Share

ตอนที่ 2 อยากลงโลง

Author: บ.บี
last update Last Updated: 2025-04-05 23:37:17

อีกด้านสองสหายต้นเรื่องก็ร้อนใจอยู่ไม่น้อย ชายขาเป๋ลุกขึ้นมายืนเคียงข้างกับสหายแขนเดียวของตน พลางส่งสายตามองกันไปมาคล้ายว่ากำลังตัดสินใจอะไรบางอย่าง

“เอาล่ะ ครั้งนี้ถือว่าเป็นคราวซวยของพวกเราสองคนก็แล้วกัน เนื้อจะเข้าปากเสืออยู่แล้วเชียว!! พวกเจ้ารีบไสหัวไปให้พ้นหน้าพวกเราเดี๋ยวนี้เลย” ชายแขนเดียวมองไปยังร่างงามด้วยความเสียดาย แต่ดูจากจำนวนคนแล้ว ให้ต่อสู้กันจริงๆ พวกเขาสองคนอาจจะสู้ไม่ไหว และหากเรื่องไปถึงเจ้าหน้าที่ทางการเมื่อใดพวกตนจะเดือดร้อนกว่าเก่า เขาย่อมไม่กล้าเสี่ยง

“ปากเสือ เหอะ!! ปากหมาสิไม่ว่า ดูตัวเองด้วยจ้า สภาพ!!” ฉู่หลิงสวนกลับอย่างอดไม่ได้ นางเคยแต่ข่มขู่ดูแคลนผู้อื่น ถูกเอาเปรียบอย่างไร้ทางสู้เช่นนี้รู้สึกอับอายจนอยากกลับโลงศพจะแย่แล้ว

หลิ่วจีเด็กหญิงวัย 8 ขวบถึงกับต้องกระตุกข้อมือพี่สาวแปลกหน้าเอาไว้เป็นการห้ามปราม อีกฝ่ายเป็นผู้ใหญ่สองคนเชียวนะ แล้วเจ้าหน้าที่ทางการน่ะ จะมาช่วยพวกเราจริงหรือเปล่าก็ไม่รู้

“ใครกันแน่ที่ต้องไปให้พ้น เจ้าสองคนจะลองดูไหมเล่าว่าพวกเราจะหาคนมาขับไล่พวกเจ้าออกจากป่านี้ไปได้หรือไม่” เจียวจูไม่ยอมแพ้ หากสองคนนี้ยังอยู่ต่อไปพวกนางคงจะมาหาเก็บของป่าไปกินได้ลำบากเป็นแน่

สองสหายผงะถอยหลังเสียอาการไปเล็กน้อย เมื่อเห็นท่าทางไม่กลัวเกรงของเด็กหญิงตัวจ้อย และเริ่มรู้สึกว่านางคงจะมั่นใจไม่น้อยว่าจะจัดการกับพวกตนเองได้ 

“ฝากไว้ก่อนเถอะ!” พวกเขามองไปยังฉู่หลิงอีกครั้งด้วยความเสียดาย สะบัดใบหน้าโสมมเดินหลบเลี่ยงกลุ่มเด็กๆ ไปอีกทาง ตั้งใจว่าจะออกจากป่าแห่งนี้ไปให้เร็วที่สุดตนเป็นเพียงคนร่อนเร่ มีหรือจะกล้ายุ่งวุ่นวายกับเด็กจากหอหงไถที่มีเบื้องหลังเป็นเจ้าหน้าที่ทางการ

“ถุย!! ฝากแล้วมาเอาคืนด้วยเล่า!” ฉู่หลิงพ่นน้ำลายตามหลังคนโฉดชั่วทั้งสอง

“พี่สาว” หลิ่วจีกระตุกแขนรั้งตัวนางเอาไว้อีกครั้ง น้ำตาที่คลอเต็มสองเบ้าตาใกล้จะหยดลงมารอมร่อ

เสียงร้องขอเบาหวิวราวกับลูกแมวหมดแรง ทำให้ฉู่หลิงเลิกใช้สายตาอาฆาตแค้นมองไปที่มนุษย์สองคนนั้นแล้วหันมามองเด็กๆ ที่ยืนอยู่รอบตัวแทน

“เจ้าใช้การได้เลยทีเดียว หากพบเจอกันเร็วกว่านี้ข้าจะให้เจ้าเป็นสมุนมือหนึ่งของข้า” หญิงสาวตบไหล่เจียวจูเบาๆ สองครั้ง เด็กมนุษย์ผู้นี้กล้าหาญ เสียดายเหลือเกินที่ตนกัดใครไม่ได้ในเวลานี้

“เอาล่ะ หากผู้พิทักษ์ตามมาก็บอกเขาได้เลยว่าข้าจะไปลงโลงแล้ว ถือว่าพวกเจ้ามีบุญคุณข้าจะเตือนสักหน่อย พวกเจ้ารีบกลับเข้าเขตไปเสียหากมีแวมไพร์ได้กลิ่นพวกเจ้าแล้วจะลำบาก”

หญิงสาวกล่าวจบก็เดินอาดๆ แหวกเถาวัลย์ปากอุโมงค์เตรียมจะกลับไปนอนในโลงตามเดิม

“เดี๋ยวนะ!! ข้าควรจะอยู่ในสถาบันวิจัยภายในเขตปลอดแวมไพร์ไม่ใช่หรือ แล้วที่นี่มันที่ไหนกัน"

หญิงสาวหันกลับมาหากลุ่มเด็กมอมแมมทั้งสิบคนอีกครั้ง เพิ่งจะสังเกตว่าเสื้อผ้าหน้าผม เครื่องแต่งกายของคนชั่วสองคนเมื่อครู่กับเด็กเหล่านี้ก็แปลกประหลาดเหมือนกัน สถานที่ที่นางยืนอยู่นี่ก็แปลก ตกลงเรื่องราวมันยังไงกันแน่

“ทางเข้าเขตอยู่ตรงไหน หรือหอสังเกตการณ์หงไถอยู่ตรงไหน ข้าออกมาอยู่ในป่านี้ได้อย่างไรกัน พวกเจ้ารีบพาข้ากลับไปที่หอหงไถก่อน ข้าถูกฉีดยาแล้วพวกเจ้าไม่ต้องกลัว” หญิงสาวเดินกลับมาถามเจียวจูเด็กหญิงที่ตัวสูงที่สุดในกลุ่มและดูเหมือนจะเป็นผู้นำของเด็กๆ เพิกเฉยกับเรื่องเสื้อผ้าและทรงผมแปลกๆ ของเด็กมนุษย์กลุ่มนี้ไปชั่วคราว

“เอ๋! ข้าเปิดฝาโลงออกมาเองไม่ใช่หรือ โลงก็อยู่ในห้องหินแห่งนั้น ช่วงเวลาไม่เกิน 5 นาทีเป็นไปไม่ได้ที่จะมีใครแบกโลงข้าออกมาไกลถึงนอกเขตนี่” นางมั่นใจว่าตนเองไม่ได้อยู่ภายในเขตปลอดแวมไพร์ที่ทันสมัยและสะอาดหมดจดอย่างแน่นอน

