เบื้องหน้าเย่ซิว บัดนี้มีโอสถสีเหลืองอร่าม ขนาดประมาณนิ้วหัวแม่มืออยู่ทั้งสิ้นหกเม็ด และกำลังส่งกลิ่นหอมของยาอย่างรุนแรงโอสถยอดเพชรถูกกลั่นออกมาสำเร็จกับโอสถระดับนี้ที่แทบจะเรียกได้ว่าหายสาบสูญไปแล้ว สำหรับเหล่าจอมยุทธที่ฝึกกังฟูข้ามสาย มูลค่าของมันนั้นสูงยิ่งกว่าทองคำเป็นหมื่นหมื่นแท่งเสียอีกหนึ่งเม็ด ก็สามารถเพิ่มพละกำลังได้ถึงห้าร้อยกิโลกรัม ซึ่งช่วยยกระดับความแข็งแกร่งทางกายได้เป็นอย่างมากหากใช้ยาสามเม็ด เปลี่ยนเป็นในสมัยโบราณจะสามารถทะลวงไปถึงระดับที่อยู่ยงคงกระพันได้แต่ในยุคปัจจุบันด้วยสภาพแวดล้อมที่เป็นแบบนี้ ไม่น่าจะไหวอย่างไรก็ตาม มันก็เพียงพอที่จะยกระดับความแข็งแกร่งทางกายของคนคนหนึ่งให้ไปถึงขีดสุดได้แล้วเขาเก็บโอสถแล้วออกจากห้องครัว จากนั้นจึงตะโกนบอกเวินหว่านเอ๋อร์ที่อยู่ในห้องนั่งเล่นไปว่า "มาที่ห้องของผมหน่อย"ทันใดนั้น ผู้หญิงคนอื่น ๆ ในห้องนั่งเล่นก็จ้องมาทางเวินหว่านเอ๋อร์เป็นตาเดียวแม้ว่าเวินหว่านเอ๋อร์จะเคยประสบกับเหตุการณ์เลวร้ายมามากมายมาก่อน กระทั่งคลานออกมาจากกองซากศพ แต่วินาทีนี้เธอก็ยังอดไม่ได้ที่จะรู้สึกหนังศีรษะชาเล็กน้อยผู้หญิงในห้องนั่งเล
ตรงกันข้ามเรือนร่างกลับสมบูรณ์แบบมากขึ้นเรื่อย ๆ เหมือนเสือชีตาห์ในร่างมนุษย์หลังจากสิ่งสกปรกที่ขับออกมาจากร่างถูกชะล้างออกไป ร่างกายเธอก็ส่งกลิ่นหอมสดชื่นและชวนให้คนดอมดมออกมาผิวพรรณเองก็ทั้งเต่งตึงและกระชับ ไม่เห็นรูขุมขนแม้สักนิดเธอมองดูรูปร่างปัจจุบันของตัวเอง เธอก็รู้สึกพึงพอใจอย่างยิ่งโดยเฉพาะเนินเขาที่ไร้ซึ่งป่าไม้ นี่เป็นสิ่งที่ผู้หญิงมากมายอิจฉา และผู้ชายมากมายถวิลหาโอสถยอดเพชรไม่สามารถใช้งานทั้งหมดพร้อมกันคราวเดียวได้ เนื่องจากร่างกายไม่สามารถย่อยมันได้ทันโดยทั่วไปแล้ว จำเป็นต้องเว้นระยะห่างทุกสามวัน รวมต้องใช้เวลาทั้งสิ้นเก้าวันหลังจากที่เวินหว่านเอ๋อร์อาบน้ำเสร็จและเดินออกจากห้องน้ำ ดวงตาของเย่ซิวก็ตื่นตะลึงถ้าต้องใช้คำหนึ่งมานิยามเวินหว่านเอ๋อร์ในปัจจุบันละก็ ‘งามราวเทพธิดา’เวินหว่านเอ๋อร์ดึงเสื้อที่สวมอยู่แล้วพึมพำ “รู้สึกอึดอัดนิดหน่อยแฮะ”ผู้หญิงโดยส่วนใหญ่ย่อมหวังว่าหน้าอกยิ่งใหญ่ก็ยิ่งดีแต่สำหรับเธอแล้ว ใหญ่เกินไปมีแต่จะกลายเป็นภาระ และไม่เอื้ออำนวยต่อการต่อสู้ขณะนี้เธอกำลังพิจารณาอย่างจริงจังว่าจะเข้ารับการผ่าตัดเพื่อลดภาระนี้ดีหรือไม่หากผู้ห
