เมื่อหลินซวงมาถึงบ้านของเย่ซิว เธอก็ตกใจอีกครั้งนอกจากไป๋อวี้เจี๋ยแล้ว ยังมีสาวงามที่มีเสน่ห์อีกสี่คนอาศัยอยู่ที่นี่ด้วยหลิ่วเมิ่งอิ๋นมีบุคลิกภาพที่เรียบง่าย แต่คุณสมบัติของเธอนั้นน่าทึ่งมากหลิวอวิ้นมีเสน่ห์เหลือล้น ชนิดที่ทำให้คนอยากอยู่ด้วยจนไม่อยากจากไปลู่เสวี่ยเอ๋อร์มีความงามที่น่าทึ่ง มีบุคลิกสง่างาม เหมือนกับเจ้าหญิงเซี่ยซิ่วซิ่วเป็นหญิงสาวสูงศักดิ์แสนสง่างาม ทั้งสวยและมีความสามารถนอกจากไป๋อวี้เจี๋ยแล้ว ห้าสาวงามนี้ยังสามารถเหล่าคุณชายจากตระกูลมั่งคั่งแห่กันเข้าหาพวกเธอราวกับฝูงเป็ดแต่ตอนนี้พวกเธอทั้งหมดอาศัยอยู่ในบ้านของเย่ซิวถ้าเรื่องนี้ถูกเผยแพร่ออกไปเกรงว่าจะทำให้อิจฉาจนคลั่งเลยน่ะสิหลินซวงเข้าใจความแข็งแกร่งของเย่ซิวดีสำหรับผู้หญิงคนอื่น ๆ ในห้อง การมาถึงของหลินซวงทำให้พวกเธอต้องแอบระวังเย่ซิวเป็นเพียงคนเดียว และถ้าเธอยากจะอยู่นานกว่านี้ เธอจะต้องเอาชนะผู้หญิงที่เหลือดังนั้นหลินซวงที่เพิ่งมาถึงจึงรู้สึกถึงความเย็นยะเยือกที่แผ่นหลังของเธอโดยไม่มีการเตือนล่วงหน้าวันรุ่งขึ้นหลินซวงเริ่มงานก่อสร้างเธอยังมีอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ในเมืองหลวงด้วย โครงก
ลูกน้องของเธอพูดด้วยเสียงมั่นใจ "ผมยืนยันหลายครั้งแล้วว่าวันนี้ทุกอย่างที่ไซต์ก่อสร้างเป็นปกติ และไม่มีเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้นเลยครับ'"เสวี่ยเหมยพ่นลมหายใจและพึมพำกับตัวเอง ความคิดที่ไม่ดีเริ่มผุดขึ้นมาในใจของเธอ "หรือว่าเขาจะหาวิธีแก้ได้แล้ว?"เมื่อคิดได้เช่นนี้แล้ว เธอก็ไม่อาจหยุดคิดได้เสวี่ยเหมยนึกถึงท่าทีของเย่ซิวตอนที่ซื้อที่ดินแม้ว่าเธอจะบอกเขาอย่างชัดเจนหลายครั้งว่ามีปัญหากับที่ดินผืนนั้น แต่เขาก็ยังยืนกรานที่จะซื้อที่ดินผืนนั้นก่อนหน้านี้ เธอคิดว่าเย่ซิวถูกความรวยกะทันหันครอบงำจนเสียสติควบคุมตัวเองไม่ได้แต่ตอนนี้เธอรู้แล้วว่าตัวเองคิดผิด“ไม่มีทาง!” เธอนั่งไม่ติดที่อีกแล้วละพูดกับพ่อบ้านทันที “เตรียมรถ!”…… ในอีกด้านหนึ่ง สวีอิงเองก็ตกใจเช่นกันแต่เขาไม่ได้ไปที่ไซต์ก่อสร้างแม้ว่าจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับเย่ซิวที่ไซต์ก่อสร้าง สำหรับเขาแล้วก็ไม่ได้ก่อให้เกิดภัยคุกคามที่สำคัญอะไรหากเงินส่วนใหญ่นำไปใช้ในการก่อสร้างขั้นพื้นฐาน แม้ว่าผลตอบแทนจะมากมายก็ตามแต่ก็อย่าได้คิดว่าจะทำกำไรในปีแรกได้เลยเขามุ่งความสนใจไปที่งานของตัวเองมากกว่า เขามองผู้ช่วยที่มีความสามาร
