จู่ ๆ เย่ซิวก็ปรากฏตัวขึ้นมา ทำให้พวกเธอทุกคนวิตกกังวลผู้หญิงคนหนึ่งจ้องมองไปที่เย่ซิว “แกเป็นใคร มาขวางพวกเราทำไม?”เย่ซิวไม่คิดพูดพร่ำกับพวกเขาให้เสียเวลา รีบวิ่งบุกเข้าไปเหมือนเสือที่กระโจนลงมาจากภูเขาออร่าที่แผ่ออกมาจากตัวเขาทำให้พวกเธอหายใจลำบาก สีหน้าก็ดูเคร่งเครียดมากด้วยพวกเธอโบกมือและมีควันพิษจำนวนมากพุ่งออกมาน่าเสียดายที่มันทำอะไรเย่ซิวไม่ได้เลยร่างกายของเขามีภูมิต้านทานต่อพิษทุกชนิดมานานแล้วตู้ม! ตู้ม!เสียงทึบที่พุ่งกระแทกออกไปในอากาศ ร่างของหญิงสาวสองคนจากสำนักเบญจพิษกระเด็นออกไปกลางอากาศและร่วงหล่นลงกับพื้นขยับตัวไม่ได้เย่ซิวฝังเข็มสกัดจุดพวกเธอไว้ชั่วคราว ทำให้เคลื่อนไหวไม่ได้อยู่พักหนึ่งจากนั้นเขาก็ค่อย ๆ ก้าวไปหาเซี่ยชิงชิงความกลัวในแววตาเซี่ยชิงชิงวาบขึ้นมา ทันใดนั้นเธอก็แสดงท่าทางที่อ่อนแอเหมือนสาวน้อย “พี่ชาย คุณคิดจะทำอะไรกันแน่?”ในตอนนี้เธอเป็นอะไรไม่ได้เด็ดขาด เพราะเธอยังไม่ได้แก้แค้นเย่ซิวเธอต้องมีชีวิตรอด แม้ว่ามันจะหมายถึงการทำสิ่งที่เธอไม่เคยทำมาก่อนก็ตามเย่ซิวเมินท่าทีของเธอ เดินเข้าไปบีบคอเธอด้วยมือข้างหนึ่ง ลากไปยังพุ่มหญ้าที่อยู่
หลังจากการลงโทษช่วงสั้น ๆ เย่ซิวก็ดีดนิ้วของเขาอีกครั้งหนอนในท้องของเซี่ยชิงชิงหยุดเคลื่อนไหวทันทีเซี่ยชิงชิงหายใจหอบใหญ่และมองไปที่เย่ซิวด้วยความหวาดกลัวเย่ซิวพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ชีวิตของเธออยู่ในกำมือของฉันแล้ว ฉันไม่ได้มาขอความเห็นจากเธอ แต่กำลังสั่งเธออยู่ เธอเข้าใจไหม?”เซี่ยชิงชิงพยักหน้าจากนั้นเย่ซิวก็ลุกขึ้นและออกคำสั่ง “คุกเข่าลงและเรียกฉันว่านายท่าน!”มันจำเป็นต้องทำและต้องทำให้สมบูรณ์แบบ โดยให้เซี่ยชิงชิงยอมจำนนทั้งกายทั้งใจอย่างสมบูรณ์เซี่ยชิงชิงรู้สึกอัปยศอดสูจนแทบรับไม่ไหวแต่เธอก็ไม่อาจต้านทานได้เธอทำได้เพียงกลั้นน้ำตาแล้วลุกขึ้นคุกเข่าต่อหน้าเย่ซิว“นะ...นายท่าน...”เซี่ยชิงชิงใช้พลังทั้งหมดของเธอเพื่อพูดคำง่าย ๆ สองคำนี้น้ำตายังคงไหลทะลักออกมาเหมือนเขื่อนเย่ซิวดูเฉยชาไม่มีความเห็นอกเห็นใจต่อเธอทั้งหมดนี้เป็นเพราะเธอทำตัวเองหากเธอเป็นเหมือนเซี่ยซิ่วซิ่ว หากเธอเหมือนพี่สาวของเธอได้สักครึ่ง เย่ซิวก็จะไม่ทำแบบนี้กับเธอหรอก“เอาล่ะ ลุกขึ้นกลับไปกับพวกเธอ แล้วฉันติดต่อไป จำไว้อย่าได้เปิดเผยเรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างเธอและฉัน มิฉะนั้น เธอจะถูกหนอนใน
