หากเย่ซิวต้องการจัดการตระกูลเซี่ย ก็ไม่มีใครสามารถหยุดเขาได้เซี่ยซิ่วซิ่วกล่าวอย่างใจเย็น “ต้องสั่งสอนชิงชิงอย่างเคร่งครัด ไม่อย่างนั้นจะต้องเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นไม่ช้าก็เร็วแน่ค่ะ”เซี่ยเจี๋ยที่อยู่ปลายสายพยักหน้าหนักแน่น “ปู่มีแผนสำหรับเรื่องนี้แล้ว”หลังจากวางสาย เซี่ยเจี๋ยก็โทรหาหมายเลขที่ไม่คุ้นเคยไม่นาน ปลายสายก็กดรับเสียงแหบห้าวดังขึ้น “ในที่สุดก็โทรมาหาฉันสักทีนะ ว่าไง คิดได้หรือยังว่าจะส่งหลานสาวคนไหนมาให้ฉัน?”สีหน้าของเซี่ยเจี๋ยดูเคร่งขรึม “ผมจะส่งชิงชิงไปเรียนรู้กับคุณ แต่จำไว้ว่าเธอจะสืบทอดวิชาจากคุณเท่านั้น ส่วนองค์กรและกลุ่มอิทธิพลอื่นไม่เกี่ยวข้องอะไรกับเธอ ห้ามยัดเยียดให้เธอเด็ดขาด”ปลายสายหัวเราะเยาะ“เข้าใจแล้ว รีบส่งเธอมาเร็ว ๆ ล่ะ”เซี่ยเจี๋ยเตือนขึ้นอีกครั้ง “จำไว้ว่าห้ามทำร้ายชิงชิง ยังไงเธอก็เป็นหลานของคุณ!”“พูดมาก!”ปลายสายกดวางสายทันทีเซี่ยเจี๋ยโทรออกอีกครั้ง “ไปจับตัวชิงชิงกลับมา”…… เย่ซิวมองโทรศัพท์ครบเวลาหนึ่งชั่วโมงแล้วเขาลุกขึ้นเดินไปที่ห้องของลู่เสวี่ยเอ๋อร์และเคาะประตู“เอาล่ะ ขึ้นมาได้แล้ว ใช้น้ำร้อนชำระล้างสิ่งตกค้างในร่างกาย”
หัวใจของลู่เสวี่ยเอ๋อร์เต้นแรง เธอเดินไปหาเย่ซิวด้วยความรู้สึกประหม่าเล็กน้อย“ฉันต้องทำยังไง? ต้องนอนลงไหม? ต้องถอดเสื้อผ้าหรือเปล่า?”“ไม่ต้อง ผมตรวจแค่ชีพจรก็พอ”ลู่เสวี่ยเอ๋อร์นั่งลงข้างเย่ซิว รู้สึกผิดหวังเล็กน้อยเมื่อได้ยินแบบนั้นที่แท้มันไม่ใช่สิ่งที่เธอจินตนาการไว้เย่ซิววางมือลงบนชีพจรของเธอหลังจากตรวจชีพจรแล้ว เขาก็พยักหน้าด้วยความพึงพอใจชีพจรของลู่เสวี่ยเอ๋อร์แข็งแรงดีมากไม่ได้ด้อยกว่าจอมยุทธระดับหนึ่งอีกต่อไปแช่สมุนไพรอีกสองสามครั้ง สร้างรากฐานร่างกายให้แข็งแกร่ง ก็จะสามารถเริ่มฝึกวรยุทธได้แล้วด้วยรากฐานที่มั่นคงของพวกเธอทั้งสอง เย่ซิวมั่นใจว่าพวกเธอจะสามารถบรรลุไปถึงขึ้นจอมยุทธระดับสามได้ภายในสองเดือนไม่นาน หลิ่วเมิ่งอิ๋นก็เดินออกมาเช่นกันเธอก้มศีรษะลงไม่กล้ามองเย่ซิวเย่ซิวแสร้งทำเป็นไม่มีอะไรเกิดขึ้นและโบกมือให้เธอ “มานี่ ฉันจะตรวจชีพจรให้”หลิ่วเมิ่งอิ๋นเดินไปหาเขา แต่ก็ยังไม่กล้ามองเขาเย่ซิวตรวจชีพจรของหลิ่วเมิ่งอิ๋น และพบว่ามันดีขึ้นมากเช่นกัน“เอาล่ะ ตอนนี้ก็ดึกแล้ว บวกกับหลังจากแช่สมุนไพรจำเป็นต้องพักผ่อนให้เพียงพอ พวกเธอเข้าไปนอนเถอะ”หญิง
