เขาไม่ได้จะลงมือทันที แต่เตรียมที่จะสังเกตก่อนผู้คนเริ่มเข้ามากันเรื่อย ๆฉีฉูฉู่แทบจะดึงดูดทุกคนที่เข้ามาในทันทีช่วยไม่ได้ ก็เธอสวยเกินไปน่ะสิ บุคลิกของเธอโดดเด่นมาก ท่าทางสง่าราวกับราชินีสิ่งนี้จะทำให้ผู้ชายบางคนที่คิดว่าตัวเองมีความสามารถเกิดความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะพิชิตเธอชายวัยกลางคนในชุดสูทเรียบร้อยไร้ที่ติ เขาเดินเข้าไปพร้อมกับแก้วไวน์ในมือด้วยรูปลักษณ์และรูปร่างที่สมบูรณ์แบบนี่คือผู้ชายที่มีเสน่ห์มากและมีแรงดึงดูดร้ายแรงสำหรับสาวน้อยที่เพิ่งได้สัมผัสความรู้สึกรักครั้งแรก“คนสวย ผมขอดื่มด้วยคนได้ไหม?”ฉีฉูฉู่ไม่ได้มองเขาด้วยซ้ำ เธอแค่พูดว่า “ออกไป”มองแวบแรก ชายคนนี้ดูเหมือนจะเป็นพวกช่ำชองเรื่องโรแมนติก เขาจึงไม่กังวลอะไร และตั้งใจที่จะเปลี่ยนวิธีการเข้าหาใหม่แต่ฉีฉูฉู่ไม่ให้โอกาสเขาเลย เธอยืนขึ้นและเตะเขาจนกระเด็นออกไปตลอดทางนั้นทั้งโต๊ะและเครื่องดื่มถูกกระแทกกระจัดกระจายเป็นชิ้น ๆไม่ว่าจะตั้งใจหรือไม่ก็ตาม แต่เธอก็เตะชายคนนั้นต่อหน้าเย่ซิวไปแล้วเย่ซิวกำลังดื่มคนเดียว เขาเอนกายพิงโซฟาพร้อมหลับตาลงครึ่งหนึ่ง ดูไม่แยแสต่อโลก สิ่งนี้ทำให้ฉีฉูฉู่กัดฟันด้วย
“ถ้าคุณช่วยฉันในครั้งนี้ ฉันจะจูบคุณ!”ถ้าผู้ชายคนอื่นได้ยินคำพูดของฉีฉูฉู่พวกเขาคงจะตื่นเต้นมากจนไปไม่เป็นเลยแต่เย่ซิวกลับไม่ได้ดูตื่นเต้นเลยสักนิด และเขาก็พูดในลักษณะที่เกินจริง "นี่คุณคิดจะเอาเปรียบผมหลังจากที่ผมช่วยคุณอย่างนั้นเหรอ? ฝันไปเถอะ!"ฉีฉูฉู่โกรธมากจนแทบจะกระอักเลือดทำไมโลกนี้ถึงมีผู้ชายที่น่ารำคาญแบบนี้กันนะ!เย่ซิวผลักเธอออก และฉีฉูฉู่ก็ต้องฉายเดี่ยวสู้กับกลุ่มชายร่างบึกบึนด้วยตัวเองเย่ซิวเทไวน์อีกแก้วแล้วดื่มช้า ๆ ราวกับว่าเขากำลังชมการแสดงดี ๆฉีฉูฉู่ที่เต็มไปด้วยความโกรธอยู่แล้ว และมื่อเห็นว่าเย่ซิวมองเธอราวกับเป็นธาตุอากาศ เธอก็ยิ่งเดือดดาลขึ้นไปอีกการโจมตีของเธอรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ และไม่นาน ทุกคนก็ถูกเธอกวาดเรียบไปกองอยู่บนพื้นหลังจากกลับมาสงบอีกครั้ง เธอก็รู้สึกหงุดหงิดมากและจ้องมองไปที่เย่ซิวอย่างฉุนเฉียวผู้ชายน่ารังเกียจคนนี้ทำให้แผนของเธอพังไม่เป็นท่าเธอมองดูใบหน้าที่เริงร่าของเย่ซิว และยิ่งเธอมองมันมากเท่าไร เธอก็ยิ่งรู้สึกว่าเขาสมควรโดนอัดสักที และในที่สุดความโกรธของเธอก็กลายเป็นความกล้าไหน ๆ ก็มาถึงขั้นนี้แล้ว หว่านล้อมเขาก่อนแล้วค่อยจัดกา
