ลูกน้องของเธอพูดด้วยเสียงมั่นใจ "ผมยืนยันหลายครั้งแล้วว่าวันนี้ทุกอย่างที่ไซต์ก่อสร้างเป็นปกติ และไม่มีเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้นเลยครับ'"เสวี่ยเหมยพ่นลมหายใจและพึมพำกับตัวเอง ความคิดที่ไม่ดีเริ่มผุดขึ้นมาในใจของเธอ "หรือว่าเขาจะหาวิธีแก้ได้แล้ว?"เมื่อคิดได้เช่นนี้แล้ว เธอก็ไม่อาจหยุดคิดได้เสวี่ยเหมยนึกถึงท่าทีของเย่ซิวตอนที่ซื้อที่ดินแม้ว่าเธอจะบอกเขาอย่างชัดเจนหลายครั้งว่ามีปัญหากับที่ดินผืนนั้น แต่เขาก็ยังยืนกรานที่จะซื้อที่ดินผืนนั้นก่อนหน้านี้ เธอคิดว่าเย่ซิวถูกความรวยกะทันหันครอบงำจนเสียสติควบคุมตัวเองไม่ได้แต่ตอนนี้เธอรู้แล้วว่าตัวเองคิดผิด“ไม่มีทาง!” เธอนั่งไม่ติดที่อีกแล้วละพูดกับพ่อบ้านทันที “เตรียมรถ!”…… ในอีกด้านหนึ่ง สวีอิงเองก็ตกใจเช่นกันแต่เขาไม่ได้ไปที่ไซต์ก่อสร้างแม้ว่าจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับเย่ซิวที่ไซต์ก่อสร้าง สำหรับเขาแล้วก็ไม่ได้ก่อให้เกิดภัยคุกคามที่สำคัญอะไรหากเงินส่วนใหญ่นำไปใช้ในการก่อสร้างขั้นพื้นฐาน แม้ว่าผลตอบแทนจะมากมายก็ตามแต่ก็อย่าได้คิดว่าจะทำกำไรในปีแรกได้เลยเขามุ่งความสนใจไปที่งานของตัวเองมากกว่า เขามองผู้ช่วยที่มีความสามาร
มืดค่ำแล้ว แต่ไซต์ก่อสร้างยังคงดำเนินงานอย่างคึกคักวุ่นวายมีการใช้ระบบสามกะและมีดำเนินงานอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งวัน โดยมุ่งมั่นที่จะดำเนินการโครงการให้เสร็จสิ้นโดยใช้เวลาสั้นที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้เสวี่ยเหมยมาถึงไซต์ก่อสร้างที่รายล้อมไปด้วยบอดี้การ์ดเมื่อเห็นว่า ไฟในบริเวณไซต์ก่อสร้างสว่างไสว และการก่อสร้างดำเนินไปอย่างเป็นระเบียบ ในที่สุดเธอก็ตระหนักว่าตัวเองมองการณ์สั้นเกินไปสองมือประสานกันไว้แน่น และคลื่นแห่งความเสียใจก็แผ่กระจายออกมาจากก้นบึ้งหัวใจของเธออย่างรวดเร็วเดิมทีเธอคิดว่าเย่ซิวเป็นเศรษฐีใหม่ไร้สมอง การซื้อที่ดินผืนนี้จะนำไปสู่การสูญเสียอย่างรุนแรงอย่างแน่นอนแต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าจะเป็นกำไรมหาศาลจริง ๆ!หากที่ดินผืนนี้ไม่เคยประสบเหตุร้ายครั้งแล้วครั้งเล่า มูลค่าก็คงจะเพิ่มสองเท่าเป็นอย่างน้อยซึ่งหมายความว่า ไม่นานหลังจากที่เย่ซิวซื้อที่ดินผืนนี้ เขาจะทำเงินได้มากกว่าเจ็ดล้านล้านบาทสิ่งที่ยากยิ่งกว่าสำหรับเสวี่ยเหมยที่จะยอมรับก็คือ เมื่อไม่นานมานี้เธอเพิ่งแนะนำเย่ซิวผู้มีความสามารถคนนี้ให้รู้จักกับคู่แข่งของเธอเมื่อเธอคิดได้อย่างนั้น เธอก็แทบจะกระอักออกมาเป็
