หลังจากที่ทานข้าวเสร็จ หลินเสี่ยวเหยากับจางจ้าวเหวินก็รีบตรงไปที่ห้องนอนของเด็กน้อย เธอบอกให้เขาแปรงฟันก่อนนอน เจียวหนิงทำท่าจะมาช่วยหนูน้อย แต่ว่าหลินเสี่ยวเหยาบอกว่าเธอจะทำเอง
"เจียวหนิง เธอไปพักผ่อนเถอะ เดี๋ยวฉันจะดูแลจ้าวเหวินเอง" "แต่ว่า..ตอนคุณชายน้อยจะนอนล่ะคะ ?" "ตั้งแต่คืนนี้เป็นต้นไป ฉันจะพาจ้าวเหวินเข้านอนเอง" "ค่ะคุณหนู" เจียวหนิงได้ยินแบบนั้นถึงแม้ว่าจะแปลกใจมาก แต่ก็ดีใจมากเหมือนกัน เธออยากให้คุณหนูของเธอเอาใจใส่คุณชายน้อยแบบนี้มานานแล้ว แต่ดูเหมือนว่าคุณหนูของเธอจะไม่เคยทำมันเลย เมื่อเจียวหนิงออกจากห้องไปแล้ว หลินเสี่ยวเหยาก็พาจางจ้าวเหวินไปแปรงฟัน พอแปรงฟันเสร็จแล้วทั้งสองคนก็ปีนขึ้นไปบนเตียง "คืนนี้หนูจะฟังนิทานเรื่องอะไรคะ ?" "อืม..เอาเรี่องลูกหมูสามตัวครับแม่" หลินเสี่ยวเหยาจึงเอื้อมมือไปหยิบหนังสือนิทานเรื่องลูกหมูสามตัวที่วางอยู่ตรงหัวเตียง แล้วก็เริ่มอ่านให้เด็กน้อยฟัง เธอทำเสียงสูงต่ำไปตามบทพูดของตัวละคร ซึ่งนั่นทำให้จางจ้าวเหวินชอบใจมาก เด็กน้อยไม่นึกเลยว่าแม่ของเขาจะเล่านิทานสนุกขนาดนี้ "สนุกจังเลยครับ ขออีกเรื่องหนึ่งได้ไหม ?" เด็กน้อยอยากฟังนิทานอีก จึงขอให้แม่เล่าให้ฟังอีกเรื่อง หลินเสี่ยวเหยาเห็นว่ายังไม่ดึกมากจึงยอมตามใจ แต่ก่อนเล่าเธอได้กำชับกับจางจ้าวเหวินว่า "เอาอีกแค่เรื่องเดียวนะครับ เพราะพรุ่งนี้หนูต้องไปโรงเรียน" "ครับ" หลินเสี่ยวเหยาจึงอ่านนิทานเรื่องเด็กเลี้ยงแกะให้ลูกชายของเธอฟัง พร้อมทั้งอธิบายถึงผลเสียของการเป็นคนขี้โหก เมื่อนิทานเรื่องที่สองจบลง ซาลาเปาน้อยก็บอกกับแม่ของเขา "แม่ครับหนูมีความสุขมาก แม่นอนกับหนูได้ไหม ?" แม้จะไม่รู้ว่าทำไมจู่ ๆ แม่ถึงได้เปลี่ยนไป แต่จางจ้าวเหวินก็ไม่สนใจหรอก ขอแค่แม่ใจดีแบบนี้ตลอดไปก็พอ เพราะตั้งแต่จำความได้ เด็กน้อยไม่เคยได้นอนในอ้อมกอดของแม่เลย คนที่กล่อมเขานอนในทุกคืนที่ผ่านมาก็คือเจียวหนิง แต่ว่าอ้อมกอดของคนอื่น มีหรือจะอบอุ่นเท่าอ้อมกอดแม่ "ได้สิครับ ต่อไปนี้แม่จะนอนกับหนูทุกวันเลยดีไหม ?" "ดีครับ" หลินเสี่ยวเหยาก้มลงจูบหน้าผากนูนของลูกชาย แล้วก็เอื้อมมือไปปิดไฟที่หัวเตียง แล้วทั้งสองคนก็นอนกอดกันอย่างมีความสุข ไม่นานจางจ้าวเหวินก็หลับไป แต่ว่านภาในร่างหลินเสี่ยวเหยายังคงไม่หลับ เธอคิดทบทวนถึงเรื่องราวที่ผ่านมา ที่หลินเสี่ยวเหยาคนเดิมปฏิบัติต่อลูกชายแบบนั้น นั่นก็เป็นเพราะว่า จางจ้าวเหวินไม่สามารถทำให้จางเหวินชิงรักได้ เธอจึงพลอยเกลียดลูกชายไปด้วย "เฮ้อ..!?" เธอถอนหายใจออกมา มีแม่แบบนี้อยู่ในโลกด้วยเหรอเนี่ย ยิ่งคิดก็ยิ่งสงสารซาลาเปาน้อยก้อนนี้ เธอหันไปจูบแก้มเด็กน้อย ก่อนจะข่มตาให้หลับลง ทางด้านจางเหวินชิงนั้น เมื่อเห็นว่าทั้งหลินเสี่ยวเหยาและจางจ้าวเหวิน ลุกออกจากโต๊ะกินข้าวไปก่อน เขาก็รู้สึกแปลกใจ เพราะปกติแล้วหลินเสี่ยวเหยาจะบอกให้จางจ้าวเหวินเข้ามาคุยเกาะแกะกับเขาเสมอ แต่ว่าวันนี้กลับไม่ได้เป็นแบบนั้น ดูเหมือนว่าทั้งสองคนจะมองเมินเหมือนไม่เห็นเขาอยู่ในสายตา เขาจึงรู้สึกแปลก ๆ ความรู้สึกที่จางเหวินชิงมีต่อลูกชายนั้น แม้แต่ตัวเขาเองก็อธิบายไม่ถูก เป็นเพราะเขาเกลียดหลินเสี่ยวเหยาผู้เป็นแม่ จึงทำให้เขาเกิดความรู้สึกห่างเหินเย็นชากับผู้เป็นลูก เขาไม่เคยกอดอุ้ม หรือแม้กระทั่งจะพูดคุยกับลูกชายก็แทบนับคำได้ และทุกครั้งที่จางจ้าวเหวินเข้ามาคุยกับเขา เขาก็มักจะบอกว่างานยุ่ง ไม่มีเวลา แต่กระนั้นเด็กน้อยก็เพียรพยายามจะเข้าหาเขาอยู่เสมอ นั่นก็เป็นเพราะว่าเป็นคำสั่งของหลินเสี่ยวเหยา จึงทำให้เขารู้สึกเกลียดเธอมากยิ่งขึ้น แต่จางเหวินชิงคงลืมนึกไปว่าบางครั้งสายสัมพันธ์ระหว่างพ่อลูกนั้น ไม่จำเป็นต้องคอยให้ใครมาสั่ง ถึงยังไงผู้เป็นลูก ย่อมต้องการความรักความอบอุ่นจากผู้เป็นพ่ออยู่แล้ว จางเหวินชิงเดินเข้าห้องนอน เขายังไม่ได้นอนในทันที แต่เปิดแล็ปท็อบขึ้นมาเพื่อทำงานต่อ ชีวิตของเขานั้นตั้งแต่ถูกกู่เยี่ยนถิงบอกเลิกเมื่อห้าปีก่อน ก็ดูเหมือนว่าเขาจะทุ่มเทเวลาทั้งหมดให้กับงาน จนร่างกายเคยชิน ถึงแม้ว่าในตอนนี้บริษัทในเครือตระกูลจางจะมั่นคงแค่ไหนแล้วก็ตาม แต่เขาก็ยังทำงานจนดึกทุกวัน ในระหว่างที่เขาทำงานกู่เยี่ยนถิงก็โทรมา จางเหวินชิงจึงกดรับ "ว่าไง ? เยี่ยนถิง" 'เหวินชิง ฉันนอนไม่หลับเลย ที่โรงแรมนี่น่ากลัวมากเลย ยังไงพรุ่งนี้ฉันขอไปพักกับเธอที่บ้านได้ไหม?' "เดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยคุยกันนะ" 'อืม..ได้ ๆ ฉันคิดถึงเธอนะเหวินชิง' จางเหวินชิงเงียบไปสักครู่ ก่อนจะกดวางสายแล้วก็ล้มตัวลงนอน กู่เยี่ยนถิงปาโทรศัพท์มือถือลงบนเตียงด้วยความโมโห เธอรู้สึกได้ว่าในตอนนี้จางเหวินชิงเริ่มเปลี่ยนไป เธอจะต้องรีบทำอะไรสักอย่าง ก่อนที่เขาจะเปลี่ยนไปมากกว่านี้ เมื่อห้าปีก่อนที่เธอทิ้งเขาไปนั้น ก็เป็นเพราะว่าในตอนนั้น จางเหวินชิงยังไม่ใช่ประธานจางเหมือนตอนนี้ ปู่ของเขายังเป็นผู้กุมบังเหียนธุระกิจของตระกูลจางอยู่ บวกกับที่มีผู้กำกับชาวต่างชาติมาเสนอกับเธอว่า หากเธอตามเขาไป เธอจะได้เป็นดาราฮอลลี่วู้ด เธอจึงบอกเลิกกับจางเหวินชิง และตามผู้กำกับชาวต่างชาติคนนั้นไป แต่เมื่อไปถึงจริง ๆ แล้ว มันกลับไม่ใช่อย่างที่เธอคิด เธอต้องทนแสดงหนังเกรดบี แถมยังต้องคอยไปบำเรอกามให้ผู้กำกับหนังอีกหลายคน เพราะอยากได้บทดี ๆ แต่ผลสุดท้ายเธอก็ถูกหลอก กู่เยี่ยนถิงทนอยู่ในสภาพแบบนั้นถึงห้าปี จนเธอเริ่มทนไม่ไหวในที่สุดเธอก็ตัดสินใจเดินทางกลับประเทศ เธอลองติดต่อหาจางเหวินชิงให้เขาไปรับเธอที่สนามบิน และเขาก็มาจริง ๆ แถมในตอนนี้เขาก็ยังเป็นประธานจางผู้ยิ่งใหญ่ เพราะปู่ของเขาเสียชีวิตเมื่อสี่ปีก่อน เธอจึงคิดจะลองฟื้นความสัมพันธ์กับเขาอีกครั้ง เพราะเธอก็สืบทราบมาว่า จางเหวินชิงไม่ได้รักหลินเสี่ยวเหยาผู้เป็นภรรยาเลย ถึงแม้ว่ากลับมาในครั้งนี้ เขาจะดูเย็นชากับเธอไปหลายส่วน แต่เธอเชื่อมั่นว่ายังไงถ่านไฟเก่าก็คุกรุ่นได้แน่นอน คิดมาถึงตรงนี้กู่เยี่ยนถิงก็ล้มตัวนอนลงบนเตียง และยิ้มออกมาเล็กน้อยในตอนเช้าหลินเสี่ยวเหยารีบตื่น เพื่อมาทำอาหารเช้าและข้าวกล่องให้ลูกชาย ซาลาเปาน้อยในตอนนี้ตุ้ยนุ้ยเกินไป เธอเกรงว่าเขาจะอ้วนเกินมาตรฐานแล้วจะส่งผลเสียต่อสุขภาพเมื่อทำอาหารเสร็จเธอก็ขึ้นไปปลุกลูกชาย อาบน้ำแต่งตัวให้เด็กน้อย แล้วก็ให้เจียวหนิงช่วยดูแลตอนที่จางจ้าวเหวินทานข้าว ส่วนเธอรีบไปอาบน้ำแต่งตัว เพราะว่าเธอจะไปส่งเจ้าตุ้ยนุ้ยที่โรงเรียน"ทานข้าวอิ่มหรือยังคะคนเก่ง ?""อิ่มแล้วครับแม่""ถ้างั้นไปกันเถอะ วันนี้แม่จะไปส่งหนูที่โรงเรียน""จริงเหรอครับแม่ ?""