เซี่ยซิ่วซิ่วและคนในครอบครัวต่างก็แพ้ลูกไม้นี้ของเธอเซี่ยซิ่วซิ่วมองไปที่เย่ซิว “เพื่อนนักศึกษาเย่ นี่มันเกิดอะไรขึ้น?”เธอมาที่นี่เพื่อเอาสัญญากรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยมาให้เย่ซิวตระกูลเซี่ยมีอำนาจไม่น้อย โดยทั่วไปอาจต้องใช้เวลาหลายวันในการดำเนินการ แต่ตระกูลเซี่ยสามารถทำให้เสร็จได้ภายในไม่กี่ชั่วโมงเย่ซิวไม่ได้พูดเกินจริง เพียงแค่เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้เธอฟัง หลังจากเซี่ยซิ่วซิ่วได้ยินสิ่งนี้ เหงื่อเย็นก็เริ่มผุดออกมา เธอต้องทำงานหนักและความพยายามอย่างมาก กว่าจะได้กระชับความสัมพันธ์กับเย่ซิวได้หากไม่ใช่เพราะว่าเธอต้องการรีบนำเอกสารมาให้เย่ซิว ก็คงไม่ได้มาเห็นฉากนี้และมันก็เป็นไปได้สูงที่ความพยายามทั้งหมดที่เธอทำมาตลอดช่วงนี้จะสูญเปล่าเธอเคยเห็นความน่ากลัวของเย่ซิวมาแล้วด้วยตาของตัวเอง ใครก็ตามที่ทำให้เขาขุ่นเคืองไม่มีทางลงเอยด้วยดีสิ่งที่เซี่ยชิงชิงทำลงไปมันจะทำลายตระกูล!นี่เป็นครั้งแรกที่เธอรู้สึกรังเกียจนิสัยดื้อรั้นและเอาแต่ใจของน้องสาวตัวเอง เธออดไม่ได้ที่จะตบหน้าเซี่ยชิงชิงอย่างแรงท่ามกลางเสียงตบที่ดังชัดเจน เซี่ยชิงชิงกุมแก้มตัวเอง และมองเซี่ยซิ่วซิ่วด้วย
จุ๊บ!เสียงที่คมชัดดังขึ้น มีรอยริมฝีปากปรากฏบนแก้มซ้ายของเย่ซิวเซี่ยซิ่วซิ่วไม่กล้ามองเย่ซิว ก้มหน้าลง แก้มแดงระเรื่อ“คือ... ฉันยังมีธุระที่ต้องทำ ต้องขอตัวก่อนนะ เพื่อนนักศึกษาเย่ ได้โปรดอย่าโกรธแค้นน้องสาวของฉันเลย ฉันจะสั่งสอนเธอให้ดี”พูดจบเธอก็วิ่งหนีไปด้วยความตื่นตระหนกเย่ซิวแตะแก้มตัวเอง แล้วยิ้มออกมาเล็กน้อยเขาโตมาขนาดนี้แล้วนี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่เขาถูกผู้หญิงจูบ มันรู้สึกดีทีเดียวไม่นาน เจ้าหน้าที่ก็มาถึงก็เข้ามาจับตัวพวกอันธพาลเหล่านี้ออกไปเพราะมีชาวบ้านใกล้เคียงให้การเป็นพยาน และมีคนแอบถ่ายคลิปวิดีโอเอาไว้จึงสามารถพิสูจน์ได้ว่าเย่ซิวแค่ปกป้องตัวเองอย่างเหมาะสมดังนั้นเขาจึงแค่ไปบันทึกคำให้การที่สถานีตำรวจครู่เดียวแล้วก็กลับมาเซี่ยซิ่วซิ่วส่งข้อความหาเขาถึงสามครั้ง โดยบอกว่าไม่ว่ายังไงก็ต้องมอบอะพาร์ตเมนต์นี้ให้กับเย่ซิวเพื่อที่เธอจะได้รู้สึกสบายใจไม่อย่างนั้นต่อไปเธอคงไม่มี กะจิตกะใจทำงานให้เย่ซิวได้ในเมื่อเป็นแบบนั้น เย่ซิวจึงทำได้เพียงตอบตกลงก็แค่อะพาร์ตเมนต์ห้องเดียวเท่านั้น ไม่จำเป็นต้องต่อความยาวสาวความยืดกลับบ้านเขาโทรถามลู่เสวี่ยเอ๋อร์
