เมื่อได้ยินคำพูดนั้น เถาจื่อก็ตกใจจนถอดสีหน้าทันที “นี่ น้องสาวพี่ ทำไมเธอถึงได้พูดกับคุณหวังแบบนั้นล่ะ? รีบขอโทษเขาเดี่ยวนี้เลยนะ”แม้อวี่เฟยเฟยจะใจดี แต่เธอก็ไม่ใช่คนอ่อนแอหากถึงขีดจำกัดแล้ว เธอก็จะไม่ไว้หน้าใครทั้งนั้น “พี่เถาจื่อ เอาไว้เราค่อยคุยกันทีหลังดีกว่าค่ะ ตอนนี้ฉันต้องการเวลาส่วนตัว พวกพี่สองคนกรุณาออกไปด้วยค่ะ!”สีหน้าของเถ้าแก่หวังดูไม่ดีเป็นอย่างมาก “คุณทำแบบนี้ก็ไม่ถูกนะ ผมอยากเป็นเพื่อนกับคุณด้วยใจจริง แต่ทำไมคุณถึงไม่ให้เกียรติผมแบบนี้!”เถาจื่อรินเหล้าใส่แก้วแล้วยื่นให้อวี่เฟยเฟย “เฟยเฟย ดื่มเหล้าแก้วนี้ซะ ถือว่าชดใช้ในสิ่งที่ทำกับคุณหวัง แล้วฉันจะถือว่าเรื่องนี้จบ”อวี่เฟยเฟยยืนขึ้นด้วยใบหน้าที่เย็นชา “ในเมื่อพวกพี่จะอยู่ที่นี่ ถ้างั้นพวกฉันก็จะไป!“ตุ๊บ!เถ้าแก่หวังยืนขึ้นแล้วตบโต๊ะด้วยความโกรธ ความดุร้ายถูกปลดปล่อยออกจากร่างกายของเขา“เธอนี่น่าไม่อายจริง ๆ เป็นเกียรติของเธอที่ฉันจะดูถูกเธอ!”อวี่เฟยเฟยโกรธมากจนร่างกายของเธอสั่นสะท้าน “นี่คุณจะตบฉันในที่สาธารณะเหรอ?”“ถ้าฉันตบเธอแล้วมันจะทำไม? ไม่ใช่ว่าฉันไม่เคยตบผู้หญิงซะหน่อย!”เถ้าแก่หวังจะต้องได้ผู
เถาจื่อขยี้ตาอย่างแรง เธอสงสัยว่าเธอกำลังมีอาการประสาทหลอนอวี่เฟยเฟยค่อนข้างสงบ แต่ก็ยังดูตกใจมากอยู่ดีแม้ว่าเธอจะมาที่นี่เป็นครั้งแรก แต่แน่นอนว่าเธอเคยได้ยินมาว่าภูมิหลังของเจ้าของผับที่นี่นั้นใหญ่โตแต่ใครจะไปรู้ว่าเจ้าของที่ใหญ่โตแบบนี้ เมื่อเจอเย่ซิวจะศิโรราบแบบนี้หลังจากที่เหมยจื่อเห็นพลังของเย่ซิวครั้งนั้น เธอก็มีความชื่นชมอย่างมากต่อผู้ชายคนนี้ที่อายุน้อยกว่าเธอคิดมาตลอดว่าอยากจะเชิญให้เขามาสอนวรยุทธ แต่กลับยังไม่มีโอกาสนั้นเย่ซิวกลืนน้ำลาย แล้วชี้ไปที่เถ้าแก่หวังกับเถาจื่อ “สองคนนี้สร้างความวุ่นวายและรบกวนการทานข้าวของผมและเพื่อน”ดวงตาของเหมยจื่อฉายแววดุร้าย เธอรีบหันกลับไปมองทั้งสองคนทันทีทันใดนั้น หัวใจของคนทั้งสองก็เต้นแรงราวกับว่าพวกเขากำลังถูกสัตว์ขนาดยักษ์จ้องมอง“คุณเหมยจื่อ มันคือการเข้าใจผิด ผมไม่รู้ว่าคุณผู้ชายคนนี้มีความสัมพันธ์อย่างไรกับคุณ” เถ้าแก่หวังอธิบายด้วยใบหน้าที่ซีดเซียวสำหรับเถาจื่อ เธอยิ่งตื่นตระหนกขึ้นอีก เธอรีบคุกเข่าลงต่อหน้าเย่ซิวทันที “คุณเย่ซิวฉันผิดไปแล้ว เป็นฉันเองที่ตาถั่ว ได้โปรดปล่อยฉันไปเถอะนะคะ”เย่ซิวดูเย็นชาและไม่มองเธ
