"เหวินชิงเจ้าหลานชั่ว !"
หลิวหานซื่อที่วันนี้ลงทุนมาหาจางเหวินชิงถึงบริษัท ถึงแม้ว่าม่อหนานผู้ช่วยของเขาจะห้ามอย่างไรท่านก็ไม่ฟัง ท่านเปิดประตูเข้ามาในห้องทำงานของประธานจาง แล้วก็ชี้หน้าด่าจางเหวินชิงเสียงดัง ม่อหนานรีบวิ่งเข้ามา แต่จางเหวินชิงโบกมือห้าม เขาจึงได้ถอยออกไป "คุณย่าครับ มีอะไร ?" "แกยังมีหน้ามาถาม แกพาแม่ดารานั่นมาอยู่ร่วมบ้าน แถมยังซื้อบ้านให้หล่อนอีก แกเป็นบ้าอะไร หือ !?" แม้พอจะรู้ว่าที่คุณย่ามาหาเขาถึงที่นี่ คงจะไม่พ้นเรื่องนี้แน่ เพราะปกติแล้วท่านไม่ค่อยออกไปไหน อย่าว่ามาที่บริษัทเลย คงจะเป็นหลินเสี่ยวเหยาแน่ ๆ ที่นำเรื่องนี้ไปบอกกับท่าน "เสี่ยวเหยาคงฟ้องคุณย่า ?" "แกไม่ต้องโทษเสี่ยวเหยา เธอไม่ได้ฟ้องอะไรย่าทั้งนั้น เพราะย่าก็มีหูมีตา" พอได้ฟังคำตอบของคุณย่า จางเหวินชิงแทบไม่อยากเชื่อหูตัวเอง มีหรือคนอย่างหลินเสี่ยวเหยาจะไม่คาบข่าวเรื่องนี้ไปฟ้องคุณย่า เพราะทุกครั้งที่ผ่านมาแม้แต่เรื่องเล็กน้อยเธอก็นำไปรายงานท่าน แล้วคุณย่าก็มาเล่นงานเขาอีกที "แกจะทำอะไรคิดดี ๆ นะเหวินชิง ถ้าแกเสียสิ่งที่มีค่าที่สุดไปแล้วแกจะเสียใจ อย่าหาว่าย่าไม่เตือน" พูดจบคุณย่าหลิวหานซื่อก็เดินออกจากห้องทำงานของประธานจางไป ความจริงแล้วท่านอยากจะอาละวาดให้มากกว่านี้ แต่พอเห็นท่าทีสงบของหลินเสี่ยวเหยาเมื่อวันก่อน ท่านจึงได้พูดกับหลานชายเพียงเท่านี้ หลังจากที่ร่างของคุณย่าพ้นออกไปจากห้องทำงาน จางเหวินชิงก็กระแทกแผ่นหลังเข้ากับพนักเก้าอี้อย่างแรง คุณย่าทราบเรื่องกู่เยี่ยนถิงแล้วถ้าหากเดาไม่ผิดท่านคงต้องไปหาเรื่องเธอแน่ ๆ โชคดีที่วันนี้กู่เยี่ยนถิงมีงานถ่ายโฆษณาพอดี มีสินค้าตัวหนึ่งของจางกรุ๊ปกำลังจะเปิดตัว และต้องการพรีเซ็นเตอ์ ม่อหนานผู้ช่วยของเขาจึงได้เสนอกู่เยี่ยนถิง และผู้กำกับของการถ่ายโฆษณาสินค้าตัวนี้ก็ให้เธอไปแคส ปรากฎว่าเธอมีคุณสมบัติตามที่เขาต้องการพอดี เธอจึงได้เป็นพรีเซ็นเตอร์ของจางกรุ๊ป และเขาก็เดาไม่ผิดหลิวหานซื่อตรงไปยังคฤหาสน์ของเขาจริง ๆ "คุณย่าคะ มาได้ยังไง ?" หลินเสี่ยวเหยารีบลงมาหาท่าน ทันทีที่เจียวหนิงขึ้นไปรายงานเธอ "ทำไมหนูไม่บอกย่าล่ะว่าเหวินชิงเขาพาแม่นั่นมาอยู่ที่นี่ ?" พอหลินเสี่ยวเหยานั่งลงบนโซฟาตัวที่ตรงข้ามกับคุณย่า ท่านก็เอ่ยปากถามเธอทันที "หนูไม่อยากให้คุณย่าไม่สบายใจค่ะ" "เด็กโง่เอ๊ย" ท่านเอื้อมมือไปลูบศีรษะของหลินเสี่ยวเหยาเบา ๆ คุณย่าดีกับเธอเสมอ หลินเสี่ยวเหยารู้สึกซาบซึ้งใจมาก "แล้วแม่นั่นอยู่หรือเปล่า ?" "เห็นแม่บ้านเกาบอกว่า เธอออกไปถ่ายโฆษณา เธอเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้กับผลิตภัณฑ์ในเครือจางกรุ๊ปค่ะ" "แล้วจ้าวเหวินล่ะ ?" "ไปโรงเรียนค่ะคุณย่า" "อืม..นั่นสินะย่าลืมไป ว่าแต่ว่าหนูไม่เป็นไรใช่ไหมที่เหวินชิงเขาทำแบบนี้ ?" คุณย่าเอ่ยถามหลินเสี่ยวเหยาออกมาด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ท่านเป็นห่วงความรู้สึกของเธอมากที่สุด "ไม่เป็นไรค่ะคุณย่า" "เอาอย่างนี้ดีกว่า เดี๋ยววันนี้ย่าจะอยู่ทานข้าวเย็นด้วย" "ดีเลยค่ะ จ้าวเหวินเองก็บ่นคิดถึงคุณย่าอยู่พอดี" คุณย่าคว้ามือของหลินเสี่ยวเหยาไปกุมเอาไว้ ตลอดห้าปีที่ผ่านมา ท่านรู้ดีว่าชีวิตคู่ของเธอกับเหวินชิงไม่ค่อยดีนัก แต่คุณย่ารู้สึกได้ว่าทั้งสองคนนี่แหละคือคู่แท้ อีกไม่นานพวกเขาจะเป็นครอบครัวที่อบอุ่นและมีความสุขที่สุด