“เกือบไปแล้วเจ้าก้อนหิน เกือบเข้าไปยุ่งวุ่นวายกับชะตาชีวิตของท่านอาเสียแล้ว”
“ข้าก็แค่สงสารที่นางหลงทางเท่านั้น ไม่ได้ทำอะไรเสียหน่อย ต้องโทษเจ้ามารตนนั้นที่หานางไม่เจอเสียที ข้าก็แค่ทำให้เขาหานางได้เจอเร็วขึ้นกว่าเดิมก็เท่านั้น”
“ท่านอากลับมาเมื่อไหร่ข้าจะเล่าเรื่องนี้ให้นางฟัง แล้วก็จะบอกท่านซือมิ่งว่าเจ้าฝืนลิขิตฟ้า”
“ข้าไม่ได้ฝ่าฝืนเสียหน่อย ท่านเกาเจี๋ยหยุดเดี๋ยวนี้ จะไปไหนรอข้าน้อยก่อน"
*****
เมื่อมาถึงเรือนไข่มุก หลี่จื้อฉิงก็ยังไม่ตื่น ลำบากไช่เสิ่งเจี๋ยต้องพานางเข้าไปพักผ่อน ยามดึกที่เรือนของนางมักจะไม่มีนางกำนัลหรือหญิงรับใช้เป็นปกติอยู่แล้ว ชายหนุ่มจึงต้องเป็นฝ่ายดูแลเช็ดเนื้อเช็ดตัวให้แก่นาง
เสื้อคลุมตัวนอกที่ตัดเย็บจากผ้าไหมชั้นดีถูกเขาช่วยจัดการถอดออกอย่างใจเย็น กระทั่งเหลือเพียงชุดตัวในสีขาวตัวสุดท้าย นางไปตกระกำลำบากมาตลอดทั้งวันกลิ่นกายของนางก็ยังหอมกรุ่น
ไช่เสิ่งเจี๋ยทำจมูกฟุดฟิดอย่างหลงลืมตัว เข
ท่าทางของไช่เสิ่งเจี๋ยดูอารมณ์ดี เมื่อนางบอกเขาไปว่าจะไปหาเหลียนซูเยว่ได้ที่ไหน แต่เมื่อเอ่ยถึงคู่หมั้นของนางสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป ทุกครั้งที่เขาโกรธดวงตาของไช่เสิ่งเจี๋ยจะเปลี่ยนไปเป็นสีเทา เมื่อโทสะลดน้อยลงจึงกลับมาเป็นสีนิลเช่นปกติเขาน่าจะพึงใจในตัวของเหลียนซูเยว่อยู่ไม่น้อย เมื่อคิดถึงเรื่องนั้นสีหน้าของหลี่จื้อฉิงพลันบูดบึ้ง แน่นอนอยู่แล้วว่า ทุกคนในแผ่นดินกล่าวถึงบุตรสาวจากจวนเสนาบดีว่าเช่นไรอ่อนหวาน งดงาม จิตใจดี ชอบช่วยเหลือผู้อื่น เปี่ยมล้นไปด้วยเสน่ห์ที่ทำให้ผู้คนหลงรัก ทุกอย่างล้วนแล้วแต่ตรงข้ามกับนางทั้งสิ้น ระหว่างเดินทางไปตำหนักราชบุตรเขย นางจำไม่ได้เลยว่าถอนหายใจไปแล้วกี่ครั้งบ่าวรับใช้ที่เดินตามหลังต่างก็หวั่นวิตกเดาอารมณ์ของนางไม่ถูก ไม่รู้ว่าที่ถอนหายใจนั่น เพราะรำคาญ หงุดหงิด หรือขุ่นเคืองใจอะไรในตัวพวกนางหรือเปล่า หลี่จื้อฉิงเองก็สัมผัสได้ว่านางกำนัลที่เดินตามหลังนางต้อย ๆ กำลังหวั่นเกรงในอารมณ์ของนาง“พวกเจ้า รออยู่แถวนี้ ไว้ข้าจัดการเรื่องที่ตำหนักราชบุตรเขยเสร็จแล้ว
