ตาวหวังและหนานหวังคุกเข่าลงบนพื้น ใบหน้าของทั้งคู่มืดมน ในใจเปี่ยมไปด้วยความสิ้นหวังทั้งคู่มองไปที่เย่ซิวเป็นครั้งคราวอย่างสยดสยองใครจะคิดว่าเด็กหนุ่มที่ดูไม่มีพิษภัยคนนี้จะเป็นผู้มีอิทธิพลที่น่ากลัวถึงเพียงนี้!แต่ในเมื่อเย่ซิวไม่ได้ฆ่าพวกเขา ด้วยสติปัญญาของพวกเขาย่อมสามารถเดาได้ว่าเย่ซิวต้องการที่จะให้พวกเขายอมจำนนดังนั้นก่อนที่เย่ซิวจะปริปากพูด พวกเขาก็แสดงความยอมจำนนก่อนส่วนว่าพวกเขาเต็มใจที่จะยอมจำนนต่อคนอื่นจริง ๆ หรือไม่นั้น ไม่มีใครรู้ทั้งคู่คุกเข่าต่อหน้าเย่ซิวและโขกศีรษะไม่หยุด พวกเขาลืมคำว่า ‘ปรมาจารย์ไม่อาจโดนหยามได้’ ไปนานแล้วตราบใดที่รอดชีวิต จะต้องแลกด้วยอะไรก็ยอมเย่ซิวพูดด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ "หว่านเอ๋อร์ ทำลายสัญลักษณ์ของความเป็นชายของพวกเขาซะ"สองหวังโกรธจัดทันที นี่เป็นสิ่งที่พวกเขายอมรับไม่ได้ถ้าไม่มีสิ่งนั้น การมีชีวิตอยู่ต่อจะไปสนุกอะไร?พวกเขาเฝ้าดูเวินหว่านเอ๋อร์เดินใกล้เข้ามา และเตรียมตัวที่จะลุกขึ้นยืนเพื่อต่อต้านแต่ในขณะนี้ คลื่นสังหารอันน่าสะพรึงกลัวปะทุออกมาจากกายของเย่ซิว เหมือนกระแสน้ำบนภูเขา ทำให้พวกเขาจมดิ่งลงในทันที และทั่วทั้งร่างกา
เมื่อได้ยินเสียงเปิดประตูลิฟต์ เขาก็หันศีรษะทันทีหลังจากเห็นเย่ซิว เขาก็รีบวิ่งเข้าไปหา แล้วถามด้วยความประหลาดใจว่า "เถ้าแก่ เถ้าแก่ไม่ได้รับบาดเจ็บใช่ไหมคะ?"เย่ซิวยิ้มและส่ายหัว "ไปเรียกหลิวอวี่มาที่นี่ แล้วก็เรียกบอดี้การ์ดที่ทรยศคุณมาด้วย"หลิวเสี่ยวอวี้ยิ้มอย่างกระอักกระอ่วน "พี่อวี่...แล้วก็บอดี้การ์ดพวกนั้นก็หนีไปหมดแล้ว ส่วนพี่หู่ เขาอยู่ตรงนั้น"มือชี้ไปที่ข้าง ๆ เคาน์เตอร์ หัวหน้าบอดี้การ์ดคนนั้นยังคงสลบอยู่ตรงนั้นเย่ซิวยักไหล่ "ช่างเถอะ ในเมื่อหนีไปแล้วก็หนีไป คุณพาผมไปที่ออฟฟิศหน่อย"หลิวเสี่ยวอวี้เปล่งเสียงอืมรับคำ แล้วเดินนำทางพอเดินผ่านพี่หู่ เธอก็เตะพี่หู่หนึ่งทีในออฟฟิศ หลังรินน้ำชาให้กับเย่ซิวและเวินหว่านเอ๋อร์เสร็จแล้ว หลิวเสี่ยวอวี้ก็ยืนอยู่ที่เดิมด้วยความไม่สบายใจเย่ซิวยิ้มอย่างอ่อนโยน "นั่งลงเถอะ มาพูดถึงเรื่องของคุณกันเถอะ"“อ่า” หลิวเสี่ยวอวี้ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งและไม่ได้นั่งลงแต่อย่างใด แต่พูดถึงสถานการณ์ที่บ้านอย่างตรงไปตรงมาจนจบเย่ซิวอ่านใจคนได้แม่นมากหลิวเสี่ยวอวี้ผู้นี้มีดวงตาที่ใสสะอาด และร่างกายของเธอก็ไม่มีกลิ่นเน่าเสียเหมือนโสเภณีเหล่