เย่ซิวครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตอบตกลงหนึ่งคือเธอเป็นผู้หญิงที่เสนอเรื่องนี้ขึ้นมาเอง หากปฏิเสธจะทำให้เธออับอายอีกเหตุผลหนึ่งก็คือ เมื่อเร็ว ๆ นี้เซี่ยซิ่วซิ่วช่วยเขาไว้มากเช่นกันดังนั้นเขาจึงตัดสินใจใช้กำลังภายในของเขาช่วยจัดเรียงเส้นลมปราณของเซี่ยซิ่วซิ่วเย่ซิวยังคงใจดีต่อผู้คนรอบตัวเขามากวิธีนี้จะช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้ร่างกายของเซี่ยซิ่วซิ่วได้ไม่ต้องพูดถึงว่าเธอจะทำอะไรได้บ้างอย่างน้อยก็จะมีแรงเพียงพอในการทำงาน จะได้ไม่รู้สึกเหนื่อยล้าเดิมทีเซี่ยซิ่วซิ่วพูดลอย ๆ ไม่ได้คาดหวังอะไร แต่เธอคาดไม่ถึงว่าเย่ซิวจะตกลงด้วยจริง ๆ มันทำให้เธอดีใจมากเธอจับแขนของเย่ซิวและมุ่งหน้าไปยังโรงแรมที่มีบ่อน้ำพุร้อนช่วงเวลานี้คนยังมาบ่อน้ำร้อนยังไม่มากเยอะทั้งสองขอห้องส่วนตัวมีเสื้อผ้าสำหรับแช่น้ำพุร้อนโดยเฉพาะเย่ซิวเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน จากนั้นจึงตรวจสอบในห้องจนแน่ใจว่าไม่มีกล้องรูเข็มแอบถ่ายอะไรทำนองนั้นก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมาหลังจากนั้นไม่นานเซี่ยซิ่วซิ่วก็เข้ามาเธอใส่บิกินี่งดงามราวกับดอกไม้แรกแย้ม ยืนอยู่อย่างเงียบๆ รอคอยคนที่อยู่ในใจมาชื่นชมเมื่อเห็นเย่ซิวจ้องแบบน
เป็นกระบวนการเสริมสร้างความแข็งแกร่งทางกายอย่างต่อเนื่องนี่เป็นเหตุผลว่าทำไมจอมยุทธบางคนจึงแสวงหาความแข็งแกร่งขึ้นมาได้ตลอดทั้งชีวิตความรู้สึกนี้ค่อนข้างทำให้หลงใหลสิ่งสกปรกจำนวนมากถูกขับออกจากร่างกาย ทำให้กล้ามเนื้อของเธอกระชับขึ้นและอวัยวะภายในของเธอก็แข็งแกร่งขึ้นในระดับหนึ่งเส้นผมที่งดงามนั้นยิ่งดำสนิทและตรงขึ้น เหมือนกับมีประกายออกมาและทำให้ทรงเสน่ห์ขึ้นมากไม่นานเธอก็ร้องออกมาอย่างตกใจน้ำรอบตัวเธอกลายเป็นสีดำนั่นเป็นเพราะเย่ซิวใช้พลังภายในช่วยขับสารพิษในร่างกายของเธอออกมาเมื่อสารพิษจำนวนมากถูกขับออกมา ทั้งตัวของเซี่ยซิ่วซิ่วก็รู้สึกผ่อนคลายน้ำในบ่อแช่นี้เป็นบ่อน้ำไหล สิ่งสกปรกที่เซี่ยซิ่วซิ่วขับออกมาก็ถูกชะล้างออกไปอย่างรวดเร็วเย่ซิวไม่ได้ยืดขยายเส้นลมปราณและกระดูกของเธอ ดังนั้นส่วนสูงของเซี่ยซิ่วซิ่วจึงไม่เปลี่ยนแปลงอย่างไรก็ตาม เซี่ยซิ่วซิ่วรู้สึกตื่นเต้นมากเธอพบว่าผิวของเธอชุ่มชื้นขึ้นและสภาพร่างกายในทุกด้าน ๆ ดีขึ้นกว่าเดิมหลายเท่าผู้หญิงกังวลเรื่องรูปร่างหน้าตามากเย่ซิวทำการเปลี่ยนแปลงลอกคราบเล็กๆน้อยๆให้เธอแบบนี้ แค่นี้ก็เพียงพอที่จะทำให้เธอดีใจ
