปข้างหน้าเห่าเรียกเธอ หางกระดิก
“เวียนหัว เวียนหัวมาก!” หยวนชิงหลิงรีบออดอ้อนอวี่เหวินห่าว “เมื่อครู่ไม่ทันรู้สึก พอได้หยุดอยู่นิ่ง ๆ แล้วก็รู้สึกเวียนหัวมากเลย”“เด็ก ๆ ช่วยพาพระชายากลับห้อง ” อวี่เหวินห่าวออกคำสั่ง ลวี่หยารีบไปข้างหน้าช่วยหยวนชิงหลิง หยวนชิงหลิงซบพิงศีรษะที่เตี้ยกว่าครึ่งหนึ่งของลวี่หยาแล้วค่อย ๆ เดินกลับไปขันทีมู่หรูส่ายหน้าด้วยความรู้สึกสงสาร “ช่างน่าสงสาร แค่ไม่กี่วันที่ไม่ได้พบ พระชายา ผอมลงไปมาก”ในใจของอวี่เหวินห่าวยิ้มเย็น สงสาร? ไม่ได้รู้สึกแบบนั้นจริง ๆ หรอก รู้สึกน่าเกลียดน่าชังซะมากกว่าหลังจากส่งขันทีมู่หรูกลับแล้ว อวี่เหวินห่าวก็ตรงไปที่ตำหนักเฝิงอี้ทันทีที่ก้าวเข้าไปที่ประตู ก็พบสุนัขสีดำตัวให้วิ่งออกมาขวางทางและเห่าใส่อย่างดุร้าย เขากลัวเงาของหมาตัวนั้นกระโจนใส่เสียจนขาอ่อนไปหมดหยวนชิงหลิงพิงประตูแล้วเรียกเจ้าหมา “ตัวเป่า อย่าดุสิ รู้จักไว้ นี่พ่อของเจ้า”“เจ้าสิพ่อมัน” อวี่เหวินห่าวขมวดคิ้วพูดต่อไป “ใครพามันมา? รีบพามันกลับไปซะ”หยวนชิงหลิงพูดไปว่า “ตัวเป่า ออกไปเล่นเถอะ”ตัวเป่ากระดิกหางอย่างเชื่อฟังและออกไปแล้ว“ตัวเป่า? มีชื่อให้มันด้วย?” อวี่เหวินห่าวพูดอย่างโกรธเ