เมื่อได้ยินเสียงเปิดประตูลิฟต์ เขาก็หันศีรษะทันทีหลังจากเห็นเย่ซิว เขาก็รีบวิ่งเข้าไปหา แล้วถามด้วยความประหลาดใจว่า "เถ้าแก่ เถ้าแก่ไม่ได้รับบาดเจ็บใช่ไหมคะ?"เย่ซิวยิ้มและส่ายหัว "ไปเรียกหลิวอวี่มาที่นี่ แล้วก็เรียกบอดี้การ์ดที่ทรยศคุณมาด้วย"หลิวเสี่ยวอวี้ยิ้มอย่างกระอักกระอ่วน "พี่อวี่...แล้วก็บอดี้การ์ดพวกนั้นก็หนีไปหมดแล้ว ส่วนพี่หู่ เขาอยู่ตรงนั้น"มือชี้ไปที่ข้าง ๆ เคาน์เตอร์ หัวหน้าบอดี้การ์ดคนนั้นยังคงสลบอยู่ตรงนั้นเย่ซิวยักไหล่ "ช่างเถอะ ในเมื่อหนีไปแล้วก็หนีไป คุณพาผมไปที่ออฟฟิศหน่อย"หลิวเสี่ยวอวี้เปล่งเสียงอืมรับคำ แล้วเดินนำทางพอเดินผ่านพี่หู่ เธอก็เตะพี่หู่หนึ่งทีในออฟฟิศ หลังรินน้ำชาให้กับเย่ซิวและเวินหว่านเอ๋อร์เสร็จแล้ว หลิวเสี่ยวอวี้ก็ยืนอยู่ที่เดิมด้วยความไม่สบายใจเย่ซิวยิ้มอย่างอ่อนโยน "นั่งลงเถอะ มาพูดถึงเรื่องของคุณกันเถอะ"“อ่า” หลิวเสี่ยวอวี้ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งและไม่ได้นั่งลงแต่อย่างใด แต่พูดถึงสถานการณ์ที่บ้านอย่างตรงไปตรงมาจนจบเย่ซิวอ่านใจคนได้แม่นมากหลิวเสี่ยวอวี้ผู้นี้มีดวงตาที่ใสสะอาด และร่างกายของเธอก็ไม่มีกลิ่นเน่าเสียเหมือนโสเภณีเหล่
สินค้าถูกผลิตออกมาแล้ว แต่ยังมีปัญหาใหญ่อยู่นั่นคือจะโฆษณาประชาสัมพันธ์อย่างไรในช่วงนี้เขาดู ๆ ดาราดังไว้หลายคน โดยต้องการเลือกให้เป็นพรีเซนเตอร์แบรนด์ แต่ก็ไม่มีใครเหมาะสมบรรจุภัณฑ์ของครีมผิวหยกออกแบบสไตล์คลาสสิกโดยใช้เครื่องลายครามสีน้ำเงินขาวผสมผสานระหว่างลายดอกโบตั๋นบรรจุภัณฑ์นี้ออกแบบโดยหลิ่วเมิ่งอิ๋น และเย่ซิวก็ชอบมันตั้งแต่แรกเห็นครีมผิวหยกชุดแรกผลิตเพียงห้าพันกล่องเท่านั้นน้ำหนักสุทธิกล่องละสามร้อยกรัม โดยปกติสามารถใช้งานได้นานถึงสองเดือนต้นทุนอยู่ที่หกร้อยบาท และราคาวางขายตั้งไว้ที่สองพันเก้าร้อยเก้าสิบเก้าบาทราคานี้ถูกกว่าเอสซี่ที่แพงรากเลือดตั้งไม่รู้กี่เท่านอกจากนี้ ครีมผิวหยกยังใช้ประโยชน์ได้หลากหลาย เช่น เสริมความงาม ลบรอยแผลเป็น ลบฝ้ากระจุดด่างดำ ให้ความกระจ่างใส และเพิ่มความชุ่มชื้นพูดได้ว่าผลิตภัณฑ์หนึ่งกล่องเทียบเท่ากับผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ห้าหรือหกรายการ และผลลัพธ์ก็ดีกว่าด้วย แถมยังปลอดสารพิษ ดีต่อโลกและเป็นมิตรต่อสุขภาพอีกด้วยเย่ซิวโทรหาหลายคนได้แก่อวี่เฟยเฟย หลิวอวี้ฝู น่าหลันเยียนหรานและคนอื่น ๆ โดยขอที่อยู่ของพวกเธอ และให้คนส่งผลิตภัณฑ์เหล่านี้ทาง
