หลิวเสี่ยวอวี้เป็นเพียงนักศึกษาชั้นปีสามเท่านั้นสถานะทางการเงินของครอบครัวไม่ดีนัก เต้นรำเธอก็เรียนด้วยตัวเองเธอมาที่นี่เพียงเพื่อทำงานพาร์ตไทม์ หาเงินค่าครองชีพและค่าเล่าเรียนเล็กน้อยส่วนที่เหลือก็ส่งกลับบ้านให้พ่อแม่ที่แก่เฒ่าและป่วยบ่อยถึงภาระบนบ่าของเธอจะหนักอึ้ง แต่ก็ล้ำเส้นในหลักการของตัวเองไม่เช่นนั้นด้วยหน้าตาและความสามารถของเธอ แค่เธอออกไปรับแขกเพียงไม่กี่คน ก็สามารถทำให้ทั้งครอบครัวมีชีวิตที่สุขสบายได้“ไม่นะ พี่ชาย ปล่อยฉันไปเถอะ” หลิวเสี่ยวอวี้ถอยไปที่มุมห้อง ถอยจนไม่สามารถถอยไปไหนได้อีกเวลานี้เธอไม่สามารถทำอะไรได้นอกจากร้องขอความเมตตาสุดชีวิตเท่านั้นสำหรับพวกโรคจิตกลุ่มนี้ ยิ่งหลิวเสี่ยวอวี้ร้องขอความเมตตามากเท่าไร พวกเขาก็ยิ่งตื่นเต้นมากขึ้นเท่านั้น“ยินดีต้อนรับค่ะเถ้าแก่”เย่ซิวและเวินหว่านเอ๋อร์มาถึงประตูทางเข้าสถานบันเทิงสตาร์ไลท์คลับ ผู้จัดการร้านคือหญิงสาวหุ่นอวบอิ่ม สวมกางเกงขาสั้น ใส่เสื้อครอป เดินออกมาทักทายเธอชื่อหลิวอวี่เย่ซิวแจ้งให้เธอทราบล่วงหน้าเมื่อมาถึงแล้ว เย่ซิวเดินตรงไปที่ลิฟต์โดยไม่พูดไร้สาระใด ๆ ติ้ง!ขณะที่ลิฟต์เปิดออก เป็
เมื่อประตูถูกถีบออก สายตาหลายคู่จ้องมองไปที่เย่ซิวจอมยุทธหัวรุนแรงคนหนึ่งคว้าขวดเหล้าบนโต๊ะขว้างไปที่หัวของเย่ซิว พร้อมกับด่าทออย่างเสีย ๆ หาย ๆ แต่ก่อนที่เขาจะเข้าใกล้เย่ซิว เวินหว่านเอ๋อร์ที่อยู่ข้างหลังก็ได้เตะเขากระเด็นออกไปกระแทกกำแพงอย่างแรงปึก!เมื่อทุกคนในห้องเห็นเวินหว่านเอ๋อร์ชัด ๆ เสียงสูดลมหายใจก็ดังขึ้นทันทีตาวหวังกำลังนั่งอยู่บนโซฟา และหนานหวังกำลังจะปู้ยี่ปู้ยำหลิวเสี่ยวอวี้ รูม่านตาของเขาทั้งสองขยาย บ่งบอกถึงอาการตกใจสุดขีด“เวินหว่านเอ๋อร์!”“แกยังไม่ตาย!”การปรากฏตัวอย่างกะทันหันของเธอทำให้ทุกคนรู้สึกเหมือนกำลังเผชิญหน้ากับศัตรูตัวฉกาจเพราะในโลกใต้ดินแบ่งออกเป็นสามพรรคพวก ตาวหวังและหนานหวังต้องร่วมมือกันเพื่อต่อสู้กับเธออย่างไรก็ตาม ทั้งสองคนเป็นเพียงจอมยุทธขั้นสูงระดับหกเท่านั้นเมื่อเห็นศัตรูจึงรู้สึกเกลียดชังเป็นธรรมดา เวินหว่านเอ๋อร์ปล่อยแรงอาฆาตแค้นที่น่าสะพรึงกลัวออกมา เธอพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ "วันนี้ พวกแกทุกคนจะต้องชดใช้!"ในมือของตาวหวังถือมีดบินจำนวนหนึ่ง และรวบรวมกำลังภายในทั้งหมดที่มีปล่อยมีดบินไปที่เวินหว่านเอ๋อร์ความเร็วของมันเร็วกว่
