อวี่เฟยเฟยนั่งตัวตรงทันที "คุณคิดจะทำอะไร?"เย่ซิวพูดอย่างชัดเจนมาก "แน่นอนว่าต้องลงทุนน่ะสิ จากนั้นก็ดันคุณขึ้นไปนั่งในระดับบริหาร แบบนี้จะได้ไม่ต้องวิ่งไปทั่วอีกแล้ว"ถ้าเป็นเมื่อก่อนก็ช่างมันเถอะ แต่ตอนนี้ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองได้ก้าวขึ้นไปอีกขั้น เย่ซิวย่อมต้องทำบางอย่างเพื่อเธออวี่เฟยเฟยรู้สึกซาบซึ้งใจอย่างมาก แต่ก็ยังส่ายหัวแล้วพูดไปว่า "ไม่ต้องหรอก แบบนี้สิ้นเปลืองเงินมากเกินไปแล้ว"“ขนาดของบริษัทที่เธออยู่น่าจะไม่ใหญ่มากใช่ไหม ถ้าหาเงินทุนไปให้หนึ่งแสนล้านจะสามารถได้รับหุ้นกี่หุ้น?”อวี่เฟยเฟยอ้าปากกว้างด้วยความตกใจ "หนึ่งแสนล้าน คุณไม่ได้ล้อเล่นใช่ไหม?"แม้ว่าเธอจะรู้ว่าเย่ซิวรวย และก็รู้ด้วยว่าเขาขายครีมผิวหยกแต่ทำเงินได้เท่าไหร่กันแน่นั้นเธอไม่รู้สักนิดเดียวในเรื่องเงิน เย่ซิวไม่ได้ปิดบังอะไรจุดประสงค์ในการทำเงินของเขานั้นมีอยู่เพียงสองอย่างเท่านั้นหนึ่งคือเพื่อปลูกสมุนไพรให้มากขึ้น และนำมาใช้ในการบ่มเพาะเลี้ยงดูจอมยุทธ์ยอดฝีมืออีกอย่างก็คือเตรียมการสำหรับพิชิตทุกประเทศในอนาคต“ปัจจุบัน อาศัยเพียงครีมผิวหยกอย่างเดียว ก็สามารถสร้างรายได้มากกว่าหนึ่งหมื่น
ไม่น่าแปลกใจที่หัวหน้าแผนกหลิวจะคิดเช่นนี้มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดในประเทศของบริษัทสายการบินที่เขาอยู่ในตอนนี้ อยู่ที่แค่ห้าแสนล้านบาทเท่านั้นอวี่เฟยเฟย ผู้หญิงที่เพิ่งมาเป็นแอร์โฮสเตสได้ไม่กี่ปี ถึงกับบอกว่าเธอรู้จักเพื่อนบางคนที่อยากจะลงทุนด้วยเงินหนึ่งแสนล้าน!สิ่งนี้ในสายตาของเขา นี่คือเรื่องเพ้อฝันโดยสิ้นเชิงถ้าเธอรู้จักคนใหญ่คนโตแบบนี้ ยังจำเป็นต้องมาทำงานเป็นแอร์โฮสเตสอยู่อีกเหรอ?ส่วนอวี่เฟยเฟยเมื่อได้ยินเช่นนี้ เธอก็โกรธจัด "คำพูดนี้ของคุณหมายความว่ายังไง!"หัวหน้าแผนกหลิวหัวเราะเหอะ ๆ "ฉันนึกว่าเธอไร้เดียงสามาตลอด คิดไม่ถึงว่าจะเป็นการเสแสร้งทั้งนั้นพวกเรามาเปิดอกแล้วพูดกันตรง ๆ เถอะ มานอนกับฉัน แล้วฉันจะให้เธอครั้งละห้าหมื่นบาท การเลื่อนตำแหน่งในไตรมาสหน้าเองก็จะมีชื่อของเธออยู่ด้วย”อวี่เฟยเฟยโกรธมาก ขณะที่อยากจะพูดอะไรบางอย่างออกไป โทรศัพท์ก็ถูกเย่ซิวแย่งไปแล้วกดวางสายโดยตรงอวี่เฟยเฟยทำหน้าบูดบึ้ง "ไอ้อ้วนนี่น่ารังเกียจจริง ๆ กล้าดียังไงมาดูหมิ่นฉันแบบนี้!"ตอนนี้เอง อีกฝ่ายก็โทรมาอีกครั้ง และเย่ซิวก็กดตัดสายอีกครั้งจากนั้นอีกฝ่ายก็ส่งข้อความมา‘เธอกล้
