Home / รักโบราณ / แวมไพร์พี่เลี้ยงเด็ก / ตอนที่ 4 แวมไพร์มังสวิรัติ

Share

ตอนที่ 4 แวมไพร์มังสวิรัติ

Author: บ.บี
last update Last Updated: 2025-04-07 20:08:12

“ข้าฉู่หลิง ข้าจำไม่ได้หรอกว่าเมื่อก่อนข้าอยู่ที่ไหน รู้เพียงข้าไม่มีญาติพี่น้องเดินทางเร่ร่อนไปเรื่อย ในกลุ่มพวกเจ้าหากไม่มีผู้ใดคัดค้านข้าก็เต็มใจจะไปอยู่ที่หอหงไถและจะช่วยพวกเจ้าทำงานหาอาหารอีกด้วย ตกลงหรือไม่” 

เห็นอีกฝ่ายมีชื่อซ้ำยังเริ่มจะพูดจารู้เรื่อง เด็กหลายคนสีหน้ายิ่งเบิกบานใจกว่าเดิม ในที่สุดหอหงไถก็จะมีพี่สาว ต่อไปก็จะมีบุรุษมาจับจ่ายใช้เงินที่หอ พวกเขาก็จะมีอาหารและรางวัลให้อิ่มท้องแล้วใช่หรือไม่!

“ตกลงเจ้าค่ะพี่สาวหลิงหลิง” เจียวจูเขกศีรษะเด็กรุ่นน้องหลายคนเบาๆ ไม่ได้อธิบายว่าพี่สาวฉู่หลิงจะไม่ได้ทำงานอย่างที่พวกเขาเข้าใจ และนางก็ไม่รู้จะอธิบายอย่างไรเช่นกันเพราะน้องๆ ในหอหงไถหลายคนไม่ได้รู้จักคำว่าหญิงคณิกาด้วยซ้ำ พวกเขารู้เพียงว่าพี่สาวเหล่านั้นหาเงินเก่งและงดงาม

“เช่นนั้นเราก็ไปที่หอหงไถกันได้แล้วสินะ” ฉู่หลิงรีบลุกขึ้นปัดฝุ่นดินออกจากเสื้อคลุมที่สวมอยู่เดินออกมาหาเด็กๆ

“ยังไปเวลานี้ไม่ได้เจ้าค่ะ พวกเราต้องเก็บผักป่ากลับไปทำอาหารด้วย อีกอย่าง..เจียวจ้าน เจ้าวิ่งกลับไปที่หอหงไถสักรอบเถิด ค้นหาเสื้อผ้าที่พี่สาวหลิงหลิงใส่ได้มาสักชุดหนึ่ง” 

อยู่ในอุโมงค์มืดก็ยังพอทำเนา พอออกมายืนกลางแจ้ง ชุดสีขาวบางเบาของฉู่หลิงก็น่าขายหน้าอยู่ไม่น้อย แต่เด็กเหล่านี้อยู่กับนางคณิกาสวมเสื้อผ้าน้อยชิ้นจนชินตาจึงไม่รู้สึกอะไร

เจียวจูพี่สาวใหญ่สุดในหอหงไถพยายามอย่างยิ่งที่จะสั่งสอนน้องๆ ในสิ่งที่ถูกที่ควร แต่นางก็ยังเป็นเพียงเด็กหญิงอายุ 12 ความรู้แค่หางอึ่ง ไหนจะต้องดูแลน้องๆ ฝูงใหญ่ หลายเรื่องจึงไม่ได้สั่งสอนเด็กๆ ได้ดีนัก 

เด็กสาวลอบถอนหายใจออกมาเบาๆ ความหวังว่าจะมีฉู่หลิงมาช่วยอีกแรงดูแล้วก็ยังมืดมน เพราะพี่สาวเองยังไม่รู้สึกเขินอายกับเสื้อผ้าบางเบาชิ้นนั้นเลยสักนิด

ฉู่หลิงใช่ว่าจะไม่รู้ว่าเจียวจูคิดอะไร แต่หากเทียบกับยุคสมัยที่นางจากมาเสื้อคลุมตัวยาวชิ้นนี้ก็ไม่ได้สร้างความอับอายอะไรมากนักให้กับผู้สวมใส่ แต่เมื่อนึกถึงยุคสมัยและขนบธรรมเนียมหญิงสาวก็พร้อมจะปรับเปลี่ยน ไม่อย่างนั้นนางคงเอาตัวรอดได้ยากเช่นกัน

“หลิ่วจี เจ้านั่งอยู่เป็นเพื่อนพี่หลิงหลิงของเจ้าก่อน พวกเราที่เหลือรีบไปหาผักป่ากันก่อนเร็วเข้า” เจียวจูออกคำสั่งกับเด็กที่เหลืออีกแปดคน

ผ่านไปพักใหญ่ เจียวจ้านก็ยิ่งกระหืดกระหอบกลับมาพร้อมกับเสื้อผ้าชุดสีน้ำเงินเทาดูหรูหรากรุยกรายชุดหนึ่ง 

“ชุดนี้เป็นของพี่สาวเจียวจิน นางยังไม่เคยสวมใส่เลยขอรับ ข้าเลือกมาให้พี่หลิงหลิงโดยเฉพาะเลยนะ” เจียวจ้านส่งชุดสีน้ำเงินรวมทั้งชุดตัวในและรองเท้าซึ่งเคยเป็นของเจียวจินให้ฉู่หลิง

เจียวจ้านรู้จากคำหยอกล้อของพี่สาวหลายคนในหอหงไถว่าเจียวจินคือมารดาของตนและเจียวจู แต่เจียวจินกลับไม่ยอมให้พวกตนเรียกว่าท่านแม่ อนุญาตให้เรียกว่าพี่สาวเจียวจินเท่านั้น แม้มารดาจะไม่ยอมรับแต่ก็ยังดูแลเจียวจูและเจียวจ้านเป็นพิเศษกว่าเด็กคนอื่น ๆ เขาจึงรู้จักสิ่งของส่วนตัวของเจียวจินทุกชิ้น

ฉู่หลิงเดินกลับเข้าไปหลังเถาวัลย์เปลี่ยนมาสวมใส่เสื้อผ้าที่ดูแตกต่างจากชุดที่เด็กๆ สวมใส่อยู่ลิบลับ ดูแล้วเสื้อผ้าของนางคณิกาในหอหงไถที่มีสีสันฉูดฉาดพวกนางคงจะทิ้งเอาไว้ทั้งหมดแล้วจากไปด้วยเสื้อผ้าธรรมดาเพื่อชุบตัวเป็นหญิงชาวบ้านเสียมากกว่า

“เสร็จแล้ว ข้างามหรือไม่” หญิงสาวเดินออมาหมุนกายรอบหนึ่งโบกมือให้เจียวจ้านและหลิ่วจีตามแบบฉบับนางงาม

“งามเจ้าค่ะ ท่านต้องได้เป็นดาวประจำหอแน่ๆ เลยพี่สาวหลิงๆ เมื่อก่อนพี่สาวเจียวจินก็เป็นดาว นางมีเงินมากเลยนะเจ้าคะ” หลิ่วจีตบมือรัวสีหน้าเบิกบาน แม้แต่น้ำเสียงที่เคยเป็นแมวป่วยก็กลับกลายเป็นแมวน้อยออดอ้อนซุกซนขึ้นมาทันที

