บรรยากาศเศร้าสร้อย และเสียงร้องไห้ที่เปล่งออกมาราวกับว่าคนร้องกำลังจะขาดใจนั้น สร้างความหดหู่ให้กับผู้คนที่พบเจอเป็นอย่างมาก
ก็แน่ล่ะเป็นใครก็ต้องร้องไห้แทบขาดใจทั้งนั้น ถ้าหากว่าได้สูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักไปพร้อมกันถึงสองคน ‘นภา’ หญิงสาววัยสามสิบปียืนมองขึ้นไปบนเมรุเผาศพด้วยสายตาที่ฝ้าฟางเพราะว่าน้ำตามันเอ่อล้นออกมา ซึ่งในนั้นมีร่างที่ไร้วิญญาณของสามีและลูกชายวัยสี่ขวบของเธอนอนแน่นิ่งอยู่ และตอนนี้เปลวไปสีเหลืองส้มกำลังลามเลียและเริ่มเผาไหม้ร่างกายของคนทั้งสองให้มอดไหม้ไป และสุดท้ายก็คงจะเหลือเพียงเถ้ากระดูกเพียงเท่านั้น “ฮือ ๆๆๆ” นภาร้องไห้ออกมาเสียงดังจนพี่เจนเพื่อนข้างบ้านต้องเข้าไปกอดปลอบ “ทำใจเถอะนะ ทั้งสองคนทำบุญมาแค่นี้” “แล้วหนูจะอยู่ยังไงล่ะคะพี่เจน ? ทั้งชีวิตนี้ก็มีแค่เขาสองคนเท่านั้น” นภาพูดออกมาพลางร้องไห้สะอึกสะอื้น เธอเป็นเด็กกำพร้าที่เติบโตมาในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า และได้มาพบรักกับผู้เป็นสามี เธอกับสามีได้แต่งงานและมีลูกชายด้วยกันหนึ่งคน ซึ่งลูกชายของเธอก็เพิ่งจะฉลองวันเกิดครบสี่ขวบไปเมื่อเดือนที่แล้ว ดูเหมือนว่าชีวิตของนภาก็มีความสุขดี สามีของเธอก็รักและเอาใจใส่เธอดี ลูกชายของเธอก็น่ารัก กำลังจ้ำม่ำและฉลาดเฉลียว แต่ทว่าความสุขมักจะอยู่กับเราได้ไม่นาน เพราะเมื่อหนึ่งสัปดาห์ก่อนนั้น สามีของนภาได้พาลูกชายไปหัดปั่นจักรยานที่ถนนหน้าบ้าน โชคร้ายมีคนเมาแล้วขับ ขับรถพุ่งชนสามีและลูกชายของเธอจนเสียชีวิตคาที่ ในตอนนั้นเธอที่ทำกับข้าวอยู่ในครัวได้ยินเสียงดังสนั่น จึงได้รีบวิ่งออกมาดู และพอเห็นร่างของลูกชายและสามี ก็แทบล้มทั้งยืน “ต้องอยู่ได้สิ” พี่เจนพูดพูดปลอบนภา แล้วก็ประคองพาร่างบอบบางให้เข้าไปในศาลาเพื่อฟังพระสวด พี่เจนเองก็ไม่รู้ว่าจะพูดคำไหนเหมือนกัน ถ้าอยู่ในสถานการณ์เหมือนเช่นนี้ เธอเองก็คงจะสติแตกเช่นเดียวกัน หลังจากงานศพของสามีและลูกชายผ่านพ้นไป นภาก็ยังทำใจไม่ได้ เธอเอาแต่หมกตัวอยู่ในบ้าน ไม่ยอมออกไปทำงาน ข้าวปลาก็ไม่ยอมกิน “นภา ๆ !” เสียงพี่เจนมาตะโกนเรียกอยู่หน้าบ้าน นภาที่นอนซมอยู่บนโซฟาตัวใหญ่ ในมือกอดรูปถ่ายของสามีและลูกเอาไว้ วางรูปถ่ายลงบนโต๊ะ แล้วจึงได้ลุกขึ้นและเดินโซเซออกไปหาคนที่มาตะโกนเรียก “นภา พี่มาชวนไปกินข้าว” “ไม่เป็นไรพี่ นภาไม่หิว” พี่เจนเป็นห่วงเพราะเห็นว่าตั้งแต่เสร็จจากงานศพของสามีและลูกของนภา เธอก็ไม่ยอมออกจากบ้านเลย “ไปเถอะนะ วันนี้แม่พี่เขาทำขนมจีนน้ำยา แกบอกให้มาชวน” พี่เจนไม่ฟังคำปฏิเสธของนภา แต่ว่าได้คว้าแขนของเธอและลากจูงออกมาจากบ้าน แล้วก็พาเธอเดินตรงไปที่บ้านของตัวเอง ร่างบอบบางไม่อยากไปแต่ก็สู้แรงของพี่เจนไม่ได้ จึงจำต้องยอมเดินเข้าไปในบ้านหลังข้าง ๆ “นั่งตรงนี้ เดี๋ยวพี่ไปเอาขนมจีนน้ำยามาให้กิน” พี่เจนบอกให้เธอนั่งลงที่โต๊ะม้าหินอ่อนที่อยู่หน้าบ้าน ก่อนที่ตัวเองจะเดินหายเข้าไปในห้องครัว นภามองไปที่บ้านของตัวเองซึ่งอยู่ติดกันกับบ้านของพี่เจน ความทรงจำเกี่ยวกับลูกชายและสามีก็กลับมาอีกครั้ง “แม่จ๋า หนูรักแม่จังเลย” “แม่ก็รักหนูจ้ะ” เด็กน้อยเดินเข้ามากอดแม่ แล้วก็จุ๊บแก้มซ้ายขวาข้างละที “นั่นแน่ จุ๊บแต่แม่เหรอ ?” เสียงของผู้เป็นพ่อพูดออกมา เด็กน้อยจึงผละออกจากอ้อมกอดของแม่ กระโดดเข้าไปในอ้อมกอดของพ่อแทน ร่างสูงนั่งคุกเข่าลงตรงหน้าของเด็กน้อย เด็กน้อยจึงคว้าคอของพ่อเอาไว้ แล้วก็จูบแก้มซ้ายขวาของพ่อข้างละที เพราะกลัวว่าพ่อจะน้อยใจ นภาเดินเข้าไปกอดสองพ่อลูกเอาไว้ในอ้อมแขน แล้วทั้งสามคนก็หัวเราะขึ้นมาพร้อมกัน “ได้แล้วจ้า ขนมจีนน้ำยาสุดอร่อย” พี่เจนถือจานขนมจีนมาวางไว้ตรงหน้าของนภา กลิ่นของน้ำยาปลาทู ลอยมาแตะจมูกของเธอทันที “น่าทานจัง” พึมพำออกมา แต่ว่าก็ยังไม่ยอมหยิบช้อนกับส้อม “น่าทานก็ทานซะหน่อยสิ อร่อยมากเลยนะแม่พี่ทำสุดฝีมือเลย เพราะแกรู้ว่านภาชอบ” พี่เจนคะยั้นคะยอ นภาจึงหยิบช้อนกับส้อมขึ้นมา ตักขนมจีนน้ำยาเข้าปากไปหนึ่งคำ แต่พอปลายลิ้นสัมผัสกับรสชาดของมัน เธอก็ร้องไห้ออกมา “ฮือ ๆๆๆ” พี่เจนรีบเข้าไปกอดปลอบใจ ร่างบอบบางนั้นร้องไห้จนไหล่ไหวสะท้าน ‘ไม่น่าเลยกรู’ พี่เจนคิดในใจ เพราะลืมนึกไปว่าขนมจีนน้ำยาแบบนี้นอกจากนภาจะชอบทานแล้ว สามีของนภาก็ชอบทานด้วย นี่เธอไปสะกิดต่อมความทรงจำของคนสูญเสียอีกแล้ว นภาฝืนทานขนมจีนจานนั้นไปได้สองสามคำเธอก็อิ่ม และขอตัวกลับ ในเมื่อรั้งไว้ไม่ได้พี่เจนจึงเดินไปส่งเธอที่บ้าน “มีอะไรก็เรียกนะ หรือโทรก็ได้” พี่เจนบอกกำชับกับนภาก่อนที่จะเดินกลับบ้านของตัวเอง ในใจก็นึกเป็นห่วงเพราะกลัวว่านภาจะคิดสั้น นภากลับมานอนซมที่โซฟาตัวเดิมแล้วก็กอดรูปถ่ายของสามีและลูกเอาไว้เช่นเดิม น้ำตาไหลลงมาข้างแก้ม เธอนอนร้องไห้แบบนั้นอยู่นานจนผล็อยหลับไป นภาตื่นขึ้นมาในตอนกลางดึก ภายในบ้านมืดสนิท เพราะว่าก่อนที่เธอจะหลับไป เธอไม่ได้เปิดไฟ อาการปวดหัวแล่นเข้าเล่นงานเธอทันที คงจะมาจากการที่เธอร้องไห้อย่างหนักนั่นเอง นภาจึงลุกขึ้นเปิดไฟ เดินตรงไปที่ตู้ยาสามัญประจำบ้านเพื่อหายาแก้ปวดมาทาน “แม่จ๋า แม่คิดถึงหนูมั้ย ?” เสียงเล็ก ๆ แว่วมาจากที่ไกลแสนไกล นภามองซ้ายมองขวา แล้วก็พึมพำออกมาเบา ๆ “คิดถึงสิ แม่คิดถึงหนูมาก” พลางควานหากระปุกยาแก้ปวดในตู้ยาไปด้วย ในตอนนี้เธอปวดหัวมากจนแทบจะทรงตัวไม่อยู่ แล้วในที่สุดเธอก็เจอกระปุกยาแก้ปวด “นภากินให้หมดเลยนะ จะได้หายทรมาน” เสียงห้าวทุ้มกระซิบที่ข้างหูของเธอ นภาจำได้ดีว่าเสียงนี้เป็นเสียงของสามีของเธอนั่นเอง “ได้จ้ะพี่” เธอพึมพำตอบเสียงนั้นไป แล้วก็เปิดฝากระปุกยา เทยาเม็ดสีขาวลงมาเต็มอุ้งมือ ก่อนที่จะนำมันเข้าไปในปากทั้งหมด เดินเข้าไปในครัวเปิดตู้เย็นและดื่มน้ำในขวด นภาเดินกลับไปที่โซฟา และล้มตัวลงนอน คว้ารูปถ่ายของสามีกับลูกชายมากอดเอาไว้เช่นเดิม แล้วเธอก็ค่อย ๆ ผล็อยหลับไปอีกครั้งร่างชุ่มเหงื่อรู้สึกตัวตื่นขึ้นมา เพราะว่ามีเสียงอะไรมากระซิบที่ข้างหู“คุณนายคะ คุณนาย !”เสียงเล็ก ๆ ที่แฝงไว้ด้วยความกังวลดังแว่ว ๆ อยู่ข้างหูของนภา ทำให้เธอค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมา“คุณนาย คุณนายฟื้นแล้ว รีบไปตามหมอมาเร็ว”เสียงนั้นเปล่งออกมาอย่างดีใจ และได้บอกให้คนไปตามหมอมา เพื่อให้มาดูอาการของคนที่นอนอยู่บนเตียงนภากระพริบตาถี่ ๆ เพื่อปรับรูม่านตาให้เข้ากับแสง และความรู้สึกแรกที่รับรู้ได้ก็คืออาการปวดหัวอย่างรุนแรงแล่นขึ้นมาจู่โจมเธอ“โอ๊ย !?”เธอร้องโอ๊ยออกมาพลางเอามือกุมขมับและหลับตาลงทันที จำได้ว่าก่อนหน้านี้เธอทานยาแก้ปวดไปแล้วหลายเม็ดนี่นา ทำไมยังไม่หายปวดหัวอีก“คุณนายคะ หมอมาแล้วค่ะ”หลังจากนั้นคุณหมอเสิ่นก็เข้ามาตรวจอาการของเธอ นภาปล่อยให้หมอตรวจแต่โดยดี เพราะว่าเธอปวดหัวมากจนลืมตาไม่ขึ้น“คุณนายจาง รู้สึกเป็นยังไงบ้าง ?”เสียงทุ้มนุ่มของคุณหมอผู้ใจดีเอ่ยถามออกมา เธอจึงฝืนลืมตาขึ้นเพราะรู้สึกแปลกใจ หมอเรียกใครว่าคุณนายจางพอลืมตาขึ้นมาและมองไปรอบ ๆ เธอก็พบกับใครหลายคนที่เธอไม่คุ้นหน้า พลันเกิดความรู้สึกสับสน และเกิดคำถามมากมายขึ้นในหัว“คุณนายคะ !?”เมื่อเห็นสีหน้าท่าทางของผู