โอสถยอดเพชรอีกสามเม็ดที่เหลือ แบ่งให้หลิ่วเมิ่งอิ๋น เซี่ยซิ่วซิ่ว และลู่เสวี่ยเอ๋อร์สามคนผู้ที่มีวรยุทธสูงสุดในบรรดาสามคนนี้ในตอนนี้คือ ลู่เสวี่ยเอ๋อร์ เธอมีวรยุทธขั้นสูงระดับห้าเมื่อการก่อสร้างสวนยาของเย่ซิวเสร็จสิ้นแล้ว ก็จะสามารถผลิตเครื่องยาสมุนไพรอันมีค่าที่ผ่านกรรมวิธีการทางเทคนิคออกมาได้เป็นจำนวนมาก ซึ่งสามารถนำเครื่องยาสมุนไพรมาใช้ผลิตยาที่ช่วยเพิ่มวรยุทธเป็นจำนวนมากได้แม้ว่าประสิทธิภาพจะสูญเสียไปบ้างเนื่องจากใช้กรรมวิธีที่ไม่เป็นไปตามธรรมชาติ แต่อย่างไรก็ตามก็สามารถชดเชยได้ด้วยปริมาณลู่เสวี่ยเอ๋อร์ใช้เวลาไม่นานก็สามารถบุกทะลวงไปสู่จอมยุทธขั้นสูงระดับหกและตัวเย่ซิวเองก็สามารถทะลุขีดกำจัดของจอมยุทธก้าวไปสู่ระดับพลังยุทธใหม่ที่สูงขึ้นได้อีกหนึ่งขั้นด้วยเมื่อถึงเวลานั้นก็จะมีหญิงงามทั้งสาวน้อย สาวใหญ่ สาวสวยหยาดเยิ้มจนอยากกลืนกินรอบตัวมากมายให้ได้ค่อย ๆ ใช้ให้เพลินใจ จะได้ไม่เหมือนตอนนี้ที่ทำอะไรไปมากกว่าสัมผัสภายนอกอย่างตอนนี้หลังจากทั้งสามสาวกินโอสถยอดเพชรไปแล้ว เย่ซิวก็ให้ทั้งสามสาวไปพักผ่อนในระหว่างนอนหลับ พลังยาจะถูกดูดซึมได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นจากนั้นเ
ทั้งหมดนี้จะต้องขอบคุณความช่วยเหลือจากแฟนคลับโง่ ๆ เหล่านั้นในกลุ่มแฟนคลับของพวกเขาเต็มไปด้วยเนื้อหาเดียวกัน- “พี่สาวน้องสาว สู้ ๆ นะคะ เพื่อสนับสนุนพี่ชาย ฉันเอาเงินค่าเล่าเรียนและค่าขนมที่คุณแม่ให้ในภาคเรียนหน้าไปซื้อครีมทาหน้าเอซซี่หมดแล้ว!”- “ฉันก็ขโมยเงินส่วนตัวของคุณพ่อที่ซ่อนไว้ทั้งหมดหนึ่งแสนบาทไปซื้อผลิตภัณฑ์ที่พี่ชายเป็นพรีเซนเตอร์มาแล้วด้วย”- “พวกเธอต่อสู้แบบนี้ไม่ได้เรื่องหรอก ฉันกู้เงินสองล้านห้าแสนบาทจากแพลตฟอร์มเงินกู้รายใหญ่ ฉันลำบากนิดหน่อยไม่เป็นไร แต่พี่ชายของฉันจะต้องเป็นดวงดาวที่เจิดจรัสที่สุด!”“พี่สาวน้องสาว สู้ ๆ แม้จะต้องทุ่มจนหมดตัว เราก็จะสร้างอาณาจักรที่ยิ่งใหญ่ให้กับพี่ชายของเราให้ได้!”……ในกลุ่มแฟนคลับเกือบทุกกลุ่มล้วนมีเนื้อหาคล้าย ๆ กันเป็นเพราะความบ้าคลั่งของคนเหล่านี้นี่เองที่ทำให้บริษัทที่เพิ่งเปิดใหม่นี้สามารถขายสินค้าได้จำนวนมากภายในเวลาเพียงหนึ่งสัปดาห์ ยอดขายดังกล่าวพอ ๆ กับยอดขายตลอดหนึ่งปีของบริษัทเครื่องสำอางขนาดกลางในประเทศหลงเถิง“รายงานผลการตรวจสอบออกมาแล้ว”ไป๋อวี้เจี๋ยวางกองเอกสารขนาดใหญ่ไว้ข้างหน้าเย่ซิวด้วยสีหน้าโกรธขึ้ง