เมื่อได้ออกไปนอกวังไช่เสิ่งเจี๋ยมิได้ไปที่ร้านน้ำชาในป่าไผ่โดยทันที แต่ตั้งใจทำธุระสำคัญของตนให้เสร็จเรียบร้อยเสียก่อน เป็นเพราะตอนที่พบกับเหลียนซูเยว่ในตลาดวันนั้น เขาจึงได้เรียนรู้เส้นทางในเมืองหลวงได้คร่าว ๆ เมื่อเดินพ้นประตูวังหลวงพอสมควรเขาก็เริ่มตามหาผู้ภักดีต่อเฉียนซีผู้เป็นองค์ชายรัชทายาทแห่งเฉียนซี ผิวปากเพลงกล่อมเด็กที่เป็นที่นิยมในแคว้นของตนเองไปเรื่อย ๆ ตลอดทาง หากชาวแคว้นเฉียนซีได้ยินท่วงทำนองที่เขาผิวปาก เชื่อว่าจะต้องปรากฏตัวกระทั่งมาหยุดอยู่ที่จัตุรัสใจกลางเมืองหลวง ผู้คนที่ได้ยินเสียงผิวปากของไช่เสิ่งเจี๋ยและรู้ว่ามันสื่อความหมายใด ก็ปรากฏตัวขึ้นทีละคนสองคน“คุณชาย เชิญไปดื่มน้ำชาที่โรงเตี๊ยมของข้าน้อยดีหรือไม่” ชายวัยกลางคนเดินเข้ามาทักทาย หนวดเครายาวเป็นสีเทา ใบหน้าดูอิ่มเอิบมั่งคั่งเขาเหลือบตามองชายผู้นั้นอยู่ครู่หนึ่ง เมื่อเห็นสัญลักษณ์ที่ปะปนอยู่บนลวดลายบนเสื้อผ้าที่เขาสวมใส่ ไช่เสิ่งเจี๋ยยิ้มเล็กน้อยและเดินตามไปร้านน้ำชาขนาดใหญ่ ตั้
“ไม่คิดว่าจะได้พบเจ้าที่นี่อาเสิ่ง” เหลียนซูเยว่กล่าวอย่างอารมณ์ดี แต่บุรุษที่อยู่เคียงข้างนางมิได้อารมณ์ดีตามไปด้วยผู้เป็นบุตรชายแม่ทัพนั่งทำหน้าบูดบึ้งไม่สบอารมณ์ ผิดกับไช่เสิ่งเจี๋ยที่นั่งยิ้มแย้มอย่างมีความสุข“เจ้านายของเจ้าอนุญาตให้เจ้าออกมาเที่ยวเล่นได้ด้วยงั้นหรือ” ปั๋วเจิ้งไม่ยักรู้ว่าหลี่จื้อฉิงจะมีด้านที่ใจดีเช่นนี้ด้วย “ไม่ใช่ว่าเจ้าลักลอบออกมาใช่หรือไม่” ปั๋วเจิ้งพยายามพูดอ้อม ๆ ว่าเขาเป็นเพียงทาสรับใช้ของสตรีผู้นั้น“ไม่ขอรับคุณชายปั๋ว วันนี้เป็นวันหยุด นางอนุญาตให้ข้าออกมาเที่ยวเล่นนอกวัง” นั่นเป็นเรื่องโกหกที่เขาตั้งใจเอาไว้อยู่แล้ว“คนเช่นหลี่จื้อฉิงจะอนุญาตให้บ่าวของตนเองออกมานอกวังเนี่ยนะ ช่างประหลาดดีนัก” หลี่จื้อฉิงที่เขาจำได้ นางไม่ได้มีน้ำใจไมตรีต่อผู้คนที่สถานะด้อยกว่านางสักเท่าใดนัก หรือแม้กระทั่งผู้ที่สูงส่งอยู่เหนือกว่านาง นางก็สามารถลากคอคนผู้นั้นลงมาเหยียบย่ำได้ไช่เสิ่งเจี๋ยแววตาดำมืด คนผู้นี้จะหยุดซักไซ้เขาได้หรือยัง“เอาเถอะ อย่าเ
เมื่อได้ใกล้ชิดกันนางถึงเพิ่งจะเห็นว่าดวงตาของนางเป็นสีน้ำตาลอ่อนงดงามแปลกตา ไช่เสิ่งเจี๋ยหัวใจเต้นระรัว ใบหน้าที่ปกติจะฉาบไปด้วยความร้ายกายวันนี้ดูเศร้าสร้อย จนน่ากังวลใจ“วันนี้เกิดเรื่องอะไรขึ้นกับท่าน” เขาพลั้งปากพูดออกไปนางหลุบตาต่ำ เบือนหน้าหนีไม่ต้องการให้เขารู้ว่าเวลานี้สภาพจิตใจของนางเป็นเช่นไร“ไม่มีสิ่งใดหรอก ใส่ใจเรื่องของเจ้าเถิด