“ออกไปซะ ฝันไปเถอะ!”จู่ ๆ เย่ซิวก็ยกเท้าขวาของเธอขึ้นในฐานะจอมยุทธ์ระดับห้า ความยืดหยุ่นของร่างกายของเธออยู่เหนือมาตรฐานโดยธรรมชาติเย่ซิวถอดรองเท้าของเธอออกแล้วดึงผมของเธอออกมาสองสามเส้น จากนั้นก็ใช้เส้นผมจักจี้ใต้ฝ่าเท้าของเธอร่างบางของฉีฉูฉู่สั่นไหว และร่างกายของเธอก็บิดเบี้ยวอย่างควบคุมไม่ได้ผู้หญิงส่วนใหญ่ไม่ชอบการจักจี้ และฉีฉูฉู่ก็ไม่มีข้อยกเว้นยิ่งกว่านั้นเย่ซิวยังใช้พลังวิญญาณด้วย 'พลังทำลาย' จึงยิ่งมากกว่าเดิมฉีฉูฉู่ทนได้ไม่ถึงหนึ่งนาทีจากนั้นเธอก็ทนไม่ไหวแล้วและพูดว่า "หยุดได้แล้ว ปล่อยฉัน จักจี้จะตายอยู่แล้ว..."ที่ฝ่าเท้านั้นมีเส้นประสาทมากมาย และหลังจากที่เย่ซิวใช้พลังวิญญาณมันก็ยิ่งทำให้เธอจักจี้ยิ่งกว่าเดิมหลายเท่า“นี่มันไม่ใช่หลักการของจอมยุทธ์เลยสักนิด รีบปล่อยฉันเดี๋ยวนี้ แน่จริงก็มาสู้กับฉันตัวต่อตัวสิ ฮิ ๆ ๆ...”เธอหัวเราะหนักมากจนน้ำตาแทบจะไหล พร้อมกับสบถด่าเย่ซิวไม่หยุดเธอไม่เคยพูดคำหยาบคายมาก่อน และคำที่เธอสบถด่าไม่หยุดก็ไม่ได้มีผลกระทบต่อเย่ซิวเลยในทางตรงกันข้าม ตัวเธอต่างหากที่ถูกจักจี้ไม่หยุด และร่างกายของเธอก็แทบจะทรุดลงกับพื้นพร้อมกับหั
หญิงวัยกลางคนคนนี้อาจเป็นคนสมาชิกสุดท้ายของสำนักผาสุกแล้วเนื่องจากรูปลักษณ์ภายนอกของเธอมีข้อจำกัด เธอจึงถูกไม่สามารถใช้เสน่ห์ขัดขวางรัฐบาลได้ด้วยตัวเองเหมือนที่เคยขัดขวางราชสำนักในสมัยโบราณดังนั้นเธอจึงฝากความหวังทั้งหมดไว้กับฉีฉูฉู่ฉีฉูฉู่เปลี่ยนเป็นชุดโยคะที่เน้นรูปร่างของเธอ และนั่งตัวตรง ท่าทีดูตั้งใจฟังหญิงวัยกลางคนเริ่มอธิบายให้เธอฟัง ค่อย ๆ เริ่มจากหลักการพื้นฐานง่าย ๆ ไปสู่หลักการที่ซับซ้อนฉีฉูฉู่ฉลาดมาก เธอจำทุกอย่างได้จากการฟังเพียงครั้งเดียวส่วนเรื่องของเส้นลมปราณในร่างกายและอื่น ๆ ในฐานะที่เป็นจอมยุทธ์ระดับห้า ย่อมมีความชำนาญในเรื่องเหล่านี้มาอย่างยาวนานแล้วหลังจากนั้น หญิงวัยกลางคนได้แนะนำฉีฉูฉู่ให้ฝึกท่าทางต่าง ๆแต่ละท่าก็สอดคล้องกับความเป็นจริง ไม่ใช่แค่ตั้งขึ้นมาอย่างสุ่มสี่สุ่มห้าเย่ซิวแอบเฝ้าดูอย่างเงียบ ๆ ด้วยความสนใจอย่างมาก และเขาก็ได้รับแรงบันดาลใจอย่างมากเช่นกันมีหลายท่าทางที่เขาเองก็นึกไม่ถึง ดังนั้นเขาจึงจดจำเอาไว้แล้วไม่รู้ทำไม แต่จู่ ๆ ใบหน้าสวยของหลัวอีอีก็ปรากฏขึ้นในใจของเขาเย่ซิวส่ายหัวอย่างแรง แอบคิดว่าตัวเองจะทำแบบนี้ไม่ได้เขาหย