ทันทีที่หันศีรษะไป ก็เห็นหลิ่วเมิ่งอิ๋นกอดเขาด้วยมือทั้งสองข้าง ทั้งสองใกล้ชิดกัน ความรู้สึกนั้น ใครก็เข้าใจได้โดยไม่ต้องอธิบายเย่ซิวกดจุดที่แขนซ้ายของหลิ่วเมิ่งอิ๋นเบา ๆ จากนั้นก็หลับตาลงอีกครั้งหลิ่วเมิ่งอิ๋นค่อย ๆ ตื่นขึ้นมาพอกะพริบตาเธอก็ตระหนักได้ถึงสภาพปัจจุบันของตัวเองทันทีเธอรู้สึกเหลือเชื่อมาก ทำไมเมื่อคืนเธอถึงได้ใจกล้าขนาดนี้?เธอรีบเหลือบมองเย่ซิวอย่างรวดเร็วเมื่อเห็นว่าเขายังคงหลับอยู่ ก็ไม่กล้าอยู่ต่อนาน จึงรีบออกไปอย่างเงียบ ๆหลังจากที่เธอจากไปเย่ซิวก็ลืมตาขึ้นหลังจากนั้นสิบนาที เย่ซิวก็ลุกขึ้นไปอาบน้ำลู่เสวี่ยเอ๋อร์และหลิ่วเมิ่งอิ๋นออกมาจากห้องทีละคนลู่เสวี่ยเอ๋อร์ทักทายเย่ซิว “อรุณสวัสดิ์ เพื่อนนักศึกษาเย่”เย่ซิวยิ้ม “อรุณสวัสดิ์”หลิ่วเมิ่งอิ๋นก็ทักทายเย่ซิวเช่นกัน แล้วแสร้งทำเป็นถามเขาด้วยท่าทางสบาย ๆ “พี่เย่ เมื่อคืนนอนหลับดีไหมคะ?”“ก็ดี แค่ในฝันรู้สึกเหมือนถูกคนกอด”ความตื่นตระหนกแวบขึ้นมาในดวงตาของหลิ่วเมิ่งอิ๋น เธอฝืนยิ้ม “พี่คงแค่ฝันไป”“ฮ่าฮ่า ฉันก็หวังว่าอย่างนั้น”หลิ่วเมิ่งอิ๋นรู้สึกค่อนข้างไม่สบายใจ เหมือนมีอะไรแอบแฝงอยู่ในคำพูด
น่าหลันเยียนหรานสวมรองเท้าส้นสูง วิ่งไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ววันนี้เป็นวันหยุดของเธอ และเดิมทีตั้งใจจะออกไปเที่ยวกับเพื่อนสนิทแต่ใครจะรู้ว่าระหว่างทางจะได้พบกับอุบัติเหตุทางรถยนต์แบบนี้“หลีกไป หลีกไป ฉันเป็นหมอ!”เด็กสาวรู้สึกตื่นเต้นทันที และรีบเปิดทางให้น่าหลันเยียนหราน “ได้โปรดช่วยคุณปู่ของฉันด้วยค่ะ รถพยาบาลยังต้องใช้เวลาอีกสักพักกว่าจะมาถึง”น่าหลันเยียนหรานมาถึงที่เกิดเหตุ และเห็นชายชราคนหนึ่งนอนเลือดท่วมตัวอยู่บนพื้นเขามีบาดแผลที่แขนและขาน่าหลันเยียนหรานจัดการบาดแผลที่แขนของเขาก่อนโชคดีที่เธอเป็นหมอ เธอจึงมีกล่องปฐมพยาบาลไว้ในรถอยู่เสมอแต่เมื่อน่าหลันเยียนหรานเห็นบาดแผลตรงขาของชายชรา เธอก็ขมวดคิ้วไม่ว่าจะใช้วิธีไหนก็ไม่สามารถห้ามเลือดได้น่าหลันเยียนหรานถอนหายใจ มองไปที่เด็กสาว “บาดแผลตัดหลอดเลือดแดงใหญ่ แถมยังมีขนาดใหญ่มากด้วย เราไม่มีทางช่วยเขาได้แล้ว”เด็กหญิงตัวเล็กขาอ่อนแทบจะล้มลงไปกับพื้น ใบหน้าของเธอซีดเผือด และคุกเข่าต่อหน้าน่าหลันเยียนหรานพร้อมกับขอร้องอ้อนวอน “ไม่เอานะ ได้โปรดช่วยปู่ของฉันด้วย ไม่ว่าจะต้องจ่ายด้วยอะไรก็ตาม”คุณปู่เป็นญาติเพียงคนเดียว