ดวงตาคู่นั้นไร้ซึ่งประกาย มีแววหม่นหมองคำพูดที่หมอพูดเมื่อไม่นานมานี้ ยังคงดังก้องอยู่ในจิตใจของเธอ ราวกับมีดคมที่เฉือนร่างเธอครั้งแล้วครั้งเล่า“ใบหน้าของคุณพังแล้ว แม้แต่แพทย์ที่มีทักษะทางการแพทย์ดีที่สุดในโลกก็ไม่สามารถฟื้นฟูให้กลับมาเป็นปกติได้”สำหรับหญิงสาววัยเพียงยี่สิบกว่า ๆ อีกทั้งโด่งดังด้วยรูปลักษณ์หน้าตา สิ่งนี้ไม่ต่างกับการฆ่าเธอสองวันต่อมา เธอก็ออกจากโรงพยาบาลแล้วเธอเดินออกทางประตูหลัง แต่ก็ยังถูกนักข่าวหลายคนที่รออยู่ที่นั่นพบกลุ่มนักข่าวพุ่งเข้าไปหาเธอราวกับฝูงผึ้ง แสงแฟลชทิ่มแทงมู่หว่านฉิงราวกับลูกธนูอันแหลมคม“หว่านฉิง ได้ยินมาว่าคุณโดนสาดน้ำกรด เพราะคุณทำให้ใครบางคนขุ่นเคืองเข้า”“ตอนนี้คุณเสียโฉมแล้วหรือเปล่า?”“ถอดหน้ากากอนามัยออกให้เราดูหน่อยค่ะ”……ผู้จัดการของเธอพยายามสกัดกั้นนักข่าวเหล่านี้อย่างสุดความสามารถแต่ก็ไม่มีอะไรสามารถหยุดนักข่าวบันเทิงที่คลั่งไคล้ภาพข่าวเด็ดเหล่านี้ได้เลยมีคนพุ่งเข้ามาและฉีกหน้ากากอนามัยของมู่หว่านฉิงออกใบหน้าที่สวยงามแต่เดิมนั้นตอนนี้น่าเกลียดมาก เหมือนกับเปลือกส้มที่ถูกตากแห้งและถูกขยี้อย่างหนัก ใครเห็นก็รู้สึกพ
เย่ซิวพูด "ผมไม่ใช่นักข่าวบันเทิง"แต่ผู้จัดการไม่เชื่อ และยืนอยู่หลังประตูด้วยความโกรธ "รีบไสหัวออกไปจากที่นี่ซะ ไม่งั้นฉันจะแจ้งตำรวจ!"เย่ซิวทำอะไรไม่ถูกเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายไม่ยอมฟังในสิ่งที่เขาพูดเลยเขาถอยหลังไปสองสามก้าวมู่หว่านฉิงอาศัยอยู่ในบ้านเดี่ยวเขามองไปรอบ ๆ พูดขอโทษในใจ แล้วเลือกปีนเข้าไปทางหน้าต่างที่เปิดอยู่บนชั้นสองในช่วงเวลาฉุกเฉินก็ต้องใช้วิธีฉุกเฉินเท่านั้นบังเอิญที่หน้าต่างบานที่เย่ซิวเลือกนั้นเป็นห้องนอนของมู่หว่านฉิงพอดีเธอนอนนิ่งอยู่บนเตียงโดยไม่ขยับเขยื้อนเลย ดวงตาจ้องมองไปยังเพดานด้วยความว่างเปล่าเย่ซิวเดินเข้าไปหา มองดูใบหน้าที่เสียโฉมของเธอ แล้วส่ายหัวเล็กน้อย แต่ไม่ได้รู้สึกรังเกียจแต่อย่างใด“พี่หว่านฉิง มาทานอะไรสักหน่อยเถอะ…กรี๊ด แกเป็นใคร!”ทันทีที่ผู้จัดการเปิดประตูก็เห็นชายแปลกหน้ายืนอยู่ข้างเตียงของมู่หว่านฉิงด้วยความตกใจ จึงกรีดร้องและรีบวิ่งเข้าใส่ทันทีเย่ซิววางมือข้างหนึ่งบนหน้าผากของเธอ ไม่ว่าหญิงสาวจะพยายามแค่ไหน เธอก็ไม่สามารถเข้าใกล้เขาได้เย่ซิวพูดอย่างช่วยไม่ได้ว่า "ผมไม่มีเจตนาร้าย ผมมาที่นี่เพื่อช่วยรักษาใบหน
