เมื่อเย่ซิวได้ยินเช่นนี้เขาก็หันกลับมาและคว้ามือเล็ก ๆ ของเซี่ยซิ่วซิ่วทันที “จริงเหรอ? คุณเคยได้ยินเรื่องนี้จากที่ไหน?”ฝ่ามือของเย่ซิวกว้างและแข็งแกร่ง ทันทีที่สัมผัสกัน หัวใจของเซี่ยซิ่วซิ่วก็เต้นเร็วขึ้น ใบหน้าของเธอแดงอย่างน่าหลงใหลเธอคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “เหมือนฉันจะได้ยินคุณปู่พูดกับคุณลุง แต่ฉันจำรายละเอียดไม่ได้ ฉันไปถามคุณปู่ดีไหม?”เย่ซิวพยักหน้า “ดีสิ รีบไปถามได้เลย"เซี่ยซิ่วซิ่วยังไม่ไป แต่แลบลิ้นใส่เย่ซิว “ฉันไม่ได้ช่วยนายฟรี ๆ หรอกนะ นายต้องให้รางวัลฉันบ้างสิ”เย่ซิวยิ้มและพูดว่า “คุณอยากได้อะไรเป็นรางวัลเหรอ?”เซี่ยซิ่วซิ่วกัดริมฝีปากเล็กน้อย และรวบรวมความกล้าเพื่อพูดว่า “ฉันอยากได้จูบแรกของนาย นายจะให้ฉันไหม?”เย่ซิวยิ้มอย่างไม่รู้จะพูดอะไร และค่อย ๆ เดินไปหาเซี่ยซิ่วซิ่วหัวใจของเซี่ยซิ่วซิ่วเต้นเร็วมากเมื่อเห็นเย่ซิวเดินมาทางตน เธอก็ค่อยๆ หลับตาลงด้วยความคาดหวังท่ามกลางความกังวลใจจากนั้นเธอก็รู้สึกถึงความอุ่นเล็กน้อยบนริมฝีปาก แต่ไม่นานก็หายไปเมื่อเธอลืมตาขึ้น เธอเห็นเย่ซิวมองเธอกึ่งยิ้มซิ่วซิ่วรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งในใจในการแข่งขันกับในหม
ภายในร้านอาหารเล็ก ๆ แห่งหนึ่ง มีชายหนวดเครารุงรังสองคนกำลังนั่งกินหม้อไฟเนื้อสุนัขอยู่“น่าสนใจจริง ๆ ลูกวัวแรกเกิดไม่กลัวเสือเลย!!”“แค่จอมยุทธระดับสามยังกล้าท้าทายจอมยุทธระดับสี่ เขาคิดจริงหรือว่าอายุน้อยเป็นข้อได้เปรียบ?”…ภายในโรงน้ำชา ชายชราผู้มีสายตาเฉียบแหลมกำลังเพลิดเพลินกับชาอย่างสบายใจทันใดนั้น หน้าจอโทรศัพท์มือถือที่วางอยู่ข้างโต๊ะก็สว่างขึ้นเมื่อเขาเปิดดู สีหน้าประหลาดใจก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา“ระดับสามสู้กับระดับสี่ มั่นใจหรืออวดดีกันแน่? คงต้องไปดูให้เห็นกับตาเสียแล้ว”…ที่ในโรงฝึก มีผู้หญิงรูปร่างล่ำสันคนหนึ่งก็ได้รับข่าวนี้เช่นกัน“ในที่สุดแวดวงยุทธภพที่น่าเบื่อก็เกิดประกายความตื่นเต้นขึ้นแล้วสินะ”…“ที่นี่แหละ!”ชายหน้าตาไม่น่าไว้ใจปรากฏตัวขึ้นหน้าเขตที่อยู่อาศัยเก่า ๆ แห่งหนึ่งเพื่อที่จะพาตัวหลิ่วเมิ่งอิ๋นไปโดยเร็วที่สุดเขาจึงไม่รีรอและมาที่นี่โดยเร็วที่สุดทันทีที่มาถึง เขาก็เห็นคนสองคนเดินออกมาจากเขตที่อยู่อาศัยหลิ่วเมิ่งอิ๋นกำลังช่วยประคองพ่อของเธอ “ตอนนี้คุณพ่อรู้สึกยังไงบ้างคะ?”พ่อของเธอยิ้ม “ดีขึ้นมาก ทั้งหมดนี้ต้องขอบคุณเจ้าหนุ่มคนนั
