“ออกไปซะ ฝันไปเถอะ!”จู่ ๆ เย่ซิวก็ยกเท้าขวาของเธอขึ้นในฐานะจอมยุทธ์ระดับห้า ความยืดหยุ่นของร่างกายของเธออยู่เหนือมาตรฐานโดยธรรมชาติเย่ซิวถอดรองเท้าของเธอออกแล้วดึงผมของเธอออกมาสองสามเส้น จากนั้นก็ใช้เส้นผมจักจี้ใต้ฝ่าเท้าของเธอร่างบางของฉีฉูฉู่สั่นไหว และร่างกายของเธอก็บิดเบี้ยวอย่างควบคุมไม่ได้ผู้หญิงส่วนใหญ่ไม่ชอบการจักจี้ และฉีฉูฉู่ก็ไม่มีข้อยกเว้นยิ่งกว่านั้นเย่ซิวยังใช้พลังวิญญาณด้วย 'พลังทำลาย' จึงยิ่งมากกว่าเดิมฉีฉูฉู่ทนได้ไม่ถึงหนึ่งนาทีจากนั้นเธอก็ทนไม่ไหวแล้วและพูดว่า "หยุดได้แล้ว ปล่อยฉัน จักจี้จะตายอยู่แล้ว..."ที่ฝ่าเท้านั้นมีเส้นประสาทมากมาย และหลังจากที่เย่ซิวใช้พลังวิญญาณมันก็ยิ่งทำให้เธอจักจี้ยิ่งกว่าเดิมหลายเท่า“นี่มันไม่ใช่หลักการของจอมยุทธ์เลยสักนิด รีบปล่อยฉันเดี๋ยวนี้ แน่จริงก็มาสู้กับฉันตัวต่อตัวสิ ฮิ ๆ ๆ...”เธอหัวเราะหนักมากจนน้ำตาแทบจะไหล พร้อมกับสบถด่าเย่ซิวไม่หยุดเธอไม่เคยพูดคำหยาบคายมาก่อน และคำที่เธอสบถด่าไม่หยุดก็ไม่ได้มีผลกระทบต่อเย่ซิวเลยในทางตรงกันข้าม ตัวเธอต่างหากที่ถูกจักจี้ไม่หยุด และร่างกายของเธอก็แทบจะทรุดลงกับพื้นพร้อมกับหั
หญิงวัยกลางคนคนนี้อาจเป็นคนสมาชิกสุดท้ายของสำนักผาสุกแล้วเนื่องจากรูปลักษณ์ภายนอกของเธอมีข้อจำกัด เธอจึงถูกไม่สามารถใช้เสน่ห์ขัดขวางรัฐบาลได้ด้วยตัวเองเหมือนที่เคยขัดขวางราชสำนักในสมัยโบราณดังนั้นเธอจึงฝากความหวังทั้งหมดไว้กับฉีฉูฉู่ฉีฉูฉู่เปลี่ยนเป็นชุดโยคะที่เน้นรูปร่างของเธอ และนั่งตัวตรง ท่าทีดูตั้งใจฟังหญิงวัยกลางคนเริ่มอธิบายให้เธอฟัง ค่อย ๆ เริ่มจากหลักการพื้นฐานง่าย ๆ ไปสู่หลักการที่ซับซ้อนฉีฉูฉู่ฉลาดมาก เธอจำทุกอย่างได้จากการฟังเพียงครั้งเดียวส่วนเรื่องของเส้นลมปราณในร่างกายและอื่น ๆ ในฐานะที่เป็นจอมยุทธ์ระดับห้า ย่อมมีความชำนาญในเรื่องเหล่านี้มาอย่างยาวนานแล้วหลังจากนั้น หญิงวัยกลางคนได้แนะนำฉีฉูฉู่ให้ฝึกท่าทางต่าง ๆแต่ละท่าก็สอดคล้องกับความเป็นจริง ไม่ใช่แค่ตั้งขึ้นมาอย่างสุ่มสี่สุ่มห้าเย่ซิวแอบเฝ้าดูอย่างเงียบ ๆ ด้วยความสนใจอย่างมาก และเขาก็ได้รับแรงบันดาลใจอย่างมากเช่นกันมีหลายท่าทางที่เขาเองก็นึกไม่ถึง ดังนั้นเขาจึงจดจำเอาไว้แล้วไม่รู้ทำไม แต่จู่ ๆ ใบหน้าสวยของหลัวอีอีก็ปรากฏขึ้นในใจของเขาเย่ซิวส่ายหัวอย่างแรง แอบคิดว่าตัวเองจะทำแบบนี้ไม่ได้เขาหย
