เซี่ยซิ่วซิ่วและคนในครอบครัวต่างก็แพ้ลูกไม้นี้ของเธอเซี่ยซิ่วซิ่วมองไปที่เย่ซิว “เพื่อนนักศึกษาเย่ นี่มันเกิดอะไรขึ้น?”เธอมาที่นี่เพื่อเอาสัญญากรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยมาให้เย่ซิวตระกูลเซี่ยมีอำนาจไม่น้อย โดยทั่วไปอาจต้องใช้เวลาหลายวันในการดำเนินการ แต่ตระกูลเซี่ยสามารถทำให้เสร็จได้ภายในไม่กี่ชั่วโมงเย่ซิวไม่ได้พูดเกินจริง เพียงแค่เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้เธอฟัง หลังจากเซี่ยซิ่วซิ่วได้ยินสิ่งนี้ เหงื่อเย็นก็เริ่มผุดออกมา เธอต้องทำงานหนักและความพยายามอย่างมาก กว่าจะได้กระชับความสัมพันธ์กับเย่ซิวได้หากไม่ใช่เพราะว่าเธอต้องการรีบนำเอกสารมาให้เย่ซิว ก็คงไม่ได้มาเห็นฉากนี้และมันก็เป็นไปได้สูงที่ความพยายามทั้งหมดที่เธอทำมาตลอดช่วงนี้จะสูญเปล่าเธอเคยเห็นความน่ากลัวของเย่ซิวมาแล้วด้วยตาของตัวเอง ใครก็ตามที่ทำให้เขาขุ่นเคืองไม่มีทางลงเอยด้วยดีสิ่งที่เซี่ยชิงชิงทำลงไปมันจะทำลายตระกูล!นี่เป็นครั้งแรกที่เธอรู้สึกรังเกียจนิสัยดื้อรั้นและเอาแต่ใจของน้องสาวตัวเอง เธออดไม่ได้ที่จะตบหน้าเซี่ยชิงชิงอย่างแรงท่ามกลางเสียงตบที่ดังชัดเจน เซี่ยชิงชิงกุมแก้มตัวเอง และมองเซี่ยซิ่วซิ่วด้วย
จุ๊บ!เสียงที่คมชัดดังขึ้น มีรอยริมฝีปากปรากฏบนแก้มซ้ายของเย่ซิวเซี่ยซิ่วซิ่วไม่กล้ามองเย่ซิว ก้มหน้าลง แก้มแดงระเรื่อ“คือ... ฉันยังมีธุระที่ต้องทำ ต้องขอตัวก่อนนะ เพื่อนนักศึกษาเย่ ได้โปรดอย่าโกรธแค้นน้องสาวของฉันเลย ฉันจะสั่งสอนเธอให้ดี”พูดจบเธอก็วิ่งหนีไปด้วยความตื่นตระหนกเย่ซิวแตะแก้มตัวเอง แล้วยิ้มออกมาเล็กน้อยเขาโตมาขนาดนี้แล้วนี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่เขาถูกผู้หญิงจูบ มันรู้สึกดีทีเดียวไม่นาน เจ้าหน้าที่ก็มาถึงก็เข้ามาจับตัวพวกอันธพาลเหล่านี้ออกไปเพราะมีชาวบ้านใกล้เคียงให้การเป็นพยาน และมีคนแอบถ่ายคลิปวิดีโอเอาไว้จึงสามารถพิสูจน์ได้ว่าเย่ซิวแค่ปกป้องตัวเองอย่างเหมาะสมดังนั้นเขาจึงแค่ไปบันทึกคำให้การที่สถานีตำรวจครู่เดียวแล้วก็กลับมาเซี่ยซิ่วซิ่วส่งข้อความหาเขาถึงสามครั้ง โดยบอกว่าไม่ว่ายังไงก็ต้องมอบอะพาร์ตเมนต์นี้ให้กับเย่ซิวเพื่อที่เธอจะได้รู้สึกสบายใจไม่อย่างนั้นต่อไปเธอคงไม่มี กะจิตกะใจทำงานให้เย่ซิวได้ในเมื่อเป็นแบบนั้น เย่ซิวจึงทำได้เพียงตอบตกลงก็แค่อะพาร์ตเมนต์ห้องเดียวเท่านั้น ไม่จำเป็นต้องต่อความยาวสาวความยืดกลับบ้านเขาโทรถามลู่เสวี่ยเอ๋อร์
