หลังจากการลงโทษช่วงสั้น ๆ เย่ซิวก็ดีดนิ้วของเขาอีกครั้งหนอนในท้องของเซี่ยชิงชิงหยุดเคลื่อนไหวทันทีเซี่ยชิงชิงหายใจหอบใหญ่และมองไปที่เย่ซิวด้วยความหวาดกลัวเย่ซิวพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ชีวิตของเธออยู่ในกำมือของฉันแล้ว ฉันไม่ได้มาขอความเห็นจากเธอ แต่กำลังสั่งเธออยู่ เธอเข้าใจไหม?”เซี่ยชิงชิงพยักหน้าจากนั้นเย่ซิวก็ลุกขึ้นและออกคำสั่ง “คุกเข่าลงและเรียกฉันว่านายท่าน!”มันจำเป็นต้องทำและต้องทำให้สมบูรณ์แบบ โดยให้เซี่ยชิงชิงยอมจำนนทั้งกายทั้งใจอย่างสมบูรณ์เซี่ยชิงชิงรู้สึกอัปยศอดสูจนแทบรับไม่ไหวแต่เธอก็ไม่อาจต้านทานได้เธอทำได้เพียงกลั้นน้ำตาแล้วลุกขึ้นคุกเข่าต่อหน้าเย่ซิว“นะ...นายท่าน...”เซี่ยชิงชิงใช้พลังทั้งหมดของเธอเพื่อพูดคำง่าย ๆ สองคำนี้น้ำตายังคงไหลทะลักออกมาเหมือนเขื่อนเย่ซิวดูเฉยชาไม่มีความเห็นอกเห็นใจต่อเธอทั้งหมดนี้เป็นเพราะเธอทำตัวเองหากเธอเป็นเหมือนเซี่ยซิ่วซิ่ว หากเธอเหมือนพี่สาวของเธอได้สักครึ่ง เย่ซิวก็จะไม่ทำแบบนี้กับเธอหรอก“เอาล่ะ ลุกขึ้นกลับไปกับพวกเธอ แล้วฉันติดต่อไป จำไว้อย่าได้เปิดเผยเรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างเธอและฉัน มิฉะนั้น เธอจะถูกหนอนใน
เย่ซิวครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตอบตกลงหนึ่งคือเธอเป็นผู้หญิงที่เสนอเรื่องนี้ขึ้นมาเอง หากปฏิเสธจะทำให้เธออับอายอีกเหตุผลหนึ่งก็คือ เมื่อเร็ว ๆ นี้เซี่ยซิ่วซิ่วช่วยเขาไว้มากเช่นกันดังนั้นเขาจึงตัดสินใจใช้กำลังภายในของเขาช่วยจัดเรียงเส้นลมปราณของเซี่ยซิ่วซิ่วเย่ซิวยังคงใจดีต่อผู้คนรอบตัวเขามากวิธีนี้จะช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้ร่างกายของเซี่ยซิ่วซิ่วได้ไม่ต้องพูดถึงว่าเธอจะทำอะไรได้บ้างอย่างน้อยก็จะมีแรงเพียงพอในการทำงาน จะได้ไม่รู้สึกเหนื่อยล้าเดิมทีเซี่ยซิ่วซิ่วพูดลอย ๆ ไม่ได้คาดหวังอะไร แต่เธอคาดไม่ถึงว่าเย่ซิวจะตกลงด้วยจริง ๆ มันทำให้เธอดีใจมากเธอจับแขนของเย่ซิวและมุ่งหน้าไปยังโรงแรมที่มีบ่อน้ำพุร้อนช่วงเวลานี้คนยังมาบ่อน้ำร้อนยังไม่มากเยอะทั้งสองขอห้องส่วนตัวมีเสื้อผ้าสำหรับแช่น้ำพุร้อนโดยเฉพาะเย่ซิวเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน จากนั้นจึงตรวจสอบในห้องจนแน่ใจว่าไม่มีกล้องรูเข็มแอบถ่ายอะไรทำนองนั้นก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมาหลังจากนั้นไม่นานเซี่ยซิ่วซิ่วก็เข้ามาเธอใส่บิกินี่งดงามราวกับดอกไม้แรกแย้ม ยืนอยู่อย่างเงียบๆ รอคอยคนที่อยู่ในใจมาชื่นชมเมื่อเห็นเย่ซิวจ้องแบบน