โลกภายนอกแม้จะเหลือเพียงตึกสูงระฟ้าที่ถูกทิ้งร้างตั้งตระหง่านอยู่ทั่วเมือง แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีพื้นที่ป่าหรือสวนสาธารณะ ต่างกับภายในเขตปลอดแวมไพร์ที่ทุกอย่างล้วนเป็นสิ่งสังเคราะห์ทั้งหมด ดินที่เข้าปากนางไปขณะที่ดิ้นรนต่อสู้กับไอ้ตัวเหม็นสองคนนั้น บ่งบอกได้ชัดว่าเป็นดินจริงจากโลกภายนอก ไม่ใช่ดินสังเคราะห์ลอกเลียนแบบแต่อย่างใด

หญิงสาวชักเท้ากลับไปทางปากอุโมงค์อีกครั้ง เตรียมจะไปดูโลงศพของตนให้เห็นกับตา

“ที่แท้นางก็เป็นหญิงเสียสติ” เจียวจ้านทำสัญญาณให้สหายทุกคนล้อมวงเข้าหากัน กระซิบกระซาบกันเบาๆ

“ข้าคิดว่านางเป็นคนหลงทางมาเสียอีก จะได้ชวนนางไปอยู่กับพวกเรา เสียดายจัง” หลิ่วจีเงยหน้าขึ้นมองพี่สาวคนงามแล้วส่งเสียงแมวป่วยออกมาอีกครั้งด้วยความอาลัย นางปรารถนาให้มีสตรีสักคนเข้ามาอยู่ในหอหงไถ จะได้มาช่วยดูแลพวกตนเหมือนกลุ่มพี่สาวที่เคยอยู่ที่นั่น

“นี่!! ข้าได้ยินที่พวกเจ้าคุยกันนะ ข้าไม่ได้บ้า” ฉู่หลิงหันมาตวาดลั่น

กลุ่มเด็กสิบคนรีบกลับมายืนตรงด้วยท่าทางปกติ พยักหน้าหงึกหงักโดยพร้อมเพรียงกัน คนเขาบอกว่าตัวเองไม่บ้านั่นล่ะคือบ้า!!

“ตกลงหอสังเกตการณ์หงไถที่พวกเจ้าอยู่นั่นอยู่ที่ไหนกัน พาข้าไปได้หรือไม่”

“ได้เจ้าค่ะ” หลิ่วจีรีบตอบกลับเปลี่ยนสีหน้าเป็นสดใสขึ้นทันใด

“รอข้าเดี๋ยว เดี๋ยวข้ากลับไปดูโลงข้าสักหน่อย” ฉู่หลิงขอตรวจสอบให้แน่ใจอีกครั้ง ว่านางได้ก้าวออกมาจากโลงศพของตนเองจริงหรือไม่ 

“พี่สาวช้าก่อน ข้างในนั้นมันมืด เดี๋ยวพวกเราจุดคบไฟให้ท่านถือติดมือไปด้วย” เจียวจ้านรีบตะโกนบอก ภายในใจก็เต้นกระหน่ำรุนแรง อย่าบอกนะว่าพี่สาวผู้นี้พักอาศัยอยู่ในโลงศพ!!

แวมไพร์สาวหยุดคิดชั่วครู่ก่อนจะตอบตกลง หากเป็นตอนที่ตนเองยังมีพลังอันแข็งแกร่งในฐานะแวมไพร์ นางสามารถมองเห็นทุกสิ่งอย่างในความมืดได้อย่างชัดเจน แต่เวลานี้ไม่ใช่แล้ว หากอยากจะตรวจสอบให้ละเอียดสักหน่อย มีไฟไปด้วยก็คงจะดีไม่น้อย

“ทำอะไรกันน่ะ ไม่มีใครพกไฟแช็กมาสักคนเลยหรือไง” หญิงสาวเริ่มหงุดหงิดเมื่อเห็นเด็กชายตัวผอมกร่อง ใช้หินสองก้อนตีกันอยู่หลายที แต่ก็ยังไม่สามารถจุดไฟลงบนหญ้าแห้งให้ลุกติดขึ้นมาได้

“นี่เรียกว่าหินเหล็กไฟ เอามันมากระทบกันก็จะเกิดประกายไฟ ท่านรออีกเดี๋ยวเดียวเท่านั้นขอรับ” เด็กชายอธิบายตอบกลับด้วยความสุภาพ

กว่าฉู่หลิงจะได้คบไฟที่เด็กๆ ฉีกชายเสื้อผ้าบนร่างกายมาพันเข้ากับปลายไม้แล้วจุดมันจากกองหญ้าแห้งที่เพิ่งก่อติด ก็กินเวลาไปอีกพักใหญ่ นางรับคบไฟแล้วกำชับให้เด็กๆ เข้าไปรอนางอยู่ที่ปากอุโมงค์

“พวกเจ้าเดินหลบเข้ามาซ่อนตัวด้านในก่อน ที่นี่ยังไม่ปลอดภัยเวลานี้ข้าเองก็ช่วยอะไรพวกเจ้าไม่ได้ด้วยนะ” 

เด็กชายหญิงสิบคนซึ้งใจจนน้ำตาแทบจะร่วง นานแค่ไหนแล้วที่ไม่มีผู้ใดเคยคิดห่วงพวกเขาเช่นนี้ ทุกคนจึงเดิมตามฉู่หลิงไปอย่างว่าง่าย น่ารักน่าเอ็นดูยิ่งนัก

หญิงสาวใช้มือผลักบานประตูหินทางเข้าถ้ำลับไปพร้อมกับคบไฟในมือ ทันทีที่นางเข้ามาประตูหินก็ปิดกลับไปดังเดิม

ฉู่หลิงเลื่อนคบไฟไปสำรวจที่ฝาโลงเป็นอันดับแรก นางนอนเหงาๆ อยู่ในโลงก็เลยใช้เล็บตะกายฝาโลงศพซึ่งทำจากไม้ ตั้งใจจะส่งเสียงกวนประสาทหมอและผู้ดูแลจากสถาบันวิจัยให้รำคาญเล่น แต่นางลืมไปว่าตนเองไม่ได้มีเล็บแหลมคมยาวเฟื้อยอีกต่อไป นิ้วมืออ่อนนุ่มของตนจึงถูกเสี้ยนไม้ฝาโลงแทงสวนเข้าไปจนเลือดไหล

“ใช่แล้ว ข้าก็อยู่ในโลงนี้มาตั้งแต่ต้น ยังมีรอยเลือดติดเศษไม้แตกที่ฝาโลงด้านในอยู่เลย” หญิงสาวรำพันออกมา ใช้นิ้วลูบคลำร่องรอยเลือดจางๆ ที่หลงเหลืออยู่

“เอ๋..” หญิงสาวสะดุดตาเข้ากับความเปลี่ยนแปลงบางอย่างบนฝาโลง ซึ่งก่อนหน้านี้นางนอนจ้องอยู่นานก็ไม่เห็น

รูปทรงอักขระเวทที่แวมไพร์ทุกคนสามารถอ่านได้ปรากฏขึ้นพร้อมกับข้อความชุดหนึ่งที่อ่านได้ใจความว่า โลงศพนี้เป็นโลงศพเก่าแก่ที่ตกทอดต่อกันมาจากแวมไพร์สายเลือดแท้เมื่อหลายร้อยปีก่อน

