“แนนนี่...ฉันมีงานให้เธอทำอีกแล้วนะจ๊ะ”เสียงพรเทพดังขึ้นขณะที่ณชนกกำลังจะเก็บถาดเสิร์ฟอาหารไว้บนชั้น หญิงสาวหันไปมองและย่นคิ้วด้วยความแปลกใจ“มีอะไรเหรอคะพอลลี่?”“เอ้อ...อย่างนี้จ้ะ” พรเทพเข้ามาใกล้และก้มหน้าลงไปหาหญิงสาวทำเสียงเบาเหมือนกระซิบ “ฉันจะให้เธอช่วยเสิร์ฟอาหารมื้อบ่ายให้ท่านประธาน...เอ้อ...คุณเฮ็คเตอร์หน่อยนะจ๊ะ”“มื้อบ่ายเหรอคะ...แต่แนนต้องไปรับลูกตอนห้าโมงเย็นนะคะ”“เสิร์ฟตอนนี้เลย...ไม่นาน เพราะคุณเฮ็คเตอร์มีแขกมาร่วมรับประทานอาหารด้วยแค่คนเดียว”“แขกเหรอคะ?”“เป็นลูกสาวนักธุรกิจใหญ่ระดับพันล้านเหมือนกัน...คุณจันทริกา ชวเวชชานนน์”ณชนกเหมือนหายใจขัด เฮ็คเตอร์อยู่ที่นี่ เธอต้องเจอเขาอีกครั้งในวันนี้ แต่เขามีผู้หญิงมาด้วย พรเทพยกนิ้วชี้ขึ้นแตะปาก“จุ๊...จุ๊...นี่ฉันพูดกับแนนนี่คนเดียวนะจ๊ะ...ได้ยินมาว่าเขาเป็นคู่ควงกันมาตั้งแต่อยู่ต่างประเทศ คุณจันทริกาเป็นผู้หญิงที่สวยมาก เป็นเซเล็บระดับท๊อปในวงสังคม เริ่ด เชิด หยิ่ง...ถ้าเธอจะมากเรื่องหน่อยฉันอยากให้แนนนี่อดทนนะจ๊ะ”“ค่ะ” หญิงสาวพยักหน้ารับ เธอจำต้องยอมทำตามความต้องการของผู้จัดการห้องอาหารอย่างไม่อาจเลี่ยงด้วยการรีบไปย
“ไม่หรอก” เฮ็คเตอร์ตอบเสียงเยือกเย็นขณะเหลือบมองณชนกที่ยืนสงบนิ่งอย่างเจียมเนื้อเจียมตัว “ผู้หญิงสวยบางครั้งก็ไม่ได้การันตีถึงคุณภาพ สวยแต่เหลวแหลกก็มีถมไป”“แหม...แจนถามคุณนิดเดียวเอง ตอบซะยาวเลยนะคะ...มาค่ะ...แจนจะรินไวน์ให้นะคะ”ดูท่าทางจันทริกาจะยิ่งรื่นรมย์เมื่อเฮ็คเตอร์กล่าวเช่นนั้น ชายหนุ่มหันกลับไปให้ความสนใจแขกของเขาและเลิกมุมปากเหยียด ๆ น้อย ๆ ดูราวกับสะใจที่ได้พูดเหน็บพนักงานเสิร์สาวที่ยืนนิ่งเหมือนหินศิลา ณชนกได้แต่คิดว่าเขาจะทำอย่างไรกับเธอก็ได้ เขาคงพอใจที่ยิ่งเห็นเธอเจ็บและพยายามกรีดซ้ำรอยแผลเดิมให้มันยิ่งลึกลง ๆ เธอได้แต่นิ่งและยอมรับความเปลี่ยนแปลงที่คาดไม่ถึง เฮ็คเตอร์เกลียดเธอ แสดงความเกลียดชังและตีค่าเธอแค่โสเภณีข้างทาง เธอไม่มีวันเทียบชั้นกับหญิงสาวผู้งดงามและเพียบพร้อมตรงหน้า จันทริกาช่างเหมาะสมกับประธานใหญ่แห่งบีช เบย์ คลับ อย่างไร้ข้อกังขาหลังหมดหน้าที่เสิร์ฟอาหารให้ประธานใหญ่ของโรงแรม ณชนกก็รีบกระวีกระวาดออกจากห้องอาหารเพราะใกล้ถึงเวลาที่เธอต้องไปรับลูกสาวที่เนอร์สเซอรี่ หญิงสาวรีบร้อนเดินออกจากโรงแรมซึ่งมีอาณาเขตกว้างขวางริมชายหาดแสนสวยโดยไม่ทันได้สังเกตว่าม