จริงสิครับ"ซาลาเปาน้อยแทบไม่เชื่อหูตัวเอง เดินเข้าไปกอดผู้เป็นแม่อย่างดีใจ หลินเสี่ยวเหยาจึงนั่งคุกเข่าลงและกอดลูกชายเอาไว้แน่น เธอจูบแก้มป่องซ้ายขวาข้างละที ก่อนจะบอกกับลูกชายเสียงอ่อนโยน"ต่อไปนี้แม่จะไปส่งหนูที่โรงเรียนทุกวัน"เจียวหนิงมองภาพที่หลินเสี่ยวเหยากับจางจ้าวเหวินกอดกันแล้วก็น้ำตารื้น เธออยากเห็นภาพนี้มานานแล้ว และเธอก็สมหวังสักที"ไปกันเถอะเดี๋ยวจะไปโรงเรียนสาย""ครับแม่"สองแม่ลูกจูงมือกันเดินไปขึ้นรถยนต์คันหรูที่จอดรออยู่หน้าคฤหาสถ์ ระหว่างที่นั่งอยู่ในรถจางจ้าวเหวินจับมือแม่เอาไว้ตลอดเวลา เพราะกลัวว่าแม่จะหายไป
"แม่บ้านเกา วันนี้ฉันกับจ้าวเหวินไม่ทานข้าวเย็นนะ พวกเราทานมาจากข้างนอกแล้ว"พอจบคำพูดของหลินเสี่ยวเหยา เกาถานก็มองหน้าเธอ แล้วก็พูดออกมา"แต่ว่า..คุณผู้ชายรอพวกคุณอยู่ในห้องอาหารค่ะ""อืม..งั้นเหรอ บอกเขาทานเลยไม่ต้องรอพวกเรา"พูดจบหลินเสี่ยวเหยาก็จูงแขนซาลาเปาน้อยเดินขึ้นบ้านไป เกาถานจึงได้รีบไปรายงานจางเหวินชิงกับแขกของเขา"คุณผู้ชายคะ คุณนายไม่รับข้าวเย็นค่ะ""ช่างเขาเถอะ ถ้าอย่างนั้นเราลงมือทานกันกันเลย"จางเหวินชิงหันไปพูดกับกู่เยี่ยนถิง เกาถานจึงลงมือตักข้าว ส่วนเจียวหนิงรีบไปดูแลคุณหนูและคุณชายน้อยกู่เยี่ยนถิงรู้สึกพอใจเป็นอย่างมาก ที่จางเหวินชิงพาเธอมาพักที่คฤหาสถ์หลังนี้ด้วย ถึงแม้ว่าเขาจะให้เธอพักเพียงแค่ระยะเวลาหนึ่งก็ตาม แต่เพียงเท่านี้ก็เพียงพอแล้วที่จะทำตามแผนของเธอ"คุณหนูคะ รู้มั้ยว่าคุณผู้ชายพาใครกลับมาบ้านด้วย ?"เจียวหนิงเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ"เขาพาใครกลับมาล่ะ ?"หลินเสี่ยวเหยาถามเจียวหนิงเสียงราบเรียบ พลางเช็ดผมให้ลูกชายไปด้วย วันนี้ทั้งเธอและซาลาเปาน้อยต้องอาบน้ำและสระผม เพราะกลิ่นเครื่องปรุงของหม้อไฟติดไปตามตัวและผมของทั้งสองคน"คุณกู่เยี่ยนถิงค่ะ"พอเจ
หลังจากทานข้าวเช้าเสร็จหลินเสี่ยวเหยากับลูกชายก็เดินไปขึ้นรถที่จอดรออยู่หน้าคฤหาสถ์ ปล่อยให้จางเหวินชิงมองตามสองแม่ลูกไปด้วยใจโหวงเหวงเขารู้สึกอย่างไรก็ไม่อาจตอบตัวเองได้ เมื่อก่อนเขามักจะรำคาญที่หลินเสี่ยวเหยาคอยตามเกาะแกะเขา แต่พอเธอเมินแบบนี้กลับรู้สึกจี๊ด ๆ ในใจ ราวกับมีมดหลายตัวไต่อยู่ในนั้น"เหวินชิง เป็นอะไรคะ ?"กู่เยี่ยนถิงเอ่ยถามเขาออกมาเสียงอ่อนหวาน เพราะเห็นว่าเขาดูเหม่อลอยตั้งแต่สองแม่ลูกเดินออกไป"เปล่า ไม่มีอะไร เราก็ไปกันเถอะ"พูดจบจางเหวินชิงก็ลุกขึ้นยืนและก้าวเดินออกไปจากห้องอาหารทันที ทำให้กู่เยี่ยนถิงจำต้องรีบเดินตามเขาไปวันนี้เขาจะพากู่เยี่ยนถิงไปหาดูบ้านพัก เพราะเธอบอกกับเขาว่าจะกลับมาอยู่ที่นี่ถาวรเลย เธอไม่มีญาติพี่น้องที่ไหน ครั้นจะให้เธอพักด้วยที่คฤหาสน์ หากคุณย่ารู้ท่านคงไม่พอใจแน่ เขาจึงจำเป็นต้องหาที่พักให้เธอกู่เยี่ยนถิงแม้จะไม่อยากไปพักที่อื่น แต่ก็ต้องจำยอมโอนอ่อนตามเขาไปก่อน เพราะว่าเธอไม่อยากให้เขามองว่าเธอเป็นคนเรื่องมาก ซึ่งนั่นก็ทำให้จางเหวินชิงพอใจมากเขานึกเปรียบเทียบระหว่างหลินเสี่ยวเหยากับกู่เยี่ยนถิง หากว่าหลินเสี่ยวเหยามีนิสัยที่ไม่งี่เง่า