แม้จะรู้สึกกระอักกระอ่วนกับคำว่าดาวประจำหอของเด็กหญิงอยู่บ้างแต่หญิงสาวก็ไม่มีชุดอื่นให้เปลี่ยนแล้ว

“จริงสิข้าถามอีกนิด ข้าได้ยินเพียงเจ้าเรียกชื่อกันแล้วพวกเจ้าใช้แซ่อะไรเล่า” หญิงสาวเข้าใจดีว่าเด็กๆ เกิดจากนางคณิกา แต่ก็คิดว่าอย่างน้อยแม่เล้าเจ้าของหอคงจะไม่ใจดำถึงขนาดไม่มอบแซ่ให้พวกเขากระมัง

“พวกเราไม่มีแซ่นำหน้าชื่อหรอกขอรับ เรียกแค่ชื่อก็พอแล้ว” เจียวจ้านตอบสีหน้าเรียบเฉย ไม่ได้รู้สึกอะไรกับการที่ตนไม่มีบิดามารดา

อาจเป็นเพราะฤทธิ์ยา ทำให้หัวใจของแวมไพร์สาวกระตุกวูบด้วยความรู้สึกเวทนาสงสารมาครู่หนึ่ง นางสะบัดหน้าไล่ความคิดอ่อนไหวของตนเองออกไปอย่างรวดเร็ว

“ไปช่วยคนอื่น ๆ เก็บผักป่าก่อนก็แล้วกัน ข้าอยากกลับไปเห็นบ้านใหม่ของข้าเต็มทนแล้ว”

เจียวจูยืนตาค้างน้ำตารื้นคิดถึงเจียวจินขึ้นมาครู่หนึ่งเมื่อเห็นฉู่หลิงสวมใส่ชุดของผู้เป็นมารดาตลอดกาลของนางเดินเข้ามาใกล้ 

ฉู่หลิงไม่ได้ล่วงรู้ถึงต้นสายปลายเหตุของการตกตะลึงของเด็กสาวแต่อย่างใด แต่เมื่อเห็นว่านางกลับมาทำสีหน้าเรียบเฉย ออกคำสั่งให้น้องๆ รวบรวมผักป่าและเห็ดมาใส่ที่ตะกร้าที่อยู่บนแผ่นหลังของตน นางก็พอจะดูออกว่าเจียวจูเป็นเด็กที่มีความรับผิดชอบกับน้องๆ สูงมาก

“เก็บกันเสร็จแล้วหรือ ข้ากำลังจะมาช่วยอยู่เลย”

“ยังหรอกเจ้าค่ะ ต้องให้ได้เท่านี้อีกสักตะกร้าหนึ่งถึงจะพอ” เจียวจูตอบ

“พวกเจ้าเก็บผักป่ามากมายถึงเพียงนี้แล้วกินเข้าไปหมดหรือไร!” ฉู่หลิงมองตะกร้าสานที่เจียวจูแบกอยู่บนหลัง ขนาดของมันก็ไม่น้อย หากเทียบกับร่างกายที่ผ่ายผอมของเด็กทั้งสิบคนแล้วดูเหมือนมันจะไม่ค่อยสอดคล้องกันเท่าใดนัก

“พี่สาวพวกเราไม่ได้มีกันแค่สิบคน อีกอย่างผักป่าเหล่านี้หากไม่รีบเก็บวันต่อไปก็อาจมีชาวบ้านมาเก็บไปก่อน หาได้มากเท่าใดเราก็จะมีกินหลายวันมากขึ้นเท่านั้นเจ้าค่ะ”

“เข้าใจแล้ว เอาล่ะข้าจะช่วยเอง” ฉู่หลิงดึงสายสะพายคล้องตะกร้าออกจากหลังของเจียวจูมาแบกเอาไว้แทน ถึงนางจะไม่มีพละกำลังมากมาย แต่ก็ยังแข็งแรงกว่าเจียวจูมากนัก

“พี่หลิงหลิง..” เด็กสาวใจอ่อนยวบ ต่อให้เป็นเจียวจินที่เคยเอาใจใส่นางและเจียวจ้านมากกว่าเด็กคนอื่น แต่ก็ไม่เคยเลยที่นางจะรับงานหนักไปทำแทนเช่นฉู่หลิง ทำให้เจียวจูถึงกับน้ำตาคลอ

“เจ้าอย่ามัวพิรี้พิไร สิ่งที่ข้าต้องการก็มีเพียงให้พวกเจ้าเติบโตแข็งแรงสมบูรณ์เท่านั้นล่ะ ข้าไม่ได้เป็นคนใจดีหรอกนะ” หญิงสาวรีบตัดบท รู้สึกว่ายารักษาที่อยู่ในร่างกายตนช่างพิเศษนัก มันสามารถเปลี่ยนแปลงไปได้แม้กระทั่งจิตใจ เมื่อครู่นางรู้สึกเห็นอกเห็นใจเด็กมนุษย์กลุ่มนี้ขึ้นมาเชียวนะ!!

พอมีฉู่หลิงเข้ามาช่วยอีกแรง เด็กๆ ก็คล้ายว่าจะมีกำลังมากกว่าเดิม พวกเขาผลัดกันมาสอนฉู่หลิงให้รู้จักผักป่าที่สามารถเก็บไปกินได้หลายชนิด เพราะหญิงสาวไม่รู้จักพวกมันเลยแม้แต่น้อย มีผักบางอย่างที่นางเคยเห็น แต่ที่นี่เด็กๆ ก็เรียกเหมารวมผักทุกอย่างว่าเป็นผักป่าทั้งหมด

เก็บผักป่าในพื้นที่ใกล้เคียงได้มากพอสมควร เจียวจูจึงยังคงเป็นผู้นำออกคำสั่งให้น้องๆ พากันเดินกลับหอหงไถได้ ท่ามกลางความดีใจของทุกคนที่วันนี้จะมีพี่สาวหลิงหลิงเข้ามานอนอยู่ในหอเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งคน

เดินทางมาถึงลำธารเล็กๆ สายหนึ่งสุดเขตชายป่าซึ่งไม่ไกลมากนัก เจียวจ้านก็อาสามาช่วยพยุงร่างของฉู่หลิงเอาไว้โดยยื่นมือเล็กๆ ของเขาไปให้พี่สาวเกาะกุม

“พี่หลิงหลิง ลำธารข้างหน้าไม่ลึกเท่าไร แต่หากท่านไม่อยากให้รองเท้าเปียก ท่านต้องก้าวเหยียบหินตามข้านะขอรับ” 

ฉู่หลิงเห็นเด็กชายอีกสองคนในกลุ่ม ก็ยื่นมือออกไปให้เด็กผู้หญิงอีกสองคนจับและพาพวกนางเดินข้ามลำธารบนก้อนหินไปล่วงหน้าเช่นกัน

นางหันมามองมือที่ยื่นค้างเอาไว้ของเด็กชาย ความรู้สึกไม่คุ้นชินกับความอบอุ่นสายหนึ่งวาบผ่านเข้าสู่จิตใจหญิงสาว แต่นางก็เลือกไม่ยื่นมือออกไปหาเจียวจ้าน

