“ถ้าคุณช่วยฉันในครั้งนี้ ฉันจะจูบคุณ!”ถ้าผู้ชายคนอื่นได้ยินคำพูดของฉีฉูฉู่พวกเขาคงจะตื่นเต้นมากจนไปไม่เป็นเลยแต่เย่ซิวกลับไม่ได้ดูตื่นเต้นเลยสักนิด และเขาก็พูดในลักษณะที่เกินจริง "นี่คุณคิดจะเอาเปรียบผมหลังจากที่ผมช่วยคุณอย่างนั้นเหรอ? ฝันไปเถอะ!"ฉีฉูฉู่โกรธมากจนแทบจะกระอักเลือดทำไมโลกนี้ถึงมีผู้ชายที่น่ารำคาญแบบนี้กันนะ!เย่ซิวผลักเธอออก และฉีฉูฉู่ก็ต้องฉายเดี่ยวสู้กับกลุ่มชายร่างบึกบึนด้วยตัวเองเย่ซิวเทไวน์อีกแก้วแล้วดื่มช้า ๆ ราวกับว่าเขากำลังชมการแสดงดี ๆฉีฉูฉู่ที่เต็มไปด้วยความโกรธอยู่แล้ว และมื่อเห็นว่าเย่ซิวมองเธอราวกับเป็นธาตุอากาศ เธอก็ยิ่งเดือดดาลขึ้นไปอีกการโจมตีของเธอรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ และไม่นาน ทุกคนก็ถูกเธอกวาดเรียบไปกองอยู่บนพื้นหลังจากกลับมาสงบอีกครั้ง เธอก็รู้สึกหงุดหงิดมากและจ้องมองไปที่เย่ซิวอย่างฉุนเฉียวผู้ชายน่ารังเกียจคนนี้ทำให้แผนของเธอพังไม่เป็นท่าเธอมองดูใบหน้าที่เริงร่าของเย่ซิว และยิ่งเธอมองมันมากเท่าไร เธอก็ยิ่งรู้สึกว่าเขาสมควรโดนอัดสักที และในที่สุดความโกรธของเธอก็กลายเป็นความกล้าไหน ๆ ก็มาถึงขั้นนี้แล้ว หว่านล้อมเขาก่อนแล้วค่อยจัดกา
“ออกไปซะ ฝันไปเถอะ!”จู่ ๆ เย่ซิวก็ยกเท้าขวาของเธอขึ้นในฐานะจอมยุทธ์ระดับห้า ความยืดหยุ่นของร่างกายของเธออยู่เหนือมาตรฐานโดยธรรมชาติเย่ซิวถอดรองเท้าของเธอออกแล้วดึงผมของเธอออกมาสองสามเส้น จากนั้นก็ใช้เส้นผมจักจี้ใต้ฝ่าเท้าของเธอร่างบางของฉีฉูฉู่สั่นไหว และร่างกายของเธอก็บิดเบี้ยวอย่างควบคุมไม่ได้ผู้หญิงส่วนใหญ่ไม่ชอบการจักจี้ และฉีฉูฉู่ก็ไม่มีข้อยกเว้นยิ่งกว่านั้นเย่ซิวยังใช้พลังวิญญาณด้วย 'พลังทำลาย' จึงยิ่งมากกว่าเดิมฉีฉูฉู่ทนได้ไม่ถึงหนึ่งนาทีจากนั้นเธอก็ทนไม่ไหวแล้วและพูดว่า "หยุดได้แล้ว ปล่อยฉัน จักจี้จะตายอยู่แล้ว..."ที่ฝ่าเท้านั้นมีเส้นประสาทมากมาย และหลังจากที่เย่ซิวใช้พลังวิญญาณมันก็ยิ่งทำให้เธอจักจี้ยิ่งกว่าเดิมหลายเท่า“นี่มันไม่ใช่หลักการของจอมยุทธ์เลยสักนิด รีบปล่อยฉันเดี๋ยวนี้ แน่จริงก็มาสู้กับฉันตัวต่อตัวสิ ฮิ ๆ ๆ...”เธอหัวเราะหนักมากจนน้ำตาแทบจะไหล พร้อมกับสบถด่าเย่ซิวไม่หยุดเธอไม่เคยพูดคำหยาบคายมาก่อน และคำที่เธอสบถด่าไม่หยุดก็ไม่ได้มีผลกระทบต่อเย่ซิวเลยในทางตรงกันข้าม ตัวเธอต่างหากที่ถูกจักจี้ไม่หยุด และร่างกายของเธอก็แทบจะทรุดลงกับพื้นพร้อมกับหั