สาว ๆ หลายคนไม่อยู่บ้านเพราะออกไปทำงานกันหมดทันใดนั้นโทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้นเป็นสายของอวี่เฟยเฟยเย่ซิวกดรับสาย และเสียงสดใสราวกับระฆังเงินของอวี่เฟยเฟยที่ก็ดังมาจากปลายสาย "คุณเย่ คุณยุ่งอยู่หรือเปล่า?"“ไม่หรอก ทำไมคุณถึงมีเวลาว่างโทรมาหาผมได้ล่ะ?”อวี่เฟยเฟยยิ้มและพูดว่า "เที่ยวบินของฉันรอบนี้มาที่เมืองหลวงแล้วจะอยู่ที่นี่สักหนึ่งสัปดาห์ ฉันก็เลยสงสัยว่าคุณจะว่างหรือเปล่า ฉันอยากเลี้ยงข้าวคุณสักมื้อน่ะค่ะ"น้ำเสียงของเธอเจือความกังวลใจเย่ซิวคิดอยู่พักหนึ่งแต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธ "ได้สิ แล้วตอนนี้คุณอยู่ไหนแล้ว? ผมจะไปหาคุณเอง"“ฉันอยู่ที่ชั้นหนึ่งในซูเปอร์มาร์เก็ตซิงเย่” น้ำเสียงของอวี่เฟยเฟยดูตื่นเต้นมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัดหลังจากวางสายแล้ว เย่ซิวก็ขับรถไปที่นั่นที่ชั้นหนึ่งของซูเปอร์มาร์เก็ตซิงเย่ อวี่เฟยเฟยยืนอยู่นั้นด้วยท่าทีสง่างาม ทั้งรู้สึกตื่นเต้นและกังวลนานแล้วที่เธอไม่ได้เจอเย่ซิว เธอจึงใจร้อนขึ้นมานิดหน่อยข้อบกพร่องประการเดียวก็คือ เมื่อเธอออกไปไหนเธอจะถูกเข้าหาเสมอไม่เปลี่ยนแปลงตั้งแต่เธอยืนอยู่ที่นี่จนถึงตอนนี้ มีผู้ชายหกคนเข้ามาคุยกับเธอเธอไม่มีทางเลือก
อวี่เฟยเฟยพาดเสื้อคลุมของเธอไว้บนเก้าอี้ ก่อนจะแอบเหลือบมองเย่ซิวเมื่อเห็นเขาจ้องมองมา เธอก็รีบก้มหน้าก้มตากินต่อ หัวใจเต้นรัวอย่างประหม่าระหว่างทานอาหารไปได้ครึ่งทาง อวี่เฟยเฟยก็เสนอว่าอยากได้เครื่องดื่มแอลกอฮอล์เย่ซิวไม่ปฏิเสธและขอให้พนักงานเสิร์ฟนำเหล้านารีแดงที่มีปริมาณแอลกอฮอล์ต่ำมาให้เขาสองขวดแอลกอฮอล์ประเภทนี้เหมาะสำหรับผู้หญิง ค่อนข้างอ่อนและไม่เป็นอันตรายต่อร่างกายอวี่เฟยเฟยรินเครื่องดื่มลงในแก้วของเย่ซิวและแก้วของเธอเอง จากนั้นยกแก้วขึ้น "คุณเย่ แก้วนี้สำหรับมิตรภาพของเราค่ะ หมดแก้ว"หลังจากพูดแล้ว เธอก็เงยหน้าขึ้นและดื่มจนหมดเย่ซิวเองก็ดื่มจนหมดในรวดเดียวเช่นกันแอลกอฮอล์ช่วยร่นระยะห่างของผู้คนใกล้ชิดกันมากได้หลังจากดื่มไปสองสามแก้ว อวี่เฟยเฟยซึ่งค่อนข้างจะสงวนท่าทีในตอนแรกก็ผ่อนคลายลง เธอลุกขึ้นจากที่นั่งของเธอและไปนั่งข้างเย่ซิวเธอพูดด้วยสายตาที่เย้ายวน "มา มาดื่มกันต่อเถอะค่ะ"เย่ซิวกล่าวว่า "เวลาผู้หญิงออกมาข้างนอกไม่ควรดื่มมากเกินไปนะครับ มันจะเกิดปัญหาเอาได้ง่าย ๆ”อวี่เฟยเฟยหัวเราะคิกคักยิ้มแย้ม "ฉันแค่ดื่มเหล้าต่อหน้าคุณเท่านั้น กับผู้ชายคนอื่น ฉั