"อะไรนะคะ คุณนายจะไปรับคุณหนูที่โรงเรียน ?"เมื่อได้ยินคำสั่งของหลินเสี่ยวเหยา แม่บ้านเกาก็อุทานออกมาอย่างแปลกใจ เธอไม่คิดเลยว่าจะได้ยินคำพูดนี้ออกมาจากปากของคุณนายจาง"ใช่ค่ะ รบกวนแม่บ้านบอกคนขับรถให้ด้วยนะคะ"เกาถานจึงได้ไปทำตามคำสั่งของเธอ แม้จะแปลกใจอยู่มาก แต่ด้วยฐานะคนรับใช้เธอก็ไม่สามารถเอ่ยถามออกมาได้เมื่อรถยนต์คันหรูมาจอดรอที่หน้าคฤหาสถ์ หลินเสี่ยวเหยาก็ได้ก้าวขึ้นไปนั่งที่เบาะหลัง ที่นี่เธออาศัยอยู่กับจางเหวินชิงและจางจ้าวเหวินสามคน มีแม่บ้านและคนรับใช้รวม ๆ แล้วสิบคนมีเกาถานเป็นหัวหน้าแม่บ้าน และเจียวหนิงเป็นคนรับใช้ที่ตามเธอมาจากบ้านสกุลหลินเกาถานมองตามท้ายรถคันหรูไป วันนี้เธอรู้สึกว่าคุณนายจางเปลี่ยนไป ราวกับว่าไม่ใช่คุณนายจางคนเดิมจางเหวินชิงและหลินเสี่ยวเหยา แต่งงานกันเมื่อห้าปีก่อน แต่ว่าการแต่งงานของทั้งสองคนไม่ปกติเหมือนคู่สามีภรรยาคู่อื่น ๆจางเหวินชิงไม่ได้รักหลินเสี่ยวเหยา มีแต่เธอเท่านั้นที่รักเขาเพียงข้างเดียว แต่ที่ได้แต่งงานกันนั่นเป็นเพราะผู้ใหญ่เห็นดีด้วย เขามีคนรักอยู่แล้วชื่อว่ากู่เยี่ยนถิง เป็นดาราสาวสวย แต่ว่าคุณย่า 'หลิวหานซื่อ' ซึ่งเป็นญาติผู้ใหญ่
ในขณะที่จางเหวินชิงกำลังจะก้าวเข้าไปในบ้าน หูของเขาก็แว่วได้ยินเสียงหัวเราะของจางจ้าวเหวินและหลินเสี่ยวเหยาเขาจึงสอดส่ายสายตามองไปตามเสียงที่ได้ยิน ก็เห็นว่าในตอนนี้จางจ้าวเหวินกำลังปั่นจักรยานอยู่ โดยที่มีหลินเสี่ยวเหยาวิ่งตามหลัง"จ้าวเหวิน เก่งมากเลยลูก"เธอเอ่ยออกมาทั้งหัวเราะและปรบมือให้กำลังใจจางจ้าวเหวิน จางเหวินชิงรู้สึกแปลกใจเป็นอย่างมาก ที่เห็นท่าทางของหลินเสี่ยวเหยาเพราะปกติแล้วเธอแทบไม่เคยมองหน้าลูกชายของตัวเอง อย่าว่าแต่มาสอนลูกปั่นจักรยานแบบนี้เลยแต่ว่าจางเหวินชิงก็ไม่ได้สนใจอะไรสองแม่ลูกมากนัก เพียงแค่รู้สึกแปลกใจเพียงเท่านั้น แล้วเขาก็เดินเข้าบ้านไป พลางคิดถึงเหตุการณ์เมื่อวาน"เหวินชิง คุณอย่าไปนะ ! ไม่อย่างนั้นฉันจะกินยาในขวดนั่นให้หมดเลย"หลินเสี่ยวเหยาบอกออกมาเสียงดัง เมื่อเขาเดินเข้ามาในห้องนอนของเธอ หลังจากที่เกาถานไปบอกเขาว่าเธออาละวาดสาเหตุก็มาจากที่เธอรู้ว่า เขาจะไปรับกู่เยี่ยนถิงที่สนามบิน แต่เขาก็ไม่ได้สนใจฟังเธอ"ไม่ต้องขู่หรอกนะเสี่ยวเหยา ยังไงฉันก็จะไป หยุดอาละวาดเถอะ"จางเหวินชิงพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา แม้ว่าตอนนี้หลินเสี่ยวเหยาจะร้องไห้ฟูมฟายขนาด