หญิงวัยกลางคนคนนี้อาจเป็นคนสมาชิกสุดท้ายของสำนักผาสุกแล้วเนื่องจากรูปลักษณ์ภายนอกของเธอมีข้อจำกัด เธอจึงถูกไม่สามารถใช้เสน่ห์ขัดขวางรัฐบาลได้ด้วยตัวเองเหมือนที่เคยขัดขวางราชสำนักในสมัยโบราณดังนั้นเธอจึงฝากความหวังทั้งหมดไว้กับฉีฉูฉู่ฉีฉูฉู่เปลี่ยนเป็นชุดโยคะที่เน้นรูปร่างของเธอ และนั่งตัวตรง ท่าทีดูตั้งใจฟังหญิงวัยกลางคนเริ่มอธิบายให้เธอฟัง ค่อย ๆ เริ่มจากหลักการพื้นฐานง่าย ๆ ไปสู่หลักการที่ซับซ้อนฉีฉูฉู่ฉลาดมาก เธอจำทุกอย่างได้จากการฟังเพียงครั้งเดียวส่วนเรื่องของเส้นลมปราณในร่างกายและอื่น ๆ ในฐานะที่เป็นจอมยุทธ์ระดับห้า ย่อมมีความชำนาญในเรื่องเหล่านี้มาอย่างยาวนานแล้วหลังจากนั้น หญิงวัยกลางคนได้แนะนำฉีฉูฉู่ให้ฝึกท่าทางต่าง ๆแต่ละท่าก็สอดคล้องกับความเป็นจริง ไม่ใช่แค่ตั้งขึ้นมาอย่างสุ่มสี่สุ่มห้าเย่ซิวแอบเฝ้าดูอย่างเงียบ ๆ ด้วยความสนใจอย่างมาก และเขาก็ได้รับแรงบันดาลใจอย่างมากเช่นกันมีหลายท่าทางที่เขาเองก็นึกไม่ถึง ดังนั้นเขาจึงจดจำเอาไว้แล้วไม่รู้ทำไม แต่จู่ ๆ ใบหน้าสวยของหลัวอีอีก็ปรากฏขึ้นในใจของเขาเย่ซิวส่ายหัวอย่างแรง แอบคิดว่าตัวเองจะทำแบบนี้ไม่ได้เขาหย
สาว ๆ หลายคนไม่อยู่บ้านเพราะออกไปทำงานกันหมดทันใดนั้นโทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้นเป็นสายของอวี่เฟยเฟยเย่ซิวกดรับสาย และเสียงสดใสราวกับระฆังเงินของอวี่เฟยเฟยที่ก็ดังมาจากปลายสาย "คุณเย่ คุณยุ่งอยู่หรือเปล่า?"“ไม่หรอก ทำไมคุณถึงมีเวลาว่างโทรมาหาผมได้ล่ะ?”อวี่เฟยเฟยยิ้มและพูดว่า "เที่ยวบินของฉันรอบนี้มาที่เมืองหลวงแล้วจะอยู่ที่นี่สักหนึ่งสัปดาห์ ฉันก็เลยสงสัยว่าคุณจะว่างหรือเปล่า ฉันอยากเลี้ยงข้าวคุณสักมื้อน่ะค่ะ"น้ำเสียงของเธอเจือความกังวลใจเย่ซิวคิดอยู่พักหนึ่งแต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธ "ได้สิ แล้วตอนนี้คุณอยู่ไหนแล้ว? ผมจะไปหาคุณเอง"“ฉันอยู่ที่ชั้นหนึ่งในซูเปอร์มาร์เก็ตซิงเย่” น้ำเสียงของอวี่เฟยเฟยดูตื่นเต้นมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัดหลังจากวางสายแล้ว เย่ซิวก็ขับรถไปที่นั่นที่ชั้นหนึ่งของซูเปอร์มาร์เก็ตซิงเย่ อวี่เฟยเฟยยืนอยู่นั้นด้วยท่าทีสง่างาม ทั้งรู้สึกตื่นเต้นและกังวลนานแล้วที่เธอไม่ได้เจอเย่ซิว เธอจึงใจร้อนขึ้นมานิดหน่อยข้อบกพร่องประการเดียวก็คือ เมื่อเธอออกไปไหนเธอจะถูกเข้าหาเสมอไม่เปลี่ยนแปลงตั้งแต่เธอยืนอยู่ที่นี่จนถึงตอนนี้ มีผู้ชายหกคนเข้ามาคุยกับเธอเธอไม่มีทางเลือก