เย่ซิวเปิดเปลือกตาของชายชราและตรวจชีพจรของเขา ก่อนจะพยักหน้า “ไม่ต้องห่วง มีฉันอยู่ที่นี่ คุณปู่ของเธอจะไม่เป็นอะไร”จากนั้นเย่ซิวก็หยิบกล่องปฐมพยาบาลข้าง ๆ ซึ่งมียาห้ามเลือดอยู่ข้างในเขาโรยมันทั่วบาดแผลของชายชราจากนั้นก็ตรวจสอบร่างกายให้ชายชราอย่างถี่ถ้วนก่อนจะพบว่ามีกระดูกบางส่วนหักและชายชราก็น่าจะอายุประมาณหกสิบกว่าแล้วหากในวัยนี้มีปัญหากระดูกหัก มันอาจถึงแก่ชีวิตได้ตามหลักการที่ว่า การช่วยหนึ่งชีวิตนั้นยิ่งใหญ่กว่าการสร้างเจดีย์เจ็ดชั้นเย่ซิวไม่ลังเลที่จะใช้กำลังภายในของเขาช่วยรักษากระดูกที่หักของชายชรารอบ ๆ มีผู้คนมากมายมุงดูอยู่เมื่อเห็นว่าเย่ซิวยังเด็กมาก ทุกคนต่างก็สงสัยในทักษะทางการแพทย์ของเขาแต่ไม่นานก็มีคนอุทานออกมา“พระเจ้า ดูชายชราคนนั้นสิ หน้าเขาหายซีดแล้ว”“พ่อหนุ่มคนนี้เป็นหมอเทวดา!”“หมอหญิงเมื่อกี้ต่างหากที่เป็นหมอเถื่อน โชคดีที่มีพ่อหนุ่มคนนี้อยู่ ไม่อย่างนั้นคงมีคนตายฟรีเพิ่มขึ้นในโลกนี้อีก”“ทำได้ดีมากพ่อหนุ่ม”…… เมื่อได้ยินเสียงชื่นชมของผู้คนรอบตัวน่าหลันเหยียนหรานก็ตกตะลึง ก่อนจะวิ่งเข้าไปโดยไม่สนใจเซี่ยซิ่วซิ่วพอได้เห็นดวงตาของเธอก
คำพูดของเด็กสาวดึงดูดความสนใจของทุกคนทันทีจากนั้น นอกจากเย่ซิว ทุกคนในที่เกิดเหตุต่างก็ตกตะลึงชายชราดูเหมือนได้รับบาดเจ็บสาหัสและมีเลือดท่วมตัวตอนนี้กลับฟื้นขึ้นมาแล้ว“คุณปู่เป็นยังไงบ้างคะ?” เด็กสาวช่วยพยุงชายชราเสียงของชายชราฟังดูอ่อนแรงเล็กน้อย แต่สีหน้าเขาก็ไม่ได้แย่ “เวียนหัวเล็กน้อย นอกนั้นไม่มีปัญหาอะไร”แพทย์เหล่านั้นรีบหยิบเครื่องมือต่าง ๆ ออกมาตรวจร่างกายของชายชราทันทีผลลัพธ์ทำให้พวกเขาประหลาดใจมาก“ทุกส่วนในร่างกายของเขาเป็นปกติดี ยกเว้นความดันโลหิตที่ต่ำเล็กน้อย พระเจ้า พ่อหนุ่มคนนี้เป็นคนช่วยชีวิตเขาไว้อย่างนั้นเหรอ?”เด็กสาวพยักหน้าหนัก ๆ “พี่ชายคนนี้เขาเก่งมากเลยค่ะ ถ้าไม่มีเขา ปู่ของฉันคงไม่รอด”แพทย์คนก่อนหน้านี้รีบขอโทษเย่ซิวทันที“น้องชาย เมื่อกี้พวกเราบุ่มบ่ามเกินไป”“ทักษะทางการแพทย์ของนายยอดเยี่ยมมาก คงจะมาจากสถาบันการแพทย์ที่มีชื่อเสียงแน่ ๆ”เย่ซิวโบกมือ ไม่ได้อธิบายอะไรมากน่าหลันเหยียนหรานมองไปที่เย่ซิวที่ได้รับการชื่นชมจากทั่วสารทิศ เธอรู้สึกอึดอัดและไม่พอใจอย่างยิ่งแต่เธอก็รู้ดีว่าเธอทำให้ทุกคนโกรธ ตอนนี้จึงไม่กล้าพูดจาเยาะเย้ยเย่ซิวอีก
ตอนเดินผ่านน่าหลันเยียนหราน เย่ซิวหยุดเดิน “ฉันขอแนะนำเธอทางที่ดีเปลี่ยนอาชีพ จรรยาบรรณแพทย์ขั้นพื้นฐานที่สุดเธอยังไม่มีด้วยซ้ำ อยู่ในโรงพยาบาลต่อไปแบบนี้พานจะทำให้เกียรติของวิชาชีพแพทย์เสื่อมเสียเปล่า ๆ”น่าหลันเยียนหรานโกรธจนหน้าเขียว “เรื่องของฉัน ไม่ใช่ธุระกงการอะไรของนาย!”