เย่ซิวได้รับรายงานของหลางอี และเตรียมการใหม่ทันทีเขาเรียกกองกำลังหมาป่าราตรีสิบคนที่ถูกส่งไปทำภารกิจที่สองกลับมา และให้ทั้งหมดไปปกป้องหลิ่วเมิ่งอิ๋นภารกิจที่สองใกล้จะเสร็จสมบูรณ์แล้วจากนั้นเขาก็โทรหาหลิ่วเมิ่งอิ๋น และบอกให้เธออยู่บ้านอย่าออกไปไหนจนกว่าจะกลับมาเขาบอกให้เธอขอโรงเรียนลากลับก่อนเช่นกันต้องจัดการเรื่องที่นี่ให้เสร็จโดยเร็วที่สุดแล้วรีบกลับไปยังเจียงเฉิงเพื่อไปยังภูเขานั้นครืด!เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น และเย่ซิวก็เห็นว่าเป็นสายที่ไม่คุ้นเคยหลังจากรับสายแล้วก็มีเสียงไพเราะดังมาจากปลายสาย“สวัสดีค่ะ คุณเย่ ทานข้าวหรือยังคะ?”มันเป็นเสียงเรียกของแอร์โฮสเตส“สวัสดีครับ ทานแล้วครับ”“อ่อค่ะ…” ได้ยินเช่นนั้นก็รู้สึกได้เลยว่าแอร์โฮสเตสค่อนข้างผิดหวัง แต่เธอก็กลับมาสงบมั่นคงอีกครั้ง และพูดว่า “ถ้าอย่างนั้นคุณอยากจะออกไปดื่มสักหน่อยไหมคะ? ฉันจะเลี้ยงคุณเอง”เย่ซิวดูเวลา ตอนนี้เป็นเวลาสามทุ่มแล้วหลังจากคิดเรื่องนี้แล้วเขาก็ตัดสินใจไปพบเธอเพื่อจัดการเรื่องนี้ให้เรียบร้อย และเธอจะได้ไม่ต้องคอยกังวลเรื่องนี้อีก “ได้สิ คุณบอกสถานที่มาแล้วเดี๋ยวผมจะไปหา...ไม่สิ ไม่ดีกว่
หลังจากยืนยันอาการของน่าหลันเยียนหรานแล้วเขาก็วางมือข้างหนึ่งลงบนหน้าผากของเธอ เขาใช้แรงเล็กน้อยให้เธอเอนตัวเข้าที่ ในขณะที่อีกมือหนึ่งวางลงบนหน้าท้องของเธอท่าทางนี้อาจทำให้คนอื่นเข้าใจผิดได้ง่ายน่าหลันเยียนหรานคิดว่าเย่ซิวต้องการทำมิดีมิร้ายกับเธอจากนั้นเขาก็นิ่งไปชั่วขณะเธอรู้สึกถึงกระแสอันอบอุ่นที่ปล่อยออกมาจากฝ่ามือของเย่ซิวมันไหลเข้าสู่ท้องของเธอความเจ็บปวดอย่างรุนแรงในร่างกายของเธอพลันหายไปอย่างรวดเร็วตอนนี้น่าหลันเยียนหรานมีแรงที่จะพูดแล้ว เธอมองเย่ซิวด้วยความรู้สึกซับซ้อนและถามว่า “ทำไมนายถึงช่วยฉันทั้ง ๆ ที่ฉันเคยทำแบบนั้นกับนาย?”“การรักษาและช่วยเหลือผู้ป่วยเป็นหน้าที่ของหมอ ถึงจะเป็นสุนัขฉันก็ต้องช่วยอารมณ์โกรธของน่าหลันเยียนหรานพุ่งขึ้นทันที เธอกัดฟันแน่นจนเกิดเสียงกรอด“ปากสุนัขของนายนี่จะพูดอะไรดี ๆ บ้างไม่ได้เลยใช่ไหม!”เย่ซิวไม่สนใจเขาเพียงแค่ส่งกำลังภายในเข้าสู่ร่างกายของเธออย่างต่อเนื่องเพื่อช่วยสลายก้อนเลือดที่อุดตันภายในท้องของเธอผิวของน่าหลันเยียนหรานเริ่มมีสีที่บ่งบอกถึงสุขภาพที่ดีขึ้นเรื่อย ๆ และสภาพร่างกายของเธอก็ดีขึ้นเรื่อย ๆ เช่นกันสี
