หนึ่งเดือนต่อมา จางเหวินชิงกับหลินเสี่ยวเหยาได้มาเที่ยวที่ต่างประเทศด้วยกันลำพังสองคน ทั้งสองคนตกลงกันว่าจะลองให้โอกาสกันและกันดู แล้วก็ลองศึกษาดูนิสัยใจคอกันใหม่ด้วย ซึ่งคุณย่าทวดและจางจ้าวเหวินต่างก็เห็นดีเห็นงามด้วยกับทั้งคู่โดยก่อนที่หนุ่มสาวทั้งสองจะเดินทางมาต่างประเทศ คุณย่าทวดก็ได้กำชับหนักแน่นว่าให้หลินเสี่ยวเหยารีบมีน้องของจางจ้าวเหวินเร็ว ๆ และพอบอกเรื่องนี้กับเจ้าตุ้ยนุ้ย เด็กน้อยก็เฝ้ารอคอยน้องชายกับน้องสาวอยู่ตลอดเวลา"เหวินชิง คุณดูนั่นสิ"หลินเสี่ยวเหยาชี้ชวนให้จางเหวินชิงดูกุหลาบแดงช่อใหญ่ ที่วางขายอยู่ตรงริมฟุตบาท เขามองดูเธอด้วยสายตารักใคร่ เพราะเธอทั้งสดใสน่ารักและก็ไม่ใช่คนเอาแต่ใจอย่างที่ผ่านมาเลย "อยากได้เหรอ ?"เสียงห้าวทุ้มเอ่ยถามเธออย่างอ่อนโยน พร้อมกับจูงมือเธอพาเดินไปที่กุหลาบสีแดงช่อนั้น "อืม..ก็มันทั้งสวยแล้วก็หอมด้วย"เธอตอบเขาพลางก้มลงมองกุหลาบช่อนั้นใกล้ ๆ จางเหวินชิงจึงถามราคาจากคนขายแล้วก็จ่ายเงิน เมื่อเสร็จเรียบร้อยเขาก็ส่งกุหลาบแดงช่อนั้นให้เธอ หลินเสี่ยวเหยารับมันมาถือเอาไว้แนบอก ก้มลงดอมดมกลิ่นหอมของมัน"ขอบคุณมากค่ะ"เธอกล่าวขอบคุณเขาออกมาด้วย
บรรยากาศเศร้าสร้อย และเสียงร้องไห้ที่เปล่งออกมาราวกับว่าคนร้องกำลังจะขาดใจนั้น สร้างความหดหู่ให้กับผู้คนที่พบเจอเป็นอย่างมากก็แน่ล่ะเป็นใครก็ต้องร้องไห้แทบขาดใจทั้งนั้น ถ้าหากว่าได้สูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักไปพร้อมกันถึงสองคน‘นภา’ หญิงสาววัยสามสิบปียืนมองขึ้นไปบนเมรุเผาศพด้วยสายตาที่ฝ้าฟางเพราะว่าน้ำตามันเอ่อล้นออกมา ซึ่งในนั้นมีร่างที่ไร้วิญญาณของสามีและลูกชายวัยสี่ขวบของเธอนอนแน่นิ่งอยู่และตอนนี้เปลวไปสีเหลืองส้มกำลังลามเลียและเริ่มเผาไหม้ร่างกายของคนทั้งสองให้มอดไหม้ไป และสุดท้ายก็คงจะเหลือเพียงเถ้ากระดูกเพียงเท่านั้น“ฮือ ๆๆๆ”นภาร้องไห้ออกมาเสียงดังจนพี่เจนเพื่อนข้างบ้านต้องเข้าไปกอดปลอบ“ทำใจเถอะนะ ทั้งสองคนทำบุญมาแค่นี้”“แล้วหนูจะอยู่ยังไงล่ะคะพี่เจน ? ทั้งชีวิตนี้ก็มีแค่เขาสองคนเท่านั้น”นภาพูดออกมาพลางร้องไห้สะอึกสะอื้น เธอเป็นเด็กกำพร้าที่เติบโตมาในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า และได้มาพบรักกับผู้เป็นสามีเธอกับสามีได้แต่งงานและมีลูกชายด้วยกันหนึ่งคน ซึ่งลูกชายของเธอก็เพิ่งจะฉลองวันเกิดครบสี่ขวบไปเมื่อเดือนที่แล้วดูเหมือนว่าชีวิตของนภาก็มีความสุขดี สามีของเธอก็รักและเอาใจใส่เธอดี