เจ้าของโลงศพรุ่นหลังในยุคก่อนที่มนุษย์จะสร้างเขตปลอดแวมไพร์ขึ้นมา ได้สร้างอักขระเวทไว้ที่ฝาโลงใบนี้เพื่อเตรียมการไว้ภายหน้า หากในอนาคตแวมไพร์ถูกกำจัดและจวนเจียนจะสูญพันธุ์ ก็ให้ใช้เลือดของแวมไพร์สาวพรหมจารีหยดลงที่ฝาโลง อักขระเวทจะส่งโลงพร้อมกับคนในโลงไปยังที่ใดที่หนึ่ง เพื่อก่อกำเนิดสายพันธุ์แวมไพร์สืบต่อไปไม่ให้สูญหายไปจากโลก

“อื้อฮือ ถึงกับสร้างโลงศพเทเลพอร์ต” ฉู่หลิงอึ้งงันตาค้างกับความสามารถอันล้ำลึกของแวมไพร์รุ่นพี่

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Related chapters

  • แวมไพร์พี่เลี้ยงเด็ก   ตอนที่ 3 ผู้ล่าเพียงหนึ่งเดียว

    จากข้อความของเจ้าของโลงศพคนก่อนกล่าวไว้ เขาสร้างอักขระเคลื่อนย้ายเหล่านี้ไว้ที่ฝาโลงศพเก่าแก่ ในช่วงที่มนุษย์ใช้กระสุนเงินไล่ล่ากวาดล้างแวมไพร์และกำลังเริ่มโครงการสร้างเขตปลอดแวมไพร์ขึ้นมานางคาดว่ารุ่นพี่แวมไพร์ผู้นี้คงจะถูกมนุษย์กำจัดก่อนที่จะหาแวมไพร์สาวบริสุทธิ์มาทดลองใช้โลงศพเทเลพอร์ตนี้ จึงไม่เคยมีแวมไพร์คนไหนรับรู้ถึงช่องทางนำไปสู่แหล่งอาหารอันโอชะในสถานที่ใหม่ และหากเจ้าของโลงมีชีวิตอยู่เขาก็จะได้รู้ว่าการคาดเดาของเขานั้นกำลังจะเป็นจริงในรุ่นของนางมนุษย์สร้างอาณาเขตปลอดแวมไพร์ที่ปิดกั้นด้วยกระจกหนา มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันและยังสามารถคิดค้นการเพาะปลูกและเลี้ยงสัตว์ให้เติบโตได้ในระยะเวลาอันสั้น พวกเขามีอาหาร มีเทคโนโลยี ใช้ชีวิตตัดขาดจากแวมไพร์โดยสิ้นเชิงอยู่ในเรือนกระจกขนาดมหึมา ในขณะที่ส่งผู้พิทักษ์ออกมากวาดล้างแวมไพร์ไปพร้อมๆ กันแวมไพร์รุ่นก่อนหน้านางยังพอค้นหามนุษย์ที่หลงเหลืออยู่ในโลกภายนอกได้บ้าง อย่างเช่นตัวนางเองก็ถูกแวมไพร์กัดเมื่ออายุได้ 12 ปี เมื่อนางเติบโตขึ้นจำนวนมนุษย์ที่อยู่โลกภายนอกเขตก็ลดน้อยลงไปจนแทบไม่เหลือ มีเพียงสัตว์ที่ถูกแวมไพร์ปล่อยให้แพร่พันธุ์อยู่

    Last Updated : 2025-04-05
  • แวมไพร์พี่เลี้ยงเด็ก   ตอนที่ 4 แวมไพร์มังสวิรัติ

    “ข้าฉู่หลิง ข้าจำไม่ได้หรอกว่าเมื่อก่อนข้าอยู่ที่ไหน รู้เพียงข้าไม่มีญาติพี่น้องเดินทางเร่ร่อนไปเรื่อย ในกลุ่มพวกเจ้าหากไม่มีผู้ใดคัดค้านข้าก็เต็มใจจะไปอยู่ที่หอหงไถและจะช่วยพวกเจ้าทำงานหาอาหารอีกด้วย ตกลงหรือไม่” เห็นอีกฝ่ายมีชื่อซ้ำยังเริ่มจะพูดจารู้เรื่อง เด็กหลายคนสีหน้ายิ่งเบิกบานใจกว่าเดิม ในที่สุดหอหงไถก็จะมีพี่สาว ต่อไปก็จะมีบุรุษมาจับจ่ายใช้เงินที่หอ พวกเขาก็จะมีอาหารและรางวัลให้อิ่มท้องแล้วใช่หรือไม่!“ตกลงเจ้าค่ะพี่สาวหลิงหลิง” เจียวจูเขกศีรษะเด็กรุ่นน้องหลายคนเบาๆ ไม่ได้อธิบายว่าพี่สาวฉู่หลิงจะไม่ได้ทำงานอย่างที่พวกเขาเข้าใจ และนางก็ไม่รู้จะอธิบายอย่างไรเช่นกันเพราะน้องๆ ในหอหงไถหลายคนไม่ได้รู้จักคำว่าหญิงคณิกาด้วยซ้ำ พวกเขารู้เพียงว่าพี่สาวเหล่านั้นหาเงินเก่งและงดงาม“เช่นนั้นเราก็ไปที่หอหงไถกันได้แล้วสินะ” ฉู่หลิงรีบลุกขึ้นปัดฝุ่นดินออกจากเสื้อคลุมที่สวมอยู่เดินออกมาหาเด็กๆ“ยังไปเวลานี้ไม่ได้เจ้าค่ะ พวกเราต้องเก็บผักป่ากลับไปทำอาหารด้วย อีกอย่าง..เจียวจ้าน เจ้าวิ่งกลับไปที่หอหงไถสักรอบเถิด ค้นหาเสื้อผ้าที่พี่สาวหลิงหลิงใส่ได้มาสักชุดหนึ่ง” อยู่ในอุโมงค์มืดก็ยังพอทำเนา