น่าเสียดายที่เจ้าฆ่าข้าตอนนี้ไม่ได้” นางยิ้มอย่างขมขื่น มือเรียวสัมผัสใบหน้าของอีกฝ่ายอย่างหลงลืมตัว เพราะความมึนเมาทำให้นางกล้าที่จะกระทำเช่นนี้ หญิงสาวใช้สองมือประคองใบหน้าของบุรุษที่ตัวสูงกว่าอย่างอ่อนโยนหลี่จื้อฉิงได้ยินเสียงหายใจและหัวใจที่เต้นระรัวของไช่เสิ่งเจี๋ย นางยื่นใบหน้าขยับขึ้นไปจุมพิตริมฝีปากหยักของชายหนุ่มร่างสูงกอดประคองร่างนุ่มนิ่มของหลี่จื้อฉิงเอาไว้แน่นมิยอมปล่อย ทั้งที่รังเกียจนางถึงเพียงนี้ แต่กระนั้นวันนี้ก็มิอาจผลักไสนางออกไปได้ ริมฝีปากสีแดงสดนุ่มหยุ่นหวานละมุน ใบหน้างดงามที่ซีดเซียวอยู่ตลอดเวลา กลิ
ตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้ที่เขารู้สึกว่าคำพูดเช่นนั้นของนางทำให้หัวใจของเขารู้สึกวูบโหวง ถึงเขาจะต้องการสังหารนางในภายหลัง แต่กระนั้นก็มิอยากให้นางพูดแต่ประโยคนั้นซ้ำไปซ้ำมา“นายหญิง” ไช่เสิ่งเจี๋ยถอนจุมพิตและจับนางนอนลงกับพื้นอีกครั้ง เขาเรียกนางก็จริงแต่ก็มิได้พูดสิ่งใดออกไป ใบหน้าของหลี่จื้อฉิง เป็นสีแดงระเรื่อร่างสูงจุมพิตติ่งหู ไล่มาจนถึงพวงแก้มที่เขาชอบจิ้มเล่นยามเมื่อนางนอนหลับ ที่เปลือกตามีน้ำตาไหลรินเล็กน้อย เขาพรมจูบซับอย่างอ่อนโยนมือแกร่งสัมผัสร่างนุ่มนิ่มหอมละมุนอย่างใจเย็น ชายหนุ่มใช้ปลายนิ้วสัมผัส แตะเรือนร่างสวยงาม ลมหายใจของนางเริ่มไม่เป็นจังหวะไช่เสิ่งเจี๋ยลากเรียวลิ้นจุมพิตที่ลำคอขาวผ่องไออุ่นและกลิ่นกายหอมละมุนปลุกเร้ากระตุ้นให้ร่างกายของเขาที่ตื่นตัว“อาห์...” นางส่งเสียงครวญครางออกมาอย่างน่าละอาย เมื่อรู้ตัวว่า กระทำในสิ่งที่น่ารังเกียจหลี่จื้อฉิงจึงรีบเอามือขึ้นมาปิดปาก “ข้า...ข้าขอโทษ”“เหตุใดต้องขอโทษ” มือหยาบบีบเคล้นฟอน
ของเช่นนั้นจะเข้ามาอยู่ในตัวนางงั้นหรือ หลี่จื้อฉิงคิดถึงกับผงะ หัวสมองของนางตื้อไปหมด นางกลายเป็นสตรีโง่ในชั่วพริบตาเดียวเท่านั้น“เสี่ยวเสิ่ง” นางเรียกชื่อเขา“ขอรับนายหญิง” มือของไช่เสิ่งเจี๋ยยังคงชักรูดมังกรตัวนั้นขึ้นลงในขณะที่สนทนากับนาง“สิ่งพรรค์นั้นจะใส่เข้ามาได้จริง ๆ หรือ” หลี่จื้อฉิงหัวหมุนติ้ว ขนาดของมันใหญ่โตเกินกว่าจะเข้ามาอยู่ตัวของนาง ความจริงในอดีตนางเคยเห็นส่วนนั้นของปั๋วจวิน นางเคยถูกบังคับให้ยืนดูมารดาและชายผู้นั้นร่วมสังวาสกันอยู่หลายครั้งเขาไม่ได้ตอบนาง