เย่ซิวช่วยสาวน้อยขึ้นมาและพูดด้วยรอยยิ้ม "คุณชื่ออะไร?"สาวน้อยปาดน้ำตาบนใบหน้าของเธอ "ฉันชื่อเสี่ยวจวี๋ค่ะ ถ้าคุณสามารถช่วยพี่หว่านฉิงให้หายได้ฉันจะยอมเป็นอนุภรรยาของคุณเลย"เสี่ยวจวี๋อายุประมาณยี่สิบสี่ถึงยี่สิบห้าปี ด้วยรูปร่างที่เล็กและมีกระเล็ก ๆ บนใบหน้า เธอจึงจัดอยู่ในประเภท 'โลลิ’[footnoteRef:0] [0: โลลิ (Loli) - เด็กผู้หญิงที่อายุน้อยกว่า หรือพยายามดูอ่อนกว่าวัย ตัวเล็กน่ารัก] คะแนนรวมร้อยคะแนนเธอก็น่าจะได้สักเจ็ดสิบคะแนนเย่ซิวไม่ได้ตอบคำถาม แต่พูดกับมู่หว่านฉิงแทนว่า “ใบหน้าของคุณสามารถหายได้นะ และจะดีขึ้นกว่าที่ผ่านมาด้วย”“แต่ผมมีข้อกำหนดหนึ่งข้อ นั่นคือ คุณต้องยกเลิกสัญญากับบริษัทปัจจุบันของคุณ”ขณะที่มู่หว่านฉิงกำลังจะพูด โทรศัพท์ของเสี่ยวจวี๋ก็ดังขึ้นหลังจากมองดูสายเรียกเข้าแล้ว เธอก็สูดหายใจเข้าอย่างเย็นชา "ผู้อำนวยการหลี่!" เธอกดรับสาย จากนั้นก็กดเปิดลำโพงแล้วพูดด้วยความฉุนเฉียว "มีอะไร?"เสียงของชายวัยกลางคนดังขึ้น "หว่านฉิงอยู่ที่ไหนล่ะ?"“มีอะไรจะพูดก็พูดมาตรง ๆ!”อีกฝ่ายก็ไม่โกรธเช่นกัน และพูดอย่างสบาย ๆ "เจ้าของธุรกิจเหมืองถ่านหินเพิ่งติดต่อฉันมา
“ฉันหวังว่าคุณจะถ่ายทอดสดได้โดยไม่หยุดพัก ชาวเน็ตมากมายจะได้เห็นกระบวนการฟื้นฟูของคุณ”คำขอนี้ทำให้มู่หว่านฉิงประหลาดใจแต่หลังจากลังเลเล็กน้อย เธอก็ตอบตกลงและพูดกับเสี่ยวจวี๋ว่า "ใช้บัญชีโซเชียลของฉันโพสต์ข้อความได้เลยว่า ฉันจะเริ่มถ่ายทอดสดภายในครึ่งชั่วโมง แบบที่โชว์หน้าฉันเองด้วย" เสี่ยวจวี๋พยักหน้าและไปเตรียมตัวเมื่อเสี่ยวจวี๋เผยแพร่ข้อมูลออกไป ก็จุดชนวนบนโลกอินเทอร์เน็ตอย่างรวดเร็วสื่อและบริษัทความบันเทิงนับไม่ถ้วนกำลังแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้กันอย่างดุเดือด- “ข่าวใหญ่ ดาราสาวตกอับจะถ่ายทอดสดเผยหน้าตัวเอง!”- “เธอทำอย่างนี้มีเจตนาอะไรกัน?”- “คงอยากจะได้รับความเห็นอกเห็นใจและให้ชาวเน็ตส่งของขวัญให้เธอล่ะมั้ง”- “ฮ่าฮ่า อดีตดาราสาวตกอับขนาดนี้ ทั้งน่าเศร้าและน่าอับอายจริง ๆ”- “คว่ำบาตรยายผู้หญิงน่าเกลียดคนนี้ซะ อย่าปล่อยให้เธอออกมาทำให้ผู้คนรู้สึกรังเกียจ!”……โลกอินเทอร์เน็ตอยู่ในความโกลาหล แต่โลกแห่งความเป็นจริงมู่หว่านฉิงกำลังเริ่มยุ่งอยู่กับงานแล้วตามคำขอของเย่ซิว เธอต้องถ่ายทอดสดอย่างต่อเนื่องเป็นเวลาหลายวันในช่วงนี้เธอจะไม่สามารถอาบน้ำหรือเข้าห้
- “เธอก็แค่พยายามจะเรียกร้องความสนใจเท่านั้นแหละ ฉันว่าเธอตั้งใจจะหาเงินมากกว่า!”