“ผมเหรอ? ผมก็แค่พลเมืองที่ดีของประเทศหลงเถิงก็เท่านั้นเอง”ฮ่าฮ่า!อวี่เฟยเฟยรู้สึกขบขันกับคำพูดของเย่ซิว เธอหัวเราะหนักจนกิ่งก้านดอกสะเทือนต้องบอกว่าผู้หญิงที่สวยเมื่อเธอยิ้มทำให้คนสบายตาสบายใจตอนนี้เธออารมณ์ดีเป็นอย่างมากเมื่ออารมณ์ดีขึ้นเธอจึงดื่มมากยิ่งขึ้น แม้ว่าใครจะพูดโน้มน้าวอย่างไรเธอก็ไม่หยุดดื่ม ไม่นานเธอก็ดื่มเหล้าเข้ม ๆ หนึ่งขวดจนหมด ดวงตาของอวี่เฟยเฟยพร่ามัวด้วยความมึนเมา ใบหน้าของเธอแดงระเรื่อ “นี่คุณเย่ ชนแก้วสิคะ“เย่ซิวส่ายหัว “คุณเมาแล้ว ผมจะไปส่งคุณกลับบ้านเอง”“ฉันไม่ได้เมานะ ฉันยังดื่มได้อีก”คนที่เมาแล้วก็มักจะชอบพูดแบบนี้ประจำเย่ซิวหมดคำจะพูดพลางยกมือขึ้นเพื่อส่งสัญญาณให้บริกรบริกรเดินเข้ามาเอ่ยถามด้วยความเคารพ “ไม่ทราบว่ามีอะไรให้ทางเรารับใช้ครับ?”“เช็คบิลด้วยครับ”เดิมทีเป็นอวี่เฟยเฟยที่พูดว่าจะเลี้ยงเขาเป็นการตอบแทน แต่ดูจากสภาพของเธอในตอนนี้แล้ว แน่นอนว่าเธอคงจะจ่ายเงินไม่ไหวบริกรเอ่ยตอบว่า “สวัสดีครับคุณผู้ชาย หัวหน้าของเราได้บอกมาว่า ค่าใช้จ่ายทั้งหมดหัวหน้าจะเป็นคนจัดการเองครับ”เย่ซิวพยักหน้าตอบรับ เขาไม่ได้ยืดเยื้อต่อผู้หญิงคน
ทางเลือกเดียวคือยอมแพ้หรือใช้วิธีการอื่นแล้ววิธีนั้นต้องมีการสัมผัสทางกายภาพกับอวี่เฟยเฟยแต่ถึงอย่างนั้นเย่ซิวก็ปฏิบัติต่ออวี่เฟยเฟยในฐานะผู้ป่วยเท่านั้น ไม่มีอะไรแอบแฝงเริ่มจากมือทั้งสองข้าง ต่อไปยังจุดช่านจง จากนั้นจึงไปยังจุดเทียนฉือ…เมื่อถึงตอนที่จะไปยังจุดเทียนฉือ อวี่เฟยเฟยก็ตื่นขึ้นมาอวี่เฟยเฟยสับสนเล็กน้อย เธอกลอกตาแล้วก้มศีรษะลง และเห็นมือของเย่ซิวกดมือของเธออยู่…“ว้าย!”หลังจากตกตะลึงไปครู่หนึ่ง เธอก็ส่งเสียงกรีดร้องสูงออกมาเย่ซิวเก็บมือกลับอย่างใจเย็น “ผมนวดให้คุณตื่นน่ะ คุณดื่มจนเมา และผมก็ไม่รู้ว่าคุณพักอยู่ที่ไหน”“ฉันดื่มจนเมาเลยเหรอคะ?”อวี่เฟยเฟยพยายามนึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อกี้ ทันใดนั้นเธอก็รู้สึกเขินอายมากเธอนึกถึงสภาพขี้เมาของเธอเมื่อกี้ เธอดูเหมือนผู้หญิงบ้า เธอได้สูญเสียภาพลักษณ์ไปหมดแล้ว “ตายแล้ว!” มือทั้งสองจับไปที่หน้า ชื่อเสียงสูญสิ้นไปโดยสิ้นเชิงเธออายจนแทบอยากจะแทรกแผ่นดินหนี แต่หลังจากที่รู้สึกเขินอาย เธอก็เข้าไปพัวพันอีกครั้งและเงยหน้าขึ้นมองเย่ซิว “แต่แค่นวด…ต้องนวดจุดนั้นเลยเหรอคะ?”โตมาขนาดนี้แล้ว แม้แต่มือเธอก็ไม่เคยคิดอยาก