    Last Updated : 2025-04-07
  • แวมไพร์พี่เลี้ยงเด็ก   ตอนที่ 5 หมดกัน

    “ปลามันว่ายเร็วเกินไป พวกเราจับไม่ได้หรอกพี่สาว” เจียวจ้านตอบพลางกลืนน้ำลาย ใช่ว่าตนไม่อยากกิน แต่กินไม่ได้ต่างหาก“เหอะ!!” ฉู่หลิงสบถในลำคอ ส่งสายตาเหยียดหยามให้เด็กๆ คราวหนึ่ง แล้วรีบเดินข้ามลำธารสายเล็กไปยังอีกฝั่ง จัดการปลดตะกร้าบนหลังวางไว้กับพื้น“เดี๋ยวพวกเจ้าคอยดู” หญิงสาวก้าวอาดๆ ไปริมลำธาร เลือกถอดรองเท้าผ้าปักลายสีสันสดใสวางไว้บนที่แห้ง แล้วยกชุดกระโปรงขึ้นสูงเดินลุยน้ำไปด้วยความมั่นอกมั่นใจ ท่ามกลางการลุ้นระทึกของเด็กทุกคนฉู่หลิงใช้สายตาอันเฉียบคมของตนมองหาเป้าหมายได้ตัวหนึ่ง นางใช้มือเปล่าเพียงข้างเดียวคว้าหมับลงไปใต้น้ำ!“ห๊ะ!!” หญิงสาวแตกตื่นจนถึงขีดสุด นางไม่เคยพลาดเป้าเลยสักครั้งนี่นา! ใบหน้างามหันมามองใบหน้าเหยเกของเด็กๆ แล้วก็อดหน้าแดงด้วยความอับอายไม่ได้ ปลาตัวใหญ่สองตัวแหวกว่ายมาตอดนิ้วเท้าของหญิงสาวคล้ายเป็นการเย้ยหยัน ทำให้หญิงสาวโมโหสุดขีดยกขาข้างหนึ่งกระทืบลงไปใต้น้ำที่สูงเพียงเข่าอย่างแรง“ซ่า!” “ว้าก!”“ตูม!”“เพ่ย!” เด็กสิบคนตัดสินใจนั่งลงกับพื้นดิน นั่งชมภาพการต่อสู้ระหว่างพี่สาวคนงามกับฝูงปลาที่พากันแหวกว่ายมาท้าทายหญิงสาวอย่างไม่กลัวเกรงด้วยความสนุกส

    Last Updated : 2025-04-07
  • แวมไพร์พี่เลี้ยงเด็ก   ตอนที่ 6 หลิ่วจี

    “หลิ่วจี..เจ้าเอามีดมาเสียบอกข้าไปเสียเลยดีกว่ามาเตือนให้ข้าต้องปวดใจเช่นนี้นะ” หญิงสาวร่ำร้อง รู้สึกเจ็บจี๊ดเข้าไปถึงขั้วหัวใจอย่างสุดซึ้ง“อ๊ะ!!” ทันทีที่เงยหน้าขึ้นมาคุยกับหลิ่วจี หญิงสาวก็ตกใจกับภาพตรงหน้าจนร่างสั่นสะท้านไปทั้งร่างก้อนเลือดสีแดงสดใสอีก 9 ก้อน!! ทีแรกนางมีก้อนเลือด 10 ก้อนเดินรายล้อมอยู่รอบกายก็สุขใจเหลือเกินแล้ว ไม่อยากจะเชื่อว่าภายในหอหงไถนี้ยังมีลาภปากเพิ่มขึ้นมาอีกถึง 9 ก้อนเลยทีเดียว!“พ..พ..พวกเจ้า อาศัยอยู่ที่นี่กันทั้งหมดเลยหรือ” หญิงสาวยื่นมืออันสั่นเทาของตนเองออกไปลูบคลำศีรษะของเด็กหน้าใหม่อีก 9 คนที่เพิ่งได้พบหน้า“ใช่แล้วเจ้าค่ะ/ขอรับ พี่สาว!!” เด็กชายหญิงเก้าคนเองก็ดีใจไม่น้อยที่เห็นมีหญิงสาวที่เป็นผู้ใหญ่แล้วเข้ามาเยี่ยมเยียนพวกตนในหอหงไถ พวกเขาเต็มใจลืมภาพเหตุการณ์ประหลาดเมื่อครู่กับทำเป็นมองไม่เห็นเศษใบไม้และฝุ่นดินที่เกาะเต็มอยู่ทั่วร่างของพี่สาวผู้มาใหม่ฉู่หลิงดีใจจนเนื้อเต้น แก้มสั่นระริกด้วยความมันเขี้ยว ได้แต่ร่ำร้องหลั่งน้ำตาออกมาด้วยความดีใจ มนุษย์! มนุษย์ตัวเป็นๆ ตั้งแต่ถูกกัดตอนอายุ 12 บัดนี้นางอายุ 19 ปีแล้ว 7 ปีที่ผ่านมาในโลกก่อนมีโอกาส

    Last Updated : 2025-04-07
  • แวมไพร์พี่เลี้ยงเด็ก   ตอนที่ 7 แจคพอตกองโต

    พอแยกเป็นกลุ่มหญิงชายฉู่หลิงก็นับเด็กหญิงได้ทั้งหมด 7 คน ส่วนอีก 12 คนล้วนเป็นเด็กชายทั้งหมด ฝ่ายเด็กหญิงมีเจียวจูอายุ 12 ปีเป็นหัวหน้ากลุ่ม ด้านเด็กชายก็มีเจียวจ้านอายุ 10 ปีเป็นหัวหน้ากลุ่ม ด้วยจำนวนเด็กชายที่มีมากกว่าและอยู่ในวัยซุกซนโดยไม่มีผู้ใหญ่ควบคุม นางก็ไม่แปลกใจสำหรับพลังทำลายล้างอันเกินต้านของพวกเขาแล้ว“จากนี้ข้าจะขอเข้ามาอาศัยอยู่ในหอหงไถร่วมกับพวกเจ้า และแน่นอนว่าจะมีการจัดระเบียบสถานที่และอีกหลายๆ อย่าง ข้าอยากขอให้พวกเจ้าช่วยข้าด้วยได้หรือไม่” ในเมื่อนางต้องอยู่ที่นี่ไปอีกสามปี นางจะไม่ทนนอนอยู่กับขยะกองใหญ่เช่นนี้เป็นแน่ เด็กๆ ก็ควรมีสุขอนามัยที่ดีขึ้นเช่นกัน เลือดมนุษย์กลุ่มแรกที่นางจะลิ้มลองสมควรเป็นอาหารเกรดเอ!เด็กๆ ไม่ได้ตอบรับคำแวมไพร์สาวพวกเขามองหน้ากันแล้วจับกลุ่มเป็นวงกลมเหมือนที่เคยทำ“ข้าบอกแล้วให้เก็บกวาดหอหงไถให้สะอาด ไม่อยากนั้นจะไม่มีพวกพี่ชายมาเที่ยวที่นี่” เด็กหญิงในกลุ่มคนหนึ่งส่งเสียงตำหนิกลุ่มเด็กชาย“ก็เมื่อก่อนไม่มีพี่สาวนี่นา ไม่มีพี่สาวก็ไม่มีคนมาที่นี่อยู่แล้ว” เด็กชายตัวเล็กทำหน้าเบี้ยวหาข้ออ้างมากลบเกลื่อนความผิดของพวกตน“พวกเจ้าอย่าโง่ ข้า