สาว ๆ หลายคนไม่อยู่บ้านเพราะออกไปทำงานกันหมดทันใดนั้นโทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้นเป็นสายของอวี่เฟยเฟยเย่ซิวกดรับสาย และเสียงสดใสราวกับระฆังเงินของอวี่เฟยเฟยที่ก็ดังมาจากปลายสาย "คุณเย่ คุณยุ่งอยู่หรือเปล่า?"“ไม่หรอก ทำไมคุณถึงมีเวลาว่างโทรมาหาผมได้ล่ะ?”อวี่เฟยเฟยยิ้มและพูดว่า "เที่ยวบินของฉันรอบนี้มาที่เมืองหลวงแล้วจะอยู่ที่นี่สักหนึ่งสัปดาห์ ฉันก็เลยสงสัยว่าคุณจะว่างหรือเปล่า ฉันอยากเลี้ยงข้าวคุณสักมื้อน่ะค่ะ"น้ำเสียงของเธอเจือความกังวลใจเย่ซิวคิดอยู่พักหนึ่งแต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธ "ได้สิ แล้วตอนนี้คุณอยู่ไหนแล้ว? ผมจะไปหาคุณเอง"“ฉันอยู่ที่ชั้นหนึ่งในซูเปอร์มาร์เก็ตซิงเย่” น้ำเสียงของอวี่เฟยเฟยดูตื่นเต้นมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัดหลังจากวางสายแล้ว เย่ซิวก็ขับรถไปที่นั่นที่ชั้นหนึ่งของซูเปอร์มาร์เก็ตซิงเย่ อวี่เฟยเฟยยืนอยู่นั้นด้วยท่าทีสง่างาม ทั้งรู้สึกตื่นเต้นและกังวลนานแล้วที่เธอไม่ได้เจอเย่ซิว เธอจึงใจร้อนขึ้นมานิดหน่อยข้อบกพร่องประการเดียวก็คือ เมื่อเธอออกไปไหนเธอจะถูกเข้าหาเสมอไม่เปลี่ยนแปลงตั้งแต่เธอยืนอยู่ที่นี่จนถึงตอนนี้ มีผู้ชายหกคนเข้ามาคุยกับเธอเธอไม่มีทางเลือก
อวี่เฟยเฟยพาดเสื้อคลุมของเธอไว้บนเก้าอี้ ก่อนจะแอบเหลือบมองเย่ซิวเมื่อเห็นเขาจ้องมองมา เธอก็รีบก้มหน้าก้มตากินต่อ หัวใจเต้นรัวอย่างประหม่าระหว่างทานอาหารไปได้ครึ่งทาง อวี่เฟยเฟยก็เสนอว่าอยากได้เครื่องดื่มแอลกอฮอล์เย่ซิวไม่ปฏิเสธและขอให้พนักงานเสิร์ฟนำเหล้านารีแดงที่มีปริมาณแอลกอฮอล์ต่ำมาให้เขาสองขวดแอลกอฮอล์ประเภทนี้เหมาะสำหรับผู้หญิง ค่อนข้างอ่อนและไม่เป็นอันตรายต่อร่างกายอวี่เฟยเฟยรินเครื่องดื่มลงในแก้วของเย่ซิวและแก้วของเธอเอง จากนั้นยกแก้วขึ้น "คุณเย่ แก้วนี้สำหรับมิตรภาพของเราค่ะ หมดแก้ว"หลังจากพูดแล้ว เธอก็เงยหน้าขึ้นและดื่มจนหมดเย่ซิวเองก็ดื่มจนหมดในรวดเดียวเช่นกันแอลกอฮอล์ช่วยร่นระยะห่างของผู้คนใกล้ชิดกันมากได้หลังจากดื่มไปสองสามแก้ว อวี่เฟยเฟยซึ่งค่อนข้างจะสงวนท่าทีในตอนแรกก็ผ่อนคลายลง เธอลุกขึ้นจากที่นั่งของเธอและไปนั่งข้างเย่ซิวเธอพูดด้วยสายตาที่เย้ายวน "มา มาดื่มกันต่อเถอะค่ะ"เย่ซิวกล่าวว่า "เวลาผู้หญิงออกมาข้างนอกไม่ควรดื่มมากเกินไปนะครับ มันจะเกิดปัญหาเอาได้ง่าย ๆ”อวี่เฟยเฟยหัวเราะคิกคักยิ้มแย้ม "ฉันแค่ดื่มเหล้าต่อหน้าคุณเท่านั้น กับผู้ชายคนอื่น ฉั
