เย่ซิวเปิดเปลือกตาของชายชราและตรวจชีพจรของเขา ก่อนจะพยักหน้า “ไม่ต้องห่วง มีฉันอยู่ที่นี่ คุณปู่ของเธอจะไม่เป็นอะไร”จากนั้นเย่ซิวก็หยิบกล่องปฐมพยาบาลข้าง ๆ ซึ่งมียาห้ามเลือดอยู่ข้างในเขาโรยมันทั่วบาดแผลของชายชราจากนั้นก็ตรวจสอบร่างกายให้ชายชราอย่างถี่ถ้วนก่อนจะพบว่ามีกระดูกบางส่วนหักและชายชราก็น่าจะอายุประมาณหกสิบกว่าแล้วหากในวัยนี้มีปัญหากระดูกหัก มันอาจถึงแก่ชีวิตได้ตามหลักการที่ว่า การช่วยหนึ่งชีวิตนั้นยิ่งใหญ่กว่าการสร้างเจดีย์เจ็ดชั้นเย่ซิวไม่ลังเลที่จะใช้กำลังภายในของเขาช่วยรักษากระดูกที่หักของชายชรารอบ ๆ มีผู้คนมากมายมุงดูอยู่เมื่อเห็นว่าเย่ซิวยังเด็กมาก ทุกคนต่างก็สงสัยในทักษะทางการแพทย์ของเขาแต่ไม่นานก็มีคนอุทานออกมา“พระเจ้า ดูชายชราคนนั้นสิ หน้าเขาหายซีดแล้ว”“พ่อหนุ่มคนนี้เป็นหมอเทวดา!”“หมอหญิงเมื่อกี้ต่างหากที่เป็นหมอเถื่อน โชคดีที่มีพ่อหนุ่มคนนี้อยู่ ไม่อย่างนั้นคงมีคนตายฟรีเพิ่มขึ้นในโลกนี้อีก”“ทำได้ดีมากพ่อหนุ่ม”…… เมื่อได้ยินเสียงชื่นชมของผู้คนรอบตัวน่าหลันเหยียนหรานก็ตกตะลึง ก่อนจะวิ่งเข้าไปโดยไม่สนใจเซี่ยซิ่วซิ่วพอได้เห็นดวงตาของเธอก
คำพูดของเด็กสาวดึงดูดความสนใจของทุกคนทันทีจากนั้น นอกจากเย่ซิว ทุกคนในที่เกิดเหตุต่างก็ตกตะลึงชายชราดูเหมือนได้รับบาดเจ็บสาหัสและมีเลือดท่วมตัวตอนนี้กลับฟื้นขึ้นมาแล้ว“คุณปู่เป็นยังไงบ้างคะ?” เด็กสาวช่วยพยุงชายชราเสียงของชายชราฟังดูอ่อนแรงเล็กน้อย แต่สีหน้าเขาก็ไม่ได้แย่ “เวียนหัวเล็กน้อย นอกนั้นไม่มีปัญหาอะไร”แพทย์เหล่านั้นรีบหยิบเครื่องมือต่าง ๆ ออกมาตรวจร่างกายของชายชราทันทีผลลัพธ์ทำให้พวกเขาประหลาดใจมาก“ทุกส่วนในร่างกายของเขาเป็นปกติดี ยกเว้นความดันโลหิตที่ต่ำเล็กน้อย พระเจ้า พ่อหนุ่มคนนี้เป็นคนช่วยชีวิตเขาไว้อย่างนั้นเหรอ?”เด็กสาวพยักหน้าหนัก ๆ “พี่ชายคนนี้เขาเก่งมากเลยค่ะ ถ้าไม่มีเขา ปู่ของฉันคงไม่รอด”แพทย์คนก่อนหน้านี้รีบขอโทษเย่ซิวทันที“น้องชาย เมื่อกี้พวกเราบุ่มบ่ามเกินไป”“ทักษะทางการแพทย์ของนายยอดเยี่ยมมาก คงจะมาจากสถาบันการแพทย์ที่มีชื่อเสียงแน่ ๆ”เย่ซิวโบกมือ ไม่ได้อธิบายอะไรมากน่าหลันเหยียนหรานมองไปที่เย่ซิวที่ได้รับการชื่นชมจากทั่วสารทิศ เธอรู้สึกอึดอัดและไม่พอใจอย่างยิ่งแต่เธอก็รู้ดีว่าเธอทำให้ทุกคนโกรธ ตอนนี้จึงไม่กล้าพูดจาเยาะเย้ยเย่ซิวอีก