หลังจากที่ทานข้าวเสร็จ หลินเสี่ยวเหยากับจางจ้าวเหวินก็รีบตรงไปที่ห้องนอนของเด็กน้อย เธอบอกให้เขาแปรงฟันก่อนนอน เจียวหนิงทำท่าจะมาช่วยหนูน้อย แต่ว่าหลินเสี่ยวเหยาบอกว่าเธอจะทำเอง"เจียวหนิง เธอไปพักผ่อนเถอะ เดี๋ยวฉันจะดูแลจ้าวเหวินเอง""แต่ว่า..ตอนคุณชายน้อยจะนอนล่ะคะ ?""ตั้งแต่คืนนี้เป็นต้นไป ฉันจะพาจ้าวเหวินเข้านอนเอง""ค่ะคุณหนู"เจียวหนิงได้ยินแบบนั้นถึงแม้ว่าจะแปลกใจมาก แต่ก็ดีใจมากเหมือนกัน เธออยากให้คุณหนูของเธอเอาใจใส่คุณชายน้อยแบบนี้มานานแล้ว แต่ดูเหมือนว่าคุณหนูของเธอจะไม่เคยทำมันเลยเมื่อเจียวหนิงออกจากห้องไปแล้ว หลินเสี่ยวเหยาก็พาจางจ้าวเหวินไปแปรงฟัน พอแปรงฟันเสร็จแล้วทั้งสองคนก็ปีนขึ้นไปบนเตียง"คืนนี้หนูจะฟังนิทานเรื่องอะไรคะ ?""อืม..เอาเรี่องลูกหมูสามตัวครับแม่"หลินเสี่ยวเหยาจึงเอื้อมมือไปหยิบหนังสือนิทานเรื่องลูกหมูสามตัวที่วางอยู่ตรงหัวเตียง แล้วก็เริ่มอ่านให้เด็กน้อยฟังเธอทำเสียงสูงต่ำไปตามบทพูดของตัวละคร ซึ่งนั่นทำให้จางจ้าวเหวินชอบใจมาก เด็กน้อยไม่นึกเลยว่าแม่ของเขาจะเล่านิทานสนุกขนาดนี้"สนุกจังเลยครับ ขออีกเรื่องหนึ่งได้ไหม ?"เด็กน้อยอยากฟังนิทานอีก จึงขอให้
ในตอนเช้าหลินเสี่ยวเหยารีบตื่น เพื่อมาทำอาหารเช้าและข้าวกล่องให้ลูกชาย ซาลาเปาน้อยในตอนนี้ตุ้ยนุ้ยเกินไป เธอเกรงว่าเขาจะอ้วนเกินมาตรฐานแล้วจะส่งผลเสียต่อสุขภาพเมื่อทำอาหารเสร็จเธอก็ขึ้นไปปลุกลูกชาย อาบน้ำแต่งตัวให้เด็กน้อย แล้วก็ให้เจียวหนิงช่วยดูแลตอนที่จางจ้าวเหวินทานข้าว ส่วนเธอรีบไปอาบน้ำแต่งตัว เพราะว่าเธอจะไปส่งเจ้าตุ้ยนุ้ยที่โรงเรียน"ทานข้าวอิ่มหรือยังคะคนเก่ง ?""อิ่มแล้วครับแม่""ถ้างั้นไปกันเถอะ วันนี้แม่จะไปส่งหนูที่โรงเรียน""จริงเหรอครับแม่ ?""จริงสิครับ"ซาลาเปาน้อยแทบไม่เชื่อหูตัวเอง เดินเข้าไปกอดผู้เป็นแม่อย่างดีใจ หลินเสี่ยวเหยาจึงนั่งคุกเข่าลงและกอดลูกชายเอาไว้แน่น เธอจูบแก้มป่องซ้ายขวาข้างละที ก่อนจะบอกกับลูกชายเสียงอ่อนโยน"ต่อไปนี้แม่จะไปส่งหนูที่โรงเรียนทุกวัน"เจียวหนิงมองภาพที่หลินเสี่ยวเหยากับจางจ้าวเหวินกอดกันแล้วก็น้ำตารื้น เธออยากเห็นภาพนี้มานานแล้ว และเธอก็สมหวังสักที"ไปกันเถอะเดี๋ยวจะไปโรงเรียนสาย""ครับแม่"สองแม่ลูกจูงมือกันเดินไปขึ้นรถยนต์คันหรูที่จอดรออยู่หน้าคฤหาสถ์ ระหว่างที่นั่งอยู่ในรถจางจ้าวเหวินจับมือแม่เอาไว้ตลอดเวลา เพราะกลัวว่าแม่จะหายไป
"แม่บ้านเกา วันนี้ฉันกับจ้าวเหวินไม่ทานข้าวเย็นนะ พวกเราทานมาจากข้างนอกแล้ว"พอจบคำพูดของหลินเสี่ยวเหยา เกาถานก็มองหน้าเธอ แล้วก็พูดออกมา"แต่ว่า..คุณผู้ชายรอพวกคุณอยู่ในห้องอาหารค่ะ""อืม..งั้นเหรอ บอกเขาทานเลยไม่ต้องรอพวกเรา"พูดจบหลินเสี่ยวเหยาก็จูงแขนซาลาเปาน้อยเดินขึ้นบ้านไป เกาถานจึงได้รีบไปรายงานจางเหวินชิงกับแขกของเขา"คุณผู้ชายคะ คุณนายไม่รับข้าวเย็นค่ะ""ช่างเขาเถอะ ถ้าอย่างนั้นเราลงมือทานกันกันเลย"จางเหวินชิงหันไปพูดกับกู่เยี่ยนถิง เกาถานจึงลงมือตักข้าว ส่วนเจียวหนิงรีบไปดูแลคุณหนูและคุณชายน้อยกู่เยี่ยนถิงรู้สึกพอใจเป็นอย่างมาก ที่จางเหวินชิงพาเธอมาพักที่คฤหาสถ์หลังนี้ด้วย ถึงแม้ว่าเขาจะให้เธอพักเพียงแค่ระยะเวลาหนึ่งก็ตาม แต่เพียงเท่านี้ก็เพียงพอแล้วที่จะทำตามแผนของเธอ"คุณหนูคะ รู้มั้ยว่าคุณผู้ชายพาใครกลับมาบ้านด้วย ?"เจียวหนิงเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ"เขาพาใครกลับมาล่ะ ?"หลินเสี่ยวเหยาถามเจียวหนิงเสียงราบเรียบ พลางเช็ดผมให้ลูกชายไปด้วย วันนี้ทั้งเธอและซาลาเปาน้อยต้องอาบน้ำและสระผม เพราะกลิ่นเครื่องปรุงของหม้อไฟติดไปตามตัวและผมของทั้งสองคน"คุณกู่เยี่ยนถิงค่ะ"พอเจ