หากเย่ซิวต้องการจัดการตระกูลเซี่ย ก็ไม่มีใครสามารถหยุดเขาได้เซี่ยซิ่วซิ่วกล่าวอย่างใจเย็น “ต้องสั่งสอนชิงชิงอย่างเคร่งครัด ไม่อย่างนั้นจะต้องเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นไม่ช้าก็เร็วแน่ค่ะ”เซี่ยเจี๋ยที่อยู่ปลายสายพยักหน้าหนักแน่น “ปู่มีแผนสำหรับเรื่องนี้แล้ว”หลังจากวางสาย เซี่ยเจี๋ยก็โทรหาหมายเลขที่ไม่คุ้นเคยไม่นาน ปลายสายก็กดรับเสียงแหบห้าวดังขึ้น “ในที่สุดก็โทรมาหาฉันสักทีนะ ว่าไง คิดได้หรือยังว่าจะส่งหลานสาวคนไหนมาให้ฉัน?”สีหน้าของเซี่ยเจี๋ยดูเคร่งขรึม “ผมจะส่งชิงชิงไปเรียนรู้กับคุณ แต่จำไว้ว่าเธอจะสืบทอดวิชาจากคุณเท่านั้น ส่วนองค์กรและกลุ่มอิทธิพลอื่นไม่เกี่ยวข้องอะไรกับเธอ ห้ามยัดเยียดให้เธอเด็ดขาด”ปลายสายหัวเราะเยาะ“เข้าใจแล้ว รีบส่งเธอมาเร็ว ๆ ล่ะ”เซี่ยเจี๋ยเตือนขึ้นอีกครั้ง “จำไว้ว่าห้ามทำร้ายชิงชิง ยังไงเธอก็เป็นหลานของคุณ!”“พูดมาก!”ปลายสายกดวางสายทันทีเซี่ยเจี๋ยโทรออกอีกครั้ง “ไปจับตัวชิงชิงกลับมา”…… เย่ซิวมองโทรศัพท์ครบเวลาหนึ่งชั่วโมงแล้วเขาลุกขึ้นเดินไปที่ห้องของลู่เสวี่ยเอ๋อร์และเคาะประตู“เอาล่ะ ขึ้นมาได้แล้ว ใช้น้ำร้อนชำระล้างสิ่งตกค้างในร่างกาย”
หัวใจของลู่เสวี่ยเอ๋อร์เต้นแรง เธอเดินไปหาเย่ซิวด้วยความรู้สึกประหม่าเล็กน้อย“ฉันต้องทำยังไง? ต้องนอนลงไหม? ต้องถอดเสื้อผ้าหรือเปล่า?”“ไม่ต้อง ผมตรวจแค่ชีพจรก็พอ”ลู่เสวี่ยเอ๋อร์นั่งลงข้างเย่ซิว รู้สึกผิดหวังเล็กน้อยเมื่อได้ยินแบบนั้นที่แท้มันไม่ใช่สิ่งที่เธอจินตนาการไว้เย่ซิววางมือลงบนชีพจรของเธอหลังจากตรวจชีพจรแล้ว เขาก็พยักหน้าด้วยความพึงพอใจชีพจรของลู่เสวี่ยเอ๋อร์แข็งแรงดีมากไม่ได้ด้อยกว่าจอมยุทธระดับหนึ่งอีกต่อไปแช่สมุนไพรอีกสองสามครั้ง สร้างรากฐานร่างกายให้แข็งแกร่ง ก็จะสามารถเริ่มฝึกวรยุทธได้แล้วด้วยรากฐานที่มั่นคงของพวกเธอทั้งสอง เย่ซิวมั่นใจว่าพวกเธอจะสามารถบรรลุไปถึงขึ้นจอมยุทธระดับสามได้ภายในสองเดือนไม่นาน หลิ่วเมิ่งอิ๋นก็เดินออกมาเช่นกันเธอก้มศีรษะลงไม่กล้ามองเย่ซิวเย่ซิวแสร้งทำเป็นไม่มีอะไรเกิดขึ้นและโบกมือให้เธอ “มานี่ ฉันจะตรวจชีพจรให้”หลิ่วเมิ่งอิ๋นเดินไปหาเขา แต่ก็ยังไม่กล้ามองเขาเย่ซิวตรวจชีพจรของหลิ่วเมิ่งอิ๋น และพบว่ามันดีขึ้นมากเช่นกัน“เอาล่ะ ตอนนี้ก็ดึกแล้ว บวกกับหลังจากแช่สมุนไพรจำเป็นต้องพักผ่อนให้เพียงพอ พวกเธอเข้าไปนอนเถอะ”หญิง