ผู้หญิงคนหนึ่งอายุราวสามสิบกว่ายืนอยู่ตรงนั้น ถึงหน้าตาจะดูธรรมดา ๆ แต่รูปร่างเซ็กซี่มากเธอเผยรอยยิ้มอันสวยงามออกมาทันทีหลังจากเห็นไป๋อวี้เตี๋ยเปิดประตู ไป๋อวี้เตี๋ยหันหลังกลับและรีบวิ่งหนีผู้หญิงที่ดูเหมือนไม่มีอันตรายคนนี้เป็นปีศาจชัด ๆ!เธอไม่ชอบผู้ชาย ชอบแต่ผู้หญิงยิ่งไปกว่านั้น ชอบทรมานผู้คนเป็นที่สุดผู้หญิงคนนี้คือศิษย์อาเล็กของเธอผู้หญิงคนไหนตกอยู่ในเงื้อมมือของเธอแล้ว จะต้องลงเอยอย่างน่าสังเวชไป๋อวี้เตี๋ยเห็นมานักต่อนัก และเธอเองก็ไม่คิดอยากลองเด็ดขาดผู้หญิงคนนั้นยืนยิ้มอยู่นอกประตู "ศิษย์พี่หญิงเดาไม่ผิดจริง ๆ เกิดเรื่องขึ้นกับเธอแล้ว”“ในเมื่อเป็นแบบนี้ เธอก็ไม่มีค่าให้ใช้ประโยชน์อะไรอีกแล้ว”“เธอไม่รู้หรอกว่าฉันโหยหาเธอมานานแค่ไหน ในที่สุดวันนี้ฉันก็สมดั่งใจปรารถนาสักที”“วางใจเถอะ ฉันจะทะนุถนอมเธออย่างดี”ชั่วครู่ต่อมา ได้ยินเสียงกรีดร้องดังโหยหวนอันแสนจะสิ้นหวังของไป๋อวี้เตี๋ย ผสานด้วยเสียงหัวเราะอันเย็นชาดังออกมาจากบ้านเช่า......ช่วงนี้เย่ซิวงานยุ่งมากเขามีหลายเรื่องที่ต้องจัดการเรื่องแรก ต้องจดสิทธิบัตรครีมผิวหยก เรื่องที่สองต้องเตรียมความพร้
หลินซวงส่งเสียงครวญครางเย้ายวนจากปลายจมูกของเธอทันทีที่มันเปล่งออกมา เธอรู้สึกอายมากจนแทบอยากแทรกแผ่นดินหนีแต่ช่วยไม่ได้ เพราะฝีมือนวดของเย่ซิวนั้นยอดเยี่ยมเกินไปนอกจากนี้เขายังใช้กำลังภายในเล็กน้อยเพื่อปรับสมดุลเส้นลมปราณของหลินซวงเธอลืมตาขึ้นและมองไปที่เซี่ยซิ่วซิ่วเซี่ยซิ่วซิ่วกำลังมองไปที่คอมพิวเตอร์ เธอจดจ่อมากจนดูเหมือนว่าไม่ได้ยินอะไรสิ่งนี้ทำให้หลินซวงโล่งอกมากขึ้นหลังจากนวดไปสักพัก เย่ซิวก็เอามือออก "คุณรู้สึกอย่างไรบ้าง?"“สุดยอด ร่างกายผ่อนคลาย รู้สึกเต็มไปด้วยพลังแล้วค่ะ!"หลินซวงรู้สึกประหลาดใจอย่างยิ่ง และมองไปที่เย่ซิวด้วยความชื่นชม "ฉันไม่คิดเลยว่า คุณเย่จะมีทักษะเช่นนี้ด้วย"เย่ซิวยิ้ม "ครูพักลักจำน่ะ คุณคงหิวแล้ว"หลินซวงท้องร้องจ๊อกๆ ใบหน้าที่สวยงามของเธอเปลี่ยนเป็นสีแดงเพราะความอาย "หิวนิดหน่อยค่ะ เดี๋ยวฉันให้คนไปเตรียมอาหารให้นะคะ คุณสองคนจะทานข้าวด้วยกันไหม?"“ไม่ต้องหรอก” เย่ซิวชี้ไปที่มุมห้อง “ตรงนั้นมีหม้อไฟกึ่งสำเร็จรูปไม่ใช่เหรอ? พวกเราทานอันนั้นด้วยกันเถอะ”หลินซวงพยักหน้าด้วยสีหน้ากระอักกระอ่วนใจ "เอาอย่างนั้นก็ได้ค่ะ ถ้างั้นพวกคุณนั่งกั
ช่วงนี้เย่ซิวยุ่งอยู่กับสวนสมุนไพรอยู่ตลอด ดังนั้นเขาจึงไม่มีเวลาจัดการกับตาวหวังและหนานหวังแต่ในเมื่อพวกเขากล้าส่งคนมาหยามถึงที่นี่ เย่ซิวจึงไม่อาจนิ่งเฉยได้อีกต่อไปเช้าวันรุ่งขึ้นเย่ซิวเรียกจอมยุทธมาอีกสิบคนส่งเซี่ยซิ่วซิ่วไปที่บริษัท จากนั้นโทรหาเวินหว่านเอ๋อร์ขอให้เธอสืบให้หน่อยว่าตอนนี้หนานหวังและตาวหวังอยู่ที่ไหนหลังจากที่เวินหว่านเอ๋อร์กินโอสถยอดเพชรไปสามเม็ด พละกำลังของเธอก็ดีขึ้นมากเมื่อเทียบกับก่อนที่เธอจะได้รับบาดเจ็บ เธอรอคอยวันนี้มานานแล้วเธอใช้อำนาจทั้งหมดขององค์กรข่าวกรองหาเบาะแสที่อยู่ของทั้งสองคนนั้นหลังจากนั้นไม่นาน ก็มีสายโทรเข้า ไม่ใช่จากเวินหว่านเอ๋อร์ แต่เป็นหมายเลขโทรศัพท์ต่างประเทศหลังจากรับสายแล้ว ภาษาที่อีกฝั่งพูดคือภาษาประเทศกงประเทศกงเป็นประเทศที่มีอันดับทางเศรษฐกิจเป็นอันดับหกของโลก มีเทคโนโลยีเครื่องจักรกลที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวเย่ซิวให้คนสั่งซื้อสายการผลิตอัตโนมัติที่มีความแม่นยำสูงหนึ่งร้อยสายการผลิตจากที่นั่นเพื่อเอามาผลิตครีมผิวหยกสายการผลิตเหล่านี้เพียงอย่างเดียวมีราคามากกว่าหกแสนล้านนอกจากนี้ยังสั่งซื้อโรงเรือนเพาะปลูกอุณหภูมิค
หลิวเสี่ยวอวี้เป็นเพียงนักศึกษาชั้นปีสามเท่านั้นสถานะทางการเงินของครอบครัวไม่ดีนัก เต้นรำเธอก็เรียนด้วยตัวเองเธอมาที่นี่เพียงเพื่อทำงานพาร์ตไทม์ หาเงินค่าครองชีพและค่าเล่าเรียนเล็กน้อยส่วนที่เหลือก็ส่งกลับบ้านให้พ่อแม่ที่แก่เฒ่าและป่วยบ่อยถึงภาระบนบ่าของเธอจะหนักอึ้ง แต่ก็ล้ำเส้นในหลักการของตัวเองไม่เช่นนั้นด้วยหน้าตาและความสามารถของเธอ แค่เธอออกไปรับแขกเพียงไม่กี่คน ก็สามารถทำให้ทั้งครอบครัวมีชีวิตที่สุขสบายได้“ไม่นะ พี่ชาย ปล่อยฉันไปเถอะ” หลิวเสี่ยวอวี้ถอยไปที่มุมห้อง ถอยจนไม่สามารถถอยไปไหนได้อีกเวลานี้เธอไม่สามารถทำอะไรได้นอกจากร้องขอความเมตตาสุดชีวิตเท่านั้นสำหรับพวกโรคจิตกลุ่มนี้ ยิ่งหลิวเสี่ยวอวี้ร้องขอความเมตตามากเท่าไร พวกเขาก็ยิ่งตื่นเต้นมากขึ้นเท่านั้น“ยินดีต้อนรับค่ะเถ้าแก่”เย่ซิวและเวินหว่านเอ๋อร์มาถึงประตูทางเข้าสถานบันเทิงสตาร์ไลท์คลับ ผู้จัดการร้านคือหญิงสาวหุ่นอวบอิ่ม สวมกางเกงขาสั้น ใส่เสื้อครอป เดินออกมาทักทายเธอชื่อหลิวอวี่เย่ซิวแจ้งให้เธอทราบล่วงหน้าเมื่อมาถึงแล้ว เย่ซิวเดินตรงไปที่ลิฟต์โดยไม่พูดไร้สาระใด ๆ ติ้ง!ขณะที่ลิฟต์เปิดออก เป็
หญิงสาวไม่ได้ตอบคำถาม แต่กลับนั่งลงและเริ่มชงชาท่วงท่าของเธอลื่นไหลราวสายน้ำ ทำได้อย่างรวดเร็วเพียงครู่เดียว ถ้วยชาก็ถูกวางลงตรงหน้าเย่ซิว "ดื่มชาก่อน แล้วค่อยคุยกัน"เย่ซิวไม่ได้รู้สึกถึงความเป็นศัตรูจากหญิงสาวคนนี้ จึงระงับความสงสัยในใจชั่วคราวและนั่งลงกลิ่นหอมของชาไป๋หลิงที่ลอยออกมาไม่ธรรมดาเลยจริง ๆ แม้แต่เขาที่อยู่ในระดับวิญญาณก่อกำเนิดก็ยังรู้สึกเคลิบเคลิ้มเย่ซิวไม่กังวลว่าชานี้จะมีปัญหาภายในระดับวิญญาณก่อกำเนิดของเขามีสัตว์วิญญาณกิเลนและกระบี่หายนะคอยปกป้องอยู่ต่อให้มีพิษ ก็จะถูกขจัดออกไป