ตอนเดินผ่านน่าหลันเยียนหราน เย่ซิวหยุดเดิน “ฉันขอแนะนำเธอทางที่ดีเปลี่ยนอาชีพ จรรยาบรรณแพทย์ขั้นพื้นฐานที่สุดเธอยังไม่มีด้วยซ้ำ อยู่ในโรงพยาบาลต่อไปแบบนี้พานจะทำให้เกียรติของวิชาชีพแพทย์เสื่อมเสียเปล่า ๆ”น่าหลันเยียนหรานโกรธจนหน้าเขียว “เรื่องของฉัน ไม่ใช่ธุระกงการอะไรของนาย!”เย่ซิวมองเธออย่างเฉยเมยและเดินต่อไปต่อไปน่าหลันเยียนหรานโกรธมากจนกระทืบเท้าเธอเห็นสายตาของเย่ซิวที่เปี่ยมไปด้วยความรู้สึกดูถูกที่ผ่านมาเธอมักจะเป็นฝ่ายดูถูกคนอื่นเสมอ แต่เธอไม่เคยถูกคนอื่นดูถูกมาก่อนเลย“นายอย่าให้ฉันลงมือเลยจะดีกว่า อย่าคิดว่านายจะทำอะไรก็ได้เพียงเพราะนายใกล้ชิดกับตระกูลเซี่ย!”เธอคิดว่าเย่ซิวใช้วิธีอะไรบางอย่างหลอกลวงเพื่อให้ได้รับความไว้วางใจจากเซี่ยซิ่วซิ่วและอยู่เคียงข้างเธอได้น่าหลันเยียนหรานมองว่าเขาเป็นพวกเกาะผู้หญิงกินอีกด้านหนึ่ง มีชายชราถูกช่วยเหลือขึ้นรถพยาบาลเด็กสาวอยู่เคียงข้างเขาไปถึงโรงพยาบาลไม่นานก็ตรวจร่างกายชายชราทั้งหมด พบว่าไม่มีอะไรสาหัสร้ายแรงจึงเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลต่อภายในห้องผู้ป่วยส่วนตัวหลังจากเขาพ้นขีดอันตรายมาได้แล้ว เด็กสาวก็แผ่ออร่าความภ
เซี่ยซิ่วซิ่วมองไปทางพนักงานที่มาขวางทางพวกเขาแล้วถามว่า “ทำไม?”พนักงานชี้ไปที่แขนเสื้อของเย่ซิวแล้วพูดว่า “มีเปื้อนเลือดบนตัวแบบนี้ ร้านเราเป็นแบรนด์หรูหรา ที่นี่คนที่สวมเสื้อผ้าไม่เรียบร้อยและไม่สะอาดสะอ้าน จะไม่รับอนุญาตให้เข้าไปในร้านครับ”เซี่ยซิ่วซิ่วเริ่มโกรธขึ้นมาบ้างแล้ว “แบรนด์ของพวกคุณอยู่แค่อันดับที่เก้าของประเทศเท่านั้น ยังกล้าดูหมิ่นลูกค้าแบบนี้งั้นเหรอ?!”พนักงานเงยหน้าขึ้นและมองเหยียด “คุณหนูหยุดพูดมากแล้วออกไปเร็ว ๆ อย่ามาขัดขวางการทำธุรกิจของเรา”“แล้วอีกอย่างคนที่อยู่ข้าง ๆ คุณ ดูจากเสื้อผ้าที่เขาใส่แล้วไม่น่าจะมีปัญญาจ่ายได้หรอก เสื้อผ้าในร้านของเราหยิบสุ่ม ๆ มาตัวหนึ่งยังมีราคาหลายหมื่นเลย”“ไม่มีเหตุผลที่จะเสียเวลาที่นี่หรอก พอพวกคุณลองเสื้อแล้วฉันต้องเอาเสื้อไปซักแห้งอีก รู้ไหมว่าซักแห้งเสื้อผ้าพวกนี้ครั้งหนึ่งมันแพงแค่ไหน!”คำพูดของเขาเต็มไปด้วยความดูถูกต่อเย่ซิวท่าทีของเย่ซิวยังเป็นไปตามปกติ เรื่องอย่างเช่นการดูถูกผู้คนแบบนี้เกิดขึ้นได้ทุกที่แต่เซี่ยซิ่วซิ่วรับไม่ได้“ฉันรู้จักเจ้านายของคุณ โทรหาเขาสิ ฉันจะให้เขาไล่คุณออก!”พนักงานเย้ยหยันอย่างเหยี