สินค้าถูกผลิตออกมาแล้ว แต่ยังมีปัญหาใหญ่อยู่นั่นคือจะโฆษณาประชาสัมพันธ์อย่างไรในช่วงนี้เขาดู ๆ ดาราดังไว้หลายคน โดยต้องการเลือกให้เป็นพรีเซนเตอร์แบรนด์ แต่ก็ไม่มีใครเหมาะสมบรรจุภัณฑ์ของครีมผิวหยกออกแบบสไตล์คลาสสิกโดยใช้เครื่องลายครามสีน้ำเงินขาวผสมผสานระหว่างลายดอกโบตั๋นบรรจุภัณฑ์นี้ออกแบบโดยหลิ่วเมิ่งอิ๋น และเย่ซิวก็ชอบมันตั้งแต่แรกเห็นครีมผิวหยกชุดแรกผลิตเพียงห้าพันกล่องเท่านั้นน้ำหนักสุทธิกล่องละสามร้อยกรัม โดยปกติสามารถใช้งานได้นานถึงสองเดือนต้นทุนอยู่ที่หกร้อยบาท และราคาวางขายตั้งไว้ที่สองพันเก้าร้อยเก้าสิบเก้าบาทราคานี้ถูกกว่าเอสซี่ที่แพงรากเลือดตั้งไม่รู้กี่เท่านอกจากนี้ ครีมผิวหยกยังใช้ประโยชน์ได้หลากหลาย เช่น เสริมความงาม ลบรอยแผลเป็น ลบฝ้ากระจุดด่างดำ ให้ความกระจ่างใส และเพิ่มความชุ่มชื้นพูดได้ว่าผลิตภัณฑ์หนึ่งกล่องเทียบเท่ากับผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ห้าหรือหกรายการ และผลลัพธ์ก็ดีกว่าด้วย แถมยังปลอดสารพิษ ดีต่อโลกและเป็นมิตรต่อสุขภาพอีกด้วยเย่ซิวโทรหาหลายคนได้แก่อวี่เฟยเฟย หลิวอวี้ฝู น่าหลันเยียนหรานและคนอื่น ๆ โดยขอที่อยู่ของพวกเธอ และให้คนส่งผลิตภัณฑ์เหล่านี้ทาง
ดวงตาคู่นั้นไร้ซึ่งประกาย มีแววหม่นหมองคำพูดที่หมอพูดเมื่อไม่นานมานี้ ยังคงดังก้องอยู่ในจิตใจของเธอ ราวกับมีดคมที่เฉือนร่างเธอครั้งแล้วครั้งเล่า“ใบหน้าของคุณพังแล้ว แม้แต่แพทย์ที่มีทักษะทางการแพทย์ดีที่สุดในโลกก็ไม่สามารถฟื้นฟูให้กลับมาเป็นปกติได้”สำหรับหญิงสาววัยเพียงยี่สิบกว่า ๆ อีกทั้งโด่งดังด้วยรูปลักษณ์หน้าตา สิ่งนี้ไม่ต่างกับการฆ่าเธอสองวันต่อมา เธอก็ออกจากโรงพยาบาลแล้วเธอเดินออกทางประตูหลัง แต่ก็ยังถูกนักข่าวหลายคนที่รออยู่ที่นั่นพบกลุ่มนักข่าวพุ่งเข้าไปหาเธอราวกับฝูงผึ้ง แสงแฟลชทิ่มแทงมู่หว่านฉิงราวกับลูกธนูอันแหลมคม“หว่านฉิง ได้ยินมาว่าคุณโดนสาดน้ำกรด เพราะคุณทำให้ใครบางคนขุ่นเคืองเข้า”“ตอนนี้คุณเสียโฉมแล้วหรือเปล่า?”“ถอดหน้ากากอนามัยออกให้เราดูหน่อยค่ะ”……ผู้จัดการของเธอพยายามสกัดกั้นนักข่าวเหล่านี้อย่างสุดความสามารถแต่ก็ไม่มีอะไรสามารถหยุดนักข่าวบันเทิงที่คลั่งไคล้ภาพข่าวเด็ดเหล่านี้ได้เลยมีคนพุ่งเข้ามาและฉีกหน้ากากอนามัยของมู่หว่านฉิงออกใบหน้าที่สวยงามแต่เดิมนั้นตอนนี้น่าเกลียดมาก เหมือนกับเปลือกส้มที่ถูกตากแห้งและถูกขยี้อย่างหนัก ใครเห็นก็รู้สึกพ