เซี่ยซิ่วซิ่วหิวมากจริง ๆเรียกพนักงานเสิร์ฟนำอาหารพลังงานสูงมาสี่ห้าอย่าง จากนั้นก็หลบไปกินที่มุมห้องเย่ซิวดูรายชื่อแขกที่จะเข้าร่วมในวันนี้ไม่นานก็ถึงเวลาสองทุ่มแล้วเลขาสองคนของเซี่ยซิ่วซิ่วมาช่วยเธอเปลี่ยนเป็นชุดราตรีงดงามหรูหรา จากนั้นก็พาเลขาทั้งสองออกไปข้างนอกเพื่อต้อนรับแขกในทางกลับกัน เย่ซิวนั่งนิ่ง ๆ บนเก้าอี้รับรองด้านนอกโรงแรม มีรถโรลส์-รอยซ์ขับเข้ามาชายหญิงวัยห้าสิบปีในชุดสูทและชุดราตรีเดินออกมาเซี่ยซิ่วซิ่วเดินมาพร้อมกับเลขาสองคน “ยินดีต้อนรับค่ะประธานหลิว!”ชายที่รู้จักกันในชื่อประธานหลิวโบกมือ “ไม่กล้า ไม่กล้า ผมจะรบกวนคุณหนูเซี่ยให้ออกมาต้อนรับด้วยตัวเองได้อย่างไร”เซี่ยซิ่วซิ่วยิ้มและพูดว่า “นั่นเป็นเรื่องที่ควรจะทำอยู่แล้ว เชิญเข้าไปข้างในดีกว่าค่ะ”เขาหรี่ตาลงเล็กน้อยและเห็นเซี่ยซิ่วซิ่วอยู่ที่นี่ แต่ผู้ชายในข่าวลือไม่ได้อยู่ด้วยที่นี่น่าจะมีเรื่องปิดบังซ้อนเอาไว้เขาไม่พูดอะไรอีก และจากไปพร้อมกับคู่ควงของเขาคนเริ่มทยอยเข้ามาพวกเขาทั้งหมดให้ความเคารพเซี่ยซิ่วซิ่วเป็นอย่างมาก ใบหน้าเปื้อนยิ้มเป็นมิตรแต่ยิ่งเป็นอย่างนี้ ก็ยิ่งทำให้เซี่ยซิ่วซิ
ถ้าปู่อยู่ที่นี่ คืนนี้คนพวกนี้ไม่กล้าจองหองขนาดนี้หรอกในอีกด้านหนึ่งทางอีกด้านหนึ่งของถนน เซี่ยเจี๋ยลงจากรถด้วยสีหน้าเคร่งเครียดถนนข้างหน้าถูกปิดกั้นด้วยรถบรรทุกขนาดใหญ่หลายคันชายชุดสูทสีดำหลายสิบคนก้าวลงจากรถบรรทุกหัวหน้าเป็นผู้ชายผมสั้น หน้าตาดุร้ายเขามองไปที่เซี่ยเจี๋ย แล้วประสานมือคารวะ “หวังเถี่ยสือแห่งสำนักวัชระ ยินดีที่ได้พบนายท่านเซี่ย”ม่านตาเซี่ยเจี๋ยหดลง “เมื่อสิบปีก่อนหวังเถี่ยสือเคยเป็นจอมยุทธขั้นสูงสุดระดับสาม ได้ยินข่าวเมื่อนานมาแล้วว่านายได้แปรพักตร์ไปเข้ากับตระกูลหลี่แห่งเมืองหนานเฉิง ใช่หรือไม่…”หวังเถี่ยสือหัวเราะ “นายท่านเซี่ย คุณเดาถูกแล้ว เรื่องวันนี้อย่าเข้ามายุ่งเกี่ยวเลย”เซี่ยเจี๋ยรู้แล้วว่าเรื่องนี้มันร้ายแรงแค่ไหนเขาเป็นเจ้าถิ่นของเมืองเจียงเฉิงแต่เมืองเจียงเฉิงเป็นเพียงเมืองเล็ก ๆ ที่มีประชากรสองถึงสามล้านคนแต่เมืองหนานเฉิงต่างออกไปเศรษฐกิจพัฒนาไปมากกว่า มีทำเลที่ดีกว่า และมีประชากรประจำมากกว่าสิบล้านคนส่วนตระกูลหลี่แห่งเมืองหนานเฉิง น่าจะมีจอมยุทธระดับสี่อยู่ประมาณห้าคนและว่ากันว่านายใหญ่ของตระกูลหลี่น่าจะอยู่ที่ขั้นสูงสุดของระดั