ตาวหวังและหนานหวังคุกเข่าลงบนพื้น ใบหน้าของทั้งคู่มืดมน ในใจเปี่ยมไปด้วยความสิ้นหวังทั้งคู่มองไปที่เย่ซิวเป็นครั้งคราวอย่างสยดสยองใครจะคิดว่าเด็กหนุ่มที่ดูไม่มีพิษภัยคนนี้จะเป็นผู้มีอิทธิพลที่น่ากลัวถึงเพียงนี้!แต่ในเมื่อเย่ซิวไม่ได้ฆ่าพวกเขา ด้วยสติปัญญาของพวกเขาย่อมสามารถเดาได้ว่าเย่ซิวต้องการที่จะให้พวกเขายอมจำนนดังนั้นก่อนที่เย่ซิวจะปริปากพูด พวกเขาก็แสดงความยอมจำนนก่อนส่วนว่าพวกเขาเต็มใจที่จะยอมจำนนต่อคนอื่นจริง ๆ หรือไม่นั้น ไม่มีใครรู้ทั้งคู่คุกเข่าต่อหน้าเย่ซิวและโขกศีรษะไม่หยุด พวกเขาลืมคำว่า ‘ปรมาจารย์ไม่อาจโดนหยามได้’ ไปนานแล้วตราบใดที่รอดชีวิต จะต้องแลกด้วยอะไรก็ยอมเย่ซิวพูดด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ "หว่านเอ๋อร์ ทำลายสัญลักษณ์ของความเป็นชายของพวกเขาซะ"สองหวังโกรธจัดทันที นี่เป็นสิ่งที่พวกเขายอมรับไม่ได้ถ้าไม่มีสิ่งนั้น การมีชีวิตอยู่ต่อจะไปสนุกอะไร?พวกเขาเฝ้าดูเวินหว่านเอ๋อร์เดินใกล้เข้ามา และเตรียมตัวที่จะลุกขึ้นยืนเพื่อต่อต้านแต่ในขณะนี้ คลื่นสังหารอันน่าสะพรึงกลัวปะทุออกมาจากกายของเย่ซิว เหมือนกระแสน้ำบนภูเขา ทำให้พวกเขาจมดิ่งลงในทันที และทั่วทั้งร่างกา
เมื่อได้ยินเสียงเปิดประตูลิฟต์ เขาก็หันศีรษะทันทีหลังจากเห็นเย่ซิว เขาก็รีบวิ่งเข้าไปหา แล้วถามด้วยความประหลาดใจว่า "เถ้าแก่ เถ้าแก่ไม่ได้รับบาดเจ็บใช่ไหมคะ?"เย่ซิวยิ้มและส่ายหัว "ไปเรียกหลิวอวี่มาที่นี่ แล้วก็เรียกบอดี้การ์ดที่ทรยศคุณมาด้วย"หลิวเสี่ยวอวี้ยิ้มอย่างกระอักกระอ่วน "พี่อวี่...แล้วก็บอดี้การ์ดพวกนั้นก็หนีไปหมดแล้ว ส่วนพี่หู่ เขาอยู่ตรงนั้น"มือชี้ไปที่ข้าง ๆ เคาน์เตอร์ หัวหน้าบอดี้การ์ดคนนั้นยังคงสลบอยู่ตรงนั้นเย่ซิวยักไหล่ "ช่างเถอะ ในเมื่อหนีไปแล้วก็หนีไป คุณพาผมไปที่ออฟฟิศหน่อย"หลิวเสี่ยวอวี้เปล่งเสียงอืมรับคำ แล้วเดินนำทางพอเดินผ่านพี่หู่ เธอก็เตะพี่หู่หนึ่งทีในออฟฟิศ หลังรินน้ำชาให้กับเย่ซิวและเวินหว่านเอ๋อร์เสร็จแล้ว หลิวเสี่ยวอวี้ก็ยืนอยู่ที่เดิมด้วยความไม่สบายใจเย่ซิวยิ้มอย่างอ่อนโยน "นั่งลงเถอะ มาพูดถึงเรื่องของคุณกันเถอะ"“อ่า” หลิวเสี่ยวอวี้ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งและไม่ได้นั่งลงแต่อย่างใด แต่พูดถึงสถานการณ์ที่บ้านอย่างตรงไปตรงมาจนจบเย่ซิวอ่านใจคนได้แม่นมากหลิวเสี่ยวอวี้ผู้นี้มีดวงตาที่ใสสะอาด และร่างกายของเธอก็ไม่มีกลิ่นเน่าเสียเหมือนโสเภณีเหล่
