“ลีแอน...ตอบสนองผมสิ...” ชายหนุ่มครางอยู่กับริมฝีปากอิ่มสวยที่สั่นระริกไม่แพ้กัน เขาฉกลิ้นกลับเข้าไปแต่ณชนกก็ยังคงแสร้งทำเหมือนเดิม นิ่งเฉยทั้ง ๆ ที่กำลังร้อนรุ่มเหมือนถูกสุมด้วยกองไฟ เขาไม่ได้จูบหนักหน่วงแต่ยังเลื่อนไล้ฝ่ามือสากหนาไปตามผิวเนียนขาวบนแผ่นหลังเปลือยเปล่า ปากหนาที่ประกบกลีบปากนุ่มจ้วงลึกเรียวลิ้นเข้าสู่ความชุ่มฉ่ำแม้จะรู้สึกถึงความหวานล้ำที่เขารอคอยทว่ามันเหมือนโตรกธารท่ามกลางทะเลทรายที่แล้งไร้ชีวาอย่างน่าใจหาย“ลีแอน...จูบผม...นี่เป็นคำสั่ง” เขาเค้นเสียงเข้มกระซิบข้างริมฝีปากของหญิงสาว“คุณจูบฉันอยู่นี่คะ”“คุณต้องตอบสนองผม” ณชนกเม้มริมฝีปากเข้าหากัน เฮ็คเตอร์ยิ่งงุ่นง่านเมื่อหญิงสาวแสดงท่าทีเหมือนตุ๊กตาไร้ชีวิต เขาผลักร่างแน่งน้อยลงไปนอนบนเตียงและทาบทับตัวเธอไว้ด้วยร่างใหญ่โตของเขา ไหล่บางถูกมือหนากดไว้ ดวงหน้างามกำลังเผชิญกับจอมมารร้ายในคราบเทพบุตรผู้หล่อเหลา“ลีแอน...ผมรู้ว่าคุณกลัว...ทำไมต้องกลัว...ในเมื่อครั้งหนึ่งเราก็เคยทำแบบนี้”“ครั้งหนึ่งอย่างนั้นเหรอคะ” ณชนกเผลอน้ำตาไหล หยดน้ำตาของเธอทำให้ชั่ววูบในใจของเฮ็คเตอร์ถูกสั่นสะเทือนรุนแรง“ถ้าคุณยังจำได้...แล้วทำไมค
“ลีแอน...บอกสิว่าคุณรอคอยเวลานี้...บอกผมสิ...ว่าคุณรอคอย”“ไม่...เฮ็คเตอร์...ไม่...” ณชนกหอบหายใจอย่างสั่นสะท้าน เสียงกระซิบของเขาราวกับเสียงของซาตานที่กำลังจะกระชากวิญญาณของเธอลงสู่เหวลึก แล้วเขาก็บีบบังคับให้เธอรับความเจ็บปวดอีกครั้งด้วยการแทรกความแข็งแกร่งลงไปในร่องหลืบฉ่ำอย่างไร้ปราณี“ฮึก!”บทที่ 8เสียงครางลึกของณชนกพร้อมร่างที่กดเกร็งทำให้เขาเกิดความตระหนกขึ้นมาในชั่ววูบ เขารับรู้ถึงการบีบรัดที่ไม่คิดว่ามันจะรุนแรงมากขนาดนี้ ผู้หญิงที่จากกันนานถึงห้าปีและก่อนหน้านี้เธอก็เคยมีสามีมาก่อนไม่น่าจะยังรัดรึงจนเขาเองแทบจะทนไม่ไหว มันเร็วเกินไปสำหรับเขาหากจะสิ้นสุดทุกอย่าง แม้เป็นเรื่องน่าตกใจที่ณชนกแทบไม่ต่างจากสาวบริสุทธิ์ แต่คนที่ทรมานกลายเป็นเขาไม่ใช่เธอ“พอแล้ว...เฮ็คเตอร์...พอแล้ว” ณชนกพยายามดันไหล่กว้างและขยับสะโพกเพื่อให้เขาออกห่างแต่เขากลับยิ่งกอดรัดและฝังตัวเองลงไปมากเท่าที่จะมากได้ ความอ่อนนุ่มแต่ทรงพลังของหญิงสาวที่ยิ่งรัดรึงทำให้เขาหยุดตัวเองลงได้ยากลำบาก ถึงจะเต็มไปด้วยความสงสัยแต่เขาก็ยังทำตามความตั้งใจนั่นคือยัดเยียดความกระหายใคร่ลงบนเรือนกายที่รองรับอยู่เบื้องล่าง สำหร