ผู้ที่มีศักยภาพในการลงทุนแน่นอนว่าจะเลือกบริษัทที่มีอันดับสูงกว่าและทำกำไรได้มากกว่าชายวัยกลางคนถามอย่างระมัดระวัง "ไม่ทราบว่าคุณเย่วางแผนลงทุนเท่าไหร่ครับ สามพันล้าน?"เย่ซิวยิ้ม "คุณดูถูกผมมากเกินไปแล้ว เดาสูงอีกหน่อย"“แปด...แปดพันล้าน?”“เดาให้สูงกว่านี้อีก”ชายวัยกลางคนกลืนน้ำลายอย่างหนัก "หรือว่าจะเป็น...สองหมื่นล้านบาท?"เย่ซิวขี้เกียจที่จะเล่นทายปริศนากับเขาอีกต่อไป จึงพูดไปตรง ๆ "หนึ่งแสนล้าน"ปึก!มือของชายวัยกลางคนสั่น โทรศัพท์ร่วงลงไปที่พื้นโดยตรงเขารีบร้อนเก็บมันขึ้นมา สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ หลายต่อหลายครั้งเพื่อสงบสติอารมณ์ของเขา จากนั้นถึงพูดไปด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่า "คุณเย่ คุณคงไม่ได้ล้อเล่นใช่ไหม?"“คุณคิดว่ายังไงล่ะ?”ชายวัยกลางคนปลื้มปีติในทันที รู้สึกเหมือนกับถูกพายขนาดยักษ์ร่วงลงมาใส่จากบนท้องฟ้า พูดไปอย่างงุนงงว่า “คุณเย่ คุณสะดวกเมื่อไหร่ครับ ผมจะไปพบคุณด้วยตัวเอง"“ไม่ต้องหรอก คุณแค่ตอบผมมาว่าทางคุณยอมรับการจัดหาเงินทุนหรือไม่ ถ้ารับ พรุ่งนี้ผมจะส่งคนไปหารือเรื่องรายละเอียดกับคุณเลย”“รับสิครับ รับแน่นอนร้อยเปอร์เซ็นต์!”ชายวัยกลางคนตอบตกลงอย่างรว
“ท่านจอมยุทธ ได้โปรดไว้ชีวิตฉันด้วย...”อวี่เฟยเฟยวิงวอน ใบหน้าเต็มไปด้วยความหวาดกลัวเย่ซิวแข็งแกร่งเกินไปจริง ๆ เธอไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาสักนิดในเวลานี้ เธอชักดีใจแล้วที่ตัวเองไม่ใช่ผู้หญิงคนเดียวที่อยู่เคียงข้างเย่ซิว ไม่อย่างนั้น เธอคงไม่อาจรับมันไหวเย่ซิวหยุด จากนั้นรับรู้ถึงพลังวิญญาณของตัวเองที่เพิ่มขึ้นมาอีกเล็กน้อย ก็รู้สึกพึงพอใจอย่างมากก็อก ก็อก ก็อก...ตอนนี้เอง เสียงเคาะประตูก็ดังส่งมาจากด้านนอกพร้อม ๆ กับเสียงที่แฝงไปด้วยความเจ้าเล่ห์เล็กน้อยของหัวหน้าแผนกหลิว "คุณเย่ คุณอยู่ไหมครับ?"หลังจากถูกเจ้านายด่ากราดมา ในที่สุดเขาก็ตระหนักถึงความร้ายแรงของเรื่องนี้ได้แล้วจากนั้นก็ไม่มีแก่ใจแม้แต่จะสวมใส่เสื้อผ้า ขับรถตัดฝ่าไฟแดงหลายสิบดวงและบึ่งมาถึงที่นี่ภายในเวลาเพียงยี่สิบกว่านาทีภายในห้อง เย่ซิวกอดอวี่เฟยเฟย ก่อนพาเธอไปเข้าห้องน้ำอาบน้ำด้วยกันก่อน ทิ้งอีกฝ่ายไว้ข้างนอกหัวหน้าแผนกหลิวคนนั้นกำลังคุกเข่าอยู่ตรงนั้น ปาดเหงื่อเย็นที่ไหลออกมาจากใบหน้าไม่หยุด และไม่กล้าขยับตัวจากก้นบึ้งหัวใจเขาคุกเข่านานมากกว่าหนึ่งชั่วโมง จนกระทั่งขาชาแล้ว ประตูถึงได้เปิดออกอวี่เ