มืดค่ำแล้ว แต่ไซต์ก่อสร้างยังคงดำเนินงานอย่างคึกคักวุ่นวายมีการใช้ระบบสามกะและมีดำเนินงานอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งวัน โดยมุ่งมั่นที่จะดำเนินการโครงการให้เสร็จสิ้นโดยใช้เวลาสั้นที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้เสวี่ยเหมยมาถึงไซต์ก่อสร้างที่รายล้อมไปด้วยบอดี้การ์ดเมื่อเห็นว่า ไฟในบริเวณไซต์ก่อสร้างสว่างไสว และการก่อสร้างดำเนินไปอย่างเป็นระเบียบ ในที่สุดเธอก็ตระหนักว่าตัวเองมองการณ์สั้นเกินไปสองมือประสานกันไว้แน่น และคลื่นแห่งความเสียใจก็แผ่กระจายออกมาจากก้นบึ้งหัวใจของเธออย่างรวดเร็วเดิมทีเธอคิดว่าเย่ซิวเป็นเศรษฐีใหม่ไร้สมอง การซื้อที่ดินผืนนี้จะนำไปสู่การสูญเสียอย่างรุนแรงอย่างแน่นอนแต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าจะเป็นกำไรมหาศาลจริง ๆ!หากที่ดินผืนนี้ไม่เคยประสบเหตุร้ายครั้งแล้วครั้งเล่า มูลค่าก็คงจะเพิ่มสองเท่าเป็นอย่างน้อยซึ่งหมายความว่า ไม่นานหลังจากที่เย่ซิวซื้อที่ดินผืนนี้ เขาจะทำเงินได้มากกว่าเจ็ดล้านล้านบาทสิ่งที่ยากยิ่งกว่าสำหรับเสวี่ยเหมยที่จะยอมรับก็คือ เมื่อไม่นานมานี้เธอเพิ่งแนะนำเย่ซิวผู้มีความสามารถคนนี้ให้รู้จักกับคู่แข่งของเธอเมื่อเธอคิดได้อย่างนั้น เธอก็แทบจะกระอักออกมาเป็
มังกรที่แท้จริงตัวหนึ่งดันถูกเธอมองว่าเป็นแมลงแล้วพลาดไป แล้วเธอจะปล่อยมันไปแบบนั้นได้อย่างไร?เธอจึงพูดต่อไปว่า "ไปเถอะ ฉันมีเหล้ายาที่ถูกบ่มขึ้นจากสมุนไพรล้ำค่าหลายสิบกว่าชนิดอายุหลายปีขวดหนึ่ง ดื่มเพียงแก้วเดียว ก็สามารถช่วยให้คุณเพิ่มพลังได้เป็นอย่างมาก"เย่ซิวยังคงส่ายหัว "ไม่ไป"บอดี้การ์ดที่อยู่ข้าง ๆ เธอทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้วแต่ไหนแต่ไรมามีเพียงเจ้านายของเธอที่เป็นฝ่ายถูกเชิญ ไหนเลยจะมีตอนที่เธอเชิญคนอื่นแล้วถูกปฏิเสธซ้ำแล้วซ้ำเล่าแบบนี้?บอดี้การ์ดหญิงคนนี้พลันก้าวขึ้นมาข้างหน้า แล้วชี้นิ้วไปที่เย่ซิว "อย่าทำเป็นไม่รู้จักชั่วดีให้มันมากนัก เจ้านายฉันเชิญคุณก็นับว่าเป็นวาสนาหลายชาติของคุณแล้ว คุณมีสิทธิ์อะไรมาปฏิเสธ!"แต่เสวี่ยเหมยโกรธมาก เธอพยายามทุกวิถีทางเพื่อซ่อมแซมความสัมพันธ์ระหว่างตัวเองกับเย่ซิว แต่ไม่คิดว่าจะถูกคนข้างกายทำลายลงเสียเองแบบนี้เธอตวาดออกไป “หุบปาก!”บอดี้การ์ดหญิงคนนั้นแสดงสีหน้าดื้อดึง "เจ้านายคะ ผู้ชายคนนี้มากเกินไปแล้ว เขาหยิ่งผยองเกินไป ฉันทนดูต่อไปไม่ไหวแล้วจริง ๆ"สีหน้าของเสวี่ยเหมยมืดครึ้มลงอย่างน่ากลัว "เมื่อกี้นี้นิ้วไหนที่ชี้ไปที่คุณเย่