แต่ยิ้มและโน้มตัวลงมาจุมพิตนางอีกครั้ง ดูเหมือนว่านางมิอาจหยุดการกระทำของอีกฝ่ายได้แล้ว“อาจจะเจ็บสักหน่อย นายหญิง” กระซิบเบา ๆ“มันจะเจ็บด้วยหรือ” แค่คิดว่าจะต้องเจ็บนางก็หวาดกลัว “เสี่ยวเสิ่งข้าไม่ต้องการแล้ว” คำพูดของเขาฟังแล้วดูน่ากลัว นางไม่เคยรู้มาก่อนว่ามันจะต้องเจ็บปวดอะไรแบบนั้นด้วย เพราะสิ่งที่นางเห็นจากการกระทำของมารดา ดูเห
ไม่รู้ว่าเมื่อคืนหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่นางจำได้ดีกว่าเกิดอะไรขึ้นเมื่อแสงแรกของวันสาดส่องเข้ามาภายในห้องนอน หลี่จื้อฉิงทำท่าจะลุกขึ้น แต่ยังไม่ทันได้ลุกออกจากเตียงไปไหน นางก็ถูกใครบางคนคว้าเอวเอาไว้“นายหญิงตื่นแล้วหรือ” น้ำเสียงนุ่มทุ้มของบุรุษผู้หนึ่งส่งเสียงทักทาย“ข้าต้องตื่นแล้ว” นางแงะมือเขาออกจากเอว“ท่านเดินไหวเหรอ” ไช่เสิ่งเจี๋ยไม่ยอมปล่อย ซ้ำยังรั้งนางมานอนกอดเอาไว้เช่นเดิม“...” จริงอย่างที่เขาพูดส่วนล่างของนางปวดหนึบไปหมด ร่างกายหนักอึ้งราวกับถูกหินก้อนใหญ่หล่นลงมาทับ“ข้า มีธุระต้องทำ”“ใช้นางกำนัลสิ” เขาบอกกับนาง “ให้พวกนางทำให้”“องค์ชายปล่อย” นางดิ้นรนกระทั่งหล่นตุบลงข้างเตียง“เมื่อคืนท่านไม่เห็นจะดื้อดึงเช่นนี้” เขากล่าว“เรื่องเมื่อคืนคือเมื่อคืน คิดว่าเมื่อได้หลับนอนกับข้าแล้ว ระหว่างเราจะมีสิ่งใดเปลี่ยนไปงั้น
เพราะประโยคที่บอกว่าให้นางไปพาตัวของเฉินหว่านเซียนออกมาเอง หลี่จื้อฉิงจึงมาหยุดอยู่ที่หน้าจวนแม่ทัพใหญ่ พร้อมด้วยคนของตนอีกหลายสิบคนเพื่อให้มั่นใจว่าตนนั้นจะปลอดภัยจากคนที่นี่รถม้าคันใหญ่ประดับด้วยเครื่องประดับหรูหราบ่งบอกถึงสถานะของผู้เป็นเจ้าของ ขยับเคลื่อนมาหยุดอยู่หน้าจวนแม่ทัพ ชาวบ้านและประชาชนต่างออกมามุงดูด้วยความสนใจ มันเป็นแผนการของหลี่จื้อฉิง ให้คนรู้ให้มากที่สุด น่าจะดีกับตัวนางที่สุดอย่างน้อย ๆ ปั๋วจวินก็มิอาจจะกระทำการสุ่มสี่สุ่มห้าได้อย่างที่ใจอยากกระทำ นางคาดหวังให้เป็นเช่นนั้น ร่างเล็กปรับลมหายใจบนรถม้าอยู่ครู่หนึ่งยืดแผ่นหลัง ก้าวขาลงจากรถม้าท่าทางสง่างามนานทีปีหนหลี่จื้อฉิงจะปรากฏตัวสักครั้ง ความงดงามของนางสะกดสายตาของผู้คนในบริเวณนั้นจนเงียบสงบราวกับป่าช้า ใบหน้างดงามเรียบเฉยมิได้แสดงความรู้สึกใด“ท่านหญิง” บุรุษสวมชุดแพรสีน้ำเงินเข้ม ไว้หนวดเคราสีน้ำตาลอายุไม่น่าจะเกินสี่สิบปี เดาว่าน่าจะเป็นพ่อบ้านจวนแม่ทัพ เขาเป็นผู้ออกมาต้อนรับการมาเยือนของนาง“ข้ามาตามคนของข้าคืน”ท่าทางสูงส่งท