เธอลุกขึ้นอย่างเชื่อฟังไม่ว่าผู้ชายคนไหนก็ชื่นชอบผู้หญิงแบบนี้ทั้งสองเดินออกจากโรงแรมด้วยกัน เขาเตรียมบอดี้การ์ดให้ไปส่งอวี่เฟยเฟยกลับโรงแรมไม่นานหลังจากนั้น สวีอิงก็ขับรถสปอร์ตสุดหรูมูลค่านับร้อยล้านเข้ามามันดึงดูดสายตาที่อิจฉาและน่าทึ่งของผู้คนมากมายในทันทีนอกจากนี้ยังมีผู้หญิงแต่งตัวสวยอีกหลายคน แสดงอาการอยากเข้ามาคุยด้วยอย่างออกนอกหน้าสวีอิงลงจากรถแล้วเดินไปเปิดประตูด้วยความเคารพผู้หญิงเหล่านั้นต่างพากันผิดหวัง ที่ไหนได้ก็แค่คนขับรถคนหนึ่งแต่แล้วดวงตาของพวกเธอเป็นประกายเมื่อได้เห็นเย่ซิวหนุ่มคนนี้หน้าตาหล่อเหลา แถมยังรวยมากด้วยเหรอนี่?พวกเธอทนไม่ไหวรีบกรูเข้าไปเหมือนฝูงผึ้งเย่ซิวส่ายหัวพร้อมร่ายคาถาอย่างลับ ๆ ทันใดนั้นเองเกิดลมพัดแรงจากพื้นแล้วไปหยุดพวกเธอไว้ เขาถึงสามารถขับหนีออกไปได้ขณะขับรถ สวีอิงมองกระจกหลังแล้วพูดว่า "นายท่านครับ ผมมีน้องสาวที่เป็นลูกพี่ลูกน้องกัน ปีนี้อายุสิบแปดปี ยังไม่มีแฟน เธอสวยมาก อยากให้เธอมารับใช้ท่านหรือไม่ครับ?"เย่ซิวส่ายหัว "ไว้ค่อยคุยกันทีหลัง"“ครับ”สวีอิงไม่ได้พูดอะไรอีก จดจ่อกับการขับรถไปเย่ซิวหยิบขวดยาโบราณ ๆ ที่อ
“พูดมาก!” เย่ซิวตะคอกอย่างเย็นชา สายตาราวกับสายฟ้า “ผมจะทำอย่างไรมันก็เรื่องของผม พวกคุณไม่ต้องมายุ่ง!”พวกสวีลู่ทั้งสามคนถูกด่าต่อหน้าสาธารณชน สีหน้าของพวกเขาน่าเกลียดมากสวีอิงหัวเราะเบา ๆ เขาบูชาเย่ซิวถึงขั้นหูหนวกตาบอดไปแล้วเขาเดินไปเคาะประตูโดยไม่ลังเลเลยสักนิดเย่ซิวเอามือไพล่หลังเดินตามไปอย่างช้า ๆ สวีหู่มองตามหลังเย่ซิวแล้วถ่มน้ำลายลงพื้น "ทำเป็นเก๊ก ฉันไม่เชื่อหรอกว่าจะได้เจอตาแก่หัวแข็งคนนั้นได้!"สวีฉงเห็นด้วย "ใช่ ๆ เขาคงคิดว่าไม่มีอะไรที่ตัวเองจะทำไม่ได้!"สวีลู่มีความสุขบนความทุกข์คนอื่น "ฉันอยากเห็นว่าเขาจะหน้าแตกแค่ไหนหลังถูกไล่ออกมา!"เพราะพวกเขาทั้งสามใช้ทุกวิถีทางแล้ว จึงเข้าใจความรู้สึกนี้ดี ซึ่งมันยากที่จะเชื่อว่าเย่ซิวจะได้เจอกับเจ้าของสำนักอวิ๋นจือถังได้ก๊อก ก๊อก ก๊อก!สวีอิงเคาะประตูไม่เบาไม่แรงหลังจากนั้นไม่นาน ผู้สูงอายุก็เปิดประตูอีกครั้งด้วยสีหน้าไม่พอใจ "ฉันพูดไปหลายครั้งแล้วว่านายท่านไม่รับแขก!ถ้ามารบกวนอีก อย่าหาว่าฉันไม่เกรงใจล่ะ!”กลิ่นอายอันทรงพลังระเบิดออกมาจากตัวเขา คาดไม่ถึงว่าจะเป็นถึงปรมาจารย์!เย่ซิวยืนเอามือไพล่หลัง ท่าทีเยือกเย