สินค้าถูกผลิตออกมาแล้ว แต่ยังมีปัญหาใหญ่อยู่นั่นคือจะโฆษณาประชาสัมพันธ์อย่างไรในช่วงนี้เขาดู ๆ ดาราดังไว้หลายคน โดยต้องการเลือกให้เป็นพรีเซนเตอร์แบรนด์ แต่ก็ไม่มีใครเหมาะสมบรรจุภัณฑ์ของครีมผิวหยกออกแบบสไตล์คลาสสิกโดยใช้เครื่องลายครามสีน้ำเงินขาวผสมผสานระหว่างลายดอกโบตั๋นบรรจุภัณฑ์นี้ออกแบบโดยหลิ่วเมิ่งอิ๋น และเย่ซิวก็ชอบมันตั้งแต่แรกเห็นครีมผิวหยกชุดแรกผลิตเพียงห้าพันกล่องเท่านั้นน้ำหนักสุทธิกล่องละสามร้อยกรัม โดยปกติสามารถใช้งานได้นานถึงสองเดือนต้นทุนอยู่ที่หกร้อยบาท และราคาวางขายตั้งไว้ที่สองพันเก้าร้อยเก้าสิบเก้าบาทราคานี้ถูกกว่าเอสซี่ที่แพงรากเลือดตั้งไม่รู้กี่เท่านอกจากนี้ ครีมผิวหยกยังใช้ประโยชน์ได้หลากหลาย เช่น เสริมความงาม ลบรอยแผลเป็น ลบฝ้ากระจุดด่างดำ ให้ความกระจ่างใส และเพิ่มความชุ่มชื้นพูดได้ว่าผลิตภัณฑ์หนึ่งกล่องเทียบเท่ากับผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ห้าหรือหกรายการ และผลลัพธ์ก็ดีกว่าด้วย แถมยังปลอดสารพิษ ดีต่อโลกและเป็นมิตรต่อสุขภาพอีกด้วยเย่ซิวโทรหาหลายคนได้แก่อวี่เฟยเฟย หลิวอวี้ฝู น่าหลันเยียนหรานและคนอื่น ๆ โดยขอที่อยู่ของพวกเธอ และให้คนส่งผลิตภัณฑ์เหล่านี้ทาง
ดวงตาคู่นั้นไร้ซึ่งประกาย มีแววหม่นหมองคำพูดที่หมอพูดเมื่อไม่นานมานี้ ยังคงดังก้องอยู่ในจิตใจของเธอ ราวกับมีดคมที่เฉือนร่างเธอครั้งแล้วครั้งเล่า“ใบหน้าของคุณพังแล้ว แม้แต่แพทย์ที่มีทักษะทางการแพทย์ดีที่สุดในโลกก็ไม่สามารถฟื้นฟูให้กลับมาเป็นปกติได้”สำหรับหญิงสาววัยเพียงยี่สิบกว่า ๆ อีกทั้งโด่งดังด้วยรูปลักษณ์หน้าตา สิ่งนี้ไม่ต่างกับการฆ่าเธอสองวันต่อมา เธอก็ออกจากโรงพยาบาลแล้วเธอเดินออกทางประตูหลัง แต่ก็ยังถูกนักข่าวหลายคนที่รออยู่ที่นั่นพบกลุ่มนักข่าวพุ่งเข้าไปหาเธอราวกับฝูงผึ้ง แสงแฟลชทิ่มแทงมู่หว่านฉิงราวกับลูกธนูอันแหลมคม“หว่านฉิง ได้ยินมาว่าคุณโดนสาดน้ำกรด เพราะคุณทำให้ใครบางคนขุ่นเคืองเข้า”“ตอนนี้คุณเสียโฉมแล้วหรือเปล่า?”“ถอดหน้ากากอนามัยออกให้เราดูหน่อยค่ะ”……ผู้จัดการของเธอพยายามสกัดกั้นนักข่าวเหล่านี้อย่างสุดความสามารถแต่ก็ไม่มีอะไรสามารถหยุดนักข่าวบันเทิงที่คลั่งไคล้ภาพข่าวเด็ดเหล่านี้ได้เลยมีคนพุ่งเข้ามาและฉีกหน้ากากอนามัยของมู่หว่านฉิงออกใบหน้าที่สวยงามแต่เดิมนั้นตอนนี้น่าเกลียดมาก เหมือนกับเปลือกส้มที่ถูกตากแห้งและถูกขยี้อย่างหนัก ใครเห็นก็รู้สึกพ
เย่ซิวพูด "ผมไม่ใช่นักข่าวบันเทิง"แต่ผู้จัดการไม่เชื่อ และยืนอยู่หลังประตูด้วยความโกรธ "รีบไสหัวออกไปจากที่นี่ซะ ไม่งั้นฉันจะแจ้งตำรวจ!"