“เราคงจะได้เจอกันอีก...ผมหวังว่าอย่างนั้น” ณชนกฝากรอยยิ้มไว้ให้ก่อนหันหลังเดินจากไป หญิงสาวรู้สึกสับสนใจ โคลวิซยังเหมือนเดิมเกือบทุกอย่าง แทบไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะสายตาคู่นั้นที่มองเธอด้วยความห่วงหาอาทร ผิดกับใครอีกคน ที่มีแต่แววตาเสียดแทงยามได้พบหน้า“มารับน้องคลีโอเหรอคะ...วันนี้ไม่รู้เป็นไงค่ะ หน้าตาไม่สดชื่นสดใสเอาซะเลย” เสียงพี่เลี้ยงเด็กรายงานให้ทราบเมื่อณชนกไปถึงหน้าประตูของสถานเลี้ยงเด็กเล็ก หญิงสาวชะโงกหน้ามองเข้าไปด้านใน สักครู่หนูน้อยก็เดินออกมาพร้อมสะพายกระเป๋าเป้หมีพูสีเหลือง เมื่อเห็นหน้ามารดาหนูน้อยก็รีบวิ่งเข้ามากอด“คลีโอ...หนูเป็นอะไรคะ” ณชนกซึ่งย่อตัวลงนั่งถามเมื่อเห็นดวงตาไร้เดียงสาแดงก่ำ คลีโอโอบแขนป้อม ๆ เล็ก ๆ รอบคอมารดา“คุณแม่ขา...คลีโอคิดถึงคุณแม่”“ทุกวันไม่เป็นอย่างนี้นะคะคุณแนน...แต่วันนี้คลีโอนั่งซึมทั้งวัน ไม่ยอมเล่นกับเพื่อน”พี่เลี้ยงรายงานต่อ ณชนกพยักหน้ารับรู้ก่อนพูดกับลูกน้อย“ทำไมคะ...คลีโอเป็นอะไร?”“คลีโอฝัน...เมื่อคืน...ฝันว่า...มีคนตัวใหญ่...มาเอาคุณแม่ไป”“คลีโอ” หญิงสาวรำพึงออกมา เธอไม่รู้ว่าหนูน้อยช่างคิดมาหรือความทุกข์ที่ท่วมถมเธอตอน
“สวัสดีค่ะ” เฮ็คเตอร์เผลอยิ้มออกมาเมื่อเห็นความน่ารักน่าชังของหนูน้อย แววตาไม่เดียงสาคู่นั้นราวกับหลอมละลายความเกลียดชังที่เขามีต่อณชนกไปชั่วขณะ รอยยิ้มรื่นระบายบนริมฝีปากหยักหนาที่ณชนกเห็นว่ามันมักเหยียดหยันเธอตลอดเวลา หญิงสาวนึกว่าจะไม่ได้เห็นใบหน้าเช่นนี้ของเขาอีกแล้ว“คุณลุงเฮ็คเตอร์” คลีโอเรียกชื่อเขา แต่ดวงตาแดงก่ำของหนูน้อยทำให้ชายหนุ่มเลิกคิ้วสูง“คลีโอร้องไห้เหรอคะ เพื่อนแกล้งคลีโอเหรอคะ?” เขาถามด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล รู้สึกถึงแรงกระเพื่อมในอารมณ์อันแปลกประหลาดยามได้สบนัยน์ตาไร้เดียงสาคู่นั้น คลีโอส่ายหน้าไปมาแล้วกอดขาของมารดาแต่ดวงตาก็ยังจับจ้องอยู่ที่บุรุษร่างสูงสง่า“ขอโทษนะคะ เรากำลังจะกลับบ้านแล้วล่ะค่ะ ฉันกับลูกต้องขอตัวก่อน”“ผมจะไปส่ง” เฮ็คเตอร์กล่าวขณะยืดลำตัวขึ้นยืนเต็มความสูงเกือบร้อยแปดสิบเซนติเมตร ณชนกกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก“อย่ารบกวนคุณจะดีกว่านะคะ ฉันกับลูกกลับเองได้”“บอกแล้วไงว่าผมจะไปส่ง”“คุณแม่ขา...คุณลุงเฮ็คเตอร์จะไปส่งเราเหรอคะ?” เสียงเล็ก ๆ ที่ดังขึ้นทำให้หญิงสาวสะอึก เธอก้มลงมองหนูน้อยที่เกาะขาของเธอไว้แน่น คลีโอจ้องหน้าแม่แล้วหันไปมองร่างสูงที่ก็จั