“ฉัน...ชาตินี้ฉันไม่แต่งงานแล้ว ให้ฉันเป็นภรรยาน้อยของคุณได้ไหม?”“คุณว่างเมื่อไหร่ค่อยมาหาฉัน ฉันเองก็ไม่คาดหวังอะไร ขอแค่ใจของคุณเหลือพื้นที่ว่างให้ฉันแม้ว่าจะเล็กแค่เส้นผมแค่นั้นก็พอแล้ว”เธอมองเย่ซิวด้วยดวงตาที่เศร้าหมองเมื่อเทียบกับการไม่มีสถานะและต้องแบ่งปันเขากับผู้หญิงคนอื่น เธอกลัวที่จะสูญเสียเย่ซิวไปโดยสิ้นเชิงมากกว่าเย่ซิวถอนหายใจ "ทำไมต้องทำขนาดนี้..."อวี่เฟยเฟยกัดริมฝีปาก น้ำตาเอ่อคลอขึ้นในดวงตา "ถ้าคุณไม่ตอบตกลง ฉันจะไปบวชเป็นแม่ชี"น้ำเสียงนั้นหนักแน่นมากเย่ซิวไม่ใช่คนจิตใจโลเลเขาพูดทุกอย่างที่สมควรพูดออกไปแล้ว ถ้าเธอยังเต็มใจที่จะกระโดดเข้ามาในหลุมนี้ เช่นนั้นตัวเขาย่อมไม่อาจทิ้งผักกาดขาวดี ๆ หัวนี้ไปโดยเสียเปล่าได้เขาจับมือของเธอ แล้วชี้ไปที่ถนนฝั่งตรงข้าม “ที่นั่นมีโรงแรมอยู่แห่งหนึ่ง คุณพกบัตรประจำตัวประชาชนติดตัวมาไหม”อวี่เฟยเฟยหยุดร้องไห้แล้วเปลี่ยนเป็นยิ้มทันที พร้อมกับพยักหน้าหนักๆ "อื้ม ฉันพกมาด้วย"พอดีเลย วิชาฝึกฝนแบบคู่ที่เขาเพิ่งสร้างขึ้นใหม่กำลังต้องการเป้าหมายเพื่อทดสอบในโรงแรม อวี่เฟยเฟยกำลังดำเนินการไปตามขั้นตอนแปรงฟัน อาบน้ำ พ่นน้ำ
อวี่เฟยเฟยนั่งตัวตรงทันที "คุณคิดจะทำอะไร?"เย่ซิวพูดอย่างชัดเจนมาก "แน่นอนว่าต้องลงทุนน่ะสิ จากนั้นก็ดันคุณขึ้นไปนั่งในระดับบริหาร แบบนี้จะได้ไม่ต้องวิ่งไปทั่วอีกแล้ว"ถ้าเป็นเมื่อก่อนก็ช่างมันเถอะ แต่ตอนนี้ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองได้ก้าวขึ้นไปอีกขั้น เย่ซิวย่อมต้องทำบางอย่างเพื่อเธออวี่เฟยเฟยรู้สึกซาบซึ้งใจอย่างมาก แต่ก็ยังส่ายหัวแล้วพูดไปว่า "ไม่ต้องหรอก แบบนี้สิ้นเปลืองเงินมากเกินไปแล้ว"“ขนาดของบริษัทที่เธออยู่น่าจะไม่ใหญ่มากใช่ไหม ถ้าหาเงินทุนไปให้หนึ่งแสนล้านจะสามารถได้รับหุ้นกี่หุ้น?”อวี่เฟยเฟยอ้าปากกว้างด้วยความตกใจ "หนึ่งแสนล้าน คุณไม่ได้ล้อเล่นใช่ไหม?"แม้ว่าเธอจะรู้ว่าเย่ซิวรวย และก็รู้ด้วยว่าเขาขายครีมผิวหยกแต่ทำเงินได้เท่าไหร่กันแน่นั้นเธอไม่รู้สักนิดเดียวในเรื่องเงิน เย่ซิวไม่ได้ปิดบังอะไรจุดประสงค์ในการทำเงินของเขานั้นมีอยู่เพียงสองอย่างเท่านั้นหนึ่งคือเพื่อปลูกสมุนไพรให้มากขึ้น และนำมาใช้ในการบ่มเพาะเลี้ยงดูจอมยุทธ์ยอดฝีมืออีกอย่างก็คือเตรียมการสำหรับพิชิตทุกประเทศในอนาคต“ปัจจุบัน อาศัยเพียงครีมผิวหยกอย่างเดียว ก็สามารถสร้างรายได้มากกว่าหนึ่งหมื่น
ไม่น่าแปลกใจที่หัวหน้าแผนกหลิวจะคิดเช่นนี้มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดในประเทศของบริษัทสายการบินที่เขาอยู่ในตอนนี้ อยู่ที่แค่ห้าแสนล้านบาทเท่านั้นอวี่เฟยเฟย ผู้หญิงที่เพิ่งมาเป็นแอร์โฮสเตสได้ไม่กี่ปี ถึงกับบอกว่าเธอรู้จักเพื่อนบางคนที่อยากจะลงทุนด้วยเงินหนึ่งแสนล้าน!สิ่งนี้ในสายตาของเขา นี่คือเรื่องเพ้อฝันโดยสิ้นเชิงถ้าเธอรู้จักคนใหญ่คนโตแบบนี้ ยังจำเป็นต้องมาทำงานเป็นแอร์โฮสเตสอยู่อีกเหรอ?