“คุณเป็นอะไรหรือเปล่า?” เย่ซิวโบกมือต่อหน้าอวี่เฟยเฟยอวี่เฟยเฟยเอ่ยตอบโดยไม่รู้ตัว “ฉันตกลงค่ะ”เย่ซิวถึงกับสงสัย “อะไรนะครับ?”ไม่กีวินาที่ต่อมาเธอก็ได้สติและอายมากจนแทบจะแทรกแผ่นดินหนี“ไม่มีอะไรค่ะ ๆ”เธอรีบส่ายหน้าระงับความคิดยุ่งเหยิงในใจตัวเอง“ถึงบ้านฉันแล้ว คุณจะเข้าไปดื่มน้ำสักแก้วไหมคะ?”ตอนที่เธอพูดคำนี้ออกมาใจเธอเต้นแรงมาก และนี่ยังเป็นครั้งแรกที่ตัวเองเชิญเพศตรงข้ามเข้าบ้านอีกด้วย “ไม่เป็นไร นี่ก็ดึกมากแล้ว คุณรีบเข้าไปพักผ่อนเถอะ”“ก็ได้ค่ะ คุณก็ระวังด้วยนะคะ”เย่ซิวพยักหน้าตอบในใจของอวี่เฟยเฟยรู้สึกผิดหวัง นี่เป็นครั้งแรกที่เธอเชิญผู้ชายเข้าห้องแต่กลับถูกปฏิเสธในใจได้แต่สงสัยว่าตัวเองมีเสน่ห์ไม่พอหรือเปล่าแต่อีกความคิดหนึ่งก็น่าจะไม่ใช่ไม่ใช่ว่าเธอไม่มีเสน่ห์มากพอ แต่เป็นเพราะเย่ซิวนั่นเป็นสุภาพบุรุษ เขาคงจะไม่เข้าบ้านผู้หญิงตามใจชอบเมื่อคิดได้แบบนี้แล้ว เย่ซิวยิ่งอยู่ใจของเธอมากขึ้นทันทีต้องบอกว่า จินตนาการที่มากเกินไปอันตรายถึงชีวิตเย่ซิวไม่ได้คิดมาก เขาแค่อยากจะกลับไปพักผ่อนก็เท่านั้นไม่นาน ก็เกือบจะเจ็ดโมงเช้าของวันถัดไปแล้ว เย่ซิว หลิ่ว
เย่ซิวหันกลับมาและได้เห็นหลี่หรูเฟิงเดินเข้ามาท่ามกลางบอดี้การ์ดหญิงสี่คนแขนทั้งสองข้างของเขาอยู่ในเฝือก เห็นได้ชัดว่ามันยังไม่หายดีหลี่หรูเฟิงอยากจะฆ่าเย่ซิวให้ตายมาตั้งนานแล้ว หลังจากที่ได้รับบาดเจ็บ เขาก็ยังไม่มีโอกาสได้ชำระแค้นเลยเขาเพิ่งได้ยินข่าวเมื่อวานนี้ เขาจึงตัดสินใจมายังสถานที่ประลองยุทธทันทีแม้ว่าแพทย์จะห้ามก็ตามหลี่หรูเฟิงต้องการกำจัดเขาให้เร็วที่สุดหากเย่ซิวไม่เข้ามาขวางทางตั้งแต่แรก ตนคงปล่อยตระกูลหลิ่วไปแล้ว เดิมทีเรื่องนี้ไม่ควรจะเกิดขึ้นด้วยซ้ำเย่ซิวไม่แยแสและหันไปพูดกับสองสาวว่า “เข้าไปกันเถอะ”หลี่หรูเฟิงโกรธมาก “ฉันพูดกับแกอยู่ ไม่ได้ยินเหรอ?!”เย่ซิวส่ายหน้า คนแบบนี้ไม่ควรค่าให้เขาเสียเวลาด้วยเลยสักนิด เจตนาการเพิกเฉยเช่นนี้ยิ่งทำให้หลี่หรูเฟิงโกรธมากยิ่งขึ้น“นี่นายจะโอหังเกินไปแล้วนะ! พ่อแม่นายไม่สั่งสอนความเป็นคนเลยหรือไง?”ในเวลานั้น จางจื้อเซิงมาถึงลุงของเขาก็มาด้วยเช่นกันยอดฝีมือวรยุทธหลายที่อยู่ที่นั้นออกมาต้อนรับพวกเขาและแสดงความเคารพต่อพวกเขาทั้งสองเป็นอย่างมาก ไม่ต้องพูดถึงจางจื้อเซิง อาจารย์ลุงของเขาคนนั้นเป็นจอมยุทธขั้นสูงสุด
ที่บนสังเวียน ภายในลานประลองยุทธ เย่ซิวและจางจื้อเซิงยืนอยู่ที่นั่นหลี่หรูปิงที่ยืนอยู่ด้านล่างตะโกนขึ้นว่า “ประลองอย่างเดียวคงน่าเบื่อแย่ ผมจะเป็นเจ้าภาพเอง ทุกคนสามารถเดิมพันได้ว่าใครชนะและใครแพ้...“หากใครเดิมพันผู้อาวุโสจางชนะหนึ่งต่อหนึ่งเท่า หากเดิมพันว่าเย่ซิวชนะ อัตราต่อรองคือหนึ่งเท่าต่อสิบ!”มีคนหัวเราะเสียงดังแล้วเอ่ยขึ้น “แล้วคุณจะต้องเสียเปรียบแน่นอน ผมจะเดิมพันหนึ่งล้าน ผมพนันว่าผู้อาวุโสจางจะชนะ”“ผมขอเดิมพันห้าแสน ผู้อาวุโสจางจะชนะ”“นี่มันส่งเงินมาให้ฟรีชัด ๆ ผมพนันห้าล้าน!”