หากเย่ซิวต้องการจัดการตระกูลเซี่ย ก็ไม่มีใครสามารถหยุดเขาได้เซี่ยซิ่วซิ่วกล่าวอย่างใจเย็น “ต้องสั่งสอนชิงชิงอย่างเคร่งครัด ไม่อย่างนั้นจะต้องเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นไม่ช้าก็เร็วแน่ค่ะ”เซี่ยเจี๋ยที่อยู่ปลายสายพยักหน้าหนักแน่น “ปู่มีแผนสำหรับเรื่องนี้แล้ว”หลังจากวางสาย เซี่ยเจี๋ยก็โทรหาหมายเลขที่ไม่คุ้นเคยไม่นาน ปลายสายก็กดรับเสียงแหบห้าวดังขึ้น “ในที่สุดก็โทรมาหาฉันสักทีนะ ว่าไง คิดได้หรือยังว่าจะส่งหลานสาวคนไหนมาให้ฉัน?”สีหน้าของเซี่ยเจี๋ยดูเคร่งขรึม “ผมจะส่งชิงชิงไปเรียนรู้กับคุณ แต่จำไว้ว่าเธอจะสืบทอดวิชาจากคุณเท่านั้น ส่วนองค์กรและกลุ่มอิทธิพลอื่นไม่เกี่ยวข้องอะไรกับเธอ ห้ามยัดเยียดให้เธอเด็ดขาด”ปลายสายหัวเราะเยาะ“เข้าใจแล้ว รีบส่งเธอมาเร็ว ๆ ล่ะ”เซี่ยเจี๋ยเตือนขึ้นอีกครั้ง “จำไว้ว่าห้ามทำร้ายชิงชิง ยังไงเธอก็เป็นหลานของคุณ!”“พูดมาก!”ปลายสายกดวางสายทันทีเซี่ยเจี๋ยโทรออกอีกครั้ง “ไปจับตัวชิงชิงกลับมา”…… เย่ซิวมองโทรศัพท์ครบเวลาหนึ่งชั่วโมงแล้วเขาลุกขึ้นเดินไปที่ห้องของลู่เสวี่ยเอ๋อร์และเคาะประตู“เอาล่ะ ขึ้นมาได้แล้ว ใช้น้ำร้อนชำระล้างสิ่งตกค้างในร่างกาย”
หัวใจของลู่เสวี่ยเอ๋อร์เต้นแรง เธอเดินไปหาเย่ซิวด้วยความรู้สึกประหม่าเล็กน้อย“ฉันต้องทำยังไง? ต้องนอนลงไหม? ต้องถอดเสื้อผ้าหรือเปล่า?”“ไม่ต้อง ผมตรวจแค่ชีพจรก็พอ”ลู่เสวี่ยเอ๋อร์นั่งลงข้างเย่ซิว รู้สึกผิดหวังเล็กน้อยเมื่อได้ยินแบบนั้นที่แท้มันไม่ใช่สิ่งที่เธอจินตนาการไว้เย่ซิววางมือลงบนชีพจรของเธอหลังจากตรวจชีพจรแล้ว เขาก็พยักหน้าด้วยความพึงพอใจชีพจรของลู่เสวี่ยเอ๋อร์แข็งแรงดีมากไม่ได้ด้อยกว่าจอมยุทธระดับหนึ่งอีกต่อไปแช่สมุนไพรอีกสองสามครั้ง สร้างรากฐานร่างกายให้แข็งแกร่ง ก็จะสามารถเริ่มฝึกวรยุทธได้แล้วด้วยรากฐานที่มั่นคงของพวกเธอทั้งสอง เย่ซิวมั่นใจว่าพวกเธอจะสามารถบรรลุไปถึงขึ้นจอมยุทธระดับสามได้ภายในสองเดือนไม่นาน หลิ่วเมิ่งอิ๋นก็เดินออกมาเช่นกันเธอก้มศีรษะลงไม่กล้ามองเย่ซิวเย่ซิวแสร้งทำเป็นไม่มีอะไรเกิดขึ้นและโบกมือให้เธอ “มานี่ ฉันจะตรวจชีพจรให้”หลิ่วเมิ่งอิ๋นเดินไปหาเขา แต่ก็ยังไม่กล้ามองเขาเย่ซิวตรวจชีพจรของหลิ่วเมิ่งอิ๋น และพบว่ามันดีขึ้นมากเช่นกัน“เอาล่ะ ตอนนี้ก็ดึกแล้ว บวกกับหลังจากแช่สมุนไพรจำเป็นต้องพักผ่อนให้เพียงพอ พวกเธอเข้าไปนอนเถอะ”หญิง