สมัยก่อน ขนาดเป็นระดับผู้ทรงอิทธิพลพวกนั้นมาเยี่ยมเยียน เขาล้วนไม่แสดงความอ่อนน้อมถ่อมตนให้ใคร“คุณปู่ ช้า ๆ หน่อย รอหนูด้วย!”เด็กสาวรีบวิ่งตามไปเพราะกลัวว่าจะมีเรื่องไม่คาดคิดเกิดขึ้นกับเขาเย่ซิวรออย่างเงียบ ๆ อยู่นอกประตูพวกสวีลู่ทั้งสามคนหัวเราะคิกคักที่ได้เห็นเย่ซิวขายหน้าแต่ไม่นานพวกเขาก็หัวเราะไม่ออก เพราะฉากที่เกิดขึ้นต่อมาส่งผลกระทบพวกเขาอย่างรุนแรงผู้สูงอายุผมหงอก หน้าตาธรรมดา ๆ วิ่งออกมาแน่นอนว่าพวกเขารู้จักผู้สูงอายุคนนี้ผู้กุมอำนาจที่แท้จริงของสำนักอวิ๋นจือถัง เขาคือถังต้าไห่!เขาถามโดยไม่ห่วงภาพลักษณ์ของตนเองหลังจากที่วิ่งออกมา "เมื่อกี้ใครเป็นคนพูดถึงผงจินหลิง?"“ผมเอง” เย่ซิวพูดอย่างใจเย็น "เข้าไปคุยด้านในกันเถอะ"ถังต้าไห่จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เขาหันหลบหลีกให้เย่ซิวเดินนำไปก่อนหนึ่งก้าวเมื่อคนรับใช้สูงอายุและหลานสาวเห็นสิ่งนี้ต่างก็ตกใจมากจนคิดว่าตัวเองเห็นภาพหลอนไปแล้วส่วนพวกสวีลู่ทั้งสามคนพากันอ้าปากค้างด้วยความตกตะลึง“นี่ฉันฝันไปหรือเปล่า?”“คาดไม่ถึงว่าคุณท่านจะออกมาต้อนรับเขาด้วยตัวเอง!”“เป็นไปได้ยังไง!”…… ในลานบ้าน ถังต้าไห่เดิน
“ท่านอาจารย์รับคุณไว้เป็นศิษย์แค่ในนามเท่านั้น ดังนั้นคุณไม่มีสิทธิ์เรียกผมว่าศิษย์น้องเล็ก”เย่ซิวหาเก้าอี้นั่งอย่างใจเย็นและพูดต่ออย่างเย็นชา "เห็นแก่ความสำนึกผิดของคุณ ผมจะไม่ฆ่าคุณ แต่มีเงื่อนไขสองประการ"ทันใดนั้นถังต้าไห่เงยหน้าขึ้นแล้วพูดด้วยความประหลาดใจอย่างยิ่ง "ได้โปรดบอกฉันมาเถอะ ฉันทำได้แน่นอน"“ประการแรก ทรัพย์สินในชื่อของคุณทั้งหมด คุณเก็บไว้เองหนึ่งร้อยล้าน ส่วนที่เหลือให้โอนมาเป็นชื่อของผม”ทุกสิ่งที่เขามีในวันนี้ล้วนได้รับมาจากท่านอาจารย์ของเขาทั้งสิ้น เย่ซิวจึงมีสิทธิ์ที่จะเอามันกลับคืนมาถังต้าไห่พยักหน้าโดยไม่ลังเล "ตกลง!"ลูกชายคนเดียวของเขาเสียชีวิตจากอุบัติเหตุเมื่อหลายปีก่อน ตอนนี้สิ่งเดียวที่เขาเป็นห่วงคือหลานสาวที่อยู่ด้านนอกแม้ว่าจะมอบทรัพย์สินทั้งหมดให้กับเย่ซิวแล้ว แต่ด้วยการที่เขามีเส้นสายที่กว้างขวางมานานหลายปี นั่นก็สามารถทําให้หลานสาวมีอนาคตที่ดีได้แล้วประกอบกับเพื่อที่ตัวเองจะได้มีชีวิตรอด แน่นอนว่าเขาไม่ปฏิเสธอยู่แล้ว“เงื่อนไขที่สองคือ คุณน่าจะรู้ที่อยู่ของคนทรยศคนอื่น ๆ ในตอนนั้น”“ฉันรู้” ถังต้าไห่พยักหน้า "โปรดให้เวลาฉันสักเดือน ฉันจะ
เย่ซิวเก็บร่างแยกทั้งห้าไว้ในจุดตันเถียนจากนั้นเขาก็ขังตัวเองบำเพ็ญตนในถ้ำอยู่อีกหลายวันเมื่อออกมาอีกครั้ง เขาก็ทยอยส่งมอบโอสถให้กับแต่ละคนตามที่สั่งไว้ แลกกับวัตถุดิบล้ำค่าหลายชิ้นหลังจากนั้นเย่ซิวก็ตรงไปหาจางเสี่ยวอวี๋ “ฉันอยากไปตลาดมืด เธอพอมีช่องทางไหม”ตลาดมืดนี่ เย่ซิวเคยได้ยินมาตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาอยู่ในสำนักอวิ้นหลิงแล้วเขาว่ากันว่าสถานที่ตั้งลึกลับสุด ๆนอกจากคนในสำนัก ก็ยังมีผู้บำเพ็ญจากสำนักอื่น