ประธานใหญ่แห่งบีช เบย์ คลับ พาสองแม่ลูกมายังร้ายไอศกรีมแห่งหนึ่งริมชายหาดซึ่งก็เป็นเวลาเย็นมากแล้ว คลีโอเริ่มมีท่าทีสนิทสนมกับชายแปลกหน้าที่ชวนพูดคุยเรื่องสนุก ๆ จนแม้แต่ณชนกก็ยังประหลาดใจ ปกติคลีโอไม่สนิทกับคนแปลกหน้าง่าย ๆ แต่สำหรับเฮ็คเตอร์นั้นต่างออกไป คลีโอมองเขาเหมือนเป็นคนในครอบครัว แววตาคู่นั้นสะท้อนความสุขออกมาจนผู้เป็นมารดาแอบสะท้อนใจลึก ๆ ณชนกไม่รู้ว่าสิ่งนี้เกิดจากความผูกพันทางสายเลือดหรือไม่ แต่ไม่ว่าจะอย่างไรเธอก็ไม่สามารถอธิบายให้เฮ็คเตอร์เข้าใจความจริงได้เพราะตอนนี้ในหัวใจของเขาอัดแน่นด้วยความเคียดแค้นชิงชังและมันก็พร้อมจะระเบิดได้ทุกเมื่อ“โอว...คลีโอ...หนูกินไอศกรีมเป็นถ้วยที่สองแล้วจริง ๆ ด้วย” เฮ็คเตอร์กล่าวกับเด็กน้อยอย่างอารมณ์ดีเมื่อพนักงานเสิร์ฟไอสกรีมช็อคโกแล็ตเพิ่มอีกหนึ่งที่ตามที่คลีโอร้องขอจากมารดา หนูน้อยยิ้มกว้างอวดฟันขาวสะอาด“คลีโอชอบช็อคโกแล็ตมาก ๆ ค่ะ”“ถ้าชอบ ลุงเฮ็คเตอร์จะซื้อช็อคโกแล็ตให้หนูเยอะ ๆ เลยเอามั้ยคะ”“อย่ารบกวนคุณลุงเลยนะลูก...นี่มันก็มากเกินพอแล้ว”ณชนกแทรกขึ้นแต่ชายหนุ่มก็สวนกลับในทันควันว่า“ไม่มากหรอกนะคะ คลีโอ..ถ้าหนูชอบคุณลุงเฮ็คเต
“เราเป็นเพื่อนกันค่ะ...เฮ็คเตอร์ คุณจะต้องใส่ใจทำไมกัน ในเมื่อคุณเองก็มีผู้หญิงของคุณอยู่แล้วทั้งคน”“ผมไม่ได้ใส่ใจคุณหรอกลีแอน แต่ผมใส่ใจสัญญาระหว่างเราต่างหาก ลืมไปแล้วหรือว่าคุณไม่มีสิทธิ์ยุ่งเกี่ยวกับผู้ชายคนไหนทั้งนั้น”“แม้แต่จะพูดคุยกันอย่างนั้นเหรอคะ...คุณทำเกินไปแล้ว”“ไม่เลย!” เฮ็คเตอร์ขบกรามและเค้นเสียงจากลำคอ นัยน์ตาของเขาไม่เหมือนเมื่อครู่ที่มองลูกสาวของเธอด้วยความเอ็นดู ตอนนี้เขากลายร่างเป็นจอมอสูรไปอีกแล้ว ชายหนุ่มเบียดตัวเองเข้าหาหญิงสาว ภาพที่ทั้งสองยืนชิดกันที่ซุ้มไม้ข้างเสาไม่ได้เป็นที่สังเกตของคนในร้านเพราะดูแล้วเขากับเธอเหมือนคู่หวานที่กำลังพลอดรักกันมากกว่า ณชนกพยายามดันคนตัวโตออกห่างแต่ทำไม่สำเร็จ เสียงลมหายใจหนักหน่วงดังอยู่ข้างหูของหญิงสาว“ผมไม่ได้ทำเกินไปหรอกลีแอน คุณเป็นคนเซ็นสัญญาให้ผม ยอมรับเถอะว่าคุณจะบิดพลิ้วมันไม่ได้”“ฉันถูกบังคับ” หญิงสาวน้ำตาไหล “คุณกำลังบีบคั้นฉันทุกทางนะคะ”“เพราะผมมีสิทธ์ที่จะทำอะไรก็ได้ในเมื่อผมเป็นเจ้าชีวิตของคุณ”“ทำแบบนี้ทำไมไม่ล่ามโซ่ฉันไว้ซะเลยล่ะคะ”“ให้คุณอยู่แบบนี้ไม่ดีกว่าหรือ ไม่ต้องล่ามโซ่แต่อยู่อย่างไร้อิสระ ผมรู้ว่า