ส่วนอวี่เฟยเฟยเมื่อได้ยินเช่นนี้ เธอก็โกรธจัด "คำพูดนี้ของคุณหมายความว่ายังไง!"หัวหน้าแผนกหลิวหัวเราะเหอะ ๆ "ฉันนึกว่าเธอไร้เดียงสามาตลอด คิดไม่ถึงว่าจะเป็นการเสแสร้งทั้งนั้นพวกเรามาเปิดอกแล้วพูดกันตรง ๆ เถอะ มานอนกับฉัน แล้วฉันจะให้เธอครั้งละห้าหมื่นบาท การเลื่อนตำแหน่งในไตรมาสหน้าเองก็จะมีชื่อของเธออยู่ด้วย”อวี่เฟยเฟยโกรธมาก ขณะที่อยากจะพูดอะไรบางอย่างออกไป โทรศัพท์ก็ถูกเย่ซิวแย่งไปแล้วกดวางสายโดยตรงอวี่เฟยเฟยทำหน้าบูดบึ้ง "ไอ้อ้วนนี่น่ารังเกียจจริง ๆ กล้าดียังไงมาดูหมิ่นฉันแบบนี้!"ตอนนี้เอง อีกฝ่ายก็โทรมาอีกครั้ง และเย่ซิวก็กดตัดสายอีกครั้งจากนั้นอีกฝ่ายก็ส่งข้อความมา‘เธอกล้
ผู้ที่มีศักยภาพในการลงทุนแน่นอนว่าจะเลือกบริษัทที่มีอันดับสูงกว่าและทำกำไรได้มากกว่าชายวัยกลางคนถามอย่างระมัดระวัง "ไม่ทราบว่าคุณเย่วางแผนลงทุนเท่าไหร่ครับ สามพันล้าน?"เย่ซิวยิ้ม "คุณดูถูกผมมากเกินไปแล้ว เดาสูงอีกหน่อย"“แปด...แปดพันล้าน?”“เดาให้สูงกว่านี้อีก”ชายวัยกลางคนกลืนน้ำลายอย่างหนัก "หรือว่าจะเป็น...สองหมื่นล้านบาท?"เย่ซิวขี้เกียจที่จะเล่นทายปริศนากับเขาอีกต่อไป จึงพูดไปตรง ๆ "หนึ่งแสนล้าน"ปึก!มือของชายวัยกลางคนสั่น โทรศัพท์ร่วงลงไปที่พื้นโดยตรงเขารีบร้อนเก็บมันขึ้นมา สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ หลายต่อหลายครั้งเพื่อสงบสติอารมณ์ของเขา จากนั้นถึงพูดไปด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่า "คุณเย่ คุณคงไม่ได้ล้อเล่นใช่ไหม?"“คุณคิดว่ายังไงล่ะ?”ชายวัยกลางคนปลื้มปีติในทันที รู้สึกเหมือนกับถูกพายขนาดยักษ์ร่วงลงมาใส่จากบนท้องฟ้า พูดไปอย่างงุนงงว่า “คุณเย่ คุณสะดวกเมื่อไหร่ครับ ผมจะไปพบคุณด้วยตัวเอง"“ไม่ต้องหรอก คุณแค่ตอบผมมาว่าทางคุณยอมรับการจัดหาเงินทุนหรือไม่ ถ้ารับ พรุ่งนี้ผมจะส่งคนไปหารือเรื่องรายละเอียดกับคุณเลย”“รับสิครับ รับแน่นอนร้อยเปอร์เซ็นต์!”ชายวัยกลางคนตอบตกลงอย่างรว
ในขณะเดียวกัน เสียงของเย่ซิวก็ดังขึ้นข้างหูเขา "สถานที่แห่งนี้ ห้ามฟื้นฟูขึ้นใหม่ภายในหนึ่งร้อยปี มิเช่นนั้นประเทศจ้านฉงตี้จะต้องหายไปจากโลกใบนี้"นี่เป็นทั้งการดูแคลน และยังเป็นการเหยียดหยามอย่างถึงที่สุดให้พวกเขาต้องเผชิญกับความอัปยศนี้ทุกขณะในช่วงเวลาหนึ่งร้อยปีถือเป็นการโต้กลับอย่างแข็งแกร่งของเย่ซิว หลังจากประเทศจ้านฉงตี้พยายามเล่นงานเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่าจักรพรรดิหมีเหล็กกำหมัดแน่นจนเส้นเลือดปูดโปน