เย่ซิวทำอะไรไม่ถูกเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายไม่ยอมฟังในสิ่งที่เขาพูดเลยเขาถอยหลังไปสองสามก้าวมู่หว่านฉิงอาศัยอยู่ในบ้านเดี่ยวเขามองไปรอบ ๆ พูดขอโทษในใจ แล้วเลือกปีนเข้าไปทางหน้าต่างที่เปิดอยู่บนชั้นสองในช่วงเวลาฉุกเฉินก็ต้องใช้วิธีฉุกเฉินเท่านั้นบังเอิญที่หน้าต่างบานที่เย่ซิวเลือกนั้นเป็นห้องนอนของมู่หว่านฉิงพอดีเธอนอนนิ่งอยู่บนเตียงโดยไม่ขยับเขยื้อนเลย ดวงตาจ้องมองไปยังเพดานด้วยความว่างเปล่าเย่ซิวเดินเข้าไปหา มองดูใบหน้าที่เสียโฉมของเธอ แล้วส่ายหัวเล็กน้อย แต่ไม่ได้รู้สึกรังเกียจแต่อย่างใด“พี่หว่านฉิง มาทานอะไรสักหน่อยเถอะ…กรี๊ด แกเป็นใคร!”ทันทีที่ผู้จัดการเปิดประตูก็เห็นชายแปลกหน้ายืนอยู่ข้างเตียงของมู่หว่านฉิงด้วยความตกใจ จึงกรีดร้องและรีบวิ่งเข้าใส่ทันทีเย่ซิววางมือข้างหนึ่งบนหน้าผากของเธอ ไม่ว่าหญิงสาวจะพยายามแค่ไหน เธอก็ไม่สามารถเข้าใกล้เขาได้เย่ซิวพูดอย่างช่วยไม่ได้ว่า "ผมไม่มีเจตนาร้าย ผมมาที่นี่เพื่อช่วยรักษาใบหน
เย่ซิวช่วยสาวน้อยขึ้นมาและพูดด้วยรอยยิ้ม "คุณชื่ออะไร?"สาวน้อยปาดน้ำตาบนใบหน้าของเธอ "ฉันชื่อเสี่ยวจวี๋ค่ะ ถ้าคุณสามารถช่วยพี่หว่านฉิงให้หายได้ฉันจะยอมเป็นอนุภรรยาของคุณเลย"เสี่ยวจวี๋อายุประมาณยี่สิบสี่ถึงยี่สิบห้าปี ด้วยรูปร่างที่เล็กและมีกระเล็ก ๆ บนใบหน้า เธอจึงจัดอยู่ในประเภท 'โลลิ’[footnoteRef:0] [0: โลลิ (Loli) - เด็กผู้หญิงที่อายุน้อยกว่า หรือพยายามดูอ่อนกว่าวัย ตัวเล็กน่ารัก] คะแนนรวมร้อยคะแนนเธอก็น่าจะได้สักเจ็ดสิบคะแนนเย่ซิวไม่ได้ตอบคำถาม แต่พูดกับมู่หว่านฉิงแทนว่า “ใบหน้าของคุณสามารถหายได้นะ และจะดีขึ้นกว่าที่ผ่านมาด้วย”“แต่ผมมีข้อกำหนดหนึ่งข้อ นั่นคือ คุณต้องยกเลิกสัญญากับบริษัทปัจจุบันของคุณ”ขณะที่มู่หว่านฉิงกำลังจะพูด โทรศัพท์ของเสี่ยวจวี๋ก็ดังขึ้นหลังจากมองดูสายเรียกเข้าแล้ว เธอก็สูดหายใจเข้าอย่างเย็นชา "ผู้อำนวยการหลี่!" เธอกดรับสาย จากนั้นก็กดเปิดลำโพงแล้วพูดด้วยความฉุนเฉียว "มีอะไร?"เสียงของชายวัยกลางคนดังขึ้น "หว่านฉิงอยู่ที่ไหนล่ะ?"“มีอะไรจะพูดก็พูดมาตรง ๆ!”อีกฝ่ายก็ไม่โกรธเช่นกัน และพูดอย่างสบาย ๆ "เจ้าของธุรกิจเหมืองถ่านหินเพิ่งติดต่อฉันมา
จมูกของเซี่ยซิ่วซิ่วรู้สึกแสบร้อน ไม่เจอกันนาน ความเป็นเด็กและความเกลียดชังในตัวของน้องสาวเหมือนจะหายไปแล้ว เธอดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้นแล้วเซี่ยซิ่วซิ่ววิ่งเหยาะ ๆ ขึ้นไปหาเธอ น้ำเสียงสั่นเครือ "ชิงชิง!"เซี่ยชิงชิงเห็นเซี่ยซิ่วซิ่วตั้งนานแล้ว ดวงตาของเธอแดงก่ำเล็กน้อย ภายในหัวผุดภาพความทรงจำระหว่างพวกเธอพี่น้องสมัยยังเด็กขึ้นมา“พี่คะ ฉันคิดถึงพี่มาก”เธอโผเข้ามากอดเซี่ยซิ่วซิ่วเซี่ยซิ่วซิ่วเองก็มีน้ำตาคลอเบ้า "พี่ก็เหมือนกัน กลับมาก็ดีแล้ว ต่อไปเราจะไม่แยกจากกันอีกแล้ว"เซี่ยชิงชิงตกใจในทันที "พี่ ความแข็งแกร่งของพี่!!!"