ทันทีที่หันศีรษะไป ก็เห็นหลิ่วเมิ่งอิ๋นกอดเขาด้วยมือทั้งสองข้าง ทั้งสองใกล้ชิดกัน ความรู้สึกนั้น ใครก็เข้าใจได้โดยไม่ต้องอธิบายเย่ซิวกดจุดที่แขนซ้ายของหลิ่วเมิ่งอิ๋นเบา ๆ จากนั้นก็หลับตาลงอีกครั้งหลิ่วเมิ่งอิ๋นค่อย ๆ ตื่นขึ้นมาพอกะพริบตาเธอก็ตระหนักได้ถึงสภาพปัจจุบันของตัวเองทันทีเธอรู้สึกเหลือเชื่อมาก ทำไมเมื่อคืนเธอถึงได้ใจกล้าขนาดนี้?เธอรีบเหลือบมองเย่ซิวอย่างรวดเร็วเมื่อเห็นว่าเขายังคงหลับอยู่ ก็ไม่กล้าอยู่ต่อนาน จึงรีบออกไปอย่างเงียบ ๆหลังจากที่เธอจากไปเย่ซิวก็ลืมตาขึ้นหลังจากนั้นสิบนาที เย่ซิวก็ลุกขึ้นไปอาบน้ำลู่เสวี่ยเอ๋อร์และหลิ่วเมิ่งอิ๋นออกมาจากห้องทีละคนลู่เสวี่ยเอ๋อร์ทักทายเย่ซิว “อรุณสวัสดิ์ เพื่อนนักศึกษาเย่”เย่ซิวยิ้ม “อรุณสวัสดิ์”หลิ่วเมิ่งอิ๋นก็ทักทายเย่ซิวเช่นกัน แล้วแสร้งทำเป็นถามเขาด้วยท่าทางสบาย ๆ “พี่เย่ เมื่อคืนนอนหลับดีไหมคะ?”“ก็ดี แค่ในฝันรู้สึกเหมือนถูกคนกอด”ความตื่นตระหนกแวบขึ้นมาในดวงตาของหลิ่วเมิ่งอิ๋น เธอฝืนยิ้ม “พี่คงแค่ฝันไป”“ฮ่าฮ่า ฉันก็หวังว่าอย่างนั้น”หลิ่วเมิ่งอิ๋นรู้สึกค่อนข้างไม่สบายใจ เหมือนมีอะไรแอบแฝงอยู่ในคำพูด
น่าหลันเยียนหรานสวมรองเท้าส้นสูง วิ่งไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ววันนี้เป็นวันหยุดของเธอ และเดิมทีตั้งใจจะออกไปเที่ยวกับเพื่อนสนิทแต่ใครจะรู้ว่าระหว่างทางจะได้พบกับอุบัติเหตุทางรถยนต์แบบนี้“หลีกไป หลีกไป ฉันเป็นหมอ!”เด็กสาวรู้สึกตื่นเต้นทันที และรีบเปิดทางให้น่าหลันเยียนหราน “ได้โปรดช่วยคุณปู่ของฉันด้วยค่ะ รถพยาบาลยังต้องใช้เวลาอีกสักพักกว่าจะมาถึง”น่าหลันเยียนหรานมาถึงที่เกิดเหตุ และเห็นชายชราคนหนึ่งนอนเลือดท่วมตัวอยู่บนพื้นเขามีบาดแผลที่แขนและขาน่าหลันเยียนหรานจัดการบาดแผลที่แขนของเขาก่อนโชคดีที่เธอเป็นหมอ เธอจึงมีกล่องปฐมพยาบาลไว้ในรถอยู่เสมอแต่เมื่อน่าหลันเยียนหรานเห็นบาดแผลตรงขาของชายชรา เธอก็ขมวดคิ้วไม่ว่าจะใช้วิธีไหนก็ไม่สามารถห้ามเลือดได้น่าหลันเยียนหรานถอนหายใจ มองไปที่เด็กสาว “บาดแผลตัดหลอดเลือดแดงใหญ่ แถมยังมีขนาดใหญ่มากด้วย เราไม่มีทางช่วยเขาได้แล้ว”เด็กหญิงตัวเล็กขาอ่อนแทบจะล้มลงไปกับพื้น ใบหน้าของเธอซีดเผือด และคุกเข่าต่อหน้าน่าหลันเยียนหรานพร้อมกับขอร้องอ้อนวอน “ไม่เอานะ ได้โปรดช่วยปู่ของฉันด้วย ไม่ว่าจะต้องจ่ายด้วยอะไรก็ตาม”คุณปู่เป็นญาติเพียงคนเดียว