ดังนั้นเขาจึงดื่มลงไปในรวดเดียวทันใดนั้นระดับวิญญาณก่อกำเนิดของเขาพลันก็เปล่งประกายแสงห้าสีสว่างจ้าพลังของมันแน่นหนาขึ้น และยังขยายตัวขึ้นกว่าเดิมดวงตาของเย่ซิวเป็นประกาย ด้วยความรู้สึกที่ชัดเจนว่าระดับพลังของเขาเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งร้อยปีถ้าได้ดื่มแบบนี้อีกสักห้าสิบครั้ง เขาก็จะสามารถก้าวเข้าสู่ระดับวิญญาณก่อกำเนิดขั้นกลางได้แล้วใช่แล้ว ยิ่งระดับพลังสูงขึ้น ทรัพยากรที่ต้องใช้ในการทะลวงผ่านไปยังระดับถัดไปก็จะยิ่งมหาศาลขึ้นหลังจากดื่มชาเสร็จ เย่ซิวจ้องมองหญิงสาวตรงหน้า "ตอนน
เมดูซ่ายืนอยู่ตรงนั้นราวกับเป็นขุนเขาสูงใหญ่ที่ไม่มีใครสามารถก้าวข้ามไปได้ทำให้ใจของทุกคนในสำนักโอสถรู้สึกหนักอึ้งผู้หญิงคนนี้แข็งแกร่งถึงเพียงนี้เชียวหรือตั้งแต่ต้นจนถึงตอนนี้ เธอยังไม่ได้ขยับแม้แต่ก้าวเดียว แค่ใช้สายตาก็สามารถเอาชนะทุกคนได้หมดแล้วณ ประเทศจ้านอิงตี้จักรพรรดิอินทรีครามเมื่อเห็นฉากนี้ ก็หัวเราะออกมาอย่างสะใจ “ฮ่าฮ่าฮ่า! สมกับเป็นเมดูซ่าในตำนาน แข็งแกร่งสมคำร่ำลือ! ต่อให้เย่ซิวมาเองก็ต้องตาย!”เขาเริ่มจินตนาการถึงวันที่ตัวเองจะสามารถรวมโลกให้เป็นหนึ่ง และเหยียบทุกคนไว้ใต้ฝ่าเท้า“ฉันจะเป็นคู่มือให้เธอเอง”เย่หลิงที่กอดกระบี่ยาวไว้ในอ้อมแขนก้าวออกมาสองร่างแยกในเงามืด หนึ่งในนั้นก็เตรียมพร้อมจะลงมือเช่นกันพลังของเมดูซ่านั้นร้ายกาจอย่างแท้จริงอีกทั้งระดับพลังของเธอก็บรรลุถึงระดับจินตานขั้นสมบูรณ์ หากต้องการเอาชนะเธอ มีเพียงร่างแยกเท่านั้นที่สามารถลงมือได้แต่ในขณะนั้นเอง สองร่างแยกกลับเปลี่ยนสีหน้าอย่างฉับพลัน โดยไม่ต้องคิดอะไรทั้งสิ้นก็พุ่งตรงไปยังห้องลับร่างหลักตกอยู่ในอันตราย!เมดูซ่ามองไปที่เย่หลิง แล้วแลบลิ้นเลียริมฝีปาก “พวกขยะพวกนั้นไม่มีค่าอะไ
“ดีมาก” เมดูซ่าจ้องมองเย่หลิงด้วยสายตาราวกับมองเหยื่อ “ของอร่อยย่อมต้องเก็บไว้กินทีหลัง”เย่หลิงขมวดคิ้วเล็กน้อย รู้สึกอยากลงมือ แต่สุดท้ายก็อดกลั้นไว้เมดูซ่าหันไปมองลู่เสวี่ยเอ๋อร์อีกครั้ง “เย่ซิวล่ะ? ให้เขาไสหัวออกมารับความตายซะ”ลู่เสวี่ยเอ๋อร์ไม่ถ่อมตัวแต่ก็ไม่โอหัง “ถ้าแค่เรื่องเล็กน้อยแค่นี้ยังต้องให้เขาออกมาเอง งั้นศักดิ์ศรีของเขาก็คงไร้ค่าเกินไปแล้ว”ความหมายโดยนัยก็คือพวกแกไม่คู่ควรให้เย่ซิวต้องออกมาสู้ด้วยเมดูซ่ามีสีหน้าเย็นชา “ดีมาก งั้นฉันจะจัดการพวกเธอก่อน มาดูกันว่าเขาจะยังเป็นเต่าหดหัวอยู่หรือเปล่าไม่ต้องมีพิธีรีตองมากมาย ทั้งสองฝ่ายส่งคนขึ้นไปประลองตัวต่อตัวใครแพ้ก็ลงมา จนกว่าจะไม่มีใครกล้าขึ้นไปอีก”ลู่เสวี่ยเอ๋อร์เอ่ยถาม “แล้วเดิมพันคืออะไร?”“ชีวิตของพวกเธอไง”ทันทีที่คำพูดนี้ดังขึ้น ทุกคนก็รู้สึกถึงไอสังหารเย็นยะเยือกที่พุ่งเข้าใส่แม้ว่าลู่เสวี่ยเอ๋อร์จะยังคงสีหน้าปกติ แต่ในใจกลับลังเลนี่เป็นการเดิมพันที่ใหญ่เกินไปแต่ตอนนี้เธอไม่มีเวลาคิดอะไรมากแล้ว เธอกัดฟันตอบ “ตกลง พวกเรายอมเดิมพัน”ทั้งสองฝ่ายจัดขบวนเตรียมพร้อมประลองฝั่งสำนักโอสถส่งเฉินหลา