ร่างชุ่มเหงื่อรู้สึกตัวตื่นขึ้นมา เพราะว่ามีเสียงอะไรมากระซิบที่ข้างหู“คุณนายคะ คุณนาย !”เสียงเล็ก ๆ ที่แฝงไว้ด้วยความกังวลดังแว่ว ๆ อยู่ข้างหูของนภา ทำให้เธอค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมา“คุณนาย คุณนายฟื้นแล้ว รีบไปตามหมอมาเร็ว”เสียงนั้นเปล่งออกมาอย่างดีใจ และได้บอกให้คนไปตามหมอมา เพื่อให้มาดูอาการของคนที่นอนอยู่บนเตียงนภากระพริบตาถี่ ๆ เพื่อปรับรูม่านตาให้เข้ากับแสง และความรู้สึกแรกที่รับรู้ได้ก็คืออาการปวดหัวอย่างรุนแรงแล่นขึ้นมาจู่โจมเธอ“โอ๊ย !?”เธอร้องโอ๊ยออกมาพลางเอามือกุมขมับและหลับตาลงทันที จำได้ว่าก่อนหน้านี้เธอทานยาแก้ปวดไปแล้วหลายเม็ดนี่นา ทำไมยังไม่หายปวดหัวอีก“คุณนายคะ หมอมาแล้วค่ะ”หลังจากนั้นคุณหมอเสิ่นก็เข้ามาตรวจอาการของเธอ นภาปล่อยให้หมอตรวจแต่โดยดี เพราะว่าเธอปวดหัวมากจนลืมตาไม่ขึ้น“คุณนายจาง รู้สึกเป็นยังไงบ้าง ?”เสียงทุ้มนุ่มของคุณหมอผู้ใจดีเอ่ยถามออกมา เธอจึงฝืนลืมตาขึ้นเพราะรู้สึกแปลกใจ หมอเรียกใครว่าคุณนายจางพอลืมตาขึ้นมาและมองไปรอบ ๆ เธอก็พบกับใครหลายคนที่เธอไม่คุ้นหน้า พลันเกิดความรู้สึกสับสน และเกิดคำถามมากมายขึ้นในหัว“คุณนายคะ !?”เมื่อเห็นสีหน้าท่าทางของผู
"อะไรนะคะ คุณนายจะไปรับคุณหนูที่โรงเรียน ?"เมื่อได้ยินคำสั่งของหลินเสี่ยวเหยา แม่บ้านเกาก็อุทานออกมาอย่างแปลกใจ เธอไม่คิดเลยว่าจะได้ยินคำพูดนี้ออกมาจากปากของคุณนายจาง"ใช่ค่ะ รบกวนแม่บ้านบอกคนขับรถให้ด้วยนะคะ"เกาถานจึงได้ไปทำตามคำสั่งของเธอ แม้จะแปลกใจอยู่มาก แต่ด้วยฐานะคนรับใช้เธอก็ไม่สามารถเอ่ยถามออกมาได้เมื่อรถยนต์คันหรูมาจอดรอที่หน้าคฤหาสถ์ หลินเสี่ยวเหยาก็ได้ก้าวขึ้นไปนั่งที่เบาะหลัง ที่นี่เธออาศัยอยู่กับจางเหวินชิงและจางจ้าวเหวินสามคน มีแม่บ้านและคนรับใช้รวม ๆ แล้วสิบคนมีเกาถานเป็นหัวหน้าแม่บ้าน และเจียวหนิงเป็นคนรับใช้ที่ตามเธอมาจากบ้านสกุลหลินเกาถานมองตามท้ายรถคันหรูไป วันนี้เธอรู้สึกว่าคุณนายจางเปลี่ยนไป ราวกับว่าไม่ใช่คุณนายจางคนเดิมจางเหวินชิงและหลินเสี่ยวเหยา แต่งงานกันเมื่อห้าปีก่อน แต่ว่าการแต่งงานของทั้งสองคนไม่ปกติเหมือนคู่สามีภรรยาคู่อื่น ๆจางเหวินชิงไม่ได้รักหลินเสี่ยวเหยา มีแต่เธอเท่านั้นที่รักเขาเพียงข้างเดียว แต่ที่ได้แต่งงานกันนั่นเป็นเพราะผู้ใหญ่เห็นดีด้วย เขามีคนรักอยู่แล้วชื่อว่ากู่เยี่ยนถิง เป็นดาราสาวสวย แต่ว่าคุณย่า 'หลิวหานซื่อ' ซึ่งเป็นญาติผู้ใหญ่