เย่ซิวพูด "ผมไม่ใช่นักข่าวบันเทิง"แต่ผู้จัดการไม่เชื่อ และยืนอยู่หลังประตูด้วยความโกรธ "รีบไสหัวออกไปจากที่นี่ซะ ไม่งั้นฉันจะแจ้งตำรวจ!"เย่ซิวทำอะไรไม่ถูกเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายไม่ยอมฟังในสิ่งที่เขาพูดเลยเขาถอยหลังไปสองสามก้าวมู่หว่านฉิงอาศัยอยู่ในบ้านเดี่ยวเขามองไปรอบ ๆ พูดขอโทษในใจ แล้วเลือกปีนเข้าไปทางหน้าต่างที่เปิดอยู่บนชั้นสองในช่วงเวลาฉุกเฉินก็ต้องใช้วิธีฉุกเฉินเท่านั้นบังเอิญที่หน้าต่างบานที่เย่ซิวเลือกนั้นเป็นห้องนอนของมู่หว่านฉิงพอดีเธอนอนนิ่งอยู่บนเตียงโดยไม่ขยับเขยื้อนเลย ดวงตาจ้องมองไปยังเพดานด้วยความว่างเปล่าเย่ซิวเดินเข้าไปหา มองดูใบหน้าที่เสียโฉมของเธอ แล้วส่ายหัวเล็กน้อย แต่ไม่ได้รู้สึกรังเกียจแต่อย่างใด“พี่หว่านฉิง มาทานอะไรสักหน่อยเถอะ…กรี๊ด แกเป็นใคร!”ทันทีที่ผู้จัดการเปิดประตูก็เห็นชายแปลกหน้ายืนอยู่ข้างเตียงของมู่หว่านฉิงด้วยความตกใจ จึงกรีดร้องและรีบวิ่งเข้าใส่ทันทีเย่ซิววางมือข้างหนึ่งบนหน้าผากของเธอ ไม่ว่าหญิงสาวจะพยายามแค่ไหน เธอก็ไม่สามารถเข้าใกล้เขาได้เย่ซิวพูดอย่างช่วยไม่ได้ว่า "ผมไม่มีเจตนาร้าย ผมมาที่นี่เพื่อช่วยรักษาใบหน
เย่ซิวช่วยสาวน้อยขึ้นมาและพูดด้วยรอยยิ้ม "คุณชื่ออะไร?"สาวน้อยปาดน้ำตาบนใบหน้าของเธอ "ฉันชื่อเสี่ยวจวี๋ค่ะ ถ้าคุณสามารถช่วยพี่หว่านฉิงให้หายได้ฉันจะยอมเป็นอนุภรรยาของคุณเลย"เสี่ยวจวี๋อายุประมาณยี่สิบสี่ถึงยี่สิบห้าปี ด้วยรูปร่างที่เล็กและมีกระเล็ก ๆ บนใบหน้า เธอจึงจัดอยู่ในประเภท 'โลลิ’[footnoteRef:0] [0: โลลิ (Loli) - เด็กผู้หญิงที่อายุน้อยกว่า หรือพยายามดูอ่อนกว่าวัย ตัวเล็กน่ารัก] คะแนนรวมร้อยคะแนนเธอก็น่าจะได้สักเจ็ดสิบคะแนนเย่ซิวไม่ได้ตอบคำถาม แต่พูดกับมู่หว่านฉิงแทนว่า “ใบหน้าของคุณสามารถหายได้นะ และจะดีขึ้นกว่าที่ผ่านมาด้วย”“แต่ผมมีข้อกำหนดหนึ่งข้อ นั่นคือ คุณต้องยกเลิกสัญญากับบริษัทปัจจุบันของคุณ”ขณะที่มู่หว่านฉิงกำลังจะพูด โทรศัพท์ของเสี่ยวจวี๋ก็ดังขึ้นหลังจากมองดูสายเรียกเข้าแล้ว เธอก็สูดหายใจเข้าอย่างเย็นชา "ผู้อำนวยการหลี่!" เธอกดรับสาย จากนั้นก็กดเปิดลำโพงแล้วพูดด้วยความฉุนเฉียว "มีอะไร?"เสียงของชายวัยกลางคนดังขึ้น "หว่านฉิงอยู่ที่ไหนล่ะ?"“มีอะไรจะพูดก็พูดมาตรง ๆ!”อีกฝ่ายก็ไม่โกรธเช่นกัน และพูดอย่างสบาย ๆ "เจ้าของธุรกิจเหมืองถ่านหินเพิ่งติดต่อฉันมา