คำพูดของเย่ซิวทำให้คนทั้งหมดอึ้งตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมา“ฮ่าฮ่าฮ่า หมอนี่มันลูกวัวเพิ่งเกิด ไม่กลัวเสือ*จริง ๆ!"“ตอนนี้รวยขึ้นมาหน่อยแล้ว จะทำเมินพวกเราก็ได้ใช่ไหม?”“พ่อหนุ่ม แกอวดดีเกินไปแล้ว!”“คิดว่าเราไม่รู้เหรอว่าคนหนุนหลังรายใหญ่ที่สุดของแกคือตระกูลเซี่ยและหูเม่ยเอ๋อร์!"“ไม่ต้องรอแล้ว พวกเขาไม่มาหรอก!”…… พวกเขาทั้งหมดหัวเราะเยาะเย่ซิ่วหารู้ไม่ เย่ซิวต่างหากที่มองพวกเขาเหมือนตัวตลกพวกเขาคิดว่าคนหนุนหลังของเขาคือตระกูลเซี่ยและหูเม่ยเอ๋อร์ในความเป็นจริง สิ่งที่หนุนหลังเย่ซิวก็คือความแข็งแกร่งของเขาเองเซี่ยซิ่วซิ่วอดไม่ได้ที่จะดึงแขนเสื้อของเย่ซิวและกระซิบเบา ๆ ว่า “อาจเกิดเรื่องคุณปู่ของฉันอยู่ เขาไม่รับสายเลย”เย่ซิ่วปลอบใจเธอ “ไม่ต้องห่วง ฉันจะจัดการทุกอย่างเอง”“ขอโทษที มาช้าไปหน่อย”อีกคนมาถึงนี่คือผู้ชายที่ดูหล่อเหลาสง่ามาก เขาใส่แว่นและดูสุภาพภูมิฐานดูจากรูปร่างหน้าตาแล้ว เขาน่าจะมีอายุประมาณสี่สิบปีเมื่อเห็นชายคนนี้ สีหน้าเซี่ยซิ่วซิ่วก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย "ลู่เจิ้นเฟิง ทำไมเขาถึงมาที่นี่? ฉันไม่ได้เชิญเขามา"เย่ซิวรู้ว่
มีเสียงกระดูกหักดังกร๊อบ ร่างที่ถูกซัดก็ปลิวไปข้างหลังพุ่งชนคนที่อยู่ข้างหลังเจ็ดแปดคน ทำให้ทุกคนได้รับบาดเจ็บสาหัสคนอื่น ๆ ทั้งโกรธทั้งตกใจ ตะโกนกู่ร้องพุ่งไปหาเย่ซิวอย่างรวดเร็วโครม โครม โครม!เสียงดังเอะอะที่ดังต่อเนื่องไม่หยุดหย่อน เหล่ายอดฝีมือนี้ต่างล้มระนาวราวกับใบไม้ร่วงตอนแรกแต่ละฝ่ายยังคงรักษาความสงบได้แต่เมื่อเห็นว่าพวกยอดฝีมือครึ่งหนึ่งที่พวกเขาพามาล้มลงในเวลาไม่นาน ก็เริ่มใจไม่ดีขึ้นมาแล้วในเวลาไม่ถึงห้านาที ยอดฝีมือสองสามร้อยคนก็ล้มระเนระนาด แต่ละคนต่างมองเย่ซิวด้วยสายตาหวาดกลัวผู้นำแต่ละตระกูล พวกเขาทยอยลุกขึ้นมามองหน้าเย่ซิวด้วยสีหน้าซีดเซียวความแข็งแกร่งของเย่ซิวเกินกว่าที่พวกเขาคิดเอาไว้ในขณะที่เขาจ้องมองไปยังคนเหล่านั้น แต่ละคนก็รู้สึกเสียวสันหลังไม่กล้าสบตาเขาเย่ซิวมองไปรอบ ๆ และพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ผมจะให้โอกาสพวกคุณอีกครั้ง จะยอมหรือจะพังพินาศกันไปข้างหนึ่ง!"“โอหังจริง ๆ!”ในตอนนั้นมีเสียงดังมาจากด้านนอกประตูเย่ซิวหันกลับมาเห็นชายคนหนึ่งสวมชุดสูทสีขาว ตัวสูงเดินหลังตรงเข้ามาอย่างสง่างามมีอีกสี่คนที่ยืนอยู่ข้างหลังชายคนนี้ผู้หญิงสี่ค
ในใจรั่วอวิ๋นกำลังปลื้มเป็นที่สุดแต่ต่อหน้าคนอื่นเธอยังคงวางมาดสงบนิ่ง และพยักหน้าเบา ๆ แบบถ่อมตัวสุด ๆ“ก็ไม่เท่าไหร่นะ แค่สัตว์วิญญาณไม่กี่ตัว เอาไว้เฝ้าประตูเฉย ๆ”คำพูดโอ้อวดแบบถ่อมตัวเช่นนี้ทำเอาคนที่ยืนฟังอยู่ถึงกับกระตุกมุมปากกันเป็นแถบเธอคิดว่านี่คือผักกาดขาวหรือไงนี่มันสัตว์วิญญาณระดับจินตานตั้งแปดตัวเชียวนะถึงสายเลือดของพวกสิงโตหยกขาวจะไม่ใช่ระดับสูงสุด