ในขณะที่จางเหวินชิงกำลังจะก้าวเข้าไปในบ้าน หูของเขาก็แว่วได้ยินเสียงหัวเราะของจางจ้าวเหวินและหลินเสี่ยวเหยาเขาจึงสอดส่ายสายตามองไปตามเสียงที่ได้ยิน ก็เห็นว่าในตอนนี้จางจ้าวเหวินกำลังปั่นจักรยานอยู่ โดยที่มีหลินเสี่ยวเหยาวิ่งตามหลัง"จ้าวเหวิน เก่งมากเลยลูก"เธอเอ่ยออกมาทั้งหัวเราะและปรบมือให้กำลังใจจางจ้าวเหวิน จางเหวินชิงรู้สึกแปลกใจเป็นอย่างมาก ที่เห็นท่าทางของหลินเสี่ยวเหยาเพราะปกติแล้วเธอแทบไม่เคยมองหน้าลูกชายของตัวเอง อย่าว่าแต่มาสอนลูกปั่นจักรยานแบบนี้เลยแต่ว่าจางเหวินชิงก็ไม่ได้สนใจอะไรสองแม่ลูกมากนัก เพียงแค่รู้สึกแปลกใจเพียงเท่านั้น แล้วเขาก็เดินเข้าบ้านไป พลางคิดถึงเหตุการณ์เมื่อวาน"เหวินชิง คุณอย่าไปนะ ! ไม่อย่างนั้นฉันจะกินยาในขวดนั่นให้หมดเลย"หลินเสี่ยวเหยาบอกออกมาเสียงดัง เมื่อเขาเดินเข้ามาในห้องนอนของเธอ หลังจากที่เกาถานไปบอกเขาว่าเธออาละวาดสาเหตุก็มาจากที่เธอรู้ว่า เขาจะไปรับกู่เยี่ยนถิงที่สนามบิน แต่เขาก็ไม่ได้สนใจฟังเธอ"ไม่ต้องขู่หรอกนะเสี่ยวเหยา ยังไงฉันก็จะไป หยุดอาละวาดเถอะ"จางเหวินชิงพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา แม้ว่าตอนนี้หลินเสี่ยวเหยาจะร้องไห้ฟูมฟายขนาด
หลังจากที่ทานข้าวเสร็จ หลินเสี่ยวเหยากับจางจ้าวเหวินก็รีบตรงไปที่ห้องนอนของเด็กน้อย เธอบอกให้เขาแปรงฟันก่อนนอน เจียวหนิงทำท่าจะมาช่วยหนูน้อย แต่ว่าหลินเสี่ยวเหยาบอกว่าเธอจะทำเอง"เจียวหนิง เธอไปพักผ่อนเถอะ เดี๋ยวฉันจะดูแลจ้าวเหวินเอง""แต่ว่า..ตอนคุณชายน้อยจะนอนล่ะคะ ?""ตั้งแต่คืนนี้เป็นต้นไป ฉันจะพาจ้าวเหวินเข้านอนเอง""ค่ะคุณหนู"เจียวหนิงได้ยินแบบนั้นถึงแม้ว่าจะแปลกใจมาก แต่ก็ดีใจมากเหมือนกัน เธออยากให้คุณหนูของเธอเอาใจใส่คุณชายน้อยแบบนี้มานานแล้ว แต่ดูเหมือนว่าคุณหนูของเธอจะไม่เคยทำมันเลยเมื่อเจียวหนิงออกจากห้องไปแล้ว หลินเสี่ยวเหยาก็พาจางจ้าวเหวินไปแปรงฟัน พอแปรงฟันเสร็จแล้วทั้งสองคนก็ปีนขึ้นไปบนเตียง"คืนนี้หนูจะฟังนิทานเรื่องอะไรคะ ?""อืม..เอาเรี่องลูกหมูสามตัวครับแม่"หลินเสี่ยวเหยาจึงเอื้อมมือไปหยิบหนังสือนิทานเรื่องลูกหมูสามตัวที่วางอยู่ตรงหัวเตียง แล้วก็เริ่มอ่านให้เด็กน้อยฟังเธอทำเสียงสูงต่ำไปตามบทพูดของตัวละคร ซึ่งนั่นทำให้จางจ้าวเหวินชอบใจมาก เด็กน้อยไม่นึกเลยว่าแม่ของเขาจะเล่านิทานสนุกขนาดนี้"สนุกจังเลยครับ ขออีกเรื่องหนึ่งได้ไหม ?"เด็กน้อยอยากฟังนิทานอีก จึงขอให้
ในตอนเช้าหลินเสี่ยวเหยารีบตื่น เพื่อมาทำอาหารเช้าและข้าวกล่องให้ลูกชาย ซาลาเปาน้อยในตอนนี้ตุ้ยนุ้ยเกินไป เธอเกรงว่าเขาจะอ้วนเกินมาตรฐานแล้วจะส่งผลเสียต่อสุขภาพเมื่อทำอาหารเสร็จเธอก็ขึ้นไปปลุกลูกชาย อาบน้ำแต่งตัวให้เด็กน้อย แล้วก็ให้เจียวหนิงช่วยดูแลตอนที่จางจ้าวเหวินทานข้าว ส่วนเธอรีบไปอาบน้ำแต่งตัว เพราะว่าเธอจะไปส่งเจ้าตุ้ยนุ้ยที่โรงเรียน"ทานข้าวอิ่มหรือยังคะคนเก่ง ?""