ด้วยการกอดนี้ เธอก็สัมผัสถึงกำลังภายในในตัวของเซี่ยซิ่วซิ่วที่ทรงพลังนั้นได้ จึงรู้สึกครั่นคร้ามเป็นอย่างมากเมื่อเซี่ยซิ่วซิ่วได้ยินแบบนี้ก็พูดขึ้นอย่างภาคภูมิใจ "เป็นเพราะพี่เขยของเธอ เขาฝีมือร้ายกาจมาก สามารถหลอมโอสถหลายชนิดเพื่อให้พี่เพิ่มความแข็งแกร่งของตัวเอง แล้วยัง..."คำพูดนั้นหยุดไปชั่วขณะ ใบหน้างามขึ้นสีแดงเล็กน้อยยังมีวิธีการบำเพ็ญตนอีกวิธีหนึ่ง แต่ก็ไม่สามารถพูดออกไปได้ร่องรอยของความคับแค้นฉายลึกอยู่ในดวงตาของเซี่ยชิงชิง แต่เพียงพริบตาเดียวมันก็ถ
“เดี๋ยวก่อน ฉันตกลง!”ในที่สุด เมื่อหลี่ต้าจ้วงเห็นเย่ซิวเตรียมจะจากไป เขาก็แสดงการเลือกของตัวเองเย่ซิวหยุดฝีเท้า หมุนตัวกลับมา สีหน้าไม่ได้แสดงถึงความประหลาดใจมากนักแต่ชูตงกลับหันหน้าไปพรวด มองไปที่หลี่ต้าจวงด้วยความไม่เชื่อ "คุณกำลังพูดอะไรน่ะ?"หลี่ต้าจวงวิ่งไปคว้ากระเป๋าเดินทางจากมือของเย่ซิว ยืนอยู่ที่ประตู และหัวเราะอย่างดุร้าย“ฉันน่ะเบื่อเธอจะตายอยู่แล้ว เห็นได้ชัดว่าหุ่นเซ็กซี่ขนาดนี้ ยังแสร้งทำเป็นไร้เดียงสา!อยู่กับเธอมาตั้งนาน แม้แต่มือก็ยังไม่ยอมให้จับในเมื่อเป็นแบบนี้ ไม่สู้ฉันเอาเงินแล้วไปสนุกข้างนอกดีกว่า พวกเราบอกลากันตรงนี้เถอะ!”พูดจบ เขาก็หยิบกระเป๋าเดินทางแล้วจากไปชูตงราวกับถูกสายฟ้าฟาด คนทั้งคนตัวแข็งทื่ออยู่กับที่เธอไม่เคยคิดเลยว่าผู้ชายที่ตัวเองคิดจะฝากทั้งชีวิตไว้กับเขา จะพูดคำพูดแบบนี้ออกมาเพื่อเงินแค่ไม่กี่สิบล้าน ถึงกับกระทำเรื่องที่น่ารังเกียจเช่นนี้ออกมาน้ำตาไหลลงมาอย่างต่อเนื่องเย่ซิวมองไปที่เธอ "พรุ่งนี้ไปทำงานต่อนะ อย่ามาสายล่ะถ้าคุณกล้าลาออกจากบริษัทโดยพลการ บริษัทจะให้คุณจ่ายค่าผิดสัญญาเป็นจำนวนเงินหลายสิบล้านทีเดียว”แม้ว่าตอน
เมื่อเห็นเช่นนี้ เย่ซิวก็ขึ้นราคาต่อไป "ยี่สิบห้าล้าน"แถมยัง วางกระเป๋าเดินทางขนาดใหญ่ที่เขานำมาไว้บนพื้นแล้วเปิดออกมันเต็มไปด้วยธนบัตรหลงเถิงที่มีมูลค่าฉบับละหนึ่งพันบาท!"ซู้ด!!!"หลี่ต้าจ้วงสูดลมเย็นเข้าปอด จ้องมองไปที่เหรียญหลงเถิงที่ดูเหมือนจะเรืองแสงได้ในชีวิตนี้เขายังไม่เคยเห็นเงินมากมายขนาดนี้มาก่อนเลยเมื่อเทียบกับตัวเลขที่ไร้ชีวิต การที่มีเงินสดกว่ายี่สิบห้าล้านมาวางกองตรงหน้า ย่อมส่งผลกระทบมากกว่าอย่างไม่ต้องสงสัยเมื่อเย่ซิวเห็นสีหน้าของเขา ก็รู้ว่าเขาหวั่นไหวแล้ว จึงพูดอย่างล่อลวงไปว่า “คุณคงไม่เคยเห็นเงินมากขนาดนี้มาก่อนใช่ไหม?