มังกรที่แท้จริงตัวหนึ่งดันถูกเธอมองว่าเป็นแมลงแล้วพลาดไป แล้วเธอจะปล่อยมันไปแบบนั้นได้อย่างไร?เธอจึงพูดต่อไปว่า "ไปเถอะ ฉันมีเหล้ายาที่ถูกบ่มขึ้นจากสมุนไพรล้ำค่าหลายสิบกว่าชนิดอายุหลายปีขวดหนึ่ง ดื่มเพียงแก้วเดียว ก็สามารถช่วยให้คุณเพิ่มพลังได้เป็นอย่างมาก"เย่ซิวยังคงส่ายหัว "ไม่ไป"บอดี้การ์ดที่อยู่ข้าง ๆ เธอทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้วแต่ไหนแต่ไรมามีเพียงเจ้านายของเธอที่เป็นฝ่ายถูกเชิญ ไหนเลยจะมีตอนที่เธอเชิญคนอื่นแล้วถูกปฏิเสธซ้ำแล้วซ้ำเล่าแบบนี้?บอดี้การ์ดหญิงคนนี้พลันก้าวขึ้นมาข้างหน้า แล้วชี้นิ้วไปที่เย่ซิว "อย่าทำเป็นไม่รู้จักชั่วดีให้มันมากนัก เจ้านายฉันเชิญคุณก็นับว่าเป็นวาสนาหลายชาติของคุณแล้ว คุณมีสิทธิ์อะไรมาปฏิเสธ!"แต่เสวี่ยเหมยโกรธมาก เธอพยายามทุกวิถีทางเพื่อซ่อมแซมความสัมพันธ์ระหว่างตัวเองกับเย่ซิว แต่ไม่คิดว่าจะถูกคนข้างกายทำลายลงเสียเองแบบนี้เธอตวาดออกไป “หุบปาก!”บอดี้การ์ดหญิงคนนั้นแสดงสีหน้าดื้อดึง "เจ้านายคะ ผู้ชายคนนี้มากเกินไปแล้ว เขาหยิ่งผยองเกินไป ฉันทนดูต่อไปไม่ไหวแล้วจริง ๆ"สีหน้าของเสวี่ยเหมยมืดครึ้มลงอย่างน่ากลัว "เมื่อกี้นี้นิ้วไหนที่ชี้ไปที่คุณเย่
เบื้องหน้าเย่ซิว บัดนี้มีโอสถสีเหลืองอร่าม ขนาดประมาณนิ้วหัวแม่มืออยู่ทั้งสิ้นหกเม็ด และกำลังส่งกลิ่นหอมของยาอย่างรุนแรงโอสถยอดเพชรถูกกลั่นออกมาสำเร็จกับโอสถระดับนี้ที่แทบจะเรียกได้ว่าหายสาบสูญไปแล้ว สำหรับเหล่าจอมยุทธที่ฝึกกังฟูข้ามสาย มูลค่าของมันนั้นสูงยิ่งกว่าทองคำเป็นหมื่นหมื่นแท่งเสียอีกหนึ่งเม็ด ก็สามารถเพิ่มพละกำลังได้ถึงห้าร้อยกิโลกรัม ซึ่งช่วยยกระดับความแข็งแกร่งทางกายได้เป็นอย่างมากหากใช้ยาสามเม็ด เปลี่ยนเป็นในสมัยโบราณจะสามารถทะลวงไปถึงระดับที่อยู่ยงคงกระพันได้แต่ในยุคปัจจุบันด้วยสภาพแวดล้อมที่เป็นแบบนี้ ไม่น่าจะไหวอย่างไรก็ตาม มันก็เพียงพอที่จะยกระดับความแข็งแกร่งทางกายของคนคนหนึ่งให้ไปถึงขีดสุดได้แล้วเขาเก็บโอสถแล้วออกจากห้องครัว จากนั้นจึงตะโกนบอกเวินหว่านเอ๋อร์ที่อยู่ในห้องนั่งเล่นไปว่า "มาที่ห้องของผมหน่อย"ทันใดนั้น ผู้หญิงคนอื่น ๆ ในห้องนั่งเล่นก็จ้องมาทางเวินหว่านเอ๋อร์เป็นตาเดียวแม้ว่าเวินหว่านเอ๋อร์จะเคยประสบกับเหตุการณ์เลวร้ายมามากมายมาก่อน กระทั่งคลานออกมาจากกองซากศพ แต่วินาทีนี้เธอก็ยังอดไม่ได้ที่จะรู้สึกหนังศีรษะชาเล็กน้อยผู้หญิงในห้องนั่งเล