อิ่มแล้วครับแม่""ถ้างั้นไปกันเถอะ วันนี้แม่จะไปส่งหนูที่โรงเรียน""จริงเหรอครับแม่ ?""จริงสิครับ"ซาลาเปาน้อยแทบไม่เชื่อหูตัวเอง เดินเข้าไปกอดผู้เป็นแม่อย่างดีใจ หลินเสี่ยวเหยาจึงนั่งคุกเข่าลงและกอดลูกชายเอาไว้แน่น เธอจูบแก้มป่องซ้ายขวาข้างละที ก่อนจะบอกกับลูกชายเสียงอ่อนโยน"ต่อไปนี้แม่จะไปส่งหนูที่โรงเรียนทุกวัน"เจียวหนิงมองภาพที่หลินเสี่ยวเหยากับจางจ้าวเหวินกอดกันแล้วก็น้ำตารื้น เธออยากเห็นภาพนี้มานานแล้ว และเธอก็สมหวังสักที"ไปกันเถอะเดี๋ยวจะไปโรงเรียนสาย""ครับแม่"สองแม่ลูกจูงมือกันเดินไปขึ้นรถยนต์คันหรูที่จอดรออยู่หน้าคฤหาสถ์ ระหว่างที่นั่งอยู่ในรถจางจ้าวเหวินจับมือแม่เอาไว้ตลอดเวลา เพราะกลัวว่าแม่จะหายไป
"แม่บ้านเกา วันนี้ฉันกับจ้าวเหวินไม่ทานข้าวเย็นนะ พวกเราทานมาจากข้างนอกแล้ว"พอจบคำพูดของหลินเสี่ยวเหยา เกาถานก็มองหน้าเธอ แล้วก็พูดออกมา"แต่ว่า..คุณผู้ชายรอพวกคุณอยู่ในห้องอาหารค่ะ""อืม..งั้นเหรอ บอกเขาทานเลยไม่ต้องรอพวกเรา"พูดจบหลินเสี่ยวเหยาก็จูงแขนซาลาเปาน้อยเดินขึ้นบ้านไป เกาถานจึงได้รีบไปรายงานจางเหวินชิงกับแขกของเขา"คุณผู้ชายคะ คุณนายไม่รับข้าวเย็นค่ะ""ช่างเขาเถอะ ถ้าอย่างนั้นเราลงมือทานกันกันเลย"จางเหวินชิงหันไปพูดกับกู่เยี่ยนถิง เกาถานจึงลงมือตักข้าว ส่วนเจียวหนิงรีบไปดูแลคุณหนูและคุณชายน้อยกู่เยี่ยนถิงรู้สึกพอใจเป็นอย่างมาก ที่จางเหวินชิงพาเธอมาพักที่คฤหาสถ์หลังนี้ด้วย ถึงแม้ว่าเขาจะให้เธอพักเพียงแค่ระยะเวลาหนึ่งก็ตาม แต่เพียงเท่านี้ก็เพียงพอแล้วที่จะทำตามแผนของเธอ"คุณหนูคะ รู้มั้ยว่าคุณผู้ชายพาใครกลับมาบ้านด้วย ?"เจียวหนิงเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ"เขาพาใครกลับมาล่ะ ?"หลินเสี่ยวเหยาถามเจียวหนิงเสียงราบเรียบ พลางเช็ดผมให้ลูกชายไปด้วย วันนี้ทั้งเธอและซาลาเปาน้อยต้องอาบน้ำและสระผม เพราะกลิ่นเครื่องปรุงของหม้อไฟติดไปตามตัวและผมของทั้งสองคน"คุณกู่เยี่ยนถิงค่ะ"พอเจ
หนึ่งเดือนต่อมา จางเหวินชิงกับหลินเสี่ยวเหยาได้มาเที่ยวที่ต่างประเทศด้วยกันลำพังสองคน ทั้งสองคนตกลงกันว่าจะลองให้โอกาสกันและกันดู แล้วก็ลองศึกษาดูนิสัยใจคอกันใหม่ด้วย ซึ่งคุณย่าทวดและจางจ้าวเหวินต่างก็เห็นดีเห็นงามด้วยกับทั้งคู่โดยก่อนที่หนุ่มสาวทั้งสองจะเดินทางมาต่างประเทศ คุณย่าทวดก็ได้กำชับหนักแน่นว่าให้หลินเสี่ยวเหยารีบมีน้องของจางจ้าวเหวินเร็ว ๆ และพอบอกเรื่องนี้กับเจ้าตุ้ยนุ้ย เด็กน้อยก็เฝ้ารอคอยน้องชายกับน้องสาวอยู่ตลอดเวลา"เหวินชิง คุณดูนั่นสิ"หลินเสี่ยวเหยาชี้ชวนให้จางเหวินชิงดูกุหลาบแดงช่อใหญ่ ที่วางขายอยู่ตรงริมฟุตบาท เขามองดูเธอด้วยสายตารักใคร่ เพราะเธอทั้งสดใสน่ารักและก็ไม่ใช่คนเอาแต่ใจอย่างที่ผ่านมาเลย "อยากได้เหรอ ?"