อวี่เฟยเฟยพาดเสื้อคลุมของเธอไว้บนเก้าอี้ ก่อนจะแอบเหลือบมองเย่ซิวเมื่อเห็นเขาจ้องมองมา เธอก็รีบก้มหน้าก้มตากินต่อ หัวใจเต้นรัวอย่างประหม่าระหว่างทานอาหารไปได้ครึ่งทาง อวี่เฟยเฟยก็เสนอว่าอยากได้เครื่องดื่มแอลกอฮอล์เย่ซิวไม่ปฏิเสธและขอให้พนักงานเสิร์ฟนำเหล้านารีแดงที่มีปริมาณแอลกอฮอล์ต่ำมาให้เขาสองขวดแอลกอฮอล์ประเภทนี้เหมาะสำหรับผู้หญิง ค่อนข้างอ่อนและไม่เป็นอันตรายต่อร่างกายอวี่เฟยเฟยรินเครื่องดื่มลงในแก้วของเย่ซิวและแก้วของเธอเอง จากนั้นยกแก้วขึ้น "คุณเย่ แก้วนี้สำหรับมิตรภาพของเราค่ะ หมดแก้ว"หลังจากพูดแล้ว เธอก็เงยหน้าขึ้นและดื่มจนหมดเย่ซิวเองก็ดื่มจนหมดในรวดเดียวเช่นกันแอลกอฮอล์ช่วยร่นระยะห่างของผู้คนใกล้ชิดกันมากได้หลังจากดื่มไปสองสามแก้ว อวี่เฟยเฟยซึ่งค่อนข้างจะสงวนท่าทีในตอนแรกก็ผ่อนคลายลง เธอลุกขึ้นจากที่นั่งของเธอและไปนั่งข้างเย่ซิวเธอพูดด้วยสายตาที่เย้ายวน "มา มาดื่มกันต่อเถอะค่ะ"เย่ซิวกล่าวว่า "เวลาผู้หญิงออกมาข้างนอกไม่ควรดื่มมากเกินไปนะครับ มันจะเกิดปัญหาเอาได้ง่าย ๆ”อวี่เฟยเฟยหัวเราะคิกคักยิ้มแย้ม "ฉันแค่ดื่มเหล้าต่อหน้าคุณเท่านั้น กับผู้ชายคนอื่น ฉั
“ฉัน...ชาตินี้ฉันไม่แต่งงานแล้ว ให้ฉันเป็นภรรยาน้อยของคุณได้ไหม?”“คุณว่างเมื่อไหร่ค่อยมาหาฉัน ฉันเองก็ไม่คาดหวังอะไร ขอแค่ใจของคุณเหลือพื้นที่ว่างให้ฉันแม้ว่าจะเล็กแค่เส้นผมแค่นั้นก็พอแล้ว”เธอมองเย่ซิวด้วยดวงตาที่เศร้าหมองเมื่อเทียบกับการไม่มีสถานะและต้องแบ่งปันเขากับผู้หญิงคนอื่น เธอกลัวที่จะสูญเสียเย่ซิวไปโดยสิ้นเชิงมากกว่าเย่ซิวถอนหายใจ "ทำไมต้องทำขนาดนี้..."อวี่เฟยเฟยกัดริมฝีปาก น้ำตาเอ่อคลอขึ้นในดวงตา "ถ้าคุณไม่ตอบตกลง ฉันจะไปบวชเป็นแม่ชี"น้ำเสียงนั้นหนักแน่นมากเย่ซิวไม่ใช่คนจิตใจโลเลเขาพูดทุกอย่างที่สมควรพูดออกไปแล้ว ถ้าเธอยังเต็มใจที่จะกระโดดเข้ามาในหลุมนี้ เช่นนั้นตัวเขาย่อมไม่อาจทิ้งผักกาดขาวดี ๆ หัวนี้ไปโดยเสียเปล่าได้เขาจับมือของเธอ แล้วชี้ไปที่ถนนฝั่งตรงข้าม “ที่นั่นมีโรงแรมอยู่แห่งหนึ่ง คุณพกบัตรประจำตัวประชาชนติดตัวมาไหม”อวี่เฟยเฟยหยุดร้องไห้แล้วเปลี่ยนเป็นยิ้มทันที พร้อมกับพยักหน้าหนักๆ "อื้ม ฉันพกมาด้วย"พอดีเลย วิชาฝึกฝนแบบคู่ที่เขาเพิ่งสร้างขึ้นใหม่กำลังต้องการเป้าหมายเพื่อทดสอบในโรงแรม อวี่เฟยเฟยกำลังดำเนินการไปตามขั้นตอนแปรงฟัน อาบน้ำ พ่นน้ำ
อวี่เฟยเฟยนั่งตัวตรงทันที "คุณคิดจะทำอะไร?"เย่ซิวพูดอย่างชัดเจนมาก "แน่นอนว่าต้องลงทุนน่ะสิ จากนั้นก็ดันคุณขึ้นไปนั่งในระดับบริหาร แบบนี้จะได้ไม่ต้องวิ่งไปทั่วอีกแล้ว"ถ้าเป็นเมื่อก่อนก็ช่างมันเถอะ แต่ตอนนี้ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองได้ก้าวขึ้นไปอีกขั้น เย่ซิวย่อมต้องทำบางอย่างเพื่อเธออวี่เฟยเฟยรู้สึกซาบซึ้งใจอย่างมาก แต่ก็ยังส่ายหัวแล้วพูดไปว่า "ไม่ต้องหรอก แบบนี้สิ้นเปลืองเงินมากเกินไปแล้ว"“ขนาดของบริษัทที่เธออยู่น่าจะไม่ใหญ่มากใช่ไหม ถ้าหาเงินทุนไปให้หนึ่งแสนล้านจะสามารถได้รับหุ้นกี่หุ้น?”