เย่ซิวมองเธออย่างเฉยเมยและเดินต่อไปต่อไปน่าหลันเยียนหรานโกรธมากจนกระทืบเท้าเธอเห็นสายตาของเย่ซิวที่เปี่ยมไปด้วยความรู้สึกดูถูกที่ผ่านมาเธอมักจะเป็นฝ่ายดูถูกคนอื่นเสมอ แต่เธอไม่เคยถูกคนอื่นดูถูกมาก่อนเลย“นายอย่าให้ฉันลงมือเลยจะดีกว่า อย่าคิดว่านายจะทำอะไรก็ได้เพียงเพราะนายใกล้ชิดกับตระกูลเซี่ย!”เธอคิดว่าเย่ซิวใช้วิธีอะไรบางอย่างหลอกลวงเพื่อให้ได้รับความไว้วางใจจากเซี่ยซิ่วซิ่วและอยู่เคียงข้างเธอได้น่าหลันเยียนหรานมองว่าเขาเป็นพวกเกาะผู้หญิงกินอีกด้านหนึ่ง มีชายชราถูกช่วยเหลือขึ้นรถพยาบาลเด็กสาวอยู่เคียงข้างเขาไปถึงโรงพยาบาลไม่นานก็ตรวจร่างกายชายชราทั้งหมด พบว่าไม่มีอะไรสาหัสร้ายแรงจึงเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลต่อภายในห้องผู้ป่วยส่วนตัวหลังจากเขาพ้นขีดอันตรายมาได้แล้ว เด็กสาวก็แผ่ออร่าความภ
เซี่ยซิ่วซิ่วมองไปทางพนักงานที่มาขวางทางพวกเขาแล้วถามว่า “ทำไม?”พนักงานชี้ไปที่แขนเสื้อของเย่ซิวแล้วพูดว่า “มีเปื้อนเลือดบนตัวแบบนี้ ร้านเราเป็นแบรนด์หรูหรา ที่นี่คนที่สวมเสื้อผ้าไม่เรียบร้อยและไม่สะอาดสะอ้าน จะไม่รับอนุญาตให้เข้าไปในร้านครับ”เซี่ยซิ่วซิ่วเริ่มโกรธขึ้นมาบ้างแล้ว “แบรนด์ของพวกคุณอยู่แค่อันดับที่เก้าของประเทศเท่านั้น ยังกล้าดูหมิ่นลูกค้าแบบนี้งั้นเหรอ?!”พนักงานเงยหน้าขึ้นและมองเหยียด “คุณหนูหยุดพูดมากแล้วออกไปเร็ว ๆ อย่ามาขัดขวางการทำธุรกิจของเรา”“แล้วอีกอย่างคนที่อยู่ข้าง ๆ คุณ ดูจากเสื้อผ้าที่เขาใส่แล้วไม่น่าจะมีปัญญาจ่ายได้หรอก เสื้อผ้าในร้านของเราหยิบสุ่ม ๆ มาตัวหนึ่งยังมีราคาหลายหมื่นเลย”“ไม่มีเหตุผลที่จะเสียเวลาที่นี่หรอก พอพวกคุณลองเสื้อแล้วฉันต้องเอาเสื้อไปซักแห้งอีก รู้ไหมว่าซักแห้งเสื้อผ้าพวกนี้ครั้งหนึ่งมันแพงแค่ไหน!”คำพูดของเขาเต็มไปด้วยความดูถูกต่อเย่ซิวท่าทีของเย่ซิวยังเป็นไปตามปกติ เรื่องอย่างเช่นการดูถูกผู้คนแบบนี้เกิดขึ้นได้ทุกที่แต่เซี่ยซิ่วซิ่วรับไม่ได้“ฉันรู้จักเจ้านายของคุณ โทรหาเขาสิ ฉันจะให้เขาไล่คุณออก!”พนักงานเย้ยหยันอย่างเหยี
ชายคนนั้นมีท่าทีไม่เชื่ออย่างแรง “อย่ามาหลอกฉัน ถ้าเจ้าอาวาสไม่ออกมา ฉันก็ไม่ไป และวัดนี้ก็อย่าหวังว่าจะมีใครมากราบไหว้อีก!”นักพรตหนุ่มรู้สึกทั้งโกรธและหมดหนทาง เมื่อเจอกับคนที่มีพลังแข็งแกร่งและเล่นไม่ซื่อแบบนี้ เขาเองก็ไม่รู้จะรับมือยังไง“เฮ้ พวกเธอสองคน ไสหัวไปซะ!”ชายคนนั้นมองเย่ซิวกับน่าหลันเยียนหรานด้วยสายตาดุดันดั่งสิงโตที่กำลังคำราม ดูน่ากลัวเป็นอย่างมากนี่แหละคือสาเหตุที่ทำให้ผู้คนที่มาไหว้พระพากันหนีไปหมดเย่ซิวเอ่ยเรียบ ๆ “นี่เป็นที่สาธารณะ ทำไมผมต้องไปด้วย?”ชายคนนั้นแสยะยิ้ม “ไอ้หนู คิดจะโชว์แมนต่อหน้าแฟนหรือไง? อยากโดนฉันสั่งสอนใช่ไหม!”