เสียงห้าวทุ้มเอ่ยถามเธออย่างอ่อนโยน พร้อมกับจูงมือเธอพาเดินไปที่กุหลาบสีแดงช่อนั้น "อืม..ก็มันทั้งสวยแล้วก็หอมด้วย"เธอตอบเขาพลางก้มลงมองกุหลาบช่อนั้นใกล้ ๆ จางเหวินชิงจึงถามราคาจากคนขายแล้วก็จ่ายเงิน เมื่อเสร็จเรียบร้อยเขาก็ส่งกุหลาบแดงช่อนั้นให้เธอ หลินเสี่ยวเหยารับมันมาถือเอาไว้แนบอก ก้มลงดอมดมกลิ่นหอมของมัน"ขอบคุณมากค่ะ"เธอกล่าวขอบคุณเขาออกมาด้วย
ในตอนเช้าหลินเสี่ยวเหยางัวเงียตื่นขึ้นมา ก็พบว่าตอนนี้เธออยู่ในอ้อมกอดของจางเหวินชิง จึงรีบขยับตัวเพื่อจะออกจากอ้อมแขนของเขา "จะรีบลุกไปไหน ยังเช้าอยู่เลย ?"แต่ว่าจางเหวินชิงกลับไม่ยอมปล่อย เขากลับกอดกระชับอ้อมแขนแกร่งรัดตัวเธอให้แน่นขึ้น "คุณ..ปล่อยนะ"เธอบอกเขาเสียงห้วน สายตามองหาร่างอ้วนกลมของลูกชาย ก็พบว่าจางจ้าวเหวินนอนอยู่ที่พื้นข้างเตียง"เมื่อก่อนคุณรังเกียจฉันอย่างกับอะไรไม่ใช่หรือไง ?"จบประโยคของเธอ จางเหวินชิงจึงได้คลายอ้อมแขนออก สายตามีแวววูบไหวอยู่ในนั้น แต่หลินเสี่ยวเหยาไม่ได้สนใจท่าทางของเขา ปีนลงจากเตียงและไปปลุกลูกชายให้ไปอาบน้ำเพื่อเตรียมตัวไปโรงเรียนจางเหวินชิงจึงได้ลุกขึ้น เขากลับไปทำธุระส่วนตัวที่ห้องนอนของตัวเอง และไปนั่งรอสองแม่ลูกที่โต๊ะทานข้าว"วันนี้ไม่ไปทำงานเหรอ ?"คุณย่าเอ่ยถาม เพราะเห็นว่าวันนี้เขาใส่ชุดลำลอง เสื้อยืดสีเทาแขนยาวแล้วก็กางเกงสแล็คสีกรมท่า ไม่ใช่ชุดสูทสำหรับไปทำงาน"ผมจะไปร่วมกิจกรรมที่โรงเรียนของจ้าวเหวินครับ""คุณย่าไปด้วยไหมครับ ?"จางจ้าวเหวินเดินเข้ามาพร้อมแม่ ทันได้ยินที่คุณย่าคุยกับพ่อ เขาจึงชวนท่านไปด้วย "ไม่ล่ะ หนูไปกับคุณพ่อค
"ฉันคุยกับคุณย่าแล้ว ท่านไม่มีปัญหาค่ะ รอแค่เราสองคนพร้อมเท่านั้น ท่านเคารพการตัดสินใจของเรา"คำพูดของหลินเสี่ยวเหยาสะท้อนกลับไปกลับมาในโสตประสาทของจางเหวินชิง จู่ ๆ เขาก็ไม่อยากหย่ากับเธอขึ้นมา ไม่เข้าใจความรู้สึกของตัวเองเลยจะว่าไปแล้วที่หลินเสี่ยวเหยามีนิสัยที่ไม่ดีหลายอย่าง ทั้งตามหึงหวง เหวี่ยงวีนผู้หญิงทุกคนที่เข้าใกล้เขา ความผิดส่วนหนึ่งก็เกิดจากตัวเขาเอง เขาไม่เคยให้เกียรติเธอในฐานะภรรยา เย็นชาและไม่เคยพูดดีกับเธอเลยสักครั้ง แถมยังท้ทเธอหย่าเกือบทุกวัน จนเธอต้องสร้างเรื่องเพื่อเรียกร้องความสนใจจากเขา แต่พอมาวันนี้เธอหยุดทำแบบนั้นและเป็นคนเอ่ยปากเรื่องหย่าขึ้นมาเองเขากลับรู้สึกเจ็บจางเหวินชิงยกมือขึ้นมาก่ายหน้าผาก อยากจะข่มตาให้นอนหลับ แต่มันก็หลับไม่ลง เขาเลื่อนมือลงไปลูบตรงสะบักเอวของตัวเองเบา ๆ'ไตของเธอข้างหนึ่งอยู่กับเขา'หลินเสี่ยวเหยาคงรักเขามากจริง ๆ แม้แต่อวัยวะในร่างกายยังยอมเสียสละให้เขาได้ นี่เขาตามืดบอดมองไม่เห็นความรักของเธอได้ยังไงกัน แต่กับกู่เยี่ยนถิงเขากลับหลงเชื่อและงมงาย คิดว่าเธอรักเขาจริง ๆ แต่แท้จริงแล้วเธอวางแผนทุกอย่างเพื่อใช้เขาเป็นสะพานไปสู่ความต้