ตรงกันข้ามเรือนร่างกลับสมบูรณ์แบบมากขึ้นเรื่อย ๆ เหมือนเสือชีตาห์ในร่างมนุษย์หลังจากสิ่งสกปรกที่ขับออกมาจากร่างถูกชะล้างออกไป ร่างกายเธอก็ส่งกลิ่นหอมสดชื่นและชวนให้คนดอมดมออกมาผิวพรรณเองก็ทั้งเต่งตึงและกระชับ ไม่เห็นรูขุมขนแม้สักนิดเธอมองดูรูปร่างปัจจุบันของตัวเอง เธอก็รู้สึกพึงพอใจอย่างยิ่งโดยเฉพาะเนินเขาที่ไร้ซึ่งป่าไม้ นี่เป็นสิ่งที่ผู้หญิงมากมายอิจฉา และผู้ชายมากมายถวิลหาโอสถยอดเพชรไม่สามารถใช้งานทั้งหมดพร้อมกันคราวเดียวได้ เนื่องจากร่างกายไม่สามารถย่อยมันได้ทันโดยทั่วไปแล้ว จำเป็นต้องเว้นระยะห่างทุกสามวัน รวมต้องใช้เวลาทั้งสิ้นเก้าวันหลังจากที่เวินหว่านเอ๋อร์อาบน้ำเสร็จและเดินออกจากห้องน้ำ ดวงตาของเย่ซิวก็ตื่นตะลึงถ้าต้องใช้คำหนึ่งมานิยามเวินหว่านเอ๋อร์ในปัจจุบันละก็ ‘งามราวเทพธิดา’เวินหว่านเอ๋อร์ดึงเสื้อที่สวมอยู่แล้วพึมพำ “รู้สึกอึดอัดนิดหน่อยแฮะ”ผู้หญิงโดยส่วนใหญ่ย่อมหวังว่าหน้าอกยิ่งใหญ่ก็ยิ่งดีแต่สำหรับเธอแล้ว ใหญ่เกินไปมีแต่จะกลายเป็นภาระ และไม่เอื้ออำนวยต่อการต่อสู้ขณะนี้เธอกำลังพิจารณาอย่างจริงจังว่าจะเข้ารับการผ่าตัดเพื่อลดภาระนี้ดีหรือไม่หากผู้ห
โอสถยอดเพชรอีกสามเม็ดที่เหลือ แบ่งให้หลิ่วเมิ่งอิ๋น เซี่ยซิ่วซิ่ว และลู่เสวี่ยเอ๋อร์สามคนผู้ที่มีวรยุทธสูงสุดในบรรดาสามคนนี้ในตอนนี้คือ ลู่เสวี่ยเอ๋อร์ เธอมีวรยุทธขั้นสูงระดับห้าเมื่อการก่อสร้างสวนยาของเย่ซิวเสร็จสิ้นแล้ว ก็จะสามารถผลิตเครื่องยาสมุนไพรอันมีค่าที่ผ่านกรรมวิธีการทางเทคนิคออกมาได้เป็นจำนวนมาก ซึ่งสามารถนำเครื่องยาสมุนไพรมาใช้ผลิตยาที่ช่วยเพิ่มวรยุทธเป็นจำนวนมากได้แม้ว่าประสิทธิภาพจะสูญเสียไปบ้างเนื่องจากใช้กรรมวิธีที่ไม่เป็นไปตามธรรมชาติ แต่อย่างไรก็ตามก็สามารถชดเชยได้ด้วยปริมาณลู่เสวี่ยเอ๋อร์ใช้เวลาไม่นานก็สามารถบุกทะลวงไปสู่จอมยุทธขั้นสูงระดับหกและตัวเย่ซิวเองก็สามารถทะลุขีดกำจัดของจอมยุทธก้าวไปสู่ระดับพลังยุทธใหม่ที่สูงขึ้นได้อีกหนึ่งขั้นด้วยเมื่อถึงเวลานั้นก็จะมีหญิงงามทั้งสาวน้อย สาวใหญ่ สาวสวยหยาดเยิ้มจนอยากกลืนกินรอบตัวมากมายให้ได้ค่อย ๆ ใช้ให้เพลินใจ จะได้ไม่เหมือนตอนนี้ที่ทำอะไรไปมากกว่าสัมผัสภายนอกอย่างตอนนี้หลังจากทั้งสามสาวกินโอสถยอดเพชรไปแล้ว เย่ซิวก็ให้ทั้งสามสาวไปพักผ่อนในระหว่างนอนหลับ พลังยาจะถูกดูดซึมได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นจากนั้นเ