ความอัปยศอันรุนแรงแผ่ซ่านไปทั่วร่างใบหน้าของเขาบิดเบี้ยวไปด้วยความโกรธแต่ในความโกรธแค้นนั้นกลับแฝงไว้ด้วยความรู้สึกหมดหนทางอย่างลึกล้ำเพียงชั่วพริบตาเดียวราวกับว่าเขาแก่ลงไปอีกหลายสิบปีเดิมทีเส้นผมของเขายังมีสีดำเหลืออยู่ครึ่งหนึ่ง แต่ตอนนี้กลับขาวโพลนทั้งหมดผู้ช่วยที่อยู่ข้างกาย มองดูสภาพของเขาด้วยความสงสาร ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยเสียงแผ่วเบา "ตอนนี้พวกเราควรทำอย่างไรดี? จะยิงจรวดออกไปอีกไหม?""ไม่ต้องแล้ว ไม่มีทางเอาชนะเขาได้หรอก"จักรพรรดิหมีเหล็กส่ายศีรษะอย่างเหนื่อยล้า สายตามองไปยังร่องรอยของกระบี่อันใหญ่โตเบื้องหน้า "ดูเหมือนว่า ถึงเวลาที่ฉันจะต้องหาผู้สืบทอดแล้ว"……ม
เบื้องหน้าของเย่ซิวปรากฏชายชราผู้มีรูปลักษณ์ประหลาดเขามีอายุกว่าร้อยปีแล้ว ดวงตาฝ้าฟางแทบจะลืมขึ้นไม่ได้เส้นผมยาวหลายสิบเมตรถูกถักเป็นเปียและพันรอบร่างกายของตนใต้ฝ่าเท้าของเขามีการ์กอยล์หินเป็นพาหนะ มือขวาถือไม้กายสิทธิ์อันเก่าแก่เย่ซิวกระตุกบังเหียนให้ม้าหยุดลงพลางหรี่ตามองชายชราเล็กน้อย “มีธุระอะไร?”พลังที่แผ่ออกมาจากร่างของชายชราทำให้เย่ซิวรู้สึกได้ถึงอันตรายแม้ว่าจะเป็นเพียงเสี้ยวเดียวก็ตาม“ข้าคือเทพพิทักษ์แห่งประเทศจ้านฉงตี้ ปิดด่านฝึกฝนมาหลายสิบปีแล้วได้ยินว่าประเทศหลงเถิงมีอัจฉริยะที่แข็งแกร่งจึงอยากมาดูให้เห็นกับตา”เย่ซิวไม่แสดงอารมณ์ใด ๆ “ตอนนี้ก็ได้เห็นแล้ว มีอะไรจะชี้แนะหรือเปล่า?”ดวงตาฝ้าฟางของชายชราเพ่งมองเย่ซิวแน่วแน่ แววตานั้นแฝงไปด้วยอันตรายเล็กน้อยก่อนที่เขาจะยิ้มออกมา“ข้าน่ะเป็นคนอยากรู้อยากเห็นเลยอยากจะประลองกับเจ้าสักหน่อย ไม่รู้ว่าจะรับคำท้าหรือไม่”เย่ซิวสัมผัสได้ถึงจิตสังหารที่ซ่อนเร้นของอีกฝ่ายที่บอกว่าเป็นการประลองคงเป็นแค่ข้ออ้างจุดประสงค์ที่แท้จริงคือก็แค่อยากทดสอบพลังของตนเองกับเขาเท่านั้น“ฉันไม่มีคำว่าประลองอะไรทั้งนั้น ถ้าคุณคิ
ทั้งคืนผ่านไปด้วยความว้าวุ่นใจและความกระสับกระส่าย เธอแทบไม่ได้หลับเลยเวลาแปดโมงเช้า เย่ซิวยืนอยู่ริมหน้าต่างมองออกไปยังทิวทัศน์ภายนอกอากาศสดชื่น เสียงนกร้องและกลิ่นหอมของดอกไม้กระจายไปทั่ว ที่นี่มีนกยูงเลี้ยงไว้อยู่หลายตัว บรรยากาศเหมาะแก่การอยู่อาศัยอย่างยิ่ง“คุณเย่ตื่นเช้าจังเลยนะคะ” ลิลิธเดินเข้ามาพร้อมกับก้าวย่างที่อ่อนช้อยดุจแมวป่าฝ่าเท้าขาวผ่องราวหิมะสัมผัสพื้นเบา ๆ ทีละก้าวก่อนจะหยุดอยู่ข้าง ๆ เย่ซิวเธอจ้องมองใบหน้าด้านข้างของเขาด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ยั่วยวนหลังจากฝึกฝนตลอดทั้งคืน พลังของลิลิธก็พุ่งทะยานขึ้นอย่างมหาศาลตอนที่เธอมาที่นี่ เธอไม่เคยคิดเลยว่าตัวเองจะสามารถพัฒนาขึ้นได้เร็วขนาดนี้หากเป็นไปได้ เธอเองก็อยากบำเพ็ญร่วมกับเย่ซิวตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงทั้งวันทั้งคืนบางทีเธออาจสามารถบรรลุถึงระดับพลังที่ไม่มีใครในประเทศจ้านฉงตี้เคยไปถึงมาก่อนแต่น่าเสียดายที่คงเป็นแค่ความฝันที่เป็นไปไม่ได้เย่ซิวไม่ได้ตอบอะไร สายตาของเขายังคงจ้องไปข้างนอกโดยไม่กะพริบตาจินตานห้าสีของเขาหมุนวนอย่างบ้าคลั่งรัศมีพลังที่ส่องออกมาราวกับพระอาทิตย์ที่สว่างไสวและแข็งแกร่งไ
เคย์ฟี่พาลิลิธกลับมาที่ห้องของเธอเธอกับพูโรแยกกันนอนมานานแล้วหลังจากปิดประตู เธอก็รีบดึงลิลิธเข้าไปในห้องน้ำอย่างกระตือรือร้นน้ำร้อนถูกเตรียมไว้ล่วงหน้าแล้วจากนั้นเคย์ฟี่ก็ปิดประตูห้องน้ำเสียงดังปังไม่นานนักก็มีเสียงอุทานของเคย์ฟี่ดังออกมาเป็นระยะด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความอิจฉาลึก ๆครึ่งชั่วโมงต่อมา ทั้งสองก็เดินออกมาจากห้องน้ำเคย์ฟี่ช่วยลิลิธแต่งตัวกับมือ จากนั้นก็ลงเครื่องสำอางให้เธอก่อนจะฉีดน้ำหอมสุดหรูราคาแพงเดิมทีลิลิธก็เป็นหญิงงามอยู่แล้ว แต่ตอนนี้เสน่ห์ของเธอกลับเพิ่มขึ้นไปอีกระดับเธอมองเงาตัวเองในกระจกก่อนจะพยักหน้าด้วยความพอใจ ความมั่นใจของเธอเพิ่มขึ้นมาอีกหลายส่วนจากนั้นเคย์ฟี่ก็พาลิลิธไปยังห้องของเย่ซิว เธอเคาะประตูเบา ๆภายในห้อง แน่นอนว่าเย่ซิวไม่มีความจำเป็นต้องนอนพักเขาเพิ่งกลั่นโอสถไปหลายเตา ซึ่งทั้งหมดนี้ก็เอาไว้ใช้เพื่อเพิ่มพลังบำเพ็ญตนแม้ว่าตอนนี้ผลลัพธ์ของมันอาจจะไม่ได้ทรงพลังมากนัก แต่ถ้าปริมาณมากพอก็ยังสามารถช่วยได้ตอนนี้เขามีโอสถกว่าพันเม็ดแล้วก๊อก! ก๊อก!เสียงเคาะประตูดังขึ้นจากด้านนอก เย่ซิวชะงักเล็กน้อยก่อนจะเก็บเตาหลอมและโอสถท
แต่ลิลิธกลับมีพรสวรรค์ในศาสตร์ด้านนี้สูงมาก จนสามารถฝึกฝนไปถึงระดับที่ไม่เคยมีใครทำได้มาก่อนผู้ชายทั่วไปไม่มีใครกล้าเข้าไปยุ่งกับเธอเลยไม่เช่นนั้น วันรุ่งขึ้นมีหวังกลายเป็นซากศพแห้งตายอย่างแน่นอนแม้ว่าลิลิธจะมีชื่อเสียงด้านความงามโด่งดังไปทั่ว แต่กลับไม่มีใครกล้าเข้าไปยุ่งกับเธอเคย์ฟี่ดวงตาเป็นประกาย “ความคิดนี้ไม่เลวเลยนะ ลิลิธต้องเจอกับผู้ชายที่แข็งแกร่งระดับเย่ซิวเท่านั้นถึงจะรับมือไหวพอลิลิธทำสำเร็จแล้วเข้าไปอ้อนเย่ซิวอีกหน่อยลองชวนให้เขามาลองพี่น้องสุดเซ็กซี่ บางทีเขาอาจจะไม่ปฏิเสธก็ได้”พรีเอลล์ที่ยืนอยู่ข้าง ๆ รีบพูดแทรกขึ้นมา “อย่าลืมแม่ลูกสุดแซ่บด้วย”เคย์ฟี่หัวเราะคิกคัก “อันนี้ก็ต้องดูที่ผลงานของลูกในอนาคตแล้วล่ะ”พูทมองด้วยความอิจฉาผู้ชายที่แท้จริงต้องเป็นแบบเย่ซิว