หลังจากเรื่องของกู่เยี่ยนถิงผ่านไป ถึงแม้ว่าความจริงทุกอย่างจะเปิดเผยแล้วก็ตาม แต่ก็ดูเหมือนว่าความสัมพันธ์ระหว่างหลินเสี่ยวเหยาและจางเหวินชิงก็ไม่ได้ดีขึ้นจากแต่ก่อนเลยหลินเสี่ยวเหยาโกรธที่จางเหวินชิงไม่ยอมจัดการตอนที่รู้ว่ากู่เยี่ยนถิงปองร้ายจางจ้าวเหวิน ส่วนตัวจางเหวินชิงนั้นเขาก็รู้สึกผิดที่เป็นต้นเหตุทำให้เรื่องราวไม่ดีต่าง ๆ เกิดขึ้นมา รวมทั้งเรื่องที่ความจริงแล้ว คนที่มอบไตให้เขาก็คือหลินเสี่ยวเหยาไม่ใช่กู่เยี่ยนถิงด้วยจางเหวินชิงกินนอนที่บริษัทเป็นส่วนใหญ่ เขาแทบไม่ได้กลับไปที่คฤหาสน์เลย แม้แต่คุณย่าเองที่เมื่อก่อนจะเป็นเดือดเป็นร้อนทุกครั้งที่เขาไม่ยอมกลับบ้าน มักจะคอยโทรตามขอร้องกึ่งบังคับให้เขากลับ แต่ตอนนี้ท่านกลับไม่ทำแบบนั้นเลย"พ่อคร้าบบ"วันนี้เป็นวันเสาร์ จางจ้าวเหวินไม่ได้ไปโรงเรียน เขาจึงมาหาจางเหวินชิงที่บริษัท เนื่องจากว่าพ่อไม่กลับบ้านนานนับเดือนแล้ว เจ้าตุ้ยนุ้ยคิดถึงพ่อมาก จึงขอให้แม่พาเขามา "จ้าวเหวิน มาได้ยังไง ?"ร่างอ้วนกลมของจางจ้าวเหวินวิ่งเข้าไปหาพ่อที่ห้องทำงาน จางเหวินชิงก้าวยาว ๆ ไปหาลูกชาย แล้วก็ย่อตัวลงอุ้มเจ้าตุ้ยนุ้ยขึ้นมา เขากอดคอพ่อเอาไว้แล้ว
ราว ๆ ห้าโมงเย็นจางเหวินชิงก็กลับมาถึงคฤหาสน์ เขารีบเดินเข้าไปในห้องรับแขก เพราะเกาถานแจ้งว่า กู่เยี่ยนถิงอยู่ที่นั่น"เยี่ยนถิง คุณมาทำไม ?"เขาถามเธอออกไปด้วยความโมโห แล้วก็กระชากแขนเธอให้ลุกขึ้น"ก็คุณไม่ยอมไปหาฉัน พอฉันไปหาคุณที่บริษัทคุณก็ไล่ฉันกลับ ฉันอยากรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น คุณโกรธฉันเรื่องอะไร ?"กู่เยี่ยนถิงถามเขาเสียงเครือ น้ำตาเริ่มรื้นขึ้นมาคลอหน่วย "เยี่ยนถิง เพราะอะไรคุณรู้ดีที่สุด"จางเหวินชิงบอกกับเธอเสียงเย็นชา กู่เยี่ยนถิงชะงักไป อย่าบอกนะว่าเขารู้อะไรมา แต่ว่าเธอก็ยังคงบีบน้ำตาและถามเขาออกมาเสียงสั่น ดูช่างน่าสงสาร"รู้อะไรคะ ?""เลิกเสแสร้งเถอะ ผมรู้เรื่องหมดแล้วทั้งเรื่องที่คุณวางยาจ้าวเหวินเพื่อจะโยนความผิดให้เสี่ยวเหยา แล้วก็ที่คุณวางยาเดวิด เพราะว่าคุณเป็นคนสั่งให้เขามาจับตัวเสี่ยวเหยา คุณย่าและจ้าวเหวิน"เขาพูดเสียงดังชัดถ้อยชัดคำ ย้ำชัด ๆ ให้ผู้หญิงตรงหน้าได้ยิน แต่ว่ากู่เยี่ยนถิงกลับปฏิเสธ"ไม่จริงค่ะ ฉันไม่ได้ทำอะไรแบบนั้น แม้แต่มดสักตัวฉันยังไม่เคยฆ่า แล้วฉันจะวางยาเดวิดกับลูกชายคุณได้ยังไง !?""คุณหยุดพูด และกลับไปเสียเถอะแล้วก็อย่ามายุ่งกับผมอีก ผมไม่