“เจ้าเดินนำไป ข้าจะเดินตามเองไม่ต้องช่วยข้า” หญิงสาวปฏิเสธเสียงแข็งทำให้เจียวจ้านหน้าเจื่อนไปเล็กน้อย แต่ก็ยินยอมเป็นผู้นำทางที่ดีและยังคอยระวังไม่ให้พี่สาวคนงามต้องเกิดอันตรายอีกด้วย

ฉู่หลิงก้าวขาเหยียบก้อนหินทีละก้อนเพื่อข้ามลำธาร นางมั่นใจในความสามารถด้านการทรงตัวของตนอยู่ไม่น้อย แต่ก่อนนางสามารถกระโดดข้ามกำแพงหรือต้นไม้ไปจับนกกินได้สบายๆ เลยด้วยซ้ำ

“ที่นี่มีปลาตั้งมากมาย พวกเราหยุดจับปลากันก่อนดีหรือไม่” ฉู่หลิงมองไปรอบตัวเห็นมีฝูงปลาตัวเล็กตัวใหญ่แหวกว่ายอยู่ในลำธารไม่น้อยเลยทีเดียว หากเป็นในโลกก่อนนางคงจะคว้ามาฉีกเนื้อ แล้วปล่อยให้เลือดปลาไหลลงคอเป็นภาพที่งดงามเหลือเกินในความคิดหญิงสาว

ที่สำคัญนางเป็นแวมไพร์นะ จะให้กินแต่ผักได้อย่างไรกัน มีอย่างที่ไหนแวมไพร์กินมังสวิรัติ!!

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Related chapters

  • แวมไพร์พี่เลี้ยงเด็ก   ตอนที่ 5 หมดกัน

    “ปลามันว่ายเร็วเกินไป พวกเราจับไม่ได้หรอกพี่สาว” เจียวจ้านตอบพลางกลืนน้ำลาย ใช่ว่าตนไม่อยากกิน แต่กินไม่ได้ต่างหาก“เหอะ!!” ฉู่หลิงสบถในลำคอ ส่งสายตาเหยียดหยามให้เด็กๆ คราวหนึ่ง แล้วรีบเดินข้ามลำธารสายเล็กไปยังอีกฝั่ง จัดการปลดตะกร้าบนหลังวางไว้กับพื้น“เดี๋ยวพวกเจ้าคอยดู” หญิงสาวก้าวอาดๆ ไปริมลำธาร เลือกถอดรองเท้าผ้าปักลายสีสันสดใสวางไว้บนที่แห้ง แล้วยกชุดกระโปรงขึ้นสูงเดินลุยน้ำไปด้วยความมั่นอกมั่นใจ ท่ามกลางการลุ้นระทึกของเด็กทุกคนฉู่หลิงใช้สายตาอันเฉียบคมของตนมองหาเป้าหมายได้ตัวหนึ่ง นางใช้มือเปล่าเพียงข้างเดียวคว้าหมับลงไปใต้น้ำ!“ห๊ะ!!” หญิงสาวแตกตื่นจนถึงขีดสุด นางไม่เคยพลาดเป้าเลยสักครั้งนี่นา! ใบหน้างามหันมามองใบหน้าเหยเกของเด็กๆ แล้วก็อดหน้าแดงด้วยความอับอายไม่ได้ ปลาตัวใหญ่สองตัวแหวกว่ายมาตอดนิ้วเท้าของหญิงสาวคล้ายเป็นการเย้ยหยัน ทำให้หญิงสาวโมโหสุดขีดยกขาข้างหนึ่งกระทืบลงไปใต้น้ำที่สูงเพียงเข่าอย่างแรง“ซ่า!” “ว้าก!”“ตูม!”“เพ่ย!” เด็กสิบคนตัดสินใจนั่งลงกับพื้นดิน นั่งชมภาพการต่อสู้ระหว่างพี่สาวคนงามกับฝูงปลาที่พากันแหวกว่ายมาท้าทายหญิงสาวอย่างไม่กลัวเกรงด้วยความสนุกส

    Last Updated : 2025-04-07
  • แวมไพร์พี่เลี้ยงเด็ก   ตอนที่ 6 หลิ่วจี

    “หลิ่วจี..เจ้าเอามีดมาเสียบอกข้าไปเสียเลยดีกว่ามาเตือนให้ข้าต้องปวดใจเช่นนี้นะ” หญิงสาวร่ำร้อง รู้สึกเจ็บจี๊ดเข้าไปถึงขั้วหัวใจอย่างสุดซึ้ง“อ๊ะ!!” ทันทีที่เงยหน้าขึ้นมาคุยกับหลิ่วจี หญิงสาวก็ตกใจกับภาพตรงหน้าจนร่างสั่นสะท้านไปทั้งร่างก้อนเลือดสีแดงสดใสอีก 9 ก้อน!! ทีแรกนางมีก้อนเลือด 10 ก้อนเดินรายล้อมอยู่รอบกายก็สุขใจเหลือเกินแล้ว ไม่อยากจะเชื่อว่าภายในหอหงไถนี้ยังมีลาภปากเพิ่มขึ้นมาอีกถึง 9 ก้อนเลยทีเดียว!“พ..พ..พวกเจ้า อาศัยอยู่ที่นี่กันทั้งหมดเลยหรือ” หญิงสาวยื่นมืออันสั่นเทาของตนเองออกไปลูบคลำศีรษะของเด็กหน้าใหม่อีก 9 คนที่เพิ่งได้พบหน้า“ใช่แล้วเจ้าค่ะ/ขอรับ พี่สาว!!” เด็กชายหญิงเก้าคนเองก็ดีใจไม่น้อยที่เห็นมีหญิงสาวที่เป็นผู้ใหญ่แล้วเข้ามาเยี่ยมเยียนพวกตนในหอหงไถ พวกเขาเต็มใจลืมภาพเหตุการณ์ประหลาดเมื่อครู่กับทำเป็นมองไม่เห็นเศษใบไม้และฝุ่นดินที่เกาะเต็มอยู่ทั่วร่างของพี่สาวผู้มาใหม่ฉู่หลิงดีใจจนเนื้อเต้น แก้มสั่นระริกด้วยความมันเขี้ยว ได้แต่ร่ำร้องหลั่งน้ำตาออกมาด้วยความดีใจ มนุษย์! มนุษย์ตัวเป็นๆ ตั้งแต่ถูกกัดตอนอายุ 12 บัดนี้นางอายุ 19 ปีแล้ว 7 ปีที่ผ่านมาในโลกก่อนมีโอกาส