เบื้องหน้าเย่ซิว บัดนี้มีโอสถสีเหลืองอร่าม ขนาดประมาณนิ้วหัวแม่มืออยู่ทั้งสิ้นหกเม็ด และกำลังส่งกลิ่นหอมของยาอย่างรุนแรงโอสถยอดเพชรถูกกลั่นออกมาสำเร็จกับโอสถระดับนี้ที่แทบจะเรียกได้ว่าหายสาบสูญไปแล้ว สำหรับเหล่าจอมยุทธที่ฝึกกังฟูข้ามสาย มูลค่าของมันนั้นสูงยิ่งกว่าทองคำเป็นหมื่นหมื่นแท่งเสียอีกหนึ่งเม็ด ก็สามารถเพิ่มพละกำลังได้ถึงห้าร้อยกิโลกรัม ซึ่งช่วยยกระดับความแข็งแกร่งทางกายได้เป็นอย่างมากหากใช้ยาสามเม็ด เปลี่ยนเป็นในสมัยโบราณจะสามารถทะลวงไปถึงระดับที่อยู่ยงคงกระพันได้แต่ในยุคปัจจุบันด้วยสภาพแวดล้อมที่เป็นแบบนี้ ไม่น่าจะไหวอย่างไรก็ตาม มันก็เพียงพอที่จะยกระดับความแข็งแกร่งทางกายของคนคนหนึ่งให้ไปถึงขีดสุดได้แล้วเขาเก็บโอสถแล้วออกจากห้องครัว จากนั้นจึงตะโกนบอกเวินหว่านเอ๋อร์ที่อยู่ในห้องนั่งเล่นไปว่า "มาที่ห้องของผมหน่อย"ทันใดนั้น ผู้หญิงคนอื่น ๆ ในห้องนั่งเล่นก็จ้องมาทางเวินหว่านเอ๋อร์เป็นตาเดียวแม้ว่าเวินหว่านเอ๋อร์จะเคยประสบกับเหตุการณ์เลวร้ายมามากมายมาก่อน กระทั่งคลานออกมาจากกองซากศพ แต่วินาทีนี้เธอก็ยังอดไม่ได้ที่จะรู้สึกหนังศีรษะชาเล็กน้อยผู้หญิงในห้องนั่งเล
ตรงกันข้ามเรือนร่างกลับสมบูรณ์แบบมากขึ้นเรื่อย ๆ เหมือนเสือชีตาห์ในร่างมนุษย์หลังจากสิ่งสกปรกที่ขับออกมาจากร่างถูกชะล้างออกไป ร่างกายเธอก็ส่งกลิ่นหอมสดชื่นและชวนให้คนดอมดมออกมาผิวพรรณเองก็ทั้งเต่งตึงและกระชับ ไม่เห็นรูขุมขนแม้สักนิดเธอมองดูรูปร่างปัจจุบันของตัวเอง เธอก็รู้สึกพึงพอใจอย่างยิ่งโดยเฉพาะเนินเขาที่ไร้ซึ่งป่าไม้ นี่เป็นสิ่งที่ผู้หญิงมากมายอิจฉา และผู้ชายมากมายถวิลหาโอสถยอดเพชรไม่สามารถใช้งานทั้งหมดพร้อมกันคราวเดียวได้ เนื่องจากร่างกายไม่สามารถย่อยมันได้ทันโดยทั่วไปแล้ว จำเป็นต้องเว้นระยะห่างทุกสามวัน รวมต้องใช้เวลาทั้งสิ้นเก้าวันหลังจากที่เวินหว่านเอ๋อร์อาบน้ำเสร็จและเดินออกจากห้องน้ำ ดวงตาของเย่ซิวก็ตื่นตะลึงถ้าต้องใช้คำหนึ่งมานิยามเวินหว่านเอ๋อร์ในปัจจุบันละก็ ‘งามราวเทพธิดา’เวินหว่านเอ๋อร์ดึงเสื้อที่สวมอยู่แล้วพึมพำ “รู้สึกอึดอัดนิดหน่อยแฮะ”ผู้หญิงโดยส่วนใหญ่ย่อมหวังว่าหน้าอกยิ่งใหญ่ก็ยิ่งดีแต่สำหรับเธอแล้ว ใหญ่เกินไปมีแต่จะกลายเป็นภาระ และไม่เอื้ออำนวยต่อการต่อสู้ขณะนี้เธอกำลังพิจารณาอย่างจริงจังว่าจะเข้ารับการผ่าตัดเพื่อลดภาระนี้ดีหรือไม่หากผู้ห