เป็นเพราะทั้งซื่อหานและหงหลางต่างก็เป็นเทพและมารที่อยู่มาในยุคฟ้าปางก่อน เป็นเทพมารบรรพกาลที่เหลืออยู่เพียงไม่กี่องค์ในยุคนี้ การที่ทั้งคู่คบหากันจึงไม่มีใครคัดค้านแม้กระทั่งเทียนตี้เองก็มิกล้ามีปากมีเสียง คงเพราะหวั่นเกรงกลัวว่า มหาเทพซื่อหานจะบุกมาพังตำหนักของตนไม่ก็ถูกมหาจอมมารขโมยผลไม้เซียนที่เขาปลูกเอาไว้ จึงปล่อยเลยตามเลยทำปิดหูปิดตาไม่สนใจ แม้จะกังวลเรื่องการรวมดินแดนเพียงไหนก็ตามในอดีตนางและเขาทะเลาะกันจนทำให้ดินแดนทั้งสองแยกขาดจากกัน นางแกล้งเขาด้วยการสร้างโซ่เส้นหนึ่งขังเขาเอาไว้ในตำหนัก หงหลางโกรธจัด นับตั้งแต่นั้นมา สองดินแดนจึงถูกแยกออกจากกัน ถึงเวลาที่เขาและนางจะช่วยกันรวมดินแดนผนึกแผ่นดินเข้าหากันอีกครั้งหนึ่งกลายเป็นว่าสิ่งที่หลันเว่ยลงมือกระทำไปทั้งหมดเป็นการช่วยส่งเสริมให้ทุกอย่างกลับคืนสู่สภาวะเดิมอย่างที่สามภพเคยเป็น มารและเทพกลับมาคบหากันอย่างเปิดเผย อยู่ภายใต้ขอบเขตศีลธรรมอันดีงาม“ท่านพ่อท่านแม่อยู่ไหน” คุนอวี่ถามหาบิดาและมารดา จากเกาเจี๋ยและสือโต้ว
เพราะท่านพ่อท่านแม่กำลังอยู่ในช่วงเวลาปรับความเข้าใจกัน เด็กชายเบื่อ ๆ ไม่อยากรบกวนเวลาของพวกท่าน จึงออกไปเที่ยวเล่นดังเช่นปกติ แต่วันนี้ดันเตลิดเลยออกมาห่างจากตำหนักวิเวกของมารดาเกินไปสักนิด เดิมทีก้อนแป้งเองก็สนุกสนานกับการสำรวจสิ่งต่าง ๆ อยู่แล้ว รวมถึงมีตบะกลิ่นอายเซียนและมารผสมรวมกันอยู่ ปีศาจหรือเซียนระดับล่างมิอาจทำร้ายเขาได้ และทำให้เขาสามารถเข้าออกได้ทุกหนแห่งในสามภพป่าแถบนี้ประหลาดนัก ไร้เสียงของสัตว์สวรรค์ เด็กชายเดินเตร็ดเตร่ไปรอบ ๆ สายตาเหลือบไปเห็นดอกบัวสีทองอร่ามงดงามจับใจอยู่กลางบึงน้ำสีครามสวย“เจ้าดอกบัว” หากเก็บไปให้มารดาและบิดาเป็นของขวัญคงจะดีไม่น้อย เมื่อคิดแล้วก็ลงมือ กระบี่ที่บิดาเป็นผู้หลอมให้เป็นของขวัญถูกนำออกมา ก้อนแป้งน้อยเขวี้ยงกระบี่ออกไปหมายจะตัดดอกบัวสีทองออกมาจากบึงแต่ไม่เป็นอย่างที่เขาคิด ดอกบัวดอกนั้นหลบหลีกกระบี่มารของบิดาได้ ผ่านไปครู่หนึ่งดอกบัวสีทองก็แปลงกายเป็นสตรีใบหน้างดงาม“คุณชาย อย่าทำร้ายข้า” นางอ้อนวอนทั้งน้ำตา&ldq