……มีคนพูดถึงเรื่องนี้กันอย่างหลากหลายมู่หว่านฉิงไม่ได้โกรธ เพราะเมื่อทาครีมผิวหยกลงบนใบหน้าของเธอจนทั่วแล้ว เธอก็รู้สึกได้ถึงความเย็นสบายที่แผ่ออกมาทันใดนั้นอารมณ์ของเธอก็สดใสขึ้นราวกับแสงตะวันเย่ซิวเฝ้าดูจากด้านข้าง ขณะที่เสี่ยวจวี๋กำลังวางผลไม้ต่าง ๆ ไว้ตรงหน้าเขาอย่างกระตือรือร้นเรื่องนี้เข้มข้นมากขึ้นเรื่อย ๆ และผู้คนก็รู้เรื่องนี้มากขึ้นเรื่อย ๆต่อมาแม้แต่สื่อทางการก็ยังว้าวุ่นมู่หว่านฉิงได้รับการยกย่องจากสาธารณชนว่า แม้เธอจะมีความผิดปกติทางด้านร่างกาย แต่เธอก็กล้าเผชิญกับความยากลำบาก และแสดงด้านที่มองโลกในแง่ดีและมีชีวิตชีวาที่สุดต่อสาธารณะด้วยการสนับสนุนจากสื่ออย่างเป็นทางการ จำนวนคนในห้องถ่ายทอดสดจึงพุ่งสูงขึ้นในชั่วโมงที่สามของการถ่ายทอดสด มีผู้ชมมากกว่าสองล้านคนมู่หว่านฉิงไม่ได้ขายสินค้า หรือรับของขวัญในห้องถ่ายทอดสด เธอแค่คุยกับทุกคนและร้องเพลงสองสามเพลงเป็นครั้งคราวเหมือนกับสายลมที่พัดผ่านทำให้ผู้คนรู้สึกสบายใจเดิมทีบางคนที่วิพากษ์วิจารณ์เธอก็ค่อย ๆ ได้รับอิทธิพลและเงี
เสี่ยวจวี๋พาเย่ซิวไปที่ห้องนอน เธอรู้สึกกังวลเล็กน้อย "พี่เย่ อ่อนโยนหน่อยนะคะ นี่เป็นครั้งแรกของฉัน"เธอมีความประทับใจที่ดีต่อเย่ซิวเขาทำให้มู่หว่านฉิงมีชีวิตใหม่ และที่สำคัญเขาก็ค่อนข้างหล่อเลยทีเดียวเธอคงจะมีความสุขที่จะได้มีความสัมพันธ์กับผู้ชายอย่างเขานี่เป็นเหตุผลเดียวกับที่เวลาผู้ชายเห็นผู้หญิงสวย พวกเขาก็อยากจะเข้าใกล้มากกว่านั้นบนใบหน้าของเย่ซิวเต็มไปด้วยคำถาม "คุณกำลังพูดเรื่องอะไร? ผมมียาจะให้คุณกินเพื่อเสริมสร้างร่างกาย หลังจากที่คุณกินยาเข้าไปแล้ว ในอีกไม่กี่วันต่อจากนี้คุณจะได้มีแรงดูแลมู่หว่านฉิง"ในขณะที่เขาพูด เขาก็ยื่นยาให้เธอและสั่งว่า “หลังจากกินไปแล้วคุณจะต้องเข้าห้องน้ำบ่อยหน่อย แต่ไม่ต้องกังวลไปนะ”เสี่ยวจวี๋ที่จะเข้าใจผิดก็พลันหน้าแดงจี๋ แต่เม็ดยาในมือของเธอก็ดึงดูดความสนใจไปอย่างรวดเร็ว "ยานี้ได้ผลจริง ๆ เหรอ? แล้วถ้าผู้ชายกินเข้าไป มันจะไม่…”เย่ซิวเขกหน้าผากของเธอเบา ๆ “อายุแค่นี้ ในหัวของคุณคิดอะไรกัน?”เสี่ยวจวี๋แลบลิ้นอย่างขี้เล่นแล้ววิ่งเข้าไปกินยาในห้องน้ำมีคนนอนดึกออนไลน์อยู่บนโลกอินเทอร์เน็ตเป็นจำนวนมาก แม้แต่ในเวลาตีสามตีสี่แล้วก็ยังมีค
ยังมีม้าศึกเพลิงน้ำแข็ง อีกทั้งลู่เสวี่ยเอ๋อร์และพวกเธอล้วนมีระดับพลังอย่างน้อยอยู่ในช่วงสร้างพื้นฐานขั้นกลางบวกกับจักรกลมังกรดำ ทำให้พวกเขาเริ่มมีเค้าลางของมหาอำนาจสิ่งเดียวที่ขาดไปคืออุตสาหกรรมเศรษฐกิจระดับล่าง ซึ่งยังไม่สามารถยกระดับขึ้นมาได้อย่างสมบูรณ์“โอเค ฉันเข้าใจแล้ว”“จริงสิ” เซี่ยซิ่วซิ่วพูดขึ้นอีกประโยค “ส่งคำเชิญไปให้ประเทศหลงเถิงด้วย ถ้ามีพวกเขาช่วย ประเทศจ้านอิงตี้ก็คงไม่กล้าเล่นตุกติก”เฉินหลานกับหวังซวงตาเป็นประกาย พวกเขาเกือบลืมไปเลยว่าประเทศหลงเถิงเป็นแบ็กอัพที่แข็งแกร่งไม่นาน