อวี่เฟยเฟยอ้าปากกว้างด้วยความตกใจ "หนึ่งแสนล้าน คุณไม่ได้ล้อเล่นใช่ไหม?"แม้ว่าเธอจะรู้ว่าเย่ซิวรวย และก็รู้ด้วยว่าเขาขายครีมผิวหยกแต่ทำเงินได้เท่าไหร่กันแน่นั้นเธอไม่รู้สักนิดเดียวในเรื่องเงิน เย่ซิวไม่ได้ปิดบังอะไรจุดประสงค์ในการทำเงินของเขานั้นมีอยู่เพียงสองอย่างเท่านั้นหนึ่งคือเพื่อปลูกสมุนไพรให้มากขึ้น และนำมาใช้ในการบ่มเพาะเลี้ยงดูจอมยุทธ์ยอดฝีมืออีกอย่างก็คือเตรียมการสำหรับพิชิตทุกประเทศในอนาคต“ปัจจุบัน อาศัยเพียงครีมผิวหยกอย่างเดียว ก็สามารถสร้างรายได้มากกว่าหนึ่งหมื่น
ไม่น่าแปลกใจที่หัวหน้าแผนกหลิวจะคิดเช่นนี้มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดในประเทศของบริษัทสายการบินที่เขาอยู่ในตอนนี้ อยู่ที่แค่ห้าแสนล้านบาทเท่านั้นอวี่เฟยเฟย ผู้หญิงที่เพิ่งมาเป็นแอร์โฮสเตสได้ไม่กี่ปี ถึงกับบอกว่าเธอรู้จักเพื่อนบางคนที่อยากจะลงทุนด้วยเงินหนึ่งแสนล้าน!สิ่งนี้ในสายตาของเขา นี่คือเรื่องเพ้อฝันโดยสิ้นเชิงถ้าเธอรู้จักคนใหญ่คนโตแบบนี้ ยังจำเป็นต้องมาทำงานเป็นแอร์โฮสเตสอยู่อีกเหรอ?ส่วนอวี่เฟยเฟยเมื่อได้ยินเช่นนี้ เธอก็โกรธจัด "คำพูดนี้ของคุณหมายความว่ายังไง!"หัวหน้าแผนกหลิวหัวเราะเหอะ ๆ "ฉันนึกว่าเธอไร้เดียงสามาตลอด คิดไม่ถึงว่าจะเป็นการเสแสร้งทั้งนั้นพวกเรามาเปิดอกแล้วพูดกันตรง ๆ เถอะ มานอนกับฉัน แล้วฉันจะให้เธอครั้งละห้าหมื่นบาท การเลื่อนตำแหน่งในไตรมาสหน้าเองก็จะมีชื่อของเธออยู่ด้วย”อวี่เฟยเฟยโกรธมาก ขณะที่อยากจะพูดอะไรบางอย่างออกไป โทรศัพท์ก็ถูกเย่ซิวแย่งไปแล้วกดวางสายโดยตรงอวี่เฟยเฟยทำหน้าบูดบึ้ง "ไอ้อ้วนนี่น่ารังเกียจจริง ๆ กล้าดียังไงมาดูหมิ่นฉันแบบนี้!"ตอนนี้เอง อีกฝ่ายก็โทรมาอีกครั้ง และเย่ซิวก็กดตัดสายอีกครั้งจากนั้นอีกฝ่ายก็ส่งข้อความมา‘เธอกล้
จมูกของเซี่ยซิ่วซิ่วรู้สึกแสบร้อน ไม่เจอกันนาน ความเป็นเด็กและความเกลียดชังในตัวของน้องสาวเหมือนจะหายไปแล้ว เธอดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้นแล้วเซี่ยซิ่วซิ่ววิ่งเหยาะ ๆ ขึ้นไปหาเธอ น้ำเสียงสั่นเครือ "ชิงชิง!"เซี่ยชิงชิงเห็นเซี่ยซิ่วซิ่วตั้งนานแล้ว ดวงตาของเธอแดงก่ำเล็กน้อย ภายในหัวผุดภาพความทรงจำระหว่างพวกเธอพี่น้องสมัยยังเด็กขึ้นมา“พี่คะ ฉันคิดถึงพี่มาก”เธอโผเข้ามากอดเซี่ยซิ่วซิ่วเซี่ยซิ่วซิ่วเองก็มีน้ำตาคลอเบ้า "พี่ก็เหมือนกัน กลับมาก็ดีแล้ว ต่อไปเราจะไม่แยกจากกันอีกแล้ว"เซี่ยชิงชิงตกใจในทันที "พี่ ความแข็งแกร่งของพี่!!!"