เขาจะไม่โกรธและเครียดได้อย่างไร น่าฆ่าให้ตายนักจากนั้นเขาก็เตะเข้าที่เข่าของเขาให้เขาคุกเข่าต่อหน้าเซี่ยซิ่วซิ่วแล้วกดศีรษะเขาโขกหัวลงกับพื้นสามครั้งจากนั้นเขาก็มองเซี่ยซิ่วซิ่วอย่างอ่อนน้อม “คุณหนูเซี่ย ผมได้สั่งสอนบทเรียนให้เขาแล้ว น้องเมียผมไม่มีสมอง โปรดเมตตาอย่าถือสาเขาเลยนะครับ”สีหน้าของเซี่ยซิ่วซิ่วอ่อนลงเล็กน้อย “ไล่เขาออก ฉันไม่อยากให้เขาปรากฏตัวในเมืองเจียงเฉิงอีก เห็นเขาแล้วมันน่าขยะแขยง”ชายร่างอ้วนเตี้ยพยักหน้าอย่างรวดเร็ว “ได้ครับได้ ไม่มีปัญหา ผมไล่เขาออกเดี๋ยวนี้”ชายร่างอ้วนเตี้ยเตะน้องภรรยาของตัวเอง “ได้ยินไหม? ไสหัวไปได้แล้ว”เขาไม่กล้าอยู่ที่นี่อีกต่อไป เขาจึงรีบวิ่งล้มลุกคลุกคลานออกไปชายร่างอ้วนเตี้ยรีบเปิดประตูเชิญชวนทั้งสองคน “แขกผู้มีเกียรติทั้งสองคน เชิญเข้ามาข้างในเถอะครับ”เซี่ยซิ่วซิ่วเดินควงแขนเย่ซิวเข้าไปชายร่างอ้วนเตี้ยรู้สึกประหลาดใจเซี่ยซิ่วซิ่วก็เป็นที่รู้จักกันดีในเมืองเจียงเฉิง ไม่เคยได้ยินมาก่อนว่าเธอเคยใกล้ชิดกับผู้ชายคนไหน“ชายคนนี้มีภูมิหลังแบบไหนกัน? ถึงได้สนิทกับคุณหนูเซี่ยมากขนาดนี้ เขาต้องไม่ธรรมดาแน่ ฉันต้องรับใช้เขาให้ดี”
เซี่ยซิ่วซิ่วสังเกตเห็นความผิดปกติของเย่ซิวและมองตามเขาออกไป “มีอะไรเหรอ?”“ฉันเห็นน้องสาวเธอเดินตามผู้ชายที่ดูท่าทางแปลก ๆ ผ่านหน้าร้านไป”สีหน้าเซี่ยซิ่วซิ่วเปลี่ยนไป “เธอไปยุ่งกับพวกคนเลวพวกนั้นอีกแล้ว”“รอผมอยู่ที่นี่นะ ผมจะไปดูหน่อย”หลังจากพูดจบ เย่ซิวก็รีบออกไปทันทีเขาไม่สนใจเซี่ยชิงชิง แต่คนที่อยู่ข้าง ๆ เธอ ทำให้เย่ซิวรู้สึกคุ้นหน้าและต้องตามให้ทันหลังจากเดินออกจากร้าน เย่ซิวก็เห็นคนสองคนไปรวมตัวกับอีกกลุ่มเขารีบวิ่งตามไปพร้อมกับปิดรูขุมขนทั่วร่างกาย ไม่ให้พลังออร่ารั่วไหลออกไปนี่คือสิ่งที่จอมยุทธ์ระดับปรมาจารย์เท่านั้นที่สามารถทำได้ยี่สิบนาทีต่อมา เย่ซิวเดินตามสองคนข้างหน้าเขาและมาถึงชุมชนเก่าแห่งหนึ่งตลอดเวลาทั้งสองคนไม่ได้สังเกตเห็นเลยเย่ซิวนอนราบอยู่หน้าประตูมอง มองผ่านเข้าไปในรอยแยกนั้นเห็นคนสามคนอยู่ในห้องเช่านอกจากเซี่ยชิงชิง อีกสองคนสวมเสื้อผ้าหลากสี มีผ้าโพกหัว สวมกำไลเงินที่ข้อมือและข้อเท้า“คิดไว้ไม่มีผิด พวกเขาเป็นคนจากสำนักเบญจพิษ พวกเขาปรากฏตัวอีกครั้งแล้ว” เย่ซิวตาเป็นประกายในตอนนั้น อาจารย์ของเขาเคยสร้างกองกำลังลับที่ชื่อว่า นิกายแพทย
เซี่ยชิงชิงนั่งขัดสมาธิลงบนพื้นจากนั้นเห็นผู้หญิงสองคนหยิบกระบอกไม้ไผ่ขนาดเล็กออกมาจากกระเป๋าที่ห้อยอยู่ที่เอวเมื่อกระบอกถูกเปิดออก ตะขาบ งูพิษและคางคกก็คลานออกมาจากภายใน เซี่ยชิงชิงเห็นแล้วรู้สึกขนลุกอยากจะหนีไปตามสัญชาตญาณผู้หญิงคนหนึ่งดุขึ้น “ถ้าเธอหนีไป การทดสอบจะล้มเหลว ในอนาคตเธอจะเรียนรู้วิชาที่แท้จริงไม่ได้”ผู้หญิงอีกคนพูดต่อว่า “หลังจากถูกแมลงพิษกัดแล้ว