นอกจากหลิ่วอวี้ฝูแล้วก็ไม่มีคิดว่าเย่ซิวจะสามารถเอาชนะจางจื้อเซิงได้พวกเขาทั้งหมดวางเดิมพันให้จางจื้อเซิงชนะผ่านไปไม่นาน หลี่หรูปิงก็ได้รับเงินเดิมพันราว ๆ ห้าสิบล้าน เขาไม่สนใจที่จะสูญเสียเงินจำนวนเล็กน้อยนี้ เขาแค่อยากจะเหยียบย่ำเย่ซิวไว้ใต้เท้าของเขาในเวลานี้ หลิ่วอวี้ฝูได้เดินเข้ามา “อัตราต่อรองคือหนึ่งต่อสิบ คุณคงไม่เบี้ยวใช่ไหมคะ?“ไม่ แน่นอน”“ได้ ถ้าอย่างนั้นฉันจะเดิมพันเย่ซิวชนะหนึ่งพันล้าน! ฉันหวังว่าคุณจะไม่เบี้ยวนะ!”เธอวางเช็คหนึ่งพันล้านลงตรงหน้าหลี่หรูปิงหลี่หรู
หยางเชี่ยนยิ้มตอบ “ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ถือว่าเป็นการเดิมพันครั้งใหญ่แล้วกันนะคะ”หลี่หรูปิงแอบส่งเสียงหึในใจ!ในเมื่อหยางเชี่ยนส่งเงินให้กับเขาฟรี ๆ ตัวเองก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะไม่รับในสังเวียน เย่ซิวหลบการโจมตีเก้าครั้งจากจางจื้อเซิงแม้ว่าตอนนี้จางจื้อเซิงจะเย่อหยิ่งเพียงใด แต่เขาก็ตระหนักว่าเย่ซิวมีความสามารถค่อนข้างมาก และสีหน้าของเขาก็ดูเคร่งขรึมขึ้นเล็กน้อย“นี่นายทำได้แค่หลบหรือยังไง?”เหตุผลที่เย่ซิวต้องหลบการโจมตีของเขาเป็นเพราะเขาไม่อยากให้ทุกคนตกใจมากจนเกินไปเขาสามารถล้มจางจื้อเซิงได้ด้วยนิ้วมือเพียงนิ้วเดียวถ้าเป็นเช่นนั้น การประลองจะจบลงอย่างง่ายดายและมันคงจะน่าเบื่อ“ถ้างั้น ผมจะทำตามที่คุณต้องการ!”เสียงตะโกนต่ำ ทันใดนั้น เย่ซิวก็ยกมัดขึ้นต่อยทันทีหมัดนี้ของเขาดูธรรมดาและไม่มีแรงผลักดันใด ๆ มันเหมือนกับหมัดจากทารกน้อยจางจื้อเซิงที่ได้เห็นหมัดนี้ก็ขำออกมา“ที่แท้นายก็มีแรงแค่นี้เองเหรอ? ฉันนึกว่านายจะเก่งกว่านี้ซะอีก!”เขาใช้พลังพญากรงเล็บอินทรีอันทรงพลังของเขาอีกครั้งด้วยสายตาที่ดุร้าย เขาต้องการทำลายเย่ซิวด้วยการเคลื่อนไหวเพียงครั้งเดียวหมัดและกรงเล็
เย่ซิวเอ่ยรายชื่อวัตถุดิบออกมาติดต่อกันเป็นสิบ ๆ อย่างหนึ่งในนั้นก็คือวัตถุดิบชิ้นสุดท้ายสำหรับการหลอมร่างแยกธาตุดินเขามีแผนการบางอย่างในใจ และจำเป็นต้องสร้างร่างแยกธาตุทั้งห้าสำเร็จเสียก่อนถึงจะลงมือได้ดวงตาของเจ้าสำนักเปล่งประกายวาบ “ฉันมีหินดินธาตุดั้งเดิมอยู่ก็จริง แต่ของสิ่งนี้ล้ำค่ามาก เว้นเสียแต่นายจะสามารถกลั่นโอสถระดับปฐมญาณออกมาได้”เย่ซิวพยักหน้า เขารู้จักโอสถประเภทนี้ดี มันสามารถเพิ่มพลังระดับปฐมญาณได้แต่กระบวนการกลั่นซับซ้อนมาก แถมวัตถุดิบยังหาได้ยากสุด