เป็นกระบวนการเสริมสร้างความแข็งแกร่งทางกายอย่างต่อเนื่องนี่เป็นเหตุผลว่าทำไมจอมยุทธบางคนจึงแสวงหาความแข็งแกร่งขึ้นมาได้ตลอดทั้งชีวิตความรู้สึกนี้ค่อนข้างทำให้หลงใหลสิ่งสกปรกจำนวนมากถูกขับออกจากร่างกาย ทำให้กล้ามเนื้อของเธอกระชับขึ้นและอวัยวะภายในของเธอก็แข็งแกร่งขึ้นในระดับหนึ่งเส้นผมที่งดงามนั้นยิ่งดำสนิทและตรงขึ้น เหมือนกับมีประกายออกมาและทำให้ทรงเสน่ห์ขึ้นมากไม่นานเธอก็ร้องออกมาอย่างตกใจน้ำรอบตัวเธอกลายเป็นสีดำนั่นเป็นเพราะเย่ซิวใช้พลังภายในช่วยขับสารพิษในร่างกายของเธอออกมาเมื่อสารพิษจำนวนมากถูกขับออกมา ทั้งตัวของเซี่ยซิ่วซิ่วก็รู้สึกผ่อนคลายน้ำในบ่อแช่นี้เป็นบ่อน้ำไหล สิ่งสกปรกที่เซี่ยซิ่วซิ่วขับออกมาก็ถูกชะล้างออกไปอย่างรวดเร็วเย่ซิวไม่ได้ยืดขยายเส้นลมปราณและกระดูกของเธอ ดังนั้นส่วนสูงของเซี่ยซิ่วซิ่วจึงไม่เปลี่ยนแปลงอย่างไรก็ตาม เซี่ยซิ่วซิ่วรู้สึกตื่นเต้นมากเธอพบว่าผิวของเธอชุ่มชื้นขึ้นและสภาพร่างกายในทุกด้าน ๆ ดีขึ้นกว่าเดิมหลายเท่าผู้หญิงกังวลเรื่องรูปร่างหน้าตามากเย่ซิวทำการเปลี่ยนแปลงลอกคราบเล็กๆน้อยๆให้เธอแบบนี้ แค่นี้ก็เพียงพอที่จะทำให้เธอดีใจ
เซี่ยซิ่วซิ่วหิวมากจริง ๆเรียกพนักงานเสิร์ฟนำอาหารพลังงานสูงมาสี่ห้าอย่าง จากนั้นก็หลบไปกินที่มุมห้องเย่ซิวดูรายชื่อแขกที่จะเข้าร่วมในวันนี้ไม่นานก็ถึงเวลาสองทุ่มแล้วเลขาสองคนของเซี่ยซิ่วซิ่วมาช่วยเธอเปลี่ยนเป็นชุดราตรีงดงามหรูหรา จากนั้นก็พาเลขาทั้งสองออกไปข้างนอกเพื่อต้อนรับแขกในทางกลับกัน เย่ซิวนั่งนิ่ง ๆ บนเก้าอี้รับรองด้านนอกโรงแรม มีรถโรลส์-รอยซ์ขับเข้ามาชายหญิงวัยห้าสิบปีในชุดสูทและชุดราตรีเดินออกมาเซี่ยซิ่วซิ่วเดินมาพร้อมกับเลขาสองคน “ยินดีต้อนรับค่ะประธานหลิว!”ชายที่รู้จักกันในชื่อประธานหลิวโบกมือ “ไม่กล้า ไม่กล้า ผมจะรบกวนคุณหนูเซี่ยให้ออกมาต้อนรับด้วยตัวเองได้อย่างไร”เซี่ยซิ่วซิ่วยิ้มและพูดว่า “นั่นเป็นเรื่องที่ควรจะทำอยู่แล้ว เชิญเข้าไปข้างในดีกว่าค่ะ”เขาหรี่ตาลงเล็กน้อยและเห็นเซี่ยซิ่วซิ่วอยู่ที่นี่ แต่ผู้ชายในข่าวลือไม่ได้อยู่ด้วยที่นี่น่าจะมีเรื่องปิดบังซ้อนเอาไว้เขาไม่พูดอะไรอีก และจากไปพร้อมกับคู่ควงของเขาคนเริ่มทยอยเข้ามาพวกเขาทั้งหมดให้ความเคารพเซี่ยซิ่วซิ่วเป็นอย่างมาก ใบหน้าเปื้อนยิ้มเป็นมิตรแต่ยิ่งเป็นอย่างนี้ ก็ยิ่งทำให้เซี่ยซิ่วซิ