"เหวินชิงคะ"กู่เยี่ยนถิงมาดักรอพบเขาที่บริษัท แต่ว่ารปภ. ไม่ยอมให้เธอเข้าไปเพราะจางเหวินชิงสั่งเอาไว้ เธอไม่มีข้ออ้างแล้วด้วยเพราะงานถ่ายแบบที่เธอเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้กับจางกรุ๊ปนั้นถ่ายเสร็จเรียบร้อยแล้ว เธอเอ่ยเรียกเขาเสียงหวานทันทีที่เขาก้าวลงมาจากรถ กู่เยี่ยนถิงมารอเขาที่ลานจอดรถตั้งแต่เช้าแล้ว เพราะว่าจางเหวินชิงไม่ยอมไปหาเธอเลยตั้งแต่วันที่เกิดเหตุการณ์ลักพาตัวคนในครอบครัวเขา พอเธอโทรหาและถาม เขาก็บอกว่างานยุ่ง"เยี่ยนถิง มาทำไม ?"น้ำเสียงเย็นชาที่เอ่ยออกมานั้น กู่เยี่ยนถิงแทบไม่เชื่อหูตัวเอง เขาไม่เคยพูดกับเธอด้วยน้ำเสียงแบบนี้มาก่อน แม้จะโกรธแต่ก็ต้องระงับเอาไว้ เอ่ยบอกเขาเสียงอ่อนหวาน"ฉันคิดถึงคุณ"พูดจบก็เดินเข้าไปใกล้เพื่อจะเกาะแขนเขา แต่จางเหวินชิงสะบัดแขนออก"กลับไปเถอะเยี่ยนถิง แล้วก็ไม่ต้องมาให้ผมเห็นหน้าอีก""อะไรกันคะเหวินชิง ทำไมพูดแบบนี้ คุณโกรธเรื่องอะไร ?"เธอรีบถามเขาเสียงแผ่ว น้ำตารื้นขึ้นมาทันที สบตากับเขาใบหน้าแดงก่ำ ราวกับเจ็บปวดนักหนา ถ้าหากว่าเป็นเมื่อก่อน จางเหวินชิงจะรีบกอดและเอ่ยปลอบใจเธอทันที แต่ว่าวันนี้มันกลับไม่เป็นเช่นนั้น"คุณกลับไปเถอะ"เขาพูดเพ
เมื่อทำอาหารเสร็จ หลินเสี่ยวเหยาก็บอกให้เกาถานกับเจียวหนิงตั้งโต๊ะ ส่วนเธอนั้นเดินไปหาลูกชายกับคุณย่าที่ห้องนั่งเล่น"คุณย่า จ้าวเหวินทานข้าวค่ะ"คุณย่ากับเจ้าตุ้ยนุ้ยที่กำลังช่วยกันระบายสีรูปช้างอยู่ก็หยุดมือ และเดินตามหลินเสี่ยวเหยาไปที่ห้องอาหาร ระหว่างที่ทุกคนจะลงมือทานข้าวนั้น จางเหวินชิงก็เดินเข้ามา"เหวินชิง ย่านึกว่าแกตายไปแล้วเสียอีก"คุณย่าเอ่ยประชดหลานชาย เพราะว่าตลอดหนึ่งสัปดาห์ที่ท่านมาพักที่นี่จางเหวินชิงไม่ได้กลับมาบ้านเลย "โธ่คุณย่าครับผมงานยุ่ง""งานยุ่ง หรือแกมัวแต่ยุ่งกับแม่ดารานั่นกันแน่"คุณย่าก็ยังไม่ยอมหยุดประชดประชันหลานชายตัวดี จางเหวินชิงเงียบไม่ยอมพูดอะไรต่อ ใบหน้าหล่อเหลาเคร่งขรึมเพิ่มขึ้นมาหลายส่วน นั่งลงข้าง ๆ ลูกชาย เกาถานจึงเอาชามมาเพิ่มและตักข้าวให้เขาคุณย่ายังคงมองหน้าหลานชายตาขวาง หลินเสี่ยวเหยาจึงสะกิดให้จางจ้าวเหวินตักกับข้าวใส่จานให้ท่าน เพื่อให้ท่านคลายความโมโห"คุณย่าครับทานนี่ดูหน่อย ต้มยำกุ้งเป็นอาหารไทย แม่หนูทำอร่อยมาก"เจ้าตุ้ยนุ้ยตักกุ้งตัวพอเหมาะใส่ไปในชามข้าวของคุณย่า ท่านหันมายิ้มให้เขาและเอ่ยชมไม่ขาดปาก"จ้าวเหวินของย่า กตัญญูจริง ๆ