คุณมีรายได้ต่อเดือนเท่าไหร่ล่ะ? กะประมาณหนึ่งแสนบาทก็แล้วกันถ้าคุณไม่กินหรือดื่มเลย หนึ่งปีก็จะเก็บเงินได้หนึ่งล้านสองแสนบาท และต้องใช้เวลามากกว่ายี่สิบปีถึงจะสามารถเก็บเงินได้ยี่สิบห้าล้านในความเป็นจริงทุกคนรู้ดีว่านี่เป็นไปไม่ได้ ด้วยอัตราค่าใช้จ่ายของเมืองหลวง หนึ่งปีเก็บเงินได้สักห้าแสนบาทก็นับว่าไม่ธรรมดาแล้วหรือก็คือ คุณต้องใช้เวลาถึงสี่สิบปีจึงจะมีเงินยี่สิบห้าล้านตอนนี้ตราบเท่าที่คุณพยักหน้า เงินนี้ก็จะเป็นของคุณด้วยเงิ
ชายคนนั้นเปิดประตู ก็เห็นว่ามีชายหนุ่มที่สมบูรณ์แบบมากคนหนึ่งยืนอยู่ตรงนั้นเมื่อเห็นเย่ซิว ความริษยาก็วาบผ่านดวงตาของผู้ชายคนนั้น การมีอยู่ที่สมบูรณ์แบบเช่นนี้ ไม่ว่าผู้ชายคนไหนยืนอยู่ต่อหน้าเขาย่อมรู้สึกว่าตัวเองด้อยกว่า ตัวเขาเองก็ไม่มีข้อยกเว้น“คุณเป็นใคร!”ด้วยเหตุนี้ น้ำเสียงของชายคนนั้นจึงไร้ความเป็นมิตรอย่างมาก แถมด้วยความตื่นตระหนกเล็กน้อย เขามองไปทางห้องครัวโดยไม่รู้ตัวกลัวว่าจู่ ๆ ชูตงจะวิ่งออกมา แล้วตกหลุมรักเย่ซิวทันทีหลังจากที่ได้พบเขานี่คือผู้ชายที่เห็นแก่ตัว เสแสร้ง และขาดความมั่นใจในตนเองอย่างมากเย่ซิวยิ้มและพูดว่า "ชูตงอยู่ที่นี่ใช่ไหม ผมเป็นประธานของบริษัทของเธอ คุณคงเป็นแฟนเธอสินะ"“หืม?!”ชายคนนั้นเริ่มตื่นตัวทันที "คุณมีธุระอะไรหรือเปล่า?"“ไม่เชิญผมเข้าไปนั่งหน่อยเหรอ?” เย่ซิวพูดด้วยสีหน้าที่ยากจะอธิบายได้ “ผมมาที่นี่ในวันนี้ ก็เพื่อมอบความมั่งคั่งให้กับคุณ”"ใครคะ?"ตอนนี้เอง ชูตงที่สวมผ้ากันเปื้อนก็เดินออกมาจากห้องครัวพร้อมกับทัพพีในมือขวาเมื่อเขาเห็นเย่ซิว ม่านตาของเธอก็หดตัวลงเล็กน้อย "ประธาน ทำไมคุณถึงมาอยู่ที่นี่คะ?"ไม่กี่นาทีต่อมา เย่ซ
นี่คือคำสัญญาที่เย่ซิวให้ไว้ต่อเธอลู่เสวี่ยเอ๋อร์หลับตาของเธอลงอย่างมีความสุขวันนี้ไม่มีเรื่องอะไรมากนัก ลู่เสวี่ยเอ๋อร์เลยบำเพ็ญตนกับเย่ซิวตลอดลากยาวไปจนถึงห้าโมงเย็นถึงได้หยุดห้าโมงเย็น ก็เลิกงานแล้วเย่ซิวขอให้ลู่เสวี่ยเอ๋อร์กลับไปก่อน เนื่องจากเขามีเรื่องสำคัญที่ต้องทำเมื่อมาถึงลานจอดรถ หลางต้าก็รออยู่ข้าง ๆ รถของเย่ซิวแล้วมีกระเป๋าเดินทางขนาดใหญ่วางอยู่ที่เท้าของเขา“นายน้อย!” หลางต้าโค้งตัวลงแล้วพูด “ทุกสิ่งที่คุณต้องการเตรียมพร้อมหมดแล้วครับ”เย่ซิวพยักหน้า "ได้ นายกลับไปเถอะ"เขาใส่กระเป๋าเดินทางไว้ท้ายรถ จากนั้นขับรถออกไปจุดหมายคือบ้านเช่านอกชานเมืองที่ชูตงอาศัยอยู่เวลาที่ใช้ในการเดินทางไปและกลับจากที่ทำงานถึงที่นี่ ทุกวันคือราวสามสิบหรือสี่สิบชั่วโมงเย่ซิวดูเงินเดือนของชูตงซึ่งมากกว่าหนึ่งแสนห้าหมื่นบาทหลังจากหักภาษีในทุกเดือนแล้วราคาบ้านใกล้บริษัทอยู่ที่ประมาณสองหมื่นห้าพันบาท ซึ่งอิงตามหลักการแล้วเธอน่าจะแบกรับไหวถึงจะถูกเมื่อเขามาถึงบ้านเช่าของชูตง เขาก็จอดรถ ยกกระเป๋าเดินทางออกมา แล้วเดินไปที่เขตชุมชนด้านหน้าเขตชุมชนแห่งหนึ่ง ในห้องสามศูนย์แปด