“ฉัน...ชาตินี้ฉันไม่แต่งงานแล้ว ให้ฉันเป็นภรรยาน้อยของคุณได้ไหม?”“คุณว่างเมื่อไหร่ค่อยมาหาฉัน ฉันเองก็ไม่คาดหวังอะไร ขอแค่ใจของคุณเหลือพื้นที่ว่างให้ฉันแม้ว่าจะเล็กแค่เส้นผมแค่นั้นก็พอแล้ว”เธอมองเย่ซิวด้วยดวงตาที่เศร้าหมองเมื่อเทียบกับการไม่มีสถานะและต้องแบ่งปันเขากับผู้หญิงคนอื่น เธอกลัวที่จะสูญเสียเย่ซิวไปโดยสิ้นเชิงมากกว่าเย่ซิวถอนหายใจ "ทำไมต้องทำขนาดนี้..."อวี่เฟยเฟยกัดริมฝีปาก น้ำตาเอ่อคลอขึ้นในดวงตา "ถ้าคุณไม่ตอบตกลง ฉันจะไปบวชเป็นแม่ชี"น้ำเสียงนั้นหนักแน่นมากเย่ซิวไม่ใช่คนจิตใจโลเลเขาพูดทุกอย่างที่สมควรพูดออกไปแล้ว ถ้าเธอยังเต็มใจที่จะกระโดดเข้ามาในหลุมนี้ เช่นนั้นตัวเขาย่อมไม่อาจทิ้งผักกาดขาวดี ๆ หัวนี้ไปโดยเสียเปล่าได้เขาจับมือของเธอ แล้วชี้ไปที่ถนนฝั่งตรงข้าม “ที่นั่นมีโรงแรมอยู่แห่งหนึ่ง คุณพกบัตรประจำตัวประชาชนติดตัวมาไหม”อวี่เฟยเฟยหยุดร้องไห้แล้วเปลี่ยนเป็นยิ้มทันที พร้อมกับพยักหน้าหนักๆ "อื้ม ฉันพกมาด้วย"พอดีเลย วิชาฝึกฝนแบบคู่ที่เขาเพิ่งสร้างขึ้นใหม่กำลังต้องการเป้าหมายเพื่อทดสอบในโรงแรม อวี่เฟยเฟยกำลังดำเนินการไปตามขั้นตอนแปรงฟัน อาบน้ำ พ่นน้ำ
อวี่เฟยเฟยนั่งตัวตรงทันที "คุณคิดจะทำอะไร?"เย่ซิวพูดอย่างชัดเจนมาก "แน่นอนว่าต้องลงทุนน่ะสิ จากนั้นก็ดันคุณขึ้นไปนั่งในระดับบริหาร แบบนี้จะได้ไม่ต้องวิ่งไปทั่วอีกแล้ว"ถ้าเป็นเมื่อก่อนก็ช่างมันเถอะ แต่ตอนนี้ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองได้ก้าวขึ้นไปอีกขั้น เย่ซิวย่อมต้องทำบางอย่างเพื่อเธออวี่เฟยเฟยรู้สึกซาบซึ้งใจอย่างมาก แต่ก็ยังส่ายหัวแล้วพูดไปว่า "ไม่ต้องหรอก แบบนี้สิ้นเปลืองเงินมากเกินไปแล้ว"“ขนาดของบริษัทที่เธออยู่น่าจะไม่ใหญ่มากใช่ไหม ถ้าหาเงินทุนไปให้หนึ่งแสนล้านจะสามารถได้รับหุ้นกี่หุ้น?”อวี่เฟยเฟยอ้าปากกว้างด้วยความตกใจ "หนึ่งแสนล้าน คุณไม่ได้ล้อเล่นใช่ไหม?"แม้ว่าเธอจะรู้ว่าเย่ซิวรวย และก็รู้ด้วยว่าเขาขายครีมผิวหยกแต่ทำเงินได้เท่าไหร่กันแน่นั้นเธอไม่รู้สักนิดเดียวในเรื่องเงิน เย่ซิวไม่ได้ปิดบังอะไรจุดประสงค์ในการทำเงินของเขานั้นมีอยู่เพียงสองอย่างเท่านั้นหนึ่งคือเพื่อปลูกสมุนไพรให้มากขึ้น และนำมาใช้ในการบ่มเพาะเลี้ยงดูจอมยุทธ์ยอดฝีมืออีกอย่างก็คือเตรียมการสำหรับพิชิตทุกประเทศในอนาคต“ปัจจุบัน อาศัยเพียงครีมผิวหยกอย่างเดียว ก็สามารถสร้างรายได้มากกว่าหนึ่งหมื่น
เย่ซิวเก็บร่างแยกทั้งห้าไว้ในจุดตันเถียนจากนั้นเขาก็ขังตัวเองบำเพ็ญตนในถ้ำอยู่อีกหลายวันเมื่อออกมาอีกครั้ง เขาก็ทยอยส่งมอบโอสถให้กับแต่ละคนตามที่สั่งไว้ แลกกับวัตถุดิบล้ำค่าหลายชิ้นหลังจากนั้นเย่ซิวก็ตรงไปหาจางเสี่ยวอวี๋ “ฉันอยากไปตลาดมืด เธอพอมีช่องทางไหม”ตลาดมืดนี่ เย่ซิวเคยได้ยินมาตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาอยู่ในสำนักอวิ้นหลิงแล้วเขาว่ากันว่าสถานที่ตั้งลึกลับสุด ๆนอกจากคนในสำนัก