หงหลางกางข่ายอาคมของตนเองครอบคลุมสวนดอกท้อซื่อหานตกใจ ร้องเสียงหลง“เจ้าจะทำอะไร”“ข้าไม่อยากให้ใครมาแอบดูพวกเราสองคนทำอะไรกัน” เขาไม่พูดเปล่า แต่มือไม้ยังวุ่นวายกับร่างกายของนาง“หงหลางหยุดก่อน” นางผายมือขึ้นอีกครั้ง คราวนี้เป็นข่ายอาคมของนางเอง“...” ชายหนุ่มทำหน้าประหลาดใจ“ชะ...ใช้ของข้า คนอื่นจะได้ไม่งงว่า เกิดอะไรขึ้นที่ตำหนักวิเวก” นางกล่าวอึกอักหงหลางยิ้ม “เจ้านี่น่ารักจริง ๆ น่ารักมาตั้งแต่หลายหมื่นปีก่อน” ท่าทางเขินอายของนางทำเอาเขาอดเอ็นดูไม่ได้เสื้อผ้าของนางถูกถอดออกอย่างรวดเร็ว จนร่างกายเปลือยเปล่าส่วนตัวของเขาเองก็เช่นกัน ผู้เป็นจอมมารขบเม้มร่างกายของนางจนเป็นรอยตราสีแดงไปทั่วทั้งร่าง กลืนกินทุกสัดส่วนอย่างโหยหา กลิ่นนี้ น้ำเสียงนี้ และความรู้สึกนี้ที่เขาเฝ้าตามหามาโดยตลอด ในที่สุดนางก็กลับมาปรากฏตัวต่อหน้าเขาอีกครา“ซื่อหาน ข้าคิดถึง
ทรมานอยู่บนโลกมนุษย์อยู่หนึ่งร้อยปี ไร้รัก ไร้ทายาท ปกครองแผ่นดินเฉียนซีตามปณิธานของหลี่จื้อฉิงอย่างเคร่งครัด หงหลางจึงได้กลับคืนสู่ร่างเดิมของตนเอง เขาจำเรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นได้ ความเจ็บปวด ความรัก เขาล้วนแต่ไม่สามารถลืมได้ ไม่คิดว่าการผ่านด่านเคราะห์ของเขาในครั้งนี้จะเต็มไปด้วยเรื่องราวมากมายเช่นนี้มหาจอมมารหงหลางตามหาจิตวิญญาณของสตรีผู้นั้นอยู่นานนับร้อยปี เฝ้าค้นหาทั่วทั้งสามภพมิอาจปล่อยวางได้ ไม่ว่าจะด้วยวิธีการไหนก็มิอาจหานางจนพบ บุกขึ้นไปหาเทพซือมิ่งเพื่อสอบถามถึงสตรีที่มีนามว่าหลี่จื้อฉิง แต่บุรุษผู้นั้นเคร่งครัดในหน้าที่มิอาจเปิดเผยข้อมูลได้ในวันที่ดื่มสุราจนเมามาย เด็กชายหน้าตาน่ารักที่มีกลิ่นอายของมารและเซียนวิ่งเข้ามาในตำหนักศิลาจันทร์“ท่านพ่อ” เด็กชายยิ้มน่ารักเรียกเขาว่าพ่ออย่างไม่เคอะเขิน“เจ้าก้อนแป้งน้อย เจ้าเข้ามาที่นี่ได้อย่างไร” โดยปกติทั่วไปหากเป็นเซียนที่มีตบะน้อยนิดมิอาจย่างกรายเข้ามาในตำหนักของเขาได้ แม้แต่เหยียบบนพื้นแผ่นดินมา เซียนระดับสูงก็มิ
เสียงเด็กวิ่งเล่นวุ่นวายทำให้ซื่อหานจำใจต้องลืมตาตื่น ร่างเล็กผินหน้ามองออกไปนอกตำหนัก ไม่เคยรู้มาก่อนว่าในตำหนักเซียนของนางจะมีเด็กมาอาศัยอยู่ยังไม่ทันที่นางจะได้ลุกไปไหน เด็กที่มีกลิ่นอายมารและเซียนผสมกันก็เปิดประตูวิ่งพรวดพราดเข้ามาหาทางที่เตียง“ท่านแม่ ท่านตื่นแล้ว” เด็กชายยิ้มตาหยี