ข่าวนี้ก็แพร่กระจายไปทั่วโลกดึงดูดสื่อมากมายนับไม่ถ้วนให้พากันรีบไปที่สำนักโอสถแม้แต่นักเดินทางเดียวดายบางคนก็เริ่มเตรียมตัวเดินทางไปเงียบ ๆนี่คือมหกรรมที่ยิ่งใหญ่ระดับสุดยอดคนที่มองการณ์ไกลล้วนมองออกว่าประเทศจ้านอิงตี้ไม่ได้มาด้วยเจตนาดีทั้งที่รู้ว่าเย่ซิวแข็งแกร่งขนาดนั้น แต่ยังกล้าเป็นฝ่ายริเริ่มเปิดการเจรจาแบบนี้ แสดงว่าพวกเขาต้องมีอะไรให้พึ่งพาทางด้านประเทศหลงเถิง หลังจากได้รับข่าวอัครมหาเสนาบดีกับผู้นำก็หารือกันว่าจะส่งใครไปเข้าร่วมนายกรัฐมนตรีเหมือนนึกอะไรขึ้นมาได
เส้นผมของหวังซวงยังคงเปียกชื้นเธอสวมชุดนอนผ้าไหมที่แนบสนิทไปกับร่างกาย เผยให้เห็นสัดส่วนอันเย้ายวนของเธอเห็นได้ชัดว่าเธอเพิ่งอาบน้ำเสร็จเธอนั่งอยู่บนเตียง มือซ้ายถือรูปของเย่ซิว จ้องมองมันด้วยสายตาหลงใหล“อาจารย์ อาจารย์รู้ไหมว่าฉันชอบอาจารย์อาจารย์ช่างหล่อเหลา พลังของท่านก็แข็งแกร่ง ร่างกายของอาจารย์ยังสมบูรณ์แบบ แข็งแกร่งมาก...อาจารย์รู้ไหม? ทุกค่ำคืนฉันมักจะฝันถึงอาจารย์ ในความฝันฉันได้...กับอาจารย์”เธอกัดริมฝีปากเบา ๆ สีหน้าเต็มไปด้วยความปรารถนาเย่ซิวไม่เคยคาดคิดมาก่อนเลยว่าเด็กคนนี้จะมีความคิดเช่นนี้กับตนเองเขาส่ายหน้าเบา ๆ ก่อนจะหมุนตัวจากไปตอนนี้ผู้หญิงรอบตัวเขามีมากพอแล้ว ไม่มีความจำเป็นต้องรับเข้ามาเพิ่มอีกคนเย่ซิวลอยขึ้นไปเหนือสำนักโอสถเขาเงยหน้าขึ้นมองดวงจันทร์ที่แขวนอยู่บนท้องฟ้า พลันเกิดความคิดที่บ้าบิ่นขึ้นมา“บนดวงจันทร์มีอะไรอยู่กันแน่?”แม้ว่าในอดีตจะมีหลายประเทศที่ส่งยานอวกาศพร้อมมนุษย์ขึ้นไปสำรวจ และมีคนจริง ๆขึ้นไปเหยียบดวงจันทร์ได้แล้วแต่ขอบเขตที่พวกเขาเดินทางไปได้นั้นยังมีจำกัดยังมีพื้นที่อันลี้ลับบนดวงจันทร์ที่ไม่เคยถูกค้นพบที่สำคัญ
ภายในห้องลับ เย่ซิวไม่อาจรับรู้ถึงการไหลผ่านของกาลเวลาได้เลยจิตวิญญาณทั้งหมดของเขาจดจ่ออยู่กับการหลอมรวมระดับวิญญาณก่อกำเนิดด้วยรากฐานอันแข็งแกร่งและการเตรียมพร้อมที่เพียงพอ การทะลวงระดับของเขาจึงราบรื่นไร้อุปสรรคในวันที่แปดของการปิดด่าน เขาสามารถควบแน่นระดับวิญญาณก่อกำเนิดได้สำเร็จระดับวิญญาณก่อกำเนิดของเขามีห้าสีเช่นกันยิ่งไปกว่านั้น ขนาดของมันยังใหญ่กว่าระดับวิญญาณก่อกำเนิดขั้นต้นทั่วไปอยู่หนึ่งเท่าพลังวิญญาณเกิดการเปลี่ยนแปลงเชิงคุณภาพอีกครั้งหากเปรียบพลังวิญญาณของเขาในอดีตเป็นเพียงตะปู ตอนนี้มันกลับกลายเป็นกระบี่ยาวเล่มหนึ่งแล้วการเพิ่มพูนของพลัง ส่งผลสะท้อนกลับเข้าสู่ร่างกายโลหิตและกล้ามเนื้อของเย่ซิวเปล่งประกายราวกับอัญมณี ดวงตาของเขาส่องแสงเจิดจ้าดุจตะวันดวงน้อยเพียงแค่คิด ระดับวิญญาณก่อกำเนิดก็แยกออกจากร่าง ลอยขึ้นสำรวจโดยรอบความรู้สึกนี้ช่างแปลกประหลาดยิ่งนักระดับวิญญาณก่อกำเนิดคือผลรวมของจินตานและจิตวิญญาณที่หลอมรวมกันก่อนที่จะทะลวงระดับ หากจิตวิญญาณของเย่ซิวออกจากร่าง มันจะได้รับความเสียหายอย่างร้ายแรงแม้แต่พลังของเขาก็ไม่อาจยื้อเวลาให้อยู่นอกกาย