ด้วยการกอดนี้ เธอก็สัมผัสถึงกำลังภายในในตัวของเซี่ยซิ่วซิ่วที่ทรงพลังนั้นได้ จึงรู้สึกครั่นคร้ามเป็นอย่างมากเมื่อเซี่ยซิ่วซิ่วได้ยินแบบนี้ก็พูดขึ้นอย่างภาคภูมิใจ "เป็นเพราะพี่เขยของเธอ เขาฝีมือร้ายกาจมาก สามารถหลอมโอสถหลายชนิดเพื่อให้พี่เพิ่มความแข็งแกร่งของตัวเอง แล้วยัง..."คำพูดนั้นหยุดไปชั่วขณะ ใบหน้างามขึ้นสีแดงเล็กน้อยยังมีวิธีการบำเพ็ญตนอีกวิธีหนึ่ง แต่ก็ไม่สามารถพูดออกไปได้ร่องรอยของความคับแค้นฉายลึกอยู่ในดวงตาของเซี่ยชิงชิง แต่เพียงพริบตาเดียวมันก็ถ
“เดี๋ยวก่อน ฉันตกลง!”ในที่สุด เมื่อหลี่ต้าจ้วงเห็นเย่ซิวเตรียมจะจากไป เขาก็แสดงการเลือกของตัวเองเย่ซิวหยุดฝีเท้า หมุนตัวกลับมา สีหน้าไม่ได้แสดงถึงความประหลาดใจมากนักแต่ชูตงกลับหันหน้าไปพรวด มองไปที่หลี่ต้าจวงด้วยความไม่เชื่อ "คุณกำลังพูดอะไรน่ะ?"หลี่ต้าจวงวิ่งไปคว้ากระเป๋าเดินทางจากมือของเย่ซิว ยืนอยู่ที่ประตู และหัวเราะอย่างดุร้าย“ฉันน่ะเบื่อเธอจะตายอยู่แล้ว เห็นได้ชัดว่าหุ่นเซ็กซี่ขนาดนี้ ยังแสร้งทำเป็นไร้เดียงสา!อยู่กับเธอมาตั้งนาน แม้แต่มือก็ยังไม่ยอมให้จับในเมื่อเป็นแบบนี้ ไม่สู้ฉันเอาเงินแล้วไปสนุกข้างนอกดีกว่า พวกเราบอกลากันตรงนี้เถอะ!”พูดจบ เขาก็หยิบกระเป๋าเดินทางแล้วจากไปชูตงราวกับถูกสายฟ้าฟาด คนทั้งคนตัวแข็งทื่ออยู่กับที่เธอไม่เคยคิดเลยว่าผู้ชายที่ตัวเองคิดจะฝากทั้งชีวิตไว้กับเขา จะพูดคำพูดแบบนี้ออกมาเพื่อเงินแค่ไม่กี่สิบล้าน ถึงกับกระทำเรื่องที่น่ารังเกียจเช่นนี้ออกมาน้ำตาไหลลงมาอย่างต่อเนื่องเย่ซิวมองไปที่เธอ "พรุ่งนี้ไปทำงานต่อนะ อย่ามาสายล่ะถ้าคุณกล้าลาออกจากบริษัทโดยพลการ บริษัทจะให้คุณจ่ายค่าผิดสัญญาเป็นจำนวนเงินหลายสิบล้านทีเดียว”แม้ว่าตอน
เมื่อเห็นเช่นนี้ เย่ซิวก็ขึ้นราคาต่อไป "ยี่สิบห้าล้าน"แถมยัง วางกระเป๋าเดินทางขนาดใหญ่ที่เขานำมาไว้บนพื้นแล้วเปิดออกมันเต็มไปด้วยธนบัตรหลงเถิงที่มีมูลค่าฉบับละหนึ่งพันบาท!"ซู้ด!!!"หลี่ต้าจ้วงสูดลมเย็นเข้าปอด จ้องมองไปที่เหรียญหลงเถิงที่ดูเหมือนจะเรืองแสงได้ในชีวิตนี้เขายังไม่เคยเห็นเงินมากมายขนาดนี้มาก่อนเลยเมื่อเทียบกับตัวเลขที่ไร้ชีวิต การที่มีเงินสดกว่ายี่สิบห้าล้านมาวางกองตรงหน้า ย่อมส่งผลกระทบมากกว่าอย่างไม่ต้องสงสัยเมื่อเย่ซิวเห็นสีหน้าของเขา ก็รู้ว่าเขาหวั่นไหวแล้ว จึงพูดอย่างล่อลวงไปว่า “คุณคงไม่เคยเห็นเงินมากขนาดนี้มาก่อนใช่ไหม?