"ตอนนี้คุณมีแฟนหรือยัง?"เมื่อได้ยินแบบนี้ ชูตงก็รู้สึกรังเกียจเธอแอบคิดว่าเย่ซิวประธานใหญ่คนนี้ ดูเหมือนจะซื่อตรงและมีเกียรติ แต่กลับกลายเป็นว่าเขาก็เหมือนกับผู้ชายคนอื่น ๆหลายคนเคยถามคำถามนี้กับเธอเธอรู้ตัวดีว่าเธอมีเสน่ห์ดึงดูดผู้ชายมากจริง ๆแม้ในใจจะดูแคลน แต่สีหน้ากลับไม่แสดงออกเลยแม้แต่น้อย “เรียนท่านประธานคะ มีแล้วค่ะ เป็นคนที่บ้านแนะนำมา ในอีกไม่กี่เดือนก็จะกลับไปหมั้นกันแล้ว”เย่ซิวขานรับอืมหนึ่งที "อืม ออกไปทำงานเถอะ"ชูตงตกตะลึงไปครู่หนึ่งเธอนึกว่าเย่ซิวจะขอให้เธอเป็นคนรักลับ ๆ ของเขาแต่เป็นแบบนี้ก็ดี ตัวเองเพิ่งเข้ามาทำงานได้ไม่นาน ยังไม่อยากลาออก อยู่ที่นี่เธอทำงานอย่างมีความสุขมากเซี่ยซิ่วซิ่วและลู่เสวี่ยเอ๋อร์บริหารงานเข้มงวด จึงไม่มีความน่ารังเกียจทุกประเภทที่พบในที่ทำงานภายนอกปรากฏขึ้นที่นี่หลังจากที่เธอออกไป เย่ซิวก็นั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ของเซี่ยซิ่วซิ่ว เปิดรายชื่อพนักงาน และพบข้อมูลของชูตงเธอมาจากชนบทและเพิ่งจะเรียนจบ แต่กลับเปลี่ยนงานมามากกว่าสิบตำแหน่งแล้วในเรซูเม่ระบุว่างานเหล่านั้นทำเพียงช่วงระยะเวลาสั้น ๆ เท่านั้น ประธานหรือหัวหน้างาน
ผู้คนจากทั่วทุกมุมโลกต่างด่าบริษัทเครื่องสำอางเหล่านั้นอย่างสาดเสียเทเสียว่าใช้ไม้อ่อนไม่ได้ก็เลยใช้ไม้แข็ง ไร้ศีลธรรมมากเกินไปแล้วเมื่อสักครู่นี้เพิ่งมีข่าวส่งมา ว่ามีผู้คนหลายหมื่นคนของประเทศอวี้ไปซื้อผลิตภัณฑ์ของเรา"เย่ซิวเตือนไปหนึ่งประโยค "ผลกำไรของเราไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ ต้นทุนที่เพิ่มมาก็ปล่อยให้พวกเขาไปแบกรับแทนอย่างไรเสียพวกเราคือ 'เหยื่อ' และหากมีคำด่าทออะไรก็ให้บริษัทของแต่ละประเทศไปแบกรับกันเอาเอง"เซี่ยซิ่วซิ่วยิ้มอย่างมีความสุขมาก "อืม ฉันรู้แล้วเว้นเสียแต่ประเทศต่าง ๆ จะห้ามไม่ให้ผู้คนเดินทางไปยังประเทศอวี้ ธุรกิจของเราก็จะไม่ได้รับผลกระทบมากนัก"แต่มันไม่สมจริงเลยที่จะห้ามไม่ให้ผู้คนไปที่ประเทศอวี้ประเทศอวี้เป็นประเทศที่เป็นกลางอย่างยิ่ง ได้รับการคุ้มครองจากหลายร้อยประเทศ แถมยังเป็นเขตปลอดภาษีอีกด้วยใครก็ตามที่แบนมัน จะต้องเผชิญการประท้วงอย่างรุนแรงแน่นอน“จริงสิ ชิงชิงจะมาถึงบ่ายวันนี้ ฉันจะไปรับเธอ นายจะไปไหม?”เกี่ยวกับเซี่ยชิงชิง เซี่ยซิ่วซิ่วบอกเขาเมื่อวานนี้ตอนนี้ตัวหมากนี้มีผลต่อเย่ซิวไม่มากแล้วบวกกับหลังจากที่เซี่ยซิ่วซิ่วติดตามเขาเธอก็ทำง