โอสถยอดเพชรอีกสามเม็ดที่เหลือ แบ่งให้หลิ่วเมิ่งอิ๋น เซี่ยซิ่วซิ่ว และลู่เสวี่ยเอ๋อร์สามคนผู้ที่มีวรยุทธสูงสุดในบรรดาสามคนนี้ในตอนนี้คือ ลู่เสวี่ยเอ๋อร์ เธอมีวรยุทธขั้นสูงระดับห้าเมื่อการก่อสร้างสวนยาของเย่ซิวเสร็จสิ้นแล้ว ก็จะสามารถผลิตเครื่องยาสมุนไพรอันมีค่าที่ผ่านกรรมวิธีการทางเทคนิคออกมาได้เป็นจำนวนมาก ซึ่งสามารถนำเครื่องยาสมุนไพรมาใช้ผลิตยาที่ช่วยเพิ่มวรยุทธเป็นจำนวนมากได้แม้ว่าประสิทธิภาพจะสูญเสียไปบ้างเนื่องจากใช้กรรมวิธีที่ไม่เป็นไปตามธรรมชาติ แต่อย่างไรก็ตามก็สามารถชดเชยได้ด้วยปริมาณลู่เสวี่ยเอ๋อร์ใช้เวลาไม่นานก็สามารถบุกทะลวงไปสู่จอมยุทธขั้นสูงระดับหกและตัวเย่ซิวเองก็สามารถทะลุขีดกำจัดของจอมยุทธก้าวไปสู่ระดับพลังยุทธใหม่ที่สูงขึ้นได้อีกหนึ่งขั้นด้วยเมื่อถึงเวลานั้นก็จะมีหญิงงามทั้งสาวน้อย สาวใหญ่ สาวสวยหยาดเยิ้มจนอยากกลืนกินรอบตัวมากมายให้ได้ค่อย ๆ ใช้ให้เพลินใจ จะได้ไม่เหมือนตอนนี้ที่ทำอะไรไปมากกว่าสัมผัสภายนอกอย่างตอนนี้หลังจากทั้งสามสาวกินโอสถยอดเพชรไปแล้ว เย่ซิวก็ให้ทั้งสามสาวไปพักผ่อนในระหว่างนอนหลับ พลังยาจะถูกดูดซึมได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นจากนั้นเ
ทั้งหมดนี้จะต้องขอบคุณความช่วยเหลือจากแฟนคลับโง่ ๆ เหล่านั้นในกลุ่มแฟนคลับของพวกเขาเต็มไปด้วยเนื้อหาเดียวกัน- “พี่สาวน้องสาว สู้ ๆ นะคะ เพื่อสนับสนุนพี่ชาย ฉันเอาเงินค่าเล่าเรียนและค่าขนมที่คุณแม่ให้ในภาคเรียนหน้าไปซื้อครีมทาหน้าเอซซี่หมดแล้ว!”- “ฉันก็ขโมยเงินส่วนตัวของคุณพ่อที่ซ่อนไว้ทั้งหมดหนึ่งแสนบาทไปซื้อผลิตภัณฑ์ที่พี่ชายเป็นพรีเซนเตอร์มาแล้วด้วย”- “พวกเธอต่อสู้แบบนี้ไม่ได้เรื่องหรอก ฉันกู้เงินสองล้านห้าแสนบาทจากแพลตฟอร์มเงินกู้รายใหญ่ ฉันลำบากนิดหน่อยไม่เป็นไร แต่พี่ชายของฉันจะต้องเป็นดวงดาวที่เจิดจรัสที่สุด!”“พี่สาวน้องสาว สู้ ๆ แม้จะต้องทุ่มจนหมดตัว เราก็จะสร้างอาณาจักรที่ยิ่งใหญ่ให้กับพี่ชายของเราให้ได้!”……ในกลุ่มแฟนคลับเกือบทุกกลุ่มล้วนมีเนื้อหาคล้าย ๆ กันเป็นเพราะความบ้าคลั่งของคนเหล่านี้นี่เองที่ทำให้บริษัทที่เพิ่งเปิดใหม่นี้สามารถขายสินค้าได้จำนวนมากภายในเวลาเพียงหนึ่งสัปดาห์ ยอดขายดังกล่าวพอ ๆ กับยอดขายตลอดหนึ่งปีของบริษัทเครื่องสำอางขนาดกลางในประเทศหลงเถิง“รายงานผลการตรวจสอบออกมาแล้ว”ไป๋อวี้เจี๋ยวางกองเอกสารขนาดใหญ่ไว้ข้างหน้าเย่ซิวด้วยสีหน้าโกรธขึ้ง
จมูกของเซี่ยซิ่วซิ่วรู้สึกแสบร้อน ไม่เจอกันนาน ความเป็นเด็กและความเกลียดชังในตัวของน้องสาวเหมือนจะหายไปแล้ว เธอดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้นแล้วเซี่ยซิ่วซิ่ววิ่งเหยาะ ๆ ขึ้นไปหาเธอ น้ำเสียงสั่นเครือ "ชิงชิง!"เซี่ยชิงชิงเห็นเซี่ยซิ่วซิ่วตั้งนานแล้ว ดวงตาของเธอแดงก่ำเล็กน้อย ภายในหัวผุดภาพความทรงจำระหว่างพวกเธอพี่น้องสมัยยังเด็กขึ้นมา“พี่คะ ฉันคิดถึงพี่มาก”เธอโผเข้ามากอดเซี่ยซิ่วซิ่วเซี่ยซิ่วซิ่วเองก็มีน้ำตาคลอเบ้า "พี่ก็เหมือนกัน กลับมาก็ดีแล้ว ต่อไปเราจะไม่แยกจากกันอีกแล้ว"เซี่ยชิงชิงตกใจในทันที "พี่ ความแข็งแกร่งของพี่!!!"