คุณมีรายได้ต่อเดือนเท่าไหร่ล่ะ? กะประมาณหนึ่งแสนบาทก็แล้วกันถ้าคุณไม่กินหรือดื่มเลย หนึ่งปีก็จะเก็บเงินได้หนึ่งล้านสองแสนบาท และต้องใช้เวลามากกว่ายี่สิบปีถึงจะสามารถเก็บเงินได้ยี่สิบห้าล้านในความเป็นจริงทุกคนรู้ดีว่านี่เป็นไปไม่ได้ ด้วยอัตราค่าใช้จ่ายของเมืองหลวง หนึ่งปีเก็บเงินได้สักห้าแสนบาทก็นับว่าไม่ธรรมดาแล้วหรือก็คือ คุณต้องใช้เวลาถึงสี่สิบปีจึงจะมีเงินยี่สิบห้าล้านตอนนี้ตราบเท่าที่คุณพยักหน้า เงินนี้ก็จะเป็นของคุณด้วยเงิ
ชายคนนั้นเปิดประตู ก็เห็นว่ามีชายหนุ่มที่สมบูรณ์แบบมากคนหนึ่งยืนอยู่ตรงนั้นเมื่อเห็นเย่ซิว ความริษยาก็วาบผ่านดวงตาของผู้ชายคนนั้น การมีอยู่ที่สมบูรณ์แบบเช่นนี้ ไม่ว่าผู้ชายคนไหนยืนอยู่ต่อหน้าเขาย่อมรู้สึกว่าตัวเองด้อยกว่า ตัวเขาเองก็ไม่มีข้อยกเว้น“คุณเป็นใคร!”ด้วยเหตุนี้ น้ำเสียงของชายคนนั้นจึงไร้ความเป็นมิตรอย่างมาก แถมด้วยความตื่นตระหนกเล็กน้อย เขามองไปทางห้องครัวโดยไม่รู้ตัวกลัวว่าจู่ ๆ ชูตงจะวิ่งออกมา แล้วตกหลุมรักเย่ซิวทันทีหลังจากที่ได้พบเขานี่คือผู้ชายที่เห็นแก่ตัว เสแสร้ง และขาดความมั่นใจในตนเองอย่างมากเย่ซิวยิ้มและพูดว่า "ชูตงอยู่ที่นี่ใช่ไหม ผมเป็นประธานของบริษัทของเธอ คุณคงเป็นแฟนเธอสินะ"“หืม?!”ชายคนนั้นเริ่มตื่นตัวทันที "คุณมีธุระอะไรหรือเปล่า?"“ไม่เชิญผมเข้าไปนั่งหน่อยเหรอ?” เย่ซิวพูดด้วยสีหน้าที่ยากจะอธิบายได้ “ผมมาที่นี่ในวันนี้ ก็เพื่อมอบความมั่งคั่งให้กับคุณ”"ใครคะ?"ตอนนี้เอง ชูตงที่สวมผ้ากันเปื้อนก็เดินออกมาจากห้องครัวพร้อมกับทัพพีในมือขวาเมื่อเขาเห็นเย่ซิว ม่านตาของเธอก็หดตัวลงเล็กน้อย "ประธาน ทำไมคุณถึงมาอยู่ที่นี่คะ?"ไม่กี่นาทีต่อมา เย่ซ
นี่คือคำสัญญาที่เย่ซิวให้ไว้ต่อเธอลู่เสวี่ยเอ๋อร์หลับตาของเธอลงอย่างมีความสุขวันนี้ไม่มีเรื่องอะไรมากนัก ลู่เสวี่ยเอ๋อร์เลยบำเพ็ญตนกับเย่ซิวตลอดลากยาวไปจนถึงห้าโมงเย็นถึงได้หยุดห้าโมงเย็น ก็เลิกงานแล้วเย่ซิวขอให้ลู่เสวี่ยเอ๋อร์กลับไปก่อน เนื่องจากเขามีเรื่องสำคัญที่ต้องทำเมื่อมาถึงลานจอดรถ หลางต้าก็รออยู่ข้าง ๆ รถของเย่ซิวแล้วมีกระเป๋าเดินทางขนาดใหญ่วางอยู่ที่เท้าของเขา“นายน้อย!” หลางต้าโค้งตัวลงแล้วพูด “ทุกสิ่งที่คุณต้องการเตรียมพร้อมหมดแล้วครับ”เย่ซิวพยักหน้า "ได้ นายกลับไปเถอะ"เขาใส่กระเป๋าเดินทางไว้ท้ายรถ จากนั้นขับรถออกไปจุดหมายคือบ้านเช่านอกชานเมืองที่ชูตงอาศัยอยู่เวลาที่ใช้ในการเดินทางไปและกลับจากที่ทำงานถึงที่นี่ ทุกวันคือราวสามสิบหรือสี่สิบชั่วโมงเย่ซิวดูเงินเดือนของชูตงซึ่งมากกว่าหนึ่งแสนห้าหมื่นบาทหลังจากหักภาษีในทุกเดือนแล้วราคาบ้านใกล้บริษัทอยู่ที่ประมาณสองหมื่นห้าพันบาท ซึ่งอิงตามหลักการแล้วเธอน่าจะแบกรับไหวถึงจะถูกเมื่อเขามาถึงบ้านเช่าของชูตง เขาก็จอดรถ ยกกระเป๋าเดินทางออกมา แล้วเดินไปที่เขตชุมชนด้านหน้าเขตชุมชนแห่งหนึ่ง ในห้องสามศูนย์แปด