เย่ซิวเปิดเปลือกตาของชายชราและตรวจชีพจรของเขา ก่อนจะพยักหน้า “ไม่ต้องห่วง มีฉันอยู่ที่นี่ คุณปู่ของเธอจะไม่เป็นอะไร”จากนั้นเย่ซิวก็หยิบกล่องปฐมพยาบาลข้าง ๆ ซึ่งมียาห้ามเลือดอยู่ข้างในเขาโรยมันทั่วบาดแผลของชายชราจากนั้นก็ตรวจสอบร่างกายให้ชายชราอย่างถี่ถ้วนก่อนจะพบว่ามีกระดูกบางส่วนหักและชายชราก็น่าจะอายุประมาณหกสิบกว่าแล้วหากในวัยนี้มีปัญหากระดูกหัก มันอาจถึงแก่ชีวิตได้ตามหลักการที่ว่า การช่วยหนึ่งชีวิตนั้นยิ่งใหญ่กว่าการสร้างเจดีย์เจ็ดชั้นเย่ซิวไม่ลังเลที่จะใช้กำลังภายในของเขาช่วยรักษากระดูกที่หักของชายชรารอบ ๆ มีผู้คนมากมายมุงดูอยู่เมื่อเห็นว่าเย่ซิวยังเด็กมาก ทุกคนต่างก็สงสัยในทักษะทางการแพทย์ของเขาแต่ไม่นานก็มีคนอุทานออกมา“พระเจ้า ดูชายชราคนนั้นสิ หน้าเขาหายซีดแล้ว”“พ่อหนุ่มคนนี้เป็นหมอเทวดา!”“หมอหญิงเมื่อกี้ต่างหากที่เป็นหมอเถื่อน โชคดีที่มีพ่อหนุ่มคนนี้อยู่ ไม่อย่างนั้นคงมีคนตายฟรีเพิ่มขึ้นในโลกนี้อีก”“ทำได้ดีมากพ่อหนุ่ม”…… เมื่อได้ยินเสียงชื่นชมของผู้คนรอบตัวน่าหลันเหยียนหรานก็ตกตะลึง ก่อนจะวิ่งเข้าไปโดยไม่สนใจเซี่ยซิ่วซิ่วพอได้เห็นดวงตาของเธอก
คำพูดของเด็กสาวดึงดูดความสนใจของทุกคนทันทีจากนั้น นอกจากเย่ซิว ทุกคนในที่เกิดเหตุต่างก็ตกตะลึงชายชราดูเหมือนได้รับบาดเจ็บสาหัสและมีเลือดท่วมตัวตอนนี้กลับฟื้นขึ้นมาแล้ว“คุณปู่เป็นยังไงบ้างคะ?” เด็กสาวช่วยพยุงชายชราเสียงของชายชราฟังดูอ่อนแรงเล็กน้อย แต่สีหน้าเขาก็ไม่ได้แย่ “เวียนหัวเล็กน้อย นอกนั้นไม่มีปัญหาอะไร”แพทย์เหล่านั้นรีบหยิบเครื่องมือต่าง ๆ ออกมาตรวจร่างกายของชายชราทันทีผลลัพธ์ทำให้พวกเขาประหลาดใจมาก“ทุกส่วนในร่างกายของเขาเป็นปกติดี ยกเว้นความดันโลหิตที่ต่ำเล็กน้อย พระเจ้า พ่อหนุ่มคนนี้เป็นคนช่วยชีวิตเขาไว้อย่างนั้นเหรอ?”เด็กสาวพยักหน้าหนัก ๆ “พี่ชายคนนี้เขาเก่งมากเลยค่ะ ถ้าไม่มีเขา ปู่ของฉันคงไม่รอด”แพทย์คนก่อนหน้านี้รีบขอโทษเย่ซิวทันที“น้องชาย เมื่อกี้พวกเราบุ่มบ่ามเกินไป”“ทักษะทางการแพทย์ของนายยอดเยี่ยมมาก คงจะมาจากสถาบันการแพทย์ที่มีชื่อเสียงแน่ ๆ”เย่ซิวโบกมือ ไม่ได้อธิบายอะไรมากน่าหลันเหยียนหรานมองไปที่เย่ซิวที่ได้รับการชื่นชมจากทั่วสารทิศ เธอรู้สึกอึดอัดและไม่พอใจอย่างยิ่งแต่เธอก็รู้ดีว่าเธอทำให้ทุกคนโกรธ ตอนนี้จึงไม่กล้าพูดจาเยาะเย้ยเย่ซิวอีก
แต่ลิลิธกลับมีพรสวรรค์ในศาสตร์ด้านนี้สูงมาก จนสามารถฝึกฝนไปถึงระดับที่ไม่เคยมีใครทำได้มาก่อนผู้ชายทั่วไปไม่มีใครกล้าเข้าไปยุ่งกับเธอเลยไม่เช่นนั้น วันรุ่งขึ้นมีหวังกลายเป็นซากศพแห้งตายอย่างแน่นอนแม้ว่าลิลิธจะมีชื่อเสียงด้านความงามโด่งดังไปทั่ว แต่กลับไม่มีใครกล้าเข้าไปยุ่งกับเธอเคย์ฟี่ดวงตาเป็นประกาย “ความคิดนี้ไม่เลวเลยนะ ลิลิธต้องเจอกับผู้ชายที่แข็งแกร่งระดับเย่ซิวเท่านั้นถึงจะรับมือไหวพอลิลิธทำสำเร็จแล้วเข้าไปอ้อนเย่ซิวอีกหน่อยลองชวนให้เขามาลองพี่น้องสุดเซ็กซี่ บางทีเขาอาจจะไม่ปฏิเสธก็ได้”พรีเอลล์ที่ยืนอยู่ข้าง ๆ รีบพูดแทรกขึ้นมา “อย่าลืมแม่ลูกสุดแซ่บด้วย”เคย์ฟี่หัวเราะคิกคัก “อันนี้ก็ต้องดูที่ผลงานของลูกในอนาคตแล้วล่ะ”พูทมองด้วยความอิจฉาผู้ชายที่แท้จริงต้องเป็นแบบเย่ซิว ต้องผ่านดงดอกไม้นับไม่ถ้วนโดยไม่ทิ้งร่องรอยน่าเสียดายที่ถึงแม้เขาจะมีฝีมือพอตัว แต่เมื่อเทียบกับเย่ซิวแล้วยังห่างชั้นกันเกินไปแถมสาว ๆ ที่เขาเคยได้มาก็ยังไม่มีคุณภาพดีเท่านี้เลยด้วยซ้ำหลังจากหารือกันเสร็จ เคย์ฟี่ก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาลิลิธด้วยตัวเองณ เมืองระดับแนวหน้าของประเทศจ้านฉงตี้
เย่ซิวมองสิ่งของที่วางอยู่ตรงหน้าตัวเองโดยไม่มีปฏิกิริยาอะไรมากนักตอนนี้เงินทองพวกนี้ไม่ได้มีผลอะไรมากนักสำหรับเขาแล้วแต่รถยนต์ลอยตัวนั่นนับว่ายังพอมีค่าอยู่บ้างเขาย่อมรู้ดีว่าผู้หญิงคนนี้ทำแบบนี้เพราะอะไรต้องยอมรับว่าเธอมีความกล้าหาญไม่น้อยเลยทีเดียวแต่เพียงแค่นี้ยังไม่พอที่จะทำให้เขาเชื่อใจเธอได้อย่างสมบูรณ์“ของพวกนี้ฉันรับไว้ แต่ถ้าพวกเธอยอมย้ายสำนักงานใหญ่ไปที่สำนักโอสถจะยิ่งดีเข้าไปอีก”หากเป็นเช่นนั้น ส่วนหนึ่งของกำไรที่พวกเขาได้รับในแต่ละปีจะต้องเสียภาษีนอกจากนี้ยังช่วยแก้ปัญหาการพัฒนาบุคลากรท้องถิ่นของสำนักโอสถได้อีกด้วยที่สำคัญที่สุดคือสามารถใช้เป็นมาตรการควบคุมพวกเขาได้หากในอนาคตพวกเขาไม่เชื่อฟังหรือกระทำสิ่งใดที่เป็นภัยต่อสำนักโอสถเย่ซิวสามารถริบทรัพย์สินทั้งหมดของสำนักงานใหญ่ของพวกเขาไปได้ทันทีเมื่อได้ยินเช่นนั้น สีหน้าของทุกคนก็เปลี่ยนไปทันทีเย่ซิวกำลังกุมจุดอ่อนของพวกเขาไว้อย่างแน่นหนาพูโรหัวเราะเสียงดัง “นี่เป็นเรื่องสำคัญมาก บริษัทไม่ได้เป็นของผมเพียงคนเดียว ผมยังไม่อาจตอบตกลงได้ทันทีขอให้ผมจัดประชุมผู้ถือหุ้นในวันพรุ่งนี้ก่อน แล้วผมจะหารือก
นั่นคือสายตาที่มองลงมาจากระดับชีวิตที่สูงกว่าราวกับพวกเขาไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกันเย่ซิวตบไปที่หัวม้าศึกเพลิงน้ำแข็งเบา ๆ มันจึงยอมเก็บพลังของตัวเองกลับไป เปลวไฟที่ลุกโชนอยู่ใต้กีบเท้าก็ค่อย ๆ มอดลงเคย์ฟี่มองเย่ซิวด้วยสายตาร้อนแรงตอนนี้เขาดูสง่างามและทรงอำนาจ ทั้งยังหล่อเหลาเกินบรรยาย เหนือกว่าเจ้าชายขี่ม้าขาวในฝันของเธอเสียอีกเธอถึงกับน้ำลายสอโลกนี้มีผู้ชายที่สมบูรณ์แบบขนาดนี้ได้อย่างไรเย่ซิวหยิบของจำนวนหนึ่งออกมาจากแหวนผนึกของแล้ววางลงตรงหน้าพรีเอลล์กับพวกพ้อง “นี่คือส่วนแบ่งของพวกเธอในครั้งนี้ เอาไปได้เลย”พรีเอลล์ก้มลงมองของตรงหน้า จากนั้นสีหน้าของเธอก็เปลี่ยนไปทันที “ของพวกนี้มันไม่ใช่ของที่พวกเราเคยได้มาจากเรือรบของประเทศจ้านอิงตี้ครั้งก่อนเหรอ?”