ทั้งหมดนี้จะต้องขอบคุณความช่วยเหลือจากแฟนคลับโง่ ๆ เหล่านั้นในกลุ่มแฟนคลับของพวกเขาเต็มไปด้วยเนื้อหาเดียวกัน- “พี่สาวน้องสาว สู้ ๆ นะคะ เพื่อสนับสนุนพี่ชาย ฉันเอาเงินค่าเล่าเรียนและค่าขนมที่คุณแม่ให้ในภาคเรียนหน้าไปซื้อครีมทาหน้าเอซซี่หมดแล้ว!”- “ฉันก็ขโมยเงินส่วนตัวของคุณพ่อที่ซ่อนไว้ทั้งหมดหนึ่งแสนบาทไปซื้อผลิตภัณฑ์ที่พี่ชายเป็นพรีเซนเตอร์มาแล้วด้วย”- “พวกเธอต่อสู้แบบนี้ไม่ได้เรื่องหรอก ฉันกู้เงินสองล้านห้าแสนบาทจากแพลตฟอร์มเงินกู้รายใหญ่ ฉันลำบากนิดหน่อยไม่เป็นไร แต่พี่ชายของฉันจะต้องเป็นดวงดาวที่เจิดจรัสที่สุด!”“พี่สาวน้องสาว สู้ ๆ แม้จะต้องทุ่มจนหมดตัว เราก็จะสร้างอาณาจักรที่ยิ่งใหญ่ให้กับพี่ชายของเราให้ได้!”……ในกลุ่มแฟนคลับเกือบทุกกลุ่มล้วนมีเนื้อหาคล้าย ๆ กันเป็นเพราะความบ้าคลั่งของคนเหล่านี้นี่เองที่ทำให้บริษัทที่เพิ่งเปิดใหม่นี้สามารถขายสินค้าได้จำนวนมากภายในเวลาเพียงหนึ่งสัปดาห์ ยอดขายดังกล่าวพอ ๆ กับยอดขายตลอดหนึ่งปีของบริษัทเครื่องสำอางขนาดกลางในประเทศหลงเถิง“รายงานผลการตรวจสอบออกมาแล้ว”ไป๋อวี้เจี๋ยวางกองเอกสารขนาดใหญ่ไว้ข้างหน้าเย่ซิวด้วยสีหน้าโกรธขึ้ง
ผู้หญิงคนหนึ่งอายุราวสามสิบกว่ายืนอยู่ตรงนั้น ถึงหน้าตาจะดูธรรมดา ๆ แต่รูปร่างเซ็กซี่มากเธอเผยรอยยิ้มอันสวยงามออกมาทันทีหลังจากเห็นไป๋อวี้เตี๋ยเปิดประตู ไป๋อวี้เตี๋ยหันหลังกลับและรีบวิ่งหนีผู้หญิงที่ดูเหมือนไม่มีอันตรายคนนี้เป็นปีศาจชัด ๆ!เธอไม่ชอบผู้ชาย ชอบแต่ผู้หญิงยิ่งไปกว่านั้น ชอบทรมานผู้คนเป็นที่สุดผู้หญิงคนนี้คือศิษย์อาเล็กของเธอผู้หญิงคนไหนตกอยู่ในเงื้อมมือของเธอแล้ว จะต้องลงเอยอย่างน่าสังเวชไป๋อวี้เตี๋ยเห็นมานักต่อนัก และเธอเองก็ไม่คิดอยากลองเด็ดขาดผู้หญิงคนนั้นยืนยิ้มอยู่นอกประตู "ศิษย์พี่หญิงเดาไม่ผิดจริง ๆ เกิดเรื่องขึ้นกับเธอแล้ว”“ในเมื่อเป็นแบบนี้ เธอก็ไม่มีค่าให้ใช้ประโยชน์อะไรอีกแล้ว”“เธอไม่รู้หรอกว่าฉันโหยหาเธอมานานแค่ไหน ในที่สุดวันนี้ฉันก็สมดั่งใจปรารถนาสักที”“วางใจเถอะ ฉันจะทะนุถนอมเธออย่างดี”ชั่วครู่ต่อมา ได้ยินเสียงกรีดร้องดังโหยหวนอันแสนจะสิ้นหวังของไป๋อวี้เตี๋ย ผสานด้วยเสียงหัวเราะอันเย็นชาดังออกมาจากบ้านเช่า......ช่วงนี้เย่ซิวงานยุ่งมากเขามีหลายเรื่องที่ต้องจัดการเรื่องแรก ต้องจดสิทธิบัตรครีมผิวหยก เรื่องที่สองต้องเตรียมความพร้
ในขณะเดียวกัน เสียงของเย่ซิวก็ดังขึ้นข้างหูเขา "สถานที่แห่งนี้ ห้ามฟื้นฟูขึ้นใหม่ภายในหนึ่งร้อยปี มิเช่นนั้นประเทศจ้านฉงตี้จะต้องหายไปจากโลกใบนี้"นี่เป็นทั้งการดูแคลน และยังเป็นการเหยียดหยามอย่างถึงที่สุดให้พวกเขาต้องเผชิญกับความอัปยศนี้ทุกขณะในช่วงเวลาหนึ่งร้อยปีถือเป็นการโต้กลับอย่างแข็งแกร่งของเย่ซิว หลังจากประเทศจ้านฉงตี้พยายามเล่นงานเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่าจักรพรรดิหมีเหล็กกำหมัดแน่นจนเส้นเลือดปูดโปน