“น้องสาว อยู่ที่นี่คนเดียวมืด ๆ ค่ำ ๆ มันอันตรายมากนะ”“ใช่แล้ว ทำไมไม่มาเที่ยวกับพวกพี่ล่ะ”“วางใจได้เลย พวกพี่เป็นคนดีนะ”น้ำเสียงของเธอเย็นชา “ฉันไม่สนใจ ไปให้พ้น แฟนของฉันใกล้จะมาถึงแล้ว เขาเป็นคนที่ยอดเยี่ยมมากเลยแหละ!”ภายนอกดูเย็นชา แต่ภายในใจเธอกลับรู้สึกตระหนกอย่างยิ่งเห็นได้ชัดว่าเธอแต่งตัวแบบนี้ ไม่ได้อวดเผยรูปร่างเลยแม้แต่น้อยแต่ทำไมเพียงแค่ออกมาหน้าบ้าน เธอก็ยังเจอพวกโรคจิตเข้ามายุ่งวุ่นวายอีก นี่มันโชคร้ายเกินไปไหม?ชายกลุ่มนี้ได้ยินคำพูดของเธอแล้วก็ไม่ได้ยอมแพ้ แต่กลับตื่นเต้นยิ่งกว่าเดิมเสียอีกพวกเขาเริ่มไม่เกรงใจและเข้าหาเธอมากขึ้นหนึ่งในนั้นพยายามจะจับใบหน้าของเธอแต่มือของเขายังไม่ทันได้แตะต้องเธอ เขาก็รู้สึกได้ว่าร่างกายของเขาลอยขึ้นไปโลกหมุนไปต่อหน้าต่อตาเขา และเขาก็ร่วงลงกับพื้นอย่างแรงจากนั้นเพื่อนอีกสองคนของเขาก็ลอยไปในอากาศและร่วงลงมาข้าง ๆ กัน พร้อมกับความเจ็บปวดเย่ซิวมองพวกเขาอย่างเฉยเมย “ไปให้พ้น!”เมื่อเห็นว่าเย่ซิ่วมีความโหดร้ายและโยนพวกเขาออกไปได้ง่าย ๆ เช่นนั้น ชายเหล่านั้นต่างก็แสดงสีหน้าตกใจ พวกเขาล้มลุกคลุกคลานและดิ้นรนหนีออกไปแ
ด้านข้างผู้หญิงคนนี้มีผู้ชายที่ค่อนข้างหัวล้านคนหนึ่งยืนอยู่หลังจากที่ชายคนนั้นเห็นอวี่เฟยเฟย เขาก็ละสายตาจากเธอไม่ได้เลยอวี่เฟยเฟยถึงกับงงงัน “พี่เถาจื่อ ทำไมพี่ก็อยู่ที่นี่ล่ะคะ?”หลังจากนั้นเธอก็พูดกับเย่ซิวว่า “พี่คนนี้คือเพื่อนร่วมงานของฉันค่ะ”เถาจื่อกอดอกและมองเย่ซิวอย่างเย้ยยัน “ฉันจะบอกเธอให้นะ เธออย่าให้ใครมาหลอกง่าย ๆ สิหมอนี่อายุคงยังไม่ถึงยี่สิบล่ะสิท่า ร้ายกาจจริง ๆ เลยนะ”“ดูก็รู้แล้วว่าเขาตั้งใจมาหลอกเธอ ต้นปีนี้ผู้ชายหน้าไหว้หลังหลอกมันเยอะนะ อย่าไปหลงกลโดนหลอกเชียวล่ะ”อวี่เฟยเฟยรู้สึกโกรธเล็กน้อย แต่ก็ยังคงเก็บอารมณ์โกรธเอาไว้ “พี่เถาจื่อ พี่เข้าใจผิดแล้วล่ะ คุณเย่เป็นเพื่อนของฉัน และเขาก็เป็นคนดีจริง ๆ”เถาจื่อตะคอกอย่างเย็นชาเมื่อมองไปที่เย่ซิวพร้อมเอ่ยถาม “แล้วเงินเดือนหนึ่งเดือนของนายนี่ถึงสองหมื่นห้าหรือเปล่า? ฉันได้ยินมาว่าหมอแผนโบราณเงินเดือนเพียงแค่หมื่นสองหมื่นเอง”เย่ซิวหยิบน้ำผลไม้ขึ้นมาดื่มโดยไม่ใส่ใจคนที่อยู่ฝั่งตรงข้ามเลยสักนิดเมื่อมองแวบแรกก็รู้แล้วว่าเธอนั้นหยิ่งยโสเป็นอย่างมากคนประเภทนี้ไม่มีค่าพอที่เย่ซิวจะเสวนาด้วยเมื่อเห็นเย่ซิวไ
เมื่อได้ยินคำพูดนั้น เถาจื่อก็ตกใจจนถอดสีหน้าทันที “นี่ น้องสาวพี่ ทำไมเธอถึงได้พูดกับคุณหวังแบบนั้นล่ะ? รีบขอโทษเขาเดี่ยวนี้เลยนะ”แม้อวี่เฟยเฟยจะใจดี แต่เธอก็ไม่ใช่คนอ่อนแอหากถึงขีดจำกัดแล้ว เธอก็จะไม่ไว้หน้าใครทั้งนั้น “พี่เถาจื่อ เอาไว้เราค่อยคุยกันทีหลังดีกว่าค่ะ ตอนนี้ฉันต้องการเวลาส่วนตัว พวกพี่สองคนกรุณาออกไปด้วยค่ะ!”