ก็ยังมีผู้บำเพ็ญจากสำนักอื่น ๆ แอบเข้ามาทำการค้าด้วยเบื้องหลังตลาดมืดเหมือนจะมีผู้มีอิทธิพลหนุนหลังอยู่หลายรายการซื้อขายข้างในถือว่าปลอดภัยมากมีของดี ๆ หลายอย่างที่โลกภายนอกหาไม่ได้แน่นอนว่าถ้ามีสมบัติติดตัวมากเกินไปแล้วโดนรู้เข้าตอนออกจากตลาดมืดอาจถูกตามฆ่าปิดปากหรือโดนปล้นก็ได้“ฉันรู้สิ สถานที่แบบนั้นต้องใช้ชุดพิเศษในการเข้าไปด้วย”จางเสี่ยวอวี๋พูดจบก็ดึงชุดคลุมสีดำออกมาจากแหวนผนึกของ“ในนั้นทุกคนต้องใส่ชุดนี้ ห้ามเปิดเผยตัวตน และต้องจ่ายค่าผ่านประตูสิบศิลาวิญญาณด้วยนะ”เย่ซิวรับเสื้อคลุมมาถือไว้แล้วจางเสี่ยวอวี๋ก็อธิบายเส้นทางไปตลาดมืดให้ซึ่งก็อยู่ไม่ไกลจากสำนัก เป็นเมืองเล็ก ๆ แ
“อะไรนะ? แค่วันเดียวนายก็กลั่นสำเร็จจริงเหรอ?”ทันทีที่เห็นเย่ซิว เจ้าสำนักก็รีบถามขึ้นด้วยสีหน้าเต็มไปด้วยความคาดหวังเขาเองก็ไม่ได้เพิ่มพลังตัวเองมานานแล้วเหตุผลหลักก็เพราะไม่มีโอสถที่เหมาะสมพอให้ใช้โอสถระดับปฐมญาณนั้นหาได้ยากมากในตลาดต่อให้มีก็จะปรากฏแค่ในงานประมูลเท่านั้น และราคาก็มักจะพุ่งขึ้นสูงเทียมฟ้าเสมอแม้รั่วอวิ๋นจะสามารถกลั่นยาได้แต่เธอต้องลองห้าหกครั้งถึงจะสำเร็จสักครั้ง แถมแต่ละครั้งต้องใช้ต้นทุนมหาศาล“ผมไม่ทำให้ท่านอาจารย์ผิดหวังครับ” เย่ซิวยื่นโอสถเก้าเม็ดที่ถูกเจือจางแล้วให้ ก่อนถอนหายใจหนึ่งที “ไม่คิดเลยว่าฝีมือกลั่นโอสถของผมจะแย่ขนาดนี้ ทั้งหมดออกมาเป็นแค่ระดับต่ำ”เจ้าสำนักมองโอสถระดับปฐมญาณในมือแล้วถึงกับตกใจ แม้เขาจะเป็นคนสุขุมมาก แต่ก็ยังเผยสีหน้าเหลือเชื่อออกมาแล้วก็หัวเราะลั่นด้วยความยินดี “ดี ดีมาก ๆ ฝีมือกลั่นโอสถของนายอาจจะแซงหน้าอาจารย์ของตัวเองไปแล้วก็ได้นะ”เย่ซิวยิ้มเก้อ ๆ “ไม่น่าเป็นไปได้หรอกครับ ผมยังพัฒนาอีกมาก เอ่อ…”จู่ ๆ สีหน้าเขาก็ซีดเผือด ร่างกายโงนเงนเหมือนจะล้มเจ้าสำนักหรี่ตา “นายเป็นอะไรไป?”“ไม่เป็นไรครับ แค่เสียพลังมากเก
เย่ซิวเอ่ยรายชื่อวัตถุดิบออกมาติดต่อกันเป็นสิบ ๆ อย่างหนึ่งในนั้นก็คือวัตถุดิบชิ้นสุดท้ายสำหรับการหลอมร่างแยกธาตุดินเขามีแผนการบางอย่างในใจ และจำเป็นต้องสร้างร่างแยกธาตุทั้งห้าสำเร็จเสียก่อนถึงจะลงมือได้ดวงตาของเจ้าสำนักเปล่งประกายวาบ “ฉันมีหินดินธาตุดั้งเดิมอยู่ก็จริง แต่ของสิ่งนี้ล้ำค่ามาก เว้นเสียแต่นายจะสามารถกลั่นโอสถระดับปฐมญาณออกมาได้”เย่ซิวพยักหน้า เขารู้จักโอสถประเภทนี้ดี มันสามารถเพิ่มพลังระดับปฐมญาณได้แต่กระบวนการกลั่นซับซ้อนมาก แถมวัตถุดิบยังหาได้ยากสุด ๆแค่ต้นทุนวัตถุดิบสำหรับหนึ่งเตากลั่นก็เกินสิบล้านศิลาวิญญาณแล้วผู้บำเพ็ญสายอิสระทั่วไปไม่มีทางสู้ราคาไหวแน่“แล้วเจ้าสำนักอยากได้กี่เม็ด