ต้องผ่านดงดอกไม้นับไม่ถ้วนโดยไม่ทิ้งร่องรอยน่าเสียดายที่ถึงแม้เขาจะมีฝีมือพอตัว แต่เมื่อเทียบกับเย่ซิวแล้วยังห่างชั้นกันเกินไปแถมสาว ๆ ที่เขาเคยได้มาก็ยังไม่มีคุณภาพดีเท่านี้เลยด้วยซ้ำหลังจากหารือกันเสร็จ เคย์ฟี่ก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาลิลิธด้วยตัวเองณ เมืองระดับแนวหน้าของประเทศจ้านฉงตี้
เย่ซิวมองสิ่งของที่วางอยู่ตรงหน้าตัวเองโดยไม่มีปฏิกิริยาอะไรมากนักตอนนี้เงินทองพวกนี้ไม่ได้มีผลอะไรมากนักสำหรับเขาแล้วแต่รถยนต์ลอยตัวนั่นนับว่ายังพอมีค่าอยู่บ้างเขาย่อมรู้ดีว่าผู้หญิงคนนี้ทำแบบนี้เพราะอะไรต้องยอมรับว่าเธอมีความกล้าหาญไม่น้อยเลยทีเดียวแต่เพียงแค่นี้ยังไม่พอที่จะทำให้เขาเชื่อใจเธอได้อย่างสมบูรณ์“ของพวกนี้ฉันรับไว้ แต่ถ้าพวกเธอยอมย้ายสำนักงานใหญ่ไปที่สำนักโอสถจะยิ่งดีเข้าไปอีก”หากเป็นเช่นนั้น ส่วนหนึ่งของกำไรที่พวกเขาได้รับในแต่ละปีจะต้องเสียภาษีนอกจากนี้ยังช่วยแก้ปัญหาการพัฒนาบุคลากรท้องถิ่นของสำนักโอสถได้อีกด้วยที่สำคัญที่สุดคือสามารถใช้เป็นมาตรการควบคุมพวกเขาได้หากในอนาคตพวกเขาไม่เชื่อฟังหรือกระทำสิ่งใดที่เป็นภัยต่อสำนักโอสถเย่ซิวสามารถริบทรัพย์สินทั้งหมดของสำนักงานใหญ่ของพวกเขาไปได้ทันทีเมื่อได้ยินเช่นนั้น สีหน้าของทุกคนก็เปลี่ยนไปทันทีเย่ซิวกำลังกุมจุดอ่อนของพวกเขาไว้อย่างแน่นหนาพูโรหัวเราะเสียงดัง “นี่เป็นเรื่องสำคัญมาก บริษัทไม่ได้เป็นของผมเพียงคนเดียว ผมยังไม่อาจตอบตกลงได้ทันทีขอให้ผมจัดประชุมผู้ถือหุ้นในวันพรุ่งนี้ก่อน แล้วผมจะหารือก
นั่นคือสายตาที่มองลงมาจากระดับชีวิตที่สูงกว่าราวกับพวกเขาไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกันเย่ซิวตบไปที่หัวม้าศึกเพลิงน้ำแข็งเบา ๆ มันจึงยอมเก็บพลังของตัวเองกลับไป เปลวไฟที่ลุกโชนอยู่ใต้กีบเท้าก็ค่อย ๆ มอดลงเคย์ฟี่มองเย่ซิวด้วยสายตาร้อนแรงตอนนี้เขาดูสง่างามและทรงอำนาจ ทั้งยังหล่อเหลาเกินบรรยาย เหนือกว่าเจ้าชายขี่ม้าขาวในฝันของเธอเสียอีกเธอถึงกับน้ำลายสอโลกนี้มีผู้ชายที่สมบูรณ์แบบขนาดนี้ได้อย่างไรเย่ซิวหยิบของจำนวนหนึ่งออกมาจากแหวนผนึกของแล้ววางลงตรงหน้าพรีเอลล์กับพวกพ้อง “นี่คือส่วนแบ่งของพวกเธอในครั้งนี้ เอาไปได้เลย”พรีเอลล์ก้มลงมองของตรงหน้า จากนั้นสีหน้าของเธอก็เปลี่ยนไปทันที “ของพวกนี้มันไม่ใช่ของที่พวกเราเคยได้มาจากเรือรบของประเทศจ้านอิงตี้ครั้งก่อนเหรอ?”สิ่งที่เย่ซิวนำออกมาเป็นชุดเกราะและอาวุธต่าง ๆ ที่ได้มาเมื่อนานมาแล้ว“ใช่” เย่ซิวพยักหน้าโดยไม่ปิดบัง “ของที่ฉันได้จากข้างในมีค่ามากเกินไป ไม่สามารถให้พวกเธอได้เลยต้องใช้ของพวกนี้แทน”แม้สองพี่น้องจะรู้สึกไม่ค่อยพอใจนัก แต่ก็ไม่กล้าแสดงออกมาในตอนนี้พูทแววตาเป็นประกายขึ้นมา จากนั้นก็ฉีกเสื้อเป็นผืนเล็ก ๆ แล้วใช้มันมัด