ด้วยการกอดนี้ เธอก็สัมผัสถึงกำลังภายในในตัวของเซี่ยซิ่วซิ่วที่ทรงพลังนั้นได้ จึงรู้สึกครั่นคร้ามเป็นอย่างมากเมื่อเซี่ยซิ่วซิ่วได้ยินแบบนี้ก็พูดขึ้นอย่างภาคภูมิใจ "เป็นเพราะพี่เขยของเธอ เขาฝีมือร้ายกาจมาก สามารถหลอมโอสถหลายชนิดเพื่อให้พี่เพิ่มความแข็งแกร่งของตัวเอง แล้วยัง..."คำพูดนั้นหยุดไปชั่วขณะ ใบหน้างามขึ้นสีแดงเล็กน้อยยังมีวิธีการบำเพ็ญตนอีกวิธีหนึ่ง แต่ก็ไม่สามารถพูดออกไปได้ร่องรอยของความคับแค้นฉายลึกอยู่ในดวงตาของเซี่ยชิงชิง แต่เพียงพริบตาเดียวมันก็ถ
“เดี๋ยวก่อน ฉันตกลง!”ในที่สุด เมื่อหลี่ต้าจ้วงเห็นเย่ซิวเตรียมจะจากไป เขาก็แสดงการเลือกของตัวเองเย่ซิวหยุดฝีเท้า หมุนตัวกลับมา สีหน้าไม่ได้แสดงถึงความประหลาดใจมากนักแต่ชูตงกลับหันหน้าไปพรวด มองไปที่หลี่ต้าจวงด้วยความไม่เชื่อ "คุณกำลังพูดอะไรน่ะ?"หลี่ต้าจวงวิ่งไปคว้ากระเป๋าเดินทางจากมือของเย่ซิว ยืนอยู่ที่ประตู และหัวเราะอย่างดุร้าย“ฉันน่ะเบื่อเธอจะตายอยู่แล้ว เห็นได้ชัดว่าหุ่นเซ็กซี่ขนาดนี้ ยังแสร้งทำเป็นไร้เดียงสา!อยู่กับเธอมาตั้งนาน แม้แต่มือก็ยังไม่ยอมให้จับในเมื่อเป็นแบบนี้ ไม่สู้ฉันเอาเงินแล้วไปสนุกข้างนอกดีกว่า พวกเราบอกลากันตรงนี้เถอะ!”พูดจบ เขาก็หยิบกระเป๋าเดินทางแล้วจากไปชูตงราวกับถูกสายฟ้าฟาด คนทั้งคนตัวแข็งทื่ออยู่กับที่เธอไม่เคยคิดเลยว่าผู้ชายที่ตัวเองคิดจะฝากทั้งชีวิตไว้กับเขา จะพูดคำพูดแบบนี้ออกมาเพื่อเงินแค่ไม่กี่สิบล้าน ถึงกับกระทำเรื่องที่น่ารังเกียจเช่นนี้ออกมาน้ำตาไหลลงมาอย่างต่อเนื่องเย่ซิวมองไปที่เธอ "พรุ่งนี้ไปทำงานต่อนะ อย่ามาสายล่ะถ้าคุณกล้าลาออกจากบริษัทโดยพลการ บริษัทจะให้คุณจ่ายค่าผิดสัญญาเป็นจำนวนเงินหลายสิบล้านทีเดียว”แม้ว่าตอน
เมื่อเห็นเช่นนี้ เย่ซิวก็ขึ้นราคาต่อไป "ยี่สิบห้าล้าน"แถมยัง วางกระเป๋าเดินทางขนาดใหญ่ที่เขานำมาไว้บนพื้นแล้วเปิดออกมันเต็มไปด้วยธนบัตรหลงเถิงที่มีมูลค่าฉบับละหนึ่งพันบาท!"ซู้ด!!!"หลี่ต้าจ้วงสูดลมเย็นเข้าปอด จ้องมองไปที่เหรียญหลงเถิงที่ดูเหมือนจะเรืองแสงได้ในชีวิตนี้เขายังไม่เคยเห็นเงินมากมายขนาดนี้มาก่อนเลยเมื่อเทียบกับตัวเลขที่ไร้ชีวิต การที่มีเงินสดกว่ายี่สิบห้าล้านมาวางกองตรงหน้า ย่อมส่งผลกระทบมากกว่าอย่างไม่ต้องสงสัยเมื่อเย่ซิวเห็นสีหน้าของเขา ก็รู้ว่าเขาหวั่นไหวแล้ว จึงพูดอย่างล่อลวงไปว่า “คุณคงไม่เคยเห็นเงินมากขนาดนี้มาก่อนใช่ไหม?