แต่ก็ไม่รู้ว่าท่านจะยื้อชีวิตคู่ของทั้งสองคนไปจนถึงวันนั้นได้หรือไม่ เพราะว่าคนรักเก่าของจางเหวินชิงก็ได้กลับมาแล้ว แต่ว่าท่านก็บอกกับตัวเองว่าท่านจะยื้อให้ถึงที่สุด หลินเสี่ยวเหยามองหน้าคุณย่า เธอคิดจะพูดเรื่องหย่าระหว่างเธอกับจางเหวินชิงกับท่าน แต่ทว่าพอเห็นสีหน้าท่าทางของท่านแล้วในที่สุดเธอก็ไม่กล้าเอ่ยออกมา เย็นวันนั้นหลังจากที่ไปรับเจ้าตุ้ยนุ้ยกลับมาจากโรงเรียนแล้ว หลินเสี่ยวเหยา จางจ้าวเหวินแล้วก็คุณย่าหลิวหานซื่อก็ช่วยกันทำอาหาร พอทำอาหารและตั้งโต๊ะเสร็จ จางเหวินชิงกับกู่เยี่ยนถิงก็กลับมาถึงพอดี "พ่อครับ" จางจ้าวเหวินวิ่งไปหาผู้เป็นพ่อด้วยความดีใจ เพราะวันนี้เขาได้รางวัลชนะเลิศในการประกวดภาพระบายสีระดับอนุบาลสอง จึงอยากจะอวดรางวัลนี้กับพ่อของเขา แต่ทว่าเด็กน้อยก็ต้องชะงักไปเพราะเห็นว่าผู้เป็นพ่อเดินมาพร้อมกับกู่เยี่ยนถิง เด็กน้อยรู้สึกไม่ชอบใจเลยที่พ่อของเขาพาผู้หญิงคนนี้มาอยู่บ้านด้วย จางเหวินชิงเห็นท่าทางชะงักของลูกชาย ก็ทำท่าว่าจะเดินเข้าไปหา แต่ก็ต้องหันไปประคองกู่เยี่ยนถิงแทน เพราะจู่ ๆ เธอก็เซถลาทำท่าเหมือนจะล้มลงไปกับพื้น "เยี่ยนถิง เป็นอะไร !?" จางจ้าวเหวินมองพ่ออยู่แวบหนึ่งก็วิ่งเข้าไปในห้องอาหารเพื่อไปหาคุณย่ากับแม่ ส่วนจางเหวินชิงนั้นรีบย่อตัวลงอุ้มกู่เยี่ยนถิง พาเธอเดินตรงไปยังห้องนั่งเล่นแล้วก็วางเธอลงบนโซฟาตัวใหญ่ "แม่บ้านเกา มานี่หน่อย !" เขาตะโกนเรียกเกาถาน ไม่นานเธอก็วิ่งออกไป "คุณผู้ชาย มีอะไรคะ ?" "คุณเยี่ยนถิงเป็นลม หายาหอมมาให้เธอหน่อย" "ค่ะ ๆ คุณผู้ชาย" แล้วเกาถานก็เดินหายเข้าไปข้างใน สักครู่ก็กลับออกมาพร้อมกับผ้าขนหนูชุบน้ำเย็นและยาหอม เธอส่งของเหล่านั้นให้จางเหวินชิง คุณย่ากับหลินเสี่ยวเหยารวมทั้งจางจ้าวเหวินก็รีบออกมาดูเพราะได้ยินเสียงเอะอะโวยวาย พอเดินมาถึงห้องนั่งเล่น ก็เห็นว่าตอนนี้จางเหวินชิงกำลังใช้ผ้าขนหนูเช็ดหน้าให้กู่เยี่ยนถิงที่มีท่าทางอ่อนแรงอยู่ "เหวินชิง !" คุณย่าเรียกชื่อหลานชายเสียงดัง แล้วก็รีบเดินไปกระชากผ้าขนหนูในมือของจางเหวินชิงทันที "อะไรครับคุณย่า !?" "แกทำอะไร ?" คุณย่าถามหลานชายพร้อมกับโยนผ้าขนหนูในมือทิ้งลงบนพื้นทันที "ผมแค่เช็ดหน้าให้เยี่ยนถิง เธอไม่สบาย" จางเหวินชิงอธิบายกับคุณย่าของเขา แล้วก็หันไปหยิบแก้วยาหอมที่วางอยู่บนโต๊ะมาให้กู่เยี่ยนถิงจิบ เธอรับแก้วไปถือไว้และเอ่ยออกมาเสียงแผ่ว "เหวินชิง ฉันไม่เป็นอะไรแล้ว" "เชอะ ! สำออย" คุณย่าอดไม่ได้ต่อว่ากู่เยี่ยนถิงออกมา เธอมองหน้าคุณย่าแล้วก็หันไปมองหน้าจางเหวินชิง แล้วน้ำตาของเธอก็ไหลออกมา พลางขยับตัวมาซบลงบนไหล่ของเขา "เยี่ยนถิง เจ็บตรงไหน ?" จางเหวินชิงเอ่ยถามเธออย่างร้อนใจ คุณย่าทำท่าจะเดินเข้าไปกระชากตัวของกู่เยี่ยนถิงแต่หลินเสี่ยวเหยาดึงแขนท่านเอาไว้เสียก่อนท่านจึงหยุด กู่เยี่ยนถิงยิ้มเยาะให้กับคุณย่าและหลินเสี่ยวเหยา คุณย่าเห็นแบบนั้นก็จะเข้าไปต่อว่าเธออีกครั้ง แต่หลินเสี่ยวเหยาดึงท่านออกมาจากห้องนั่งเล่น พาท่านไปยังห้องอาหาร"คุณย่าคะใจเย็น ๆ"หลินเสี่ยวเหยาปลอบคุณย่า ส่วนจางจ้าวเหวินก็ลูบหลังคุณย่าทวดเพื่อให้ท่านระงับอารมณ์หลิวหานซื่อหายใจเข้าออกลึก ๆ เพื่อที่จะตั้งสติ กู่เยี่ยนถิงผู้หญิงคนนี้ร้ายกาจแถมยังเจ้ามารยา มิน่าล่ะจางเหวินชิงถึงไม่เคยลืมเธอ เวลาผ่านไปสักครู่ใหญ่คุณย่าก็สงบสติอารมณ์ได้ ท่านหันไปมองหน้าหลินเสี่ยวเหยา แล้วก็ลูบหัวเจ้าซาลาเปาน้อยเบา ๆ "คุณย่าคะอาหารเย็นหมดแล้ว หนูว่าเราทานข้าวกันเถอะ""คุณย่าครับ จ้าวเหวินหิวข้าว""ครับ ๆ ย่าขอโทษ ถ้างั้นเรามาทานกันเถอะ"แล้วทั้งสามคนก็ลงมือทานข้าวโดยไม่รอจางเหวินชิงกับกู่เยี่ยนถิง"เยี่ยนถิง ดีขึ้นหรือยัง ?"