เธอถึงจะได้เรียนรู้วิชาขั้นสูงสุดของสำนักและมีโอกาสดีในการเป็นเจ้าสำนักคนต่อไป”เมื่อได้ยินเช่นนี้ เซี่ยชิงชิงก็ระงับอาการคลื่นไส้และหวาดกลัวของตัวเองและนั่งนิ่งอยู่ตรงนั้นในใจเธอคิดถึงแต่เย่ซิวความเกลียดชังก็ยิ่งเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆความเกลียดชังอันไร้ขอบเขตแผ่ซ่านไปทั่วทั้งร่างกายของเธอ จึงลดความเจ็บปวดจากแมลงพิษที่คลานมากัดเธอได้ผู้หญิงทั้งสองมองหน้ากัน เห็นแววตาชื่นชมในดวงตาของกันและกันเด็กสาวที่ไม่เคยผ่านเรื่องแบบนี้มาก่อน แต่มีความกล้าขนาดนี้ ถือว่าเป็นคนที่มีศักยภาพดีที่ข้างนอก เย่ซิวไม่ได้หยุดพวกเขาวิธีการสร้างรากฐานแบบนี้อาจดูโหดร้าย แต่ถ้าผสมผสานกับยาลับที่ได้รับการปรุงเป็นพิเศษ จะช่วยเสริมสร้างร่าง
จู่ ๆ เย่ซิวก็ปรากฏตัวขึ้นมา ทำให้พวกเธอทุกคนวิตกกังวลผู้หญิงคนหนึ่งจ้องมองไปที่เย่ซิว “แกเป็นใคร มาขวางพวกเราทำไม?”เย่ซิวไม่คิดพูดพร่ำกับพวกเขาให้เสียเวลา รีบวิ่งบุกเข้าไปเหมือนเสือที่กระโจนลงมาจากภูเขาออร่าที่แผ่ออกมาจากตัวเขาทำให้พวกเธอหายใจลำบาก สีหน้าก็ดูเคร่งเครียดมากด้วยพวกเธอโบกมือและมีควันพิษจำนวนมากพุ่งออกมาน่าเสียดายที่มันทำอะไรเย่ซิวไม่ได้เลยร่างกายของเขามีภูมิต้านทานต่อพิษทุกชนิดมานานแล้วตู้ม! ตู้ม!เสียงทึบที่พุ่งกระแทกออกไปในอากาศ ร่างของหญิงสาวสองคนจากสำนักเบญจพิษกระเด็นออกไปกลางอากาศและร่วงหล่นลงกับพื้นขยับตัวไม่ได้เย่ซิวฝังเข็มสกัดจุดพวกเธอไว้ชั่วคราว ทำให้เคลื่อนไหวไม่ได้อยู่พักหนึ่งจากนั้นเขาก็ค่อย ๆ ก้าวไปหาเซี่ยชิงชิงความกลัวในแววตาเซี่ยชิงชิงวาบขึ้นมา ทันใดนั้นเธอก็แสดงท่าทางที่อ่อนแอเหมือนสาวน้อย “พี่ชาย คุณคิดจะทำอะไรกันแน่?”ในตอนนี้เธอเป็นอะไรไม่ได้เด็ดขาด เพราะเธอยังไม่ได้แก้แค้นเย่ซิวเธอต้องมีชีวิตรอด แม้ว่ามันจะหมายถึงการทำสิ่งที่เธอไม่เคยทำมาก่อนก็ตามเย่ซิวเมินท่าทีของเธอ เดินเข้าไปบีบคอเธอด้วยมือข้างหนึ่ง ลากไปยังพุ่มหญ้าที่อยู่
เย่ซิวกำลังจะเดินออกจากห้องไปแต่ทันใดนั้น เขาหันไปมองที่กลางห้องก่อนจะดีดนิ้วส่งปราณกระบี่ออกไปทำลายพื้นด้านล่างปรากฏว่าข้างใต้มีช่องลับซ่อนอยู่ภายในนั้นมีหีบสีดำใบหนึ่งวางอยู่เย่ซิวสร้างร่างแยกขึ้นมาเพื่อเข้าไปเปิดมันภายในมีม้วนหนังสัตว์ปริศนาที่ไม่รู้ว่าทำจากหนังของสัตว์ชนิดใดเขาหยิบขึ้นมาดู พบว่ามีตัวอักษรเรียงรายแน่นหนาอยู่เต็มไปหมดแต่ไม่ใช่ตัวอักษรที่ใช้กันในปัจจุบัน เย่ซิวจึงอ่านมันไม่ออกในทันทีเขาทำได้แค่เก็บมันไว้ก่อน