หลังจากทานข้าวเช้าเสร็จหลินเสี่ยวเหยากับลูกชายก็เดินไปขึ้นรถที่จอดรออยู่หน้าคฤหาสถ์ ปล่อยให้จางเหวินชิงมองตามสองแม่ลูกไปด้วยใจโหวงเหวงเขารู้สึกอย่างไรก็ไม่อาจตอบตัวเองได้ เมื่อก่อนเขามักจะรำคาญที่หลินเสี่ยวเหยาคอยตามเกาะแกะเขา แต่พอเธอเมินแบบนี้กลับรู้สึกจี๊ด ๆ ในใจ ราวกับมีมดหลายตัวไต่อยู่ในนั้น"เหวินชิง เป็นอะไรคะ ?"กู่เยี่ยนถิงเอ่ยถามเขาออกมาเสียงอ่อนหวาน เพราะเห็นว่าเขาดูเหม่อลอยตั้งแต่สองแม่ลูกเดินออกไป"เปล่า ไม่มีอะไร เราก็ไปกันเถอะ"พูดจบจางเหวินชิงก็ลุกขึ้นยืนและก้าวเดินออกไปจากห้องอาหารทันที ทำให้กู่เยี่ยนถิงจำต้องรีบเดินตามเขาไปวันนี้เขาจะพากู่เยี่ยนถิงไปหาดูบ้านพัก เพราะเธอบอกกับเขาว่าจะกลับมาอยู่ที่นี่ถาวรเลย เธอไม่มีญาติพี่น้องที่ไหน ครั้นจะให้เธอพักด้วยที่คฤหาสน์ หากคุณย่ารู้ท่านคงไม่พอใจแน่ เขาจึงจำเป็นต้องหาที่พักให้เธอกู่เยี่ยนถิงแม้จะไม่อยากไปพักที่อื่น แต่ก็ต้องจำยอมโอนอ่อนตามเขาไปก่อน เพราะว่าเธอไม่อยากให้เขามองว่าเธอเป็นคนเรื่องมาก ซึ่งนั่นก็ทำให้จางเหวินชิงพอใจมากเขานึกเปรียบเทียบระหว่างหลินเสี่ยวเหยากับกู่เยี่ยนถิง หากว่าหลินเสี่ยวเหยามีนิสัยที่ไม่งี่เง่า
"เสี่ยวเหยา ฉันขอคุยด้วยหน่อย"ในขณะที่หลินเสี่ยวเหยากำลังจะเล่านิทานให้เจ้าตุ้ยนุ้ยฟัง จางเหวินชิงก็เดินเข้ามาในห้องนอนของลูกชายและบอกกับเธอ เธอมองหน้าเขานิดหนึ่งก่อนจะพูดออกมา"ได้..แต่ขอกล่อมจ้าวเหวินให้หลับก่อน คุณไปรอฉันที่ห้องนั่งเล่นแล้วกัน"จางเหวินชิงรู้สึกแปลกใจกับคำตอบของเธอ ถ้าเป็นเมื่อก่อนหากเขาพูดแบบนี้ เธอจะรีบทิ้งทุกอย่างเพื่อไปคุยกับเขา หรือนี่จะเป็นวิธีเรียกร้องความสนใจของเธออีกแบบหนึ่ง "ไม่เป็นไร เดี๋ยวฉันนั่งรอที่นี่"ถ้าเป็นอย่างนั้นเขาก็อยากรู้ว่าเธอจะมาไม้ไหน จึงคิดจะนั่งรอเธอในห้องนี้"พ่อครับ มาฟังนิทานกับหนูไหม ? แม่เล่าสนุกมาก"ซาลาเปาน้อยเอ่ยชวนพ่อ เด็กน้อยรู้สึกดีใจมากที่พ่อเข้ามาในห้องนอนของเขา เพราะปกติแล้วจางเหวินชิงไม่เคยย่างกรายมาที่นี่เลย"อืม..ก็ดีเดี๋ยวพ่อฟังด้วย"หลินเสี่ยวเหยามองหน้าเขาแวบหนึ่ง ก่อนจะเริ่มเล่านิทานเรื่องกระต่ายกับเต่าให้ลูกชายฟัง พอนิทานจบเด็กน้อยก็หลับปุ๋ย เธอก้มลงจูบแก้มยุ้ยของเจ้าตุ้ยนุ้ย ห่มผ้าให้และปิดไฟตรงหัวเตียง แล้วก็ลงจากเตียงเดินนำจางเหวินชิงไปที่ห้องนั่งเล่นเขาจึงต้องรีบก้าวยาว ๆ ตามหลังเธอไป กิริยาที่หลินเสี่ยวเหยา
หนึ่งเดือนต่อมา จางเหวินชิงกับหลินเสี่ยวเหยาได้มาเที่ยวที่ต่างประเทศด้วยกันลำพังสองคน ทั้งสองคนตกลงกันว่าจะลองให้โอกาสกันและกันดู แล้วก็ลองศึกษาดูนิสัยใจคอกันใหม่ด้วย ซึ่งคุณย่าทวดและจางจ้าวเหวินต่างก็เห็นดีเห็นงามด้วยกับทั้งคู่โดยก่อนที่หนุ่มสาวทั้งสองจะเดินทางมาต่างประเทศ คุณย่าทวดก็ได้กำชับหนักแน่นว่าให้หลินเสี่ยวเหยารีบมีน้องของจางจ้าวเหวินเร็ว ๆ และพอบอกเรื่องนี้กับเจ้าตุ้ยนุ้ย เด็กน้อยก็เฝ้ารอคอยน้องชายกับน้องสาวอยู่ตลอดเวลา"เหวินชิง คุณดูนั่นสิ"หลินเสี่ยวเหยาชี้ชวนให้จางเหวินชิงดูกุหลาบแดงช่อใหญ่ ที่วางขายอยู่ตรงริมฟุตบาท เขามองดูเธอด้วยสายตารักใคร่ เพราะเธอทั้งสดใสน่ารักและก็ไม่ใช่คนเอาแต่ใจอย่างที่ผ่านมาเลย "อยากได้เหรอ ?"เสียงห้าวทุ้มเอ่ยถามเธออย่างอ่อนโยน พร้อมกับจูงมือเธอพาเดินไปที่กุหลาบสีแดงช่อนั้น "อืม..ก็มันทั้งสวยแล้วก็หอมด้วย"เธอตอบเขาพลางก้มลงมองกุหลาบช่อนั้นใกล้ ๆ จางเหวินชิงจึงถามราคาจากคนขายแล้วก็จ่ายเงิน เมื่อเสร็จเรียบร้อยเขาก็ส่งกุหลาบแดงช่อนั้นให้เธอ หลินเสี่ยวเหยารับมันมาถือเอาไว้แนบอก ก้มลงดอมดมกลิ่นหอมของมัน"ขอบคุณมากค่ะ"เธอกล่าวขอบคุณเขาออกมาด้วย