ทันทีที่หันศีรษะไป ก็เห็นหลิ่วเมิ่งอิ๋นกอดเขาด้วยมือทั้งสองข้าง ทั้งสองใกล้ชิดกัน ความรู้สึกนั้น ใครก็เข้าใจได้โดยไม่ต้องอธิบายเย่ซิวกดจุดที่แขนซ้ายของหลิ่วเมิ่งอิ๋นเบา ๆ จากนั้นก็หลับตาลงอีกครั้งหลิ่วเมิ่งอิ๋นค่อย ๆ ตื่นขึ้นมาพอกะพริบตาเธอก็ตระหนักได้ถึงสภาพปัจจุบันของตัวเองทันทีเธอรู้สึกเหลือเชื่อมาก ทำไมเมื่อคืนเธอถึงได้ใจกล้าขนาดนี้?เธอรีบเหลือบมองเย่ซิวอย่างรวดเร็วเมื่อเห็นว่าเขายังคงหลับอยู่ ก็ไม่กล้าอยู่ต่อนาน จึงรีบออกไปอย่างเงียบ ๆหลังจากที่เธอจากไปเย่ซิวก็ลืมตาขึ้นหลังจากนั้นสิบนาที เย่ซิวก็ลุกขึ้นไปอาบน้ำลู่เสวี่ยเอ๋อร์และหลิ่วเมิ่งอิ๋นออกมาจากห้องทีละคนลู่เสวี่ยเอ๋อร์ทักทายเย่ซิว “อรุณสวัสดิ์ เพื่อนนักศึกษาเย่”เย่ซิวยิ้ม “อรุณสวัสดิ์”หลิ่วเมิ่งอิ๋นก็ทักทายเย่ซิวเช่นกัน แล้วแสร้งทำเป็นถามเขาด้วยท่าทางสบาย ๆ “พี่เย่ เมื่อคืนนอนหลับดีไหมคะ?”“ก็ดี แค่ในฝันรู้สึกเหมือนถูกคนกอด”ความตื่นตระหนกแวบขึ้นมาในดวงตาของหลิ่วเมิ่งอิ๋น เธอฝืนยิ้ม “พี่คงแค่ฝันไป”“ฮ่าฮ่า ฉันก็หวังว่าอย่างนั้น”หลิ่วเมิ่งอิ๋นรู้สึกค่อนข้างไม่สบายใจ เหมือนมีอะไรแอบแฝงอยู่ในคำพูด
น่าหลันเยียนหรานสวมรองเท้าส้นสูง วิ่งไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ววันนี้เป็นวันหยุดของเธอ และเดิมทีตั้งใจจะออกไปเที่ยวกับเพื่อนสนิทแต่ใครจะรู้ว่าระหว่างทางจะได้พบกับอุบัติเหตุทางรถยนต์แบบนี้“หลีกไป หลีกไป ฉันเป็นหมอ!”เด็กสาวรู้สึกตื่นเต้นทันที และรีบเปิดทางให้น่าหลันเยียนหราน “ได้โปรดช่วยคุณปู่ของฉันด้วยค่ะ รถพยาบาลยังต้องใช้เวลาอีกสักพักกว่าจะมาถึง”น่าหลันเยียนหรานมาถึงที่เกิดเหตุ และเห็นชายชราคนหนึ่งนอนเลือดท่วมตัวอยู่บนพื้นเขามีบาดแผลที่แขนและขาน่าหลันเยียนหรานจัดการบาดแผลที่แขนของเขาก่อนโชคดีที่เธอเป็นหมอ เธอจึงมีกล่องปฐมพยาบาลไว้ในรถอยู่เสมอแต่เมื่อน่าหลันเยียนหรานเห็นบาดแผลตรงขาของชายชรา เธอก็ขมวดคิ้วไม่ว่าจะใช้วิธีไหนก็ไม่สามารถห้ามเลือดได้น่าหลันเยียนหรานถอนหายใจ มองไปที่เด็กสาว “บาดแผลตัดหลอดเลือดแดงใหญ่ แถมยังมีขนาดใหญ่มากด้วย เราไม่มีทางช่วยเขาได้แล้ว”เด็กหญิงตัวเล็กขาอ่อนแทบจะล้มลงไปกับพื้น ใบหน้าของเธอซีดเผือด และคุกเข่าต่อหน้าน่าหลันเยียนหรานพร้อมกับขอร้องอ้อนวอน “ไม่เอานะ ได้โปรดช่วยปู่ของฉันด้วย ไม่ว่าจะต้องจ่ายด้วยอะไรก็ตาม”คุณปู่เป็นญาติเพียงคนเดียว