จางเหวินชิงเอ่ยถามกู่เยี่ยนถิง เขาขยับห่างออกจากตัวของเธอ"อืม..ดีขึ้นแล้วค่ะ สงสัยจะถ่ายงานหนักไปหน่อย เมื่อตอนกลางวันฉันก็ไม่ได้ทานข้าว""อย่าหักโหม สุขภาพสำคัญที่สุด ถ้าอย่างนั้นเราไปทานข้าวกันเถอะ"กู่เยี่ยนถิงพยักหน้า จางเหวินชิงจึงเดินนำเธอไปห้องอาหาร แต่ก็พบว่าไม่มีใครอยู่ที่นั่นแล้ว เขาจึงทานข้าวเงียบ ๆ ไม่พูดอะไร แม้ว่ากู่เยี่ยนถิงจะพยายามชวนเขาคุยก็ตาม เขาแค่เพียงพยักหน้าเล็กน้อยให้เธอเท่านั้นกู่เยี่ยนถิงแอบกำมือแน่นจนปลายเล็บจิกเ
ในขณะที่ขับรถออกมาจากตึกจางกรุ๊ป หลินเสี่ยวเหยาก็เกิดนึกอยากไปขับรถเล่น เพราะมองดูเวลาแล้วอีกหลายชั่วโมงกว่าจะถึงเวลาที่จางจ้าวเหวินจะเลิกโรงเรียนเธอจึงได้เปลี่ยนเส้นทางและขับรถเล่นไปเรื่อย ๆ จนถึงทะเล เธอจอดรถไว้ที่ริมหาด และเดินลงไปตรงชายทะเล ถอดรองเท้าและหิ้วเอาไว้ในมือ เดินเท้าเปล่าไปตามหาดทรายห้าปีแล้วมั้งที่เธอไม่ได้มาทะเลเลย เป็นเพราะคอยตามแต่จางเหวินชิง มัวแต่แคร์และไล่ตามเขา โดยที่ไม่เคยรู้เลยว่าเขาไม่เคยต้องการเลย หรืออาจจะรู้แต่เธอก็ไม่สนใจหลินเสี่ยวเหยาเดินเล่นไปเรื่อย ๆ มองดูเรือที่อยู่กลางทะเล แล้วก็นึกถึงจางจ้าวเหวินขึ้นมา เจ้าตุ้ยนุ้ยอยากมาทะเลตั้งนานแล้ว เดี๋ยววันหยุดนี้เธอไปรับคุณย่าแล้วก็พาทั้งสองคนมาเที่ยวทะเลดีกว่า"เจ้านายครับ คุณเสี่ยวเหยาอยู่ที่ริมหาด"ม่อหนานก้มลงกระซิบที่ข้างริมหูของจางเหวินชิง เขาจึงมองออกไปตรงริมชายหาด ก็เห็นร่างบอบบางสมส่วนในชุดเดรสสีขาวของภรรยาที่เขาเกลียด กำลังเดินเท้าเปล่าไปตามชายหาด"อืม..จับตาดูเธอไว้"คิดเอาไว้ไม่มีผิด เธอต้องตามเขามาแน่ ๆ เพราะเธอคงจะรู้ว่าเขามาประชุมผู้ถือหุ้นที่โรงแรมแห่งนี้ ซึ่งเป็นโรงแรมในเครือของจางกรุ๊ปการ
พอได้คำตอบจากเจ้าหน้าที่ท่านนั้น หลินเสี่ยวเหยากับจางเหวินชิงก็เดินตรงไปที่ลิฟท์ พอเข้าไปในลิฟท์ได้ก็กดไปยังชั้น 15 จางเหวินชิงมองหน้าและสบตากับหลินเสี่ยวเหยา เขาพบแวววิตกกังวลอยู่ในนั้น เขาไม่รู้ว่าตั้งแต่จางจ้าวเหวินคลอด เวลาที่เด็กน้อยไม่สบายเธอเจะเป็นอย่างไร เพราะไม่ค่อยได้สนใจมากนัก แต่มาวันนี้พอเขาได้เห็นแวววิตกกังวลของเธอแล้ว เขาก็พลอยเป็นกังวลไปด้วย อยากจะเอื้อมมือไปลูบไล้แก้มใสของเธอเพื่อปลอบโยน แต่ก็ไม่กล้า'ติ๊ง !"พอมาถึงชั้นที่ต้องการประตูลิฟท์ก็เปิดออก หลินเสี่ยวเหยากับจางเหวินชิงรีบก้าวยาว ๆ ตรงเข้าไปหานางพยาบาลที่เดินผ่านมาพอดี "มาหาจางจ้าวเหวินค่ะ""อยู่ในห้องนั้นค่ะ"ได้คำตอบจากนางพยาบาลแล้ว ทั้งสองคนก็เข้าไปในห้องนั้นทันที "จ้าวเหวิน"หลินเสี่ยวเหยาเรียกเด็กน้อยที่นอนอยู่บนเตียงเสียงแผ่ว เธอเอื้อมมือไปลูบใบหน้าเล็กและซีดเซียวนั้นอย่างอ่อนโยน น้ำตารื้นขึ้นมาทันที ทั้งเป็นห่วงและสงสารเจ้าตุ้ยนุ้ยจางเหวินชิงมองดูกิริยาท่าทางของหลินเสี่ยวเหยาแล้วก็รู้สึกแปลก ๆ หัวใจอ่อนยวบลง ตลอดสี่ห้าปีมานี้เขาไม่ได้ใกล้ชิดสองแม่ลูกเลย แทบไม่รู้เรื่องอะไรของทั้งสองคนมากนัก อีกอย่า