“ฉันหวังว่าคุณจะถ่ายทอดสดได้โดยไม่หยุดพัก ชาวเน็ตมากมายจะได้เห็นกระบวนการฟื้นฟูของคุณ”คำขอนี้ทำให้มู่หว่านฉิงประหลาดใจแต่หลังจากลังเลเล็กน้อย เธอก็ตอบตกลงและพูดกับเสี่ยวจวี๋ว่า "ใช้บัญชีโซเชียลของฉันโพสต์ข้อความได้เลยว่า ฉันจะเริ่มถ่ายทอดสดภายในครึ่งชั่วโมง แบบที่โชว์หน้าฉันเองด้วย" เสี่ยวจวี๋พยักหน้าและไปเตรียมตัวเมื่อเสี่ยวจวี๋เผยแพร่ข้อมูลออกไป ก็จุดชนวนบนโลกอินเทอร์เน็ตอย่างรวดเร็วสื่อและบริษัทความบันเทิงนับไม่ถ้วนกำลังแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้กันอย่างดุเดือด- “ข่าวใหญ่ ดาราสาวตกอับจะถ่ายทอดสดเผยหน้าตัวเอง!”- “เธอทำอย่างนี้มีเจตนาอะไรกัน?”- “คงอยากจะได้รับความเห็นอกเห็นใจและให้ชาวเน็ตส่งของขวัญให้เธอล่ะมั้ง”- “ฮ่าฮ่า อดีตดาราสาวตกอับขนาดนี้ ทั้งน่าเศร้าและน่าอับอายจริง ๆ”- “คว่ำบาตรยายผู้หญิงน่าเกลียดคนนี้ซะ อย่าปล่อยให้เธอออกมาทำให้ผู้คนรู้สึกรังเกียจ!”……โลกอินเทอร์เน็ตอยู่ในความโกลาหล แต่โลกแห่งความเป็นจริงมู่หว่านฉิงกำลังเริ่มยุ่งอยู่กับงานแล้วตามคำขอของเย่ซิว เธอต้องถ่ายทอดสดอย่างต่อเนื่องเป็นเวลาหลายวันในช่วงนี้เธอจะไม่สามารถอาบน้ำหรือเข้าห้
- “เธอก็แค่พยายามจะเรียกร้องความสนใจเท่านั้นแหละ ฉันว่าเธอตั้งใจจะหาเงินมากกว่า!”……มีคนพูดถึงเรื่องนี้กันอย่างหลากหลายมู่หว่านฉิงไม่ได้โกรธ เพราะเมื่อทาครีมผิวหยกลงบนใบหน้าของเธอจนทั่วแล้ว เธอก็รู้สึกได้ถึงความเย็นสบายที่แผ่ออกมาทันใดนั้นอารมณ์ของเธอก็สดใสขึ้นราวกับแสงตะวันเย่ซิวเฝ้าดูจากด้านข้าง ขณะที่เสี่ยวจวี๋กำลังวางผลไม้ต่าง ๆ ไว้ตรงหน้าเขาอย่างกระตือรือร้นเรื่องนี้เข้มข้นมากขึ้นเรื่อย ๆ และผู้คนก็รู้เรื่องนี้มากขึ้นเรื่อย ๆต่อมาแม้แต่สื่อทางการก็ยังว้าวุ่นมู่หว่านฉิงได้รับการยกย่องจากสาธารณชนว่า แม้เธอจะมีความผิดปกติทางด้านร่างกาย แต่เธอก็กล้าเผชิญกับความยากลำบาก และแสดงด้านที่มองโลกในแง่ดีและมีชีวิตชีวาที่สุดต่อสาธารณะด้วยการสนับสนุนจากสื่ออย่างเป็นทางการ จำนวนคนในห้องถ่ายทอดสดจึงพุ่งสูงขึ้นในชั่วโมงที่สามของการถ่ายทอดสด มีผู้ชมมากกว่าสองล้านคนมู่หว่านฉิงไม่ได้ขายสินค้า หรือรับของขวัญในห้องถ่ายทอดสด เธอแค่คุยกับทุกคนและร้องเพลงสองสามเพลงเป็นครั้งคราวเหมือนกับสายลมที่พัดผ่านทำให้ผู้คนรู้สึกสบายใจเดิมทีบางคนที่วิพากษ์วิจารณ์เธอก็ค่อย ๆ ได้รับอิทธิพลและเงี
เย่ซิวเก็บร่างแยกทั้งห้าไว้ในจุดตันเถียนจากนั้นเขาก็ขังตัวเองบำเพ็ญตนในถ้ำอยู่อีกหลายวันเมื่อออกมาอีกครั้ง เขาก็ทยอยส่งมอบโอสถให้กับแต่ละคนตามที่สั่งไว้ แลกกับวัตถุดิบล้ำค่าหลายชิ้นหลังจากนั้นเย่ซิวก็ตรงไปหาจางเสี่ยวอวี๋ “ฉันอยากไปตลาดมืด เธอพอมีช่องทางไหม”ตลาดมืดนี่ เย่ซิวเคยได้ยินมาตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาอยู่ในสำนักอวิ้นหลิงแล้วเขาว่ากันว่าสถานที่ตั้งลึกลับสุด ๆนอกจากคนในสำนัก ก็ยังมีผู้บำเพ็ญจากสำนักอื่น