แล้วค่อยหาทางแก้ไขปริศนาในภายหลังตอนนี้สิ่งที่เหลืออยู่ก็มีเพียงแค่ม้าศึกเพลิงน้ำแข็งเท่านั้นจากนั้นเย่ซิวก็เดินไปยังจุดที่มันถูกผนึกไว้ทันทีที่ม้าศึกเพลิงน้ำแข็งสัมผัสได้ถึงการเข้าใกล้ของเขา มันก็เริ่มส่งเสียงโหยหวนขึ้นมา“ข้ายอมแล้วพี่ชาย ท่านเป็นบรรพบุรุษของข้าเลย ปล่อยข้าไปเถอะ อย่าดูดพลังข้าอีกเลย ถ้าดูดต่อไปข้าต้องตายจริง ๆ แน่”มันไม่เคยเจอมนุษย์ที่โหดร้ายบ้าคลั่งขนาดนี้มาก่อนถ้าไม่ใช่เพราะร่างกายของมันแข็งแกร่งแต่กำเนิด ป่านนี้มันคงสลายไปแล้วเย่ซิวไม่คิดจะเสียเวลาคุยไร้สาระกับมัน เขาก้าวไปข้างหน้าโอบกอดหนึ่งในเสาหลักของผนึก ก่
เมื่อเย่ซิวกลับมาที่ห้องอีกครั้งเขาก็เห็นรังไหมหนาทึบที่ห่อหุ้มโซเฟียปรากฏรอยร้าวมากมาย ก่อนจะระเบิดออกในพริบตาร่างของเธอส่องประกายเจิดจ้าเป็นพัน ๆ ลำแสงราวกับดวงอาทิตย์ที่ส่องแสงอันเจิดจรัสกว่าความสว่างจ้านั้นจะค่อย ๆ จางหายไปก็ใช้เวลานานพอสมควร เมื่อแสงสลายลงก็เผยให้เห็นสิ่งที่อยู่ภายในรังไหมรูปลักษณ์ภายนอกของเธอแทบไม่เปลี่ยนไปเลย ดวงตายังคงปิดสนิทแต่ที่แตกต่างออกไปคือด้านหลังของเธอมีปีกสีขาวบริสุทธิ์คู่หนึ่งกางออกมา พร้อมด้วยกลิ่นอายศักดิ์สิทธิ์และสูงส่งเปล่งออกจากร่างของเธอตู้ม!ในเสี้ยววินาทีที่เธอลืมตาขึ้นมา พลังมหาศาลก็พุ่งออกจากร่างของเธอมันให้ความรู้สึกราวกับภูเขาไฟที่สะสมพลังงานมาหลายร้อยปีแล้วปะทุขึ้นอย่างรุนแรง ดูน่าเกรงขามถึงขีดสุดฟึ่บ!เมื่อเธอลืมตาขึ้นมาก็มีแสงสีทองก็ส่องประกายในดวงตาทั้งสองข้างเดิมทีโซเฟียไม่ได้แสดงพลังอะไรที่แข็งแกร่งออกมาเลยแต่เพียงแค่สองวันผ่านไป กลิ่นอายพลังที่แผ่ออกมากลับพุ่งขึ้นไปจนถึงระดับจินตานขั้นสมบูรณ์ เทียบเท่ากับเย่ซิวเลยทีเดียวคนที่มีพรสวรรค์ระดับนี้มันช่างน่าอิจฉาจริง ๆไม่ต้องฝึกฝนอะไรให้เหนื่อยยากแค่หลับไปตื่น
หลังจากนั้นเขาก็หยิบโหลใบใหญ่ขึ้นมาแล้วเอ่ยกับชายวัยกลางคนที่อยู่ตรงหน้า“ท่านผู้อาวุโส เราไม่เคยรู้จักกันมาก่อน แต่วันนี้ผมได้รับความเมตตาจากท่าน ผมไม่มีอะไรจะตอบแทนได้จึงขอแสดงความเคารพเพียงเล็กน้อย โดยการเผากระดูกของท่านและหาที่พักพิงให้”กล่าวจบก็จุดไฟเผาซากโครงกระดูกจนกลายเป็นเถ้าถ่านแล้วนำใส่ลงในไหจากนั้นวางไว้บนโต๊ะในห้องหยิบธูปสามดอกออกมาจุดไฟปักไว้ตรงหน้าก่อนจะเดินจากไปจิตสำนึกเขาเข้าสู่พื้นที่ภายในแหวนผนึกของซึ่งมีขนาดกว่าหมื่นตารางเมตรภายในมีโอสถมากมาย ทว่าพลังโอสถได้จางหายไปหมดสิ้นแล้วจึงไร้ประโยชน์“หืม นี่มัน…”ท่ามกลางโอสถที่ถูกทิ้งร้างมากมาย เย่ซิวพบโอสถที่พิเศษมากอยู่เม็ดหนึ่งมันมีขนาดใหญ่เท่าหินโม่ แถมยังมีรูปร่างไม่สม่ำเสมอ พื้นผิวเต็มไปด้วยรอยบุ๋มรอยเว้า และที่สำคัญคือมันไม่เหมือนโอสถเลยสักนิด กลับดูคล้ายลูกเหล็กขนาดยักษ์มากกว่าเย่ซิวหยิบมันขึ้นมาแล้วเคาะเบา ๆ เสียงที่ดังออกมาชัดเจนและใสแจ๋ว แสดงให้เห็นว่าวัสดุของมันไม่ธรรมดาสัญชาตญาณบอกเขาว่าของสิ่งนี้อาจมีประโยชน์ในอนาคต จึงเลือกที่จะเก็บมันไว้ก่อนการค้นพบครั้งนี้ทำให้เขาพอใจมากจากนั้นเ
สิ่งของชิ้นที่สองในห้องคือกระบี่หนักคมกว้างขนาดมหึมาตัวกระบี่ปักอยู่ในพื้นมีความยาวถึงสองเมตรทั่วทั้งตัวกระบี่ถูกพันด้วยโซ่เหล็กมากมายและข้าง ๆ กระบี่ก็มีศิลาจารึกขนาดใหญ่สลักอักขระโบราณบอกเล่าที่มาของกระบี่เล่มนี้กระบี่หนักห้าขุนเขาคือกระบี่ศักดิ์สิทธิ์จากยุคบรรพกาล สร้างขึ้นจากแก่นแท้แห่งห้าขุนเขาผสานกับแร่ศักดิ์สิทธิ์กว่าพันชนิด ใช้เวลาหล่อหลอมถึงแปดสิบเอ็ดปีจึงสำเร็จมันมีน้ำหนักหนึ่งแสนแปดหมื่นชั่ง หนึ่งฟาดฟันตัดสายน้ำสะบั้น หนึ่งฟาดฟันบดขยี้ดวงดาว ผู้ที่ไม่มีพลังเทพโดยกำเนิดไม่อาจถอนกระบี่ออกได้ดวงตาของเย่ซิวพลันสว่างวาบ กระบี่เล่มนี้ช่างเหมาะกับเขาอย่างยิ่งทั้งเก้าวัจนะลึกลับและวิชาแปรมังกรเสริมพลังร่างกายเขาอย่างต่อเนื่องก่อนหน้านี้เวลาถือกระบี่หงส์โบยบิน เขารู้สึกเหมือนถือไม้จิ้มฟันเท่านั้นเนื่องจากมันเบาเกินไป จนทำให้เขาไม่สามารถปลดปล่อยพลังของตัวเองออกมาได้เต็มที่แต่ถ้ามีกระบี่ห้าขุนเขาเล่มนี้ มันจะช่วยเติมเต็มข้อบกพร่องนี้ได้พอดีในอนาคตกระบี่ดาวตกและกระบี่หงส์โบยบินจะใช้สำหรับโจมตีระยะไกล ส่วนกระบี่ห้าขุนเขาจะใช้เป็นอาวุธหลักในการต่อสู้ระยะประชิดเขาจั
ม้าศึกเพลิงน้ำแข็งที่เคยดูทรงพลังและน่าเกรงขาม ตอนนี้กลับดูซูบเซียวและอ่อนแรงลงอย่างเห็นได้ชัดมันรู้สึกเสียใจอย่างสุดซึ้งที่ดันไปหาเรื่องกับเย่ซิวซึ่งเป็นตัวอันตรายเข้าหากรู้แต่แรกว่าผลลัพธ์จะเป็นเช่นนี้ มันคงเลือกที่จะเงียบและทำตัวเป็นม้าโปร่งแสงไปเสียตั้งแต่ต้นวิชาแปรมังกรขั้นที่สามต้องบำเพ็ญให้เกิดกรงเล็บมังกร หางมังกร และเขามังกรขึ้นมาเย่ซิวไม่มีทางหยุดแน่นอน โอกาสแบบนี้ถ้าพลาดไปก็คงไม่มีวันหาได้อีกหนึ่งวันผ่านไป เขาก็ฝึกขั้นที่สามสำเร็จตอนนี้เขากลายเป็นมังกรทองในร่างมนุษย์ไปแล้วกรงเล็บมังกรสีทองแหลมคมราวกับสุดยอดศาสตราวุธ สามารถฉีกกระชากทุกสิ่งได้อย่างง่ายดายเขามังกรทั้งสองเส้นชี้ขึ้นฟ้า และมันไม่ได้มีไว้แค่ประดับเท่านั้นแต่มันช่วยเพิ่มการรับรู้และเร่งการดูดซับพลังจากฟ้าดินอีกด้วยส่วนหางมังกรก็มีประโยชน์ไม่น้อยมันเปรียบเสมือนแขนที่สามของเขา สามารถใช้เป็นอาวุธลับในสถานการณ์สำคัญได้และพอจะก้าวไปสู่ขั้นที่สี่ เขาก็ต้องใช้พลังงานมากกว่าขั้นที่สามถึงสิบเท่าเย่ซิวก้มลงมองม้าศึกเพลิงน้ำแข็งและพบว่าตอนนี้มันผอมแห้งเหลือแต่หนังหุ้มกระดูก คงใกล้จะหมดสภาพเต็มทีแ