จางเหวินชิงได้นำน้ำผลไม้ที่เหลือในกระติกไปให้เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานตรวจสอบ ด้วยอำนาจเงินของเขาคงจะใช้เวลาไม่นาน ก็น่าจะรู้ผลว่ามีสารอันตรายปนเปื้อนหรือไม่"แม่ครับ หนูเหนื่อยจัง"จางจ้าวเหวินบอกกับแม่เสียงแผ่ว พร้อมกับหลับตาลง หลินเสี่ยวเหยาจึงเอื้อมมือไปลูบศีรษะทุยของลูกชายเบา ๆ มองเข็มฉีดยาที่อยู่บนหลังมือเพื่อให้น้ำเกลืออย่างปวดใจ เจ้าตุ้ยนุ้ยคงเจ็บน่าดู"เหนื่อยก็นอนหลับนะครับ เดี๋ยวตื่นขึ้นมาก็หายแล้ว แม่จะอยู่กับหนูที่นี่ไม่ไปไหน"เธอพูดปลอบลูกชายเสียงอ่อนโยน ไม่ได้กังวลเรื่องที่จางเหวินชิงกล่าวหาเธอเลยแม้แต่น้อย เพราะเธอไม่มีทางทำแบบนั้นแน่ ๆหลินเสี่ยวเหยาตัดสินใจโทรบอกคุณย่าเรื่องที่จางจ้าวเหวินไม่สบาย พอท่านทราบก็รีบตรงมาที่โรงพยาบาลทันที"จ้าวเหวินเป็นไงบ้าง ?""หลับไปแล้วค่ะคุณย่า อาการก็ดีขึ้นมากแล้ว""อืม..อย่างนี้ค่อยโล่งใจหน่อย แล้วเหวินชิงล่ะเขารู้เรื่องหรือยัง ?""รู้แล้วค่ะ เพิ่งออกไปเมื่อสักครู่ใหญ่นี่เอง"แล้วหลินเสี่ยวเหยาก็เล่าเรื่องที่จางเหวินชิงกล่าวหาเธอว่าเป็นคนวางยาจางจ้าวเหวินให้ท่านฟัง แต่ถึงอย่างไรคุณย่าก็ไม่เชื่อว่าเธอจะทำแบบนั้นจริง ๆ"เหวินชิงเหลวไ
ในช่วงนี้จางจ้าวเหวินต้องหยุดโรงเรียนอยู่บ้าน เพื่อพักฟื้นร่างกาย คุณย่าก็มาอยู่ที่คฤหาสถ์ด้วย ท่านรู้สึกสบายใจมากขึ้นที่กู่เยี่ยนถิงย้ายออกไปแล้วจางจ้าวเหวินก็ยังคงยุ่งอยู่ที่บริษัท เขาไม่ได้กลับมาร่วมอาทิตย์แล้ว คุณย่าเดือดร้อนใจมากคิดว่าเจ้าหลานชายตัวดีน่าจะไปค้างกับกู่เยี่ยนถิง แม่ดาราจอมมารยานั่น"เสี่ยวเหยา ย่าว่าหนูไปหาเหวินชิงที่บริษัทดีไหม ?"ท่านอดรนทนไม่ไหวจนต้องเอ่ยปากบอกกับหลานสะใภ้ แต่ว่าหลินเสี่ยวเหยาก็ยังคงมีทีท่าสงบ เธอไม่ได้โวยวายหรือแสดงท่าทางว่าไม่พอใจเลย"ไม่ดีกว่าค่ะคณย่า เหวินชิงเขาไม่ชอบให้หนูไปยุ่งวุ่นวายกับเขา งานเขาคงยุ่ง ม่อหนานก็บอกแล้วนี่คะว่าที่บริษัทมีปัญหา ถ้ายังไงคุณย่าโทรหาเขาลองดูไหมคะ ?"โทรศัพท์มือถือของจางเหวินชิงเขาให้ม่อหนานมาเอาแล้ว"ไม่ล่ะ"แต่ว่าคุณย่าก็ไม่ยอมโทร ท่านไม่ได้อยากคุยกับจางเหวินชิง แต่อยากให้เขากลับมาดูแลลูกมากกว่า หลินเสี่ยวเหยาเข้าใจความต้องการของท่าน แต่จะให้ทำยังไงได้ เขาก็เป็นแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว เวลาจางจ้าวเหวินไม่สบายเขาก็ไม่เคยสนใจ รวมทั้งหลินเสี่ยวเหยาคนก่อนด้วย แต่คราวนี้ไม่เหมือนกัน เจ้าตุ้ยนุ้ยมีแม่คอยดูแลแล้ว แ
"ท่านประธานครับ ผลแล็ปออกมาแล้ว"ม่อหนานถือซองเอกสารสีน้ำตาลยื่นให้กับจางเหวินชิงที่นั่งอยู่หลังโต๊ะทำงาน เขารับมันมาแล้วก็ส่งสายตาบอกให้ม่อหนานออกไปก่อนพอม่อหนานออกไปและปิดประตูห้องทำงานเรียบร้อยแล้ว เขาก็เปิดซองแล้วก็ดึงกระดาษที่บอกผลแล็ปออกมาอ่านเขาอ่านผลแล็ปนั้นอย่างละเอียดไปมาหลายรอบ ใบหน้าหล่อเหลาเย็นชาเคร่งขรึมเพิ่มขึ้นอีกหลายส่วน ก่อนที่จะขยำกระดาษแผ่นนั้นจนยับยู่ยี่แล้วก็โยนลงถังขยะไป"เหวินชิงคะ เราไปกันเถอะ"กู่เยี่ยนถิงถือวิสาสะเปิดประตูเข้ามาในห้องทำงานของจางเหวินชิง เพราะคิดว่าเธอได้นัดกับเขาเอาไว้แล้ว วันนี้เขาจะไปทานอาหารค่ำกับเธอที่บ้าน เพื่อเป็นการฉลองการย้ายเข้าไปอยู่ในบ้านใหม่ของเธอด้วย"อืม.."เขาเหลือบมองเวลาบนนาฬิกาเรือนหรูที่ข้อมือ พบว่าเป็นเวลาเลิกงานพอดี จึงลุกขึ้นยืนและเดินอ้อมโต๊ะทำงานออกมา กู่เยี่ยนถิงเดินไปคล้องแขนของเขาเอาไว้ แล้วทั้งสองคนก็เดินออกไปจากห้องทำงานพร้อมกัน ท่ามกลางสายตาของพนักงานในบริษัทใบหน้าของกู่เยี่ยนถิงยิ้มแย้มแลดูอ่อนหวานและเป็นมิตร เธอยิ้มน้อย ๆ ให้กับพนักงานทุกคน ลำคอเชิดขึ้นราวกับว่าตัวเองเป็นคุณนายจางตัวจริงส่วนใบหน้าของจางเหว
จางเหวินชิงและกู่เยี่ยนถิงคบหาเป็นคนรักกันตั้งแต่เรียนมหาลัยปีสอง ทั้งสองรักกันมากโดยเฉพาะฝ่ายชายนั้นดูจะรักและให้เกียรติฝ่ายหญิงมากที่สุด เพราะว่าเขาสงสารที่เธอเป็นเด็กกำพร้าแล้วอีกอย่างก็คือกู่เยี่ยนถิงเคยช่วยชีวิตของจางเหวินชิงเอาไว้ ในตอนที่เรียนอยู่มหาวิทยาลัยปีหนึ่ง จางเหวินชิงป่วยมีปัญหาเกี่ยวกับไต ต้องเปลี่ยนไตจึงได้ทำการขอรับบริจาคไต และคนที่บริจาคให้เขาก็คือกู่เยี่ยนถิงพอเขารู้เรื่องนี้จึงได้ขอคบเธอเป็นแฟน แต่ว่ากู่เยี่ยนถิงก็ไม่ได้ตอบรับเขาในทันที จางเหวินชิงตามจีบเธออยู่นานกว่าเธอจะยอมตกลงเป็นแฟนกับเขา โดยเธอให้เหตุผลว่าเธอเป็นเพียงเด็กกำพร้าเท่านั้น ไม่เหมาะกับคุณชายใหญ่ตระกูลจางหรอก นั่นยิ่งทำให้จางเหวินชิงรักและสงสารเธอเพิ่มขึ้นอีกหลายส่วน ถึงแม้ว่าพ่อแม่ แล้วก็ปู่กับย่าจะห้าม เขาก็ไม่ยอมฟังแต่ความจริงกู่เยี่ยนถิงนั้นวางแผนเข้าหาจางเหวินชิงเอาไว้ตั้งแต่แรกแล้ว เธอไม่ได้ใสซื่ออย่างที่แสดงให้ทุกคนเห็น การที่อยู่ในสถานสงเคราะห์ทำให้เธอต้องต่อสู้ดิ้นรนและทะเยอทะยานเธอมองออกว่าหากอยากหลุดพ้นจากวงจรชีวิตที่รันทดและมีแต่คนดูถูกแบบที่เป็นอยู่นี้ สิ่งแรกที่ควรจะมีนั่นก็คือก
วันนี้เป็นวันที่จางจ้าวเหวินไปโรงเรียนวันแรกหลังจากที่พักฟื้นอยู่หลายวัน ถึงแม้จะหยุดเรียนแต่ว่าหลินเสี่ยวเหยาก็ยังให้เจ้าตุ้ยนุ้ยทบทวนบทเรียน และให้คนไปเอาการบ้านมาให้ทำ เพราะเธอเกรงว่าเขาจะเรียนไม่ทันเพื่อนเพราะไปเรียนวันแรกหลังจากที่หยุดยาว ด้วยเหตุนี้คุณย่าจึงไปส่งเขาที่โรงเรียนด้วย โดยที่หลินเสี่ยวเหยาเป็นคนขับรถเอง พอทานข้าวเสร็จทั้งสามคนก็ขึ้นรถคันที่หลินเสี่ยวเหยาใช้ประจำ รถสปอร์ตคันหรูสีแดงเพลิง เครื่องยนต์ 400 แรงม้า เธอได้มาเมื่อสองปีที่แล้ว คุณย่าให้เธอเป็นของขวัญวันเกิดทันทีที่ท้ายรถของหลินเสี่ยวเหยาเคลื่อนออกไปพ้นคฤหาสน์ ก็มีรถยนต์คันหนึ่งขับตามไปภายในรถ"จ้าวเหวิน หายดีแล้วนะครับ ?""ใช่ครับคุณย่า"คุณย่าถามเจ้าตุ้ยนุ้ยย้ำอีกครั้ง แม้ว่าจะถามมาหลายรอบแล้วก็ตาม เพราะท่านเกรงว่าจางจ้าวเหวินจะยังมีอาการป่วยอยู่"คุณย่าคะ ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ คุณย่าก็เห็นแล้วนี่คะว่าจ้าวเหวินหายแล้ว""ย่าก็แค่เป็นห่วงจ้ะ กลัวจ้าวเหวินยังไม่หายดี""จ้าวเหวินหายแล้วครับคุณย่า"จบคำพูดของเจ้าตุ้ยนุ้ย คุณย่าก็คว้าร่างอ้วนกลมของเหลนชายมากอดเอาไว้หลินเสี่ยวเหยาขับรถไปเรื่อย ๆ จนเหลือระยะเวลาอีก
หนึ่งเดือนต่อมา จางเหวินชิงกับหลินเสี่ยวเหยาได้มาเที่ยวที่ต่างประเทศด้วยกันลำพังสองคน ทั้งสองคนตกลงกันว่าจะลองให้โอกาสกันและกันดู แล้วก็ลองศึกษาดูนิสัยใจคอกันใหม่ด้วย ซึ่งคุณย่าทวดและจางจ้าวเหวินต่างก็เห็นดีเห็นงามด้วยกับทั้งคู่โดยก่อนที่หนุ่มสาวทั้งสองจะเดินทางมาต่างประเทศ คุณย่าทวดก็ได้กำชับหนักแน่นว่าให้หลินเสี่ยวเหยารีบมีน้องของจางจ้าวเหวินเร็ว ๆ และพอบอกเรื่องนี้กับเจ้าตุ้ยนุ้ย เด็กน้อยก็เฝ้ารอคอยน้องชายกับน้องสาวอยู่ตลอดเวลา"เหวินชิง คุณดูนั่นสิ"หลินเสี่ยวเหยาชี้ชวนให้จางเหวินชิงดูกุหลาบแดงช่อใหญ่ ที่วางขายอยู่ตรงริมฟุตบาท เขามองดูเธอด้วยสายตารักใคร่ เพราะเธอทั้งสดใสน่ารักและก็ไม่ใช่คนเอาแต่ใจอย่างที่ผ่านมาเลย "อยากได้เหรอ ?"เสียงห้าวทุ้มเอ่ยถามเธออย่างอ่อนโยน พร้อมกับจูงมือเธอพาเดินไปที่กุหลาบสีแดงช่อนั้น "อืม..ก็มันทั้งสวยแล้วก็หอมด้วย"เธอตอบเขาพลางก้มลงมองกุหลาบช่อนั้นใกล้ ๆ จางเหวินชิงจึงถามราคาจากคนขายแล้วก็จ่ายเงิน เมื่อเสร็จเรียบร้อยเขาก็ส่งกุหลาบแดงช่อนั้นให้เธอ หลินเสี่ยวเหยารับมันมาถือเอาไว้แนบอก ก้มลงดอมดมกลิ่นหอมของมัน"ขอบคุณมากค่ะ"เธอกล่าวขอบคุณเขาออกมาด้วย