ยังคงเป็นที่ห้องทดลองชีวภาพหมายเลขเก้าในประเทศจ้านอิงตี้หลังจากที่ประเทศจ้านอิงตี้ทุ่มเททุกวิถีทางในการเพาะเลี้ยงมาตลอดช่วงเวลานี้นักรบยีนสิบคนกับสิ่งมีชีวิตโบราณก็ได้หลอมรวมจนถึงระดับแปดสิบเปอร์เซ็นต์ เพียงแค่แรงกดดันที่แผ่ออกมาจากพวกเขา ก็ทำให้พื้นของห้องทดลองแทบจะรับไม่ไหว เกิดรอยร้าวมากมายเหล่านักวิทยาศาสตร์ที่อยู่นอกห้องทดลองมองดูพวกเขาด้วยรอยยิ้มแห่งความพึงพอใจแต่ยังไม่ทันที่พวกเขาจะดำเนินการขั้นตอนต่อไป ก็เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้นจู่ ๆ นักรบยีนทั้งสิบคนก็เข้าห้ำหั่นกันเอง เลือดสาดกระจายไปทั่ว ราวกับนรกบนดินนักวิทยาศาสตร์ภายนอกรีบฉีดสเปรย์สารควบคุมชนิดต่าง ๆ เข้าไป แต่กลับไม่มีผลใด ๆ“แย่แล้ว! รีบเข้าสู่สถานะเตือนภัยด่วน!”เหล่านักวิทยาศาสตร์ตกตะลึงสุดขีด รู้สึกว่าสถานการณ์เริ่มเกินกว่าการควบคุมตู้ม!ทันใดนั้น พลังงานบางอย่างปะทุขึ้น ทำให้ทั้งห้องทดลองสั่นสะเทือนราวกับจะพังทลายจากนั้น ร่างของหญิงสาวคนหนึ่งก็ก้าวออกมาจากข้างในเธอมีใบหน้าที่งดงามสะกดสายตา อีกทั้งรูปร่างยังเย้ายวนเกินต้านทานแต่สิ่งที่แตกต่างจากมนุษย์ทั่วไป ก็คือเส้นผมของเธอทั้งหมดกลับเป็นอส
ในขณะเดียวกัน เสียงของเย่ซิวก็ดังขึ้นข้างหูเขา "สถานที่แห่งนี้ ห้ามฟื้นฟูขึ้นใหม่ภายในหนึ่งร้อยปี มิเช่นนั้นประเทศจ้านฉงตี้จะต้องหายไปจากโลกใบนี้"นี่เป็นทั้งการดูแคลน และยังเป็นการเหยียดหยามอย่างถึงที่สุดให้พวกเขาต้องเผชิญกับความอัปยศนี้ทุกขณะในช่วงเวลาหนึ่งร้อยปีถือเป็นการโต้กลับอย่างแข็งแกร่งของเย่ซิว หลังจากประเทศจ้านฉงตี้พยายามเล่นงานเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่าจักรพรรดิหมีเหล็กกำหมัดแน่นจนเส้นเลือดปูดโปน ความอัปยศอันรุนแรงแผ่ซ่านไปทั่วร่างใบหน้าของเขาบิดเบี้ยวไปด้วยความโกรธแต่ในความโกรธแค้นนั้นกลับแฝงไว้ด้วยความรู้สึกหมดหนทางอย่างลึกล้ำเพียงชั่วพริบตาเดียวราวกับว่าเขาแก่ลงไปอีกหลายสิบปีเดิมทีเส้นผมของเขายังมีสีดำเหลืออยู่ครึ่งหนึ่ง แต่ตอนนี้กลับขาวโพลนทั้งหมดผู้ช่วยที่อยู่ข้างกาย มองดูสภาพของเขาด้วยความสงสาร ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยเสียงแผ่วเบา "ตอนนี้พวกเราควรทำอย่างไรดี? จะยิงจรวดออกไปอีกไหม?""ไม่ต้องแล้ว ไม่มีทางเอาชนะเขาได้หรอก"จักรพรรดิหมีเหล็กส่ายศีรษะอย่างเหนื่อยล้า สายตามองไปยังร่องรอยของกระบี่อันใหญ่โตเบื้องหน้า "ดูเหมือนว่า ถึงเวลาที่ฉันจะต้องหาผู้สืบทอดแล้ว"……ม