คุณมีรายได้ต่อเดือนเท่าไหร่ล่ะ? กะประมาณหนึ่งแสนบาทก็แล้วกันถ้าคุณไม่กินหรือดื่มเลย หนึ่งปีก็จะเก็บเงินได้หนึ่งล้านสองแสนบาท และต้องใช้เวลามากกว่ายี่สิบปีถึงจะสามารถเก็บเงินได้ยี่สิบห้าล้านในความเป็นจริงทุกคนรู้ดีว่านี่เป็นไปไม่ได้ ด้วยอัตราค่าใช้จ่ายของเมืองหลวง หนึ่งปีเก็บเงินได้สักห้าแสนบาทก็นับว่าไม่ธรรมดาแล้วหรือก็คือ คุณต้องใช้เวลาถึงสี่สิบปีจึงจะมีเงินยี่สิบห้าล้านตอนนี้ตราบเท่าที่คุณพยักหน้า เงินนี้ก็จะเป็นของคุณด้วยเงิ
ชายคนนั้นเปิดประตู ก็เห็นว่ามีชายหนุ่มที่สมบูรณ์แบบมากคนหนึ่งยืนอยู่ตรงนั้นเมื่อเห็นเย่ซิว ความริษยาก็วาบผ่านดวงตาของผู้ชายคนนั้น การมีอยู่ที่สมบูรณ์แบบเช่นนี้ ไม่ว่าผู้ชายคนไหนยืนอยู่ต่อหน้าเขาย่อมรู้สึกว่าตัวเองด้อยกว่า ตัวเขาเองก็ไม่มีข้อยกเว้น“คุณเป็นใคร!”ด้วยเหตุนี้ น้ำเสียงของชายคนนั้นจึงไร้ความเป็นมิตรอย่างมาก แถมด้วยความตื่นตระหนกเล็กน้อย เขามองไปทางห้องครัวโดยไม่รู้ตัวกลัวว่าจู่ ๆ ชูตงจะวิ่งออกมา แล้วตกหลุมรักเย่ซิวทันทีหลังจากที่ได้พบเขานี่คือผู้ชายที่เห็นแก่ตัว เสแสร้ง และขาดความมั่นใจในตนเองอย่างมากเย่ซิวยิ้มและพูดว่า "ชูตงอยู่ที่นี่ใช่ไหม ผมเป็นประธานของบริษัทของเธอ คุณคงเป็นแฟนเธอสินะ"“หืม?!”ชายคนนั้นเริ่มตื่นตัวทันที "คุณมีธุระอะไรหรือเปล่า?"“ไม่เชิญผมเข้าไปนั่งหน่อยเหรอ?” เย่ซิวพูดด้วยสีหน้าที่ยากจะอธิบายได้ “ผมมาที่นี่ในวันนี้ ก็เพื่อมอบความมั่งคั่งให้กับคุณ”"ใครคะ?"ตอนนี้เอง ชูตงที่สวมผ้ากันเปื้อนก็เดินออกมาจากห้องครัวพร้อมกับทัพพีในมือขวาเมื่อเขาเห็นเย่ซิว ม่านตาของเธอก็หดตัวลงเล็กน้อย "ประธาน ทำไมคุณถึงมาอยู่ที่นี่คะ?"ไม่กี่นาทีต่อมา เย่ซ
นี่คือคำสัญญาที่เย่ซิวให้ไว้ต่อเธอลู่เสวี่ยเอ๋อร์หลับตาของเธอลงอย่างมีความสุขวันนี้ไม่มีเรื่องอะไรมากนัก ลู่เสวี่ยเอ๋อร์เลยบำเพ็ญตนกับเย่ซิวตลอดลากยาวไปจนถึงห้าโมงเย็นถึงได้หยุดห้าโมงเย็น ก็เลิกงานแล้วเย่ซิวขอให้ลู่เสวี่ยเอ๋อร์กลับไปก่อน เนื่องจากเขามีเรื่องสำคัญที่ต้องทำเมื่อมาถึงลานจอดรถ หลางต้าก็รออยู่ข้าง ๆ รถของเย่ซิวแล้วมีกระเป๋าเดินทางขนาดใหญ่วางอยู่ที่เท้าของเขา“นายน้อย!” หลางต้าโค้งตัวลงแล้วพูด “ทุกสิ่งที่คุณต้องการเตรียมพร้อมหมดแล้วครับ”เย่ซิวพยักหน้า "ได้ นายกลับไปเถอะ"เขาใส่กระเป๋าเดินทางไว้ท้ายรถ จากนั้นขับรถออกไปจุดหมายคือบ้านเช่านอกชานเมืองที่ชูตงอาศัยอยู่เวลาที่ใช้ในการเดินทางไปและกลับจากที่ทำงานถึงที่นี่ ทุกวันคือราวสามสิบหรือสี่สิบชั่วโมงเย่ซิวดูเงินเดือนของชูตงซึ่งมากกว่าหนึ่งแสนห้าหมื่นบาทหลังจากหักภาษีในทุกเดือนแล้วราคาบ้านใกล้บริษัทอยู่ที่ประมาณสองหมื่นห้าพันบาท ซึ่งอิงตามหลักการแล้วเธอน่าจะแบกรับไหวถึงจะถูกเมื่อเขามาถึงบ้านเช่าของชูตง เขาก็จอดรถ ยกกระเป๋าเดินทางออกมา แล้วเดินไปที่เขตชุมชนด้านหน้าเขตชุมชนแห่งหนึ่ง ในห้องสามศูนย์แปด