ในตอนเช้าหลินเสี่ยวเหยางัวเงียตื่นขึ้นมา ก็พบว่าตอนนี้เธออยู่ในอ้อมกอดของจางเหวินชิง จึงรีบขยับตัวเพื่อจะออกจากอ้อมแขนของเขา "จะรีบลุกไปไหน ยังเช้าอยู่เลย ?"แต่ว่าจางเหวินชิงกลับไม่ยอมปล่อย เขากลับกอดกระชับอ้อมแขนแกร่งรัดตัวเธอให้แน่นขึ้น "คุณ..ปล่อยนะ"เธอบอกเขาเสียงห้วน สายตามองหาร่างอ้วนกลมของลูกชาย ก็พบว่าจางจ้าวเหวินนอนอยู่ที่พื้นข้างเตียง"เมื่อก่อนคุณรังเกียจฉันอย่างกับอะไรไม่ใช่หรือไง ?"จบประโยคของเธอ จางเหวินชิงจึงได้คลายอ้อมแขนออก สายตามีแวววูบไหวอยู่ในนั้น แต่หลินเสี่ยวเหยาไม่ได้สนใจท่าทางของเขา ปีนลงจากเตียงและไปปลุกลูกชายให้ไปอาบน้ำเพื่อเตรียมตัวไปโรงเรียนจางเหวินชิงจึงได้ลุกขึ้น เขากลับไปทำธุระส่วนตัวที่ห้องนอนของตัวเอง และไปนั่งรอสองแม่ลูกที่โต๊ะทานข้าว"วันนี้ไม่ไปทำงานเหรอ ?"คุณย่าเอ่ยถาม เพราะเห็นว่าวันนี้เขาใส่ชุดลำลอง เสื้อยืดสีเทาแขนยาวแล้วก็กางเกงสแล็คสีกรมท่า ไม่ใช่ชุดสูทสำหรับไปทำงาน"ผมจะไปร่วมกิจกรรมที่โรงเรียนของจ้าวเหวินครับ""คุณย่าไปด้วยไหมครับ ?"จางจ้าวเหวินเดินเข้ามาพร้อมแม่ ทันได้ยินที่คุณย่าคุยกับพ่อ เขาจึงชวนท่านไปด้วย "ไม่ล่ะ หนูไปกับคุณพ่อค
"ฉันคุยกับคุณย่าแล้ว ท่านไม่มีปัญหาค่ะ รอแค่เราสองคนพร้อมเท่านั้น ท่านเคารพการตัดสินใจของเรา"คำพูดของหลินเสี่ยวเหยาสะท้อนกลับไปกลับมาในโสตประสาทของจางเหวินชิง จู่ ๆ เขาก็ไม่อยากหย่ากับเธอขึ้นมา ไม่เข้าใจความรู้สึกของตัวเองเลยจะว่าไปแล้วที่หลินเสี่ยวเหยามีนิสัยที่ไม่ดีหลายอย่าง ทั้งตามหึงหวง เหวี่ยงวีนผู้หญิงทุกคนที่เข้าใกล้เขา ความผิดส่วนหนึ่งก็เกิดจากตัวเขาเอง เขาไม่เคยให้เกียรติเธอในฐานะภรรยา เย็นชาและไม่เคยพูดดีกับเธอเลยสักครั้ง แถมยังท้ทเธอหย่าเกือบทุกวัน จนเธอต้องสร้างเรื่องเพื่อเรียกร้องความสนใจจากเขา แต่พอมาวันนี้เธอหยุดทำแบบนั้นและเป็นคนเอ่ยปากเรื่องหย่าขึ้นมาเองเขากลับรู้สึกเจ็บจางเหวินชิงยกมือขึ้นมาก่ายหน้าผาก อยากจะข่มตาให้นอนหลับ แต่มันก็หลับไม่ลง เขาเลื่อนมือลงไปลูบตรงสะบักเอวของตัวเองเบา ๆ'ไตของเธอข้างหนึ่งอยู่กับเขา'หลินเสี่ยวเหยาคงรักเขามากจริง ๆ แม้แต่อวัยวะในร่างกายยังยอมเสียสละให้เขาได้ นี่เขาตามืดบอดมองไม่เห็นความรักของเธอได้ยังไงกัน แต่กับกู่เยี่ยนถิงเขากลับหลงเชื่อและงมงาย คิดว่าเธอรักเขาจริง ๆ แต่แท้จริงแล้วเธอวางแผนทุกอย่างเพื่อใช้เขาเป็นสะพานไปสู่ความต้
หลังจากเรื่องของกู่เยี่ยนถิงผ่านไป ถึงแม้ว่าความจริงทุกอย่างจะเปิดเผยแล้วก็ตาม แต่ก็ดูเหมือนว่าความสัมพันธ์ระหว่างหลินเสี่ยวเหยาและจางเหวินชิงก็ไม่ได้ดีขึ้นจากแต่ก่อนเลยหลินเสี่ยวเหยาโกรธที่จางเหวินชิงไม่ยอมจัดการตอนที่รู้ว่ากู่เยี่ยนถิงปองร้ายจางจ้าวเหวิน ส่วนตัวจางเหวินชิงนั้นเขาก็รู้สึกผิดที่เป็นต้นเหตุทำให้เรื่องราวไม่ดีต่าง ๆ เกิดขึ้นมา รวมทั้งเรื่องที่ความจริงแล้ว คนที่มอบไตให้เขาก็คือหลินเสี่ยวเหยาไม่ใช่กู่เยี่ยนถิงด้วยจางเหวินชิงกินนอนที่บริษัทเป็นส่วนใหญ่ เขาแทบไม่ได้กลับไปที่คฤหาสน์เลย แม้แต่คุณย่าเองที่เมื่อก่อนจะเป็นเดือดเป็นร้อนทุกครั้งที่เขาไม่ยอมกลับบ้าน มักจะคอยโทรตามขอร้องกึ่งบังคับให้เขากลับ แต่ตอนนี้ท่านกลับไม่ทำแบบนั้นเลย"พ่อคร้าบบ"วันนี้เป็นวันเสาร์ จางจ้าวเหวินไม่ได้ไปโรงเรียน เขาจึงมาหาจางเหวินชิงที่บริษัท เนื่องจากว่าพ่อไม่กลับบ้านนานนับเดือนแล้ว เจ้าตุ้ยนุ้ยคิดถึงพ่อมาก จึงขอให้แม่พาเขามา "จ้าวเหวิน มาได้ยังไง ?"