ที่ด้านหลังมีเซียนก้อนหินน้อยสือโต้วเดินตามเข้ามาซื่อหานใช้นิ้วแตะศีรษะของเด็กน้อยดันเจ้าก้อนแป้งสีขาวให้ห่างออกไปจากตัวนาง“ใครเป็นแม่ของเจ้ากัน” หญิงสาวมองก้อนแป้งสีขาวหน้าตาน่ารักอย่างงุนงง พร้อมกับมองไปยังสือโต้วที่ยืนทำหน้าตาตลกอยู่ด้านหลัง “เจ้าเป็นพ่อของเด็กคนนี้เหรอ”“ไม่ใช่ขอรับ ไม่ใช่เช่นนั้น ไว้มหาเทพตื่นให้เต็มที่เสียก่อนเดี๋ยวข้าน้อยและท่านเกาเจี๋ยจะเล่าให้ฟัง”“ท่านแม่ ท่านไม่รักข้าแล้วงั้นหรือ” เด็กชายร้องไห้“จู่ ๆ มาร้องไห้ได้ยังไงกัน” ซื่อหานเห็นเด็กชายผู้นี้ร้องไห้ หัวใจของนางพลันเจ็บปวด ตลอด
ครบกำหนดเวลาที่เขาวางเอาไว้แล้ว แต่ก็ยังไม่มีวี่แววที่นางจะปรากฏตัวออกมา ลานประหารที่ไช่เสิ่งเจี๋ยใช้ในการสังหารชาวบ้านในหมู่บ้านถูกสร้างขึ้นอย่างลวก ๆ ณ จัตุรัสกลางเมือง ประชาชนแห่งเฉียนซีไม่มีใครกล้าโผล่หน้าออกมาดู เพราะหวั่นเกรงว่าจะถูกลูกหลง การค้าทุกอย่างหยุดชะงักเพราะความบ้าระห่ำเลือดเย็นของผู้ปกครองแผ่นดิน ข้าราชบริพารขุนนางในราชสำนักเองก็มิมีผู้ใดกล้าขัดเด็กชายตัวเล็ก ๆ ที่ถูกปิดหน้าปิดตาถูกนำตัวขึ้นไปวางไว้บนลานประหารที่เขาสร้างเอาไว้ ส่วนตัวของไช่เสิ่งเจี๋ยเองนั่งอยู่เหนือลานประหาร สายตาและท่าทางเหี้ยมโหดผิดมนุษย์ ดวงตากลายเป็นสีเทาไปนานแล้ว“จือจือ เจ้าจะไม่มาจริง ๆ หรือ เจ้าจะยอมให้เด็กน้อยที่น่าสงสารถูกสังหารอย่างเหี้ยมโหดงั้นหรือ” เขาพูดยังไม่ทันขาดคำ ท่ามกลางบ้านเรือนที่เงียบกริบราวกับป่าช้า ไร้เสียงของผู้คน มีแค่เพียงเสียงของฝูงอีกาและลมฤดูหนาวอันหนาวเหน็บ เศษใบไม้ปลิวว่อนทั่วทั้งทางบริเวณ หวีดหวิวน่าวังเวงใจ ครู่เงาร่
นางได้รับประทานขนมฝีมือของบิดาแทบทุกวัน จนรู้สึกว่าตนเองอ้วนขึ้นประกอบกับวัน ๆ ไม่ต้องทำอะไรนอกจากเล่นหมากล้อมวาดภาพกับบิดา กิจกรรมหลักของนางจึงเป็นการออกมานั่งเล่น ซักผ้าที่ริมลำธาร วันนี้ก็เช่นกันหลี่จื้อฉิงเห็นเด็ก ๆ เล่นน้ำกันอย่างมีความสุขมือเรียวกุมหน้าท้องของตนเองอย่างลืมตัว ถ้าหาก...ถ้าหากเด็กคนนั้นยังมีชีวิตอยู่ อายุก็คงรุ่นราวคราวเดียวกับเจ้าตัวแสบกลุ่มนั้น ลูกของนางจะหน้าตาเป็นเช่นไรกันนะ จะเหมือนเขาหรือนางมากกว่ากันเมื่อคิดถึงความสูญเสียในอดีตที่ผ่านมาดวงตางดงามก็หม่นแสงลง“นี่เจ้าได้ยินเรื่องที่ฮ่องเต้แห่งเฉียนซีประกาศหรือไม่” ระหว่างที่นั่งเล่นอยู่นั้นนางได้ยินกลุ่มหญิงสาวที่กำลังซักผ้าพูดคุยกัน ฮ่องเต้แห่งเฉียนซีงั้นเหรอ หมายถึงเสี่ยวเสิ่งงั้นเหรอ? หลี่จื้อฉิงจึงเงียบและตั้งใจฟัง“เข้ามาที่นี่ห้ามพูดคุยเรื่องข้างนอก เจ้านี่นะ แอบไปเที่ยวเล่นนอกพรตเมฆาไม่พอ ยังเอาเรื่องไร้สาระมาพูดคุย” หญิงสาวคนที่หน