สีหน้าของเถ้าแก่หวังดูไม่ดีเป็นอย่างมาก “คุณทำแบบนี้ก็ไม่ถูกนะ ผมอยากเป็นเพื่อนกับคุณด้วยใจจริง แต่ทำไมคุณถึงไม่ให้เกียรติผมแบบนี้!”เถาจื่อรินเหล้าใส่แก้วแล้วยื่นให้อวี่เฟยเฟย “เฟยเฟย ดื่มเหล้าแก้วนี้ซะ ถือว่าชดใช้ในสิ่งที่ทำกับคุณหวัง แล้วฉันจะถือว่าเรื่องนี้จบ”อวี่เฟยเฟยยืนขึ้นด้วยใบหน้าที่เย็นชา “ในเมื่อพวกพี่จะอยู่ที่นี่ ถ้างั้นพวกฉันก็จะไป!“ตุ๊บ!เถ้าแก่หวังยืนขึ้นแล้วตบโต๊ะด้วยความโกรธ ความดุร้ายถูกปลดปล่อยออกจากร่างกายของเขา“เธอนี่น่าไม่อายจริง ๆ เป็นเกียรติของเธอที่ฉันจะดูถูกเธอ!”อวี่เฟยเฟยโกรธมากจนร่างกายของเธอสั่นสะท้าน “นี่คุณจะตบฉันในที่สาธารณะเหรอ?”“ถ้าฉันตบเธอแล้วมันจะทำไม? ไม่ใช่ว่าฉันไม่เคยตบผู้หญิงซะหน่อย!”เถ้าแก่หวังจะต้องได้ผู
เถาจื่อขยี้ตาอย่างแรง เธอสงสัยว่าเธอกำลังมีอาการประสาทหลอนอวี่เฟยเฟยค่อนข้างสงบ แต่ก็ยังดูตกใจมากอยู่ดีแม้ว่าเธอจะมาที่นี่เป็นครั้งแรก แต่แน่นอนว่าเธอเคยได้ยินมาว่าภูมิหลังของเจ้าของผับที่นี่นั้นใหญ่โตแต่ใครจะไปรู้ว่าเจ้าของที่ใหญ่โตแบบนี้ เมื่อเจอเย่ซิวจะศิโรราบแบบนี้หลังจากที่เหมยจื่อเห็นพลังของเย่ซิวครั้งนั้น เธอก็มีความชื่นชมอย่างมากต่อผู้ชายคนนี้ที่อายุน้อยกว่าเธอคิดมาตลอดว่าอยากจะเชิญให้เขามาสอนวรยุทธ แต่กลับยังไม่มีโอกาสนั้นเย่ซิวกลืนน้ำลาย แล้วชี้ไปที่เถ้าแก่หวังกับเถาจื่อ “สองคนนี้สร้างความวุ่นวายและรบกวนการทานข้าวของผมและเพื่อน”ดวงตาของเหมยจื่อฉายแววดุร้าย เธอรีบหันกลับไปมองทั้งสองคนทันทีทันใดนั้น หัวใจของคนทั้งสองก็เต้นแรงราวกับว่าพวกเขากำลังถูกสัตว์ขนาดยักษ์จ้องมอง“คุณเหมยจื่อ มันคือการเข้าใจผิด ผมไม่รู้ว่าคุณผู้ชายคนนี้มีความสัมพันธ์อย่างไรกับคุณ” เถ้าแก่หวังอธิบายด้วยใบหน้าที่ซีดเซียวสำหรับเถาจื่อ เธอยิ่งตื่นตระหนกขึ้นอีก เธอรีบคุกเข่าลงต่อหน้าเย่ซิวทันที “คุณเย่ซิวฉันผิดไปแล้ว เป็นฉันเองที่ตาถั่ว ได้โปรดปล่อยฉันไปเถอะนะคะ”เย่ซิวดูเย็นชาและไม่มองเธ
เย่ซิวเอ่ยรายชื่อวัตถุดิบออกมาติดต่อกันเป็นสิบ ๆ อย่างหนึ่งในนั้นก็คือวัตถุดิบชิ้นสุดท้ายสำหรับการหลอมร่างแยกธาตุดินเขามีแผนการบางอย่างในใจ และจำเป็นต้องสร้างร่างแยกธาตุทั้งห้าสำเร็จเสียก่อนถึงจะลงมือได้ดวงตาของเจ้าสำนักเปล่งประกายวาบ “ฉันมีหินดินธาตุดั้งเดิมอยู่ก็จริง แต่ของสิ่งนี้ล้ำค่ามาก เว้นเสียแต่นายจะสามารถกลั่นโอสถระดับปฐมญาณออกมาได้”เย่ซิวพยักหน้า เขารู้จักโอสถประเภทนี้ดี มันสามารถเพิ่มพลังระดับปฐมญาณได้แต่กระบวนการกลั่นซับซ้อนมาก