ร่างเปลือยต่างบดเบียดและเร่งเร้าเข้าหากัน เฮ็คเตอร์ขย่มโยกกายใหญ่โตบนร่างสาวครั้งแล้วครั้งเล่า ความแข็งแกร่งเร้นลึกล้วงเข้าสู่ความหวานฉ่ำ กายทั้งสองต่างสอดประสานเป็นจังหวะกระทั่งทุกอย่างสิ้นสุดลง ณ ดินแดนอันไกลโพ้น เสียงครางลึกของเฮ็คเตอร์ดังอยู่ข้างหูของหญิงสาวหลังจากที่เธอรับรู้ถึงความร้อนผ่าวจากตัวเขาถ่ายเทเข้าไปในกายเธอจนหมดทุกหยดหยาด ร่างใหญ่ยังทาบทับอยู่บนเรือนร่างเล็ก แต่แล้วชั่วขณะที่หญิงสาวยังล่องลอยอยู่ในความสุขที่อาบด้วยความฝันอันน่าโหยหาเฮ็คเตอร์ก็ผละจากหญิงสาว เขาเลื่อนกายกำยำออกจากร่างเล็ก ณชนกฟื้นคืนจากฝันในวินาทีนั้นก่อนจะรู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างร่อนลงบนหน้าอกอวบอิ่มที่ไหวกระเพื่อมด้วยแรงหอบ หญิงสาวลืมตาก็เห็นร่างสูงที่ยังเปล่าเปลือยยืนอยู่ข้างเตียง เธอเลื่อนมือไปมาบนหน้าอกและพบว่ามีกระดาษแผ่นเล็กวางอยู่ เธอหยิบมันขึ้นมาดู“สองแสนบาทสำหรับค่าเหนื่อยวันนี้...ถ้าไม่พอใจผมจะเพิ่มให้อีกเท่าตัว!” เสียงห้าวจากคำพูดห้วน ๆ ของเฮ็คเตอร์ทำให้ความฝันของหญิงสาวพลัดหล่นกระจัดกระจาย ณชนกขยับตัวลุกขึ้นนั่งและจ้องมองกระดาษแผ่นนั้นที่ตีค่าความฝันแค่เศษเงินที่เขาใช้หยามหยันเธอได้อย่างเจ็
“วันนี้แจนอยากไปเที่ยวที่บีช เบย์ คลับ น่ะค่ะ...คุณพาแจนไปหน่อยสิคะ” เสียงออดอ้อนของจันทริกาดังมาตามสาย เธอเป็นลูกสาวนักธุรกิจใหญ่ที่ตามติดเขามาตลอดตั้งแต่เจอกันที่สหรัฐ เฮ็คเตอร์นึกอะไรได้บางอย่างก่อนจะตอบกลับไป“ได้สิ...เดี๋ยวผมจะให้คนไปรับ”“คุณน่ารักที่สุดเลยค่ะ...แจนอยากเจอคุณจัง อยากจูบคุณที่สุดเลย” ชายหนุ่มไม่โต้ตอบกลับไปอีกแต่วางหูโทรศัพท์ลงอย่างใจเย็น นัยน์ตาคมจ้องมองไปยังนอกหน้าต่างขณะรถเก๋งคันหรูที่เขาให้คนสนิทพาณชนกกลับไปส่งโรวงแรมแล่นออกไปแล้ว รอยยิ้มเหยียดจุดขึ้นบนมุมปากหนาได้รูปณชนกมาถึงโรงแรมตอนเกือบเที่ยง เธอรีบเข้าไปหาพรเทพที่ห้องทำงานของเขาซึ่งก็เห็นว่าผู้จัดการหนุ่มหัวใจสาวกำลังนั่งจัดเอกสารอยู่ที่โต๊ะของเขา“พอลลี่...เอ้อ...ฉันขอโทษนะคะที่มาสาย”ณชนกรีบเข้าไปบอกกล่าวกับผู้จัดการห้องอาหารซึ่งเป็นเจ้านายของเธอโดยตรง เธอหวั่นใจและเป็นกังวลตั้งแต่ออกมาจากบ้านพักของเฮ็คเตอร์ว่าอาจจะถูกติเตียนเรื่องการทำงานที่ล่าช้ามาเป็นวันที่สองแล้ว ทว่าทุกอย่างกลับตรงข้าม พรเทพเงยหน้าจากเอกสารในมือแล้วยิ้มให้“อ้าว...แนนนี่...นี่เธอมาแล้วเหรอจ๊ะ...ไปทำงานเถอะจ้ะ ฉันไม่ได้ว่าอะไรเธอหร