พูดจบ พลังอันน่าสะพรึงกลัวก็แผ่ออกมาจากร่างของเขามีเพียงผู้ที่ผ่านสมรภูมิความเป็นความตายอันโหดร้ายมานับครั้งไม่ถ้วนเท่านั้นที่จะสามารถแผ่กลิ่นอายอันน่ากลัวเช่นนี้ออกมาน่าหลันเยียนหรานตัวสั่นเทิ้ม ขนลุกไปทั้งร่างชายคนนี้น่ากลัวเกินไปแล้วแต่ในวินาทีนั้นเย่ซิวก็ยื่นมือใหญ่ที่อบอุ่นและแข็งแรงมาจับมือเล็ก ๆ ของเธอไว้ เธอรู้สึกสงบลง ก่อนจะมองไปที่เย่ซิวด้วยสายตาขอบคุณนักพรตหนุ่มรีบวิ่งลงมาหาเย่ซิวพร้อมเตือนด้วยความกังวล “โย
คนส่วนใหญ่มีทัศนคติที่เกลียดชังคนรวยเหมือนกับตอนนี้ที่แม้น่าหลันเยียนหรานเป็นฝ่ายถูกกระทำอย่างเห็นได้ชัดแต่เพียงเพราะเธอขับรถหรูและใส่เสื้อผ้าราคาแพง คนรอบข้างจึงคิดว่าเป็นความผิดของเธอเหตุการณ์แบบนี้ที่แสดงถึงความเกลียดชังคนรวยมีให้เห็นทั่วไปขณะที่น่าหลันเยียนหรานไม่รู้จะทำอย่างไรดี เย่ซิวก็ปรากฏตัวขึ้นมายืนขวางหน้าเธอไว้น่าหลันเยียนหรานยิ้มด้วยความดีใจ “คุณเย่มาที่นี่ได้ยังไงคะ”“ผ่านมาแถวนี้พอดี” เย่ซิวมองหญิงชราที่นอนขวางรถของน่าหลันเยียนหราน แล้วเอ่ยเรียบ ๆ “ลุกขึ้น แล้วไสหัวไปซะ!”หญิงชรายิ้มเยาะ “อะไร พวกเธอสองคนรวมหัวกันจะรังแกคนแก่เหรอ หน้าไม่อาย ถ้าฉันไม่ลุกพวกเธอจะทำอะไรฉันได้!”คนที่ไม่รู้จักอายมักจะได้เปรียบเสมอเย่ซิวจ้องมองเธอด้วยดวงตาที่เปล่งประกายแล้วตวาดใส่หญิงชราคนนั้น “มองฉัน!”หญิงชราหันมามองตาของเย่ซิวโดยไม่ทันรู้ตัวตึง!สมองของเธอว่างเปล่าไปชั่วขณะ ราวกับสติหายไปชั่วคราวเย่ซิวมองเธอ “บอกมาว่าทำไมถึงคิดจะหลอกคนอื่น”หญิงชราเผยความในใจออกมาโดยไม่รู้ตัว“ฉันเล่นไพ่นกกระจอกจนเสียเงินค่าใช้จ่ายสำหรับทั้งปีไป กลัวสามีจะด่าก็เลยคิดจะหลอกเอาเงินจากค
“พี่เป็นคนดีจริง ๆ ฉันรักพี่ที่สุดเลย”จวงเสี่ยงหยิงดีใจจนกระโดดโลดเต้นอยู่ตรงหน้าเย่ซิว“พอแล้ว” เย่ซิวกดไหล่เธอลง “ผู้หญิงไม่ควรกระโดดโลดเต้นต่อหน้าผู้ชายแบบนี้ จะเสียเปรียบเอานะ”จวงเสี่ยงหยิงอึ้งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเข้าใจสิ่งที่เขาหมายถึง ใบหน้าเธอแดงก่ำ ก่อนจะเอ่ยด้วยความเขินอาย “พี่นี่ลามกจริง ๆ เลย คราวหน้าฉันจะกระโดดแค่ต่อหน้าพี่แค่คนเดียวดีไหมคะ?”