หลังจากลองวิธีต่าง ๆ แล้วไม่ได้ผล เย่ซิวก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้เขายื่นมือขาวเนียนเล็ก ๆ ออกไปแตะที่ม่านพลัง ก่อนจะกระตุ้นวิชาแปรมังกรอย่างไม่ลังเลทันใดนั้น พลังอันมหาศาลก็ไหลทะลักเข้าสู่ระดับวิญญาณก่อกำเนิดของเย่ซิวอย่างบ้าคลั่งทำให้ทั้งระดับวิญญาณก่อกำเนิดเข้าสู่สภาวะมังกรแปลงร่างของเขาเริ่มงอกเกล็ดมังกร หางมังกร และกรงเล็บมังกรออกมาหญิงสาวเผยแววตื่นตะลึงในดวงตา “วิชายุทธ์ช่างแข็งแกร่งนัก ถึงกับสามารถกลืนพลังของค่ายกลนี้ได้”เธอไม่ปล่อยให้เย่ซิวดูดกลืนพลังต่อไป เพราะถ้าหากปล่อยไว้นานกว่านี้ ค่ายกลต้องพังทลายแน่นอนเธอโบกมือครั้งหนึ่ง ค่ายกลจึงเปิดช่องออก “เข้ามาสิ”เย่ซิวรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย เขากำลังสนุกกับการดูดกลืนพลังอยู่แท้ ๆแต่หญิงสาวตรงหน้าก็ไม่ได้แสดงท่าทีเป็นศัตรูอย่างน้อยก็ในตอนนี้เย่ซิวย่อมไม่อาจทำตัวเหมือนโจรได้“ขอบคุณแม่นาง”เย่ซิวพุ่งเข้าไปข้างในหญิงสาวเดินนำหน้าไปอย่างสง่างาม เอวบางอ้อนแอ้นของเธอบิดไหวเล็กน้อย ดูแล้วชวนให้เพลินตาทันทีที่เย่ซิวก้าวเข้ามาข้างใน สีหน้าของเขาพลันก็เปลี่ยนเป็นตกตะลึง......แม้ว่าเย่ซิวจะอยู่บนดวงจันทร์ได้ไม่นา
ยังมีม้าศึกเพลิงน้ำแข็ง อีกทั้งลู่เสวี่ยเอ๋อร์และพวกเธอล้วนมีระดับพลังอย่างน้อยอยู่ในช่วงสร้างพื้นฐานขั้นกลางบวกกับจักรกลมังกรดำ ทำให้พวกเขาเริ่มมีเค้าลางของมหาอำนาจสิ่งเดียวที่ขาดไปคืออุตสาหกรรมเศรษฐกิจระดับล่าง ซึ่งยังไม่สามารถยกระดับขึ้นมาได้อย่างสมบูรณ์“โอเค ฉันเข้าใจแล้ว”“จริงสิ” เซี่ยซิ่วซิ่วพูดขึ้นอีกประโยค “ส่งคำเชิญไปให้ประเทศหลงเถิงด้วย ถ้ามีพวกเขาช่วย ประเทศจ้านอิงตี้ก็คงไม่กล้าเล่นตุกติก”เฉินหลานกับหวังซวงตาเป็นประกาย พวกเขาเกือบลืมไปเลยว่าประเทศหลงเถิงเป็นแบ็กอัพที่แข็งแกร่งไม่นาน ข่าวนี้ก็แพร่กระจายไปทั่วโลกดึงดูดสื่อมากมายนับไม่ถ้วนให้พากันรีบไปที่สำนักโอสถแม้แต่นักเดินทางเดียวดายบางคนก็เริ่มเตรียมตัวเดินทางไปเงียบ ๆนี่คือมหกรรมที่ยิ่งใหญ่ระดับสุดยอดคนที่มองการณ์ไกลล้วนมองออกว่าประเทศจ้านอิงตี้ไม่ได้มาด้วยเจตนาดีทั้งที่รู้ว่าเย่ซิวแข็งแกร่งขนาดนั้น แต่ยังกล้าเป็นฝ่ายริเริ่มเปิดการเจรจาแบบนี้ แสดงว่าพวกเขาต้องมีอะไรให้พึ่งพาทางด้านประเทศหลงเถิง หลังจากได้รับข่าวอัครมหาเสนาบดีกับผู้นำก็หารือกันว่าจะส่งใครไปเข้าร่วมนายกรัฐมนตรีเหมือนนึกอะไรขึ้นมาได