วันนี้เป็นวันที่ณชนกรู้สึกประหลาดใจเพราะหลังจากส่งคลีโอที่สถานรับเลี้ยงเด็กเธอก็ไม่พบว่าเชสนิค คนสนิทของเฮ็คเตอร์มารับเธอเหมือนดังปกติ ใจหนึ่งหญิงสาวก็รู้สึกโล่งใจ แต่อีกใจก็รู้สึกแปลก ๆ แต่มันก็ยังดีกว่าไม่ใช่หรือเพราะเธอจะได้ไม่ต้องปั้นหน้าหรือเป็นที่รองรับอารมณ์เวลาอยู่กับประธานใหญ่แห่งบีช เบย์ คลับ ซึ่งไม่รู้ว่าเขาจะระเบิดความไม่พอใจใส่เธอตอนไหน หญิงสาวไปทำงานของเธอตามปกติ แต่ก็ยังรู้สึกถึงความไม่ปกติสักเท่าไหร่จากสายตาของเพื่อนร่วมงานที่ยังมองเธอแปลก ๆ หากทว่าณชนกก็ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งที่เธอเองก็หวาดหวั่น กลัวว่าจะมีคนล่วงรู้ถึงสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างเธอกับประธานบริหารคนใหม่ของโรงแรม“สวัสดีค๊าพี่แนน” เสียงแจ๋วที่ดังขึ้นทำให้ณชนกหยุดชะงักทันทีที่เข้ามาถึงที่ทำงาน หลังจากตอกบัตรแล้วเธอก็หันไปมองสองสาวพนักงานเสิร์ฟรุ่นน้องนั่นคือเบนท์กับปลาที่มาพร้อมกัน“สวัสดีจ้ะ น้องเบนท์ น้องปลา” หญิงสาวทักทายด้วยรอยยิ้ม“แหม...วันนี้พี่แนนมาเร็วจังนะคะ” ปลากล่าวขึ้นแต่ณชนกก็ไม่ได้สังเกตเห็นอะไรบางอย่างที่สะท้อนในแววตาของผู้พูด“ค่ะ...พี่ก็มาทำงานเวลาปกติน่ะค่ะ วันนี้ทำกะเช้ากันเหรอคะ”“
“ผมสนใจ...ขอหนึ่งที่นะครับ” โคลวิซตอบแบบไม่ต้องใช้เวลาคิดนาน ณชนกทำตามหน้าที่ของเธอ นั่นคือรับออเดอร์และเสิร์ฟอาหารตามสั่งให้โคลวิซ ผู้ชายซึ่งครั้งหนึ่งเธอเคยปฏิเสธคำขอหมั้นจากเขา ผู้ชายซึ่งจนถึงบัดนี้เขายังคงเหมือนเดิมไม่แปลงเปลี่ยน ถึงแม้เขาจะไม่พูดหากทว่าแววตาคู่นั้นยังคงแสดงออกให้รู้ว่าเขายังห่วงหาเธออยู่ไม่คลาย“ขอบคุณมากนะคะ” ณชนกยกมือไหว้แขกที่โต๊ะซึ่งเธอให้บริการหลังจากที่เขารับประทานอาหารเสร็จเรียบร้อยแล้ว โคลวิซยิ้มให้ เป็นรอยยิ้มที่แสดงความจริงใจต่อหญิงสาวเสมอ“แนน...เป็นยังไงบ้าง ทำงานที่นี่เหนื่อยไหม?” เขาตั้งคำถาม“ไม่ค่ะ...แนนชินแล้ว เป็นงานที่แนนทำได้ เพราะตอนที่...เอ้อ...ตอนที่คุณพ่อกับคุณแม่ยังอยู่แนนก็เคยเข้าไปช่วยเสิร์ฟในห้องอาหารของโรงแรม ว่าแต่คุณเถอะค่ะโคลวิซ...คุณยังพักอยู่ที่นี่อีกหลายวันเหรอคะ”“ผมอาจจะพักอยู่สักเดือน ผมอยากพักผ่อนเพราะทำงานตลอดทั้งปีแทบไม่ได้ไปไหนเลย”“ค่ะ” ณชนกตอบรับด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ ขณะที่โคลวิซทำสีหน้าเหมือนเขามีอะไรอยากจะพูดอีกมากมาย หากแต่เขาก็เข้าใจว่าพนักงานเสิร์ฟต้องรักษามารยาทในการไม่ทำตัวสนิทสนมกับแขกมากจนเกินไปและณชนกก็คงยังมีงา