ๆ แอบเข้ามาทำการค้าด้วยเบื้องหลังตลาดมืดเหมือนจะมีผู้มีอิทธิพลหนุนหลังอยู่หลายรายการซื้อขายข้างในถือว่าปลอดภัยมากมีของดี ๆ หลายอย่างที่โลกภายนอกหาไม่ได้แน่นอนว่าถ้ามีสมบัติติดตัวมากเกินไปแล้วโดนรู้เข้าตอนออกจากตลาดมืดอาจถูกตามฆ่าปิดปากหรือโดนปล้นก็ได้“ฉันรู้สิ สถานที่แบบนั้นต้องใช้ชุดพิเศษในการเข้าไปด้วย”จางเสี่ยวอวี๋พูดจบก็ดึงชุดคลุมสีดำออกมาจากแหวนผนึกของ“ในนั้นทุกคนต้องใส่ชุดนี้ ห้ามเปิดเผยตัวตน และต้องจ่ายค่าผ่านประตูสิบศิลาวิญญาณด้วยนะ”เย่ซิวรับเสื้อคลุมมาถือไว้แล้วจางเสี่ยวอวี๋ก็อธิบายเส้นทางไปตลาดมืดให้ซึ่งก็อยู่ไม่ไกลจากสำนัก เป็นเมืองเล็ก ๆ แ
“อะไรนะ? แค่วันเดียวนายก็กลั่นสำเร็จจริงเหรอ?”ทันทีที่เห็นเย่ซิว เจ้าสำนักก็รีบถามขึ้นด้วยสีหน้าเต็มไปด้วยความคาดหวังเขาเองก็ไม่ได้เพิ่มพลังตัวเองมานานแล้วเหตุผลหลักก็เพราะไม่มีโอสถที่เหมาะสมพอให้ใช้โอสถระดับปฐมญาณนั้นหาได้ยากมากในตลาดต่อให้มีก็จะปรากฏแค่ในงานประมูลเท่านั้น และราคาก็มักจะพุ่งขึ้นสูงเทียมฟ้าเสมอแม้รั่วอวิ๋นจะสามารถกลั่นยาได้แต่เธอต้องลองห้าหกครั้งถึงจะสำเร็จสักครั้ง แถมแต่ละครั้งต้องใช้ต้นทุนมหาศาล“ผมไม่ทำให้ท่านอาจารย์ผิดหวังครับ” เย่ซิวยื่นโอสถเก้าเม็ดที่ถูกเจือจางแล้วให้ ก่อนถอนหายใจหนึ่งที “ไม่คิดเลยว่าฝีมือกลั่นโอสถของผมจะแย่ขนาดนี้ ทั้งหมดออกมาเป็นแค่ระดับต่ำ”เจ้าสำนักมองโอสถระดับปฐมญาณในมือแล้วถึงกับตกใจ แม้เขาจะเป็นคนสุขุมมาก แต่ก็ยังเผยสีหน้าเหลือเชื่อออกมาแล้วก็หัวเราะลั่นด้วยความยินดี “ดี ดีมาก ๆ ฝีมือกลั่นโอสถของนายอาจจะแซงหน้าอาจารย์ของตัวเองไปแล้วก็ได้นะ”เย่ซิวยิ้มเก้อ ๆ “ไม่น่าเป็นไปได้หรอกครับ ผมยังพัฒนาอีกมาก เอ่อ…”จู่ ๆ สีหน้าเขาก็ซีดเผือด ร่างกายโงนเงนเหมือนจะล้มเจ้าสำนักหรี่ตา “นายเป็นอะไรไป?”“ไม่เป็นไรครับ แค่เสียพลังมากเก
เย่ซิวเอ่ยรายชื่อวัตถุดิบออกมาติดต่อกันเป็นสิบ ๆ อย่างหนึ่งในนั้นก็คือวัตถุดิบชิ้นสุดท้ายสำหรับการหลอมร่างแยกธาตุดินเขามีแผนการบางอย่างในใจ และจำเป็นต้องสร้างร่างแยกธาตุทั้งห้าสำเร็จเสียก่อนถึงจะลงมือได้ดวงตาของเจ้าสำนักเปล่งประกายวาบ “ฉันมีหินดินธาตุดั้งเดิมอยู่ก็จริง แต่ของสิ่งนี้ล้ำค่ามาก เว้นเสียแต่นายจะสามารถกลั่นโอสถระดับปฐมญาณออกมาได้”เย่ซิวพยักหน้า เขารู้จักโอสถประเภทนี้ดี มันสามารถเพิ่มพลังระดับปฐมญาณได้แต่กระบวนการกลั่นซับซ้อนมาก แถมวัตถุดิบยังหาได้ยากสุด ๆแค่ต้นทุนวัตถุดิบสำหรับหนึ่งเตากลั่นก็เกินสิบล้านศิลาวิญญาณแล้วผู้บำเพ็ญสายอิสระทั่วไปไม่มีทางสู้ราคาไหวแน่“แล้วเจ้าสำนักอยากได้กี่เม็ด