เส้นผมของหวังซวงยังคงเปียกชื้นเธอสวมชุดนอนผ้าไหมที่แนบสนิทไปกับร่างกาย เผยให้เห็นสัดส่วนอันเย้ายวนของเธอเห็นได้ชัดว่าเธอเพิ่งอาบน้ำเสร็จเธอนั่งอยู่บนเตียง มือซ้ายถือรูปของเย่ซิว จ้องมองมันด้วยสายตาหลงใหล“อาจารย์ อาจารย์รู้ไหมว่าฉันชอบอาจารย์อาจารย์ช่างหล่อเหลา พลังของท่านก็แข็งแกร่ง ร่างกายของอาจารย์ยังสมบูรณ์แบบ แข็งแกร่งมาก...อาจารย์รู้ไหม? ทุกค่ำคืนฉันมักจะฝันถึงอาจารย์ ในความฝันฉันได้...กับอาจารย์”เธอกัดริมฝีปากเบา ๆ สีหน้าเต็มไปด้วยความปรารถนาเย่ซิวไม่เคยคาดคิดมาก่อนเลยว่าเด็กคนนี้จะมีความคิดเช่นนี้กับตนเองเขาส่ายหน้าเบา ๆ ก่อนจะหมุนตัวจากไปตอนนี้ผู้หญิงรอบตัวเขามีมากพอแล้ว ไม่มีความจำเป็นต้องรับเข้ามาเพิ่มอีกคนเย่ซิวลอยขึ้นไปเหนือสำนักโอสถเขาเงยหน้าขึ้นมองดวงจันทร์ที่แขวนอยู่บนท้องฟ้า พลันเกิดความคิดที่บ้าบิ่นขึ้นมา“บนดวงจันทร์มีอะไรอยู่กันแน่?”แม้ว่าในอดีตจะมีหลายประเทศที่ส่งยานอวกาศพร้อมมนุษย์ขึ้นไปสำรวจ และมีคนจริง ๆขึ้นไปเหยียบดวงจันทร์ได้แล้วแต่ขอบเขตที่พวกเขาเดินทางไปได้นั้นยังมีจำกัดยังมีพื้นที่อันลี้ลับบนดวงจันทร์ที่ไม่เคยถูกค้นพบที่สำคัญ
ภายในห้องลับ เย่ซิวไม่อาจรับรู้ถึงการไหลผ่านของกาลเวลาได้เลยจิตวิญญาณทั้งหมดของเขาจดจ่ออยู่กับการหลอมรวมระดับวิญญาณก่อกำเนิดด้วยรากฐานอันแข็งแกร่งและการเตรียมพร้อมที่เพียงพอ การทะลวงระดับของเขาจึงราบรื่นไร้อุปสรรคในวันที่แปดของการปิดด่าน เขาสามารถควบแน่นระดับวิญญาณก่อกำเนิดได้สำเร็จระดับวิญญาณก่อกำเนิดของเขามีห้าสีเช่นกันยิ่งไปกว่านั้น ขนาดของมันยังใหญ่กว่าระดับวิญญาณก่อกำเนิดขั้นต้นทั่วไปอยู่หนึ่งเท่าพลังวิญญาณเกิดการเปลี่ยนแปลงเชิงคุณภาพอีกครั้งหากเปรียบพลังวิญญาณของเขาในอดีตเป็นเพียงตะปู ตอนนี้มันกลับกลายเป็นกระบี่ยาวเล่มหนึ่งแล้วการเพิ่มพูนของพลัง ส่งผลสะท้อนกลับเข้าสู่ร่างกายโลหิตและกล้ามเนื้อของเย่ซิวเปล่งประกายราวกับอัญมณี ดวงตาของเขาส่องแสงเจิดจ้าดุจตะวันดวงน้อยเพียงแค่คิด ระดับวิญญาณก่อกำเนิดก็แยกออกจากร่าง ลอยขึ้นสำรวจโดยรอบความรู้สึกนี้ช่างแปลกประหลาดยิ่งนักระดับวิญญาณก่อกำเนิดคือผลรวมของจินตานและจิตวิญญาณที่หลอมรวมกันก่อนที่จะทะลวงระดับ หากจิตวิญญาณของเย่ซิวออกจากร่าง มันจะได้รับความเสียหายอย่างร้ายแรงแม้แต่พลังของเขาก็ไม่อาจยื้อเวลาให้อยู่นอกกาย