เย่ซิวเปิดเปลือกตาของชายชราและตรวจชีพจรของเขา ก่อนจะพยักหน้า “ไม่ต้องห่วง มีฉันอยู่ที่นี่ คุณปู่ของเธอจะไม่เป็นอะไร”จากนั้นเย่ซิวก็หยิบกล่องปฐมพยาบาลข้าง ๆ ซึ่งมียาห้ามเลือดอยู่ข้างในเขาโรยมันทั่วบาดแผลของชายชราจากนั้นก็ตรวจสอบร่างกายให้ชายชราอย่างถี่ถ้วนก่อนจะพบว่ามีกระดูกบางส่วนหักและชายชราก็น่าจะอายุประมาณหกสิบกว่าแล้วหากในวัยนี้มีปัญหากระดูกหัก มันอาจถึงแก่ชีวิตได้ตามหลักการที่ว่า การช่วยหนึ่งชีวิตนั้นยิ่งใหญ่กว่าการสร้างเจดีย์เจ็ดชั้นเย่ซิวไม่ลังเลที่จะใช้กำลังภายในของเขาช่วยรักษากระดูกที่หักของชายชรารอบ ๆ มีผู้คนมากมายมุงดูอยู่เมื่อเห็นว่าเย่ซิวยังเด็กมาก ทุกคนต่างก็สงสัยในทักษะทางการแพทย์ของเขาแต่ไม่นานก็มีคนอุทานออกมา“พระเจ้า ดูชายชราคนนั้นสิ หน้าเขาหายซีดแล้ว”“พ่อหนุ่มคนนี้เป็นหมอเทวดา!”“หมอหญิงเมื่อกี้ต่างหากที่เป็นหมอเถื่อน โชคดีที่มีพ่อหนุ่มคนนี้อยู่ ไม่อย่างนั้นคงมีคนตายฟรีเพิ่มขึ้นในโลกนี้อีก”“ทำได้ดีมากพ่อหนุ่ม”…… เมื่อได้ยินเสียงชื่นชมของผู้คนรอบตัวน่าหลันเหยียนหรานก็ตกตะลึง ก่อนจะวิ่งเข้าไปโดยไม่สนใจเซี่ยซิ่วซิ่วพอได้เห็นดวงตาของเธอก
คำพูดของเด็กสาวดึงดูดความสนใจของทุกคนทันทีจากนั้น นอกจากเย่ซิว ทุกคนในที่เกิดเหตุต่างก็ตกตะลึงชายชราดูเหมือนได้รับบาดเจ็บสาหัสและมีเลือดท่วมตัวตอนนี้กลับฟื้นขึ้นมาแล้ว“คุณปู่เป็นยังไงบ้างคะ?” เด็กสาวช่วยพยุงชายชราเสียงของชายชราฟังดูอ่อนแรงเล็กน้อย แต่สีหน้าเขาก็ไม่ได้แย่ “เวียนหัวเล็กน้อย นอกนั้นไม่มีปัญหาอะไร”แพทย์เหล่านั้นรีบหยิบเครื่องมือต่าง ๆ ออกมาตรวจร่างกายของชายชราทันทีผลลัพธ์ทำให้พวกเขาประหลาดใจมาก“ทุกส่วนในร่างกายของเขาเป็นปกติดี ยกเว้นความดันโลหิตที่ต่ำเล็กน้อย พระเจ้า พ่อหนุ่มคนนี้เป็นคนช่วยชีวิตเขาไว้อย่างนั้นเหรอ?”เด็กสาวพยักหน้าหนัก ๆ “พี่ชายคนนี้เขาเก่งมากเลยค่ะ ถ้าไม่มีเขา ปู่ของฉันคงไม่รอด”แพทย์คนก่อนหน้านี้รีบขอโทษเย่ซิวทันที“น้องชาย เมื่อกี้พวกเราบุ่มบ่ามเกินไป”“ทักษะทางการแพทย์ของนายยอดเยี่ยมมาก คงจะมาจากสถาบันการแพทย์ที่มีชื่อเสียงแน่ ๆ”เย่ซิวโบกมือ ไม่ได้อธิบายอะไรมากน่าหลันเหยียนหรานมองไปที่เย่ซิวที่ได้รับการชื่นชมจากทั่วสารทิศ เธอรู้สึกอึดอัดและไม่พอใจอย่างยิ่งแต่เธอก็รู้ดีว่าเธอทำให้ทุกคนโกรธ ตอนนี้จึงไม่กล้าพูดจาเยาะเย้ยเย่ซิวอีก
ในใจรั่วอวิ๋นกำลังปลื้มเป็นที่สุดแต่ต่อหน้าคนอื่นเธอยังคงวางมาดสงบนิ่ง และพยักหน้าเบา ๆ แบบถ่อมตัวสุด ๆ“ก็ไม่เท่าไหร่นะ แค่สัตว์วิญญาณไม่กี่ตัว เอาไว้เฝ้าประตูเฉย ๆ”คำพูดโอ้อวดแบบถ่อมตัวเช่นนี้ทำเอาคนที่ยืนฟังอยู่ถึงกับกระตุกมุมปากกันเป็นแถบเธอคิดว่านี่คือผักกาดขาวหรือไงนี่มันสัตว์วิญญาณระดับจินตานตั้งแปดตัวเชียวนะถึงสายเลือดของพวกสิงโตหยกขาวจะไม่ใช่ระดับสูงสุด แต่ก็ไม่ใช่พวกชั้นต่ำ อยู่ระดับกลางค่อนไปทางดีเลยด้วยซ้ำถ้าเลี้ยงต่อไปดี