“นาย...นายท่าน...”ภายใต้การล่อลวงอย่างต่อเนื่องของเย่ซิว น่าหลันเยียนหรานมีเพียง 'ยอมแพ้' ในที่สุดนอกจากความเขินอายที่มีอยู่ น่าหลันเยียนหรานยังรู้สึกถึงความรู้สึกที่พิเศษมาก ซึ่งมาจากก้นบึ้งของหัวใจ นั่นคือความรู้สึกถูกครอบงำที่แสนประหลาด!หลังจากบำเพ็ญตนจนถึงเที่ยงคืน น่าหลันเยียนหรานก็หลับสนิทไประหว่างที่หลับ ร่างกายของเธอก็แข็งแกร่งขึ้นอย่างรวดเร็วมากถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป ผู้หญิงทุกคนที่อยู่รอบตัวเขาก็จะขึ้นเป็นปรมาจารย์ทั้งหมดแม้ว่าในอนาคตเขาจะไม่ออกหน้า แต่ผู้หญิงข้างกายเขาเหล่านี้ก็สามารถครองยุทธภพเย่ซิวไม่ได้พักผ่อน แต่นั่งขัดสมาธิอยู่ข้าง ๆ น่าหลันเยียนหราน หยิบสุราวิญญาณออกมาดื่มอึกใหญ่ แล้วใช้วิชายุทธเริ่มปรับแต่งมันอย่างเงียบ ๆตอนนี้เป้าหมายของเขาคือการเข้าสู่ขั้นอมตะให้เร็วที่สุด แบบนี้ถึงจะสามารถรู้ความหมายของคำพูดที่หยางชิงเสวี่ยพูดไว้ว่าถ้าเขาได้เธอ ก็จะได้ครอบครองพลังที่ทรงพลังมากเช้าวันรุ่งขึ้น เมื่อน่าหลันเยียนหรานตื่นขึ้นมา เธอก็รู้สึกว่ามีพลังไหลไปทั่วทั้งร่างกาย หูและสายตาของเธอเฉียบคมขึ้น สภาพดีชนิดที่ว่าเมื่อก่อนเทียบไม่ติด“อรุณสวัสดิ์ค่ะคุณเย่”
น่าหลันเยียนหรานหัวเราะคิกคัก "ไม่เป็นไรค่ะ ฉันดื่มเก่งมาก มา ดื่มกันต่อ..."โดยปกติแล้วคนที่ชอบพูดว่าตัวเองดื่มเก่ง ในความเป็นจริงล้วนไม่ค่อยจะเท่าไหร่ยกตัวอย่างเช่นน่าหลันเยียนหราน อวดว่าตัวเองเก่งอย่างนั้นอย่างนี้ ดื่มไปสามแก้วติดกัน ก็นอนฟุบหมดสติไปกับโต๊ะแล้วเย่ซิวส่ายหัวอย่างหมดคำพูด เดินขึ้นไปแล้วอุ้มเธอกลับไปที่ห้องน่าหลันเยียนหรานดูตัวสูงเพรียว แต่จริง ๆ แล้วไม่ได้ตัวหนัก น่าจะสักประมาณสี่สิบห้ากิโลกรัม สำหรับเย่ซิวแล้วจึงไม่ต่างอะไรกับการอุ้มก้อนสำลีมากนักเดินเข้าไปในห้องส่วนตัวของน่าหลันเยียนหราน กลิ่นหอมจาง ๆ ของดอกมะลิก็ลอยมาปะทะจมูก ทำให้ผู้คนรู้สึกผ่อนคลายและเบิกบานเมื่อได้กลิ่นห้องพักสะอาดมาก ไม่มีอะไรที่ทำให้คนเห็นแล้วต้องหน้าแดงเขาวางเธอลงเบา ๆ ไม่ทันรอให้เย่ซิวดึงมือกลับไป เธอก็ลืมตาที่แดงก่ำขึ้นแล้วพูดอย่างคลุมเครือฟังไม่ค่อยชัดแต่เย่ซิวได้ยินมันอย่างชัดเจนมาก เขาถามด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ "คุณแน่ใจเหรอ? ผมไม่สามารถให้สถานะแก่คุณได้"น่าหลันเยียนหรานค่อย ๆ หลับตาลง ท่าทางเหมือนยอมให้ท่านกระทำได้ทุกอย่างนี่เป็นการตัดสินใจเลือกของเธอเอง เย่ซิวไม่ได้บังค