"เสี่ยวเหยา ฉันขอคุยด้วยหน่อย"ในขณะที่หลินเสี่ยวเหยากำลังจะเล่านิทานให้เจ้าตุ้ยนุ้ยฟัง จางเหวินชิงก็เดินเข้ามาในห้องนอนของลูกชายและบอกกับเธอ เธอมองหน้าเขานิดหนึ่งก่อนจะพูดออกมา"ได้..แต่ขอกล่อมจ้าวเหวินให้หลับก่อน คุณไปรอฉันที่ห้องนั่งเล่นแล้วกัน"จางเหวินชิงรู้สึกแปลกใจกับคำตอบของเธอ ถ้าเป็นเมื่อก่อนหากเขาพูดแบบนี้ เธอจะรีบทิ้งทุกอย่างเพื่อไปคุยกับเขา หรือนี่จะเป็นวิธีเรียกร้องความสนใจของเธออีกแบบหนึ่ง "ไม่เป็นไร เดี๋ยวฉันนั่งรอที่นี่"ถ้าเป็นอย่างนั้นเขาก็อยากรู้ว่าเธอจะมาไม้ไหน จึงคิดจะนั่งรอเธอในห้องนี้"พ่อครับ มาฟังนิทานกับหนูไหม ? แม่เล่าสนุกมาก"ซาลาเปาน้อยเอ่ยชวนพ่อ เด็กน้อยรู้สึกดีใจมากที่พ่อเข้ามาในห้องนอนของเขา เพราะปกติแล้วจางเหวินชิงไม่เคยย่างกรายมาที่นี่เลย"อืม..ก็ดีเดี๋ยวพ่อฟังด้วย"หลินเสี่ยวเหยามองหน้าเขาแวบหนึ่ง ก่อนจะเริ่มเล่านิทานเรื่องกระต่ายกับเต่าให้ลูกชายฟัง พอนิทานจบเด็กน้อยก็หลับปุ๋ย เธอก้มลงจูบแก้มยุ้ยของเจ้าตุ้ยนุ้ย ห่มผ้าให้และปิดไฟตรงหัวเตียง แล้วก็ลงจากเตียงเดินนำจางเหวินชิงไปที่ห้องนั่งเล่นเขาจึงต้องรีบก้าวยาว ๆ ตามหลังเธอไป กิริยาที่หลินเสี่ยวเหยา
"เหวินชิงเจ้าหลานชั่ว !" หลิวหานซื่อที่วันนี้ลงทุนมาหาจางเหวินชิงถึงบริษัท ถึงแม้ว่าม่อหนานผู้ช่วยของเขาจะห้ามอย่างไรท่านก็ไม่ฟังท่านเปิดประตูเข้ามาในห้องทำงานของประธานจาง แล้วก็ชี้หน้าด่าจางเหวินชิงเสียงดัง ม่อหนานรีบวิ่งเข้ามา แต่จางเหวินชิงโบกมือห้าม เขาจึงได้ถอยออกไป"คุณย่าครับ มีอะไร ?""แกยังมีหน้ามาถาม แกพาแม่ดารานั่นมาอยู่ร่วมบ้าน แถมยังซื้อบ้านให้หล่อนอีก แกเป็นบ้าอะไร หือ !?"แม้พอจะรู้ว่าที่คุณย่ามาหาเขาถึงที่นี่ คงจะไม่พ้นเรื่องนี้แน่ เพราะปกติแล้วท่านไม่ค่อยออกไปไหน อย่าว่ามาที่บริษัทเลย คงจะเป็นหลินเสี่ยวเหยาแน่ ๆ ที่นำเรื่องนี้ไปบอกกับท่าน "เสี่ยวเหยาคงฟ้องคุณย่า ?""แกไม่ต้องโทษเสี่ยวเหยา เธอไม่ได้ฟ้องอะไรย่าทั้งนั้น เพราะย่าก็มีหูมีตา"พอได้ฟังคำตอบของคุณย่า จางเหวินชิงแทบไม่อยากเชื่อหูตัวเอง มีหรือคนอย่างหลินเสี่ยวเหยาจะไม่คาบข่าวเรื่องนี้ไปฟ้องคุณย่า เพราะทุกครั้งที่ผ่านมาแม้แต่เรื่องเล็กน้อยเธอก็นำไปรายงานท่าน แล้วคุณย่าก็มาเล่นงานเขาอีกที"แกจะทำอะไรคิดดี ๆ นะเหวินชิง ถ้าแกเสียสิ่งที่มีค่าที่สุดไปแล้วแกจะเสียใจ อย่าหาว่าย่าไม่เตือน"พูดจบคุณย่าหลิวหานซื่อก็เด
"คุณย่าคะใจเย็น ๆ"หลินเสี่ยวเหยาปลอบคุณย่า ส่วนจางจ้าวเหวินก็ลูบหลังคุณย่าทวดเพื่อให้ท่านระงับอารมณ์หลิวหานซื่อหายใจเข้าออกลึก ๆ เพื่อที่จะตั้งสติ กู่เยี่ยนถิงผู้หญิงคนนี้ร้ายกาจแถมยังเจ้ามารยา มิน่าล่ะจางเหวินชิงถึงไม่เคยลืมเธอ เวลาผ่านไปสักครู่ใหญ่คุณย่าก็สงบสติอารมณ์ได้ ท่านหันไปมองหน้าหลินเสี่ยวเหยา แล้วก็ลูบหัวเจ้าซาลาเปาน้อยเบา ๆ "คุณย่าคะอาหารเย็นหมดแล้ว หนูว่าเราทานข้าวกันเถอะ""คุณย่าครับ จ้าวเหวินหิวข้าว""ครับ ๆ ย่าขอโทษ ถ้างั้นเรามาทานกันเถอะ"แล้วทั้งสามคนก็ลงมือทานข้าวโดยไม่รอจางเหวินชิงกับกู่เยี่ยนถิง"เยี่ยนถิง ดีขึ้นหรือยัง ?"จางเหวินชิงเอ่ยถามกู่เยี่ยนถิง เขาขยับห่างออกจากตัวของเธอ"อืม..ดีขึ้นแล้วค่ะ สงสัยจะถ่ายงานหนักไปหน่อย เมื่อตอนกลางวันฉันก็ไม่ได้ทานข้าว""อย่าหักโหม สุขภาพสำคัญที่สุด ถ้าอย่างนั้นเราไปทานข้าวกันเถอะ"กู่เยี่ยนถิงพยักหน้า จางเหวินชิงจึงเดินนำเธอไปห้องอาหาร แต่ก็พบว่าไม่มีใครอยู่ที่นั่นแล้ว เขาจึงทานข้าวเงียบ ๆ ไม่พูดอะไร แม้ว่ากู่เยี่ยนถิงจะพยายามชวนเขาคุยก็ตาม เขาแค่เพียงพยักหน้าเล็กน้อยให้เธอเท่านั้นกู่เยี่ยนถิงแอบกำมือแน่นจนปลายเล็บจิกเ