ๆ รับรองว่าเก่งขึ้นได้อีกแน่นอนลองจินตนาการดูสิ สิงโตหยกขาวแปดตัวคำรามพร้อมกันจะอลังการแค่ไหน มันต้องเป็นภาพที่อลังการและน่าเกรงขามสุด ๆ“เย่ซิวก็อยู่ที่นี่ด้วยเหรอ” ภรรยาเจ้าสำนักทำทีเหมือนเพิ่งสังเกตเห็นเขาเย่ซิวยิ้มพลางเอ่ย “ขอคารวะท่านผู้อาวุโสทุกท่าน เจ้าสำนักและภรรยา ผมแค่มาให้อาหารพวกมันน่ะครับ”ทุกคนก็พยักหน้าเบา ๆ เป็นเชิงรับรู้ ไม่มีใครเชื่อมโยงได้ถึงเรื่องที่สัตว์วิญญาณเลื่อนระดับได้เพราะตัวเขาเลยแม้แต่น้อยไม่นานนัก สัตว์วิญญาณทั้งแปดตัวก็ค่อย ๆ สร้างตานปีศาจได้สำเร็จแทบจะพร้อมกันพลังที่ระเบิดออกมาทำให้เกิดพายุขนาดใหญ่ไปทั
แม้ว่ารั่วอวิ๋นจะรู้ดีว่าความคิดแบบนี้มันไม่ค่อยแฟร์เท่าไหร่ แต่เธอก็ห้ามตัวเองไม่ได้เลยจริง ๆถ้าเย่ซิวแค่ลองกลั่นโอสถเป็นครั้งแรกก็เก่งกว่าเธอแบบไม่เห็นฝุ่น แบบนั้นมันก็เหมือนโดนตบหน้าแรง ๆ เข้าให้แล้วแบบนี้จะรักษาภาพลักษณ์ความเป็นอาจารย์ไว้ต่อหน้าเขาได้ยังไงกันล่ะเสียงโครมดังขึ้น ก่อนที่ฝาปิดเตาจะหลุดออกกลิ่นหอมของโอสถที่เข้มข้นจนถึงขีดสุดกระจายไปทั่วเย่ซิวถึงกับใจหล่นวูบ คิดในใจว่าแย่แล้วถึงเขาจะพยายามเก็บงำกลิ่นเท่าที่ทำได้แล้ว แต่ดูเหมือนแค่กลิ่นที่ลอยออกมาก็แรงกว่าโอสถของรั่วอวิ๋นเสียอีกรั่วอวิ๋นพยายามควบคุมสีหน้าแล้วรีบเดินเข้าไปดูโอสถในเตาพอเห็นแล้วก็ถึงกับยืนช็อกไปทั้งตัวที่ก้นเตา โอสถจำนวนห้าสิบเม็ดวางเรียงกันอย่างเป็นระเบียบ และแต่ละเม็ดก็ใสบริสุทธิ์ดูอัดแน่นไปด้วยพลังแต่สิ่งที่ทำให้เธอรับไม่ได้ที่สุดก็คือทุกเม็ดมีลวดลายโอสถปรากฏอยู่บนผิวของมัน หมายความว่าโอสถทั้งหมดนี้เป็นระดับสูงนี่มันไม่ใช่แค่โดนตบหน้าแล้ว แต่มันคือการโดนกดหัวลงพื้นแล้วลากไปเลยต่างหากเย่ซิวไอแห้ง ๆ หนึ่งทีและจงใจไม่เข้าไปดู แต่ทำท่าทางตื่นเต้นแล้วถามเธอด้วยสีหน้าลุ้น ๆ ว่า “ท่านอาจ
ทั้งความรู้ที่เคยได้รับรวมถึงทักษะการกลั่นโอสถต่าง ๆ ก็ควรจะเหนือกว่าตัวเขาแบบทิ้งห่างสิแต่ทำไมกลับรู้สึกว่ายังห่างชั้นจากเขาอยู่เยอะเลย?เย่ซิวยังคิดว่าตัวเองอาจจะคิดไปเองจึงตั้งใจดูต่ออีกสักพักจนสุดท้ายก็มั่นใจเต็มร้อยว่าทักษะการกลั่นโอสถของผู้หญิงคนนี้ไม่ถึงหนึ่งในสิบของเขาด้วยซ้ำแค่ฝีมือระดับนี้ก็ยังยืนหยัดอยู่ในโลกของผู้ฝึกตนได้ด้วยเหรอ?หรือโลกของผู้ฝึกตนมันหากินง่ายขนาดนั้นเลย?