เย่ซิวค้นพบว่าภายในเสาทั้งสิบสามต้นนี้ฝังอะไรบางอย่างที่เขาไม่สามารถเข้าใจได้ อาจเป็นค่ายกลหรืออย่างอื่นที่ซับซ้อนกว่านั้นพวกมันเชื่อมโยงกับสิ่งที่อยู่ใต้ดินและคอยดูดซับพลังจากร่างของมันจากนั้นก็ใช้พลังเหล่านั้นกดมันเอาไว้มันคล้ายกับเครื่องสูบน้ำที่ดูดน้ำจากบ่อขึ้นมาแล้วเทกลับลงไป วนเวียนเป็นวงจรซ้ำไปซ้ำมาจากนั้นเย่ซิวก็เกิดความคิดขึ้นมาอย่างหนึ่งแต่ก็ไม่รู้ว่าเขาจะสามารถแอบขโมยพลังจากม้าศึกเพลิงน้ำแข็งได้หรือเปล่าหลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็ตัดสินใจลองดูเจ้าแก่นี่เกือบทำให้เขาตกอยู่ใต้อำนาจมัน ถ้าไม่เอาคืนบ้างก็คงรู้สึกขัดใจไม่น้อยคิดได้ดังนั้น เย่ซิวก็วางมือลงบนเสาต้นหนึ่งก่อนจะเร่งพลังวิชาแปรมังกรทันทีศาสตร์นี้สามารถกลั่นพลังงานทุกประเภทในโลกให้เป็นของตนเองได้ทันทีที่เริ่มใช้งาน ฝ่ามือของเขาก็เกิดแรงดูดอันทรงพลังและดูดซับพลังวิญญาณบริสุทธิ์จำนวนมากจากเสาศิลาวิญญาณเสาเองก็ตอบสนองโดยการเร่งดูดพลังจากม้าศึกเพลิงน้ำแข็งมากขึ้นดวงตาของเย่ซิวเปล่งประกายขึ้น พร้อมกับที่เขาพยายามรักษาสมดุลเอาไว้ในขณะที่ม้าศึกเพลิงน้ำแข็งถึงกับสบถออกมา พลังที่มันปลดปล่อยออกมานั้นเต
แค่เสาทั้งสิบสามต้นนี้ก็มีมูลค่ามหาศาลแล้วเทียบได้กับทรัพย์สินทั้งหมดของเย่ซิวก่อนที่เขาจะเริ่มบำเพ็ญวิชาเก้าวัจนะลึกลับเลยทีเดียว“นั่นคืออะไรน่ะ? ฉันรู้สึกได้ถึงความปรารถนาอันแรงกล้าในร่างกายเลย” พรีเอลล์จ้องมองเสาศิลาวิญญาณเหล่านั้นด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความสับสนจากนั้นเธอก็ก้าวเดินไปข้างหน้าแต่ถูกเย่ซิวขวางเอาไว้สีหน้าของสองพี่น้องดูแปลกไปเหมือนถูกอะไรบางอย่างครอบงำในขณะที่โซเฟียกลับไม่ได้รับผลกระทบใด ๆ ทั้งสิ้น“จงตื่น!”เสียงของเย่ซิวดังขึ้นเบา ๆ สองพี่น้องได้สติทันที พร้อมกับเหงื่อเย็นที่ผุดขึ้นเต็มตัว“เกิดอะไรขึ้นน่ะ?”“เมื่อกี้เหมือนฉันถูกควบคุมเลย”เย่ซิวใช้พลังเนตร มองทะลุผ่านพื้นลงไปสายตาของเขาค่อย ๆ เจาะลึกลงไปนับพันเมตร จนกระทั่งพบว่าที่ใต้ดินลึกลงไปมีค่ายกลขนาดใหญ่ปรากฏอยู่ภายในค่ายกลนั้นขังบางสิ่งเอาไว้มันคือม้าศึกตัวหนึ่งที่สูงเกือบสองเมตร ทั้งร่างขาวโพลนราวหิมะบนหัวมีเขาเกลียวชี้ขึ้นด้านบนกีบเท้าทั้งสี่ลุกไหม้ด้วยเปลวเพลิงสีขาวดวงตาของมันลึกลับดุจห้วงเหวลึกทันใดนั้นเอง ม้าศึกตัวนั้นก็เงยหน้าขึ้นสบตากับเย่ซิวเข้าเต็ม ๆโครม!เย่ซิวรู้สึกเ