ในตอนเช้าหลินเสี่ยวเหยางัวเงียตื่นขึ้นมา ก็พบว่าตอนนี้เธออยู่ในอ้อมกอดของจางเหวินชิง จึงรีบขยับตัวเพื่อจะออกจากอ้อมแขนของเขา "จะรีบลุกไปไหน ยังเช้าอยู่เลย ?"แต่ว่าจางเหวินชิงกลับไม่ยอมปล่อย เขากลับกอดกระชับอ้อมแขนแกร่งรัดตัวเธอให้แน่นขึ้น "คุณ..ปล่อยนะ"เธอบอกเขาเสียงห้วน สายตามองหาร่างอ้วนกลมของลูกชาย ก็พบว่าจางจ้าวเหวินนอนอยู่ที่พื้นข้างเตียง"เมื่อก่อนคุณรังเกียจฉันอย่างกับอะไรไม่ใช่หรือไง ?"จบประโยคของเธอ จางเหวินชิงจึงได้คลายอ้อมแขนออก สายตามีแวววูบไหวอยู่ในนั้น แต่หลินเสี่ยวเหยาไม่ได้สนใจท่าทางของเขา ปีนลงจากเตียงและไปปลุกลูกชายให้ไปอาบน้ำเพื่อเตรียมตัวไปโรงเรียนจางเหวินชิงจึงได้ลุกขึ้น เขากลับไปทำธุระส่วนตัวที่ห้องนอนของตัวเอง และไปนั่งรอสองแม่ลูกที่โต๊ะทานข้าว"วันนี้ไม่ไปทำงานเหรอ ?"คุณย่าเอ่ยถาม เพราะเห็นว่าวันนี้เขาใส่ชุดลำลอง เสื้อยืดสีเทาแขนยาวแล้วก็กางเกงสแล็คสีกรมท่า ไม่ใช่ชุดสูทสำหรับไปทำงาน"ผมจะไปร่วมกิจกรรมที่โรงเรียนของจ้าวเหวินครับ""คุณย่าไปด้วยไหมครับ ?"จางจ้าวเหวินเดินเข้ามาพร้อมแม่ ทันได้ยินที่คุณย่าคุยกับพ่อ เขาจึงชวนท่านไปด้วย "ไม่ล่ะ หนูไปกับคุณพ่อค
"ฉันคุยกับคุณย่าแล้ว ท่านไม่มีปัญหาค่ะ รอแค่เราสองคนพร้อมเท่านั้น ท่านเคารพการตัดสินใจของเรา"คำพูดของหลินเสี่ยวเหยาสะท้อนกลับไปกลับมาในโสตประสาทของจางเหวินชิง จู่ ๆ เขาก็ไม่อยากหย่ากับเธอขึ้นมา ไม่เข้าใจความรู้สึกของตัวเองเลยจะว่าไปแล้วที่หลินเสี่ยวเหยามีนิสัยที่ไม่ดีหลายอย่าง ทั้งตามหึงหวง เหวี่ยงวีนผู้หญิงทุกคนที่เข้าใกล้เขา ความผิดส่วนหนึ่งก็เกิดจากตัวเขาเอง เขาไม่เคยให้เกียรติเธอในฐานะภรรยา เย็นชาและไม่เคยพูดดีกับเธอเลยสักครั้ง แถมยังท้ทเธอหย่าเกือบทุกวัน จนเธอต้องสร้างเรื่องเพื่อเรียกร้องความสนใจจากเขา แต่พอมาวันนี้เธอหยุดทำแบบนั้นและเป็นคนเอ่ยปากเรื่องหย่าขึ้นมาเองเขากลับรู้สึกเจ็บจางเหวินชิงยกมือขึ้นมาก่ายหน้าผาก อยากจะข่มตาให้นอนหลับ แต่มันก็หลับไม่ลง เขาเลื่อนมือลงไปลูบตรงสะบักเอวของตัวเองเบา ๆ'ไตของเธอข้างหนึ่งอยู่กับเขา'หลินเสี่ยวเหยาคงรักเขามากจริง ๆ แม้แต่อวัยวะในร่างกายยังยอมเสียสละให้เขาได้ นี่เขาตามืดบอดมองไม่เห็นความรักของเธอได้ยังไงกัน แต่กับกู่เยี่ยนถิงเขากลับหลงเชื่อและงมงาย คิดว่าเธอรักเขาจริง ๆ แต่แท้จริงแล้วเธอวางแผนทุกอย่างเพื่อใช้เขาเป็นสะพานไปสู่ความต้
หลังจากเรื่องของกู่เยี่ยนถิงผ่านไป ถึงแม้ว่าความจริงทุกอย่างจะเปิดเผยแล้วก็ตาม แต่ก็ดูเหมือนว่าความสัมพันธ์ระหว่างหลินเสี่ยวเหยาและจางเหวินชิงก็ไม่ได้ดีขึ้นจากแต่ก่อนเลยหลินเสี่ยวเหยาโกรธที่จางเหวินชิงไม่ยอมจัดการตอนที่รู้ว่ากู่เยี่ยนถิงปองร้ายจางจ้าวเหวิน ส่วนตัวจางเหวินชิงนั้นเขาก็รู้สึกผิดที่เป็นต้นเหตุทำให้เรื่องราวไม่ดีต่าง ๆ เกิดขึ้นมา รวมทั้งเรื่องที่ความจริงแล้ว คนที่มอบไตให้เขาก็คือหลินเสี่ยวเหยาไม่ใช่กู่เยี่ยนถิงด้วยจางเหวินชิงกินนอนที่บริษัทเป็นส่วนใหญ่ เขาแทบไม่ได้กลับไปที่คฤหาสน์เลย แม้แต่คุณย่าเองที่เมื่อก่อนจะเป็นเดือดเป็นร้อนทุกครั้งที่เขาไม่ยอมกลับบ้าน มักจะคอยโทรตามขอร้องกึ่งบังคับให้เขากลับ แต่ตอนนี้ท่านกลับไม่ทำแบบนั้นเลย"พ่อคร้าบบ"วันนี้เป็นวันเสาร์ จางจ้าวเหวินไม่ได้ไปโรงเรียน เขาจึงมาหาจางเหวินชิงที่บริษัท เนื่องจากว่าพ่อไม่กลับบ้านนานนับเดือนแล้ว เจ้าตุ้ยนุ้ยคิดถึงพ่อมาก จึงขอให้แม่พาเขามา "จ้าวเหวิน มาได้ยังไง ?"ร่างอ้วนกลมของจางจ้าวเหวินวิ่งเข้าไปหาพ่อที่ห้องทำงาน จางเหวินชิงก้าวยาว ๆ ไปหาลูกชาย แล้วก็ย่อตัวลงอุ้มเจ้าตุ้ยนุ้ยขึ้นมา เขากอดคอพ่อเอาไว้แล้ว