    Last Updated : 2025-04-07
  • แวมไพร์พี่เลี้ยงเด็ก   ตอนที่ 7 แจคพอตกองโต

    พอแยกเป็นกลุ่มหญิงชายฉู่หลิงก็นับเด็กหญิงได้ทั้งหมด 7 คน ส่วนอีก 12 คนล้วนเป็นเด็กชายทั้งหมด ฝ่ายเด็กหญิงมีเจียวจูอายุ 12 ปีเป็นหัวหน้ากลุ่ม ด้านเด็กชายก็มีเจียวจ้านอายุ 10 ปีเป็นหัวหน้ากลุ่ม ด้วยจำนวนเด็กชายที่มีมากกว่าและอยู่ในวัยซุกซนโดยไม่มีผู้ใหญ่ควบคุม นางก็ไม่แปลกใจสำหรับพลังทำลายล้างอันเกินต้านของพวกเขาแล้ว“จากนี้ข้าจะขอเข้ามาอาศัยอยู่ในหอหงไถร่วมกับพวกเจ้า และแน่นอนว่าจะมีการจัดระเบียบสถานที่และอีกหลายๆ อย่าง ข้าอยากขอให้พวกเจ้าช่วยข้าด้วยได้หรือไม่” ในเมื่อนางต้องอยู่ที่นี่ไปอีกสามปี นางจะไม่ทนนอนอยู่กับขยะกองใหญ่เช่นนี้เป็นแน่ เด็กๆ ก็ควรมีสุขอนามัยที่ดีขึ้นเช่นกัน เลือดมนุษย์กลุ่มแรกที่นางจะลิ้มลองสมควรเป็นอาหารเกรดเอ!เด็กๆ ไม่ได้ตอบรับคำแวมไพร์สาวพวกเขามองหน้ากันแล้วจับกลุ่มเป็นวงกลมเหมือนที่เคยทำ“ข้าบอกแล้วให้เก็บกวาดหอหงไถให้สะอาด ไม่อยากนั้นจะไม่มีพวกพี่ชายมาเที่ยวที่นี่” เด็กหญิงในกลุ่มคนหนึ่งส่งเสียงตำหนิกลุ่มเด็กชาย“ก็เมื่อก่อนไม่มีพี่สาวนี่นา ไม่มีพี่สาวก็ไม่มีคนมาที่นี่อยู่แล้ว” เด็กชายตัวเล็กทำหน้าเบี้ยวหาข้ออ้างมากลบเกลื่อนความผิดของพวกตน“พวกเจ้าอย่าโง่ ข้า

    Last Updated : 2025-04-08
  • แวมไพร์พี่เลี้ยงเด็ก   ตอนที่ 8 โกรธไม่ลง

    เจียวจูอดร้องไห้ออกมาไม่ได้ นางเหนื่อยจริงๆ กับหน้าที่รับผิดชอบที่ใหญ่เกินตัวหลายเท่าครั้งนี้ แต่นางไม่สามารถทอดทิ้งน้องๆ ไปได้ ได้ยินคำชมเป็นครั้งแรกในรอบสามปี เด็กหญิงถึงกับโผเข้ามาซุกในอ้อมกอดของฉู่หลิงโหยหาคำปลอบใจจากใครสักคนบ้างแวมไพร์สาวลอบกลืนน้ำลายลงคออย่างยากเย็น นางไม่ได้รู้สึกกระหายเลือดแต่นางกำลังหวั่นไหว!! ความรู้สึกถึงความรักเอื้ออาทรระหว่างคนในครอบครัวที่หลงลืมไปนานย้อนกลับเข้ามาในความทรงจำของนางอีกครั้ง “ไม่ต้องร้อง มีข้าแล้ว ข้าจะสนับสนุนเจ้าทุกอย่าง ข้าจะเป็นมือที่ค้ำฟ้าไม่ให้ถล่มใส่เจ้าและน้องๆ ทุกคนเอง” “พี่สาว..มีที่ใดกันท้องฟ้าถล่มใส่คน” เด็กสาวหัวเราะออกมาได้ในที่สุด แม้ว่าพี่สาวจะสติไม่ค่อยดี แต่นางกลับรู้สึกว่าคำกล่าวเมื่อครู่ช่างน่าฟังเสียเหลือเกิน“เอาล่ะๆ ล้างสะอาดแล้ว ทีนี้เจ้าเล่าเรื่องไปเก็บข้าวข้างกำแพงสิ มันยังไงกัน”“นั่นไงเจ้าคะ พวกเขากลับมานู่นแล้ว” เด็กสาวพยักพเยิดใบหน้าไปในครัว ตามเสียงเอะอะโวยวายของเด็กชายที่หอบถุงผ้าเล็กๆ ไว้ในมือมาคนละถุงด้วยความดีใจเวลาต่อมาฉู่หลิงจึงได้รู้ว่า เป็นเพราะหอหงไถถูกยึดไปเป็นของหลวง บ่อยครั้งนายอำเภอเขตซิ่งอันก

    Last Updated : 2025-04-08
  • แวมไพร์พี่เลี้ยงเด็ก   ตอนที่ 9 จับปลา

    “ต้มผักก็ไม่ยากเลยนี่ พวกเจ้ากินสิ่งนี้กันทุกวันเช่นนั้นหรือ” หญิงสาวจัดการต้มผักป่าในกระทะใบโต ซึ่งมันก็ไม่ได้มีอะไรมากไปกว่าการรอน้ำให้เดือด เทผักลงไปเติมเกลือเล็กน้อยก็เสร็จแล้วกินเพื่ออยู่น่ะพอได้ แต่กินให้เติบโตแข็งแรงผลิตเลือดเกรดเอให้นาง เท่านี้ไม่พอ! แวมไพร์สาวคิดในใจอาหารมื้อแรกในยุคโบราณของฉู่หลิงผ่านไปอย่างรวดเร็ว และก็เป็นอย่างที่นางคิด ดูจากสีหน้าของเด็กๆ และเสียงท้องร้องโครกครากที่ดังแว่วมาบ่อยๆ พวกเขาย่อมไม่อิ่มเจียวจูเองก็เป็นเด็กสาวที่เด็ดขาดพอสมควร ถึงทุกคนจะไม่อิ่มและอ้อนวอนขอข้าวเพิ่ม นางก็ยืนยันจะเก็บข้าวที่แบ่งส่วนเอาไว้ เพราะการมีกินไปทุกวัน ดีกว่าต้องอดในบางวันที่ไม่มีคนมาโยนข้าวสารไว้ให้ ก่อนหน้านี้นางเคยสงสารน้องๆ จึงต้มข้าวทั้งหมดที่มีไปจนหมด ในช่วงฤดูเก็บเกี่ยวชาวบ้านยุ่งอยู่กับการเพาะปลูกในที่ดินของพวกเขา จึงไม่มีเวลามาใส่ใจเด็กในหอหงไถกอปรกับต่างคนต่างก็คิดว่าคงมีคนมาโยนข้าวไว้ให้บ้างแล้ว นางและน้องๆ ต้องอดข้าวไปถึง 6 วัน ได้กินแต่ผักป่าที่เด็กๆ ไม่ชอบกินเพื่อประทังชีวิตไปเท่านั้นต่อมานางจึงรู้ว่าควรจัดการกับเรื่องอาหารอย่างไร และทำให้ทุกๆ คนมีข้าวเ