ข่าวลือเรื่องความโหดเหี้ยมของไช่เสิ่งเจี๋ยขจรกระจายไปทั่วทั้งแผ่นดิน แม้กระทั่งหยุนเหมินที่ยิ่งใหญ่เกรียงไกรยังต้องหวั่นเกรงในความแข็งแกร่งโหดเหี้ยม ซีหยางเว่ยเจียงยังคงตามหาหลี่จื้อฉิงด้วยเช่นกัน แต่นางหายไปราวกับว่า หายไปจากโลกนี้ สายลับของเขาทั่วทั้งแผ่นดินไม่มีใครรู้ว่านางไปอยู่ที่ไหน ที่หมู่บ้านที่นางจากมา เขากลับเข้าไปตามหาแล้วแต่ก็ไม่พบ ทุกพื้นที่บนแผ่นดินนี้ไร้ร่องรอยของนางพระราชสาส์นจากเฉียนซีถูกส่งมาพร้อมกับของกำนัลชิ้นหนึ่ง กล่องไม้ขนาดย่อมถูกนำเข้ามากงกงหนุ่มผู้หนึ่งทำหน้าย่นในขณะที่ถือของสิ่งนั้นอยู่ กลิ่นที่โชยออกมาจากกล่องน่าสะอิดสะเอียนสุดชีวิต“สิ่งนั้นคือ”“กระหม่อมมิทราบพ่ะย่ะค่ะ”ซีหยางเว่ยเจียงส่งสัญญาณให้เปิดกล่องใบนั้น ทันทีที่กล่องถูกเปิดออก พบเป็นแขนมนุษย์หมักเกลือ เพื่อคงสภาพเอาไว้ ชายหนุ่มรีบก้มหน้าเปิดอ่านจดหมายฉบับนั้น“แขนของเหลียนซูเยว่ คราแรกตั้งใจเอาไว้ว่าจะส่งกลับไปบ้านเกิดของนางทั้งตัว แต่เปลี่ยนใจ เลย
Trigger Warningเนื้อหาในตอนนี้มีการบรรยายถึงการใช้ความรุนแรง โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านคิดเอาไว้แล้วไม่มีผิด เป็นอย่างที่เขาคาดการณ์เอาไว้ทั้งหมด องครักษ์ของเขาจะไร้ฝีมือถึงขั้นปล่อยให้นางถูกจับเป็นตัวประกันได้ง่าย ๆ ขนาดนั้นเชียวหรือ ถ้าไม่ใช่เพราะนางเดินออกไปให้พวกมันจับ หลี่จื้อฉิงก็คงไม่หลุดมือเขาไป ไช่เสิ่งเจี๋ยคิดถึงนาง เฝ้าตามหานางมาหลายปี ครั้นได้เจอกลับถูกเหลียนซูเยว่ใช้อุบายทำให้นางหนีหายไปไหนไม่รู้กลิ่นดอกกุ้ยฮวาจาง ๆ ยังคงอบอวลอยู่ที่ปลายจมูก น้ำเสียงของนางคล้ายกับอยู่ใกล้ตัวเขา ห้องพักของนางที่เขาสั่งให้คนเตรียมเอาไว้ ทุกสิ่งทุกอย่างถูกทำให้เหมือนกับห้องนอนของนางในเรือนไข่มุก ต้นไม้ เครื่องเรือน แม้แต่ก้อนหินเขาก็สั่งให้คนตระเตรียมรอต้อนรับผ้าม่าน ที่นอน สระน้ำเล็ก ๆ กำไลที่ประดับมณีสีแดงเหมือนกับชิ้นนั้น เสื้อผ้าไหมชั้นดีที่นางชอบสวมใส่ กลิ่นกำยานหอมที่นางชอบทุกอย่างพังทลายไปต่อหน้าต่อตา อีกแค่เพ