ถ้าปู่อยู่ที่นี่ คืนนี้คนพวกนี้ไม่กล้าจองหองขนาดนี้หรอกในอีกด้านหนึ่งทางอีกด้านหนึ่งของถนน เซี่ยเจี๋ยลงจากรถด้วยสีหน้าเคร่งเครียดถนนข้างหน้าถูกปิดกั้นด้วยรถบรรทุกขนาดใหญ่หลายคันชายชุดสูทสีดำหลายสิบคนก้าวลงจากรถบรรทุกหัวหน้าเป็นผู้ชายผมสั้น หน้าตาดุร้ายเขามองไปที่เซี่ยเจี๋ย แล้วประสานมือคารวะ “หวังเถี่ยสือแห่งสำนักวัชระ ยินดีที่ได้พบนายท่านเซี่ย”ม่านตาเซี่ยเจี๋ยหดลง “เมื่อสิบปีก่อนหวังเถี่ยสือเคยเป็นจอมยุทธขั้นสูงสุดระดับสาม ได้ยินข่าวเมื่อนานมาแล้วว่านายได้แปรพักตร์ไปเข้ากับตระกูลหลี่แห่งเมืองหนานเฉิง ใช่หรือไม่…”หวังเถี่ยสือหัวเราะ “นายท่านเซี่ย คุณเดาถูกแล้ว เรื่องวันนี้อย่าเข้ามายุ่งเกี่ยวเลย”เซี่ยเจี๋ยรู้แล้วว่าเรื่องนี้มันร้ายแรงแค่ไหนเขาเป็นเจ้าถิ่นของเมืองเจียงเฉิงแต่เมืองเจียงเฉิงเป็นเพียงเมืองเล็ก ๆ ที่มีประชากรสองถึงสามล้านคนแต่เมืองหนานเฉิงต่างออกไปเศรษฐกิจพัฒนาไปมากกว่า มีทำเลที่ดีกว่า และมีประชากรประจำมากกว่าสิบล้านคนส่วนตระกูลหลี่แห่งเมืองหนานเฉิง น่าจะมีจอมยุทธระดับสี่อยู่ประมาณห้าคนและว่ากันว่านายใหญ่ของตระกูลหลี่น่าจะอยู่ที่ขั้นสูงสุดของระดั
คำพูดของเย่ซิวทำให้คนทั้งหมดอึ้งตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมา“ฮ่าฮ่าฮ่า หมอนี่มันลูกวัวเพิ่งเกิด ไม่กลัวเสือ*จริง ๆ!"“ตอนนี้รวยขึ้นมาหน่อยแล้ว จะทำเมินพวกเราก็ได้ใช่ไหม?”“พ่อหนุ่ม แกอวดดีเกินไปแล้ว!”“คิดว่าเราไม่รู้เหรอว่าคนหนุนหลังรายใหญ่ที่สุดของแกคือตระกูลเซี่ยและหูเม่ยเอ๋อร์!"“ไม่ต้องรอแล้ว พวกเขาไม่มาหรอก!”…… พวกเขาทั้งหมดหัวเราะเยาะเย่ซิ่วหารู้ไม่ เย่ซิวต่างหากที่มองพวกเขาเหมือนตัวตลกพวกเขาคิดว่าคนหนุนหลังของเขาคือตระกูลเซี่ยและหูเม่ยเอ๋อร์ในความเป็นจริง สิ่งที่หนุนหลังเย่ซิวก็คือความแข็งแกร่งของเขาเองเซี่ยซิ่วซิ่วอดไม่ได้ที่จะดึงแขนเสื้อของเย่ซิวและกระซิบเบา ๆ ว่า “อาจเกิดเรื่องคุณปู่ของฉันอยู่ เขาไม่รับสายเลย”เย่ซิ่วปลอบใจเธอ “ไม่ต้องห่วง ฉันจะจัดการทุกอย่างเอง”“ขอโทษที มาช้าไปหน่อย”อีกคนมาถึงนี่คือผู้ชายที่ดูหล่อเหลาสง่ามาก เขาใส่แว่นและดูสุภาพภูมิฐานดูจากรูปร่างหน้าตาแล้ว เขาน่าจะมีอายุประมาณสี่สิบปีเมื่อเห็นชายคนนี้ สีหน้าเซี่ยซิ่วซิ่วก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย "ลู่เจิ้นเฟิง ทำไมเขาถึงมาที่นี่? ฉันไม่ได้เชิญเขามา"เย่ซิวรู้ว่
มีเสียงกระดูกหักดังกร๊อบ ร่างที่ถูกซัดก็ปลิวไปข้างหลังพุ่งชนคนที่อยู่ข้างหลังเจ็ดแปดคน ทำให้ทุกคนได้รับบาดเจ็บสาหัสคนอื่น ๆ ทั้งโกรธทั้งตกใจ ตะโกนกู่ร้องพุ่งไปหาเย่ซิวอย่างรวดเร็วโครม โครม โครม!