ร่างอ้วนกลมของจางจ้าวเหวินวิ่งเข้าไปหาพ่อที่ห้องทำงาน จางเหวินชิงก้าวยาว ๆ ไปหาลูกชาย แล้วก็ย่อตัวลงอุ้มเจ้าตุ้ยนุ้ยขึ้นมา เขากอดคอพ่อเอาไว้แล้ว
ราว ๆ ห้าโมงเย็นจางเหวินชิงก็กลับมาถึงคฤหาสน์ เขารีบเดินเข้าไปในห้องรับแขก เพราะเกาถานแจ้งว่า กู่เยี่ยนถิงอยู่ที่นั่น"เยี่ยนถิง คุณมาทำไม ?"เขาถามเธอออกไปด้วยความโมโห แล้วก็กระชากแขนเธอให้ลุกขึ้น"ก็คุณไม่ยอมไปหาฉัน พอฉันไปหาคุณที่บริษัทคุณก็ไล่ฉันกลับ ฉันอยากรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น คุณโกรธฉันเรื่องอะไร ?"กู่เยี่ยนถิงถามเขาเสียงเครือ น้ำตาเริ่มรื้นขึ้นมาคลอหน่วย "เยี่ยนถิง เพราะอะไรคุณรู้ดีที่สุด"จางเหวินชิงบอกกับเธอเสียงเย็นชา กู่เยี่ยนถิงชะงักไป อย่าบอกนะว่าเขารู้อะไรมา แต่ว่าเธอก็ยังคงบีบน้ำตาและถามเขาออกมาเสียงสั่น ดูช่างน่าสงสาร"รู้อะไรคะ ?""เลิกเสแสร้งเถอะ ผมรู้เรื่องหมดแล้วทั้งเรื่องที่คุณวางยาจ้าวเหวินเพื่อจะโยนความผิดให้เสี่ยวเหยา แล้วก็ที่คุณวางยาเดวิด เพราะว่าคุณเป็นคนสั่งให้เขามาจับตัวเสี่ยวเหยา คุณย่าและจ้าวเหวิน"เขาพูดเสียงดังชัดถ้อยชัดคำ ย้ำชัด ๆ ให้ผู้หญิงตรงหน้าได้ยิน แต่ว่ากู่เยี่ยนถิงกลับปฏิเสธ"ไม่จริงค่ะ ฉันไม่ได้ทำอะไรแบบนั้น แม้แต่มดสักตัวฉันยังไม่เคยฆ่า แล้วฉันจะวางยาเดวิดกับลูกชายคุณได้ยังไง !?""คุณหยุดพูด และกลับไปเสียเถอะแล้วก็อย่ามายุ่งกับผมอีก ผมไม่
"เหวินชิงคะ"กู่เยี่ยนถิงมาดักรอพบเขาที่บริษัท แต่ว่ารปภ. ไม่ยอมให้เธอเข้าไปเพราะจางเหวินชิงสั่งเอาไว้ เธอไม่มีข้ออ้างแล้วด้วยเพราะงานถ่ายแบบที่เธอเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้กับจางกรุ๊ปนั้นถ่ายเสร็จเรียบร้อยแล้ว เธอเอ่ยเรียกเขาเสียงหวานทันทีที่เขาก้าวลงมาจากรถ กู่เยี่ยนถิงมารอเขาที่ลานจอดรถตั้งแต่เช้าแล้ว เพราะว่าจางเหวินชิงไม่ยอมไปหาเธอเลยตั้งแต่วันที่เกิดเหตุการณ์ลักพาตัวคนในครอบครัวเขา พอเธอโทรหาและถาม เขาก็บอกว่างานยุ่ง"เยี่ยนถิง มาทำไม ?"น้ำเสียงเย็นชาที่เอ่ยออกมานั้น กู่เยี่ยนถิงแทบไม่เชื่อหูตัวเอง เขาไม่เคยพูดกับเธอด้วยน้ำเสียงแบบนี้มาก่อน แม้จะโกรธแต่ก็ต้องระงับเอาไว้ เอ่ยบอกเขาเสียงอ่อนหวาน"ฉันคิดถึงคุณ"พูดจบก็เดินเข้าไปใกล้เพื่อจะเกาะแขนเขา แต่จางเหวินชิงสะบัดแขนออก"กลับไปเถอะเยี่ยนถิง แล้วก็ไม่ต้องมาให้ผมเห็นหน้าอีก""อะไรกันคะเหวินชิง ทำไมพูดแบบนี้ คุณโกรธเรื่องอะไร ?"เธอรีบถามเขาเสียงแผ่ว น้ำตารื้นขึ้นมาทันที สบตากับเขาใบหน้าแดงก่ำ ราวกับเจ็บปวดนักหนา ถ้าหากว่าเป็นเมื่อก่อน จางเหวินชิงจะรีบกอดและเอ่ยปลอบใจเธอทันที แต่ว่าวันนี้มันกลับไม่เป็นเช่นนั้น"คุณกลับไปเถอะ"เขาพูดเพ