    Last Updated : 2025-04-08
  • แวมไพร์พี่เลี้ยงเด็ก   ตอนที่ 10 วางแผน

    “ปลาเยอะมากเลย” ตงเหม่ยแทบจะน้ำตาไหล ไม่คิดมาก่อนว่าปลาที่นางเคยมองอยู่เกือบทุกครั้งที่เดินผ่านลำธาร วันนี้นางจะได้กินพวกมันสมใจ“ทีนี้เชื่อข้าหรือยัง ว่ามีข้าอยู่พวกเจ้าจะได้กินอิ่ม” หญิงสาวมองดูปลาที่ดิ้นกระแด่วอยู่เต็มถังไม้สองใบ อดยกยอตัวเองอยู่อีกหลายประโยคไม่ได้ด้วยความภาคภูมิใจ “ข้าเชื่อแล้วเจ้าค่ะพี่สาว” หลิ่วจีรีบวิ่งมากอดแขนหญิงสาวเอาไว้พร้อมกับส่งเสียงออดอ้อนของลูกแมวน้อย“พวกเราก็เชื่อ แต่ว่า..พี่สาวให้พวกเราเล่นน้ำกันอีกสักครู่ได้ไหมขอรับ ไหนๆ พวกเราก็ตัวเปียกกันแล้ว” เว่ยหลงต่อรองทันที พวกเขาและเด็กชายที่เหลือต่างก็ยังคงอิดออดไม่ยอมขึ้นจากน้ำมารวมกลุ่มกับพวกเด็กผู้หญิง“ให้เล่นอีกพักเดียวพอนะ พวกเรายังมีงานต้องกลับไปทำอีกเยอะเลยทีเดียว” แวมไพร์สาวใจอ่อนลงทันทีเมื่อมีอาหารอยู่ในมือ อีกอย่างเด็กๆ ก็ควรได้พักผ่อนหย่อนใจกันบ้างเอ๋..ข้าเป็นคนมีเมตตาเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อใดกัน? หญิงสาวรู้สึกติดขัดอยู่ในใจลึกๆ แต่ก็เลือกโทษว่าคงเป็นเพราะสารเคมีที่ถูกฉีดเข้าไปในร่างกายมีผลกับจิตใจที่เหี้ยมโหดของตน……….เนื่องจากปลาเต็มสองถังมีน้ำหนักมากเกินไป ฉู่หลิงจึงต้องแบ่งปลาออกไปใส่ไว้ในอกเ

    Last Updated : 2025-04-09
  • แวมไพร์พี่เลี้ยงเด็ก   ตอนที่ 11 ฉู่หลิงจะไม่ทน

    “พวกเจ้าอยู่จัดการที่นี่ต่อไปก่อนนะ ข้าจะขึ้นไปดูข้างบนเสียหน่อย” ฉู่หลิงเห็นว่าเด็กๆ จัดการทำความสะอาดครัวจนเกือบจะแล้วเสร็จ นางคิดจะไปค้นดูห้องด้านบนเผื่อจะพบของมีค่าที่นำไปแลกเปลี่ยนเป็นเงินมาได้บ้าง ห้องโถงด้านล่างแม้จะมีเครื่องเรือนประเภทแจกันและภาพวาด แต่ของเหล่านั้นส่วนใหญ่จะวาดลวดลายเป็นรูปสัปดนในเชิงยั่วยุกามารมณ์ หากนำออกไปขายย่อมต้องมีคนคิดได้ว่าเป็นสิ่งของจากหอหงไถ นางยังไม่กล้าเสี่ยงสร้างปัญหากับคนของทางการพวกโต๊ะเก้าอี้หรือเครื่องเรือนขนาดใหญ่ที่มีมากเกินความจำเป็น ของพวกนี้อยู่ในสภาพปกติแต่ก็ชิ้นใหญ่เกินกว่าจะลักลอบขนออกไปขายได้ และนางยังไม่รู้ว่านำไปขายให้ผู้ใดด้วย สิ่งที่หญิงสาวมองหาก็คือเศษเงินหรือเครื่องประดับของนางคณิกาที่อาจจะยังตกหล่นหลงตาอยู่บ้างบนขั้นบันไดเด็กๆ คงจะใช้เป็นสนามเด็กเล่นส่วนตัวของพวกเขามันจึงไม่ค่อยมีฝุ่นจับ แต่เมื่อก้าวขึ้นมาถึงชั้นบนตามทางเดินเต็มไปด้วยฝุ่นจับตัวหนา คาดว่าตลอดสามปีที่ผ่านมาเด็กๆ คงไม่เดินขึ้นมาสักเท่าใดนักฉู่หลิงเปิดประตูเข้าไปค้นหาสิ่งของทีละห้องซึ่งมีทั้งหมด 14 ห้องอย่างใจเย็น “เสื้อผ้า ผ้าและผ้า!” ค้นดูไปหลายห้องแล้วนาง

    Last Updated : 2025-04-09
  • แวมไพร์พี่เลี้ยงเด็ก   ตอนที่ 12 ปวดท้อง

    “ฮึก!!” เสียงกลั้นสะอื้นดังมาจากหลิ่วจีเป็นคนแรก และตามด้วยอีกหลายเฮือกของบรรดาเด็กๆ ทั้งหมดที่นั่งรวมตัวกันอยู่“เอาละช่วยกันเก็บถ้วยจานไปล้าง แล้วอาบน้ำให้สะอาด วันนี้พวกเราจะนอนข้างล่างกันเหมือนเดิม พรุ่งนี้คงต้องจัดการเรื่องที่หลับที่นอนให้เสร็จไปอีกเรื่อง” หญิงสาวโบกมือไล่เด็กๆ แข็งใจไม่ยอมหันไปมองหน้าหลิ่วจีที่นั่งกลั้นก้อนสะอื้นจนตัวสั่น“คืนนี้ข้าจะเป็นคนดับตะเกียงเอง เจ้านอนหลับให้สบายเถิดเจียวจู” หญิงสาวเรียกตัวเจียวจูมาคุยก่อนที่นางจะแยกไปนอนที่ห้องพักเดิมที่นางเคยเข้าไปอาบน้ำ ยามนี้นางรู้แล้วว่าห้องเล็กเพียงห้องเดียวในชั้นล่าง เป็นห้องนอนส่วนตัวของนายหญิง หรือก็คือแม่เล้าประจำหอหงไถนั่นเอง ต่อไปฉู่หลิงก็ตั้งใจจะพักอยู่ในห้องนี้เพื่อคอยดูแลความเรียบร้อยและรอดับไฟตะเกียงให้เด็กๆ ยามค่ำคืน“เว่ยหลง ข้าจะแง้มประตูเอาไว้ หากเจ้าเกิดปวดท้องตอนกลางคืนก็มาเรียกข้า ข้าจะพาเจ้าไปเข้าส้วมเอง เข้าใจหรือไม่” เด็กชายตัวน้อยยืนบิดตัวหน้าแดงเอียงอายอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพยักหน้าตอบรับแล้ววิ่งหายไปนอนรวมกับกลุ่มเด็กชายในห้องรับรองแขกอีกด้านกลางดึกขณะที่ทั่วทั้งหอหงไถอยู่ในความมืดและเงียบส