แต่ก็ไม่ใช่พวกชั้นต่ำ อยู่ระดับกลางค่อนไปทางดีเลยด้วยซ้ำถ้าเลี้ยงต่อไปดี ๆ รับรองว่าเก่งขึ้นได้อีกแน่นอนลองจินตนาการดูสิ สิงโตหยกขาวแปดตัวคำรามพร้อมกันจะอลังการแค่ไหน มันต้องเป็นภาพที่อลังการและน่าเกรงขามสุด ๆ“เย่ซิวก็อยู่ที่นี่ด้วยเหรอ” ภรรยาเจ้าสำนักทำทีเหมือนเพิ่งสังเกตเห็นเขาเย่ซิวยิ้มพลางเอ่ย “ขอคารวะท่านผู้อาวุโสทุกท่าน เจ้าสำนักและภรรยา ผมแค่มาให้อาหารพวกมันน่ะครับ”ทุกคนก็พยักหน้าเบา ๆ เป็นเชิงรับรู้ ไม่มีใครเชื่อมโยงได้ถึงเรื่องที่สัตว์วิญญาณเลื่อนระดับได้เพราะตัวเขาเลยแม้แต่น้อยไม่นานนัก สัตว์วิญญาณทั้งแปดตัวก็ค่อย ๆ สร้างตานปีศาจได้สำเร็จแทบจะพร้อมกันพลังที่ระเบิดออกมาทำให้เกิดพายุขนาดใหญ่ไปทั
แม้ว่ารั่วอวิ๋นจะรู้ดีว่าความคิดแบบนี้มันไม่ค่อยแฟร์เท่าไหร่ แต่เธอก็ห้ามตัวเองไม่ได้เลยจริง ๆถ้าเย่ซิวแค่ลองกลั่นโอสถเป็นครั้งแรกก็เก่งกว่าเธอแบบไม่เห็นฝุ่น แบบนั้นมันก็เหมือนโดนตบหน้าแรง ๆ เข้าให้แล้วแบบนี้จะรักษาภาพลักษณ์ความเป็นอาจารย์ไว้ต่อหน้าเขาได้ยังไงกันล่ะเสียงโครมดังขึ้น ก่อนที่ฝาปิดเตาจะหลุดออกกลิ่นหอมของโอสถที่เข้มข้นจนถึงขีดสุดกระจายไปทั่วเย่ซิวถึงกับใจหล่นวูบ คิดในใจว่าแย่แล้วถึงเขาจะพยายามเก็บงำกลิ่นเท่าที่ทำได้แล้ว แต่ดูเหมือนแค่กลิ่นที่ลอยออกมาก็แรงกว่าโอสถของรั่วอวิ๋นเสียอีกรั่วอวิ๋นพยายามควบคุมสีหน้าแล้วรีบเดินเข้าไปดูโอสถในเตาพอเห็นแล้วก็ถึงกับยืนช็อกไปทั้งตัวที่ก้นเตา โอสถจำนวนห้าสิบเม็ดวางเรียงกันอย่างเป็นระเบียบ และแต่ละเม็ดก็ใสบริสุทธิ์ดูอัดแน่นไปด้วยพลังแต่สิ่งที่ทำให้เธอรับไม่ได้ที่สุดก็คือทุกเม็ดมีลวดลายโอสถปรากฏอยู่บนผิวของมัน หมายความว่าโอสถทั้งหมดนี้เป็นระดับสูงนี่มันไม่ใช่แค่โดนตบหน้าแล้ว แต่มันคือการโดนกดหัวลงพื้นแล้วลากไปเลยต่างหากเย่ซิวไอแห้ง ๆ หนึ่งทีและจงใจไม่เข้าไปดู แต่ทำท่าทางตื่นเต้นแล้วถามเธอด้วยสีหน้าลุ้น ๆ ว่า “ท่านอาจ
ทั้งความรู้ที่เคยได้รับรวมถึงทักษะการกลั่นโอสถต่าง ๆ ก็ควรจะเหนือกว่าตัวเขาแบบทิ้งห่างสิแต่ทำไมกลับรู้สึกว่ายังห่างชั้นจากเขาอยู่เยอะเลย?เย่ซิวยังคิดว่าตัวเองอาจจะคิดไปเองจึงตั้งใจดูต่ออีกสักพักจนสุดท้ายก็มั่นใจเต็มร้อยว่าทักษะการกลั่นโอสถของผู้หญิงคนนี้ไม่ถึงหนึ่งในสิบของเขาด้วยซ้ำแค่ฝีมือระดับนี้ก็ยังยืนหยัดอยู่ในโลกของผู้ฝึกตนได้ด้วยเหรอ?หรือโลกของผู้ฝึกตนมันหากินง่ายขนาดนั้นเลย?