ถึงจะยอมแลกล่ะครับ”“นายกลั่นได้จริงเหรอ?” เจ้าสำนักมองเย่ซิวด้วยสีหน้าตกตะลึง ดวงตาฉายแววไม่เชื่อโอสถชนิดนี้ไม่เหมือนกับโอสถวิญญาณหยก ระดับความยากสูงกว่ากันหลายเท่าเย่ซิวไม่ได้รีบตอบในทันที แต่เงียบไปครู่หนึ่งก่อนเอ่ยว่า “ผมขอลองก่อน ยังไม่กล้ารับประกันว่าจะสำเร็จเอาอย่างนี้ก็แล้วกัน เจ้าสำนักให้วัตถุดิบสำหรับหนึ่งเตากลั่นกับผมก่อนถ้ากลั่นไม่ได้ ผมยินดีจ่ายค่าต้นทุน
เย่ซิวรีบวิ่งเข้าไปในห้องทันทีพอเปิดประตูเข้าไปก็เห็นเสี่ยวไป๋ลอยอยู่กลางอากาศพลังวิญญาณในห้องถูกดูดเข้าไปหามันอย่างบ้าคลั่งไม่กี่วินาทีก็สูบพลังวิญญาณจนหมดทั้งห้องจากนั้นร่างของมันก็ถูกห่อหุ้มด้วยรังไหมขนาดใหญ่ แล้วค่อย ๆ ลอยลงสู่พื้นอย่างช้า ๆเย่ซิวยิ้มกว้างด้วยความดีใจ เสี่ยวไป๋กำลังจะวิวัฒนาการอีกแล้วรอบที่แล้วเหมือนจะพัฒนาขึ้นไม่มากเท่าไหร่แต่สัญชาตญาณของเย่ซิวบอกว่ารอบนี้น่าจะเติบโตแบบก้าวกระโดดเลยทีเดียวเขารีบเอาน้ำพุวิญญาณที่เหลืออยู่เทราดลงไปบนรังไหมทันที ซึ่งมันก็ถูกดูดซึมหายไปอย่างรวดเร็วนี่อาจช่วยเร่งขั้นตอนวิวัฒนาการให้เร็วขึ้นได้เย่ซิวเดินไปอุ้มเจ้าเสี่ยวอวี่ที่อยู่ไม่ไกลขึ้นมาเจ้าตัวนี้ยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปมากแต่ท้องของมันนี่เหมือนหลุมดำชัด ๆเย่ซิวเลยจัดเต็มอีกครั้ง เขากลั่นโอสถวิญญาณหยกมาอีกหมื่นเม็ดให้มันไว้กินเล่นทั้งสำนักอวิ้นหลิงคงไม่มีใครกล้าทำอะไรฟุ่มเฟือยอย่างเขาอีกแล้วล่ะในช่วงครึ่งเดือนหลังจากนั้น เย่ซิวก็หมกตัวอยู่แต่กับการกลั่นโอสถและฝึกฝนวิชาต่าง ๆข้างนอกเองก็เริ่มมีข่าวแพร่กระจายไปว่าเย่ซิวสามารถกลั่นโอสถวิญญาณหยกได้ควา
จากท่าทีและสีหน้าของทุกคน เย่ซิวก็พอเดาออกว่าโอสถนี่น่าจะหาได้ยากมากในตลาดไม่งั้นพวกเขาคงไม่แห่กันมาขอซื้อแบบนี้แน่เขาทำหน้าลำบากใจเล็กน้อย “ผมก็อยากช่วยนะครับ แต่โอสถตัวนี้ตอนปรุงมันใช้พลังจิตเยอะมากวันหนึ่งผมปรุงได้ไม่กี่รอบเอง แถมวัตถุดิบก็หายากด้วย”ความหมายแฝงก็คือพวกคุณต้องเพิ่มเงินและเตรียมของมาเองซึ่งทุกคนก็ไม่ใช่คนโง่และเข้าใจเจตนาของเขาทันที ก่อนจะรีบเสนอว่า“ถ้างั้นแบบนี้ดีไหม โอสถวิญญาณหยกหนึ่งเม็ด ฉันให้หนึ่งพันหนึ่งร้อยศิลาวิญญาณ ส่วนวัตถุดิบเราจัดการเอง แบบนี้ตกลงไหม”เย่ซิวคำนวณในหัวอย่างไวต้นทุนของโอสถวิญญาณหยกต่อเม็ดอยู่ที่ราว ๆ หนึ่งพันศิลาวิญญาณถึงจะรวมค่าแรงและพลังวิญญาณที่ใช้ก็ถือว่าต้นทุนต่ำมาก อย่างมากก็แค่เสียเวลาเฉย ๆเขาสามารถกลั่นได้เป็นหมื่นเม็ดในคราวเดียวถ้าขายให้คนพวกนี้หมื่นเม็ดก็เท่ากับว่าจะได้เงินถึงสิบกว่าล้านศิลาวิญญาณเลยทีเดียวกำไรขนาดนี้ก็แทบจะเรียกได้ว่ากินขาดแต่เย่ซิวก็ยังไม่ตอบตกลงทันที และทำท่าลังเลอยู่รั่วอวิ๋นที่ยืนข้าง ๆ ตบไหล่เขาเสียงดัง “ยังจะลังเลอะไรอีกล่ะ?นี่มันโอกาสทองเลยนะ ได้ทั้งเงินได้ทั้งฝึกฝีมือ”เย่ซิวถ