ในขณะที่ขับรถออกมาจากตึกจางกรุ๊ป หลินเสี่ยวเหยาก็เกิดนึกอยากไปขับรถเล่น เพราะมองดูเวลาแล้วอีกหลายชั่วโมงกว่าจะถึงเวลาที่จางจ้าวเหวินจะเลิกโรงเรียนเธอจึงได้เปลี่ยนเส้นทางและขับรถเล่นไปเรื่อย ๆ จนถึงทะเล เธอจอดรถไว้ที่ริมหาด และเดินลงไปตรงชายทะเล ถอดรองเท้าและหิ้วเอาไว้ในมือ เดินเท้าเปล่าไปตามหาดทรายห้าปีแล้วมั้งที่เธอไม่ได้มาทะเลเลย เป็นเพราะคอยตามแต่จางเหวินชิง มัวแต่แคร์และไล่ตามเขา โดยที่ไม่เคยรู้เลยว่าเขาไม่เคยต้องการเลย หรืออาจจะรู้แต่เธอก็ไม่สนใจหลินเสี่ยวเหยาเดินเล่นไปเรื่อย ๆ มองดูเรือที่อยู่กลางทะเล แล้วก็นึกถึงจางจ้าวเหวินขึ้นมา เจ้าตุ้ยนุ้ยอยากมาทะเลตั้งนานแล้ว เดี๋ยววันหยุดนี้เธอไปรับคุณย่าแล้วก็พาทั้งสองคนมาเที่ยวทะเลดีกว่า"เจ้านายครับ คุณเสี่ยวเหยาอยู่ที่ริมหาด"ม่อหนานก้มลงกระซิบที่ข้างริมหูของจางเหวินชิง เขาจึงมองออกไปตรงริมชายหาด ก็เห็นร่างบอบบางสมส่วนในชุดเดรสสีขาวของภรรยาที่เขาเกลียด กำลังเดินเท้าเปล่าไปตามชายหาด"อืม..จับตาดูเธอไว้"คิดเอาไว้ไม่มีผิด เธอต้องตามเขามาแน่ ๆ เพราะเธอคงจะรู้ว่าเขามาประชุมผู้ถือหุ้นที่โรงแรมแห่งนี้ ซึ่งเป็นโรงแรมในเครือของจางกรุ๊ปการ
พอได้คำตอบจากเจ้าหน้าที่ท่านนั้น หลินเสี่ยวเหยากับจางเหวินชิงก็เดินตรงไปที่ลิฟท์ พอเข้าไปในลิฟท์ได้ก็กดไปยังชั้น 15 จางเหวินชิงมองหน้าและสบตากับหลินเสี่ยวเหยา เขาพบแวววิตกกังวลอยู่ในนั้น เขาไม่รู้ว่าตั้งแต่จางจ้าวเหวินคลอด เวลาที่เด็กน้อยไม่สบายเธอเจะเป็นอย่างไร เพราะไม่ค่อยได้สนใจมากนัก แต่มาวันนี้พอเขาได้เห็นแวววิตกกังวลของเธอแล้ว เขาก็พลอยเป็นกังวลไปด้วย อยากจะเอื้อมมือไปลูบไล้แก้มใสของเธอเพื่อปลอบโยน แต่ก็ไม่กล้า'ติ๊ง !"พอมาถึงชั้นที่ต้องการประตูลิฟท์ก็เปิดออก หลินเสี่ยวเหยากับจางเหวินชิงรีบก้าวยาว ๆ ตรงเข้าไปหานางพยาบาลที่เดินผ่านมาพอดี "มาหาจางจ้าวเหวินค่ะ""อยู่ในห้องนั้นค่ะ"ได้คำตอบจากนางพยาบาลแล้ว ทั้งสองคนก็เข้าไปในห้องนั้นทันที "จ้าวเหวิน"หลินเสี่ยวเหยาเรียกเด็กน้อยที่นอนอยู่บนเตียงเสียงแผ่ว เธอเอื้อมมือไปลูบใบหน้าเล็กและซีดเซียวนั้นอย่างอ่อนโยน น้ำตารื้นขึ้นมาทันที ทั้งเป็นห่วงและสงสารเจ้าตุ้ยนุ้ยจางเหวินชิงมองดูกิริยาท่าทางของหลินเสี่ยวเหยาแล้วก็รู้สึกแปลก ๆ หัวใจอ่อนยวบลง ตลอดสี่ห้าปีมานี้เขาไม่ได้ใกล้ชิดสองแม่ลูกเลย แทบไม่รู้เรื่องอะไรของทั้งสองคนมากนัก อีกอย่า
หนึ่งเดือนต่อมา จางเหวินชิงกับหลินเสี่ยวเหยาได้มาเที่ยวที่ต่างประเทศด้วยกันลำพังสองคน ทั้งสองคนตกลงกันว่าจะลองให้โอกาสกันและกันดู แล้วก็ลองศึกษาดูนิสัยใจคอกันใหม่ด้วย ซึ่งคุณย่าทวดและจางจ้าวเหวินต่างก็เห็นดีเห็นงามด้วยกับทั้งคู่โดยก่อนที่หนุ่มสาวทั้งสองจะเดินทางมาต่างประเทศ คุณย่าทวดก็ได้กำชับหนักแน่นว่าให้หลินเสี่ยวเหยารีบมีน้องของจางจ้าวเหวินเร็ว ๆ และพอบอกเรื่องนี้กับเจ้าตุ้ยนุ้ย เด็กน้อยก็เฝ้ารอคอยน้องชายกับน้องสาวอยู่ตลอดเวลา"เหวินชิง คุณดูนั่นสิ"หลินเสี่ยวเหยาชี้ชวนให้จางเหวินชิงดูกุหลาบแดงช่อใหญ่ ที่วางขายอยู่ตรงริมฟุตบาท เขามองดูเธอด้วยสายตารักใคร่ เพราะเธอทั้งสดใสน่ารักและก็ไม่ใช่คนเอาแต่ใจอย่างที่ผ่านมาเลย "อยากได้เหรอ ?"เสียงห้าวทุ้มเอ่ยถามเธออย่างอ่อนโยน พร้อมกับจูงมือเธอพาเดินไปที่กุหลาบสีแดงช่อนั้น "อืม..ก็มันทั้งสวยแล้วก็หอมด้วย"เธอตอบเขาพลางก้มลงมองกุหลาบช่อนั้นใกล้ ๆ จางเหวินชิงจึงถามราคาจากคนขายแล้วก็จ่ายเงิน เมื่อเสร็จเรียบร้อยเขาก็ส่งกุหลาบแดงช่อนั้นให้เธอ หลินเสี่ยวเหยารับมันมาถือเอาไว้แนบอก ก้มลงดอมดมกลิ่นหอมของมัน"ขอบคุณมากค่ะ"เธอกล่าวขอบคุณเขาออกมาด้วย