ความคิดสารพัดผุดขึ้นมาในหัวเย่ซิว แต่สีหน้าเขาก็ยังคงนิ่งเฉย ไม่แสดงพิรุธอะไรออกมาเลยหนึ่งชั่วโมงผ่านไป โอสถก็กลั่นเสร็จเรียบร้อยรั่วอวิ๋นเปิดฝาเตาก่อนจะหยิบเม็ดยาออกมาหนึ่งเม็ด ใบหน้าเต็มไปด้วยความพึงพอใจ “ไม่เลว ๆ หนึ่งเตาได้โอสถมายี่สิบเจ็ดเม็ด ระดับกลางหกเม็ด ถือว่าสมบูรณ์แบบ”จากนั้นเธอก็หันไปมองเย่ซิวแม้ใบหน้าจะดูเรียบเฉย แต่เย่ซิวก็พอจะจับความหมายแฝงได้ไม่ยากก็แค่รอให้เขาชมเธอนั่นแหละหากพูดตรง ๆ การกลั่นโอสถของรั่วอวิ๋นรอบนี้ถือว่าสอบตกสำหรับเย่ซิว เพราะวัตถุดิบที่ใช้ไปทั้งหมด ถ้าเป็นเขากลั่นเองอย่างน้อยจะได้เพิ่มขึ้นอีกเท่าตัวแถมยังเป็นโอสถระดับสูงทั้งหมดด้วยซ้ำเมื่อเห็นโ
เย่ซิวรู้สึกหมดคำจะพูดทำไมทุกทีที่เขากำลังจะเข้าสู่จุดสำคัญ ผู้หญิงคนนี้ต้องโผล่มาขัดจังหวะตลอดเลยนะเขาไม่อยากเสียเวลาเถียงจึงเลือกกลืนเม็ดยาลงไปตรง ๆจากนั้นก็เริ่มเดินกำลังเดินกำลังภายในเพื่อกลั่นพลังโอสถพลังโอสถอันหนักแน่นและทรงพลังแผ่กระจายออกมาภายในร่างเขาราวกับภูเขาไฟขนาดยักษ์ระเบิดออกในพริบตาสำหรับเย่ซิว ระดับนี้ไม่ใช่เรื่องยาก และทุกอย่างก็ดำเนินไปอย่างราบรื่นข้อแตกต่างเพียงอย่างเดียวคือรากฐานพลังของเขาลึกเกินไปจนต้องใช้โอสถไปถึงห้าเม็ดถึงจะสามารถทะลวงเข้าสู่ระดับถอดจิตได้สำเร็จพลังวิญญาณในร่างกลายเป็นของเหลวหนืดเหนียวสุดขีด วิญญาณก่อกำเนิดก็ขยายขนาดใหญ่ขึ้นเป็นสิบเท่าทั้งพลังบำเพ็ญและความสามารถในการต่อสู้ก็เพิ่มขึ้นพร้อมกันสิบเท่าเมื่อสัมผัสได้ถึงพลังอันรุนแรงที่แผ่กระจายอยู่ทั้งภายนอกและภายใน เย่ซิวก็รู้สึกว่าดวงตาตัวเองสว่างวาบต่อให้ตอนนี้ต้องเผชิญหน้ากับเจ้าสำนักอีกครั้ง แม้จะยังไม่ใช่คู่มือที่แท้จริง แต่ก็คงไม่ถึงขั้นไม่มีทางสู้เหมือนเมื่อก่อนแล้วอย่างน้อยถ้าคิดจะหนีก็หนีรอดแน่นอนการทะลวงเข้าสู่ระดับถอดจิตยังส่งผลเสริมพละกำลังร่างกายของเย่ซิวอีกด้ว
เย่ซิวอายุแค่นี้เองนะ!แต่กลับสามารถกลั่นโอสถระดับสุดยอดออกมาได้ถ้าให้เวลาเขาอีกหน่อย แบบนี้ไม่บินขึ้นฟ้าไปเลยเหรอเจ้าสำนักกับภรรยาหันไปมองหน้ากัน ทั้งคู่ต่างเห็นความจริงจังและความตกตะลึงในแววตาของกันและกันดูเหมือนต้องประเมินเย่ซิวใหม่เสียแล้วจางเสี่ยวอวี๋ถึงกับหยิกเนื้อแขนตัวเองแรง ๆ แต่ก็ยังรู้สึกเหมือนฝันอยู่ดี“ไม่จริงน่า เขาจะกลั่นสุดยอดโอสถได้ยังไง…ถึงว่าทำไมวันนั้นฉันไปหาเขา เขาถึงได้ทำตัวเย็นชาใส่ ที่แท้ในสายตาเขาฉันก็เป็นแค่ตัวตลกคนหนึ่ง”ในขณะที่คนทั้งสนามกำลังตะลึงอยู่ สีหน้าของหนานกงอู๋ซวงกับเฉินเยียนจือก็เริ่มเก็บอารมณ์ไม่อยู่ทุกคนได้รับโอสถกันหมด มีแค่พวกเขาสองคนเท่านั้นที่ไม่มีมันชัดเจนมากว่าเย่ซิวตั้งใจเมินพวกเขาเฉินเยียนจือโกรธจนตัวสั่น ก่อนชี้หน้าเย่ซิวพลางตะโกน “นี่มันหมายความว่ายังไง ทำไมทุกคนมีกันหมด แต่ฉันกับพี่อู๋ซวงไม่มี!”เย่ซิวไหล่ตกก่อนจะทำหน้าไร้เดียงสา “อ๋อ พวกคุณก็อยู่ด้วยเหรอ ขอโทษที พอดีโอสถหมดพอดีเลยเอาแบบนี้แล้วกัน พรุ่งนี้พวกคุณทั้งคู่มาหาผมสิ เดี๋ยวผมจะกลั่นให้ส่วนตัวเลย”เฉินเยียนจือไม่พูดอะไรอีก แต่จ้องเย่ซิวด้วยสายตาเย็นเฉียบส