เย่ซิวแสยะยิ้มมุมปาก “แกลองเดาดูสิว่าทำไมฉันถึงมั่นใจกล้าปล่อยแกออกมา”ม้าศึกเพลิงน้ำแข็งรู้สึกถึงบางสิ่งที่ไม่ดีขึ้นมาทันทีแต่มันยังไม่ทันได้คิดให้ถี่ถ้วน เย่ซิวก็เริ่มขยับริมฝีปากร่ายคาถาบางอย่างออกมาทันทีที่เสียงคาถาดังก้องในอากาศ ม้าศึกเพลิงน้ำแข็งก็กรีดร้องอย่างเจ็บปวดทั่วร่างของมันปรากฏอักขระเรืองแสงผุดขึ้นมาจากผิวหนัง ค่อย ๆ ก่อตัวเป็นโซ่ตรวนล่องหนที่พันธนาการมันเอาไว้อย่างแน่นหนามันทรุดลงกับพื้นกลิ้งไปมาอย่างบ้าคลั่งด้วยความทรมาน“สารเลว เหตุใดเจ้าถึง…พอได้แล้ว หยุดเดี๋ยวนี้ บอกว่าให้หยุดอย่างไรเล่า!”มันส่งเสียงร้องปวดร้าวจนใจแทบแตกสลายความปรารถนาที่จะฆ่าเย่ซิวที่มันเคยมีนั้นก็หายไปหมด ตอนนี้เหลือเพียงความหวาดกลัวอย่างท่วมท้นเท่านั้นเย่ซิวมีสีหน้าเรียบเฉยไร้ซึ่งความเมตตา และเขาไม่คิดจะหยุดแต่อย่างใด เขาสวดคาถาต่อเนื่องเป็นเวลากว่าสิบนาทีจนม้าศึกเพลิงน้ำแข็งถูกทรมานจนแทบไม่เหลือแรง เขาจึงหยุดลงในที่สุดตอนนี้ลมหายใจของมันสับสนวุ่นวาย ไม่มีท่าทีเย่อหยิ่งโอหังเช่นตอนแรกอีกต่อไปสายตาที่มันมองเย่ซิวเต็มไปด้วยความหวาดกลัวเมื่อเย่ซิวมีคาถานี้อยู่ในมือ เขาก็สามาร
เย่ซิวกำลังจะเดินออกจากห้องไปแต่ทันใดนั้น เขาหันไปมองที่กลางห้องก่อนจะดีดนิ้วส่งปราณกระบี่ออกไปทำลายพื้นด้านล่างปรากฏว่าข้างใต้มีช่องลับซ่อนอยู่ภายในนั้นมีหีบสีดำใบหนึ่งวางอยู่เย่ซิวสร้างร่างแยกขึ้นมาเพื่อเข้าไปเปิดมันภายในมีม้วนหนังสัตว์ปริศนาที่ไม่รู้ว่าทำจากหนังของสัตว์ชนิดใดเขาหยิบขึ้นมาดู พบว่ามีตัวอักษรเรียงรายแน่นหนาอยู่เต็มไปหมดแต่ไม่ใช่ตัวอักษรที่ใช้กันในปัจจุบัน เย่ซิวจึงอ่านมันไม่ออกในทันทีเขาทำได้แค่เก็บมันไว้ก่อน แล้วค่อยหาทางแก้ไขปริศนาในภายหลังตอนนี้สิ่งที่เหลืออยู่ก็มีเพียงแค่ม้าศึกเพลิงน้ำแข็งเท่านั้นจากนั้นเย่ซิวก็เดินไปยังจุดที่มันถูกผนึกไว้ทันทีที่ม้าศึกเพลิงน้ำแข็งสัมผัสได้ถึงการเข้าใกล้ของเขา มันก็เริ่มส่งเสียงโหยหวนขึ้นมา“ข้ายอมแล้วพี่ชาย ท่านเป็นบรรพบุรุษของข้าเลย ปล่อยข้าไปเถอะ อย่าดูดพลังข้าอีกเลย ถ้าดูดต่อไปข้าต้องตายจริง ๆ แน่”มันไม่เคยเจอมนุษย์ที่โหดร้ายบ้าคลั่งขนาดนี้มาก่อนถ้าไม่ใช่เพราะร่างกายของมันแข็งแกร่งแต่กำเนิด ป่านนี้มันคงสลายไปแล้วเย่ซิวไม่คิดจะเสียเวลาคุยไร้สาระกับมัน เขาก้าวไปข้างหน้าโอบกอดหนึ่งในเสาหลักของผนึก ก่