ในตอนเช้าหลินเสี่ยวเหยางัวเงียตื่นขึ้นมา ก็พบว่าตอนนี้เธออยู่ในอ้อมกอดของจางเหวินชิง จึงรีบขยับตัวเพื่อจะออกจากอ้อมแขนของเขา "จะรีบลุกไปไหน ยังเช้าอยู่เลย ?"แต่ว่าจางเหวินชิงกลับไม่ยอมปล่อย เขากลับกอดกระชับอ้อมแขนแกร่งรัดตัวเธอให้แน่นขึ้น "คุณ..ปล่อยนะ"เธอบอกเขาเสียงห้วน สายตามองหาร่างอ้วนกลมของลูกชาย ก็พบว่าจางจ้าวเหวินนอนอยู่ที่พื้นข้างเตียง"เมื่อก่อนคุณรังเกียจฉันอย่างกับอะไรไม่ใช่หรือไง ?"จบประโยคของเธอ จางเหวินชิงจึงได้คลายอ้อมแขนออก สายตามีแวววูบไหวอยู่ในนั้น แต่หลินเสี่ยวเหยาไม่ได้สนใจท่าทางของเขา ปีนลงจากเตียงและไปปลุกลูกชายให้ไปอาบน้ำเพื่อเตรียมตัวไปโรงเรียนจางเหวินชิงจึงได้ลุกขึ้น เขากลับไปทำธุระส่วนตัวที่ห้องนอนของตัวเอง และไปนั่งรอสองแม่ลูกที่โต๊ะทานข้าว"วันนี้ไม่ไปทำงานเหรอ ?"คุณย่าเอ่ยถาม เพราะเห็นว่าวันนี้เขาใส่ชุดลำลอง เสื้อยืดสีเทาแขนยาวแล้วก็กางเกงสแล็คสีกรมท่า ไม่ใช่ชุดสูทสำหรับไปทำงาน"ผมจะไปร่วมกิจกรรมที่โรงเรียนของจ้าวเหวินครับ""คุณย่าไปด้วยไหมครับ ?"จางจ้าวเหวินเดินเข้ามาพร้อมแม่ ทันได้ยินที่คุณย่าคุยกับพ่อ เขาจึงชวนท่านไปด้วย "ไม่ล่ะ หนูไปกับคุณพ่อค
"ฉันคุยกับคุณย่าแล้ว ท่านไม่มีปัญหาค่ะ รอแค่เราสองคนพร้อมเท่านั้น ท่านเคารพการตัดสินใจของเรา"คำพูดของหลินเสี่ยวเหยาสะท้อนกลับไปกลับมาในโสตประสาทของจางเหวินชิง จู่ ๆ เขาก็ไม่อยากหย่ากับเธอขึ้นมา ไม่เข้าใจความรู้สึกของตัวเองเลยจะว่าไปแล้วที่หลินเสี่ยวเหยามีนิสัยที่ไม่ดีหลายอย่าง ทั้งตามหึงหวง เหวี่ยงวีนผู้หญิงทุกคนที่เข้าใกล้เขา ความผิดส่วนหนึ่งก็เกิดจากตัวเขาเอง เขาไม่เคยให้เกียรติเธอในฐานะภรรยา เย็นชาและไม่เคยพูดดีกับเธอเลยสักครั้ง แถมยังท้ทเธอหย่าเกือบทุกวัน จนเธอต้องสร้างเรื่องเพื่อเรียกร้องความสนใจจากเขา แต่พอมาวันนี้เธอหยุดทำแบบนั้นและเป็นคนเอ่ยปากเรื่องหย่าขึ้นมาเองเขากลับรู้สึกเจ็บจางเหวินชิงยกมือขึ้นมาก่ายหน้าผาก อยากจะข่มตาให้นอนหลับ แต่มันก็หลับไม่ลง เขาเลื่อนมือลงไปลูบตรงสะบักเอวของตัวเองเบา ๆ'ไตของเธอข้างหนึ่งอยู่กับเขา'หลินเสี่ยวเหยาคงรักเขามากจริง ๆ แม้แต่อวัยวะในร่างกายยังยอมเสียสละให้เขาได้ นี่เขาตามืดบอดมองไม่เห็นความรักของเธอได้ยังไงกัน แต่กับกู่เยี่ยนถิงเขากลับหลงเชื่อและงมงาย คิดว่าเธอรักเขาจริง ๆ แต่แท้จริงแล้วเธอวางแผนทุกอย่างเพื่อใช้เขาเป็นสะพานไปสู่ความต้
หลังจากเรื่องของกู่เยี่ยนถิงผ่านไป ถึงแม้ว่าความจริงทุกอย่างจะเปิดเผยแล้วก็ตาม แต่ก็ดูเหมือนว่าความสัมพันธ์ระหว่างหลินเสี่ยวเหยาและจางเหวินชิงก็ไม่ได้ดีขึ้นจากแต่ก่อนเลยหลินเสี่ยวเหยาโกรธที่จางเหวินชิงไม่ยอมจัดการตอนที่รู้ว่ากู่เยี่ยนถิงปองร้ายจางจ้าวเหวิน ส่วนตัวจางเหวินชิงนั้นเขาก็รู้สึกผิดที่เป็นต้นเหตุทำให้เรื่องราวไม่ดีต่าง ๆ เกิดขึ้นมา รวมทั้งเรื่องที่ความจริงแล้ว คนที่มอบไตให้เขาก็คือหลินเสี่ยวเหยาไม่ใช่กู่เยี่ยนถิงด้วยจางเหวินชิงกินนอนที่บริษัทเป็นส่วนใหญ่ เขาแทบไม่ได้กลับไปที่คฤหาสน์เลย แม้แต่คุณย่าเองที่เมื่อก่อนจะเป็นเดือดเป็นร้อนทุกครั้งที่เขาไม่ยอมกลับบ้าน มักจะคอยโทรตามขอร้องกึ่งบังคับให้เขากลับ แต่ตอนนี้ท่านกลับไม่ทำแบบนั้นเลย"พ่อคร้าบบ"วันนี้เป็นวันเสาร์ จางจ้าวเหวินไม่ได้ไปโรงเรียน เขาจึงมาหาจางเหวินชิงที่บริษัท เนื่องจากว่าพ่อไม่กลับบ้านนานนับเดือนแล้ว เจ้าตุ้ยนุ้ยคิดถึงพ่อมาก จึงขอให้แม่พาเขามา "จ้าวเหวิน มาได้ยังไง ?"ร่างอ้วนกลมของจางจ้าวเหวินวิ่งเข้าไปหาพ่อที่ห้องทำงาน จางเหวินชิงก้าวยาว ๆ ไปหาลูกชาย แล้วก็ย่อตัวลงอุ้มเจ้าตุ้ยนุ้ยขึ้นมา เขากอดคอพ่อเอาไว้แล้ว