"แม่คร้าบบ !"เจ้าตุ้ยนุ้ยวิ่งมาหาแม่ที่กำลังยืนทำกับข้าวอยู่ในครัวด้วยความดีใจ หลังจากเหตุการณ์ลักพาตัวผ่านพ้นไปได้หนึ่งสัปดาห์ ทุกคนก็กลับมาใช้ชีวิตตามปกติ และคุณย่าก็มาอยู่ที่คฤหาสน์กับพวกเธอแบบถาวรวันนี้หลินเสี่ยวเหยาไม่ได้ไปรับจางจ้าวเหวินที่โรงเรียน เพราะเธอรู้สึกเวียนหัวจึงให้คุณย่าไปรับเขาแทน เมื่อมาถึงบ้านเจ้าตุ้ยนุ้ยจึงวิ่งเข้ามาหาแม่ด้วยความคิดถึงจางจ้าวเหวินวิ่งเข้าไปกอดเอวแม่ทางด้านหลังเต็มแรง ด้วยน้ำหนักตัวของเจ้าตุ้ยนุ้ยทำให้เกิดแรงกระแทกใส่ตรงบั้นเอวของหลินเสี่ยวเหยา เธอเจ็บแปล๊บขึ้นมาทันที"จ้าวเหวิน เบา ๆ หน่อยครับ แม่ปวดหลัง"เธอกัดฟันข่มความเจ็บปวดแล้วก็เอี้ยวตัวไปบอกลูกชาย อาการปวดหลังของเธอจะมีขึ้นหากมีอะไรมากระแทกตรงบริเวณบั้นเอวแรง ๆ"หนูขอโทษครับ แม่หายปวดหรือยัง เดี๋ยวหนูเป่าให้"เจ้าตุ้ยนุ้ยเอ่ยขอโทษออกมา และถามแม่ด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน แล้วเขาก็เป่าฟู่ ๆ ไปตรงบริเวณบั้นเอวของผู้เป็นแม่สองสามที หลินเสี่ยวเหยาซาบซึ้งใจในความห่วงใยของลูกชายที่มีต่อเธอ น้ำตารื้นขึ้นมา ลูกชายของเธอช่างน่ารักจริง ๆ"หายแล้วจ้ะ หนูไปนั่งรอแม่กับคุณย่าก่อนนะ""ครับแม่"จางจ้าวเหวินจ
หลินเสี่ยวเหยามองไปที่มือของตัวเอง ก็พบว่ามือใหญ่ของจางเหวินชิงกุมมือของเธอเอาไว้ เขาเองก็เหมือนจะรู้ว่าเธอมอง แต่ก็ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้และไม่ยอมปล่อยมือเธอเธอจึงปล่อยเลยตามเลย อยากจับก็จับไปขืนเธอพูดอะไรออกมาเดี๋ยวเขาก็หาว่าเธอเรียกร้องความสนใจอีก จางเหวินชิงลอบยิ้มอย่างพอใจ ใบหน้าเย็นชานั้นดูหล่อเหลาขึ้นมาหลายส่วน หลินเสี่ยวเหยามองเขาตาค้างไป เพราะถึงยังไงก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเขาคือผู้ชายที่เธอรักมาก และเธอก็ไม่คิดจะรักใครได้อีก ถึงแม้ว่าจะหย่ากับเขาก็ตาม ถึงวันนั้นเธอก็ไม่คิดจะเริ่มต้นใหม่กับใครแม้ว่าในตอนนี้คนที่อยู่ในร่างนี้จะเป็นนภา แต่ว่าความรู้สึกนึกคิด ความชอบและความรักก็ยังคงเป็นของหลินเสี่ยวเหยาคนเดิม "แล้วคุณรู้ได้ไงว่า พวกเราถูกจับตัวไปที่นั่น ?"เธอเอ่ยถามเขาออกมาแก้เขิน จางเหวินชิงจึงได้เริ่มเล่าเรื่องราวให้เธอฟังในขณะที่จางเหวินชิงกำลังนั่งทำงานอยู่ และเริ่มรู้สึกไม่พอใจกู่เยี่ยนถิงมากขึ้นเรื่อย ๆ เพราะว่าเธอไม่ได้อยู่เงียบ ๆ ตามที่เธอพูด แต่กลับมาคอยก่อกวนและยั่วยวนเขา จนเขาเกือบจะให้ รปภ. มาโยนตัวเธอออกนอกห้องทำงานนั้น ม่อหนานก็วิ่งกระหืดกระหอบเข้ามา"ท่านประธานครับ เ