เสียงดังเอะอะที่ดังต่อเนื่องไม่หยุดหย่อน เหล่ายอดฝีมือนี้ต่างล้มระนาวราวกับใบไม้ร่วงตอนแรกแต่ละฝ่ายยังคงรักษาความสงบได้แต่เมื่อเห็นว่าพวกยอดฝีมือครึ่งหนึ่งที่พวกเขาพามาล้มลงในเวลาไม่นาน ก็เริ่มใจไม่ดีขึ้นมาแล้วในเวลาไม่ถึงห้านาที ยอดฝีมือสองสามร้อยคนก็ล้มระเนระนาด แต่ละคนต่างมองเย่ซิวด้วยสายตาหวาดกลัวผู้นำแต่ละตระกูล พวกเขาทยอยลุกขึ้นมามองหน้าเย่ซิวด้วยสีหน้าซีดเซียวความแข็งแกร่งของเย่ซิวเกินกว่าที่พวกเขาคิดเอาไว้ในขณะที่เขาจ้องมองไปยังคนเหล่านั้น แต่ละคนก็รู้สึกเสียวสันหลังไม่กล้าสบตาเขาเย่ซิวมองไปรอบ ๆ และพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ผมจะให้โอกาสพวกคุณอีกครั้ง จะยอมหรือจะพังพินาศกันไปข้างหนึ่ง!"“โอหังจริง ๆ!”ในตอนนั้นมีเสียงดังมาจากด้านนอกประตูเย่ซิวหันกลับมาเห็นชายคนหนึ่งสวมชุดสูทสีขาว ตัวสูงเดินหลังตรงเข้ามาอย่างสง่างามมีอีกสี่คนที่ยืนอยู่ข้างหลังชายคนนี้ผู้หญิงสี่ค
“น่าสนใจดี”คำพูดของเย่ซิวไม่ได้ทำให้หลี่หรูเฟิงหวาดกลัว แค่รู้สึกว่าเขาแค่แสร้งทำออกมา“ในเมืองเจียงเฉิงเล็ก ๆ นี้ แค่ประสบความสำเร็จนิดหน่อยก็รู้สึกว่าตัวเองเก่งกาจแล้ว หาไม่แล้วก็แค่กบในกะลา”หลี่หรูเฟิงมองเย่ซิวด้วยสีหน้าเย็นชาราวกับกำลังมองมด“แต่ความกล้าหาญของนายน่ายกย่อง หากตอนนี้นายยอมคุกเข่าลงยอมรับฉันเป็นเจ้านายของนาย ต่อไปนายก็สามารถเป็นราชาที่แท้จริงของเมืองเจียงเฉิงได้”เย่ซิวยิ้ม “นายคู่ควรงั้นเหรอ?”ไม่มีใครในโลกนี้ที่สามารถเป็นนายของเขาได้ความเยือกเย็นในดวงตาของหลี่หรูเฟิงแผ่ซ่านออกมา “เมื่อไม่ยอมรับความหวังดี อย่างนั้นวันนี้ฉันก็จะเขี่ยนายออกไปให้พ้นทาง”ทั้งสี่คนที่อยู่ข้างหลังเขากำหมัดแน่น กล้ามเนื้อทั้งร่างตื่นตัว พร้อมที่จะลงมือ“มาดูสิว่าวันนี้ใครจะกล้าแตะต้องเขา!”สถานการณ์ตึงเครียดก็มีเสียงอันเย็นชาดังขึ้นนอกประตูทุกคนหันเหความสนใจไปที่ข้างนอกแววตาทุกคนเต็มไปด้วยความประหลาดใจยืนอยู่นอกประตูเป็นเด็กผู้หญิงที่ดูอายุสักสิบสามหรือสิบสี่ปีแต่เธอสูงมากสูงตั้งหนึ่งร้อยหกสิบห้าเซนติเมตรสวมชุดเดรสยาวสีดำแม้ว่าจะอายุยังน้อย แต่ก็ยังมีความสง่างามแบบผ
เย่ซิวยอมไปกับพวกเขาโดยลำพัง แสดงว่าเขาต้องมีบางอย่างที่ทำให้สามารถเมินเฉยต่อพวกเธอได้ ความคิดเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่เหลืออยู่ก็ถูกเก็บกลับไปที่จริงแล้ว จุดประสงค์ที่พวกเขามาหาเย่ซิวในครั้งนี้ ก็มีความคิดที่จะล่อเขาไปแล้วร่วมกันรุมโจมตีแต่จากสถานการณ์ตอนนี้ ดูเหมือนว่าความคิดนั้นจะเป็นไปไม่ได้แล้วเมื่อเก็บงำความคิดที่วุ่นวายในใจลงไป พูทก็หัวเราะเสียงดัง ก่อนจะยื่นมือออกไปวางบนไหล่ของเย่ซิวแต่เพียงแค่โดนสายตาของเย่ซิวจ้องกลับมา เขาก็รีบหดมือกลับไปอย่างขัดเขิน“เอ่อ งั้นพวกเรารีบไปกันเถอะ น้องเขยสุดที่รัก