เสาไอพลังโอสถพุ่งขึ้นฟ้าด้วยแรงมหาศาลราวกับค้อนยักษ์ที่มองไม่เห็นทุบกระแทกลงกลางใจของทุกคนอย่างแรงรั่วอวิ๋นแทบล้มทั้งยืน ปากสวย ๆ ของเธออ้าค้างจนสามารถยัดไข่ไก่เข้าไปได้หลายฟองเธอมองภาพตรงหน้าด้วยสายตาเลื่อนลอย ไม่รู้จะพูดอะไรออกมาดีเย่ซิวโบกมือเบา ๆ จากนั้นโอสถจำนวนมหาศาลก็ลอยออกมาจากเตากลั่นและพุ่งขึ้นไปลอยเหนือศีรษะของเขาดูแล้วมีไม่ต่ำกว่าหมื่นเม็ดโอสถจำนวนมากขนาดนั้นรวมตัวกันจนกลายเป็นเมฆโอสถที่ปกคลุมอยู่เหนือหัวไม่ต้องพูดถึงบรรดาศิษย์ แต่ละคนถึงกับอ้าปากค้างไปแล้วแม้แต่ผู้อาวุโสทั้งหลายก็ไม่เคยเห็นภาพที่น่าตื่นตาตื่นใจแบบนี้มาก่อนทุกคนตกตะลึงจนพูดไม่ออกเย่ซิวโบกมืออีกครั้งโอสถกว่าหมื่นเม็ดแยกออกเป็นส่วนย่อย ๆ ลอยกระจายไปตรงหน้าของทุกคนในสนามจากนั้นก็ได้ยินเสียงเย่ซิวพูดว่า “ในเมื่อผมมาอยู่ที่นี่แล้ว เราก็ถือว่าเป็นครอบครัวเดียวกันโอสถพวกนี้ก็ถือเป็นของขวัญแนะนำตัวจากผมก็แล้วกันผมเป็นคนคุยง่ายนะ ถ้าคุณให้เกียรติผม ผมก็จะให้เกียรติคุณแต่ถ้าคิดจะเล่นสกปรกกับผม ผมก็จะขยี้ให้แหลกไม่เหลือเหมือนกัน”เด็กสาวหน้ากลมคนหนึ่งมองเย่ซิวอย่างไม่แน่ใจ “ศิษย์พี่เย่พู
เพียงแต่ต่อหน้าผู้คนมากมายขนาดนี้ เขาย่อมไม่สามารถแสดงความไม่พอใจออกมาตรง ๆ ได้“เอาล่ะ การประลองครั้งนี้ถือว่าจบลงตรงนี้ เหล่าศิษย์ใหม่ทั้งหลายกลับไปพักผ่อนเถอะ อีกหนึ่งถึงสองวันจะมีประกาศว่าพวกนายจะได้เป็นศิษย์ของท่านอาวุโสท่านใด”“เดี๋ยวก่อนครับ”จู่ ๆ เย่ซิวก็พูดขึ้นมาอีกครั้งเจ้าสำนักเริ่มหมดความอดทนแล้ว ก่อนจะมองเย่ซิวด้วยสายตาเย็นเฉียบ “นายยังมีอะไรอีก”เขาเริ่มหมดความอดทนกับเจ้าหมอนี่ที่ทำให้เขาเสียหน้า แถมยังทำให้เขาเสียหายหลายอย่างด้วยเย่ซิวทำเหมือนไม่เห็นสีหน้าที่เย็นยะเยือกน่ากลัวของอีกฝ่าย ยังคงยิ้มแล้วหันไปเอ่ยกับทุกคนว่า“พวกคุณอาจจะลืมไปเรื่องหนึ่ง นั่นคือผมเป็นนักปรุงยา”เฉินเยียนจือที่ตอนนี้ไม่ว่าจะมองเย่ซิวยังไงก็ไม่ชอบใจเอาเสียเลยทันทีที่ได้ยินแบบนั้นก็รีบแย้งขึ้นมา “นายเพิ่งจะได้เป็นศิษย์ของผู้อาวุโสรั่วอวิ๋นเอง ยังไม่ทันได้เป็นนักปรุงยาฝึกหัดด้วยซ้ำ กล้าพูดจาแบบนี้ได้ยังไง”เย่ซิวมองเธอด้วยสีหน้าไม่พอใจ “อายุแค่นี้ทำไมพูดมากนักล่ะ พ่อแม่ไม่สอนเรื่องมารยาทรึไง? ไร้การอบรมเสียจริง!”เจ้าสำนักที่อยู่ไม่ไกลถึงกับหน้าบึ้งอย่างเห็นได้ชัดเขาอยากจะตบเจ้าเด