ความอัปยศอันรุนแรงแผ่ซ่านไปทั่วร่างใบหน้าของเขาบิดเบี้ยวไปด้วยความโกรธแต่ในความโกรธแค้นนั้นกลับแฝงไว้ด้วยความรู้สึกหมดหนทางอย่างลึกล้ำเพียงชั่วพริบตาเดียวราวกับว่าเขาแก่ลงไปอีกหลายสิบปีเดิมทีเส้นผมของเขายังมีสีดำเหลืออยู่ครึ่งหนึ่ง แต่ตอนนี้กลับขาวโพลนทั้งหมดผู้ช่วยที่อยู่ข้างกาย มองดูสภาพของเขาด้วยความสงสาร ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยเสียงแผ่วเบา "ตอนนี้พวกเราควรทำอย่างไรดี? จะยิงจรวดออกไปอีกไหม?""ไม่ต้องแล้ว ไม่มีทางเอาชนะเขาได้หรอก"จักรพรรดิหมีเหล็กส่ายศีรษะอย่างเหนื่อยล้า สายตามองไปยังร่องรอยของกระบี่อันใหญ่โตเบื้องหน้า "ดูเหมือนว่า ถึงเวลาที่ฉันจะต้องหาผู้สืบทอดแล้ว"……ม
เบื้องหน้าของเย่ซิวปรากฏชายชราผู้มีรูปลักษณ์ประหลาดเขามีอายุกว่าร้อยปีแล้ว ดวงตาฝ้าฟางแทบจะลืมขึ้นไม่ได้เส้นผมยาวหลายสิบเมตรถูกถักเป็นเปียและพันรอบร่างกายของตนใต้ฝ่าเท้าของเขามีการ์กอยล์หินเป็นพาหนะ มือขวาถือไม้กายสิทธิ์อันเก่าแก่เย่ซิวกระตุกบังเหียนให้ม้าหยุดลงพลางหรี่ตามองชายชราเล็กน้อย “มีธุระอะไร?”พลังที่แผ่ออกมาจากร่างของชายชราทำให้เย่ซิวรู้สึกได้ถึงอันตรายแม้ว่าจะเป็นเพียงเสี้ยวเดียวก็ตาม“ข้าคือเทพพิทักษ์แห่งประเทศจ้านฉงตี้ ปิดด่านฝึกฝนมาหลายสิบปีแล้วได้ยินว่าประเทศหลงเถิงมีอัจฉริยะที่แข็งแกร่งจึงอยากมาดูให้เห็นกับตา”เย่ซิวไม่แสดงอารมณ์ใด ๆ “ตอนนี้ก็ได้เห็นแล้ว มีอะไรจะชี้แนะหรือเปล่า?”ดวงตาฝ้าฟางของชายชราเพ่งมองเย่ซิวแน่วแน่ แววตานั้นแฝงไปด้วยอันตรายเล็กน้อยก่อนที่เขาจะยิ้มออกมา“ข้าน่ะเป็นคนอยากรู้อยากเห็นเลยอยากจะประลองกับเจ้าสักหน่อย ไม่รู้ว่าจะรับคำท้าหรือไม่”เย่ซิวสัมผัสได้ถึงจิตสังหารที่ซ่อนเร้นของอีกฝ่ายที่บอกว่าเป็นการประลองคงเป็นแค่ข้ออ้างจุดประสงค์ที่แท้จริงคือก็แค่อยากทดสอบพลังของตนเองกับเขาเท่านั้น“ฉันไม่มีคำว่าประลองอะไรทั้งนั้น ถ้าคุณคิ
ทั้งคืนผ่านไปด้วยความว้าวุ่นใจและความกระสับกระส่าย เธอแทบไม่ได้หลับเลยเวลาแปดโมงเช้า เย่ซิวยืนอยู่ริมหน้าต่างมองออกไปยังทิวทัศน์ภายนอกอากาศสดชื่น เสียงนกร้องและกลิ่นหอมของดอกไม้กระจายไปทั่ว ที่นี่มีนกยูงเลี้ยงไว้อยู่หลายตัว บรรยากาศเหมาะแก่การอยู่อาศัยอย่างยิ่ง“คุณเย่ตื่นเช้าจังเลยนะคะ” ลิลิธเดินเข้ามาพร้อมกับก้าวย่างที่อ่อนช้อยดุจแมวป่าฝ่าเท้าขาวผ่องราวหิมะสัมผัสพื้นเบา ๆ ทีละก้าวก่อนจะหยุดอยู่ข้าง ๆ เย่ซิวเธอจ้องมองใบหน้าด้านข้างของเขาด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ยั่วยวนหลังจากฝึกฝนตลอดทั้งคืน พลังของลิลิธก็พุ่งทะยานขึ้นอย่างมหาศาลตอนที่เธอมาที่นี่ เธอไม่เคยคิดเลยว่าตัวเองจะสามารถพัฒนาขึ้นได้เร็วขนาดนี้หากเป็นไปได้ เธอเองก็อยากบำเพ็ญร่วมกับเย่ซิวตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงทั้งวันทั้งคืนบางทีเธออาจสามารถบรรลุถึงระดับพลังที่ไม่มีใครในประเทศจ้านฉงตี้เคยไปถึงมาก่อนแต่น่าเสียดายที่คงเป็นแค่ความฝันที่เป็นไปไม่ได้เย่ซิวไม่ได้ตอบอะไร สายตาของเขายังคงจ้องไปข้างนอกโดยไม่กะพริบตาจินตานห้าสีของเขาหมุนวนอย่างบ้าคลั่งรัศมีพลังที่ส่องออกมาราวกับพระอาทิตย์ที่สว่างไสวและแข็งแกร่งไ
เคย์ฟี่พาลิลิธกลับมาที่ห้องของเธอเธอกับพูโรแยกกันนอนมานานแล้วหลังจากปิดประตู เธอก็รีบดึงลิลิธเข้าไปในห้องน้ำอย่างกระตือรือร้นน้ำร้อนถูกเตรียมไว้ล่วงหน้าแล้วจากนั้นเคย์ฟี่ก็ปิดประตูห้องน้ำเสียงดังปังไม่นานนักก็มีเสียงอุทานของเคย์ฟี่ดังออกมาเป็นระยะด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความอิจฉาลึก ๆครึ่งชั่วโมงต่อมา ทั้งสองก็เดินออกมาจากห้องน้ำเคย์ฟี่ช่วยลิลิธแต่งตัวกับมือ จากนั้นก็ลงเครื่องสำอางให้เธอก่อนจะฉีดน้ำหอมสุดหรูราคาแพงเดิมทีลิลิธก็เป็นหญิงงามอยู่แล้ว แต่ตอนนี้เสน่ห์ของเธอกลับเพิ่มขึ้นไปอีกระดับเธอมองเงาตัวเองในกระจกก่อนจะพยักหน้าด้วยความพอใจ ความมั่นใจของเธอเพิ่มขึ้นมาอีกหลายส่วนจากนั้นเคย์ฟี่ก็พาลิลิธไปยังห้องของเย่ซิว เธอเคาะประตูเบา ๆภายในห้อง แน่นอนว่าเย่ซิวไม่มีความจำเป็นต้องนอนพักเขาเพิ่งกลั่นโอสถไปหลายเตา ซึ่งทั้งหมดนี้ก็เอาไว้ใช้เพื่อเพิ่มพลังบำเพ็ญตนแม้ว่าตอนนี้ผลลัพธ์ของมันอาจจะไม่ได้ทรงพลังมากนัก แต่ถ้าปริมาณมากพอก็ยังสามารถช่วยได้ตอนนี้เขามีโอสถกว่าพันเม็ดแล้วก๊อก! ก๊อก!เสียงเคาะประตูดังขึ้นจากด้านนอก เย่ซิวชะงักเล็กน้อยก่อนจะเก็บเตาหลอมและโอสถท
แต่ลิลิธกลับมีพรสวรรค์ในศาสตร์ด้านนี้สูงมาก จนสามารถฝึกฝนไปถึงระดับที่ไม่เคยมีใครทำได้มาก่อนผู้ชายทั่วไปไม่มีใครกล้าเข้าไปยุ่งกับเธอเลยไม่เช่นนั้น วันรุ่งขึ้นมีหวังกลายเป็นซากศพแห้งตายอย่างแน่นอนแม้ว่าลิลิธจะมีชื่อเสียงด้านความงามโด่งดังไปทั่ว แต่กลับไม่มีใครกล้าเข้าไปยุ่งกับเธอเคย์ฟี่ดวงตาเป็นประกาย “ความคิดนี้ไม่เลวเลยนะ ลิลิธต้องเจอกับผู้ชายที่แข็งแกร่งระดับเย่ซิวเท่านั้นถึงจะรับมือไหวพอลิลิธทำสำเร็จแล้วเข้าไปอ้อนเย่ซิวอีกหน่อยลองชวนให้เขามาลองพี่น้องสุดเซ็กซี่ บางทีเขาอาจจะไม่ปฏิเสธก็ได้”พรีเอลล์ที่ยืนอยู่ข้าง ๆ รีบพูดแทรกขึ้นมา “อย่าลืมแม่ลูกสุดแซ่บด้วย”เคย์ฟี่หัวเราะคิกคัก “อันนี้ก็ต้องดูที่ผลงานของลูกในอนาคตแล้วล่ะ”พูทมองด้วยความอิจฉาผู้ชายที่แท้จริงต้องเป็นแบบเย่ซิว