แล้วทุกคนก็เห็นจ่าฝูงเดินตรงไปหาเย่ซิว จากนั้นมันก็แลบลิ้นออกมาเลียหน้าของเขาเบา ๆ ด้วยแววตาประจบเอาใจสุด ๆทุกคนตกตะลึง “???”รั่วอวิ๋นถึงกับยืนนิ่งตัวแข็งเป็นหิน ตาถลน ปากอ้าค้างจากนั้นเธอก็ชี้ไปที่เย่ซิวอย่างโกรธจัด “นายยังจะกล้าบอกว่าไม่ได้ทำอะไรอีกเหรอ แล้วนี่มันอะไรกัน?!”แต่ก่อนที่เธอจะพูดจบ สิงโตหยกขาวอีกเจ็ดตัวก็วิ่งตามกันมาล้อมเย่ซิวไว้รอบด้าน แถมยังมองรั่วอวิ๋นด้วยสายตาแข็งกร้าวอย่างเต็มไปด้วยท่าทีคุกคามรั่วอวิ๋นเผลอก้าวถอยหลังไปด้วยสีหน้าซีดเผือดความรู้สึกตอนนี้เหมือนโดนใครสักคนมายึดบ้านไปคนอื่น ๆ เองก็จ้องมองเย่ซิวด้วยสายตาในแบบที่ไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเองภาพที่อยู่ตรงหน้ามันเหนือจริงเกินไปเย่ซิวทำหน้าใสซื่อ “ผมไม่ได้ทำอะไรเลยนะครับ”รั่วอวิ๋นโกรธจนตัวสั่นสัตว์ที่เธอเลี้ยงมากับมือหลายปีดันพร้อมใจกันหักหลังเธอแบบนี้ ใครจะทนได้มันไม่ใช่แค่เรื่องทรัพยากร แต่ยังรวมถึงความรู้สึกที่ทุ่มเทไปทั้งหมดด้วย!“นายบอกว่าไม่ได้ทำอะไร แล้วทำไมพวกมันถึงพร้อมใจกันหักหลังฉัน อธิบายมาเดี๋ยวนี้!” รั่วอวิ๋นกัดฟันพูด สายตาที่มองเย่ซิวเต็มไปด้วยความคาดโทษถ้าเจ้าเด็กนี่ไม่ให
ในใจรั่วอวิ๋นกำลังปลื้มเป็นที่สุดแต่ต่อหน้าคนอื่นเธอยังคงวางมาดสงบนิ่ง และพยักหน้าเบา ๆ แบบถ่อมตัวสุด ๆ“ก็ไม่เท่าไหร่นะ แค่สัตว์วิญญาณไม่กี่ตัว เอาไว้เฝ้าประตูเฉย ๆ”คำพูดโอ้อวดแบบถ่อมตัวเช่นนี้ทำเอาคนที่ยืนฟังอยู่ถึงกับกระตุกมุมปากกันเป็นแถบเธอคิดว่านี่คือผักกาดขาวหรือไงนี่มันสัตว์วิญญาณระดับจินตานตั้งแปดตัวเชียวนะถึงสายเลือดของพวกสิงโตหยกขาวจะไม่ใช่ระดับสูงสุด แต่ก็ไม่ใช่พวกชั้นต่ำ อยู่ระดับกลางค่อนไปทางดีเลยด้วยซ้ำถ้าเลี้ยงต่อไปดี ๆ รับรองว่าเก่งขึ้นได้อีกแน่นอนลองจินตนาการดูสิ สิงโตหยกขาวแปดตัวคำรามพร้อมกันจะอลังการแค่ไหน มันต้องเป็นภาพที่อลังการและน่าเกรงขามสุด ๆ“เย่ซิวก็อยู่ที่นี่ด้วยเหรอ” ภรรยาเจ้าสำนักทำทีเหมือนเพิ่งสังเกตเห็นเขาเย่ซิวยิ้มพลางเอ่ย “ขอคารวะท่านผู้อาวุโสทุกท่าน เจ้าสำนักและภรรยา ผมแค่มาให้อาหารพวกมันน่ะครับ”ทุกคนก็พยักหน้าเบา ๆ เป็นเชิงรับรู้ ไม่มีใครเชื่อมโยงได้ถึงเรื่องที่สัตว์วิญญาณเลื่อนระดับได้เพราะตัวเขาเลยแม้แต่น้อยไม่นานนัก สัตว์วิญญาณทั้งแปดตัวก็ค่อย ๆ สร้างตานปีศาจได้สำเร็จแทบจะพร้อมกันพลังที่ระเบิดออกมาทำให้เกิดพายุขนาดใหญ่ไปทั