ความคิดสารพัดผุดขึ้นมาในหัวเย่ซิว แต่สีหน้าเขาก็ยังคงนิ่งเฉย ไม่แสดงพิรุธอะไรออกมาเลยหนึ่งชั่วโมงผ่านไป โอสถก็กลั่นเสร็จเรียบร้อยรั่วอวิ๋นเปิดฝาเตาก่อนจะหยิบเม็ดยาออกมาหนึ่งเม็ด ใบหน้าเต็มไปด้วยความพึงพอใจ “ไม่เลว ๆ หนึ่งเตาได้โอสถมายี่สิบเจ็ดเม็ด ระดับกลางหกเม็ด ถือว่าสมบูรณ์แบบ”จากนั้นเธอก็หันไปมองเย่ซิวแม้ใบหน้าจะดูเรียบเฉย แต่เย่ซิวก็พอจะจับความหมายแฝงได้ไม่ยากก็แค่รอให้เขาชมเธอนั่นแหละหากพูดตรง ๆ การกลั่นโอสถของรั่วอวิ๋นรอบนี้ถือว่าสอบตกสำหรับเย่ซิว เพราะวัตถุดิบที่ใช้ไปทั้งหมด ถ้าเป็นเขากลั่นเองอย่างน้อยจะได้เพิ่มขึ้นอีกเท่าตัวแถมยังเป็นโอสถระดับสูงทั้งหมดด้วยซ้ำเมื่อเห็นโ
เย่ซิวรู้สึกหมดคำจะพูดทำไมทุกทีที่เขากำลังจะเข้าสู่จุดสำคัญ ผู้หญิงคนนี้ต้องโผล่มาขัดจังหวะตลอดเลยนะเขาไม่อยากเสียเวลาเถียงจึงเลือกกลืนเม็ดยาลงไปตรง ๆจากนั้นก็เริ่มเดินกำลังเดินกำลังภายในเพื่อกลั่นพลังโอสถพลังโอสถอันหนักแน่นและทรงพลังแผ่กระจายออกมาภายในร่างเขาราวกับภูเขาไฟขนาดยักษ์ระเบิดออกในพริบตาสำหรับเย่ซิว ระดับนี้ไม่ใช่เรื่องยาก และทุกอย่างก็ดำเนินไปอย่างราบรื่นข้อแตกต่างเพียงอย่างเดียวคือรากฐานพลังของเขาลึกเกินไปจนต้องใช้โอสถไปถึงห้าเม็ดถึงจะสามารถทะลวงเข้าสู่ระดับถอดจิตได้สำเร็จพลังวิญญาณในร่างกลายเป็นของเหลวหนืดเหนียวสุดขีด วิญญาณก่อกำเนิดก็ขยายขนาดใหญ่ขึ้นเป็นสิบเท่าทั้งพลังบำเพ็ญและความสามารถในการต่อสู้ก็เพิ่มขึ้นพร้อมกันสิบเท่าเมื่อสัมผัสได้ถึงพลังอันรุนแรงที่แผ่กระจายอยู่ทั้งภายนอกและภายใน เย่ซิวก็รู้สึกว่าดวงตาตัวเองสว่างวาบต่อให้ตอนนี้ต้องเผชิญหน้ากับเจ้าสำนักอีกครั้ง แม้จะยังไม่ใช่คู่มือที่แท้จริง แต่ก็คงไม่ถึงขั้นไม่มีทางสู้เหมือนเมื่อก่อนแล้วอย่างน้อยถ้าคิดจะหนีก็หนีรอดแน่นอนการทะลวงเข้าสู่ระดับถอดจิตยังส่งผลเสริมพละกำลังร่างกายของเย่ซิวอีกด้ว
เย่ซิวอายุแค่นี้เองนะ!แต่กลับสามารถกลั่นโอสถระดับสุดยอดออกมาได้ถ้าให้เวลาเขาอีกหน่อย แบบนี้ไม่บินขึ้นฟ้าไปเลยเหรอเจ้าสำนักกับภรรยาหันไปมองหน้ากัน ทั้งคู่ต่างเห็นความจริงจังและความตกตะลึงในแววตาของกันและกันดูเหมือนต้องประเมินเย่ซิวใหม่เสียแล้วจางเสี่ยวอวี๋ถึงกับหยิกเนื้อแขนตัวเองแรง ๆ แต่ก็ยังรู้สึกเหมือนฝันอยู่ดี“ไม่จริงน่า เขาจะกลั่นสุดยอดโอสถได้ยังไง…ถึงว่าทำไมวันนั้นฉันไปหาเขา เขาถึงได้ทำตัวเย็นชาใส่ ที่แท้ในสายตาเขาฉันก็เป็นแค่ตัวตลกคนหนึ่ง”ในขณะที่คนทั้งสนามกำลังตะลึงอยู่ สีหน้าของหนานกงอู๋ซวงกับเฉินเยียนจือก็เริ่มเก็บอารมณ์ไม่อยู่ทุกคนได้รับโอสถกันหมด มีแค่พวกเขาสองคนเท่านั้นที่ไม่มีมันชัดเจนมากว่าเย่ซิวตั้งใจเมินพวกเขาเฉินเยียนจือโกรธจนตัวสั่น ก่อนชี้หน้าเย่ซิวพลางตะโกน “นี่มันหมายความว่ายังไง ทำไมทุกคนมีกันหมด แต่ฉันกับพี่อู๋ซวงไม่มี!”เย่ซิวไหล่ตกก่อนจะทำหน้าไร้เดียงสา “อ๋อ พวกคุณก็อยู่ด้วยเหรอ ขอโทษที พอดีโอสถหมดพอดีเลยเอาแบบนี้แล้วกัน พรุ่งนี้พวกคุณทั้งคู่มาหาผมสิ เดี๋ยวผมจะกลั่นให้ส่วนตัวเลย”เฉินเยียนจือไม่พูดอะไรอีก แต่จ้องเย่ซิวด้วยสายตาเย็นเฉียบส