ขึ้นรถของฉันสิ นี่เป็นรถยนต์ลอยตัวรุ่นใหม่ล่าสุดที่ประเทศจ้านฉงตี้วิจัยขึ้นมา”“โอ้ งั้นเหรอ งั้นผมต้องลองดูหน่อยแล้ว” เย่ซิวเผยสีหน้าสนใจขึ้นมาไม่ไกลจากจุดที่พวกเขายืนอยู่ มีรถคันหนึ่งจอดอยู่ ลักษณะภายนอกดูไม่ต่างจากรถสปอร์ตมากนักแต่เส้นสายของตัวรถดูโฉบเฉี่ยวกว่า ใหญ่กว่า และเต็มไปด้วยความล้ำสมัยทางเทคโนโลยีพูทเป็นคนเปิดประตูรถก่อน แล้วทำท่าเชื้อเชิญให้เย่ซิวขึ้นไปเย่ซิวกับพรีเอลล์นั่งที่เบาะหลังส่วนพูทเป็นคนขับพูทกดปุ่มสตาร์ทรถ ทันใดนั้นล้อทั้งสี่ของรถก็ถูกพับเก็บเข้าไ
“น้องเขยที่รัก ไม่ได้เจอกันตั้งนาน คิดถึงพี่เขยบ้างไหม?”พูทเอ่ยขึ้นทันทีที่เห็นเย่ซิว ก่อนจะกางแขนออกแล้วพุ่งเข้าหาเขาด้วยความเร็วแต่กลับโดนเย่ซิวเตะออกไปเต็มแรงจนร่างทั้งร่างลอยหวือไปนอนแผ่หลาอยู่บนพื้นพูทดีดตัวขึ้นมาทันทีแบบไม่เสียฟอร์ม กระโดดลุกขึ้นยืนได้อย่างคล่องแคล่วเขาเกาหลังหัวพลางหัวเราะแห้ง ๆ โดยไม่รู้สึกกระดากอายแม้แต่นิดเดียวถ้าใครคิดว่าพูทเป็นแค่ผู้ชายซื่อ ๆ ตรงไปตรงมา ก็คงถูกเขาหลอกจนไม่เหลือกระดูกสักชิ้นพรีเอลล์ที่เห็นเย่ซิวอีกครั้ง สีหน้าของเธอดูซับซ้อนอย่างบอกไม่ถูกผู้ชายคนนี้เคยทำให้เธอเหมือนลอยอยู่บนฟ้า แต่ก็เคยทำให้เธอโมโหจนแทบอยากจะฆ่าเขาให้ตายเหมือนกัน“พวกนายมาทำอะไรที่นี่?” เย่ซิวถามเสียงเรียบ“แน่นอนว่ามาเพราะคิดถึงน้องเขยอย่างนายสิ” พูททำท่าจะพูดจากวน ๆ แต่พอเห็นสีหน้าของเย่ซิวที่ดูไม่เป็นมิตร ก็รีบเปลี่ยนคำพูดแทบไม่ทัน “เอ่อ คือ พรีเอลล์คิดถึงนายน่ะ ฉันก็เลยมาด้วย”พรีเอลล์กลอกตา “พี่ชาย เลิกพูดอะไรไร้สาระเถอะ ทุกคนไม่ได้โง่นะ เข้าเรื่องกันเลยดีกว่า”พูทเปลี่ยนสีหน้าเป็นจริงจัง “เย่ซิว นายไม่ได้อยากไปที่นั่นหรอกเหรอ? ถ้าจะไปก็ต้องรีบแล้วนะ ถ
"ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป คุณไม่ต้องซ่อมถนนอีกแล้ว""ได้ เข้าใจแล้ว"หยางถิงถิงแสดงท่าทางสงบนิ่ง ไม่เหมือนเมื่อก่อนอีกแล้วหากเป็นเมื่อก่อน เมื่อได้ยินข่าวนี้ เธอคงจะกระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจ"แล้วฉันล่ะ" น่าอีชี้มาที่ตัวเอง ถามด้วยสายตาเว้าวอน"ขึ้นอยู่กับว่าคุณสามารถสร้างคุณค่าให้ฉันได้มากแค่ไหน" เย่ซิวมองเธอตั้งแต่หัวจรดเท้า "บอกเวทมนตร์ฉันมาอย่างหนึ่ง แล้วเธอจะได้รับอิสระสามวัน""ได้! ฉันบอกคุณสิบอย่างเลยตอนนี้"เธอก็ยอมรับชะตากรรมแล้ว ในเมื่อทรยศไปแล้ว ก็ขอให้มันสุดทางมีเพียงการมีชีวิตอยู่เท่านั้น จึงจะมีโอกาสพลิกสถานการณ์ได้เย่ซิวใช้พลังจิตตรวจสอบเธอ เพื่อให้แน่ใจว่าสิ่งที่เธอพูดเกี่ยวกับเวทมนตร์ไม่มีอะไรผิดพลาดผู้หญิงคนนี้ก็ฉลาดดี