ต้องผ่านดงดอกไม้นับไม่ถ้วนโดยไม่ทิ้งร่องรอยน่าเสียดายที่ถึงแม้เขาจะมีฝีมือพอตัว แต่เมื่อเทียบกับเย่ซิวแล้วยังห่างชั้นกันเกินไปแถมสาว ๆ ที่เขาเคยได้มาก็ยังไม่มีคุณภาพดีเท่านี้เลยด้วยซ้ำหลังจากหารือกันเสร็จ เคย์ฟี่ก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาลิลิธด้วยตัวเองณ เมืองระดับแนวหน้าของประเทศจ้านฉงตี้
เย่ซิวมองสิ่งของที่วางอยู่ตรงหน้าตัวเองโดยไม่มีปฏิกิริยาอะไรมากนักตอนนี้เงินทองพวกนี้ไม่ได้มีผลอะไรมากนักสำหรับเขาแล้วแต่รถยนต์ลอยตัวนั่นนับว่ายังพอมีค่าอยู่บ้างเขาย่อมรู้ดีว่าผู้หญิงคนนี้ทำแบบนี้เพราะอะไรต้องยอมรับว่าเธอมีความกล้าหาญไม่น้อยเลยทีเดียวแต่เพียงแค่นี้ยังไม่พอที่จะทำให้เขาเชื่อใจเธอได้อย่างสมบูรณ์“ของพวกนี้ฉันรับไว้ แต่ถ้าพวกเธอยอมย้ายสำนักงานใหญ่ไปที่สำนักโอสถจะยิ่งดีเข้าไปอีก”หากเป็นเช่นนั้น ส่วนหนึ่งของกำไรที่พวกเขาได้รับในแต่ละปีจะต้องเสียภาษีนอกจากนี้ยังช่วยแก้ปัญหาการพัฒนาบุคลากรท้องถิ่นของสำนักโอสถได้อีกด้วยที่สำคัญที่สุดคือสามารถใช้เป็นมาตรการควบคุมพวกเขาได้หากในอนาคตพวกเขาไม่เชื่อฟังหรือกระทำสิ่งใดที่เป็นภัยต่อสำนักโอสถเย่ซิวสามารถริบทรัพย์สินทั้งหมดของสำนักงานใหญ่ของพวกเขาไปได้ทันทีเมื่อได้ยินเช่นนั้น สีหน้าของทุกคนก็เปลี่ยนไปทันทีเย่ซิวกำลังกุมจุดอ่อนของพวกเขาไว้อย่างแน่นหนาพูโรหัวเราะเสียงดัง “นี่เป็นเรื่องสำคัญมาก บริษัทไม่ได้เป็นของผมเพียงคนเดียว ผมยังไม่อาจตอบตกลงได้ทันทีขอให้ผมจัดประชุมผู้ถือหุ้นในวันพรุ่งนี้ก่อน แล้วผมจะหารือก
นั่นคือสายตาที่มองลงมาจากระดับชีวิตที่สูงกว่าราวกับพวกเขาไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกันเย่ซิวตบไปที่หัวม้าศึกเพลิงน้ำแข็งเบา ๆ มันจึงยอมเก็บพลังของตัวเองกลับไป เปลวไฟที่ลุกโชนอยู่ใต้กีบเท้าก็ค่อย ๆ มอดลงเคย์ฟี่มองเย่ซิวด้วยสายตาร้อนแรงตอนนี้เขาดูสง่างามและทรงอำนาจ ทั้งยังหล่อเหลาเกินบรรยาย เหนือกว่าเจ้าชายขี่ม้าขาวในฝันของเธอเสียอีกเธอถึงกับน้ำลายสอโลกนี้มีผู้ชายที่สมบูรณ์แบบขนาดนี้ได้อย่างไรเย่ซิวหยิบของจำนวนหนึ่งออกมาจากแหวนผนึกของแล้ววางลงตรงหน้าพรีเอลล์กับพวกพ้อง “นี่คือส่วนแบ่งของพวกเธอในครั้งนี้ เอาไปได้เลย”พรีเอลล์ก้มลงมองของตรงหน้า จากนั้นสีหน้าของเธอก็เปลี่ยนไปทันที “ของพวกนี้มันไม่ใช่ของที่พวกเราเคยได้มาจากเรือรบของประเทศจ้านอิงตี้ครั้งก่อนเหรอ?”สิ่งที่เย่ซิวนำออกมาเป็นชุดเกราะและอาวุธต่าง ๆ ที่ได้มาเมื่อนานมาแล้ว“ใช่” เย่ซิวพยักหน้าโดยไม่ปิดบัง “ของที่ฉันได้จากข้างในมีค่ามากเกินไป ไม่สามารถให้พวกเธอได้เลยต้องใช้ของพวกนี้แทน”แม้สองพี่น้องจะรู้สึกไม่ค่อยพอใจนัก แต่ก็ไม่กล้าแสดงออกมาในตอนนี้พูทแววตาเป็นประกายขึ้นมา จากนั้นก็ฉีกเสื้อเป็นผืนเล็ก ๆ แล้วใช้มันมัด