เบื้องหน้าของเย่ซิวปรากฏชายชราผู้มีรูปลักษณ์ประหลาดเขามีอายุกว่าร้อยปีแล้ว ดวงตาฝ้าฟางแทบจะลืมขึ้นไม่ได้เส้นผมยาวหลายสิบเมตรถูกถักเป็นเปียและพันรอบร่างกายของตนใต้ฝ่าเท้าของเขามีการ์กอยล์หินเป็นพาหนะ มือขวาถือไม้กายสิทธิ์อันเก่าแก่เย่ซิวกระตุกบังเหียนให้ม้าหยุดลงพลางหรี่ตามองชายชราเล็กน้อย “มีธุระอะไร?”พลังที่แผ่ออกมาจากร่างของชายชราทำให้เย่ซิวรู้สึกได้ถึงอันตรายแม้ว่าจะเป็นเพียงเสี้ยวเดียวก็ตาม“ข้าคือเทพพิทักษ์แห่งประเทศจ้านฉงตี้ ปิดด่านฝึกฝนมาหลายสิบปีแล้วได้ยินว่าประเทศหลงเถิงมีอัจฉริยะที่แข็งแกร่งจึงอยากมาดูให้เห็นกับตา”เย่ซิวไม่แสดงอารมณ์ใด ๆ “ตอนนี้ก็ได้เห็นแล้ว มีอะไรจะชี้แนะหรือเปล่า?”ดวงตาฝ้าฟางของชายชราเพ่งมองเย่ซิวแน่วแน่ แววตานั้นแฝงไปด้วยอันตรายเล็กน้อยก่อนที่เขาจะยิ้มออกมา“ข้าน่ะเป็นคนอยากรู้อยากเห็นเลยอยากจะประลองกับเจ้าสักหน่อย ไม่รู้ว่าจะรับคำท้าหรือไม่”เย่ซิวสัมผัสได้ถึงจิตสังหารที่ซ่อนเร้นของอีกฝ่ายที่บอกว่าเป็นการประลองคงเป็นแค่ข้ออ้างจุดประสงค์ที่แท้จริงคือก็แค่อยากทดสอบพลังของตนเองกับเขาเท่านั้น“ฉันไม่มีคำว่าประลองอะไรทั้งนั้น ถ้าคุณคิ
ทั้งคืนผ่านไปด้วยความว้าวุ่นใจและความกระสับกระส่าย เธอแทบไม่ได้หลับเลยเวลาแปดโมงเช้า เย่ซิวยืนอยู่ริมหน้าต่างมองออกไปยังทิวทัศน์ภายนอกอากาศสดชื่น เสียงนกร้องและกลิ่นหอมของดอกไม้กระจายไปทั่ว ที่นี่มีนกยูงเลี้ยงไว้อยู่หลายตัว บรรยากาศเหมาะแก่การอยู่อาศัยอย่างยิ่ง“คุณเย่ตื่นเช้าจังเลยนะคะ” ลิลิธเดินเข้ามาพร้อมกับก้าวย่างที่อ่อนช้อยดุจแมวป่าฝ่าเท้าขาวผ่องราวหิมะสัมผัสพื้นเบา ๆ ทีละก้าวก่อนจะหยุดอยู่ข้าง ๆ เย่ซิวเธอจ้องมองใบหน้าด้านข้างของเขาด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ยั่วยวนหลังจากฝึกฝนตลอดทั้งคืน พลังของลิลิธก็พุ่งทะยานขึ้นอย่างมหาศาลตอนที่เธอมาที่นี่ เธอไม่เคยคิดเลยว่าตัวเองจะสามารถพัฒนาขึ้นได้เร็วขนาดนี้หากเป็นไปได้ เธอเองก็อยากบำเพ็ญร่วมกับเย่ซิวตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงทั้งวันทั้งคืนบางทีเธออาจสามารถบรรลุถึงระดับพลังที่ไม่มีใครในประเทศจ้านฉงตี้เคยไปถึงมาก่อนแต่น่าเสียดายที่คงเป็นแค่ความฝันที่เป็นไปไม่ได้เย่ซิวไม่ได้ตอบอะไร สายตาของเขายังคงจ้องไปข้างนอกโดยไม่กะพริบตาจินตานห้าสีของเขาหมุนวนอย่างบ้าคลั่งรัศมีพลังที่ส่องออกมาราวกับพระอาทิตย์ที่สว่างไสวและแข็งแกร่งไ