สิ่งที่เย่ซิวนำออกมาเป็นชุดเกราะและอาวุธต่าง ๆ ที่ได้มาเมื่อนานมาแล้ว“ใช่” เย่ซิวพยักหน้าโดยไม่ปิดบัง “ของที่ฉันได้จากข้างในมีค่ามากเกินไป ไม่สามารถให้พวกเธอได้เลยต้องใช้ของพวกนี้แทน”แม้สองพี่น้องจะรู้สึกไม่ค่อยพอใจนัก แต่ก็ไม่กล้าแสดงออกมาในตอนนี้พูทแววตาเป็นประกายขึ้นมา จากนั้นก็ฉีกเสื้อเป็นผืนเล็ก ๆ แล้วใช้มันมัด
เย่ซิวแสยะยิ้มมุมปาก “แกลองเดาดูสิว่าทำไมฉันถึงมั่นใจกล้าปล่อยแกออกมา”ม้าศึกเพลิงน้ำแข็งรู้สึกถึงบางสิ่งที่ไม่ดีขึ้นมาทันทีแต่มันยังไม่ทันได้คิดให้ถี่ถ้วน เย่ซิวก็เริ่มขยับริมฝีปากร่ายคาถาบางอย่างออกมาทันทีที่เสียงคาถาดังก้องในอากาศ ม้าศึกเพลิงน้ำแข็งก็กรีดร้องอย่างเจ็บปวดทั่วร่างของมันปรากฏอักขระเรืองแสงผุดขึ้นมาจากผิวหนัง ค่อย ๆ ก่อตัวเป็นโซ่ตรวนล่องหนที่พันธนาการมันเอาไว้อย่างแน่นหนามันทรุดลงกับพื้นกลิ้งไปมาอย่างบ้าคลั่งด้วยความทรมาน“สารเลว เหตุใดเจ้าถึง…พอได้แล้ว หยุดเดี๋ยวนี้ บอกว่าให้หยุดอย่างไรเล่า!”มันส่งเสียงร้องปวดร้าวจนใจแทบแตกสลายความปรารถนาที่จะฆ่าเย่ซิวที่มันเคยมีนั้นก็หายไปหมด ตอนนี้เหลือเพียงความหวาดกลัวอย่างท่วมท้นเท่านั้นเย่ซิวมีสีหน้าเรียบเฉยไร้ซึ่งความเมตตา และเขาไม่คิดจะหยุดแต่อย่างใด เขาสวดคาถาต่อเนื่องเป็นเวลากว่าสิบนาทีจนม้าศึกเพลิงน้ำแข็งถูกทรมานจนแทบไม่เหลือแรง เขาจึงหยุดลงในที่สุดตอนนี้ลมหายใจของมันสับสนวุ่นวาย ไม่มีท่าทีเย่อหยิ่งโอหังเช่นตอนแรกอีกต่อไปสายตาที่มันมองเย่ซิวเต็มไปด้วยความหวาดกลัวเมื่อเย่ซิวมีคาถานี้อยู่ในมือ เขาก็สามาร
เย่ซิวกำลังจะเดินออกจากห้องไปแต่ทันใดนั้น เขาหันไปมองที่กลางห้องก่อนจะดีดนิ้วส่งปราณกระบี่ออกไปทำลายพื้นด้านล่างปรากฏว่าข้างใต้มีช่องลับซ่อนอยู่ภายในนั้นมีหีบสีดำใบหนึ่งวางอยู่เย่ซิวสร้างร่างแยกขึ้นมาเพื่อเข้าไปเปิดมันภายในมีม้วนหนังสัตว์ปริศนาที่ไม่รู้ว่าทำจากหนังของสัตว์ชนิดใดเขาหยิบขึ้นมาดู พบว่ามีตัวอักษรเรียงรายแน่นหนาอยู่เต็มไปหมดแต่ไม่ใช่ตัวอักษรที่ใช้กันในปัจจุบัน เย่ซิวจึงอ่านมันไม่ออกในทันทีเขาทำได้แค่เก็บมันไว้ก่อน แล้วค่อยหาทางแก้ไขปริศนาในภายหลังตอนนี้สิ่งที่เหลืออยู่ก็มีเพียงแค่ม้าศึกเพลิงน้ำแข็งเท่านั้นจากนั้นเย่ซิวก็เดินไปยังจุดที่มันถูกผนึกไว้ทันทีที่ม้าศึกเพลิงน้ำแข็งสัมผัสได้ถึงการเข้าใกล้ของเขา มันก็เริ่มส่งเสียงโหยหวนขึ้นมา“ข้ายอมแล้วพี่ชาย ท่านเป็นบรรพบุรุษของข้าเลย ปล่อยข้าไปเถอะ อย่าดูดพลังข้าอีกเลย ถ้าดูดต่อไปข้าต้องตายจริง ๆ แน่”มันไม่เคยเจอมนุษย์ที่โหดร้ายบ้าคลั่งขนาดนี้มาก่อนถ้าไม่ใช่เพราะร่างกายของมันแข็งแกร่งแต่กำเนิด ป่านนี้มันคงสลายไปแล้วเย่ซิวไม่คิดจะเสียเวลาคุยไร้สาระกับมัน เขาก้าวไปข้างหน้าโอบกอดหนึ่งในเสาหลักของผนึก ก่