ๆ แอบเข้ามาทำการค้าด้วยเบื้องหลังตลาดมืดเหมือนจะมีผู้มีอิทธิพลหนุนหลังอยู่หลายรายการซื้อขายข้างในถือว่าปลอดภัยมากมีของดี ๆ หลายอย่างที่โลกภายนอกหาไม่ได้แน่นอนว่าถ้ามีสมบัติติดตัวมากเกินไปแล้วโดนรู้เข้าตอนออกจากตลาดมืดอาจถูกตามฆ่าปิดปากหรือโดนปล้นก็ได้“ฉันรู้สิ สถานที่แบบนั้นต้องใช้ชุดพิเศษในการเข้าไปด้วย”จางเสี่ยวอวี๋พูดจบก็ดึงชุดคลุมสีดำออกมาจากแหวนผนึกของ“ในนั้นทุกคนต้องใส่ชุดนี้ ห้ามเปิดเผยตัวตน และต้องจ่ายค่าผ่านประตูสิบศิลาวิญญาณด้วยนะ”เย่ซิวรับเสื้อคลุมมาถือไว้แล้วจางเสี่ยวอวี๋ก็อธิบายเส้นทางไปตลาดมืดให้ซึ่งก็อยู่ไม่ไกลจากสำนัก เป็นเมืองเล็ก ๆ แ
“อะไรนะ? แค่วันเดียวนายก็กลั่นสำเร็จจริงเหรอ?”ทันทีที่เห็นเย่ซิว เจ้าสำนักก็รีบถามขึ้นด้วยสีหน้าเต็มไปด้วยความคาดหวังเขาเองก็ไม่ได้เพิ่มพลังตัวเองมานานแล้วเหตุผลหลักก็เพราะไม่มีโอสถที่เหมาะสมพอให้ใช้โอสถระดับปฐมญาณนั้นหาได้ยากมากในตลาดต่อให้มีก็จะปรากฏแค่ในงานประมูลเท่านั้น และราคาก็มักจะพุ่งขึ้นสูงเทียมฟ้าเสมอแม้รั่วอวิ๋นจะสามารถกลั่นยาได้แต่เธอต้องลองห้าหกครั้งถึงจะสำเร็จสักครั้ง แถมแต่ละครั้งต้องใช้ต้นทุนมหาศาล“ผมไม่ทำให้ท่านอาจารย์ผิดหวังครับ” เย่ซิวยื่นโอสถเก้าเม็ดที่ถูกเจือจางแล้วให้ ก่อนถอนหายใจหนึ่งที “ไม่คิดเลยว่าฝีมือกลั่นโอสถของผมจะแย่ขนาดนี้ ทั้งหมดออกมาเป็นแค่ระดับต่ำ”เจ้าสำนักมองโอสถระดับปฐมญาณในมือแล้วถึงกับตกใจ แม้เขาจะเป็นคนสุขุมมาก แต่ก็ยังเผยสีหน้าเหลือเชื่อออกมาแล้วก็หัวเราะลั่นด้วยความยินดี “ดี ดีมาก ๆ ฝีมือกลั่นโอสถของนายอาจจะแซงหน้าอาจารย์ของตัวเองไปแล้วก็ได้นะ”เย่ซิวยิ้มเก้อ ๆ “ไม่น่าเป็นไปได้หรอกครับ ผมยังพัฒนาอีกมาก เอ่อ…”จู่ ๆ สีหน้าเขาก็ซีดเผือด ร่างกายโงนเงนเหมือนจะล้มเจ้าสำนักหรี่ตา “นายเป็นอะไรไป?”“ไม่เป็นไรครับ แค่เสียพลังมากเก
เย่ซิวเอ่ยรายชื่อวัตถุดิบออกมาติดต่อกันเป็นสิบ ๆ อย่างหนึ่งในนั้นก็คือวัตถุดิบชิ้นสุดท้ายสำหรับการหลอมร่างแยกธาตุดินเขามีแผนการบางอย่างในใจ และจำเป็นต้องสร้างร่างแยกธาตุทั้งห้าสำเร็จเสียก่อนถึงจะลงมือได้ดวงตาของเจ้าสำนักเปล่งประกายวาบ “ฉันมีหินดินธาตุดั้งเดิมอยู่ก็จริง แต่ของสิ่งนี้ล้ำค่ามาก เว้นเสียแต่นายจะสามารถกลั่นโอสถระดับปฐมญาณออกมาได้”เย่ซิวพยักหน้า เขารู้จักโอสถประเภทนี้ดี มันสามารถเพิ่มพลังระดับปฐมญาณได้แต่กระบวนการกลั่นซับซ้อนมาก แถมวัตถุดิบยังหาได้ยากสุด ๆแค่ต้นทุนวัตถุดิบสำหรับหนึ่งเตากลั่นก็เกินสิบล้านศิลาวิญญาณแล้วผู้บำเพ็ญสายอิสระทั่วไปไม่มีทางสู้ราคาไหวแน่“แล้วเจ้าสำนักอยากได้กี่เม็ด