แม้ว่ารั่วอวิ๋นจะรู้ดีว่าความคิดแบบนี้มันไม่ค่อยแฟร์เท่าไหร่ แต่เธอก็ห้ามตัวเองไม่ได้เลยจริง ๆถ้าเย่ซิวแค่ลองกลั่นโอสถเป็นครั้งแรกก็เก่งกว่าเธอแบบไม่เห็นฝุ่น แบบนั้นมันก็เหมือนโดนตบหน้าแรง ๆ เข้าให้แล้วแบบนี้จะรักษาภาพลักษณ์ความเป็นอาจารย์ไว้ต่อหน้าเขาได้ยังไงกันล่ะเสียงโครมดังขึ้น ก่อนที่ฝาปิดเตาจะหลุดออกกลิ่นหอมของโอสถที่เข้มข้นจนถึงขีดสุดกระจายไปทั่วเย่ซิวถึงกับใจหล่นวูบ คิดในใจว่าแย่แล้วถึงเขาจะพยายามเก็บงำกลิ่นเท่าที่ทำได้แล้ว แต่ดูเหมือนแค่กลิ่นที่ลอยออกมาก็แรงกว่าโอสถของรั่วอวิ๋นเสียอีกรั่วอวิ๋นพยายามควบคุมสีหน้าแล้วรีบเดินเข้าไปดูโอสถในเตาพอเห็นแล้วก็ถึงกับยืนช็อกไปทั้งตัวที่ก้นเตา โอสถจำนวนห้าสิบเม็ดวางเรียงกันอย่างเป็นระเบียบ และแต่ละเม็ดก็ใสบริสุทธิ์ดูอัดแน่นไปด้วยพลังแต่สิ่งที่ทำให้เธอรับไม่ได้ที่สุดก็คือทุกเม็ดมีลวดลายโอสถปรากฏอยู่บนผิวของมัน หมายความว่าโอสถทั้งหมดนี้เป็นระดับสูงนี่มันไม่ใช่แค่โดนตบหน้าแล้ว แต่มันคือการโดนกดหัวลงพื้นแล้วลากไปเลยต่างหากเย่ซิวไอแห้ง ๆ หนึ่งทีและจงใจไม่เข้าไปดู แต่ทำท่าทางตื่นเต้นแล้วถามเธอด้วยสีหน้าลุ้น ๆ ว่า “ท่านอาจ
ทั้งความรู้ที่เคยได้รับรวมถึงทักษะการกลั่นโอสถต่าง ๆ ก็ควรจะเหนือกว่าตัวเขาแบบทิ้งห่างสิแต่ทำไมกลับรู้สึกว่ายังห่างชั้นจากเขาอยู่เยอะเลย?เย่ซิวยังคิดว่าตัวเองอาจจะคิดไปเองจึงตั้งใจดูต่ออีกสักพักจนสุดท้ายก็มั่นใจเต็มร้อยว่าทักษะการกลั่นโอสถของผู้หญิงคนนี้ไม่ถึงหนึ่งในสิบของเขาด้วยซ้ำแค่ฝีมือระดับนี้ก็ยังยืนหยัดอยู่ในโลกของผู้ฝึกตนได้ด้วยเหรอ?หรือโลกของผู้ฝึกตนมันหากินง่ายขนาดนั้นเลย?ความคิดสารพัดผุดขึ้นมาในหัวเย่ซิว แต่สีหน้าเขาก็ยังคงนิ่งเฉย ไม่แสดงพิรุธอะไรออกมาเลยหนึ่งชั่วโมงผ่านไป โอสถก็กลั่นเสร็จเรียบร้อยรั่วอวิ๋นเปิดฝาเตาก่อนจะหยิบเม็ดยาออกมาหนึ่งเม็ด ใบหน้าเต็มไปด้วยความพึงพอใจ “ไม่เลว ๆ หนึ่งเตาได้โอสถมายี่สิบเจ็ดเม็ด ระดับกลางหกเม็ด ถือว่าสมบูรณ์แบบ”จากนั้นเธอก็หันไปมองเย่ซิวแม้ใบหน้าจะดูเรียบเฉย แต่เย่ซิวก็พอจะจับความหมายแฝงได้ไม่ยากก็แค่รอให้เขาชมเธอนั่นแหละหากพูดตรง ๆ การกลั่นโอสถของรั่วอวิ๋นรอบนี้ถือว่าสอบตกสำหรับเย่ซิว เพราะวัตถุดิบที่ใช้ไปทั้งหมด ถ้าเป็นเขากลั่นเองอย่างน้อยจะได้เพิ่มขึ้นอีกเท่าตัวแถมยังเป็นโอสถระดับสูงทั้งหมดด้วยซ้ำเมื่อเห็นโ