ราว ๆ ห้าโมงเย็นจางเหวินชิงก็กลับมาถึงคฤหาสน์ เขารีบเดินเข้าไปในห้องรับแขก เพราะเกาถานแจ้งว่า กู่เยี่ยนถิงอยู่ที่นั่น"เยี่ยนถิง คุณมาทำไม ?"เขาถามเธอออกไปด้วยความโมโห แล้วก็กระชากแขนเธอให้ลุกขึ้น"ก็คุณไม่ยอมไปหาฉัน พอฉันไปหาคุณที่บริษัทคุณก็ไล่ฉันกลับ ฉันอยากรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น คุณโกรธฉันเรื่องอะไร ?"กู่เยี่ยนถิงถามเขาเสียงเครือ น้ำตาเริ่มรื้นขึ้นมาคลอหน่วย "เยี่ยนถิง เพราะอะไรคุณรู้ดีที่สุด"จางเหวินชิงบอกกับเธอเสียงเย็นชา กู่เยี่ยนถิงชะงักไป อย่าบอกนะว่าเขารู้อะไรมา แต่ว่าเธอก็ยังคงบีบน้ำตาและถามเขาออกมาเสียงสั่น ดูช่างน่าสงสาร"รู้อะไรคะ ?""เลิกเสแสร้งเถอะ ผมรู้เรื่องหมดแล้วทั้งเรื่องที่คุณวางยาจ้าวเหวินเพื่อจะโยนความผิดให้เสี่ยวเหยา แล้วก็ที่คุณวางยาเดวิด เพราะว่าคุณเป็นคนสั่งให้เขามาจับตัวเสี่ยวเหยา คุณย่าและจ้าวเหวิน"เขาพูดเสียงดังชัดถ้อยชัดคำ ย้ำชัด ๆ ให้ผู้หญิงตรงหน้าได้ยิน แต่ว่ากู่เยี่ยนถิงกลับปฏิเสธ"ไม่จริงค่ะ ฉันไม่ได้ทำอะไรแบบนั้น แม้แต่มดสักตัวฉันยังไม่เคยฆ่า แล้วฉันจะวางยาเดวิดกับลูกชายคุณได้ยังไง !?""คุณหยุดพูด และกลับไปเสียเถอะแล้วก็อย่ามายุ่งกับผมอีก ผมไม่
"เหวินชิงคะ"กู่เยี่ยนถิงมาดักรอพบเขาที่บริษัท แต่ว่ารปภ. ไม่ยอมให้เธอเข้าไปเพราะจางเหวินชิงสั่งเอาไว้ เธอไม่มีข้ออ้างแล้วด้วยเพราะงานถ่ายแบบที่เธอเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้กับจางกรุ๊ปนั้นถ่ายเสร็จเรียบร้อยแล้ว เธอเอ่ยเรียกเขาเสียงหวานทันทีที่เขาก้าวลงมาจากรถ กู่เยี่ยนถิงมารอเขาที่ลานจอดรถตั้งแต่เช้าแล้ว เพราะว่าจางเหวินชิงไม่ยอมไปหาเธอเลยตั้งแต่วันที่เกิดเหตุการณ์ลักพาตัวคนในครอบครัวเขา พอเธอโทรหาและถาม เขาก็บอกว่างานยุ่ง"เยี่ยนถิง มาทำไม ?"น้ำเสียงเย็นชาที่เอ่ยออกมานั้น กู่เยี่ยนถิงแทบไม่เชื่อหูตัวเอง เขาไม่เคยพูดกับเธอด้วยน้ำเสียงแบบนี้มาก่อน แม้จะโกรธแต่ก็ต้องระงับเอาไว้ เอ่ยบอกเขาเสียงอ่อนหวาน"ฉันคิดถึงคุณ"พูดจบก็เดินเข้าไปใกล้เพื่อจะเกาะแขนเขา แต่จางเหวินชิงสะบัดแขนออก"กลับไปเถอะเยี่ยนถิง แล้วก็ไม่ต้องมาให้ผมเห็นหน้าอีก""อะไรกันคะเหวินชิง ทำไมพูดแบบนี้ คุณโกรธเรื่องอะไร ?"เธอรีบถามเขาเสียงแผ่ว น้ำตารื้นขึ้นมาทันที สบตากับเขาใบหน้าแดงก่ำ ราวกับเจ็บปวดนักหนา ถ้าหากว่าเป็นเมื่อก่อน จางเหวินชิงจะรีบกอดและเอ่ยปลอบใจเธอทันที แต่ว่าวันนี้มันกลับไม่เป็นเช่นนั้น"คุณกลับไปเถอะ"เขาพูดเพ