ไม่กล้าใช้เล่ห์เหลี่ยมใด ๆ ว่าง่ายและบอกเวทมนตร์สิบชนิดออกมาอย่างไม่ปิดบังเย่ซิวจึงได้เพิ่มศาสตร์ที่รู้จักเข้าไปอีกสิบวิธีจากนั้น เขาก็ปล่อยให้เธอไปตามใจผู้หญิงคนนี้ยังมีมารยาท กล่าวขอบคุณเย่ซิวก่อนจากไป"พี่ชายเย่ สอนวิชาเวทย์ให้ฉันหน่อยสิ"เมื่อน่าอีจากไป หยางถิงถิงก็จับแขนของเย่ซิวแล้วออดอ้อนก่อนหน้านี้ที่เธอทำตัวสงบนิ่งนั้น มีส
ภายในห้องทดลองชีวภาพหมายเลขเก้าซึ่งเป็นห้องทดลองที่ใหญ่ที่สุดของประเทศจ้านฉงตี้จากข้างใน มีเสียงคำรามอันน่าสะพรึงกลัวดังออกมาเป็นระลอกราวกับสิ่งมีชีวิตโบราณที่ตื่นขึ้นจากการหลับใหล สั่นสะเทือนไปทั่วทั้งโลกหมีสงครามทองคำตัวหนึ่ง สูงกว่าสิบเมตร ขนทั่วร่างเป็นสีทองอร่าม แม้แต่ดวงตาก็เป็นสีทองมันเงยหน้าคำราม เสียงกึกก้องแผ่กระจายออกไปจนมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าภายในห้องทดลอง นักวิทยาศาสตร์ในเสื้อกาวน์สีขาวต่างส่งเสียงโห่ร้องด้วยความยินดีจนแทบแสบแก้วหู“ฮ่าฮ่าฮ่า! ในที่สุดก็สำเร็จ!”“หมีสงครามทองคำ นี่คือสายเลือดที่สมบูรณ์แบบที่สุด”“พลังของมันตอนนี้ มากกว่าพูทถึงหนึ่งร้อยเท่า!”“หมีสงครามทองคำตัวนี้สามารถฉีกกระชากจักรกลมังกรดำได้อย่างง่ายดาย”“แล้วมันจะสู้กับเย่ซิวได้ไหม?”“คงยังไม่ถึงขั้นนั้นหรอก… แต่ตอนนี้พลังของมันยังไม่ได้ถูกปลดปล่อยออกมาทั้งหมด มันยังต้องการสารอาหารอีกมหาศาล”“รีบรายงานองค์จักรพรรดิ ขออนุมัติสารอาหารเพิ่ม! ตามการคำนวณของซูเปอร์คอมพิวเตอร์ เมื่อมันดูดซับพลังงานได้มากพอ มันจะเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ และจะแข็งแกร่งกว่าเย่ซิวอย่างแน่นอน”……เย่ซิวพาน่าอี
เขานึกถึงสถานที่ที่พรีเอลล์เคยพูดถึง สถานที่ที่แม้แต่การระเบิดของระเบิดเอชก็ไม่อาจทำลายได้คงต้องไปดูสักหน่อย ว่าจะมีอะไรให้เก็บเกี่ยวได้บ้างเย่ซิวละสายตากลับมา แล้วหยิบเสื้อผ้าชุดหนึ่งออกมาจากแหวนผนึก ก่อนจะโยนให้น่าอีใส่เสื้อผ้าแล้วตามฉันกลับไปหญิงคนนี้พลังไม่นับว่าอ่อนแอ จะปล่อยไปโดยเปล่าประโยชน์ไม่ได้อีกทั้งบนตัวเธอยังมีสิ่งที่มีค่าอีกมากมายที่สามารถค่อย ๆ รีดเค้นออกมาได้น่าอีเม้มริมฝีปากแน่นอย่างไม่เต็มใจ ก่อนจะสวมเสื้อผ้าเธอกะเผลกเดินกะเผลกมาหยุดอยู่ข้างเย่ซิว โดยไม่เอ่ยคำใดเย่ซิวยกแขนโอบรัดเอวเธอ ก่อนจะทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า มุ่งหน้ากลับไปยังสำนักโอสถ......ภายในประเทศจ้านอิงตี้ เมื่อจักรพรรดิอินทรีครามได้รับรายงานจากผู้ช่วย ความโกรธก็ปะทุขึ้นจนเขาขว้างถ้วยในมือจนแตกกระจาย"เย่ซิว! เป็นเย่ซิวอีกแล้ว! ดาวเทียมลาดตระเวนที่ส่งขึ้นไปอย่างยากลำบาก กลับถูกเขาทำลายลงอีกครั้ง! พลังของมันพัฒนาไปถึงระดับไหนกันแน่!"