“ข้างในมีของสำคัญสำหรับฉันมาก ฉันเข้าไปด้วยได้ไหม?”เสียงของโซเฟียไพเราะจับใจเหมือนกับเสียงน้ำพุใสกระทบหิน มีความลึกซึ้งและก้องกังวานแค่เสียงของเธอก็ทำให้ผู้ชายมากมายหัวใจเต้นแรงได้แล้วเย่ซิวมองหญิงสาวที่สวยจนดูราวกับภาพลวงตาตรงหน้า “ถ้าปล่อยให้เธอเข้าไปแล้วฉันจะได้อะไร?”“บนตัวนายมีป้ายอันหนึ่งที่เต็มไปด้วยรอยร้าว เอามาให้ฉัน แล้วฉันจะทำให้มันกลับมาเหมือนเดิม”เย่ซิวมีสีหน้าครุ่นคิด ก่อนจะหยิบของสิ่งหนึ่งออกมาจากแหวนผนึกของมันเป็นของที่ตกมาจากเด็กหญิงตัวน้อยคนนั้นตอนที่เขาช่วยเธอเอาไว้ตอนนั้นเขาไม่ได้สังเกตว่ามันมีค่าอะไรเลยเก็บมันไว้ก่อนจากนั้นเขาก็ยื่นมันให้โซเฟียเธอวางมันลงบนฝ่ามือ ก่อนจะกดมือทั้งสองข้างเข้าหากันแสงสีขาวสว่างออกมาจากรอยต่อของมือและคงอยู่เช่นนั้นต่อเนื่องเป็นสิบกว่าวินาทีพอเธอคลายมือออกก็มีแผ่นหยกเรืองแสงอ่อน ๆ ปรากฏอยู่ในฝ่ามือเย่ซิวรับแผ่นหยกนั้นมาแนบไว้ที่หว่างคิ้วจากนั้นก็มีข้อมูลมากมายก็ไหลทะลักเข้าสู่สมองของเขาก่อนจะปรากฏเป็นเคล็ดวิชาหนึ่งขึ้นมาในหัวเขาทันทีวิชาแปรมังกร!เป็นศาสตร์ฝึกฝนที่ลึกล้ำเป็นอย่างยิ่งตามเนื้อหาที่บันทึกไว
แค่กระบี่นี้ หากเล็งไปที่เมืองสักแห่ง เมืองนั้นคงถูกทำลายจนสิ้นในพริบตาหากฟันกระบี่นี้ออกไปอีกไม่กี่ครั้ง ประเทศจ้านฉงตี้คงได้รับความเสียหายอย่างหนักจนยากจะฟื้นตัวหรือไม่แน่ อาจถูกประเทศจ้านอิงตี้ฉวยโอกาสเข้ายึดครองไปเลยก็ได้อย่าดูแค่ภายนอกว่าทั้งสองประเทศเหมือนพี่น้องที่ดีต่อกัน แต่ถ้าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งแสดงจุดอ่อนขึ้นมา อีกฝ่ายจะต้องฉวยโอกาสกลืนกินอย่างแน่นอนเย่ซิวขมวดคิ้วเล็กน้อยซากโบราณสถานแห่งนี้ดูเหมือนจะไม่ธรรมดาจริง ๆเขาใช้วิชาอัดปราณกระบี่ไปถึงเก้าครั้ง แต่ก็ยังไม่สามารถทำลายมันได้เย่ซิวเก็บกระบี่หงส์โบยบิน โดยไม่สนใจคนรอบข้างที่กำลังตัวสั่นด้วยความหวาดกลัวเขาประสานมือทั้งสองเข้าด้วยกัน แสงสีทองสว่างไสวเหมือนเปลวเพลิง ก่อนที่ร่างขนาดมหึมาจะค่อย ๆ ปรากฏขึ้นด้านหลังเขาตู้ม!ตู้ม!ตู้ม!เมื่อร่างที่ทรงพลังและครอบงำทุกสิ่งจนแทบไร้เทียมทานปรากฏขึ้นท้องฟ้าอันแจ่มใสพันลี้พลันถูกปกคลุมด้วยเมฆดำมืดในทันทีไม่ต้องพูดถึงคนรอบข้างที่กำลังยืนอยู่ตรงนี้เลยแม้แต่จักรพรรดิหมีเหล็ก ที่อยู่ห่างออกไปกว่าหลายมันไมล์ และกำลังชมวิดีโออยู่ ยังสัมผัสได้ถึงพลังอันหนักอึ้งและกดดันมหาศ