เสาไอพลังโอสถพุ่งขึ้นฟ้าด้วยแรงมหาศาลราวกับค้อนยักษ์ที่มองไม่เห็นทุบกระแทกลงกลางใจของทุกคนอย่างแรงรั่วอวิ๋นแทบล้มทั้งยืน ปากสวย ๆ ของเธออ้าค้างจนสามารถยัดไข่ไก่เข้าไปได้หลายฟองเธอมองภาพตรงหน้าด้วยสายตาเลื่อนลอย ไม่รู้จะพูดอะไรออกมาดีเย่ซิวโบกมือเบา ๆ จากนั้นโอสถจำนวนมหาศาลก็ลอยออกมาจากเตากลั่นและพุ่งขึ้นไปลอยเหนือศีรษะของเขาดูแล้วมีไม่ต่ำกว่าหมื่นเม็ดโอสถจำนวนมากขนาดนั้นรวมตัวกันจนกลายเป็นเมฆโอสถที่ปกคลุมอยู่เหนือหัวไม่ต้องพูดถึงบรรดาศิษย์ แต่ละคนถึงกับอ้าปากค้างไปแล้วแม้แต่ผู้อาวุโสทั้งหลายก็ไม่เคยเห็นภาพที่น่าตื่นตาตื่นใจแบบนี้มาก่อนทุกคนตกตะลึงจนพูดไม่ออกเย่ซิวโบกมืออีกครั้งโอสถกว่าหมื่นเม็ดแยกออกเป็นส่วนย่อย ๆ ลอยกระจายไปตรงหน้าของทุกคนในสนามจากนั้นก็ได้ยินเสียงเย่ซิวพูดว่า “ในเมื่อผมมาอยู่ที่นี่แล้ว เราก็ถือว่าเป็นครอบครัวเดียวกันโอสถพวกนี้ก็ถือเป็นของขวัญแนะนำตัวจากผมก็แล้วกันผมเป็นคนคุยง่ายนะ ถ้าคุณให้เกียรติผม ผมก็จะให้เกียรติคุณแต่ถ้าคิดจะเล่นสกปรกกับผม ผมก็จะขยี้ให้แหลกไม่เหลือเหมือนกัน”เด็กสาวหน้ากลมคนหนึ่งมองเย่ซิวอย่างไม่แน่ใจ “ศิษย์พี่เย่พู
เพียงแต่ต่อหน้าผู้คนมากมายขนาดนี้ เขาย่อมไม่สามารถแสดงความไม่พอใจออกมาตรง ๆ ได้“เอาล่ะ การประลองครั้งนี้ถือว่าจบลงตรงนี้ เหล่าศิษย์ใหม่ทั้งหลายกลับไปพักผ่อนเถอะ อีกหนึ่งถึงสองวันจะมีประกาศว่าพวกนายจะได้เป็นศิษย์ของท่านอาวุโสท่านใด”“เดี๋ยวก่อนครับ”จู่ ๆ เย่ซิวก็พูดขึ้นมาอีกครั้งเจ้าสำนักเริ่มหมดความอดทนแล้ว ก่อนจะมองเย่ซิวด้วยสายตาเย็นเฉียบ “นายยังมีอะไรอีก”เขาเริ่มหมดความอดทนกับเจ้าหมอนี่ที่ทำให้เขาเสียหน้า แถมยังทำให้เขาเสียหายหลายอย่างด้วยเย่ซิวทำเหมือนไม่เห็นสีหน้าที่เย็นยะเยือกน่ากลัวของอีกฝ่าย ยังคงยิ้มแล้วหันไปเอ่ยกับทุกคนว่า“พวกคุณอาจจะลืมไปเรื่องหนึ่ง นั่นคือผมเป็นนักปรุงยา”เฉินเยียนจือที่ตอนนี้ไม่ว่าจะมองเย่ซิวยังไงก็ไม่ชอบใจเอาเสียเลยทันทีที่ได้ยินแบบนั้นก็รีบแย้งขึ้นมา “นายเพิ่งจะได้เป็นศิษย์ของผู้อาวุโสรั่วอวิ๋นเอง ยังไม่ทันได้เป็นนักปรุงยาฝึกหัดด้วยซ้ำ กล้าพูดจาแบบนี้ได้ยังไง”เย่ซิวมองเธอด้วยสีหน้าไม่พอใจ “อายุแค่นี้ทำไมพูดมากนักล่ะ พ่อแม่ไม่สอนเรื่องมารยาทรึไง? ไร้การอบรมเสียจริง!”เจ้าสำนักที่อยู่ไม่ไกลถึงกับหน้าบึ้งอย่างเห็นได้ชัดเขาอยากจะตบเจ้าเด