ในฐานะบุคคลที่ครอบงำทั่วโลกมานานหลายสิบปี นี่เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกจนปัญญาและอัดอั้นขนาดนี้ แถมยังเต็มไปด้วยโทสะอย่างลึกล้ำผู้ช่วยที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ไม่กล้าแ
“คุณจะทำอะไร อย่าเข้ามา...ช่วยด้วย...กรี๊ด!!”เสียงกรีดร้องของน่าอีถูกเสียงกึกก้องของกระแสโลหิตที่พลุ่งพล่านภายในร่างของเย่ซิวกลบจนสิ้นเธอไม่เคยคิดเลยว่าตัวเองจะมอบร่างกายในสถานการณ์เช่นนี้ตอนนี้เธอเหมือนใบไม้ไหวระริกกลางมหาสมุทรเดือดพล่าน ไร้หลักยึดเหนี่ยว พร้อมจะจมหายไปได้ทุกเมื่อเย่ซิวในขณะนี้กำลังต้องควบคุมสองวิชายุทธไปพร้อมกัน หนึ่งคือเก้าวัจนะลึกลับ อีกหนึ่งคือวิชาโลกีย์หลอมเซียนก็เพียงเพื่อให้ตนสามารถบำเพ็ญเพียรต่อไปได้โชคดีที่เส้นทางเดินลมปราณของทั้งสองวิชายุทธนั้นแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง มิเช่นนั้น ครั้งนี้คงถึงจุดจบแล้วจริง ๆตู้ม!ไม่รู้ว่านานเท่าไร จู่ ๆ พลังของเย่ซิวก็พุ่งทะยานสู่ฟ้าโลหิตของเขาเปลี่ยนเป็นสีทองจากกระหม่อมมีเสาเลือดพุ่งพรวดออกไป ทะลุผ่านเวิ้งฟ้า พุ่งสู่ชั้นบรรยากาศเหนือโลกบังเอิญทำลายดาวเทียมลาดตระเวนที่เพิ่งถูกปล่อยจากประเทศจ้านอิงตี้ไปอย่างจัง“นี่คือความน่าสะพรึงกลัวของเก้าวัจนะลึกลับขั้นแรกอย่างนั้นหรือ?”เย่ซิวก้มมองร่างกายของตนเอง เขายังอดตกตะลึงกับสภาพของตัวเองในตอนนี้ไม่ได้ผิวกายกลายเป็นสีทองอ่อนหากมองใกล้ ๆ จะพบว่ามีพลังลี้ลับบ
ศาสตร์การบ่มเพาะกายของเผ่าวู อาจกล่าวได้ว่าเป็นสุดยอดแห่งใต้หล้าเย่ซิวสงบลงอย่างรวดเร็วสิ่งที่จารึกไว้บนนี้ยังไม่สมบูรณ์ มีเพียงสองระดับแรกเท่านั้นหลังจากจดจำเนื้อหาทั้งหมดได้แล้ว เย่ซิวก็หันไปมองน่าอี “แล้วส่วนที่เหลือล่ะ?”ใบหน้าของน่าอีเต็มไปด้วยความสิ้นหวังนี่คือความลับที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเธอ แต่กลับถูกเย่ซิวพบเข้า ความรู้สึกอยากตายผุดขึ้นมาแน่นอนว่าความคิดนี้เพียงแวบผ่านไปเท่านั้นมาถึงตอนนี้ก็ไม่มีความจำเป็นต้องปิดบังอีกแล้ว“ฉันเจอมันในดินแดนบรรพชน ข้างในอันตรายมาก ฉันไม่กล้าเข้าไปลึกกว่านี้”เย่ซิวรับรู้ได้ว่าเธอไม่ได้โกหกเขาใช้นิ้วแตะจุดพลังบนร่างของน่าอีหลายครั้ง ผนึกระดับพลังของเธอไว้ จากนั้นก็นั่งขัดสมาธิอยู่ข้าง ๆตอนนี้เขากำลังจะเปลี่ยนมาฝึกฝนวิชาเก้าวัจนะลึกลับวิชานี้ทรงพลังยิ่งกว่าวิชาวัชระคงกระพันที่เขาเคยฝึกมานับไม่ถ้วนเท่าเหมือนกับความแตกต่างระหว่างมังกรแท้กับไส้เดือนเมื่อทบทวนเนื้อหาของวิชาเก้าวัจนะลึกลับในหัวเสร็จ เย่ซิวก็ใช้นิ้วแตะลงบนจุดชีพจรสิบแปดแห่งบนร่างกายตัวเองอย่างรวดเร็วปานสายฟ้า“ตึก! ตึก! ตึก!”หัวใจเต้นกระหน่ำอย่างรุนแรง เลือดล