ราว ๆ ห้าโมงเย็นจางเหวินชิงก็กลับมาถึงคฤหาสน์ เขารีบเดินเข้าไปในห้องรับแขก เพราะเกาถานแจ้งว่า กู่เยี่ยนถิงอยู่ที่นั่น"เยี่ยนถิง คุณมาทำไม ?"เขาถามเธอออกไปด้วยความโมโห แล้วก็กระชากแขนเธอให้ลุกขึ้น"ก็คุณไม่ยอมไปหาฉัน พอฉันไปหาคุณที่บริษัทคุณก็ไล่ฉันกลับ ฉันอยากรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น คุณโกรธฉันเรื่องอะไร ?"กู่เยี่ยนถิงถามเขาเสียงเครือ น้ำตาเริ่มรื้นขึ้นมาคลอหน่วย "เยี่ยนถิง เพราะอะไรคุณรู้ดีที่สุด"จางเหวินชิงบอกกับเธอเสียงเย็นชา กู่เยี่ยนถิงชะงักไป อย่าบอกนะว่าเขารู้อะไรมา แต่ว่าเธอก็ยังคงบีบน้ำตาและถามเขาออกมาเสียงสั่น ดูช่างน่าสงสาร"รู้อะไรคะ ?""เลิกเสแสร้งเถอะ ผมรู้เรื่องหมดแล้วทั้งเรื่องที่คุณวางยาจ้าวเหวินเพื่อจะโยนความผิดให้เสี่ยวเหยา แล้วก็ที่คุณวางยาเดวิด เพราะว่าคุณเป็นคนสั่งให้เขามาจับตัวเสี่ยวเหยา คุณย่าและจ้าวเหวิน"เขาพูดเสียงดังชัดถ้อยชัดคำ ย้ำชัด ๆ ให้ผู้หญิงตรงหน้าได้ยิน แต่ว่ากู่เยี่ยนถิงกลับปฏิเสธ"ไม่จริงค่ะ ฉันไม่ได้ทำอะไรแบบนั้น แม้แต่มดสักตัวฉันยังไม่เคยฆ่า แล้วฉันจะวางยาเดวิดกับลูกชายคุณได้ยังไง !?""คุณหยุดพูด และกลับไปเสียเถอะแล้วก็อย่ามายุ่งกับผมอีก ผมไม่
"เหวินชิงคะ"กู่เยี่ยนถิงมาดักรอพบเขาที่บริษัท แต่ว่ารปภ. ไม่ยอมให้เธอเข้าไปเพราะจางเหวินชิงสั่งเอาไว้ เธอไม่มีข้ออ้างแล้วด้วยเพราะงานถ่ายแบบที่เธอเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้กับจางกรุ๊ปนั้นถ่ายเสร็จเรียบร้อยแล้ว เธอเอ่ยเรียกเขาเสียงหวานทันทีที่เขาก้าวลงมาจากรถ กู่เยี่ยนถิงมารอเขาที่ลานจอดรถตั้งแต่เช้าแล้ว เพราะว่าจางเหวินชิงไม่ยอมไปหาเธอเลยตั้งแต่วันที่เกิดเหตุการณ์ลักพาตัวคนในครอบครัวเขา พอเธอโทรหาและถาม เขาก็บอกว่างานยุ่ง"เยี่ยนถิง มาทำไม ?"น้ำเสียงเย็นชาที่เอ่ยออกมานั้น กู่เยี่ยนถิงแทบไม่เชื่อหูตัวเอง เขาไม่เคยพูดกับเธอด้วยน้ำเสียงแบบนี้มาก่อน แม้จะโกรธแต่ก็ต้องระงับเอาไว้ เอ่ยบอกเขาเสียงอ่อนหวาน"ฉันคิดถึงคุณ"พูดจบก็เดินเข้าไปใกล้เพื่อจะเกาะแขนเขา แต่จางเหวินชิงสะบัดแขนออก"กลับไปเถอะเยี่ยนถิง แล้วก็ไม่ต้องมาให้ผมเห็นหน้าอีก""อะไรกันคะเหวินชิง ทำไมพูดแบบนี้ คุณโกรธเรื่องอะไร ?"เธอรีบถามเขาเสียงแผ่ว น้ำตารื้นขึ้นมาทันที สบตากับเขาใบหน้าแดงก่ำ ราวกับเจ็บปวดนักหนา ถ้าหากว่าเป็นเมื่อก่อน จางเหวินชิงจะรีบกอดและเอ่ยปลอบใจเธอทันที แต่ว่าวันนี้มันกลับไม่เป็นเช่นนั้น"คุณกลับไปเถอะ"เขาพูดเพ