สีหน้าของเจ้าสำนักเริ่มบึ้งตึงเล็กน้อยความรู้สึกที่มีต่อเย่ซิวแย่ลงทันตาจนถึงขั้นรู้สึกขยะแขยงเรื่องที่ทุกคนในที่นี้ก็ดูออกกันหมด ไม่รู้ว่าเขาแกล้งโง่หรือไม่รู้จริง ๆคนที่มีไหวพริบหน่อยก็ควรจะแกล้งทำเป็นไม่รู้และปล่อยให้เรื่องผ่านไปเงียบ ๆแต่เย่ซิวกลับพูดออกมาตรง ๆ ต่อหน้าทุกคน ไม่มีการไว้หน้าเลยแม้แต่น้อยแถมยังจะเหมารางวัลสิบอันดับแรกไปคนเดียว มันช่างโลภเสียจริงแต่เขาก็ไม่คิดย้อนดูตัวเองบ้างว่าเป็นคนตอบตกลงไปก่อนเอง แล้วตอนนี้จะมาขอเปลี่ยนใจได้ยังไงเฉินเยียนจือลุกพรวดขึ้นมาทันที ก่อนจะใช้นิ้วชี้หน้าเย่ซิวแล้วตะโกนด่าอย่างไม่ไว้หน้าเลยแม้แต่น้อย “นายนี่ชักจะเกินไปแล้ว นายพูดกับเจ้าสำนักแบบนี้ได้ยังไง? ไม่มีสัมมาคารวะเลยสักนิด รีบคุกเข่าขอโทษเดี๋ยวนี้!”เย่ซิวไม่หันไปมองเฉินเยียนจือเลยแม้แต่น้อยเขาได้ยินคำพูดที่ผู้หญิงคนนี้พูดก่อนหน้านี้ชัดเจนทุกคำ ได้ยินทั้งคำพูดหยาบคายและดูถูกเขาแบบไม่ตกหล่นสักคำเย่ซิวเกาหูเบา ๆ แล้วเงยหน้ามองฟ้า “แปลกแฮะ ทำไมได้ยินเสียงหมาเห่าล่ะ?”“นาย!!!” เฉินเยียนจือหน้าแดงก่ำ พลางจ้องเย่ซิวตาไม่กะพริบ “ไม่เคยมีใครกล้าพูดแบบนี้กับฉันมาก่อนเลยนะ
“อาคมธาตุลมที่บริสุทธิ์ขนาดนี้ คนทั่วไปไม่มีทางใช้ได้แน่นอน หรือว่าเขาจะมีรากวิญญาณกลายพันธุ์หายาก!”“ให้ตายเถอะ ไม่คิดเลยว่าชาตินี้จะได้เห็นคนที่มีรากวิญญาณกลายพันธุ์กับตา!”“รากวิญญาณแบบนี้มีศักยภาพสูงมาก อาจจะกลายเป็นอัจฉริยะที่มีโอกาสทะลวงถึงระดับมหายานในอนาคตเลยนะ”“เย่ซิวคงถึงคราวลำบากแล้ว ต่อให้เขาจะแข็งแกร่งแค่ไหน ก็ไม่น่าจะสู้กับคนที่มีรากวิญญาณธาตุลมได้หรอก”……สายตาของหนานกงอู๋ซวงลุกวาวขึ้นมาทันทีเขาจ้องมองเด็กหนุ่มที่เปล่งประกายอยู่บนเวทีอย่างไม่กะพริบตา “ในที่สุดก็เจอคนที่ทำให้ฉันรู้สึกอยากสู้ด้วยสักที”เย่ซิวยิ้มมุมปาก “ที่โอหังแบบนี้ก็เพราะมีรากวิญญาณกลายพันธุ์สินะ”ท่ามกลางอาคมลมอันรุนแรงที่อีกฝ่ายปล่อยออกมา เย่ซิวก็กำหมัดขวาแน่น พลังโลหิตในร่างพลุ่งพล่านแล้วชกออกไปหมัดหนึ่งทันทีที่หมัดถูกปล่อยออกไปก็เหมือนกับมีเสียงกลองยักษ์ดังสนั่นขึ้นมาจนทำให้หลายคนลมหายใจติดขัด สีหน้าตกใจสุดขีดจากนั้นพวกเขาก็เห็นว่าลมทั้งหมดที่อยู่บนเวทีถูกหมัดนั้นกวาดหายไปหมดเด็กหนุ่มคนนั้นถูกแรงปะทะของหมัดที่ทรงพลังจนถอยกรูดไปไกลเป็นร้อยเมตรใบหน้าเขาขาวสลับแดง หัวใจรู้สึกตื่นตระ