“แนนนี่...ฉันมีงานให้เธอทำอีกแล้วนะจ๊ะ”เสียงพรเทพดังขึ้นขณะที่ณชนกกำลังจะเก็บถาดเสิร์ฟอาหารไว้บนชั้น หญิงสาวหันไปมองและย่นคิ้วด้วยความแปลกใจ“มีอะไรเหรอคะพอลลี่?”“เอ้อ...อย่างนี้จ้ะ” พรเทพเข้ามาใกล้และก้มหน้าลงไปหาหญิงสาวทำเสียงเบาเหมือนกระซิบ “ฉันจะให้เธอช่วยเสิร์ฟอาหารมื้อบ่ายให้ท่านประธาน...เอ้อ...คุณเฮ็คเตอร์หน่อยนะจ๊ะ”“มื้อบ่ายเหรอคะ...แต่แนนต้องไปรับลูกตอนห้าโมงเย็นนะคะ”“เสิร์ฟตอนนี้เลย...ไม่นาน เพราะคุณเฮ็คเตอร์มีแขกมาร่วมรับประทานอาหารด้วยแค่คนเดียว”“แขกเหรอคะ?”“เป็นลูกสาวนักธุรกิจใหญ่ระดับพันล้านเหมือนกัน...คุณจันทริกา ชวเวชชานนน์”ณชนกเหมือนหายใจขัด เฮ็คเตอร์อยู่ที่นี่ เธอต้องเจอเขาอีกครั้งในวันนี้ แต่เขามีผู้หญิงมาด้วย พรเทพยกนิ้วชี้ขึ้นแตะปาก“จุ๊...จุ๊...นี่ฉันพูดกับแนนนี่คนเดียวนะจ๊ะ...ได้ยินมาว่าเขาเป็นคู่ควงกันมาตั้งแต่อยู่ต่างประเทศ คุณจันทริกาเป็นผู้หญิงที่สวยมาก เป็นเซเล็บระดับท๊อปในวงสังคม เริ่ด เชิด หยิ่ง...ถ้าเธอจะมากเรื่องหน่อยฉันอยากให้แนนนี่อดทนนะจ๊ะ”“ค่ะ” หญิงสาวพยักหน้ารับ เธอจำต้องยอมทำตามความต้องการของผู้จัดการห้องอาหารอย่างไม่อาจเลี่ยงด้วยการรีบไปย
“ไม่หรอก” เฮ็คเตอร์ตอบเสียงเยือกเย็นขณะเหลือบมองณชนกที่ยืนสงบนิ่งอย่างเจียมเนื้อเจียมตัว “ผู้หญิงสวยบางครั้งก็ไม่ได้การันตีถึงคุณภาพ สวยแต่เหลวแหลกก็มีถมไป”“แหม...แจนถามคุณนิดเดียวเอง ตอบซะยาวเลยนะคะ...มาค่ะ...แจนจะรินไวน์ให้นะคะ”ดูท่าทางจันทริกาจะยิ่งรื่นรมย์เมื่อเฮ็คเตอร์กล่าวเช่นนั้น ชายหนุ่มหันกลับไปให้ความสนใจแขกของเขาและเลิกมุมปากเหยียด ๆ น้อย ๆ ดูราวกับสะใจที่ได้พูดเหน็บพนักงานเสิร์สาวที่ยืนนิ่งเหมือนหินศิลา ณชนกได้แต่คิดว่าเขาจะทำอย่างไรกับเธอก็ได้ เขาคงพอใจที่ยิ่งเห็นเธอเจ็บและพยายามกรีดซ้ำรอยแผลเดิมให้มันยิ่งลึกลง ๆ เธอได้แต่นิ่งและยอมรับความเปลี่ยนแปลงที่คาดไม่ถึง เฮ็คเตอร์เกลียดเธอ แสดงความเกลียดชังและตีค่าเธอแค่โสเภณีข้างทาง เธอไม่มีวันเทียบชั้นกับหญิงสาวผู้งดงามและเพียบพร้อมตรงหน้า จันทริกาช่างเหมาะสมกับประธานใหญ่แห่งบีช เบย์ คลับ อย่างไร้ข้อกังขาหลังหมดหน้าที่เสิร์ฟอาหารให้ประธานใหญ่ของโรงแรม ณชนกก็รีบกระวีกระวาดออกจากห้องอาหารเพราะใกล้ถึงเวลาที่เธอต้องไปรับลูกสาวที่เนอร์สเซอรี่ หญิงสาวรีบร้อนเดินออกจากโรงแรมซึ่งมีอาณาเขตกว้างขวางริมชายหาดแสนสวยโดยไม่ทันได้สังเกตว่าม