ถึงจะยอมแลกล่ะครับ”“นายกลั่นได้จริงเหรอ?” เจ้าสำนักมองเย่ซิวด้วยสีหน้าตกตะลึง ดวงตาฉายแววไม่เชื่อโอสถชนิดนี้ไม่เหมือนกับโอสถวิญญาณหยก ระดับความยากสูงกว่ากันหลายเท่าเย่ซิวไม่ได้รีบตอบในทันที แต่เงียบไปครู่หนึ่งก่อนเอ่ยว่า “ผมขอลองก่อน ยังไม่กล้ารับประกันว่าจะสำเร็จเอาอย่างนี้ก็แล้วกัน เจ้าสำนักให้วัตถุดิบสำหรับหนึ่งเตากลั่นกับผมก่อนถ้ากลั่นไม่ได้ ผมยินดีจ่ายค่าต้นทุน
เย่ซิวรีบวิ่งเข้าไปในห้องทันทีพอเปิดประตูเข้าไปก็เห็นเสี่ยวไป๋ลอยอยู่กลางอากาศพลังวิญญาณในห้องถูกดูดเข้าไปหามันอย่างบ้าคลั่งไม่กี่วินาทีก็สูบพลังวิญญาณจนหมดทั้งห้องจากนั้นร่างของมันก็ถูกห่อหุ้มด้วยรังไหมขนาดใหญ่ แล้วค่อย ๆ ลอยลงสู่พื้นอย่างช้า ๆเย่ซิวยิ้มกว้างด้วยความดีใจ เสี่ยวไป๋กำลังจะวิวัฒนาการอีกแล้วรอบที่แล้วเหมือนจะพัฒนาขึ้นไม่มากเท่าไหร่แต่สัญชาตญาณของเย่ซิวบอกว่ารอบนี้น่าจะเติบโตแบบก้าวกระโดดเลยทีเดียวเขารีบเอาน้ำพุวิญญาณที่เหลืออยู่เทราดลงไปบนรังไหมทันที ซึ่งมันก็ถูกดูดซึมหายไปอย่างรวดเร็วนี่อาจช่วยเร่งขั้นตอนวิวัฒนาการให้เร็วขึ้นได้เย่ซิวเดินไปอุ้มเจ้าเสี่ยวอวี่ที่อยู่ไม่ไกลขึ้นมาเจ้าตัวนี้ยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปมากแต่ท้องของมันนี่เหมือนหลุมดำชัด ๆเย่ซิวเลยจัดเต็มอีกครั้ง เขากลั่นโอสถวิญญาณหยกมาอีกหมื่นเม็ดให้มันไว้กินเล่นทั้งสำนักอวิ้นหลิงคงไม่มีใครกล้าทำอะไรฟุ่มเฟือยอย่างเขาอีกแล้วล่ะในช่วงครึ่งเดือนหลังจากนั้น เย่ซิวก็หมกตัวอยู่แต่กับการกลั่นโอสถและฝึกฝนวิชาต่าง ๆข้างนอกเองก็เริ่มมีข่าวแพร่กระจายไปว่าเย่ซิวสามารถกลั่นโอสถวิญญาณหยกได้ควา
จากท่าทีและสีหน้าของทุกคน เย่ซิวก็พอเดาออกว่าโอสถนี่น่าจะหาได้ยากมากในตลาดไม่งั้นพวกเขาคงไม่แห่กันมาขอซื้อแบบนี้แน่เขาทำหน้าลำบากใจเล็กน้อย “ผมก็อยากช่วยนะครับ แต่โอสถตัวนี้ตอนปรุงมันใช้พลังจิตเยอะมากวันหนึ่งผมปรุงได้ไม่กี่รอบเอง แถมวัตถุดิบก็หายากด้วย”ความหมายแฝงก็คือพวกคุณต้องเพิ่มเงินและเตรียมของมาเองซึ่งทุกคนก็ไม่ใช่คนโง่และเข้าใจเจตนาของเขาทันที ก่อนจะรีบเสนอว่า“ถ้างั้นแบบนี้ดีไหม โอสถวิญญาณหยกหนึ่งเม็ด ฉันให้หนึ่งพันหนึ่งร้อยศิลาวิญญาณ ส่วนวัตถุดิบเราจัดการเอง แบบนี้ตกลงไหม”เย่ซิวคำนวณในหัวอย่างไวต้นทุนของโอสถวิญญาณหยกต่อเม็ดอยู่ที่ราว ๆ หนึ่งพันศิลาวิญญาณถึงจะรวมค่าแรงและพลังวิญญาณที่ใช้ก็ถือว่าต้นทุนต่ำมาก อย่างมากก็แค่เสียเวลาเฉย ๆเขาสามารถกลั่นได้เป็นหมื่นเม็ดในคราวเดียวถ้าขายให้คนพวกนี้หมื่นเม็ดก็เท่ากับว่าจะได้เงินถึงสิบกว่าล้านศิลาวิญญาณเลยทีเดียวกำไรขนาดนี้ก็แทบจะเรียกได้ว่ากินขาดแต่เย่ซิวก็ยังไม่ตอบตกลงทันที และทำท่าลังเลอยู่รั่วอวิ๋นที่ยืนข้าง ๆ ตบไหล่เขาเสียงดัง “ยังจะลังเลอะไรอีกล่ะ?นี่มันโอกาสทองเลยนะ ได้ทั้งเงินได้ทั้งฝึกฝีมือ”เย่ซิวถ