เย่ซิวแสยะยิ้มมุมปาก “แกลองเดาดูสิว่าทำไมฉันถึงมั่นใจกล้าปล่อยแกออกมา”ม้าศึกเพลิงน้ำแข็งรู้สึกถึงบางสิ่งที่ไม่ดีขึ้นมาทันทีแต่มันยังไม่ทันได้คิดให้ถี่ถ้วน เย่ซิวก็เริ่มขยับริมฝีปากร่ายคาถาบางอย่างออกมาทันทีที่เสียงคาถาดังก้องในอากาศ ม้าศึกเพลิงน้ำแข็งก็กรีดร้องอย่างเจ็บปวดทั่วร่างของมันปรากฏอักขระเรืองแสงผุดขึ้นมาจากผิวหนัง ค่อย ๆ ก่อตัวเป็นโซ่ตรวนล่องหนที่พันธนาการมันเอาไว้อย่างแน่นหนามันทรุดลงกับพื้นกลิ้งไปมาอย่างบ้าคลั่งด้วยความทรมาน“สารเลว เหตุใดเจ้าถึง…พอได้แล้ว หยุดเดี๋ยวนี้ บอกว่าให้หยุดอย่างไรเล่า!”มันส่งเสียงร้องปวดร้าวจนใจแทบแตกสลายความปรารถนาที่จะฆ่าเย่ซิวที่มันเคยมีนั้นก็หายไปหมด ตอนนี้เหลือเพียงความหวาดกลัวอย่างท่วมท้นเท่านั้นเย่ซิวมีสีหน้าเรียบเฉยไร้ซึ่งความเมตตา และเขาไม่คิดจะหยุดแต่อย่างใด เขาสวดคาถาต่อเนื่องเป็นเวลากว่าสิบนาทีจนม้าศึกเพลิงน้ำแข็งถูกทรมานจนแทบไม่เหลือแรง เขาจึงหยุดลงในที่สุดตอนนี้ลมหายใจของมันสับสนวุ่นวาย ไม่มีท่าทีเย่อหยิ่งโอหังเช่นตอนแรกอีกต่อไปสายตาที่มันมองเย่ซิวเต็มไปด้วยความหวาดกลัวเมื่อเย่ซิวมีคาถานี้อยู่ในมือ เขาก็สามาร
เย่ซิวกำลังจะเดินออกจากห้องไปแต่ทันใดนั้น เขาหันไปมองที่กลางห้องก่อนจะดีดนิ้วส่งปราณกระบี่ออกไปทำลายพื้นด้านล่างปรากฏว่าข้างใต้มีช่องลับซ่อนอยู่ภายในนั้นมีหีบสีดำใบหนึ่งวางอยู่เย่ซิวสร้างร่างแยกขึ้นมาเพื่อเข้าไปเปิดมันภายในมีม้วนหนังสัตว์ปริศนาที่ไม่รู้ว่าทำจากหนังของสัตว์ชนิดใดเขาหยิบขึ้นมาดู พบว่ามีตัวอักษรเรียงรายแน่นหนาอยู่เต็มไปหมดแต่ไม่ใช่ตัวอักษรที่ใช้กันในปัจจุบัน เย่ซิวจึงอ่านมันไม่ออกในทันทีเขาทำได้แค่เก็บมันไว้ก่อน แล้วค่อยหาทางแก้ไขปริศนาในภายหลังตอนนี้สิ่งที่เหลืออยู่ก็มีเพียงแค่ม้าศึกเพลิงน้ำแข็งเท่านั้นจากนั้นเย่ซิวก็เดินไปยังจุดที่มันถูกผนึกไว้ทันทีที่ม้าศึกเพลิงน้ำแข็งสัมผัสได้ถึงการเข้าใกล้ของเขา มันก็เริ่มส่งเสียงโหยหวนขึ้นมา“ข้ายอมแล้วพี่ชาย ท่านเป็นบรรพบุรุษของข้าเลย ปล่อยข้าไปเถอะ อย่าดูดพลังข้าอีกเลย ถ้าดูดต่อไปข้าต้องตายจริง ๆ แน่”มันไม่เคยเจอมนุษย์ที่โหดร้ายบ้าคลั่งขนาดนี้มาก่อนถ้าไม่ใช่เพราะร่างกายของมันแข็งแกร่งแต่กำเนิด ป่านนี้มันคงสลายไปแล้วเย่ซิวไม่คิดจะเสียเวลาคุยไร้สาระกับมัน เขาก้าวไปข้างหน้าโอบกอดหนึ่งในเสาหลักของผนึก ก่