    Last Updated : 2025-04-09

Latest chapter

  • แวมไพร์พี่เลี้ยงเด็ก   ตอนที่ 26 ผู้ตรวจการพิเศษ

    “พรุ่งนี้หากพี่สาวจะเชือดกระต่าย ก็ให้เป็นข้า ตงเหม่ย เจียวจ้าน ฝานเจิ้ง อู๋ฉีและอู๋ซินคอยเรียนรู้กับพี่สาวหลิงหลิง พวกเด็กเล็กๆ ไม่ต้องมาดู รอจนมันกลายเป็นก้อนเนื้อเสียก่อนพวกเจ้าต้องอยากกินมันจนน้ำลายไหนแน่”ฉู่หลิงต้องยกนิ้วให้กับเจียวจูอีกครั้งสำหรับความกล้าหาญของนาง การฆ่ากระต่ายที่มีรูปลักษณ์น่ารักน่าเอ็นดูย่อมแตกต่างจากการฆ่าปลาอยู่แล้ว เดิมทีนางก็หวั่นใจอยู่ไม่น้อยว่าจะสอนให้เด็กๆ รู้วิธีการเชือดกระต่ายหรือไม่ นางเป็นแวมไพร์ไม่สามารถเอาความคิดของมนุษย์มาตัดสินเรื่องความโหดเหี้ยมได้เลย นางรู้แค่ว่าต้องดื่มกินและหาอาหารเลี้ยงตัวเท่านั้นแต่เวลานี้เด็กๆ กลับจัดการความคิดของพวกเขาได้ด้วยตนเอง ทำให้หญิงสาวพึงพอใจอยู่ไม่น้อยที่เด็กๆ รู้ว่านี่คือชีวิตจริงที่เขาต้องเผชิญ หญิงสาวค่อยๆ ย่องกลับเข้าไปนอนในห้องตามเดิม ผ่านไปอีกพักใหญ่หลังจากเด็กๆ ร่ำลา 21 ชีวิตในครัวกันแล้ว แสงไฟก็กลับมาส่องสว่างที่กลางห้องโถง ก่อนที่จะมีเสียงฝีเท้าของเด็กหลายคนแยกย้ายกันกลับห้องไป และน่าจะเป็นเจียวจูที่รับหน้าที่ดับไฟในตะเกียงตามเดิม……….ตอนเช้ามืดท่านยายเฉินก็เดินเข้ามาในหอหงไถเพื่อช่วยฉู่หลิงทำซาลาเ

  • แวมไพร์พี่เลี้ยงเด็ก   ตอนที่ 25 ล่าเนื้อ

    “หยิบเสื้อผ้าที่ไม่ได้ใช้เไปเพิ่มด้วยหลิ่วจี เอาไปสัก 10 ตัวก็พอ” ฉู่หลิงนึกขึ้นได้ ตะกร้ากับถังน้ำยังไม่เพียงพอสำหรับการล่าเนื้อในครั้งนี้“บ่ายมากแล้วนะ เข้าป่าไปตอนนี้กว่าจะกลับก็ค่ำมืดกันพอดี เช่นนั้นข้าจะอยู่รอพวกเจ้าเป็นเพื่อนเจียวจูกับตงเหม่ยที่นี่ก่อนก็แล้วกัน” ยายเฉินเสนอตัวเมื่อมองดูพระอาทิตย์ด้านนอก“ท่านยายอยู่ก่อนก็ดีเจ้าค่ะ พวกเราจะรีบกลับมาให้เร็วที่สุด”ฉู่หลิงไม่รอช้าเมื่อได้รับคำเตือนจากท่านยายเฉิน แม้ว่าเรื่องคนร้ายที่ทางการคอยเฝ้าระวังอยู่เงียบไปแล้ว แต่ก็ไม่มีข่าวว่าถูกจับตัวไป นางควรพาเด็กๆ กลับมาให้ถึงหอหงไถก่อนที่จะค่ำ และที่สำคัญนางตื่นเต้น นางจะได้ล่าเนื้อ!!กลุ่มเด็กชายหญิง 17 คนเดินลัดเลาะไปตามเส้นทางประตูด้านหลังหอหงไถ ข้ามลำธารเล็กๆ ไปสู่ชายป่าโดยมีฉู่หลิงเป็นผู้นำกลุ่มด้วยความสามารถในการหาจับสัตว์ที่ติดตัวมาของแวมไพร์สาว นางมองปราดเดียวก็เห็นเนินดินที่เหมาะสมกับการเป็นที่อยู่อาศัยของกระต่ายป่าหญิงสาวให้เด็กทุกคนหยุดยืนรออยู่ห่างๆ ส่วนตนเองก็ลอบสำรวจไปรอบๆ เนินดินสี่กองสูงที่รวมตัวกันอยู่เป็นลักษณะสี่เหลี่ยมผืนผ้า ภายนอกมีโพรงหลายโพรงซึ่งเป็นทางเข้าออกข

  • แวมไพร์พี่เลี้ยงเด็ก   ตอนที่ 24 เนื้อที่ดี

    “ตัวใหญ่จริงๆ ข้าเอาหมดทั้งสามตัวนี่ล่ะ เจ้าคิดราคาอย่างไรเล่า?” เถ้าแก่เนี้ยแซ่เวินไม่ได้ซักไซ้ต่อ นางไม่ได้คิดเอาดีทางด้านการค้าปลา เด็กเหล่านี้จะมีวิธีการอย่างไรนางย่อมไม่บังคับถามความจากเขาก่อนหน้านี้หวังหยวนได้พาเด็กๆ ไปสอบถามราคาปลาจากพ่อค้าคนอื่นบ้างแล้ว ปลาชนิดเดียวกันที่ขายอยู่ในตลาดเป็นปลาตาย คิดราคาตามน้ำหนัก 1 ชั่ง ราคา 8 อีแปะ ขนาดของปลาสามตัวในถังเป็นปลาใหญ่แต่ละตัวน่าจะหนักเกือบ 3 ชั่ง (ราวๆ 1.5 กิโลกรัม) และยังเป็นปลาเป็นซึ่งสดกว่าปลาในตลาดมากนัก ทำให้เจียวจ้านไม่รู้จะขายอย่างไร และเขาก็นับตัวเลขได้เพียงไม่เกินนิ้วมือของตน ทำให้การคิดราคายิ่งยากเข้าไปใหญ่“ท่านป้ามีน้ำใจกับพวกเราในครั้งก่อนข้ายังไม่ลืม ท่านป้าอยากซื้อเท่าใดพวกเราก็จะยินยอมขายให้ขอรับ” “ฮ่าๆๆ ข้าบอกท่านแล้วอย่างไรสามี เด็กพวกนี้เป็นเด็กมีน้ำใจดีจริงๆ” เถ้าแก่เนี้ยเจ้าของร้านลุกขึ้นยืนยกผ้าเช็ดหน้ามาป้องปากแล้วหัวเราะเสียงดังอย่างได้ใจยามนี้เด็กชายสี่คนและหวังหยวนจึงได้เห็นว่ามีบุรุษอยู่ในร้านอีกคนซึ่งกำลังเดินยิ้มออกมา บนร่างกายของบุรุษผู้มาใหม่มีผ้าคาดเอวแบบผ้ากันเปื้อนและในมือก็ยังมีคราบแป้งขาวติด