“เราคงจะได้เจอกันอีก...ผมหวังว่าอย่างนั้น” ณชนกฝากรอยยิ้มไว้ให้ก่อนหันหลังเดินจากไป หญิงสาวรู้สึกสับสนใจ โคลวิซยังเหมือนเดิมเกือบทุกอย่าง แทบไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะสายตาคู่นั้นที่มองเธอด้วยความห่วงหาอาทร ผิดกับใครอีกคน ที่มีแต่แววตาเสียดแทงยามได้พบหน้า“มารับน้องคลีโอเหรอคะ...วันนี้ไม่รู้เป็นไงค่ะ หน้าตาไม่สดชื่นสดใสเอาซะเลย” เสียงพี่เลี้ยงเด็กรายงานให้ทราบเมื่อณชนกไปถึงหน้าประตูของสถานเลี้ยงเด็กเล็ก หญิงสาวชะโงกหน้ามองเข้าไปด้านใน สักครู่หนูน้อยก็เดินออกมาพร้อมสะพายกระเป๋าเป้หมีพูสีเหลือง เมื่อเห็นหน้ามารดาหนูน้อยก็รีบวิ่งเข้ามากอด“คลีโอ...หนูเป็นอะไรคะ” ณชนกซึ่งย่อตัวลงนั่งถามเมื่อเห็นดวงตาไร้เดียงสาแดงก่ำ คลีโอโอบแขนป้อม ๆ เล็ก ๆ รอบคอมารดา“คุณแม่ขา...คลีโอคิดถึงคุณแม่”“ทุกวันไม่เป็นอย่างนี้นะคะคุณแนน...แต่วันนี้คลีโอนั่งซึมทั้งวัน ไม่ยอมเล่นกับเพื่อน”พี่เลี้ยงรายงานต่อ ณชนกพยักหน้ารับรู้ก่อนพูดกับลูกน้อย“ทำไมคะ...คลีโอเป็นอะไร?”“คลีโอฝัน...เมื่อคืน...ฝันว่า...มีคนตัวใหญ่...มาเอาคุณแม่ไป”“คลีโอ” หญิงสาวรำพึงออกมา เธอไม่รู้ว่าหนูน้อยช่างคิดมาหรือความทุกข์ที่ท่วมถมเธอตอน
“สวัสดีค่ะ” เฮ็คเตอร์เผลอยิ้มออกมาเมื่อเห็นความน่ารักน่าชังของหนูน้อย แววตาไม่เดียงสาคู่นั้นราวกับหลอมละลายความเกลียดชังที่เขามีต่อณชนกไปชั่วขณะ รอยยิ้มรื่นระบายบนริมฝีปากหยักหนาที่ณชนกเห็นว่ามันมักเหยียดหยันเธอตลอดเวลา หญิงสาวนึกว่าจะไม่ได้เห็นใบหน้าเช่นนี้ของเขาอีกแล้ว“คุณลุงเฮ็คเตอร์” คลีโอเรียกชื่อเขา แต่ดวงตาแดงก่ำของหนูน้อยทำให้ชายหนุ่มเลิกคิ้วสูง“คลีโอร้องไห้เหรอคะ เพื่อนแกล้งคลีโอเหรอคะ?” เขาถามด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล รู้สึกถึงแรงกระเพื่อมในอารมณ์อันแปลกประหลาดยามได้สบนัยน์ตาไร้เดียงสาคู่นั้น คลีโอส่ายหน้าไปมาแล้วกอดขาของมารดาแต่ดวงตาก็ยังจับจ้องอยู่ที่บุรุษร่างสูงสง่า“ขอโทษนะคะ เรากำลังจะกลับบ้านแล้วล่ะค่ะ ฉันกับลูกต้องขอตัวก่อน”“ผมจะไปส่ง” เฮ็คเตอร์กล่าวขณะยืดลำตัวขึ้นยืนเต็มความสูงเกือบร้อยแปดสิบเซนติเมตร ณชนกกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก“อย่ารบกวนคุณจะดีกว่านะคะ ฉันกับลูกกลับเองได้”“บอกแล้วไงว่าผมจะไปส่ง”“คุณแม่ขา...คุณลุงเฮ็คเตอร์จะไปส่งเราเหรอคะ?” เสียงเล็ก ๆ ที่ดังขึ้นทำให้หญิงสาวสะอึก เธอก้มลงมองหนูน้อยที่เกาะขาของเธอไว้แน่น คลีโอจ้องหน้าแม่แล้วหันไปมองร่างสูงที่ก็จั