เมื่อเย่ซิวกลับมาที่ห้องอีกครั้งเขาก็เห็นรังไหมหนาทึบที่ห่อหุ้มโซเฟียปรากฏรอยร้าวมากมาย ก่อนจะระเบิดออกในพริบตาร่างของเธอส่องประกายเจิดจ้าเป็นพัน ๆ ลำแสงราวกับดวงอาทิตย์ที่ส่องแสงอันเจิดจรัสกว่าความสว่างจ้านั้นจะค่อย ๆ จางหายไปก็ใช้เวลานานพอสมควร เมื่อแสงสลายลงก็เผยให้เห็นสิ่งที่อยู่ภายในรังไหมรูปลักษณ์ภายนอกของเธอแทบไม่เปลี่ยนไปเลย ดวงตายังคงปิดสนิทแต่ที่แตกต่างออกไปคือด้านหลังของเธอมีปีกสีขาวบริสุทธิ์คู่หนึ่งกางออกมา พร้อมด้วยกลิ่นอายศักดิ์สิทธิ์และสูงส่งเปล่งออกจากร่างของเธอตู้ม!ในเสี้ยววินาทีที่เธอลืมตาขึ้นมา พลังมหาศาลก็พุ่งออกจากร่างของเธอมันให้ความรู้สึกราวกับภูเขาไฟที่สะสมพลังงานมาหลายร้อยปีแล้วปะทุขึ้นอย่างรุนแรง ดูน่าเกรงขามถึงขีดสุดฟึ่บ!เมื่อเธอลืมตาขึ้นมาก็มีแสงสีทองก็ส่องประกายในดวงตาทั้งสองข้างเดิมทีโซเฟียไม่ได้แสดงพลังอะไรที่แข็งแกร่งออกมาเลยแต่เพียงแค่สองวันผ่านไป กลิ่นอายพลังที่แผ่ออกมากลับพุ่งขึ้นไปจนถึงระดับจินตานขั้นสมบูรณ์ เทียบเท่ากับเย่ซิวเลยทีเดียวคนที่มีพรสวรรค์ระดับนี้มันช่างน่าอิจฉาจริง ๆไม่ต้องฝึกฝนอะไรให้เหนื่อยยากแค่หลับไปตื่น
หลังจากนั้นเขาก็หยิบโหลใบใหญ่ขึ้นมาแล้วเอ่ยกับชายวัยกลางคนที่อยู่ตรงหน้า“ท่านผู้อาวุโส เราไม่เคยรู้จักกันมาก่อน แต่วันนี้ผมได้รับความเมตตาจากท่าน ผมไม่มีอะไรจะตอบแทนได้จึงขอแสดงความเคารพเพียงเล็กน้อย โดยการเผากระดูกของท่านและหาที่พักพิงให้”กล่าวจบก็จุดไฟเผาซากโครงกระดูกจนกลายเป็นเถ้าถ่านแล้วนำใส่ลงในไหจากนั้นวางไว้บนโต๊ะในห้องหยิบธูปสามดอกออกมาจุดไฟปักไว้ตรงหน้าก่อนจะเดินจากไปจิตสำนึกเขาเข้าสู่พื้นที่ภายในแหวนผนึกของซึ่งมีขนาดกว่าหมื่นตารางเมตรภายในมีโอสถมากมาย ทว่าพลังโอสถได้จางหายไปหมดสิ้นแล้วจึงไร้ประโยชน์“หืม นี่มัน…”ท่ามกลางโอสถที่ถูกทิ้งร้างมากมาย เย่ซิวพบโอสถที่พิเศษมากอยู่เม็ดหนึ่งมันมีขนาดใหญ่เท่าหินโม่ แถมยังมีรูปร่างไม่สม่ำเสมอ พื้นผิวเต็มไปด้วยรอยบุ๋มรอยเว้า และที่สำคัญคือมันไม่เหมือนโอสถเลยสักนิด กลับดูคล้ายลูกเหล็กขนาดยักษ์มากกว่าเย่ซิวหยิบมันขึ้นมาแล้วเคาะเบา ๆ เสียงที่ดังออกมาชัดเจนและใสแจ๋ว แสดงให้เห็นว่าวัสดุของมันไม่ธรรมดาสัญชาตญาณบอกเขาว่าของสิ่งนี้อาจมีประโยชน์ในอนาคต จึงเลือกที่จะเก็บมันไว้ก่อนการค้นพบครั้งนี้ทำให้เขาพอใจมากจากนั้นเ