"ตอนนี้คุณมีแฟนหรือยัง?"เมื่อได้ยินแบบนี้ ชูตงก็รู้สึกรังเกียจเธอแอบคิดว่าเย่ซิวประธานใหญ่คนนี้ ดูเหมือนจะซื่อตรงและมีเกียรติ แต่กลับกลายเป็นว่าเขาก็เหมือนกับผู้ชายคนอื่น ๆหลายคนเคยถามคำถามนี้กับเธอเธอรู้ตัวดีว่าเธอมีเสน่ห์ดึงดูดผู้ชายมากจริง ๆแม้ในใจจะดูแคลน แต่สีหน้ากลับไม่แสดงออกเลยแม้แต่น้อย “เรียนท่านประธานคะ มีแล้วค่ะ เป็นคนที่บ้านแนะนำมา ในอีกไม่กี่เดือนก็จะกลับไปหมั้นกันแล้ว”เย่ซิวขานรับอืมหนึ่งที "อืม ออกไปทำงานเถอะ"ชูตงตกตะลึงไปครู่หนึ่งเธอนึกว่าเย่ซิวจะขอให้เธอเป็นคนรักลับ ๆ ของเขาแต่เป็นแบบนี้ก็ดี ตัวเองเพิ่งเข้ามาทำงานได้ไม่นาน ยังไม่อยากลาออก อยู่ที่นี่เธอทำงานอย่างมีความสุขมากเซี่ยซิ่วซิ่วและลู่เสวี่ยเอ๋อร์บริหารงานเข้มงวด จึงไม่มีความน่ารังเกียจทุกประเภทที่พบในที่ทำงานภายนอกปรากฏขึ้นที่นี่หลังจากที่เธอออกไป เย่ซิวก็นั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ของเซี่ยซิ่วซิ่ว เปิดรายชื่อพนักงาน และพบข้อมูลของชูตงเธอมาจากชนบทและเพิ่งจะเรียนจบ แต่กลับเปลี่ยนงานมามากกว่าสิบตำแหน่งแล้วในเรซูเม่ระบุว่างานเหล่านั้นทำเพียงช่วงระยะเวลาสั้น ๆ เท่านั้น ประธานหรือหัวหน้างาน
ผู้คนจากทั่วทุกมุมโลกต่างด่าบริษัทเครื่องสำอางเหล่านั้นอย่างสาดเสียเทเสียว่าใช้ไม้อ่อนไม่ได้ก็เลยใช้ไม้แข็ง ไร้ศีลธรรมมากเกินไปแล้วเมื่อสักครู่นี้เพิ่งมีข่าวส่งมา ว่ามีผู้คนหลายหมื่นคนของประเทศอวี้ไปซื้อผลิตภัณฑ์ของเรา"เย่ซิวเตือนไปหนึ่งประโยค "ผลกำไรของเราไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ ต้นทุนที่เพิ่มมาก็ปล่อยให้พวกเขาไปแบกรับแทนอย่างไรเสียพวกเราคือ 'เหยื่อ' และหากมีคำด่าทออะไรก็ให้บริษัทของแต่ละประเทศไปแบกรับกันเอาเอง"เซี่ยซิ่วซิ่วยิ้มอย่างมีความสุขมาก "อืม ฉันรู้แล้วเว้นเสียแต่ประเทศต่าง ๆ จะห้ามไม่ให้ผู้คนเดินทางไปยังประเทศอวี้ ธุรกิจของเราก็จะไม่ได้รับผลกระทบมากนัก"แต่มันไม่สมจริงเลยที่จะห้ามไม่ให้ผู้คนไปที่ประเทศอวี้ประเทศอวี้เป็นประเทศที่เป็นกลางอย่างยิ่ง ได้รับการคุ้มครองจากหลายร้อยประเทศ แถมยังเป็นเขตปลอดภาษีอีกด้วยใครก็ตามที่แบนมัน จะต้องเผชิญการประท้วงอย่างรุนแรงแน่นอน“จริงสิ ชิงชิงจะมาถึงบ่ายวันนี้ ฉันจะไปรับเธอ นายจะไปไหม?”เกี่ยวกับเซี่ยชิงชิง เซี่ยซิ่วซิ่วบอกเขาเมื่อวานนี้ตอนนี้ตัวหมากนี้มีผลต่อเย่ซิวไม่มากแล้วบวกกับหลังจากที่เซี่ยซิ่วซิ่วติดตามเขาเธอก็ทำง