ถึงจะยอมแลกล่ะครับ”“นายกลั่นได้จริงเหรอ?” เจ้าสำนักมองเย่ซิวด้วยสีหน้าตกตะลึง ดวงตาฉายแววไม่เชื่อโอสถชนิดนี้ไม่เหมือนกับโอสถวิญญาณหยก ระดับความยากสูงกว่ากันหลายเท่าเย่ซิวไม่ได้รีบตอบในทันที แต่เงียบไปครู่หนึ่งก่อนเอ่ยว่า “ผมขอลองก่อน ยังไม่กล้ารับประกันว่าจะสำเร็จเอาอย่างนี้ก็แล้วกัน เจ้าสำนักให้วัตถุดิบสำหรับหนึ่งเตากลั่นกับผมก่อนถ้ากลั่นไม่ได้ ผมยินดีจ่ายค่าต้นทุน
เย่ซิวรีบวิ่งเข้าไปในห้องทันทีพอเปิดประตูเข้าไปก็เห็นเสี่ยวไป๋ลอยอยู่กลางอากาศพลังวิญญาณในห้องถูกดูดเข้าไปหามันอย่างบ้าคลั่งไม่กี่วินาทีก็สูบพลังวิญญาณจนหมดทั้งห้องจากนั้นร่างของมันก็ถูกห่อหุ้มด้วยรังไหมขนาดใหญ่ แล้วค่อย ๆ ลอยลงสู่พื้นอย่างช้า ๆเย่ซิวยิ้มกว้างด้วยความดีใจ เสี่ยวไป๋กำลังจะวิวัฒนาการอีกแล้วรอบที่แล้วเหมือนจะพัฒนาขึ้นไม่มากเท่าไหร่แต่สัญชาตญาณของเย่ซิวบอกว่ารอบนี้น่าจะเติบโตแบบก้าวกระโดดเลยทีเดียวเขารีบเอาน้ำพุวิญญาณที่เหลืออยู่เทราดลงไปบนรังไหมทันที ซึ่งมันก็ถูกดูดซึมหายไปอย่างรวดเร็วนี่อาจช่วยเร่งขั้นตอนวิวัฒนาการให้เร็วขึ้นได้เย่ซิวเดินไปอุ้มเจ้าเสี่ยวอวี่ที่อยู่ไม่ไกลขึ้นมาเจ้าตัวนี้ยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปมากแต่ท้องของมันนี่เหมือนหลุมดำชัด ๆเย่ซิวเลยจัดเต็มอีกครั้ง เขากลั่นโอสถวิญญาณหยกมาอีกหมื่นเม็ดให้มันไว้กินเล่นทั้งสำนักอวิ้นหลิงคงไม่มีใครกล้าทำอะไรฟุ่มเฟือยอย่างเขาอีกแล้วล่ะในช่วงครึ่งเดือนหลังจากนั้น เย่ซิวก็หมกตัวอยู่แต่กับการกลั่นโอสถและฝึกฝนวิชาต่าง ๆข้างนอกเองก็เริ่มมีข่าวแพร่กระจายไปว่าเย่ซิวสามารถกลั่นโอสถวิญญาณหยกได้ควา
จากท่าทีและสีหน้าของทุกคน เย่ซิวก็พอเดาออกว่าโอสถนี่น่าจะหาได้ยากมากในตลาดไม่งั้นพวกเขาคงไม่แห่กันมาขอซื้อแบบนี้แน่เขาทำหน้าลำบากใจเล็กน้อย “ผมก็อยากช่วยนะครับ แต่โอสถตัวนี้ตอนปรุงมันใช้พลังจิตเยอะมากวันหนึ่งผมปรุงได้ไม่กี่รอบเอง แถมวัตถุดิบก็หายากด้วย”ความหมายแฝงก็คือพวกคุณต้องเพิ่มเงินและเตรียมของมาเองซึ่งทุกคนก็ไม่ใช่คนโง่และเข้าใจเจตนาของเขาทันที ก่อนจะรีบเสนอว่า“ถ้างั้นแบบนี้ดีไหม โอสถวิญญาณหยกหนึ่งเม็ด ฉันให้หนึ่งพันหนึ่งร้อยศิลาวิญญาณ ส่วนวัตถุดิบเราจัดการเอง แบบนี้ตกลงไหม”เย่ซิวคำนวณในหัวอย่างไวต้นทุนของโอสถวิญญาณหยกต่อเม็ดอยู่ที่ราว ๆ หนึ่งพันศิลาวิญญาณถึงจะรวมค่าแรงและพลังวิญญาณที่ใช้ก็ถือว่าต้นทุนต่ำมาก อย่างมากก็แค่เสียเวลาเฉย ๆเขาสามารถกลั่นได้เป็นหมื่นเม็ดในคราวเดียวถ้าขายให้คนพวกนี้หมื่นเม็ดก็เท่ากับว่าจะได้เงินถึงสิบกว่าล้านศิลาวิญญาณเลยทีเดียวกำไรขนาดนี้ก็แทบจะเรียกได้ว่ากินขาดแต่เย่ซิวก็ยังไม่ตอบตกลงทันที และทำท่าลังเลอยู่รั่วอวิ๋นที่ยืนข้าง ๆ ตบไหล่เขาเสียงดัง “ยังจะลังเลอะไรอีกล่ะ?นี่มันโอกาสทองเลยนะ ได้ทั้งเงินได้ทั้งฝึกฝีมือ”เย่ซิวถ