แล้วทุกคนก็เห็นจ่าฝูงเดินตรงไปหาเย่ซิว จากนั้นมันก็แลบลิ้นออกมาเลียหน้าของเขาเบา ๆ ด้วยแววตาประจบเอาใจสุด ๆทุกคนตกตะลึง “???”รั่วอวิ๋นถึงกับยืนนิ่งตัวแข็งเป็นหิน ตาถลน ปากอ้าค้างจากนั้นเธอก็ชี้ไปที่เย่ซิวอย่างโกรธจัด “นายยังจะกล้าบอกว่าไม่ได้ทำอะไรอีกเหรอ แล้วนี่มันอะไรกัน?!”แต่ก่อนที่เธอจะพูดจบ สิงโตหยกขาวอีกเจ็ดตัวก็วิ่งตามกันมาล้อมเย่ซิวไว้รอบด้าน แถมยังมองรั่วอวิ๋นด้วยสายตาแข็งกร้าวอย่างเต็มไปด้วยท่าทีคุกคามรั่วอวิ๋นเผลอก้าวถอยหลังไปด้วยสีหน้าซีดเผือดความรู้สึกตอนนี้เหมือนโดนใครสักคนมายึดบ้านไปคนอื่น ๆ เองก็จ้องมองเย่ซิวด้วยสายตาในแบบที่ไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเองภาพที่อยู่ตรงหน้ามันเหนือจริงเกินไปเย่ซิวทำหน้าใสซื่อ “ผมไม่ได้ทำอะไรเลยนะครับ”รั่วอวิ๋นโกรธจนตัวสั่นสัตว์ที่เธอเลี้ยงมากับมือหลายปีดันพร้อมใจกันหักหลังเธอแบบนี้ ใครจะทนได้มันไม่ใช่แค่เรื่องทรัพยากร แต่ยังรวมถึงความรู้สึกที่ทุ่มเทไปทั้งหมดด้วย!“นายบอกว่าไม่ได้ทำอะไร แล้วทำไมพวกมันถึงพร้อมใจกันหักหลังฉัน อธิบายมาเดี๋ยวนี้!” รั่วอวิ๋นกัดฟันพูด สายตาที่มองเย่ซิวเต็มไปด้วยความคาดโทษถ้าเจ้าเด็กนี่ไม่ให
ในใจรั่วอวิ๋นกำลังปลื้มเป็นที่สุดแต่ต่อหน้าคนอื่นเธอยังคงวางมาดสงบนิ่ง และพยักหน้าเบา ๆ แบบถ่อมตัวสุด ๆ“ก็ไม่เท่าไหร่นะ แค่สัตว์วิญญาณไม่กี่ตัว เอาไว้เฝ้าประตูเฉย ๆ”คำพูดโอ้อวดแบบถ่อมตัวเช่นนี้ทำเอาคนที่ยืนฟังอยู่ถึงกับกระตุกมุมปากกันเป็นแถบเธอคิดว่านี่คือผักกาดขาวหรือไงนี่มันสัตว์วิญญาณระดับจินตานตั้งแปดตัวเชียวนะถึงสายเลือดของพวกสิงโตหยกขาวจะไม่ใช่ระดับสูงสุด แต่ก็ไม่ใช่พวกชั้นต่ำ อยู่ระดับกลางค่อนไปทางดีเลยด้วยซ้ำถ้าเลี้ยงต่อไปดี ๆ รับรองว่าเก่งขึ้นได้อีกแน่นอนลองจินตนาการดูสิ สิงโตหยกขาวแปดตัวคำรามพร้อมกันจะอลังการแค่ไหน มันต้องเป็นภาพที่อลังการและน่าเกรงขามสุด ๆ“เย่ซิวก็อยู่ที่นี่ด้วยเหรอ” ภรรยาเจ้าสำนักทำทีเหมือนเพิ่งสังเกตเห็นเขาเย่ซิวยิ้มพลางเอ่ย “ขอคารวะท่านผู้อาวุโสทุกท่าน เจ้าสำนักและภรรยา ผมแค่มาให้อาหารพวกมันน่ะครับ”ทุกคนก็พยักหน้าเบา ๆ เป็นเชิงรับรู้ ไม่มีใครเชื่อมโยงได้ถึงเรื่องที่สัตว์วิญญาณเลื่อนระดับได้เพราะตัวเขาเลยแม้แต่น้อยไม่นานนัก สัตว์วิญญาณทั้งแปดตัวก็ค่อย ๆ สร้างตานปีศาจได้สำเร็จแทบจะพร้อมกันพลังที่ระเบิดออกมาทำให้เกิดพายุขนาดใหญ่ไปทั