ยังคงเป็นที่ห้องทดลองชีวภาพหมายเลขเก้าในประเทศจ้านอิงตี้หลังจากที่ประเทศจ้านอิงตี้ทุ่มเททุกวิถีทางในการเพาะเลี้ยงมาตลอดช่วงเวลานี้นักรบยีนสิบคนกับสิ่งมีชีวิตโบราณก็ได้หลอมรวมจนถึงระดับแปดสิบเปอร์เซ็นต์ เพียงแค่แรงกดดันที่แผ่ออกมาจากพวกเขา ก็ทำให้พื้นของห้องทดลองแทบจะรับไม่ไหว เกิดรอยร้าวมากมายเหล่านักวิทยาศาสตร์ที่อยู่นอกห้องทดลองมองดูพวกเขาด้วยรอยยิ้มแห่งความพึงพอใจแต่ยังไม่ทันที่พวกเขาจะดำเนินการขั้นตอนต่อไป ก็เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้นจู่ ๆ นักรบยีนทั้งสิบคนก็เข้าห้ำหั่นกันเอง เลือดสาดกระจายไปทั่ว ราวกับนรกบนดินนักวิทยาศาสตร์ภายนอกรีบฉีดสเปรย์สารควบคุมชนิดต่าง ๆ เข้าไป แต่กลับไม่มีผลใด ๆ“แย่แล้ว! รีบเข้าสู่สถานะเตือนภัยด่วน!”เหล่านักวิทยาศาสตร์ตกตะลึงสุดขีด รู้สึกว่าสถานการณ์เริ่มเกินกว่าการควบคุมตู้ม!ทันใดนั้น พลังงานบางอย่างปะทุขึ้น ทำให้ทั้งห้องทดลองสั่นสะเทือนราวกับจะพังทลายจากนั้น ร่างของหญิงสาวคนหนึ่งก็ก้าวออกมาจากข้างในเธอมีใบหน้าที่งดงามสะกดสายตา อีกทั้งรูปร่างยังเย้ายวนเกินต้านทานแต่สิ่งที่แตกต่างจากมนุษย์ทั่วไป ก็คือเส้นผมของเธอทั้งหมดกลับเป็นอส
ในขณะเดียวกัน เสียงของเย่ซิวก็ดังขึ้นข้างหูเขา "สถานที่แห่งนี้ ห้ามฟื้นฟูขึ้นใหม่ภายในหนึ่งร้อยปี มิเช่นนั้นประเทศจ้านฉงตี้จะต้องหายไปจากโลกใบนี้"นี่เป็นทั้งการดูแคลน และยังเป็นการเหยียดหยามอย่างถึงที่สุดให้พวกเขาต้องเผชิญกับความอัปยศนี้ทุกขณะในช่วงเวลาหนึ่งร้อยปีถือเป็นการโต้กลับอย่างแข็งแกร่งของเย่ซิว หลังจากประเทศจ้านฉงตี้พยายามเล่นงานเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่าจักรพรรดิหมีเหล็กกำหมัดแน่นจนเส้นเลือดปูดโปน ความอัปยศอันรุนแรงแผ่ซ่านไปทั่วร่างใบหน้าของเขาบิดเบี้ยวไปด้วยความโกรธแต่ในความโกรธแค้นนั้นกลับแฝงไว้ด้วยความรู้สึกหมดหนทางอย่างลึกล้ำเพียงชั่วพริบตาเดียวราวกับว่าเขาแก่ลงไปอีกหลายสิบปีเดิมทีเส้นผมของเขายังมีสีดำเหลืออยู่ครึ่งหนึ่ง แต่ตอนนี้กลับขาวโพลนทั้งหมดผู้ช่วยที่อยู่ข้างกาย มองดูสภาพของเขาด้วยความสงสาร ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยเสียงแผ่วเบา "ตอนนี้พวกเราควรทำอย่างไรดี? จะยิงจรวดออกไปอีกไหม?""ไม่ต้องแล้ว ไม่มีทางเอาชนะเขาได้หรอก"จักรพรรดิหมีเหล็กส่ายศีรษะอย่างเหนื่อยล้า สายตามองไปยังร่องรอยของกระบี่อันใหญ่โตเบื้องหน้า "ดูเหมือนว่า ถึงเวลาที่ฉันจะต้องหาผู้สืบทอดแล้ว"……ม