    Last Updated : 2025-04-08
  • แวมไพร์พี่เลี้ยงเด็ก   ตอนที่ 8 โกรธไม่ลง

    เจียวจูอดร้องไห้ออกมาไม่ได้ นางเหนื่อยจริงๆ กับหน้าที่รับผิดชอบที่ใหญ่เกินตัวหลายเท่าครั้งนี้ แต่นางไม่สามารถทอดทิ้งน้องๆ ไปได้ ได้ยินคำชมเป็นครั้งแรกในรอบสามปี เด็กหญิงถึงกับโผเข้ามาซุกในอ้อมกอดของฉู่หลิงโหยหาคำปลอบใจจากใครสักคนบ้างแวมไพร์สาวลอบกลืนน้ำลายลงคออย่างยากเย็น นางไม่ได้รู้สึกกระหายเลือดแต่นางกำลังหวั่นไหว!! ความรู้สึกถึงความรักเอื้ออาทรระหว่างคนในครอบครัวที่หลงลืมไปนานย้อนกลับเข้ามาในความทรงจำของนางอีกครั้ง “ไม่ต้องร้อง มีข้าแล้ว ข้าจะสนับสนุนเจ้าทุกอย่าง ข้าจะเป็นมือที่ค้ำฟ้าไม่ให้ถล่มใส่เจ้าและน้องๆ ทุกคนเอง” “พี่สาว..มีที่ใดกันท้องฟ้าถล่มใส่คน” เด็กสาวหัวเราะออกมาได้ในที่สุด แม้ว่าพี่สาวจะสติไม่ค่อยดี แต่นางกลับรู้สึกว่าคำกล่าวเมื่อครู่ช่างน่าฟังเสียเหลือเกิน“เอาล่ะๆ ล้างสะอาดแล้ว ทีนี้เจ้าเล่าเรื่องไปเก็บข้าวข้างกำแพงสิ มันยังไงกัน”“นั่นไงเจ้าคะ พวกเขากลับมานู่นแล้ว” เด็กสาวพยักพเยิดใบหน้าไปในครัว ตามเสียงเอะอะโวยวายของเด็กชายที่หอบถุงผ้าเล็กๆ ไว้ในมือมาคนละถุงด้วยความดีใจเวลาต่อมาฉู่หลิงจึงได้รู้ว่า เป็นเพราะหอหงไถถูกยึดไปเป็นของหลวง บ่อยครั้งนายอำเภอเขตซิ่งอันก

    Last Updated : 2025-04-08
  • แวมไพร์พี่เลี้ยงเด็ก   ตอนที่ 9 จับปลา

    “ต้มผักก็ไม่ยากเลยนี่ พวกเจ้ากินสิ่งนี้กันทุกวันเช่นนั้นหรือ” หญิงสาวจัดการต้มผักป่าในกระทะใบโต ซึ่งมันก็ไม่ได้มีอะไรมากไปกว่าการรอน้ำให้เดือด เทผักลงไปเติมเกลือเล็กน้อยก็เสร็จแล้วกินเพื่ออยู่น่ะพอได้ แต่กินให้เติบโตแข็งแรงผลิตเลือดเกรดเอให้นาง เท่านี้ไม่พอ! แวมไพร์สาวคิดในใจอาหารมื้อแรกในยุคโบราณของฉู่หลิงผ่านไปอย่างรวดเร็ว และก็เป็นอย่างที่นางคิด ดูจากสีหน้าของเด็กๆ และเสียงท้องร้องโครกครากที่ดังแว่วมาบ่อยๆ พวกเขาย่อมไม่อิ่มเจียวจูเองก็เป็นเด็กสาวที่เด็ดขาดพอสมควร ถึงทุกคนจะไม่อิ่มและอ้อนวอนขอข้าวเพิ่ม นางก็ยืนยันจะเก็บข้าวที่แบ่งส่วนเอาไว้ เพราะการมีกินไปทุกวัน ดีกว่าต้องอดในบางวันที่ไม่มีคนมาโยนข้าวสารไว้ให้ ก่อนหน้านี้นางเคยสงสารน้องๆ จึงต้มข้าวทั้งหมดที่มีไปจนหมด ในช่วงฤดูเก็บเกี่ยวชาวบ้านยุ่งอยู่กับการเพาะปลูกในที่ดินของพวกเขา จึงไม่มีเวลามาใส่ใจเด็กในหอหงไถกอปรกับต่างคนต่างก็คิดว่าคงมีคนมาโยนข้าวไว้ให้บ้างแล้ว นางและน้องๆ ต้องอดข้าวไปถึง 6 วัน ได้กินแต่ผักป่าที่เด็กๆ ไม่ชอบกินเพื่อประทังชีวิตไปเท่านั้นต่อมานางจึงรู้ว่าควรจัดการกับเรื่องอาหารอย่างไร และทำให้ทุกๆ คนมีข้าวเ

    Last Updated : 2025-04-08
  • แวมไพร์พี่เลี้ยงเด็ก   ตอนที่ 10 วางแผน

    “ปลาเยอะมากเลย” ตงเหม่ยแทบจะน้ำตาไหล ไม่คิดมาก่อนว่าปลาที่นางเคยมองอยู่เกือบทุกครั้งที่เดินผ่านลำธาร วันนี้นางจะได้กินพวกมันสมใจ“ทีนี้เชื่อข้าหรือยัง ว่ามีข้าอยู่พวกเจ้าจะได้กินอิ่ม” หญิงสาวมองดูปลาที่ดิ้นกระแด่วอยู่เต็มถังไม้สองใบ อดยกยอตัวเองอยู่อีกหลายประโยคไม่ได้ด้วยความภาคภูมิใจ “ข้าเชื่อแล้วเจ้าค่ะพี่สาว” หลิ่วจีรีบวิ่งมากอดแขนหญิงสาวเอาไว้พร้อมกับส่งเสียงออดอ้อนของลูกแมวน้อย“พวกเราก็เชื่อ แต่ว่า..พี่สาวให้พวกเราเล่นน้ำกันอีกสักครู่ได้ไหมขอรับ ไหนๆ พวกเราก็ตัวเปียกกันแล้ว” เว่ยหลงต่อรองทันที พวกเขาและเด็กชายที่เหลือต่างก็ยังคงอิดออดไม่ยอมขึ้นจากน้ำมารวมกลุ่มกับพวกเด็กผู้หญิง“ให้เล่นอีกพักเดียวพอนะ พวกเรายังมีงานต้องกลับไปทำอีกเยอะเลยทีเดียว” แวมไพร์สาวใจอ่อนลงทันทีเมื่อมีอาหารอยู่ในมือ อีกอย่างเด็กๆ ก็ควรได้พักผ่อนหย่อนใจกันบ้างเอ๋..ข้าเป็นคนมีเมตตาเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อใดกัน? หญิงสาวรู้สึกติดขัดอยู่ในใจลึกๆ แต่ก็เลือกโทษว่าคงเป็นเพราะสารเคมีที่ถูกฉีดเข้าไปในร่างกายมีผลกับจิตใจที่เหี้ยมโหดของตน……….เนื่องจากปลาเต็มสองถังมีน้ำหนักมากเกินไป ฉู่หลิงจึงต้องแบ่งปลาออกไปใส่ไว้ในอกเ