แล้วทุกคนก็เห็นจ่าฝูงเดินตรงไปหาเย่ซิว จากนั้นมันก็แลบลิ้นออกมาเลียหน้าของเขาเบา ๆ ด้วยแววตาประจบเอาใจสุด ๆทุกคนตกตะลึง “???”รั่วอวิ๋นถึงกับยืนนิ่งตัวแข็งเป็นหิน ตาถลน ปากอ้าค้างจากนั้นเธอก็ชี้ไปที่เย่ซิวอย่างโกรธจัด “นายยังจะกล้าบอกว่าไม่ได้ทำอะไรอีกเหรอ แล้วนี่มันอะไรกัน?!”แต่ก่อนที่เธอจะพูดจบ สิงโตหยกขาวอีกเจ็ดตัวก็วิ่งตามกันมาล้อมเย่ซิวไว้รอบด้าน แถมยังมองรั่วอวิ๋นด้วยสายตาแข็งกร้าวอย่างเต็มไปด้วยท่าทีคุกคามรั่วอวิ๋นเผลอก้าวถอยหลังไปด้วยสีหน้าซีดเผือดความรู้สึกตอนนี้เหมือนโดนใครสักคนมายึดบ้านไปคนอื่น ๆ เองก็จ้องมองเย่ซิวด้วยสายตาในแบบที่ไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเองภาพที่อยู่ตรงหน้ามันเหนือจริงเกินไปเย่ซิวทำหน้าใสซื่อ “ผมไม่ได้ทำอะไรเลยนะครับ”รั่วอวิ๋นโกรธจนตัวสั่นสัตว์ที่เธอเลี้ยงมากับมือหลายปีดันพร้อมใจกันหักหลังเธอแบบนี้ ใครจะทนได้มันไม่ใช่แค่เรื่องทรัพยากร แต่ยังรวมถึงความรู้สึกที่ทุ่มเทไปทั้งหมดด้วย!“นายบอกว่าไม่ได้ทำอะไร แล้วทำไมพวกมันถึงพร้อมใจกันหักหลังฉัน อธิบายมาเดี๋ยวนี้!” รั่วอวิ๋นกัดฟันพูด สายตาที่มองเย่ซิวเต็มไปด้วยความคาดโทษถ้าเจ้าเด็กนี่ไม่ให
ในใจรั่วอวิ๋นกำลังปลื้มเป็นที่สุดแต่ต่อหน้าคนอื่นเธอยังคงวางมาดสงบนิ่ง และพยักหน้าเบา ๆ แบบถ่อมตัวสุด ๆ“ก็ไม่เท่าไหร่นะ แค่สัตว์วิญญาณไม่กี่ตัว เอาไว้เฝ้าประตูเฉย ๆ”คำพูดโอ้อวดแบบถ่อมตัวเช่นนี้ทำเอาคนที่ยืนฟังอยู่ถึงกับกระตุกมุมปากกันเป็นแถบเธอคิดว่านี่คือผักกาดขาวหรือไงนี่มันสัตว์วิญญาณระดับจินตานตั้งแปดตัวเชียวนะถึงสายเลือดของพวกสิงโตหยกขาวจะไม่ใช่ระดับสูงสุด แต่ก็ไม่ใช่พวกชั้นต่ำ อยู่ระดับกลางค่อนไปทางดีเลยด้วยซ้ำถ้าเลี้ยงต่อไปดี ๆ รับรองว่าเก่งขึ้นได้อีกแน่นอนลองจินตนาการดูสิ สิงโตหยกขาวแปดตัวคำรามพร้อมกันจะอลังการแค่ไหน มันต้องเป็นภาพที่อลังการและน่าเกรงขามสุด ๆ“เย่ซิวก็อยู่ที่นี่ด้วยเหรอ” ภรรยาเจ้าสำนักทำทีเหมือนเพิ่งสังเกตเห็นเขาเย่ซิวยิ้มพลางเอ่ย “ขอคารวะท่านผู้อาวุโสทุกท่าน เจ้าสำนักและภรรยา ผมแค่มาให้อาหารพวกมันน่ะครับ”ทุกคนก็พยักหน้าเบา ๆ เป็นเชิงรับรู้ ไม่มีใครเชื่อมโยงได้ถึงเรื่องที่สัตว์วิญญาณเลื่อนระดับได้เพราะตัวเขาเลยแม้แต่น้อยไม่นานนัก สัตว์วิญญาณทั้งแปดตัวก็ค่อย ๆ สร้างตานปีศาจได้สำเร็จแทบจะพร้อมกันพลังที่ระเบิดออกมาทำให้เกิดพายุขนาดใหญ่ไปทั