แถมวัตถุดิบยังหาได้ยากสุด ๆแค่ต้นทุนวัตถุดิบสำหรับหนึ่งเตากลั่นก็เกินสิบล้านศิลาวิญญาณแล้วผู้บำเพ็ญสายอิสระทั่วไปไม่มีทางสู้ราคาไหวแน่“แล้วเจ้าสำนักอยากได้กี่เม็ด ถึงจะยอมแลกล่ะครับ”“นายกลั่นได้จริงเหรอ?” เจ้าสำนักมองเย่ซิวด้วยสีหน้าตกตะลึง ดวงตาฉายแววไม่เชื่อโอสถชนิดนี้ไม่เหมือนกับโอสถวิญญาณหยก ระดับความยากสูงกว่ากันหลายเท่าเย่ซิวไม่ได้รีบตอบในทันที แต่เงียบไปครู่หนึ่งก่อนเอ่ยว่า “ผมขอลองก่อน ยังไม่กล้ารับประกันว่าจะสำเร็จเอาอย่างนี้ก็แล้วกัน เจ้าสำนักให้วัตถุดิบสำหรับหนึ่งเตากลั่นกับผมก่อนถ้ากลั่นไม่ได้ ผมยินดีจ่ายค่าต้นทุน
เย่ซิวรีบวิ่งเข้าไปในห้องทันทีพอเปิดประตูเข้าไปก็เห็นเสี่ยวไป๋ลอยอยู่กลางอากาศพลังวิญญาณในห้องถูกดูดเข้าไปหามันอย่างบ้าคลั่งไม่กี่วินาทีก็สูบพลังวิญญาณจนหมดทั้งห้องจากนั้นร่างของมันก็ถูกห่อหุ้มด้วยรังไหมขนาดใหญ่ แล้วค่อย ๆ ลอยลงสู่พื้นอย่างช้า ๆเย่ซิวยิ้มกว้างด้วยความดีใจ เสี่ยวไป๋กำลังจะวิวัฒนาการอีกแล้วรอบที่แล้วเหมือนจะพัฒนาขึ้นไม่มากเท่าไหร่แต่สัญชาตญาณของเย่ซิวบอกว่ารอบนี้น่าจะเติบโตแบบก้าวกระโดดเลยทีเดียวเขารีบเอาน้ำพุวิญญาณที่เหลืออยู่เทราดลงไปบนรังไหมทันที ซึ่งมันก็ถูกดูดซึมหายไปอย่างรวดเร็วนี่อาจช่วยเร่งขั้นตอนวิวัฒนาการให้เร็วขึ้นได้เย่ซิวเดินไปอุ้มเจ้าเสี่ยวอวี่ที่อยู่ไม่ไกลขึ้นมาเจ้าตัวนี้ยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปมากแต่ท้องของมันนี่เหมือนหลุมดำชัด ๆเย่ซิวเลยจัดเต็มอีกครั้ง เขากลั่นโอสถวิญญาณหยกมาอีกหมื่นเม็ดให้มันไว้กินเล่นทั้งสำนักอวิ้นหลิงคงไม่มีใครกล้าทำอะไรฟุ่มเฟือยอย่างเขาอีกแล้วล่ะในช่วงครึ่งเดือนหลังจากนั้น เย่ซิวก็หมกตัวอยู่แต่กับการกลั่นโอสถและฝึกฝนวิชาต่าง ๆข้างนอกเองก็เริ่มมีข่าวแพร่กระจายไปว่าเย่ซิวสามารถกลั่นโอสถวิญญาณหยกได้ควา
จากท่าทีและสีหน้าของทุกคน เย่ซิวก็พอเดาออกว่าโอสถนี่น่าจะหาได้ยากมากในตลาดไม่งั้นพวกเขาคงไม่แห่กันมาขอซื้อแบบนี้แน่เขาทำหน้าลำบากใจเล็กน้อย “ผมก็อยากช่วยนะครับ แต่โอสถตัวนี้ตอนปรุงมันใช้พลังจิตเยอะมากวันหนึ่งผมปรุงได้ไม่กี่รอบเอง แถมวัตถุดิบก็หายากด้วย”ความหมายแฝงก็คือพวกคุณต้องเพิ่มเงินและเตรียมของมาเองซึ่งทุกคนก็ไม่ใช่คนโง่และเข้าใจเจตนาของเขาทันที ก่อนจะรีบเสนอว่า“ถ้างั้นแบบนี้ดีไหม โอสถวิญญาณหยกหนึ่งเม็ด ฉันให้หนึ่งพันหนึ่งร้อยศิลาวิญญาณ ส่วนวัตถุดิบเราจัดการเอง แบบนี้ตกลงไหม”เย่ซิวคำนวณในหัวอย่างไวต้นทุนของโอสถวิญญาณหยกต่อเม็ดอยู่ที่ราว ๆ หนึ่งพันศิลาวิญญาณถึงจะรวมค่าแรงและพลังวิญญาณที่ใช้ก็ถือว่าต้นทุนต่ำมาก อย่างมากก็แค่เสียเวลาเฉย ๆเขาสามารถกลั่นได้เป็นหมื่นเม็ดในคราวเดียวถ้าขายให้คนพวกนี้หมื่นเม็ดก็เท่ากับว่าจะได้เงินถึงสิบกว่าล้านศิลาวิญญาณเลยทีเดียวกำไรขนาดนี้ก็แทบจะเรียกได้ว่ากินขาดแต่เย่ซิวก็ยังไม่ตอบตกลงทันที และทำท่าลังเลอยู่รั่วอวิ๋นที่ยืนข้าง ๆ ตบไหล่เขาเสียงดัง “ยังจะลังเลอะไรอีกล่ะ?นี่มันโอกาสทองเลยนะ ได้ทั้งเงินได้ทั้งฝึกฝีมือ”เย่ซิวถ
แล้วทุกคนก็เห็นจ่าฝูงเดินตรงไปหาเย่ซิว จากนั้นมันก็แลบลิ้นออกมาเลียหน้าของเขาเบา ๆ ด้วยแววตาประจบเอาใจสุด ๆทุกคนตกตะลึง “???”รั่วอวิ๋นถึงกับยืนนิ่งตัวแข็งเป็นหิน ตาถลน ปากอ้าค้างจากนั้นเธอก็ชี้ไปที่เย่ซิวอย่างโกรธจัด “นายยังจะกล้าบอกว่าไม่ได้ทำอะไรอีกเหรอ แล้วนี่มันอะไรกัน?!”แต่ก่อนที่เธอจะพูดจบ สิงโตหยกขาวอีกเจ็ดตัวก็วิ่งตามกันมาล้อมเย่ซิวไว้รอบด้าน แถมยังมองรั่วอวิ๋นด้วยสายตาแข็งกร้าวอย่างเต็มไปด้วยท่าทีคุกคามรั่วอวิ๋นเผลอก้าวถอยหลังไปด้วยสีหน้าซีดเผือดความรู้สึกตอนนี้เหมือนโดนใครสักคนมายึดบ้านไปคนอื่น ๆ เองก็จ้องมองเย่ซิวด้วยสายตาในแบบที่ไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเองภาพที่อยู่ตรงหน้ามันเหนือจริงเกินไปเย่ซิวทำหน้าใสซื่อ “ผมไม่ได้ทำอะไรเลยนะครับ”รั่วอวิ๋นโกรธจนตัวสั่นสัตว์ที่เธอเลี้ยงมากับมือหลายปีดันพร้อมใจกันหักหลังเธอแบบนี้ ใครจะทนได้มันไม่ใช่แค่เรื่องทรัพยากร แต่ยังรวมถึงความรู้สึกที่ทุ่มเทไปทั้งหมดด้วย!“นายบอกว่าไม่ได้ทำอะไร แล้วทำไมพวกมันถึงพร้อมใจกันหักหลังฉัน อธิบายมาเดี๋ยวนี้!” รั่วอวิ๋นกัดฟันพูด สายตาที่มองเย่ซิวเต็มไปด้วยความคาดโทษถ้าเจ้าเด็กนี่ไม่ให
ในใจรั่วอวิ๋นกำลังปลื้มเป็นที่สุดแต่ต่อหน้าคนอื่นเธอยังคงวางมาดสงบนิ่ง และพยักหน้าเบา ๆ แบบถ่อมตัวสุด ๆ“ก็ไม่เท่าไหร่นะ แค่สัตว์วิญญาณไม่กี่ตัว เอาไว้เฝ้าประตูเฉย ๆ”คำพูดโอ้อวดแบบถ่อมตัวเช่นนี้ทำเอาคนที่ยืนฟังอยู่ถึงกับกระตุกมุมปากกันเป็นแถบเธอคิดว่านี่คือผักกาดขาวหรือไงนี่มันสัตว์วิญญาณระดับจินตานตั้งแปดตัวเชียวนะถึงสายเลือดของพวกสิงโตหยกขาวจะไม่ใช่ระดับสูงสุด แต่ก็ไม่ใช่พวกชั้นต่ำ อยู่ระดับกลางค่อนไปทางดีเลยด้วยซ้ำถ้าเลี้ยงต่อไปดี ๆ รับรองว่าเก่งขึ้นได้อีกแน่นอนลองจินตนาการดูสิ สิงโตหยกขาวแปดตัวคำรามพร้อมกันจะอลังการแค่ไหน มันต้องเป็นภาพที่อลังการและน่าเกรงขามสุด ๆ“เย่ซิวก็อยู่ที่นี่ด้วยเหรอ” ภรรยาเจ้าสำนักทำทีเหมือนเพิ่งสังเกตเห็นเขาเย่ซิวยิ้มพลางเอ่ย “ขอคารวะท่านผู้อาวุโสทุกท่าน เจ้าสำนักและภรรยา ผมแค่มาให้อาหารพวกมันน่ะครับ”ทุกคนก็พยักหน้าเบา ๆ เป็นเชิงรับรู้ ไม่มีใครเชื่อมโยงได้ถึงเรื่องที่สัตว์วิญญาณเลื่อนระดับได้เพราะตัวเขาเลยแม้แต่น้อยไม่นานนัก สัตว์วิญญาณทั้งแปดตัวก็ค่อย ๆ สร้างตานปีศาจได้สำเร็จแทบจะพร้อมกันพลังที่ระเบิดออกมาทำให้เกิดพายุขนาดใหญ่ไปทั