เมื่อทำอาหารเสร็จ หลินเสี่ยวเหยาก็บอกให้เกาถานกับเจียวหนิงตั้งโต๊ะ ส่วนเธอนั้นเดินไปหาลูกชายกับคุณย่าที่ห้องนั่งเล่น"คุณย่า จ้าวเหวินทานข้าวค่ะ"คุณย่ากับเจ้าตุ้ยนุ้ยที่กำลังช่วยกันระบายสีรูปช้างอยู่ก็หยุดมือ และเดินตามหลินเสี่ยวเหยาไปที่ห้องอาหาร ระหว่างที่ทุกคนจะลงมือทานข้าวนั้น จางเหวินชิงก็เดินเข้ามา"เหวินชิง ย่านึกว่าแกตายไปแล้วเสียอีก"คุณย่าเอ่ยประชดหลานชาย เพราะว่าตลอดหนึ่งสัปดาห์ที่ท่านมาพักที่นี่จางเหวินชิงไม่ได้กลับมาบ้านเลย "โธ่คุณย่าครับผมงานยุ่ง""งานยุ่ง หรือแกมัวแต่ยุ่งกับแม่ดารานั่นกันแน่"คุณย่าก็ยังไม่ยอมหยุดประชดประชันหลานชายตัวดี จางเหวินชิงเงียบไม่ยอมพูดอะไรต่อ ใบหน้าหล่อเหลาเคร่งขรึมเพิ่มขึ้นมาหลายส่วน นั่งลงข้าง ๆ ลูกชาย เกาถานจึงเอาชามมาเพิ่มและตักข้าวให้เขาคุณย่ายังคงมองหน้าหลานชายตาขวาง หลินเสี่ยวเหยาจึงสะกิดให้จางจ้าวเหวินตักกับข้าวใส่จานให้ท่าน เพื่อให้ท่านคลายความโมโห"คุณย่าครับทานนี่ดูหน่อย ต้มยำกุ้งเป็นอาหารไทย แม่หนูทำอร่อยมาก"เจ้าตุ้ยนุ้ยตักกุ้งตัวพอเหมาะใส่ไปในชามข้าวของคุณย่า ท่านหันมายิ้มให้เขาและเอ่ยชมไม่ขาดปาก"จ้าวเหวินของย่า กตัญญูจริง ๆ
"แม่คร้าบบ !"เจ้าตุ้ยนุ้ยวิ่งมาหาแม่ที่กำลังยืนทำกับข้าวอยู่ในครัวด้วยความดีใจ หลังจากเหตุการณ์ลักพาตัวผ่านพ้นไปได้หนึ่งสัปดาห์ ทุกคนก็กลับมาใช้ชีวิตตามปกติ และคุณย่าก็มาอยู่ที่คฤหาสน์กับพวกเธอแบบถาวรวันนี้หลินเสี่ยวเหยาไม่ได้ไปรับจางจ้าวเหวินที่โรงเรียน เพราะเธอรู้สึกเวียนหัวจึงให้คุณย่าไปรับเขาแทน เมื่อมาถึงบ้านเจ้าตุ้ยนุ้ยจึงวิ่งเข้ามาหาแม่ด้วยความคิดถึงจางจ้าวเหวินวิ่งเข้าไปกอดเอวแม่ทางด้านหลังเต็มแรง ด้วยน้ำหนักตัวของเจ้าตุ้ยนุ้ยทำให้เกิดแรงกระแทกใส่ตรงบั้นเอวของหลินเสี่ยวเหยา เธอเจ็บแปล๊บขึ้นมาทันที"จ้าวเหวิน เบา ๆ หน่อยครับ แม่ปวดหลัง"เธอกัดฟันข่มความเจ็บปวดแล้วก็เอี้ยวตัวไปบอกลูกชาย อาการปวดหลังของเธอจะมีขึ้นหากมีอะไรมากระแทกตรงบริเวณบั้นเอวแรง ๆ"หนูขอโทษครับ แม่หายปวดหรือยัง เดี๋ยวหนูเป่าให้"เจ้าตุ้ยนุ้ยเอ่ยขอโทษออกมา และถามแม่ด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน แล้วเขาก็เป่าฟู่ ๆ ไปตรงบริเวณบั้นเอวของผู้เป็นแม่สองสามที หลินเสี่ยวเหยาซาบซึ้งใจในความห่วงใยของลูกชายที่มีต่อเธอ น้ำตารื้นขึ้นมา ลูกชายของเธอช่างน่ารักจริง ๆ"หายแล้วจ้ะ หนูไปนั่งรอแม่กับคุณย่าก่อนนะ""ครับแม่"จางจ้าวเหวินจ
หลินเสี่ยวเหยามองไปที่มือของตัวเอง ก็พบว่ามือใหญ่ของจางเหวินชิงกุมมือของเธอเอาไว้ เขาเองก็เหมือนจะรู้ว่าเธอมอง แต่ก็ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้และไม่ยอมปล่อยมือเธอเธอจึงปล่อยเลยตามเลย อยากจับก็จับไปขืนเธอพูดอะไรออกมาเดี๋ยวเขาก็หาว่าเธอเรียกร้องความสนใจอีก จางเหวินชิงลอบยิ้มอย่างพอใจ ใบหน้าเย็นชานั้นดูหล่อเหลาขึ้นมาหลายส่วน หลินเสี่ยวเหยามองเขาตาค้างไป เพราะถึงยังไงก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเขาคือผู้ชายที่เธอรักมาก และเธอก็ไม่คิดจะรักใครได้อีก ถึงแม้ว่าจะหย่ากับเขาก็ตาม ถึงวันนั้นเธอก็ไม่คิดจะเริ่มต้นใหม่กับใครแม้ว่าในตอนนี้คนที่อยู่ในร่างนี้จะเป็นนภา แต่ว่าความรู้สึกนึกคิด ความชอบและความรักก็ยังคงเป็นของหลินเสี่ยวเหยาคนเดิม "แล้วคุณรู้ได้ไงว่า พวกเราถูกจับตัวไปที่นั่น ?"เธอเอ่ยถามเขาออกมาแก้เขิน จางเหวินชิงจึงได้เริ่มเล่าเรื่องราวให้เธอฟังในขณะที่จางเหวินชิงกำลังนั่งทำงานอยู่ และเริ่มรู้สึกไม่พอใจกู่เยี่ยนถิงมากขึ้นเรื่อย ๆ เพราะว่าเธอไม่ได้อยู่เงียบ ๆ ตามที่เธอพูด แต่กลับมาคอยก่อกวนและยั่วยวนเขา จนเขาเกือบจะให้ รปภ. มาโยนตัวเธอออกนอกห้องทำงานนั้น ม่อหนานก็วิ่งกระหืดกระหอบเข้ามา"ท่านประธานครับ เ