    Last Updated : 2025-04-09

Latest chapter

  • แวมไพร์พี่เลี้ยงเด็ก   ตอนที่ 26 ผู้ตรวจการพิเศษ

    “พรุ่งนี้หากพี่สาวจะเชือดกระต่าย ก็ให้เป็นข้า ตงเหม่ย เจียวจ้าน ฝานเจิ้ง อู๋ฉีและอู๋ซินคอยเรียนรู้กับพี่สาวหลิงหลิง พวกเด็กเล็กๆ ไม่ต้องมาดู รอจนมันกลายเป็นก้อนเนื้อเสียก่อนพวกเจ้าต้องอยากกินมันจนน้ำลายไหนแน่”ฉู่หลิงต้องยกนิ้วให้กับเจียวจูอีกครั้งสำหรับความกล้าหาญของนาง การฆ่ากระต่ายที่มีรูปลักษณ์น่ารักน่าเอ็นดูย่อมแตกต่างจากการฆ่าปลาอยู่แล้ว เดิมทีนางก็หวั่นใจอยู่ไม่น้อยว่าจะสอนให้เด็กๆ รู้วิธีการเชือดกระต่ายหรือไม่ นางเป็นแวมไพร์ไม่สามารถเอาความคิดของมนุษย์มาตัดสินเรื่องความโหดเหี้ยมได้เลย นางรู้แค่ว่าต้องดื่มกินและหาอาหารเลี้ยงตัวเท่านั้นแต่เวลานี้เด็กๆ กลับจัดการความคิดของพวกเขาได้ด้วยตนเอง ทำให้หญิงสาวพึงพอใจอยู่ไม่น้อยที่เด็กๆ รู้ว่านี่คือชีวิตจริงที่เขาต้องเผชิญ หญิงสาวค่อยๆ ย่องกลับเข้าไปนอนในห้องตามเดิม ผ่านไปอีกพักใหญ่หลังจากเด็กๆ ร่ำลา 21 ชีวิตในครัวกันแล้ว แสงไฟก็กลับมาส่องสว่างที่กลางห้องโถง ก่อนที่จะมีเสียงฝีเท้าของเด็กหลายคนแยกย้ายกันกลับห้องไป และน่าจะเป็นเจียวจูที่รับหน้าที่ดับไฟในตะเกียงตามเดิม……….ตอนเช้ามืดท่านยายเฉินก็เดินเข้ามาในหอหงไถเพื่อช่วยฉู่หลิงทำซาลาเ

  • แวมไพร์พี่เลี้ยงเด็ก   ตอนที่ 25 ล่าเนื้อ

    “หยิบเสื้อผ้าที่ไม่ได้ใช้เไปเพิ่มด้วยหลิ่วจี เอาไปสัก 10 ตัวก็พอ” ฉู่หลิงนึกขึ้นได้ ตะกร้ากับถังน้ำยังไม่เพียงพอสำหรับการล่าเนื้อในครั้งนี้“บ่ายมากแล้วนะ เข้าป่าไปตอนนี้กว่าจะกลับก็ค่ำมืดกันพอดี เช่นนั้นข้าจะอยู่รอพวกเจ้าเป็นเพื่อนเจียวจูกับตงเหม่ยที่นี่ก่อนก็แล้วกัน” ยายเฉินเสนอตัวเมื่อมองดูพระอาทิตย์ด้านนอก“ท่านยายอยู่ก่อนก็ดีเจ้าค่ะ พวกเราจะรีบกลับมาให้เร็วที่สุด”ฉู่หลิงไม่รอช้าเมื่อได้รับคำเตือนจากท่านยายเฉิน แม้ว่าเรื่องคนร้ายที่ทางการคอยเฝ้าระวังอยู่เงียบไปแล้ว แต่ก็ไม่มีข่าวว่าถูกจับตัวไป นางควรพาเด็กๆ กลับมาให้ถึงหอหงไถก่อนที่จะค่ำ และที่สำคัญนางตื่นเต้น นางจะได้ล่าเนื้อ!!กลุ่มเด็กชายหญิง 17 คนเดินลัดเลาะไปตามเส้นทางประตูด้านหลังหอหงไถ ข้ามลำธารเล็กๆ ไปสู่ชายป่าโดยมีฉู่หลิงเป็นผู้นำกลุ่มด้วยความสามารถในการหาจับสัตว์ที่ติดตัวมาของแวมไพร์สาว นางมองปราดเดียวก็เห็นเนินดินที่เหมาะสมกับการเป็นที่อยู่อาศัยของกระต่ายป่าหญิงสาวให้เด็กทุกคนหยุดยืนรออยู่ห่างๆ ส่วนตนเองก็ลอบสำรวจไปรอบๆ เนินดินสี่กองสูงที่รวมตัวกันอยู่เป็นลักษณะสี่เหลี่ยมผืนผ้า ภายนอกมีโพรงหลายโพรงซึ่งเป็นทางเข้าออกข

  • แวมไพร์พี่เลี้ยงเด็ก   ตอนที่ 24 เนื้อที่ดี

    “ตัวใหญ่จริงๆ ข้าเอาหมดทั้งสามตัวนี่ล่ะ เจ้าคิดราคาอย่างไรเล่า?” เถ้าแก่เนี้ยแซ่เวินไม่ได้ซักไซ้ต่อ นางไม่ได้คิดเอาดีทางด้านการค้าปลา เด็กเหล่านี้จะมีวิธีการอย่างไรนางย่อมไม่บังคับถามความจากเขาก่อนหน้านี้หวังหยวนได้พาเด็กๆ ไปสอบถามราคาปลาจากพ่อค้าคนอื่นบ้างแล้ว ปลาชนิดเดียวกันที่ขายอยู่ในตลาดเป็นปลาตาย คิดราคาตามน้ำหนัก 1 ชั่ง ราคา 8 อีแปะ ขนาดของปลาสามตัวในถังเป็นปลาใหญ่แต่ละตัวน่าจะหนักเกือบ 3 ชั่ง (ราวๆ 1.5 กิโลกรัม) และยังเป็นปลาเป็นซึ่งสดกว่าปลาในตลาดมากนัก ทำให้เจียวจ้านไม่รู้จะขายอย่างไร และเขาก็นับตัวเลขได้เพียงไม่เกินนิ้วมือของตน ทำให้การคิดราคายิ่งยากเข้าไปใหญ่“ท่านป้ามีน้ำใจกับพวกเราในครั้งก่อนข้ายังไม่ลืม ท่านป้าอยากซื้อเท่าใดพวกเราก็จะยินยอมขายให้ขอรับ” “ฮ่าๆๆ ข้าบอกท่านแล้วอย่างไรสามี เด็กพวกนี้เป็นเด็กมีน้ำใจดีจริงๆ” เถ้าแก่เนี้ยเจ้าของร้านลุกขึ้นยืนยกผ้าเช็ดหน้ามาป้องปากแล้วหัวเราะเสียงดังอย่างได้ใจยามนี้เด็กชายสี่คนและหวังหยวนจึงได้เห็นว่ามีบุรุษอยู่ในร้านอีกคนซึ่งกำลังเดินยิ้มออกมา บนร่างกายของบุรุษผู้มาใหม่มีผ้าคาดเอวแบบผ้ากันเปื้อนและในมือก็ยังมีคราบแป้งขาวติด