“ฉันบอกชื่อของมันไม่ได้…” น่าอีรู้สึกได้ถึงจิตสังหารของเย่ซิวที่เข้มข้นขึ้นจึงรีบอธิบายทันที“สัตว์เทพนั้นไม่ธรรมดาเลยสักนิด ถ้ามีใครเอ่ยนามของมันออกมา มันจะรับรู้ได้ทันทีถ้าฉันพูดออกไป มันจะรู้ว่าฉันทรยศประเทศวูทันที ฉันต้องตายแน่”เย่ซิวรู้สึกแปลกใจบนโลกนี้มีสิ่งมีชีวิตที่มหัศจรรย์ขนาดนี้ด้วยเหรอ?ท่าทางของน่าอีดูไม่เหมือนคนที่กำลังโกหก เย่ซิวจึงเปลี่ยนคำถาม “ในประเทศวูมีคนที่อยู่ระดับสร้างรากฐานปราณขึ้นไปกี่คน แล้วมีระดับจินตานไหม?”ส่วนระดับวิญญาณก่อกำเนิดน่ะไม่ต้องถามหรอกถ้ามีคนระดับนั้นจริง พวกเขาคงไม่ต้องเสียเวลาวางแผนอะไรให้ยุ่งยากและใช้พลังเข้าจัดการเย่ซิวโดยตรงไปแล้ว“เท่าที่ฉันรู้ ระดับสร้างรากฐานปราณมีมากกว่าสี่สิบคน ส่วนระดับจินตานมีหกคน”สีหน้านายเคร่งขรึมขึ้นมาทันที มีเยอะขนาดนี้เลยเหรอ?!ฟังดูไม่ค่อยสมเหตุสมผลเท่าไหร่?เย่ซิวจึงถามต่อ “พวกเขาทะลวงระดับกันตอนไหน?”“ส่วนใหญ่ก็ช่วงครึ่งปีที่ผ่านมานี่แหละ”เย่ซิวเข้าใจได้ทันทีคงเป็นเพราะช่วงครึ่งปีมานี้มีรอยแยกของผนึกมากขึ้นเรื่อย ๆเลยทำให้คนสามารถทะลวงระดับได้มากขึ้นไปด้วยคนภายนอกจะมีใครรู้เรื่องนี้
คำพูดของเธอฟังดูมีเหตุมีผล ไม่มีช่องโหว่แม้แต่น้อยถ้าเย่ซิวไม่ได้รับข่าวล่วงหน้ามาก่อน ก็คงอาจจะหลงเชื่อไปแล้วจริง ๆ แต่ตอนนี้เขาไม่มีเวลามาเล่นเกมจิตวิทยากับผู้หญิงคนนี้ จึงถามออกไปตรง ๆ “ประเทศวูของพวกเธอทำไมถึงต้องการเล่นงานฉัน ถึงขั้นให้นายพลในประเทศอวี้เจียวส่งขีปนาวุธมาโจมตี”ทันทีที่พูดจบ แววตาของน่าอีก็สั่นไหวอย่างควบคุมไม่ได้แม้ว่าเธอจะยังเด็ก แต่จิตใจของเธอแข็งแกร่งพอสมควรใช้เวลาแค่ครึ่งวินาทีเท่านั้น เธอก็เก็บอารมณ์ทั้งหมดจนสงบ จากนั้นก็ทำสีหน้าสับสนเหมือนไม่รู้เรื่องอะไรเลย “นายพูดเรื่องอะไร ฉันไม่เข้าใจ”“ไม่ต้องแกล้งทำเป็นไม่รู้หรอก นายพลคนนั้นเป็นพวกเดียวกับพวกเธอฉันจะบอกเธอให้รู้เอาไว้ ฉันก็มีสายลับของตัวเองในประเทศวูเหมือนกันฉันมาดักรอเธอที่นี่โดยเฉพาะ ถ้าเธอยอมให้ความร่วมมือดี ๆ ซะตั้งแต่ตอนนี้ บางทีอาจจะยังมีชีวิตรอดได้”คราวนี้น่าอีช็อกหนักกว่าเดิมเธอไม่เข้าใจเลยว่าเย่ซิวรู้เรื่องทั้งหมดนี้ได้ยังไง?จนเธอเผลอหลุดปากถามออกไปโดยไม่รู้ตัว “อย่าบอกนะว่านายใช้ศาสตร์พยากรณ์ได้?”“ศาสตร์พยากรณ์อะไร?”สีหน้าของน่าอีเปลี่ยนไปทันที เมื่อรู้ตัวว่าพลาดแล้วเธ