“นาย...นายท่าน...”ภายใต้การล่อลวงอย่างต่อเนื่องของเย่ซิว น่าหลันเยียนหรานมีเพียง 'ยอมแพ้' ในที่สุดนอกจากความเขินอายที่มีอยู่ น่าหลันเยียนหรานยังรู้สึกถึงความรู้สึกที่พิเศษมาก ซึ่งมาจากก้นบึ้งของหัวใจ นั่นคือความรู้สึกถูกครอบงำที่แสนประหลาด!หลังจากบำเพ็ญตนจนถึงเที่ยงคืน น่าหลันเยียนหรานก็หลับสนิทไประหว่างที่หลับ ร่างกายของเธอก็แข็งแกร่งขึ้นอย่างรวดเร็วมากถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป ผู้หญิงทุกคนที่อยู่รอบตัวเขาก็จะขึ้นเป็นปรมาจารย์ทั้งหมดแม้ว่าในอนาคตเขาจะไม่ออกหน้า แต่ผู้หญิงข้างกายเขาเหล่านี้ก็สามารถครองยุทธภพเย่ซิวไม่ได้พักผ่อน แต่นั่งขัดสมาธิอยู่ข้าง ๆ น่าหลันเยียนหราน หยิบสุราวิญญาณออกมาดื่มอึกใหญ่ แล้วใช้วิชายุทธเริ่มปรับแต่งมันอย่างเงียบ ๆตอนนี้เป้าหมายของเขาคือการเข้าสู่ขั้นอมตะให้เร็วที่สุด แบบนี้ถึงจะสามารถรู้ความหมายของคำพูดที่หยางชิงเสวี่ยพูดไว้ว่าถ้าเขาได้เธอ ก็จะได้ครอบครองพลังที่ทรงพลังมากเช้าวันรุ่งขึ้น เมื่อน่าหลันเยียนหรานตื่นขึ้นมา เธอก็รู้สึกว่ามีพลังไหลไปทั่วทั้งร่างกาย หูและสายตาของเธอเฉียบคมขึ้น สภาพดีชนิดที่ว่าเมื่อก่อนเทียบไม่ติด“อรุณสวัสดิ์ค่ะคุณเย่”
น่าหลันเยียนหรานหัวเราะคิกคัก "ไม่เป็นไรค่ะ ฉันดื่มเก่งมาก มา ดื่มกันต่อ..."โดยปกติแล้วคนที่ชอบพูดว่าตัวเองดื่มเก่ง ในความเป็นจริงล้วนไม่ค่อยจะเท่าไหร่ยกตัวอย่างเช่นน่าหลันเยียนหราน อวดว่าตัวเองเก่งอย่างนั้นอย่างนี้ ดื่มไปสามแก้วติดกัน ก็นอนฟุบหมดสติไปกับโต๊ะแล้วเย่ซิวส่ายหัวอย่างหมดคำพูด เดินขึ้นไปแล้วอุ้มเธอกลับไปที่ห้องน่าหลันเยียนหรานดูตัวสูงเพรียว แต่จริง ๆ แล้วไม่ได้ตัวหนัก น่าจะสักประมาณสี่สิบห้ากิโลกรัม สำหรับเย่ซิวแล้วจึงไม่ต่างอะไรกับการอุ้มก้อนสำลีมากนักเดินเข้าไปในห้องส่วนตัวของน่าหลันเยียนหราน กลิ่นหอมจาง ๆ ของดอกมะลิก็ลอยมาปะทะจมูก ทำให้ผู้คนรู้สึกผ่อนคลายและเบิกบานเมื่อได้กลิ่นห้องพักสะอาดมาก ไม่มีอะไรที่ทำให้คนเห็นแล้วต้องหน้าแดงเขาวางเธอลงเบา ๆ ไม่ทันรอให้เย่ซิวดึงมือกลับไป เธอก็ลืมตาที่แดงก่ำขึ้นแล้วพูดอย่างคลุมเครือฟังไม่ค่อยชัดแต่เย่ซิวได้ยินมันอย่างชัดเจนมาก เขาถามด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ "คุณแน่ใจเหรอ? ผมไม่สามารถให้สถานะแก่คุณได้"น่าหลันเยียนหรานค่อย ๆ หลับตาลง ท่าทางเหมือนยอมให้ท่านกระทำได้ทุกอย่างนี่เป็นการตัดสินใจเลือกของเธอเอง เย่ซิวไม่ได้บังค