  • แวมไพร์พี่เลี้ยงเด็ก   ตอนที่ 23 เด็กผู้กล้าหาญ

    ซาลาเปาใกล้จะสุก กลุ่มเด็กชายทั้งหมดก็ตื่นขึ้นมาล้างหน้าขัดฟันเช่นกัน เจียวจ้าน ฝานเจิ้ง อู๋ซินและอู๋ฉี สี่พี่ชายใหญ่ ทำหน้าที่แบกปลา 7 ตัวที่ขังไว้ในถังไม้ตั้งแต่เมื่อวานออกไปเตรียมวางขายหน้าหอหงไถ ตามด้วยน้องชายที่เหลืออีก 8 คนจับคู่กันนำซาลาเปาร้อนๆ 40 ลูกออกไปทีหลัง“มากันเสียที ข้าจะรีบไปขึ้นเกวียนของหวังหยวน หากพวกเจ้ามาช้ากว่านี้ข้าคงต้องหิ้วท้องแห้งไปจนถึงเมืองสือเจียแน่” นางจวงหญิงวัยกลางคนร่างท้วมเจ้าของคำพูดไม่น่าฟังเมื่อวานปรี่เข้ามาหากลุ่มเด็กชายก่อนใคร“แป้งซาลาเปาของเจ้าทำจากอะไรกันนะ เวลาเคี้ยวเข้าไปทั้งหอมทั้งไม่ติดฟัน ถูกใจข้านัก เอามาให้ข้า 4 ลูกก่อนข้าจะรีบไปแล้ว"ตงหยางได้ยินว่าท่านป้าตรงหน้าจะซื้อซาลาเปาคราวเดียวถึง 4 ลูกเขาก็เลิ่กลั่กทำอะไรไม่ถูก เมื่อวานขายซาลาเปาลูกสองลูกก็ยัดใส่มือคนผู้นั้นไปเสียก็จบ แต่ซาลาเปา 4 ลูกเขาไม่ได้เตรียมอะไรมาห่อให้ลูกค้า “ท่านป้าขอรับ ท่านจะถือไปหมดทั้งสี่ลูกเลยได้หรือไม่ขอรับ” เด็กชายมีสีหน้าลำบากใจ กลัวว่าอีกฝ่ายจะถือไม่หมดแล้วเปลี่ยนใจเป็นซื้อเพียงแค่สองลูกแทน“ไม่มีอะไรใส่ใช่หรือไม่ เอาอย่างนี้ เดี๋ยวข้าจะยืนกินตรงนี้เสียเลยส

  • แวมไพร์พี่เลี้ยงเด็ก   ตอนที่ 22 ขายซาลาเปา

    “โอ..เกิดอะไรขึ้นกันเล่านี่ พวกเจ้าได้ปลามาเยอะหรือไรถึงพากันออกมาข้างนอกกันหลายคนเช่นนี้” ฉีฟ่งคนเดิมส่งเสียงร้องทักเมื่อเห็นกลุ่มเด็กชายเดินแถวหิ้วตะกร้าออกมาหน้าประตูแต่เช้าตรู่“ท่านลุง วันนี้พวกเราไม่มีปลามาขาย แต่เราขายซาลาเปาขอรับ” เว่ยหลงเคยพบกับนายทหารกลุ่มนี้เมื่อครั้งที่ติดตามเจียวจ้านออกมาขายปลา เขาจึงวิ่งเข้าไปหากลุ่มลูกค้าเก่าที่ช่วยอุดหนุนซื้อปลาไปทุกครั้งที่พวกตนเอาออกมาขาย“หน้าตาดีนี่ สีก็แปลกตาด้วย ดูท่าจะใช้ได้นะ” นายทหารพากันล้อมวงมาดูซาลาเปาในตะกร้าของเว่ยหลงกับตงหยางที่จับคู่กันออกมาขาย“ข้าจะซื้อชิมดูก่อนแล้วกัน เจ้าขายลูกละเท่าไรเล่า” “นี่เป็นไส้ถั่วเขียวขอรับ ลูกละสี่อีแปะ พวกเรามีไส้ถั่วเขียวอย่างเดียวเลย อีกไม่นานถึงจะทำไส้อื่นออกมาขายเพิ่มขอรับ” ตงหยางเป็นฝ่ายตอบบ้างนายทหารห้าคนควักเงินคนละสี่อีแปะออกมาซื้อคนละหนึ่งลูกโดยไม่ลังเล ใช่ว่าพวกตนไม่เคยโยนข้าวสารเข้าไปในกำแพงหอหงไถเสียเมื่อใด คราวนี้เด็กๆ เริ่มหัดค้าขายกันเอง สมควรแล้วที่จะส่งเสริมเห็นน้องเล็กสุดในกลุ่มขายซาลาเปาได้แล้ว กลุ่มเด็กชายที่เหลือก็ตื่นเต้นกันใหญ่ พวกเขารีบเดินออกห่างจากเว่ยหลง เพื่

  • แวมไพร์พี่เลี้ยงเด็ก   ตอนที่ 21 ของดี

    “ข้าก็ทำของข้าได้เท่านี้ ท่านทำได้ดีกว่านี้ก็ไปทำเองเสียสิ!”“ชิชะ! นังหนู! เจ้ากลับไปกวนไส้เอาไว้เลย พรุ่งนี้ยามอิ๋น (03.00-04.59) ข้าจะไปทำแป้งแล้วจะอยู่นึ่งซาลาเปาให้จนเสร็จ ยามเหม่า (05.00-06.59) ให้เด็กๆ เอาออกไปขายได้เลยก็แล้วกัน!” หญิงชราชี้หน้าหญิงสาวที่ทำท่าแง่งอนใส่ตน“ตกลงเจ้าค่ะ! ข้ากลับแล้ว อีกเดี๋ยวจะให้เจียวจ้านเอาตะเกียงมาทิ้งไว้ให้ท่าน ตอนกลางคืนจะได้เดินไปได้สะดวก หรือท่านจะให้พวกเขามารับ” “ไม่ต้อง! มีตะเกียงแล้วข้าย่อมเดินไปเองได้” “เช่นนั้นก็เอาตามท่านว่า ข้าลาล่ะ!" หญิงสาวเดินฉับๆ เร่งฝีเท้าจากไปอย่างรวดเร็ว แม้แต่ซาลาเปาที่เหลืออยู่ในจานอีกสี่ลูกก็ไม่ทิ้งไว้ให้ยายเฉินดูต่างหน้า หากแต่ใบหน้างามปรากฏรอยยิ้มกว้างแอบขอโทษหญิงชราอยู่ในใจนางเฉินหอบหายใจถี่ด้วยความโมโห กอปรกับเมื่อครู่นางตะเบ็งเสียงแข่งกับฉู่หลิงอยู่นานสองนาน ครู่หนึ่งร่างเล็กก็ทรุดนั่งลงบนแคร่ไม้หน้าเรือน “เหมือนจะมีอะไรบางอย่างไม่ถูกต้องอยู่หรือเปล่านะ" ท่านยายเฉินขมวดคิ้วมุ่นจนหัวคิ้วพันเป็นเส้นเดียวกัน“นางหญิงบ้า! หลอกข้าอีกแล้ว!” แม้จะทำท่าตีอกชกตัวคล้ายว่ากำลังโมโหอย่างหนัก แต่มุมปากของผู้ชรา