เคย์ฟี่พาลิลิธกลับมาที่ห้องของเธอเธอกับพูโรแยกกันนอนมานานแล้วหลังจากปิดประตู เธอก็รีบดึงลิลิธเข้าไปในห้องน้ำอย่างกระตือรือร้นน้ำร้อนถูกเตรียมไว้ล่วงหน้าแล้วจากนั้นเคย์ฟี่ก็ปิดประตูห้องน้ำเสียงดังปังไม่นานนักก็มีเสียงอุทานของเคย์ฟี่ดังออกมาเป็นระยะด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความอิจฉาลึก ๆครึ่งชั่วโมงต่อมา ทั้งสองก็เดินออกมาจากห้องน้ำเคย์ฟี่ช่วยลิลิธแต่งตัวกับมือ จากนั้นก็ลงเครื่องสำอางให้เธอก่อนจะฉีดน้ำหอมสุดหรูราคาแพงเดิมทีลิลิธก็เป็นหญิงงามอยู่แล้ว แต่ตอนนี้เสน่ห์ของเธอกลับเพิ่มขึ้นไปอีกระดับเธอมองเงาตัวเองในกระจกก่อนจะพยักหน้าด้วยความพอใจ ความมั่นใจของเธอเพิ่มขึ้นมาอีกหลายส่วนจากนั้นเคย์ฟี่ก็พาลิลิธไปยังห้องของเย่ซิว เธอเคาะประตูเบา ๆภายในห้อง แน่นอนว่าเย่ซิวไม่มีความจำเป็นต้องนอนพักเขาเพิ่งกลั่นโอสถไปหลายเตา ซึ่งทั้งหมดนี้ก็เอาไว้ใช้เพื่อเพิ่มพลังบำเพ็ญตนแม้ว่าตอนนี้ผลลัพธ์ของมันอาจจะไม่ได้ทรงพลังมากนัก แต่ถ้าปริมาณมากพอก็ยังสามารถช่วยได้ตอนนี้เขามีโอสถกว่าพันเม็ดแล้วก๊อก! ก๊อก!เสียงเคาะประตูดังขึ้นจากด้านนอก เย่ซิวชะงักเล็กน้อยก่อนจะเก็บเตาหลอมและโอสถท
แต่ลิลิธกลับมีพรสวรรค์ในศาสตร์ด้านนี้สูงมาก จนสามารถฝึกฝนไปถึงระดับที่ไม่เคยมีใครทำได้มาก่อนผู้ชายทั่วไปไม่มีใครกล้าเข้าไปยุ่งกับเธอเลยไม่เช่นนั้น วันรุ่งขึ้นมีหวังกลายเป็นซากศพแห้งตายอย่างแน่นอนแม้ว่าลิลิธจะมีชื่อเสียงด้านความงามโด่งดังไปทั่ว แต่กลับไม่มีใครกล้าเข้าไปยุ่งกับเธอเคย์ฟี่ดวงตาเป็นประกาย “ความคิดนี้ไม่เลวเลยนะ ลิลิธต้องเจอกับผู้ชายที่แข็งแกร่งระดับเย่ซิวเท่านั้นถึงจะรับมือไหวพอลิลิธทำสำเร็จแล้วเข้าไปอ้อนเย่ซิวอีกหน่อยลองชวนให้เขามาลองพี่น้องสุดเซ็กซี่ บางทีเขาอาจจะไม่ปฏิเสธก็ได้”พรีเอลล์ที่ยืนอยู่ข้าง ๆ รีบพูดแทรกขึ้นมา “อย่าลืมแม่ลูกสุดแซ่บด้วย”เคย์ฟี่หัวเราะคิกคัก “อันนี้ก็ต้องดูที่ผลงานของลูกในอนาคตแล้วล่ะ”พูทมองด้วยความอิจฉาผู้ชายที่แท้จริงต้องเป็นแบบเย่ซิว ต้องผ่านดงดอกไม้นับไม่ถ้วนโดยไม่ทิ้งร่องรอยน่าเสียดายที่ถึงแม้เขาจะมีฝีมือพอตัว แต่เมื่อเทียบกับเย่ซิวแล้วยังห่างชั้นกันเกินไปแถมสาว ๆ ที่เขาเคยได้มาก็ยังไม่มีคุณภาพดีเท่านี้เลยด้วยซ้ำหลังจากหารือกันเสร็จ เคย์ฟี่ก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาลิลิธด้วยตัวเองณ เมืองระดับแนวหน้าของประเทศจ้านฉงตี้