ๆแค่ต้นทุนวัตถุดิบสำหรับหนึ่งเตากลั่นก็เกินสิบล้านศิลาวิญญาณแล้วผู้บำเพ็ญสายอิสระทั่วไปไม่มีทางสู้ราคาไหวแน่“แล้วเจ้าสำนักอยากได้กี่เม็ด ถึงจะยอมแลกล่ะครับ”“นายกลั่นได้จริงเหรอ?” เจ้าสำนักมองเย่ซิวด้วยสีหน้าตกตะลึง ดวงตาฉายแววไม่เชื่อโอสถชนิดนี้ไม่เหมือนกับโอสถวิญญาณหยก ระดับความยากสูงกว่ากันหลายเท่าเย่ซิวไม่ได้รีบตอบในทันที แต่เงียบไปครู่หนึ่งก่อนเอ่ยว่า “ผมขอลองก่อน ยังไม่กล้ารับประกันว่าจะสำเร็จเอาอย่างนี้ก็แล้วกัน เจ้าสำนักให้วัตถุดิบสำหรับหนึ่งเตากลั่นกับผมก่อนถ้ากลั่นไม่ได้ ผมยินดีจ่ายค่าต้นทุน
เย่ซิวรีบวิ่งเข้าไปในห้องทันทีพอเปิดประตูเข้าไปก็เห็นเสี่ยวไป๋ลอยอยู่กลางอากาศพลังวิญญาณในห้องถูกดูดเข้าไปหามันอย่างบ้าคลั่งไม่กี่วินาทีก็สูบพลังวิญญาณจนหมดทั้งห้องจากนั้นร่างของมันก็ถูกห่อหุ้มด้วยรังไหมขนาดใหญ่ แล้วค่อย ๆ ลอยลงสู่พื้นอย่างช้า ๆเย่ซิวยิ้มกว้างด้วยความดีใจ เสี่ยวไป๋กำลังจะวิวัฒนาการอีกแล้วรอบที่แล้วเหมือนจะพัฒนาขึ้นไม่มากเท่าไหร่แต่สัญชาตญาณของเย่ซิวบอกว่ารอบนี้น่าจะเติบโตแบบก้าวกระโดดเลยทีเดียวเขารีบเอาน้ำพุวิญญาณที่เหลืออยู่เทราดลงไปบนรังไหมทันที ซึ่งมันก็ถูกดูดซึมหายไปอย่างรวดเร็วนี่อาจช่วยเร่งขั้นตอนวิวัฒนาการให้เร็วขึ้นได้เย่ซิวเดินไปอุ้มเจ้าเสี่ยวอวี่ที่อยู่ไม่ไกลขึ้นมาเจ้าตัวนี้ยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปมากแต่ท้องของมันนี่เหมือนหลุมดำชัด ๆเย่ซิวเลยจัดเต็มอีกครั้ง เขากลั่นโอสถวิญญาณหยกมาอีกหมื่นเม็ดให้มันไว้กินเล่นทั้งสำนักอวิ้นหลิงคงไม่มีใครกล้าทำอะไรฟุ่มเฟือยอย่างเขาอีกแล้วล่ะในช่วงครึ่งเดือนหลังจากนั้น เย่ซิวก็หมกตัวอยู่แต่กับการกลั่นโอสถและฝึกฝนวิชาต่าง ๆข้างนอกเองก็เริ่มมีข่าวแพร่กระจายไปว่าเย่ซิวสามารถกลั่นโอสถวิญญาณหยกได้ควา
จากท่าทีและสีหน้าของทุกคน เย่ซิวก็พอเดาออกว่าโอสถนี่น่าจะหาได้ยากมากในตลาดไม่งั้นพวกเขาคงไม่แห่กันมาขอซื้อแบบนี้แน่เขาทำหน้าลำบากใจเล็กน้อย “ผมก็อยากช่วยนะครับ แต่โอสถตัวนี้ตอนปรุงมันใช้พลังจิตเยอะมากวันหนึ่งผมปรุงได้ไม่กี่รอบเอง แถมวัตถุดิบก็หายากด้วย”ความหมายแฝงก็คือพวกคุณต้องเพิ่มเงินและเตรียมของมาเองซึ่งทุกคนก็ไม่ใช่คนโง่และเข้าใจเจตนาของเขาทันที ก่อนจะรีบเสนอว่า“ถ้างั้นแบบนี้ดีไหม โอสถวิญญาณหยกหนึ่งเม็ด ฉันให้หนึ่งพันหนึ่งร้อยศิลาวิญญาณ ส่วนวัตถุดิบเราจัดการเอง แบบนี้ตกลงไหม”เย่ซิวคำนวณในหัวอย่างไวต้นทุนของโอสถวิญญาณหยกต่อเม็ดอยู่ที่ราว ๆ หนึ่งพันศิลาวิญญาณถึงจะรวมค่าแรงและพลังวิญญาณที่ใช้ก็ถือว่าต้นทุนต่ำมาก