แม้ว่ารั่วอวิ๋นจะรู้ดีว่าความคิดแบบนี้มันไม่ค่อยแฟร์เท่าไหร่ แต่เธอก็ห้ามตัวเองไม่ได้เลยจริง ๆถ้าเย่ซิวแค่ลองกลั่นโอสถเป็นครั้งแรกก็เก่งกว่าเธอแบบไม่เห็นฝุ่น แบบนั้นมันก็เหมือนโดนตบหน้าแรง ๆ เข้าให้แล้วแบบนี้จะรักษาภาพลักษณ์ความเป็นอาจารย์ไว้ต่อหน้าเขาได้ยังไงกันล่ะเสียงโครมดังขึ้น ก่อนที่ฝาปิดเตาจะหลุดออกกลิ่นหอมของโอสถที่เข้มข้นจนถึงขีดสุดกระจายไปทั่วเย่ซิวถึงกับใจหล่นวูบ คิดในใจว่าแย่แล้วถึงเขาจะพยายามเก็บงำกลิ่นเท่าที่ทำได้แล้ว แต่ดูเหมือนแค่กลิ่นที่ลอยออกมาก็แรงกว่าโอสถของรั่วอวิ๋นเสียอีกรั่วอวิ๋นพยายามควบคุมสีหน้าแล้วรีบเดินเข้าไปดูโอสถในเตาพอเห็นแล้วก็ถึงกับยืนช็อกไปทั้งตัวที่ก้นเตา โอสถจำนวนห้าสิบเม็ดวางเรียงกันอย่างเป็นระเบียบ และแต่ละเม็ดก็ใสบริสุทธิ์ดูอัดแน่นไปด้วยพลังแต่สิ่งที่ทำให้เธอรับไม่ได้ที่สุดก็คือทุกเม็ดมีลวดลายโอสถปรากฏอยู่บนผิวของมัน หมายความว่าโอสถทั้งหมดนี้เป็นระดับสูงนี่มันไม่ใช่แค่โดนตบหน้าแล้ว แต่มันคือการโดนกดหัวลงพื้นแล้วลากไปเลยต่างหากเย่ซิวไอแห้ง ๆ หนึ่งทีและจงใจไม่เข้าไปดู แต่ทำท่าทางตื่นเต้นแล้วถามเธอด้วยสีหน้าลุ้น ๆ ว่า “ท่านอาจ
ทั้งความรู้ที่เคยได้รับรวมถึงทักษะการกลั่นโอสถต่าง ๆ ก็ควรจะเหนือกว่าตัวเขาแบบทิ้งห่างสิแต่ทำไมกลับรู้สึกว่ายังห่างชั้นจากเขาอยู่เยอะเลย?เย่ซิวยังคิดว่าตัวเองอาจจะคิดไปเองจึงตั้งใจดูต่ออีกสักพักจนสุดท้ายก็มั่นใจเต็มร้อยว่าทักษะการกลั่นโอสถของผู้หญิงคนนี้ไม่ถึงหนึ่งในสิบของเขาด้วยซ้ำแค่ฝีมือระดับนี้ก็ยังยืนหยัดอยู่ในโลกของผู้ฝึกตนได้ด้วยเหรอ?หรือโลกของผู้ฝึกตนมันหากินง่ายขนาดนั้นเลย?ความคิดสารพัดผุดขึ้นมาในหัวเย่ซิว แต่สีหน้าเขาก็ยังคงนิ่งเฉย ไม่แสดงพิรุธอะไรออกมาเลยหนึ่งชั่วโมงผ่านไป โอสถก็กลั่นเสร็จเรียบร้อยรั่วอวิ๋นเปิดฝาเตาก่อนจะหยิบเม็ดยาออกมาหนึ่งเม็ด ใบหน้าเต็มไปด้วยความพึงพอใจ “ไม่เลว ๆ หนึ่งเตาได้โอสถมายี่สิบเจ็ดเม็ด ระดับกลางหกเม็ด ถือว่าสมบูรณ์แบบ”จากนั้นเธอก็หันไปมองเย่ซิวแม้ใบหน้าจะดูเรียบเฉย แต่เย่ซิวก็พอจะจับความหมายแฝงได้ไม่ยากก็แค่รอให้เขาชมเธอนั่นแหละหากพูดตรง ๆ การกลั่นโอสถของรั่วอวิ๋นรอบนี้ถือว่าสอบตกสำหรับเย่ซิว เพราะวัตถุดิบที่ใช้ไปทั้งหมด ถ้าเป็นเขากลั่นเองอย่างน้อยจะได้เพิ่มขึ้นอีกเท่าตัวแถมยังเป็นโอสถระดับสูงทั้งหมดด้วยซ้ำเมื่อเห็นโ