แม้ว่ารั่วอวิ๋นจะรู้ดีว่าความคิดแบบนี้มันไม่ค่อยแฟร์เท่าไหร่ แต่เธอก็ห้ามตัวเองไม่ได้เลยจริง ๆถ้าเย่ซิวแค่ลองกลั่นโอสถเป็นครั้งแรกก็เก่งกว่าเธอแบบไม่เห็นฝุ่น แบบนั้นมันก็เหมือนโดนตบหน้าแรง ๆ เข้าให้แล้วแบบนี้จะรักษาภาพลักษณ์ความเป็นอาจารย์ไว้ต่อหน้าเขาได้ยังไงกันล่ะเสียงโครมดังขึ้น ก่อนที่ฝาปิดเตาจะหลุดออกกลิ่นหอมของโอสถที่เข้มข้นจนถึงขีดสุดกระจายไปทั่วเย่ซิวถึงกับใจหล่นวูบ คิดในใจว่าแย่แล้วถึงเขาจะพยายามเก็บงำกลิ่นเท่าที่ทำได้แล้ว แต่ดูเหมือนแค่กลิ่นที่ลอยออกมาก็แรงกว่าโอสถของรั่วอวิ๋นเสียอีกรั่วอวิ๋นพยายามควบคุมสีหน้าแล้วรีบเดินเข้าไปดูโอสถในเตาพอเห็นแล้วก็ถึงกับยืนช็อกไปทั้งตัวที่ก้นเตา โอสถจำนวนห้าสิบเม็ดวางเรียงกันอย่างเป็นระเบียบ และแต่ละเม็ดก็ใสบริสุทธิ์ดูอัดแน่นไปด้วยพลังแต่สิ่งที่ทำให้เธอรับไม่ได้ที่สุดก็คือทุกเม็ดมีลวดลายโอสถปรากฏอยู่บนผิวของมัน หมายความว่าโอสถทั้งหมดนี้เป็นระดับสูงนี่มันไม่ใช่แค่โดนตบหน้าแล้ว แต่มันคือการโดนกดหัวลงพื้นแล้วลากไปเลยต่างหากเย่ซิวไอแห้ง ๆ หนึ่งทีและจงใจไม่เข้าไปดู แต่ทำท่าทางตื่นเต้นแล้วถามเธอด้วยสีหน้าลุ้น ๆ ว่า “ท่านอาจ
ทั้งความรู้ที่เคยได้รับรวมถึงทักษะการกลั่นโอสถต่าง ๆ ก็ควรจะเหนือกว่าตัวเขาแบบทิ้งห่างสิแต่ทำไมกลับรู้สึกว่ายังห่างชั้นจากเขาอยู่เยอะเลย?เย่ซิวยังคิดว่าตัวเองอาจจะคิดไปเองจึงตั้งใจดูต่ออีกสักพักจนสุดท้ายก็มั่นใจเต็มร้อยว่าทักษะการกลั่นโอสถของผู้หญิงคนนี้ไม่ถึงหนึ่งในสิบของเขาด้วยซ้ำแค่ฝีมือระดับนี้ก็ยังยืนหยัดอยู่ในโลกของผู้ฝึกตนได้ด้วยเหรอ?หรือโลกของผู้ฝึกตนมันหากินง่ายขนาดนั้นเลย?ความคิดสารพัดผุดขึ้นมาในหัวเย่ซิว แต่สีหน้าเขาก็ยังคงนิ่งเฉย ไม่แสดงพิรุธอะไรออกมาเลยหนึ่งชั่วโมงผ่านไป โอสถก็กลั่นเสร็จเรียบร้อยรั่วอวิ๋นเปิดฝาเตาก่อนจะหยิบเม็ดยาออกมาหนึ่งเม็ด ใบหน้าเต็มไปด้วยความพึงพอใจ “ไม่เลว ๆ หนึ่งเตาได้โอสถมายี่สิบเจ็ดเม็ด ระดับกลางหกเม็ด ถือว่าสมบูรณ์แบบ”จากนั้นเธอก็หันไปมองเย่ซิวแม้ใบหน้าจะดูเรียบเฉย แต่เย่ซิวก็พอจะจับความหมายแฝงได้ไม่ยากก็แค่รอให้เขาชมเธอนั่นแหละหากพูดตรง ๆ การกลั่นโอสถของรั่วอวิ๋นรอบนี้ถือว่าสอบตกสำหรับเย่ซิว เพราะวัตถุดิบที่ใช้ไปทั้งหมด ถ้าเป็นเขากลั่นเองอย่างน้อยจะได้เพิ่มขึ้นอีกเท่าตัวแถมยังเป็นโอสถระดับสูงทั้งหมดด้วยซ้ำเมื่อเห็นโ