  • แวมไพร์พี่เลี้ยงเด็ก   ตอนที่ 23 เด็กผู้กล้าหาญ

    ซาลาเปาใกล้จะสุก กลุ่มเด็กชายทั้งหมดก็ตื่นขึ้นมาล้างหน้าขัดฟันเช่นกัน เจียวจ้าน ฝานเจิ้ง อู๋ซินและอู๋ฉี สี่พี่ชายใหญ่ ทำหน้าที่แบกปลา 7 ตัวที่ขังไว้ในถังไม้ตั้งแต่เมื่อวานออกไปเตรียมวางขายหน้าหอหงไถ ตามด้วยน้องชายที่เหลืออีก 8 คนจับคู่กันนำซาลาเปาร้อนๆ 40 ลูกออกไปทีหลัง“มากันเสียที ข้าจะรีบไปขึ้นเกวียนของหวังหยวน หากพวกเจ้ามาช้ากว่านี้ข้าคงต้องหิ้วท้องแห้งไปจนถึงเมืองสือเจียแน่” นางจวงหญิงวัยกลางคนร่างท้วมเจ้าของคำพูดไม่น่าฟังเมื่อวานปรี่เข้ามาหากลุ่มเด็กชายก่อนใคร“แป้งซาลาเปาของเจ้าทำจากอะไรกันนะ เวลาเคี้ยวเข้าไปทั้งหอมทั้งไม่ติดฟัน ถูกใจข้านัก เอามาให้ข้า 4 ลูกก่อนข้าจะรีบไปแล้ว"ตงหยางได้ยินว่าท่านป้าตรงหน้าจะซื้อซาลาเปาคราวเดียวถึง 4 ลูกเขาก็เลิ่กลั่กทำอะไรไม่ถูก เมื่อวานขายซาลาเปาลูกสองลูกก็ยัดใส่มือคนผู้นั้นไปเสียก็จบ แต่ซาลาเปา 4 ลูกเขาไม่ได้เตรียมอะไรมาห่อให้ลูกค้า “ท่านป้าขอรับ ท่านจะถือไปหมดทั้งสี่ลูกเลยได้หรือไม่ขอรับ” เด็กชายมีสีหน้าลำบากใจ กลัวว่าอีกฝ่ายจะถือไม่หมดแล้วเปลี่ยนใจเป็นซื้อเพียงแค่สองลูกแทน“ไม่มีอะไรใส่ใช่หรือไม่ เอาอย่างนี้ เดี๋ยวข้าจะยืนกินตรงนี้เสียเลยส

  • แวมไพร์พี่เลี้ยงเด็ก   ตอนที่ 22 ขายซาลาเปา

    “โอ..เกิดอะไรขึ้นกันเล่านี่ พวกเจ้าได้ปลามาเยอะหรือไรถึงพากันออกมาข้างนอกกันหลายคนเช่นนี้” ฉีฟ่งคนเดิมส่งเสียงร้องทักเมื่อเห็นกลุ่มเด็กชายเดินแถวหิ้วตะกร้าออกมาหน้าประตูแต่เช้าตรู่“ท่านลุง วันนี้พวกเราไม่มีปลามาขาย แต่เราขายซาลาเปาขอรับ” เว่ยหลงเคยพบกับนายทหารกลุ่มนี้เมื่อครั้งที่ติดตามเจียวจ้านออกมาขายปลา เขาจึงวิ่งเข้าไปหากลุ่มลูกค้าเก่าที่ช่วยอุดหนุนซื้อปลาไปทุกครั้งที่พวกตนเอาออกมาขาย“หน้าตาดีนี่ สีก็แปลกตาด้วย ดูท่าจะใช้ได้นะ” นายทหารพากันล้อมวงมาดูซาลาเปาในตะกร้าของเว่ยหลงกับตงหยางที่จับคู่กันออกมาขาย“ข้าจะซื้อชิมดูก่อนแล้วกัน เจ้าขายลูกละเท่าไรเล่า” “นี่เป็นไส้ถั่วเขียวขอรับ ลูกละสี่อีแปะ พวกเรามีไส้ถั่วเขียวอย่างเดียวเลย อีกไม่นานถึงจะทำไส้อื่นออกมาขายเพิ่มขอรับ” ตงหยางเป็นฝ่ายตอบบ้างนายทหารห้าคนควักเงินคนละสี่อีแปะออกมาซื้อคนละหนึ่งลูกโดยไม่ลังเล ใช่ว่าพวกตนไม่เคยโยนข้าวสารเข้าไปในกำแพงหอหงไถเสียเมื่อใด คราวนี้เด็กๆ เริ่มหัดค้าขายกันเอง สมควรแล้วที่จะส่งเสริมเห็นน้องเล็กสุดในกลุ่มขายซาลาเปาได้แล้ว กลุ่มเด็กชายที่เหลือก็ตื่นเต้นกันใหญ่ พวกเขารีบเดินออกห่างจากเว่ยหลง เพื่

  • แวมไพร์พี่เลี้ยงเด็ก   ตอนที่ 21 ของดี

    “ข้าก็ทำของข้าได้เท่านี้ ท่านทำได้ดีกว่านี้ก็ไปทำเองเสียสิ!”“ชิชะ! นังหนู! เจ้ากลับไปกวนไส้เอาไว้เลย พรุ่งนี้ยามอิ๋น (03.00-04.59) ข้าจะไปทำแป้งแล้วจะอยู่นึ่งซาลาเปาให้จนเสร็จ ยามเหม่า (05.00-06.59) ให้เด็กๆ เอาออกไปขายได้เลยก็แล้วกัน!” หญิงชราชี้หน้าหญิงสาวที่ทำท่าแง่งอนใส่ตน“ตกลงเจ้าค่ะ! ข้ากลับแล้ว อีกเดี๋ยวจะให้เจียวจ้านเอาตะเกียงมาทิ้งไว้ให้ท่าน ตอนกลางคืนจะได้เดินไปได้สะดวก หรือท่านจะให้พวกเขามารับ” “ไม่ต้อง! มีตะเกียงแล้วข้าย่อมเดินไปเองได้” “เช่นนั้นก็เอาตามท่านว่า ข้าลาล่ะ!" หญิงสาวเดินฉับๆ เร่งฝีเท้าจากไปอย่างรวดเร็ว แม้แต่ซาลาเปาที่เหลืออยู่ในจานอีกสี่ลูกก็ไม่ทิ้งไว้ให้ยายเฉินดูต่างหน้า หากแต่ใบหน้างามปรากฏรอยยิ้มกว้างแอบขอโทษหญิงชราอยู่ในใจนางเฉินหอบหายใจถี่ด้วยความโมโห กอปรกับเมื่อครู่นางตะเบ็งเสียงแข่งกับฉู่หลิงอยู่นานสองนาน ครู่หนึ่งร่างเล็กก็ทรุดนั่งลงบนแคร่ไม้หน้าเรือน “เหมือนจะมีอะไรบางอย่างไม่ถูกต้องอยู่หรือเปล่านะ" ท่านยายเฉินขมวดคิ้วมุ่นจนหัวคิ้วพันเป็นเส้นเดียวกัน“นางหญิงบ้า! หลอกข้าอีกแล้ว!” แม้จะทำท่าตีอกชกตัวคล้ายว่ากำลังโมโหอย่างหนัก แต่มุมปากของผู้ชรา