อย่างมากก็แค่เสียเวลาเฉย ๆเขาสามารถกลั่นได้เป็นหมื่นเม็ดในคราวเดียวถ้าขายให้คนพวกนี้หมื่นเม็ดก็เท่ากับว่าจะได้เงินถึงสิบกว่าล้านศิลาวิญญาณเลยทีเดียวกำไรขนาดนี้ก็แทบจะเรียกได้ว่ากินขาดแต่เย่ซิวก็ยังไม่ตอบตกลงทันที และทำท่าลังเลอยู่รั่วอวิ๋นที่ยืนข้าง ๆ ตบไหล่เขาเสียงดัง “ยังจะลังเลอะไรอีกล่ะ?นี่มันโอกาสทองเลยนะ ได้ทั้งเงินได้ทั้งฝึกฝีมือ”เย่ซิวถ
แล้วทุกคนก็เห็นจ่าฝูงเดินตรงไปหาเย่ซิว จากนั้นมันก็แลบลิ้นออกมาเลียหน้าของเขาเบา ๆ ด้วยแววตาประจบเอาใจสุด ๆทุกคนตกตะลึง “???”รั่วอวิ๋นถึงกับยืนนิ่งตัวแข็งเป็นหิน ตาถลน ปากอ้าค้างจากนั้นเธอก็ชี้ไปที่เย่ซิวอย่างโกรธจัด “นายยังจะกล้าบอกว่าไม่ได้ทำอะไรอีกเหรอ แล้วนี่มันอะไรกัน?!”แต่ก่อนที่เธอจะพูดจบ สิงโตหยกขาวอีกเจ็ดตัวก็วิ่งตามกันมาล้อมเย่ซิวไว้รอบด้าน แถมยังมองรั่วอวิ๋นด้วยสายตาแข็งกร้าวอย่างเต็มไปด้วยท่าทีคุกคามรั่วอวิ๋นเผลอก้าวถอยหลังไปด้วยสีหน้าซีดเผือดความรู้สึกตอนนี้เหมือนโดนใครสักคนมายึดบ้านไปคนอื่น ๆ เองก็จ้องมองเย่ซิวด้วยสายตาในแบบที่ไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเองภาพที่อยู่ตรงหน้ามันเหนือจริงเกินไปเย่ซิวทำหน้าใสซื่อ “ผมไม่ได้ทำอะไรเลยนะครับ”รั่วอวิ๋นโกรธจนตัวสั่นสัตว์ที่เธอเลี้ยงมากับมือหลายปีดันพร้อมใจกันหักหลังเธอแบบนี้ ใครจะทนได้มันไม่ใช่แค่เรื่องทรัพยากร แต่ยังรวมถึงความรู้สึกที่ทุ่มเทไปทั้งหมดด้วย!“นายบอกว่าไม่ได้ทำอะไร แล้วทำไมพวกมันถึงพร้อมใจกันหักหลังฉัน อธิบายมาเดี๋ยวนี้!” รั่วอวิ๋นกัดฟันพูด สายตาที่มองเย่ซิวเต็มไปด้วยความคาดโทษถ้าเจ้าเด็กนี่ไม่ให
ในใจรั่วอวิ๋นกำลังปลื้มเป็นที่สุดแต่ต่อหน้าคนอื่นเธอยังคงวางมาดสงบนิ่ง และพยักหน้าเบา ๆ แบบถ่อมตัวสุด ๆ“ก็ไม่เท่าไหร่นะ แค่สัตว์วิญญาณไม่กี่ตัว เอาไว้เฝ้าประตูเฉย ๆ”คำพูดโอ้อวดแบบถ่อมตัวเช่นนี้ทำเอาคนที่ยืนฟังอยู่ถึงกับกระตุกมุมปากกันเป็นแถบเธอคิดว่านี่คือผักกาดขาวหรือไงนี่มันสัตว์วิญญาณระดับจินตานตั้งแปดตัวเชียวนะถึงสายเลือดของพวกสิงโตหยกขาวจะไม่ใช่ระดับสูงสุด แต่ก็ไม่ใช่พวกชั้นต่ำ อยู่ระดับกลางค่อนไปทางดีเลยด้วยซ้ำถ้าเลี้ยงต่อไปดี ๆ รับรองว่าเก่งขึ้นได้อีกแน่นอนลองจินตนาการดูสิ สิงโตหยกขาวแปดตัวคำรามพร้อมกันจะอลังการแค่ไหน มันต้องเป็นภาพที่อลังการและน่าเกรงขามสุด ๆ“เย่ซิวก็อยู่ที่นี่ด้วยเหรอ” ภรรยาเจ้าสำนักทำทีเหมือนเพิ่งสังเกตเห็นเขาเย่ซิวยิ้มพลางเอ่ย “ขอคารวะท่านผู้อาวุโสทุกท่าน เจ้าสำนักและภรรยา ผมแค่มาให้อาหารพวกมันน่ะครับ”ทุกคนก็พยักหน้าเบา ๆ เป็นเชิงรับรู้ ไม่มีใครเชื่อมโยงได้ถึงเรื่องที่สัตว์วิญญาณเลื่อนระดับได้เพราะตัวเขาเลยแม้แต่น้อยไม่นานนัก สัตว์วิญญาณทั้งแปดตัวก็ค่อย ๆ สร้างตานปีศาจได้สำเร็จแทบจะพร้อมกันพลังที่ระเบิดออกมาทำให้เกิดพายุขนาดใหญ่ไปทั