แม้ว่ารั่วอวิ๋นจะรู้ดีว่าความคิดแบบนี้มันไม่ค่อยแฟร์เท่าไหร่ แต่เธอก็ห้ามตัวเองไม่ได้เลยจริง ๆถ้าเย่ซิวแค่ลองกลั่นโอสถเป็นครั้งแรกก็เก่งกว่าเธอแบบไม่เห็นฝุ่น แบบนั้นมันก็เหมือนโดนตบหน้าแรง ๆ เข้าให้แล้วแบบนี้จะรักษาภาพลักษณ์ความเป็นอาจารย์ไว้ต่อหน้าเขาได้ยังไงกันล่ะเสียงโครมดังขึ้น ก่อนที่ฝาปิดเตาจะหลุดออกกลิ่นหอมของโอสถที่เข้มข้นจนถึงขีดสุดกระจายไปทั่วเย่ซิวถึงกับใจหล่นวูบ คิดในใจว่าแย่แล้วถึงเขาจะพยายามเก็บงำกลิ่นเท่าที่ทำได้แล้ว แต่ดูเหมือนแค่กลิ่นที่ลอยออกมาก็แรงกว่าโอสถของรั่วอวิ๋นเสียอีกรั่วอวิ๋นพยายามควบคุมสีหน้าแล้วรีบเดินเข้าไปดูโอสถในเตาพอเห็นแล้วก็ถึงกับยืนช็อกไปทั้งตัวที่ก้นเตา โอสถจำนวนห้าสิบเม็ดวางเรียงกันอย่างเป็นระเบียบ และแต่ละเม็ดก็ใสบริสุทธิ์ดูอัดแน่นไปด้วยพลังแต่สิ่งที่ทำให้เธอรับไม่ได้ที่สุดก็คือทุกเม็ดมีลวดลายโอสถปรากฏอยู่บนผิวของมัน หมายความว่าโอสถทั้งหมดนี้เป็นระดับสูงนี่มันไม่ใช่แค่โดนตบหน้าแล้ว แต่มันคือการโดนกดหัวลงพื้นแล้วลากไปเลยต่างหากเย่ซิวไอแห้ง ๆ หนึ่งทีและจงใจไม่เข้าไปดู แต่ทำท่าทางตื่นเต้นแล้วถามเธอด้วยสีหน้าลุ้น ๆ ว่า “ท่านอาจ
ทั้งความรู้ที่เคยได้รับรวมถึงทักษะการกลั่นโอสถต่าง ๆ ก็ควรจะเหนือกว่าตัวเขาแบบทิ้งห่างสิแต่ทำไมกลับรู้สึกว่ายังห่างชั้นจากเขาอยู่เยอะเลย?เย่ซิวยังคิดว่าตัวเองอาจจะคิดไปเองจึงตั้งใจดูต่ออีกสักพักจนสุดท้ายก็มั่นใจเต็มร้อยว่าทักษะการกลั่นโอสถของผู้หญิงคนนี้ไม่ถึงหนึ่งในสิบของเขาด้วยซ้ำแค่ฝีมือระดับนี้ก็ยังยืนหยัดอยู่ในโลกของผู้ฝึกตนได้ด้วยเหรอ?หรือโลกของผู้ฝึกตนมันหากินง่ายขนาดนั้นเลย?ความคิดสารพัดผุดขึ้นมาในหัวเย่ซิว แต่สีหน้าเขาก็ยังคงนิ่งเฉย ไม่แสดงพิรุธอะไรออกมาเลยหนึ่งชั่วโมงผ่านไป โอสถก็กลั่นเสร็จเรียบร้อยรั่วอวิ๋นเปิดฝาเตาก่อนจะหยิบเม็ดยาออกมาหนึ่งเม็ด ใบหน้าเต็มไปด้วยความพึงพอใจ “ไม่เลว ๆ หนึ่งเตาได้โอสถมายี่สิบเจ็ดเม็ด ระดับกลางหกเม็ด ถือว่าสมบูรณ์แบบ”จากนั้นเธอก็หันไปมองเย่ซิวแม้ใบหน้าจะดูเรียบเฉย แต่เย่ซิวก็พอจะจับความหมายแฝงได้ไม่ยากก็แค่รอให้เขาชมเธอนั่นแหละหากพูดตรง ๆ การกลั่นโอสถของรั่วอวิ๋นรอบนี้ถือว่าสอบตกสำหรับเย่ซิว เพราะวัตถุดิบที่ใช้ไปทั้งหมด ถ้าเป็นเขากลั่นเองอย่างน้อยจะได้เพิ่มขึ้นอีกเท่าตัวแถมยังเป็นโอสถระดับสูงทั้งหมดด้วยซ้ำเมื่อเห็นโ