สิ่งของชิ้นที่สองในห้องคือกระบี่หนักคมกว้างขนาดมหึมาตัวกระบี่ปักอยู่ในพื้นมีความยาวถึงสองเมตรทั่วทั้งตัวกระบี่ถูกพันด้วยโซ่เหล็กมากมายและข้าง ๆ กระบี่ก็มีศิลาจารึกขนาดใหญ่สลักอักขระโบราณบอกเล่าที่มาของกระบี่เล่มนี้กระบี่หนักห้าขุนเขาคือกระบี่ศักดิ์สิทธิ์จากยุคบรรพกาล สร้างขึ้นจากแก่นแท้แห่งห้าขุนเขาผสานกับแร่ศักดิ์สิทธิ์กว่าพันชนิด ใช้เวลาหล่อหลอมถึงแปดสิบเอ็ดปีจึงสำเร็จมันมีน้ำหนักหนึ่งแสนแปดหมื่นชั่ง หนึ่งฟาดฟันตัดสายน้ำสะบั้น หนึ่งฟาดฟันบดขยี้ดวงดาว ผู้ที่ไม่มีพลังเทพโดยกำเนิดไม่อาจถอนกระบี่ออกได้ดวงตาของเย่ซิวพลันสว่างวาบ กระบี่เล่มนี้ช่างเหมาะกับเขาอย่างยิ่งทั้งเก้าวัจนะลึกลับและวิชาแปรมังกรเสริมพลังร่างกายเขาอย่างต่อเนื่องก่อนหน้านี้เวลาถือกระบี่หงส์โบยบิน เขารู้สึกเหมือนถือไม้จิ้มฟันเท่านั้นเนื่องจากมันเบาเกินไป จนทำให้เขาไม่สามารถปลดปล่อยพลังของตัวเองออกมาได้เต็มที่แต่ถ้ามีกระบี่ห้าขุนเขาเล่มนี้ มันจะช่วยเติมเต็มข้อบกพร่องนี้ได้พอดีในอนาคตกระบี่ดาวตกและกระบี่หงส์โบยบินจะใช้สำหรับโจมตีระยะไกล ส่วนกระบี่ห้าขุนเขาจะใช้เป็นอาวุธหลักในการต่อสู้ระยะประชิดเขาจั
ม้าศึกเพลิงน้ำแข็งที่เคยดูทรงพลังและน่าเกรงขาม ตอนนี้กลับดูซูบเซียวและอ่อนแรงลงอย่างเห็นได้ชัดมันรู้สึกเสียใจอย่างสุดซึ้งที่ดันไปหาเรื่องกับเย่ซิวซึ่งเป็นตัวอันตรายเข้าหากรู้แต่แรกว่าผลลัพธ์จะเป็นเช่นนี้ มันคงเลือกที่จะเงียบและทำตัวเป็นม้าโปร่งแสงไปเสียตั้งแต่ต้นวิชาแปรมังกรขั้นที่สามต้องบำเพ็ญให้เกิดกรงเล็บมังกร หางมังกร และเขามังกรขึ้นมาเย่ซิวไม่มีทางหยุดแน่นอน โอกาสแบบนี้ถ้าพลาดไปก็คงไม่มีวันหาได้อีกหนึ่งวันผ่านไป เขาก็ฝึกขั้นที่สามสำเร็จตอนนี้เขากลายเป็นมังกรทองในร่างมนุษย์ไปแล้วกรงเล็บมังกรสีทองแหลมคมราวกับสุดยอดศาสตราวุธ สามารถฉีกกระชากทุกสิ่งได้อย่างง่ายดายเขามังกรทั้งสองเส้นชี้ขึ้นฟ้า และมันไม่ได้มีไว้แค่ประดับเท่านั้นแต่มันช่วยเพิ่มการรับรู้และเร่งการดูดซับพลังจากฟ้าดินอีกด้วยส่วนหางมังกรก็มีประโยชน์ไม่น้อยมันเปรียบเสมือนแขนที่สามของเขา สามารถใช้เป็นอาวุธลับในสถานการณ์สำคัญได้และพอจะก้าวไปสู่ขั้นที่สี่ เขาก็ต้องใช้พลังงานมากกว่าขั้นที่สามถึงสิบเท่าเย่ซิวก้มลงมองม้าศึกเพลิงน้ำแข็งและพบว่าตอนนี้มันผอมแห้งเหลือแต่หนังหุ้มกระดูก คงใกล้จะหมดสภาพเต็มทีแ