แม้ว่ารั่วอวิ๋นจะรู้ดีว่าความคิดแบบนี้มันไม่ค่อยแฟร์เท่าไหร่ แต่เธอก็ห้ามตัวเองไม่ได้เลยจริง ๆถ้าเย่ซิวแค่ลองกลั่นโอสถเป็นครั้งแรกก็เก่งกว่าเธอแบบไม่เห็นฝุ่น แบบนั้นมันก็เหมือนโดนตบหน้าแรง ๆ เข้าให้แล้วแบบนี้จะรักษาภาพลักษณ์ความเป็นอาจารย์ไว้ต่อหน้าเขาได้ยังไงกันล่ะเสียงโครมดังขึ้น ก่อนที่ฝาปิดเตาจะหลุดออกกลิ่นหอมของโอสถที่เข้มข้นจนถึงขีดสุดกระจายไปทั่วเย่ซิวถึงกับใจหล่นวูบ คิดในใจว่าแย่แล้วถึงเขาจะพยายามเก็บงำกลิ่นเท่าที่ทำได้แล้ว แต่ดูเหมือนแค่กลิ่นที่ลอยออกมาก็แรงกว่าโอสถของรั่วอวิ๋นเสียอีกรั่วอวิ๋นพยายามควบคุมสีหน้าแล้วรีบเดินเข้าไปดูโอสถในเตาพอเห็นแล้วก็ถึงกับยืนช็อกไปทั้งตัวที่ก้นเตา โอสถจำนวนห้าสิบเม็ดวางเรียงกันอย่างเป็นระเบียบ และแต่ละเม็ดก็ใสบริสุทธิ์ดูอัดแน่นไปด้วยพลังแต่สิ่งที่ทำให้เธอรับไม่ได้ที่สุดก็คือทุกเม็ดมีลวดลายโอสถปรากฏอยู่บนผิวของมัน หมายความว่าโอสถทั้งหมดนี้เป็นระดับสูงนี่มันไม่ใช่แค่โดนตบหน้าแล้ว แต่มันคือการโดนกดหัวลงพื้นแล้วลากไปเลยต่างหากเย่ซิวไอแห้ง ๆ หนึ่งทีและจงใจไม่เข้าไปดู แต่ทำท่าทางตื่นเต้นแล้วถามเธอด้วยสีหน้าลุ้น ๆ ว่า “ท่านอาจ
ทั้งความรู้ที่เคยได้รับรวมถึงทักษะการกลั่นโอสถต่าง ๆ ก็ควรจะเหนือกว่าตัวเขาแบบทิ้งห่างสิแต่ทำไมกลับรู้สึกว่ายังห่างชั้นจากเขาอยู่เยอะเลย?เย่ซิวยังคิดว่าตัวเองอาจจะคิดไปเองจึงตั้งใจดูต่ออีกสักพักจนสุดท้ายก็มั่นใจเต็มร้อยว่าทักษะการกลั่นโอสถของผู้หญิงคนนี้ไม่ถึงหนึ่งในสิบของเขาด้วยซ้ำแค่ฝีมือระดับนี้ก็ยังยืนหยัดอยู่ในโลกของผู้ฝึกตนได้ด้วยเหรอ?หรือโลกของผู้ฝึกตนมันหากินง่ายขนาดนั้นเลย?ความคิดสารพัดผุดขึ้นมาในหัวเย่ซิว แต่สีหน้าเขาก็ยังคงนิ่งเฉย ไม่แสดงพิรุธอะไรออกมาเลยหนึ่งชั่วโมงผ่านไป โอสถก็กลั่นเสร็จเรียบร้อยรั่วอวิ๋นเปิดฝาเตาก่อนจะหยิบเม็ดยาออกมาหนึ่งเม็ด ใบหน้าเต็มไปด้วยความพึงพอใจ “ไม่เลว ๆ หนึ่งเตาได้โอสถมายี่สิบเจ็ดเม็ด ระดับกลางหกเม็ด ถือว่าสมบูรณ์แบบ”จากนั้นเธอก็หันไปมองเย่ซิวแม้ใบหน้าจะดูเรียบเฉย แต่เย่ซิวก็พอจะจับความหมายแฝงได้ไม่ยากก็แค่รอให้เขาชมเธอนั่นแหละหากพูดตรง ๆ การกลั่นโอสถของรั่วอวิ๋นรอบนี้ถือว่าสอบตกสำหรับเย่ซิว เพราะวัตถุดิบที่ใช้ไปทั้งหมด ถ้าเป็นเขากลั่นเองอย่างน้อยจะได้เพิ่มขึ้นอีกเท่าตัวแถมยังเป็นโอสถระดับสูงทั้งหมดด้วยซ้ำเมื่อเห็นโ