เย่ซิวรู้สึกหมดคำจะพูดทำไมทุกทีที่เขากำลังจะเข้าสู่จุดสำคัญ ผู้หญิงคนนี้ต้องโผล่มาขัดจังหวะตลอดเลยนะเขาไม่อยากเสียเวลาเถียงจึงเลือกกลืนเม็ดยาลงไปตรง ๆจากนั้นก็เริ่มเดินกำลังเดินกำลังภายในเพื่อกลั่นพลังโอสถพลังโอสถอันหนักแน่นและทรงพลังแผ่กระจายออกมาภายในร่างเขาราวกับภูเขาไฟขนาดยักษ์ระเบิดออกในพริบตาสำหรับเย่ซิว ระดับนี้ไม่ใช่เรื่องยาก และทุกอย่างก็ดำเนินไปอย่างราบรื่นข้อแตกต่างเพียงอย่างเดียวคือรากฐานพลังของเขาลึกเกินไปจนต้องใช้โอสถไปถึงห้าเม็ดถึงจะสามารถทะลวงเข้าสู่ระดับถอดจิตได้สำเร็จพลังวิญญาณในร่างกลายเป็นของเหลวหนืดเหนียวสุดขีด วิญญาณก่อกำเนิดก็ขยายขนาดใหญ่ขึ้นเป็นสิบเท่าทั้งพลังบำเพ็ญและความสามารถในการต่อสู้ก็เพิ่มขึ้นพร้อมกันสิบเท่าเมื่อสัมผัสได้ถึงพลังอันรุนแรงที่แผ่กระจายอยู่ทั้งภายนอกและภายใน เย่ซิวก็รู้สึกว่าดวงตาตัวเองสว่างวาบต่อให้ตอนนี้ต้องเผชิญหน้ากับเจ้าสำนักอีกครั้ง แม้จะยังไม่ใช่คู่มือที่แท้จริง แต่ก็คงไม่ถึงขั้นไม่มีทางสู้เหมือนเมื่อก่อนแล้วอย่างน้อยถ้าคิดจะหนีก็หนีรอดแน่นอนการทะลวงเข้าสู่ระดับถอดจิตยังส่งผลเสริมพละกำลังร่างกายของเย่ซิวอีกด้ว
เย่ซิวอายุแค่นี้เองนะ!แต่กลับสามารถกลั่นโอสถระดับสุดยอดออกมาได้ถ้าให้เวลาเขาอีกหน่อย แบบนี้ไม่บินขึ้นฟ้าไปเลยเหรอเจ้าสำนักกับภรรยาหันไปมองหน้ากัน ทั้งคู่ต่างเห็นความจริงจังและความตกตะลึงในแววตาของกันและกันดูเหมือนต้องประเมินเย่ซิวใหม่เสียแล้วจางเสี่ยวอวี๋ถึงกับหยิกเนื้อแขนตัวเองแรง ๆ แต่ก็ยังรู้สึกเหมือนฝันอยู่ดี“ไม่จริงน่า เขาจะกลั่นสุดยอดโอสถได้ยังไง…ถึงว่าทำไมวันนั้นฉันไปหาเขา เขาถึงได้ทำตัวเย็นชาใส่ ที่แท้ในสายตาเขาฉันก็เป็นแค่ตัวตลกคนหนึ่ง”ในขณะที่คนทั้งสนามกำลังตะลึงอยู่ สีหน้าของหนานกงอู๋ซวงกับเฉินเยียนจือก็เริ่มเก็บอารมณ์ไม่อยู่ทุกคนได้รับโอสถกันหมด มีแค่พวกเขาสองคนเท่านั้นที่ไม่มีมันชัดเจนมากว่าเย่ซิวตั้งใจเมินพวกเขาเฉินเยียนจือโกรธจนตัวสั่น ก่อนชี้หน้าเย่ซิวพลางตะโกน “นี่มันหมายความว่ายังไง ทำไมทุกคนมีกันหมด แต่ฉันกับพี่อู๋ซวงไม่มี!”เย่ซิวไหล่ตกก่อนจะทำหน้าไร้เดียงสา “อ๋อ พวกคุณก็อยู่ด้วยเหรอ ขอโทษที พอดีโอสถหมดพอดีเลยเอาแบบนี้แล้วกัน พรุ่งนี้พวกคุณทั้งคู่มาหาผมสิ เดี๋ยวผมจะกลั่นให้ส่วนตัวเลย”เฉินเยียนจือไม่พูดอะไรอีก แต่จ้องเย่ซิวด้วยสายตาเย็นเฉียบส