สีหน้าของเจ้าสำนักเริ่มบึ้งตึงเล็กน้อยความรู้สึกที่มีต่อเย่ซิวแย่ลงทันตาจนถึงขั้นรู้สึกขยะแขยงเรื่องที่ทุกคนในที่นี้ก็ดูออกกันหมด ไม่รู้ว่าเขาแกล้งโง่หรือไม่รู้จริง ๆคนที่มีไหวพริบหน่อยก็ควรจะแกล้งทำเป็นไม่รู้และปล่อยให้เรื่องผ่านไปเงียบ ๆแต่เย่ซิวกลับพูดออกมาตรง ๆ ต่อหน้าทุกคน ไม่มีการไว้หน้าเลยแม้แต่น้อยแถมยังจะเหมารางวัลสิบอันดับแรกไปคนเดียว มันช่างโลภเสียจริงแต่เขาก็ไม่คิดย้อนดูตัวเองบ้างว่าเป็นคนตอบตกลงไปก่อนเอง แล้วตอนนี้จะมาขอเปลี่ยนใจได้ยังไงเฉินเยียนจือลุกพรวดขึ้นมาทันที ก่อนจะใช้นิ้วชี้หน้าเย่ซิวแล้วตะโกนด่าอย่างไม่ไว้หน้าเลยแม้แต่น้อย “นายนี่ชักจะเกินไปแล้ว นายพูดกับเจ้าสำนักแบบนี้ได้ยังไง? ไม่มีสัมมาคารวะเลยสักนิด รีบคุกเข่าขอโทษเดี๋ยวนี้!”เย่ซิวไม่หันไปมองเฉินเยียนจือเลยแม้แต่น้อยเขาได้ยินคำพูดที่ผู้หญิงคนนี้พูดก่อนหน้านี้ชัดเจนทุกคำ ได้ยินทั้งคำพูดหยาบคายและดูถูกเขาแบบไม่ตกหล่นสักคำเย่ซิวเกาหูเบา ๆ แล้วเงยหน้ามองฟ้า “แปลกแฮะ ทำไมได้ยินเสียงหมาเห่าล่ะ?”“นาย!!!” เฉินเยียนจือหน้าแดงก่ำ พลางจ้องเย่ซิวตาไม่กะพริบ “ไม่เคยมีใครกล้าพูดแบบนี้กับฉันมาก่อนเลยนะ
“อาคมธาตุลมที่บริสุทธิ์ขนาดนี้ คนทั่วไปไม่มีทางใช้ได้แน่นอน หรือว่าเขาจะมีรากวิญญาณกลายพันธุ์หายาก!”“ให้ตายเถอะ ไม่คิดเลยว่าชาตินี้จะได้เห็นคนที่มีรากวิญญาณกลายพันธุ์กับตา!”“รากวิญญาณแบบนี้มีศักยภาพสูงมาก อาจจะกลายเป็นอัจฉริยะที่มีโอกาสทะลวงถึงระดับมหายานในอนาคตเลยนะ”“เย่ซิวคงถึงคราวลำบากแล้ว ต่อให้เขาจะแข็งแกร่งแค่ไหน ก็ไม่น่าจะสู้กับคนที่มีรากวิญญาณธาตุลมได้หรอก”……สายตาของหนานกงอู๋ซวงลุกวาวขึ้นมาทันทีเขาจ้องมองเด็กหนุ่มที่เปล่งประกายอยู่บนเวทีอย่างไม่กะพริบตา “ในที่สุดก็เจอคนที่ทำให้ฉันรู้สึกอยากสู้ด้วยสักที”เย่ซิวยิ้มมุมปาก “ที่โอหังแบบนี้ก็เพราะมีรากวิญญาณกลายพันธุ์สินะ”ท่ามกลางอาคมลมอันรุนแรงที่อีกฝ่ายปล่อยออกมา เย่ซิวก็กำหมัดขวาแน่น พลังโลหิตในร่างพลุ่งพล่านแล้วชกออกไปหมัดหนึ่งทันทีที่หมัดถูกปล่อยออกไปก็เหมือนกับมีเสียงกลองยักษ์ดังสนั่นขึ้นมาจนทำให้หลายคนลมหายใจติดขัด สีหน้าตกใจสุดขีดจากนั้นพวกเขาก็เห็นว่าลมทั้งหมดที่อยู่บนเวทีถูกหมัดนั้นกวาดหายไปหมดเด็กหนุ่มคนนั้นถูกแรงปะทะของหมัดที่ทรงพลังจนถอยกรูดไปไกลเป็นร้อยเมตรใบหน้าเขาขาวสลับแดง หัวใจรู้สึกตื่นตระ