  • แวมไพร์พี่เลี้ยงเด็ก   ตอนที่ 21 ของดี

    “ข้าก็ทำของข้าได้เท่านี้ ท่านทำได้ดีกว่านี้ก็ไปทำเองเสียสิ!”“ชิชะ! นังหนู! เจ้ากลับไปกวนไส้เอาไว้เลย พรุ่งนี้ยามอิ๋น (03.00-04.59) ข้าจะไปทำแป้งแล้วจะอยู่นึ่งซาลาเปาให้จนเสร็จ ยามเหม่า (05.00-06.59) ให้เด็กๆ เอาออกไปขายได้เลยก็แล้วกัน!” หญิงชราชี้หน้าหญิงสาวที่ทำท่าแง่งอนใส่ตน“ตกลงเจ้าค่ะ! ข้ากลับแล้ว อีกเดี๋ยวจะให้เจียวจ้านเอาตะเกียงมาทิ้งไว้ให้ท่าน ตอนกลางคืนจะได้เดินไปได้สะดวก หรือท่านจะให้พวกเขามารับ” “ไม่ต้อง! มีตะเกียงแล้วข้าย่อมเดินไปเองได้” “เช่นนั้นก็เอาตามท่านว่า ข้าลาล่ะ!" หญิงสาวเดินฉับๆ เร่งฝีเท้าจากไปอย่างรวดเร็ว แม้แต่ซาลาเปาที่เหลืออยู่ในจานอีกสี่ลูกก็ไม่ทิ้งไว้ให้ยายเฉินดูต่างหน้า หากแต่ใบหน้างามปรากฏรอยยิ้มกว้างแอบขอโทษหญิงชราอยู่ในใจนางเฉินหอบหายใจถี่ด้วยความโมโห กอปรกับเมื่อครู่นางตะเบ็งเสียงแข่งกับฉู่หลิงอยู่นานสองนาน ครู่หนึ่งร่างเล็กก็ทรุดนั่งลงบนแคร่ไม้หน้าเรือน “เหมือนจะมีอะไรบางอย่างไม่ถูกต้องอยู่หรือเปล่านะ" ท่านยายเฉินขมวดคิ้วมุ่นจนหัวคิ้วพันเป็นเส้นเดียวกัน“นางหญิงบ้า! หลอกข้าอีกแล้ว!” แม้จะทำท่าตีอกชกตัวคล้ายว่ากำลังโมโหอย่างหนัก แต่มุมปากของผู้ชรา

  • แวมไพร์พี่เลี้ยงเด็ก   ตอนที่ 20 นี่เรียกว่า?

    เด็กชายสี่คนสลับกันเล่าเหตุการณ์ความคึกคักของเมืองสือเจีย ให้กับเด็กคนอื่น ๆ รวมทั้งฉู่หลิงฟัง พร้อมทั้งแจกจ่ายลูกอมน้ำตาลปั้นให้ทุกคนคนละหนึ่งเม็ดฉู่หลิงเองก็รับเอาน้ำตาลปั้นมาอมไว้ในปากเช่นกัน นางไม่ได้กินขนมหวานเช่นนี้มานานมากแล้ว มีเพียงนางเฉินที่ปฏิเสธ แต่นั่นก็ทำให้เจียวจ้านแอบโล่งใจ เพราะตนลืมนึกไปว่าท่านยายเฉินก็มาอยู่ที่หอหงไถเป็นประจำแล้วเช่นกัน หากนางอยากกินตนก็คงต้องแบ่งให้หญิงชรา“หอหงไถของเราว่าใหญ่แล้ว แต่มันดูธรรมดามากเลยเมื่อเทียบกับอาคารและสิ่งก่อสร้างในเมืองสือเจีย บ้านเรือนของพวกเขาก็แข็งแรงแน่นหนา ไม่ได้ทรุดโทรมเหมือนบ้านเรือนชาวบ้านที่อยู่นอกเมือง” ฝานเจิ้งบรรยายออกมาเป็นฉากๆ“ผู้คนที่ข้างนอกก็ใจดีด้วยนะ พี่ชายทหารข้างนอกก็ไม่ได้ดุเสียหน่อย พวกเขาคุยกับพวกเราตั้งหลายประโยคและยังให้เราผ่านเข้าเมืองโดยไม่คิดเงินอีกด้วย” อู่ซินชอบพี่ชายทหารเป็นที่สุด“ในเมืองมีผู้คนพลุกพล่าน พวกเขาหลายคนแต่งกายด้วยเสื้อผ้างดงาม ข้าดูออกเลยว่าคนไหนมาจากนอกเมืองคนไหนอาศัยอยู่ในเมือง พวกเขามีมากจนแทบจะเดินชนกันเลยด้วยซ้ำ!” ฟังถึงตรงนี้ดวงตาของแวมไพร์สาวฉู่หลิงก็เคลิ้มฝันไปถึงไหนต่อไห

  • แวมไพร์พี่เลี้ยงเด็ก   ตอนที่ 19 คุณธรรม

    “พวกเจ้ามาจากหอหงไถเช่นนั้นหรือ?” สตรีเจ้าของร้านเริ่มสนใจเด็กๆ ขึ้นมาบ้าง ในมือนางหยิบเค้กถั่วแดงใส่ลงไปในกล่องเรียบร้อยแล้ว เมื่อเห็นหวังหยวนปฏิเสธนางก็รีบชักมือที่กำลังจะส่งให้เจียวจ้านกลับมา รู้สึกเห็นด้วยกับหวังหยวน“ขอรับ พวกเราหาปลามาขายได้รายได้มานิดหน่อยก็เลยเข้าเมืองมาหาซื้อของใช้ที่จำเป็นขอรับ” “เอาอย่างนี้สิ ที่ร้านข้ายังมีขนมอีกตั้งหลายอย่าง หรือไม่อย่างนั้นเจ้าก็เลือกลูกอมนี่ไป 5 เม็ด 2 อีแปะ อย่างนี้จะได้แบ่งกันได้หลายคน” หญิงเจ้าของร้านรีบเสนอขายสินค้าอย่างอื่น นางไม่รู้ว่าเด็กในหอหงไถมีจำนวนกี่คนกันแน่ แต่ย่อมไม่น้อยกว่าสิบคนฝานเจิ้ง อู๋ฉีและอู๋ซิน ต่างก็พากันมองไปที่ลูกอมน้ำตาลปั้นด้วยความอยากกิน รอฟังการตัดสินใจจากเจียวจ้านที่เป็นพี่ใหญ่ในกลุ่มเด็กชาย“ท่านอาหวังเค้กถั่วแดงนั้นข้าตั้งใจซื้อให้ท่านจากใจจริง แล้วข้าจะเอาลูกอมอีก 10 เม็ดขอรับ” สามเด็กชายได้ฟังก็รู้สึกเสียใจเล็กน้อย พวกเขามีกัน 19 คน หากเจียวจ้านซื้อไปเพียงสิบเม็ด ย่อมต้องให้น้องที่อายุน้อยกว่าได้กินก่อน พวกตนเป็นกลุ่มรุ่นพี่คงอดแน่แล้ว แต่เงินแปดอีแปะเด็กชายก็พอจะนับตัวเลขได้ว่ามันซื้อได้เพียงเท่านั

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status