เมื่อทำอาหารเสร็จ หลินเสี่ยวเหยาก็บอกให้เกาถานกับเจียวหนิงตั้งโต๊ะ ส่วนเธอนั้นเดินไปหาลูกชายกับคุณย่าที่ห้องนั่งเล่น"คุณย่า จ้าวเหวินทานข้าวค่ะ"คุณย่ากับเจ้าตุ้ยนุ้ยที่กำลังช่วยกันระบายสีรูปช้างอยู่ก็หยุดมือ และเดินตามหลินเสี่ยวเหยาไปที่ห้องอาหาร ระหว่างที่ทุกคนจะลงมือทานข้าวนั้น จางเหวินชิงก็เดินเข้ามา"เหวินชิง ย่านึกว่าแกตายไปแล้วเสียอีก"คุณย่าเอ่ยประชดหลานชาย เพราะว่าตลอดหนึ่งสัปดาห์ที่ท่านมาพักที่นี่จางเหวินชิงไม่ได้กลับมาบ้านเลย "โธ่คุณย่าครับผมงานยุ่ง""งานยุ่ง หรือแกมัวแต่ยุ่งกับแม่ดารานั่นกันแน่"คุณย่าก็ยังไม่ยอมหยุดประชดประชันหลานชายตัวดี จางเหวินชิงเงียบไม่ยอมพูดอะไรต่อ ใบหน้าหล่อเหลาเคร่งขรึมเพิ่มขึ้นมาหลายส่วน นั่งลงข้าง ๆ ลูกชาย เกาถานจึงเอาชามมาเพิ่มและตักข้าวให้เขาคุณย่ายังคงมองหน้าหลานชายตาขวาง หลินเสี่ยวเหยาจึงสะกิดให้จางจ้าวเหวินตักกับข้าวใส่จานให้ท่าน เพื่อให้ท่านคลายความโมโห"คุณย่าครับทานนี่ดูหน่อย ต้มยำกุ้งเป็นอาหารไทย แม่หนูทำอร่อยมาก"เจ้าตุ้ยนุ้ยตักกุ้งตัวพอเหมาะใส่ไปในชามข้าวของคุณย่า ท่านหันมายิ้มให้เขาและเอ่ยชมไม่ขาดปาก"จ้าวเหวินของย่า กตัญญูจริง ๆ
"แม่คร้าบบ !"เจ้าตุ้ยนุ้ยวิ่งมาหาแม่ที่กำลังยืนทำกับข้าวอยู่ในครัวด้วยความดีใจ หลังจากเหตุการณ์ลักพาตัวผ่านพ้นไปได้หนึ่งสัปดาห์ ทุกคนก็กลับมาใช้ชีวิตตามปกติ และคุณย่าก็มาอยู่ที่คฤหาสน์กับพวกเธอแบบถาวรวันนี้หลินเสี่ยวเหยาไม่ได้ไปรับจางจ้าวเหวินที่โรงเรียน เพราะเธอรู้สึกเวียนหัวจึงให้คุณย่าไปรับเขาแทน เมื่อมาถึงบ้านเจ้าตุ้ยนุ้ยจึงวิ่งเข้ามาหาแม่ด้วยความคิดถึงจางจ้าวเหวินวิ่งเข้าไปกอดเอวแม่ทางด้านหลังเต็มแรง ด้วยน้ำหนักตัวของเจ้าตุ้ยนุ้ยทำให้เกิดแรงกระแทกใส่ตรงบั้นเอวของหลินเสี่ยวเหยา เธอเจ็บแปล๊บขึ้นมาทันที"จ้าวเหวิน เบา ๆ หน่อยครับ แม่ปวดหลัง"เธอกัดฟันข่มความเจ็บปวดแล้วก็เอี้ยวตัวไปบอกลูกชาย อาการปวดหลังของเธอจะมีขึ้นหากมีอะไรมากระแทกตรงบริเวณบั้นเอวแรง ๆ"หนูขอโทษครับ แม่หายปวดหรือยัง เดี๋ยวหนูเป่าให้"เจ้าตุ้ยนุ้ยเอ่ยขอโทษออกมา และถามแม่ด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน แล้วเขาก็เป่าฟู่ ๆ ไปตรงบริเวณบั้นเอวของผู้เป็นแม่สองสามที หลินเสี่ยวเหยาซาบซึ้งใจในความห่วงใยของลูกชายที่มีต่อเธอ น้ำตารื้นขึ้นมา ลูกชายของเธอช่างน่ารักจริง ๆ"หายแล้วจ้ะ หนูไปนั่งรอแม่กับคุณย่าก่อนนะ""ครับแม่"จางจ้าวเหวินจ
หลินเสี่ยวเหยามองไปที่มือของตัวเอง ก็พบว่ามือใหญ่ของจางเหวินชิงกุมมือของเธอเอาไว้ เขาเองก็เหมือนจะรู้ว่าเธอมอง แต่ก็ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้และไม่ยอมปล่อยมือเธอเธอจึงปล่อยเลยตามเลย อยากจับก็จับไปขืนเธอพูดอะไรออกมาเดี๋ยวเขาก็หาว่าเธอเรียกร้องความสนใจอีก จางเหวินชิงลอบยิ้มอย่างพอใจ ใบหน้าเย็นชานั้นดูหล่อเหลาขึ้นมาหลายส่วน หลินเสี่ยวเหยามองเขาตาค้างไป เพราะถึงยังไงก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเขาคือผู้ชายที่เธอรักมาก และเธอก็ไม่คิดจะรักใครได้อีก ถึงแม้ว่าจะหย่ากับเขาก็ตาม ถึงวันนั้นเธอก็ไม่คิดจะเริ่มต้นใหม่กับใครแม้ว่าในตอนนี้คนที่อยู่ในร่างนี้จะเป็นนภา แต่ว่าความรู้สึกนึกคิด ความชอบและความรักก็ยังคงเป็นของหลินเสี่ยวเหยาคนเดิม "แล้วคุณรู้ได้ไงว่า พวกเราถูกจับตัวไปที่นั่น ?"เธอเอ่ยถามเขาออกมาแก้เขิน จางเหวินชิงจึงได้เริ่มเล่าเรื่องราวให้เธอฟังในขณะที่จางเหวินชิงกำลังนั่งทำงานอยู่ และเริ่มรู้สึกไม่พอใจกู่เยี่ยนถิงมากขึ้นเรื่อย ๆ เพราะว่าเธอไม่ได้อยู่เงียบ ๆ ตามที่เธอพูด แต่กลับมาคอยก่อกวนและยั่วยวนเขา จนเขาเกือบจะให้ รปภ. มาโยนตัวเธอออกนอกห้องทำงานนั้น ม่อหนานก็วิ่งกระหืดกระหอบเข้ามา"ท่านประธานครับ เ