จวงเสี่ยงหยิงเปรียบเสมือนดอกไม้ที่ยังตูมรอวันผลิบาน แผ่กลิ่นอายแห่งความสดใสและเยาว์วัยออกมาทุกอณูการได้อยู่กับสาวน้อยแบบนี้ทำให้จิตใจพลอยสดชื่นไปด้วยถ้าไม่ติดว่ายังมีเรื่องรอให้ทำอีกมากมาย เย่ซิวคงจะอยู่กับเธอนานกว่านี้หน่อยหลังจากออกจากมหาวิทยาลัยแล้ว เย่ซิวก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาค้นหาอารามเต๋าภายในประเทศตอนนี้เขาอยู่ในขั้นสูงของการสร้างรากฐานปราณ อีกไม่นานก็จะถึงขั้นสมบูรณ์ เขาต้องเริ่มเตรียมตัวสำหรับการบ่มเพาะจินตานแล้วสิ่งแรกที่ต้องทำคือหาวิธีการบ่มเพาะจินตานปัจจุบัน อารามเต๋าในประเทศที่มีอายุมากกว่าร้อยปีนั้นมีอยู่ไม่กี่แห่งเย่ซิวค้นเจออารามเต๋าห้าแห่ง หนึ่งในนั้นมีอยู่ที่เมืองหลวงและระยะทางก็ไม่ไกลมากเมื่อค้นเจอต
เย่ซิวชะงักไปชั่วขณะ ก่อนจะหันกลับมา “ว่าไงครับ?”หยางชิงเสวี่ยเม้มปากเล็กน้อย ดวงตางดงามจับจ้องไปยังเย่ซิวที่ยืนอย่างองอาจ “คุณต้องเร่งบำเพ็ญตนให้มากขึ้น แล้วรีบทะลวงให้ถึงระดับจินตานให้เร็วที่สุด ถึงตอนนั้น…”ประโยคหลังจากนั้นเธอไม่ได้พูดออกมา แต่แค่ขยับริมฝีปากเท่านั้นเย่ซิวเข้าใจอย่างชัดเจน จึงรู้สึกตกใจเป็นอย่างมากหยางชิงเสวี่ยมีร่างกายที่พิเศษ และต้องรอให้เย่ซิวทะลวงระดับจินตานเสียก่อนจึงจะสามารถมีสัมพันธ์กับเธอได้นี่เป็นกฎที่อาจารย์ของเขากำหนดไว้เมื่อถึงเวลาที่เขาสมหวังกับหยางชิงเสวี่ย เขาจะได้รับพลังพิเศษที่แข็งแกร่งมากเย่ซิวกลับไปที่ศาลา ก่อนจะหยิบจี้หยกสองชิ้นออกมา แล้วสวมให้เธอด้วยมือของเขาเองทั้งสองอยู่ใกล้กันมากจนกลิ่นอายความแข็งแกร่งของเขาแผ่ซ่านเข้ามาจนสัมผัสได้หยางชิงเสวี่ยรู้สึกเหมือนร่างกายถูกจุดไฟ รู้สึกอ่อนแรงและใบหน้าก็แดงระเรื่ออย่างไม่เคยเป็นมาก่อนจากนั้นเย่ซิวก็คว้ามือเล็กอ่อนนุ่มของเธอไว้ ก่อนจะสวมแหวนลงบนนิ้วของเธอสองวง แล้วบอกวิธีใช้ให้เธอฟัง“ของพวกนี้ล้ำค่าเกินไป ฉันรับไว้ไม่ได้หรอก”หยางชิงเสวี่ยส่ายหน้า พยายามจะถอดออก“ไม่เป็นไร ของพว
ชีวิตของเธอในตอนนี้เรียบง่ายมากบางครั้งก็เรียน บางครั้งก็ไปฝึกงานที่บริษัท ชีวิตดูเต็มไปด้วยคุณค่าและมีความหมายมากเย่ซิวลูบหัวเธอเบา ๆ “มาดูว่าเธอเป็นยังไงบ้าง”สายตาของเขามองไปที่ศาลาตรงนั้นมีหญิงสาวที่ดูราวกับนางฟ้ากำลังอ่านหนังสืออย่างตั้งใจมองจากมุมนี้ ใบหน้าด้านข้างของเธอสวยไร้ที่ติ ทำให้คนใจเต้นแรงแม้เพียงพบเห็น แต่ก็ไม่กล้าคิดลามกกับเธอเธอคือผู้หญิงที่มีเสน่ห์อย่างน่าอัศจรรย์คนหนึ่งเลยทีเดียวดูเหมือนว่าเธอจะรู้สึกถึงสายตาของเย่ซิว เธอจึงหันมองมาแล้วพยักหน้าเบา ๆ พร้อมกับยกมุมปากยิ้มบางเย่ซิวยิ้มตอบจวงเสี่ยวหยิงยิ้มมุมปากแล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงหึงหวง “ที่แท้ก็ไม่ได้มองแค่ฉันนี่นา”เย่ซิวหัวเราะ “เด็กน้อย ยังจะหึงอีกนะ ไปซื้อน้ำให้ฉันหน่อยสิ”“ค่ะ…”จวงเสี่ยวหยิงยู่ปากแต่ก็เดินออกไปอย่างว่าง่ายเย่ซิวเดินเข้าไปในศาลา นั่งลงตรงหน้าชิงเสวี่ยแล้วถามอย่างตรงไปตรงมา “คุณรู้จักที่มาที่ไปของคุณลี่หรือเปล่า?”ชิงเสวี่ยวางหนังสือลง มองเย่ซิวด้วยดวงตากลมโต พลางส่ายหัวเบา ๆ “ไม่เคยได้ยินมาก่อนค่ะ”เย่ซิวจ้องมองเธอด้วยสายตาตรงไปตรงมา จิตใจมั่นคงไม่หวั่นไหว ทำให้รู้ว่าเธอไม