เย่ซิวรู้สึกหมดคำจะพูดทำไมทุกทีที่เขากำลังจะเข้าสู่จุดสำคัญ ผู้หญิงคนนี้ต้องโผล่มาขัดจังหวะตลอดเลยนะเขาไม่อยากเสียเวลาเถียงจึงเลือกกลืนเม็ดยาลงไปตรง ๆจากนั้นก็เริ่มเดินกำลังเดินกำลังภายในเพื่อกลั่นพลังโอสถพลังโอสถอันหนักแน่นและทรงพลังแผ่กระจายออกมาภายในร่างเขาราวกับภูเขาไฟขนาดยักษ์ระเบิดออกในพริบตาสำหรับเย่ซิว ระดับนี้ไม่ใช่เรื่องยาก และทุกอย่างก็ดำเนินไปอย่างราบรื่นข้อแตกต่างเพียงอย่างเดียวคือรากฐานพลังของเขาลึกเกินไปจนต้องใช้โอสถไปถึงห้าเม็ดถึงจะสามารถทะลวงเข้าสู่ระดับถอดจิตได้สำเร็จพลังวิญญาณในร่างกลายเป็นของเหลวหนืดเหนียวสุดขีด วิญญาณก่อกำเนิดก็ขยายขนาดใหญ่ขึ้นเป็นสิบเท่าทั้งพลังบำเพ็ญและความสามารถในการต่อสู้ก็เพิ่มขึ้นพร้อมกันสิบเท่าเมื่อสัมผัสได้ถึงพลังอันรุนแรงที่แผ่กระจายอยู่ทั้งภายนอกและภายใน เย่ซิวก็รู้สึกว่าดวงตาตัวเองสว่างวาบต่อให้ตอนนี้ต้องเผชิญหน้ากับเจ้าสำนักอีกครั้ง แม้จะยังไม่ใช่คู่มือที่แท้จริง แต่ก็คงไม่ถึงขั้นไม่มีทางสู้เหมือนเมื่อก่อนแล้วอย่างน้อยถ้าคิดจะหนีก็หนีรอดแน่นอนการทะลวงเข้าสู่ระดับถอดจิตยังส่งผลเสริมพละกำลังร่างกายของเย่ซิวอีกด้ว
เย่ซิวอายุแค่นี้เองนะ!แต่กลับสามารถกลั่นโอสถระดับสุดยอดออกมาได้ถ้าให้เวลาเขาอีกหน่อย แบบนี้ไม่บินขึ้นฟ้าไปเลยเหรอเจ้าสำนักกับภรรยาหันไปมองหน้ากัน ทั้งคู่ต่างเห็นความจริงจังและความตกตะลึงในแววตาของกันและกันดูเหมือนต้องประเมินเย่ซิวใหม่เสียแล้วจางเสี่ยวอวี๋ถึงกับหยิกเนื้อแขนตัวเองแรง ๆ แต่ก็ยังรู้สึกเหมือนฝันอยู่ดี“ไม่จริงน่า เขาจะกลั่นสุดยอดโอสถได้ยังไง…ถึงว่าทำไมวันนั้นฉันไปหาเขา เขาถึงได้ทำตัวเย็นชาใส่ ที่แท้ในสายตาเขาฉันก็เป็นแค่ตัวตลกคนหนึ่ง”ในขณะที่คนทั้งสนามกำลังตะลึงอยู่ สีหน้าของหนานกงอู๋ซวงกับเฉินเยียนจือก็เริ่มเก็บอารมณ์ไม่อยู่ทุกคนได้รับโอสถกันหมด มีแค่พวกเขาสองคนเท่านั้นที่ไม่มีมันชัดเจนมากว่าเย่ซิวตั้งใจเมินพวกเขาเฉินเยียนจือโกรธจนตัวสั่น ก่อนชี้หน้าเย่ซิวพลางตะโกน “นี่มันหมายความว่ายังไง ทำไมทุกคนมีกันหมด แต่ฉันกับพี่อู๋ซวงไม่มี!”เย่ซิวไหล่ตกก่อนจะทำหน้าไร้เดียงสา “อ๋อ พวกคุณก็อยู่ด้วยเหรอ ขอโทษที พอดีโอสถหมดพอดีเลยเอาแบบนี้แล้วกัน พรุ่งนี้พวกคุณทั้งคู่มาหาผมสิ เดี๋ยวผมจะกลั่นให้ส่วนตัวเลย”เฉินเยียนจือไม่พูดอะไรอีก แต่จ้องเย่ซิวด้วยสายตาเย็นเฉียบส