"ตอนนี้คุณมีแฟนหรือยัง?"เมื่อได้ยินแบบนี้ ชูตงก็รู้สึกรังเกียจเธอแอบคิดว่าเย่ซิวประธานใหญ่คนนี้ ดูเหมือนจะซื่อตรงและมีเกียรติ แต่กลับกลายเป็นว่าเขาก็เหมือนกับผู้ชายคนอื่น ๆหลายคนเคยถามคำถามนี้กับเธอเธอรู้ตัวดีว่าเธอมีเสน่ห์ดึงดูดผู้ชายมากจริง ๆแม้ในใจจะดูแคลน แต่สีหน้ากลับไม่แสดงออกเลยแม้แต่น้อย “เรียนท่านประธานคะ มีแล้วค่ะ เป็นคนที่บ้านแนะนำมา ในอีกไม่กี่เดือนก็จะกลับไปหมั้นกันแล้ว”เย่ซิวขานรับอืมหนึ่งที "อืม ออกไปทำงานเถอะ"ชูตงตกตะลึงไปครู่หนึ่งเธอนึกว่าเย่ซิวจะขอให้เธอเป็นคนรักลับ ๆ ของเขาแต่เป็นแบบนี้ก็ดี ตัวเองเพิ่งเข้ามาทำงานได้ไม่นาน ยังไม่อยากลาออก อยู่ที่นี่เธอทำงานอย่างมีความสุขมากเซี่ยซิ่วซิ่วและลู่เสวี่ยเอ๋อร์บริหารงานเข้มงวด จึงไม่มีความน่ารังเกียจทุกประเภทที่พบในที่ทำงานภายนอกปรากฏขึ้นที่นี่หลังจากที่เธอออกไป เย่ซิวก็นั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ของเซี่ยซิ่วซิ่ว เปิดรายชื่อพนักงาน และพบข้อมูลของชูตงเธอมาจากชนบทและเพิ่งจะเรียนจบ แต่กลับเปลี่ยนงานมามากกว่าสิบตำแหน่งแล้วในเรซูเม่ระบุว่างานเหล่านั้นทำเพียงช่วงระยะเวลาสั้น ๆ เท่านั้น ประธานหรือหัวหน้างาน
ผู้คนจากทั่วทุกมุมโลกต่างด่าบริษัทเครื่องสำอางเหล่านั้นอย่างสาดเสียเทเสียว่าใช้ไม้อ่อนไม่ได้ก็เลยใช้ไม้แข็ง ไร้ศีลธรรมมากเกินไปแล้วเมื่อสักครู่นี้เพิ่งมีข่าวส่งมา ว่ามีผู้คนหลายหมื่นคนของประเทศอวี้ไปซื้อผลิตภัณฑ์ของเรา"เย่ซิวเตือนไปหนึ่งประโยค "ผลกำไรของเราไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ ต้นทุนที่เพิ่มมาก็ปล่อยให้พวกเขาไปแบกรับแทนอย่างไรเสียพวกเราคือ 'เหยื่อ' และหากมีคำด่าทออะไรก็ให้บริษัทของแต่ละประเทศไปแบกรับกันเอาเอง"เซี่ยซิ่วซิ่วยิ้มอย่างมีความสุขมาก "อืม ฉันรู้แล้วเว้นเสียแต่ประเทศต่าง ๆ จะห้ามไม่ให้ผู้คนเดินทางไปยังประเทศอวี้ ธุรกิจของเราก็จะไม่ได้รับผลกระทบมากนัก"แต่มันไม่สมจริงเลยที่จะห้ามไม่ให้ผู้คนไปที่ประเทศอวี้ประเทศอวี้เป็นประเทศที่เป็นกลางอย่างยิ่ง ได้รับการคุ้มครองจากหลายร้อยประเทศ แถมยังเป็นเขตปลอดภาษีอีกด้วยใครก็ตามที่แบนมัน จะต้องเผชิญการประท้วงอย่างรุนแรงแน่นอน“จริงสิ ชิงชิงจะมาถึงบ่ายวันนี้ ฉันจะไปรับเธอ นายจะไปไหม?”เกี่ยวกับเซี่ยชิงชิง เซี่ยซิ่วซิ่วบอกเขาเมื่อวานนี้ตอนนี้ตัวหมากนี้มีผลต่อเย่ซิวไม่มากแล้วบวกกับหลังจากที่เซี่ยซิ่วซิ่วติดตามเขาเธอก็ทำง
“นาย...นายท่าน...”ภายใต้การล่อลวงอย่างต่อเนื่องของเย่ซิว น่าหลันเยียนหรานมีเพียง 'ยอมแพ้' ในที่สุดนอกจากความเขินอายที่มีอยู่ น่าหลันเยียนหรานยังรู้สึกถึงความรู้สึกที่พิเศษมาก ซึ่งมาจากก้นบึ้งของหัวใจ นั่นคือความรู้สึกถูกครอบงำที่แสนประหลาด!หลังจากบำเพ็ญตนจนถึงเที่ยงคืน น่าหลันเยียนหรานก็หลับสนิทไประหว่างที่หลับ ร่างกายของเธอก็แข็งแกร่งขึ้นอย่างรวดเร็วมากถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป ผู้หญิงทุกคนที่อยู่รอบตัวเขาก็จะขึ้นเป็นปรมาจารย์ทั้งหมดแม้ว่าในอนาคตเขาจะไม่ออกหน้า แต่ผู้หญิงข้างกายเขาเหล่านี้ก็สามารถครองยุทธภพเย่ซิวไม่ได้พักผ่อน แต่นั่งขัดสมาธิอยู่ข้าง ๆ น่าหลันเยียนหราน หยิบสุราวิญญาณออกมาดื่มอึกใหญ่ แล้วใช้วิชายุทธเริ่มปรับแต่งมันอย่างเงียบ ๆตอนนี้เป้าหมายของเขาคือการเข้าสู่ขั้นอมตะให้เร็วที่สุด แบบนี้ถึงจะสามารถรู้ความหมายของคำพูดที่หยางชิงเสวี่ยพูดไว้ว่าถ้าเขาได้เธอ ก็จะได้ครอบครองพลังที่ทรงพลังมากเช้าวันรุ่งขึ้น เมื่อน่าหลันเยียนหรานตื่นขึ้นมา เธอก็รู้สึกว่ามีพลังไหลไปทั่วทั้งร่างกาย หูและสายตาของเธอเฉียบคมขึ้น สภาพดีชนิดที่ว่าเมื่อก่อนเทียบไม่ติด“อรุณสวัสดิ์ค่ะคุณเย่”
น่าหลันเยียนหรานหัวเราะคิกคัก "ไม่เป็นไรค่ะ ฉันดื่มเก่งมาก มา ดื่มกันต่อ..."โดยปกติแล้วคนที่ชอบพูดว่าตัวเองดื่มเก่ง ในความเป็นจริงล้วนไม่ค่อยจะเท่าไหร่ยกตัวอย่างเช่นน่าหลันเยียนหราน อวดว่าตัวเองเก่งอย่างนั้นอย่างนี้ ดื่มไปสามแก้วติดกัน ก็นอนฟุบหมดสติไปกับโต๊ะแล้วเย่ซิวส่ายหัวอย่างหมดคำพูด เดินขึ้นไปแล้วอุ้มเธอกลับไปที่ห้องน่าหลันเยียนหรานดูตัวสูงเพรียว แต่จริง ๆ แล้วไม่ได้ตัวหนัก น่าจะสักประมาณสี่สิบห้ากิโลกรัม สำหรับเย่ซิวแล้วจึงไม่ต่างอะไรกับการอุ้มก้อนสำลีมากนักเดินเข้าไปในห้องส่วนตัวของน่าหลันเยียนหราน กลิ่นหอมจาง ๆ ของดอกมะลิก็ลอยมาปะทะจมูก ทำให้ผู้คนรู้สึกผ่อนคลายและเบิกบานเมื่อได้กลิ่นห้องพักสะอาดมาก ไม่มีอะไรที่ทำให้คนเห็นแล้วต้องหน้าแดงเขาวางเธอลงเบา ๆ ไม่ทันรอให้เย่ซิวดึงมือกลับไป เธอก็ลืมตาที่แดงก่ำขึ้นแล้วพูดอย่างคลุมเครือฟังไม่ค่อยชัดแต่เย่ซิวได้ยินมันอย่างชัดเจนมาก เขาถามด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ "คุณแน่ใจเหรอ? ผมไม่สามารถให้สถานะแก่คุณได้"น่าหลันเยียนหรานค่อย ๆ หลับตาลง ท่าทางเหมือนยอมให้ท่านกระทำได้ทุกอย่างนี่เป็นการตัดสินใจเลือกของเธอเอง เย่ซิวไม่ได้บังค