ต่อจากนี้จะเป็นการบรรยายยาวกว่าหนึ่งแสนคำครั้งที่แล้วเย่ซิวเป็นฝ่ายเริ่มบำเพ็ญตนกับหลินโหรวก่อนแต่ครั้งนี้หลินโหรวเป็นฝ่ายเริ่มก่อน สรุปง่าย ๆ เลยสามคำ เธอเก่งมากคงเป็นสิ่งที่ได้เรียนรู้จากการอยู่กับสาวผมเหลืองก่อนหน้านี้“ผมต้องไปแล้ว” เย่ซิวจิบเครื่องดื่มพลางเอ่ยกับหลินโหรวหลินโหรวปาดเหงื่อหอมบนหน้าผาก พลางมองเย่ซิวด้วยสายตาอ่อนหวาน “ฉัน…พอจะเป็นแฟนคุณได้ไหม?”เย่ซิวใช้นิ้วเชยคางขาวเนียนของเธอขึ้น แล้วยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ “คุณคิดว่าตัวเองคู่ควรหรือเปล่าล่ะ?”สายตาของหลินโหรวหม่นลงในทันที ใช่แล้ว ตอนนี้เธอไม่คู่ควรกับเขาจริง ๆแต่เธอก็รีบกลับมาฮึดสู้อีกครั้ง “ก่อนหน้านี้ฉันอาจจะทำตัวเหลวไหลไปหน่อย แต่จากนี้ไป ฉันจะพยายามเปลี่ยนแปลงตัวเองให้ดีขึ้น”“อืม ความสามารถของเธอก็ไม่เลวนะ” เย่ซิวพยักหน้า “ตอนนี้คุณยังไม่มีงานทำใช่ไหม”“ยังค่ะ”เย่ซิวเกิดความคิดหนึ่งขึ้น เขาเอ่ยกับเธอว่า “ผมจะลงทุนให้คุณห้าพันล้าน ไปตั้งบริษัทการจัดการระหว่างประเทศสักแห่ง แล้วดึงคนเก่ง ๆ เข้ามาร่วมทีมเยอะ ๆ”หลินโหรวทำหน้าจริงจัง “ค่ะ ฉันจะไม่ทำให้คุณผิดหวัง ห้าพันล้านนี้จะทำกำไรให้คุณสิบเท่า ยี่สิ
ยาที่อยู่ในมือเธอหล่นลงบนพื้นทันที “นายเป็นใคร เข้ามาได้ยังไง!”เย่ซิวเดินตรงเข้าไปหาเธอด้วยสีหน้าเย็นชา “พูดมาว่าใครเป็นคนสั่งให้เธอมาเล่นงานฉัน”“เล่นงานนาย? หมายความว่าไง?”สีหน้าของสาวผมทองดูไม่เหมือนคนโกหก นั่นหมายความว่าเธอเพียงแค่ถูกใครบางคนใช้เงินจ้างมาเท่านั้นเย่ซิวจึงเปลี่ยนวิธีถาม “ใครเป็นคนให้ยานี้กับเธอ หน้าตาเป็นยังไง?”“ฉันไม่รู้ว่านายพูดถึงอะไร” สาวผมทองพยายามปฏิเสธสุดกำลังเย่ซิวคว้าคอเธอไว้แล้วค่อย ๆ ยกขึ้นสาวผมทองดิ้นรนสุดชีวิต ดวงตาเบิกโพลง ลิ้นยื่นออกมายาวความรู้สึกหวาดกลัวอย่างรุนแรงพุ่งขึ้นมาจับใจเธอ ผู้ชายที่ดูหล่อเหลาจนน่าตะลึงคนนี้กล้าฆ่าเธอจริง!“ฉัน…ยอมบอกแล้ว…”ปึก!เย่ซิวโยนเธอลงกับพื้นแล้วนั่งลงบนโซฟา ก่อนจะถือโอกาสหยิบยาขึ้นมาสาวผมทองไออย่างหนัก เธอรู้สึกเจ็บปวดไปทั้งร่างกาย สายตาที่มองเย่ซิวเต็มไปด้วยความหวาดกลัว“ฉันก็ไม่รู้จักเขาหรอก อยู่ ๆ เขาก็มาหาฉัน ให้เงินมาก้อนหนึ่ง แล้วบอกให้ฉันเอายาให้หลินโหรว…แค่นั้นแหละ”“หน้าตาเขาเป็นยังไง?”“ฉันมองเห็นไม่ค่อยชัด เขาใส่เสื้อโค้ตสีดำ สวมหน้ากาก ยานี้เขาให้มาเมื่อสองสัปดาห์ที่แล้ว”เย่ซิ