  • แวมไพร์พี่เลี้ยงเด็ก   ตอนที่ 21 ของดี

    “ข้าก็ทำของข้าได้เท่านี้ ท่านทำได้ดีกว่านี้ก็ไปทำเองเสียสิ!”“ชิชะ! นังหนู! เจ้ากลับไปกวนไส้เอาไว้เลย พรุ่งนี้ยามอิ๋น (03.00-04.59) ข้าจะไปทำแป้งแล้วจะอยู่นึ่งซาลาเปาให้จนเสร็จ ยามเหม่า (05.00-06.59) ให้เด็กๆ เอาออกไปขายได้เลยก็แล้วกัน!” หญิงชราชี้หน้าหญิงสาวที่ทำท่าแง่งอนใส่ตน“ตกลงเจ้าค่ะ! ข้ากลับแล้ว อีกเดี๋ยวจะให้เจียวจ้านเอาตะเกียงมาทิ้งไว้ให้ท่าน ตอนกลางคืนจะได้เดินไปได้สะดวก หรือท่านจะให้พวกเขามารับ” “ไม่ต้อง! มีตะเกียงแล้วข้าย่อมเดินไปเองได้” “เช่นนั้นก็เอาตามท่านว่า ข้าลาล่ะ!" หญิงสาวเดินฉับๆ เร่งฝีเท้าจากไปอย่างรวดเร็ว แม้แต่ซาลาเปาที่เหลืออยู่ในจานอีกสี่ลูกก็ไม่ทิ้งไว้ให้ยายเฉินดูต่างหน้า หากแต่ใบหน้างามปรากฏรอยยิ้มกว้างแอบขอโทษหญิงชราอยู่ในใจนางเฉินหอบหายใจถี่ด้วยความโมโห กอปรกับเมื่อครู่นางตะเบ็งเสียงแข่งกับฉู่หลิงอยู่นานสองนาน ครู่หนึ่งร่างเล็กก็ทรุดนั่งลงบนแคร่ไม้หน้าเรือน “เหมือนจะมีอะไรบางอย่างไม่ถูกต้องอยู่หรือเปล่านะ" ท่านยายเฉินขมวดคิ้วมุ่นจนหัวคิ้วพันเป็นเส้นเดียวกัน“นางหญิงบ้า! หลอกข้าอีกแล้ว!” แม้จะทำท่าตีอกชกตัวคล้ายว่ากำลังโมโหอย่างหนัก แต่มุมปากของผู้ชรา

  • แวมไพร์พี่เลี้ยงเด็ก   ตอนที่ 20 นี่เรียกว่า?

    เด็กชายสี่คนสลับกันเล่าเหตุการณ์ความคึกคักของเมืองสือเจีย ให้กับเด็กคนอื่น ๆ รวมทั้งฉู่หลิงฟัง พร้อมทั้งแจกจ่ายลูกอมน้ำตาลปั้นให้ทุกคนคนละหนึ่งเม็ดฉู่หลิงเองก็รับเอาน้ำตาลปั้นมาอมไว้ในปากเช่นกัน นางไม่ได้กินขนมหวานเช่นนี้มานานมากแล้ว มีเพียงนางเฉินที่ปฏิเสธ แต่นั่นก็ทำให้เจียวจ้านแอบโล่งใจ เพราะตนลืมนึกไปว่าท่านยายเฉินก็มาอยู่ที่หอหงไถเป็นประจำแล้วเช่นกัน หากนางอยากกินตนก็คงต้องแบ่งให้หญิงชรา“หอหงไถของเราว่าใหญ่แล้ว แต่มันดูธรรมดามากเลยเมื่อเทียบกับอาคารและสิ่งก่อสร้างในเมืองสือเจีย บ้านเรือนของพวกเขาก็แข็งแรงแน่นหนา ไม่ได้ทรุดโทรมเหมือนบ้านเรือนชาวบ้านที่อยู่นอกเมือง” ฝานเจิ้งบรรยายออกมาเป็นฉากๆ“ผู้คนที่ข้างนอกก็ใจดีด้วยนะ พี่ชายทหารข้างนอกก็ไม่ได้ดุเสียหน่อย พวกเขาคุยกับพวกเราตั้งหลายประโยคและยังให้เราผ่านเข้าเมืองโดยไม่คิดเงินอีกด้วย” อู่ซินชอบพี่ชายทหารเป็นที่สุด“ในเมืองมีผู้คนพลุกพล่าน พวกเขาหลายคนแต่งกายด้วยเสื้อผ้างดงาม ข้าดูออกเลยว่าคนไหนมาจากนอกเมืองคนไหนอาศัยอยู่ในเมือง พวกเขามีมากจนแทบจะเดินชนกันเลยด้วยซ้ำ!” ฟังถึงตรงนี้ดวงตาของแวมไพร์สาวฉู่หลิงก็เคลิ้มฝันไปถึงไหนต่อไห

  • แวมไพร์พี่เลี้ยงเด็ก   ตอนที่ 19 คุณธรรม

    “พวกเจ้ามาจากหอหงไถเช่นนั้นหรือ?” สตรีเจ้าของร้านเริ่มสนใจเด็กๆ ขึ้นมาบ้าง ในมือนางหยิบเค้กถั่วแดงใส่ลงไปในกล่องเรียบร้อยแล้ว เมื่อเห็นหวังหยวนปฏิเสธนางก็รีบชักมือที่กำลังจะส่งให้เจียวจ้านกลับมา รู้สึกเห็นด้วยกับหวังหยวน“ขอรับ พวกเราหาปลามาขายได้รายได้มานิดหน่อยก็เลยเข้าเมืองมาหาซื้อของใช้ที่จำเป็นขอรับ” “เอาอย่างนี้สิ ที่ร้านข้ายังมีขนมอีกตั้งหลายอย่าง หรือไม่อย่างนั้นเจ้าก็เลือกลูกอมนี่ไป 5 เม็ด 2 อีแปะ อย่างนี้จะได้แบ่งกันได้หลายคน” หญิงเจ้าของร้านรีบเสนอขายสินค้าอย่างอื่น นางไม่รู้ว่าเด็กในหอหงไถมีจำนวนกี่คนกันแน่ แต่ย่อมไม่น้อยกว่าสิบคนฝานเจิ้ง อู๋ฉีและอู๋ซิน ต่างก็พากันมองไปที่ลูกอมน้ำตาลปั้นด้วยความอยากกิน รอฟังการตัดสินใจจากเจียวจ้านที่เป็นพี่ใหญ่ในกลุ่มเด็กชาย“ท่านอาหวังเค้กถั่วแดงนั้นข้าตั้งใจซื้อให้ท่านจากใจจริง แล้วข้าจะเอาลูกอมอีก 10 เม็ดขอรับ” สามเด็กชายได้ฟังก็รู้สึกเสียใจเล็กน้อย พวกเขามีกัน 19 คน หากเจียวจ้านซื้อไปเพียงสิบเม็ด ย่อมต้องให้น้องที่อายุน้อยกว่าได้กินก่อน พวกตนเป็นกลุ่มรุ่นพี่คงอดแน่แล้ว แต่เงินแปดอีแปะเด็กชายก็พอจะนับตัวเลขได้ว่ามันซื้อได้เพียงเท่านั

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status