เมื่อทำอาหารเสร็จ หลินเสี่ยวเหยาก็บอกให้เกาถานกับเจียวหนิงตั้งโต๊ะ ส่วนเธอนั้นเดินไปหาลูกชายกับคุณย่าที่ห้องนั่งเล่น"คุณย่า จ้าวเหวินทานข้าวค่ะ"คุณย่ากับเจ้าตุ้ยนุ้ยที่กำลังช่วยกันระบายสีรูปช้างอยู่ก็หยุดมือ และเดินตามหลินเสี่ยวเหยาไปที่ห้องอาหาร ระหว่างที่ทุกคนจะลงมือทานข้าวนั้น จางเหวินชิงก็เดินเข้ามา"เหวินชิง ย่านึกว่าแกตายไปแล้วเสียอีก"คุณย่าเอ่ยประชดหลานชาย เพราะว่าตลอดหนึ่งสัปดาห์ที่ท่านมาพักที่นี่จางเหวินชิงไม่ได้กลับมาบ้านเลย "โธ่คุณย่าครับผมงานยุ่ง""งานยุ่ง หรือแกมัวแต่ยุ่งกับแม่ดารานั่นกันแน่"คุณย่าก็ยังไม่ยอมหยุดประชดประชันหลานชายตัวดี จางเหวินชิงเงียบไม่ยอมพูดอะไรต่อ ใบหน้าหล่อเหลาเคร่งขรึมเพิ่มขึ้นมาหลายส่วน นั่งลงข้าง ๆ ลูกชาย เกาถานจึงเอาชามมาเพิ่มและตักข้าวให้เขาคุณย่ายังคงมองหน้าหลานชายตาขวาง หลินเสี่ยวเหยาจึงสะกิดให้จางจ้าวเหวินตักกับข้าวใส่จานให้ท่าน เพื่อให้ท่านคลายความโมโห"คุณย่าครับทานนี่ดูหน่อย ต้มยำกุ้งเป็นอาหารไทย แม่หนูทำอร่อยมาก"เจ้าตุ้ยนุ้ยตักกุ้งตัวพอเหมาะใส่ไปในชามข้าวของคุณย่า ท่านหันมายิ้มให้เขาและเอ่ยชมไม่ขาดปาก"จ้าวเหวินของย่า กตัญญูจริง ๆ
"แม่คร้าบบ !"เจ้าตุ้ยนุ้ยวิ่งมาหาแม่ที่กำลังยืนทำกับข้าวอยู่ในครัวด้วยความดีใจ หลังจากเหตุการณ์ลักพาตัวผ่านพ้นไปได้หนึ่งสัปดาห์ ทุกคนก็กลับมาใช้ชีวิตตามปกติ และคุณย่าก็มาอยู่ที่คฤหาสน์กับพวกเธอแบบถาวรวันนี้หลินเสี่ยวเหยาไม่ได้ไปรับจางจ้าวเหวินที่โรงเรียน เพราะเธอรู้สึกเวียนหัวจึงให้คุณย่าไปรับเขาแทน เมื่อมาถึงบ้านเจ้าตุ้ยนุ้ยจึงวิ่งเข้ามาหาแม่ด้วยความคิดถึงจางจ้าวเหวินวิ่งเข้าไปกอดเอวแม่ทางด้านหลังเต็มแรง ด้วยน้ำหนักตัวของเจ้าตุ้ยนุ้ยทำให้เกิดแรงกระแทกใส่ตรงบั้นเอวของหลินเสี่ยวเหยา เธอเจ็บแปล๊บขึ้นมาทันที"จ้าวเหวิน เบา ๆ หน่อยครับ แม่ปวดหลัง"เธอกัดฟันข่มความเจ็บปวดแล้วก็เอี้ยวตัวไปบอกลูกชาย อาการปวดหลังของเธอจะมีขึ้นหากมีอะไรมากระแทกตรงบริเวณบั้นเอวแรง ๆ"หนูขอโทษครับ แม่หายปวดหรือยัง เดี๋ยวหนูเป่าให้"เจ้าตุ้ยนุ้ยเอ่ยขอโทษออกมา และถามแม่ด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน แล้วเขาก็เป่าฟู่ ๆ ไปตรงบริเวณบั้นเอวของผู้เป็นแม่สองสามที หลินเสี่ยวเหยาซาบซึ้งใจในความห่วงใยของลูกชายที่มีต่อเธอ น้ำตารื้นขึ้นมา ลูกชายของเธอช่างน่ารักจริง ๆ"หายแล้วจ้ะ หนูไปนั่งรอแม่กับคุณย่าก่อนนะ""ครับแม่"จางจ้าวเหวินจ
หลินเสี่ยวเหยามองไปที่มือของตัวเอง ก็พบว่ามือใหญ่ของจางเหวินชิงกุมมือของเธอเอาไว้ เขาเองก็เหมือนจะรู้ว่าเธอมอง แต่ก็ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้และไม่ยอมปล่อยมือเธอเธอจึงปล่อยเลยตามเลย อยากจับก็จับไปขืนเธอพูดอะไรออกมาเดี๋ยวเขาก็หาว่าเธอเรียกร้องความสนใจอีก จางเหวินชิงลอบยิ้มอย่างพอใจ ใบหน้าเย็นชานั้นดูหล่อเหลาขึ้นมาหลายส่วน หลินเสี่ยวเหยามองเขาตาค้างไป เพราะถึงยังไงก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเขาคือผู้ชายที่เธอรักมาก และเธอก็ไม่คิดจะรักใครได้อีก ถึงแม้ว่าจะหย่ากับเขาก็ตาม ถึงวันนั้นเธอก็ไม่คิดจะเริ่มต้นใหม่กับใครแม้ว่าในตอนนี้คนที่อยู่ในร่างนี้จะเป็นนภา แต่ว่าความรู้สึกนึกคิด ความชอบและความรักก็ยังคงเป็นของหลินเสี่ยวเหยาคนเดิม "แล้วคุณรู้ได้ไงว่า พวกเราถูกจับตัวไปที่นั่น ?"เธอเอ่ยถามเขาออกมาแก้เขิน จางเหวินชิงจึงได้เริ่มเล่าเรื่องราวให้เธอฟังในขณะที่จางเหวินชิงกำลังนั่งทำงานอยู่ และเริ่มรู้สึกไม่พอใจกู่เยี่ยนถิงมากขึ้นเรื่อย ๆ เพราะว่าเธอไม่ได้อยู่เงียบ ๆ ตามที่เธอพูด แต่กลับมาคอยก่อกวนและยั่วยวนเขา จนเขาเกือบจะให้ รปภ. มาโยนตัวเธอออกนอกห้องทำงานนั้น ม่อหนานก็วิ่งกระหืดกระหอบเข้ามา"ท่านประธานครับ เ