“เสี่ยวโหรว อย่าไปเลยนะ ได้ไหม?”“ปล่อยฉันนะ ตอนนั้นเธอเป็นคนบอกเลิกฉันเอง แล้วตอนนี้กลับมาวุ่นวายอะไรกับฉันอีก!”“ตอนนั้นฉันเองที่เสียสติ แต่หลังจากนั้นฉันก็รู้ว่าขาดเธอไม่ได้จริง ๆ”“หึหึ ตอนนั้นฉันพยายามมากแค่ไหนเพื่อรั้งเธอไว้ แต่เธอก็ใจแข็งใส่ฉัน ตอนนี้ต่อให้พูดอะไรก็ไม่มีประโยชน์แล้ว”“เสี่ยวโหรว ฉันรู้นะว่าเธอยังรักฉันอยู่”“เพ้อเจ้อ! ตอนนี้ฉันหันมาชอบผู้ชายแบบปกติแล้ว และเธอก็ไม่ต้องมาวุ่นวายกับฉันอีก!”……มีสาวสวยสองคนกำลังทะเลาะกันบนถนนคนหนึ่งย้อมผมสีเหลือง ใส่เสื้อเอวลอย ทรวดทรงเย้ายวนอีกคนสวมเดรสยาวสีขาวกับรองเท้าผ้าใบ ดูสะอาดบริสุทธิ์ฝูงชนที่มุงดูพลอยเข้าใจเรื่องราวจากบทสนทนาของทั้งคู่ ดวงตาของพวกเขาเปล่งประกายที่แท้สองคนนี้ก็เป็นหญิงรักหญิง ความอยากรู้อยากเห็นของพวกเขาจึงลุกโชนขึ้นมาทันทีเย่ซิวเองก็ไม่คิดว่าจะได้เจอพวกเธอที่นี่อีกครั้งอดีตแฟนสาวหรือแฟนหนุ่มของหลินโหรวยังคงเป็นแบบเดิม ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงแต่หลินโหรวนั้นเปลี่ยนไปเยอะเลยทีเดียวไม่มีความหยิ่งยโสและอวดดีเหมือนแต่ก่อน กลับดูอ่อนโยนขึ้นมากดูเหมือนว่า ‘การปรับเปลี่ยน’ ของเขาในตอนนั้นจะได้
เป็นที่รู้กันดีว่าเมื่อเสื้อยืดสีขาวเปียกน้ำแล้วจะดูโปร่งแสงเล็กน้อย ดังนั้นถังเขอเข่อในตอนนี้จึงดูมีเสน่ห์เย้ายวนใจอย่างบอกไม่ถูกถังเขอเข่อกอดอกตัวเองไว้ด้วยความอับอายและหงุดหงิด “อย่ามองสิ หันหลังไปเลยนะ ฉันไม่ได้เอาเสื้อผ้ามาเปลี่ยน ก็เลยต้องใส่ชุดเดิมนี่แหละ”เย่ซิวโบกมือเรียกเธอ “มานี่ เดี๋ยวผมช่วยทำให้เสื้อผ้าคุณแห้งเอง”“ไม่เอา…”เธอกลับถอยหลังไปอีกสองสามก้าว เธอรู้ดีว่าสภาพของตัวเองตอนนี้ จะส่งผลต่อผู้ชายมากแค่ไหนเธอกลัวว่าเย่ซิวจะควบคุมตัวเองไม่ไหว แล้วก็…เย่ซิวชูมือขึ้นแล้วส่งพลังดูดมหาศาลออกมาใส่ถังเขอเข่อ“กรี๊ด!” ถังเขอเข่อร้องเสียงหลง ร่างกายของเธอลอยลิ่วเข้ามาหาเย่ซิวอย่างไม่ตั้งใจ เธอดิ้นไปมาพลางกรีดร้องไม่หยุด “ปล่อยนะ ฉันจะไม่ยอมให้คุณทำตามใจหรอก ฉันยังไม่เคยมีแฟนเลย ไม่ได้นะ…เอ๊ะ ทำไมอุ่นจัง”ในขณะที่กำลังดิ้นพล่าน ถังเขอเข่อก็หยุดทันที ก่อนจะเบิกตากว้างด้วยความสงสัย สถานการณ์ดูไม่เป็นอย่างที่เธอคิดไว้เลยสักนิด เย่ซิวเพียงแค่ปล่อยพลังไฟออกมาเบา ๆ เพื่อช่วยให้เสื้อผ้าของเธอแห้งเท่านั้นเอง“นี่มันอะไรน่ะ?!” ถังเขอเข่อตกใจจนพูดไม่ออก “มายากลเหรอ?”