เพื่อที่จะสลัดเซียวอวี้ออกให้ได้ เฟิ่งจิ่วเหยียนทำได้เพียงทำทุกอย่างให้บรรลุผลเป้าหมายโดยไม่เลือกวิธีการ“ใช่ ข้า...ตกหลุมรักแม่นางเจินเจินตั้งแต่แรกเห็น”เซียวอวี้หัวเราะเย็นทันใดนั้นก็ดูเหมือนเขาโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ ยกมือพาดคล้องคอนางด้านหลัง“เช่นนั้น เราพระราชทานสมรสให้พวกเจ้า ดีหรือไม่?”เฟิ่งจิ่วเหยียนพยายามดันมือของเขาออก เขากลับยิ่งรัดให้แน่นขึ้น ทั้งยังเอียงลำตัวช่วงบนมาชิดนาง“ถึงอย่างไรเราก็ไม่อาจแต่งตั้งบุรุษเป็นสนมได้ เจ้าแต่งเข้าตระกูลเจิน ทีนี้ก็ต้องอยู่ที่เมืองหลวงตลอดไปแล้ว“ช่วงเช้าเจ้าก็เป็นสามีภรรยากับเจินเจินผู้นั้น ตกกลางคืนก็มาเป็นสามีภรรยากับเรา...”“เหลวไหลสิ้นดี!” เฟิ่งจิ่วเหยียนคิดอยากใช้แรงผลักเขาออกไปทว่าพลันถูกเขาจับมือข้างนั้นที่ใช้ผลักคนไปคำพูดเมื่อครู่ของนางออกจะดังไปซักหน่อย เจินเจินที่อยู่ด้านนอกได้ยินจึงลดความเร็วลงแล้วถามด้วยความกังวล“ฝ่าบาท คุณชายซู พวกท่านเป็นอะไรหรือไม่?”“ไม่มีอะไร” น้ำเสียงที่น่าเกรงขามของเซียวอวี้ ทำให้นางหมดความสงสัยมือหนึ่งเขาคล้องหลังคอของเฟิ่งจิ่วเหยียน อีกข้างจับข้อมือของนาง ส่วนนางใช้มืออีกข้างดันลงบนอกของ
เฟิ่งจิ่วเหยียนจ้องมองเซียวอวี้อย่างสงบแล้วเอ่ยถาม“เหตุใดท่านต้องหลอกข้าว่าท่านชอบบุรุษด้วย”ดวงตาสีดำสนิทของเซียวอวี้ลึกล้ำและเด็ดเดี่ยว“เป็นเจ้าที่เข้าใจเราผิดก่อนว่าเราชอบบุรุษ เราก็แค่เอาคืนเจ้า”เมื่อฟังคำตอบเฟิ่งจิ่วเหยียนก็อยากจะกัดเขาให้ตายเอาคืน?ทำไมเขาถึงใจแคบขนาดนี้!ไม่รู้หรือว่านางอกสั่นขวัญหายมาตลอดทาง เอาแต่วิตกกังวลอยู่ตลอดเวลา!ทว่าโชคดีนักที่เขาไม่ได้ชอบบุรุษจริง ๆเซียวอวี้กลับถามอีกครั้งว่า“ว่าแต่เจ้าชอบสตรีจริง ๆ รึ?”เฟิ่งจิ่วเหยียนพยักหน้าทันที “ใช่”เซียวอวี้มองสังเกตนางทั้งร่าง“หร่วนฝูอวี้ตามติดเจ้ามาหลายปีขนาดนี้ ก็ไม่เห็นเจ้าจะสู่ขอนาง หรือเจ้าจะไม่ไหว?”เฟิ่งจิ่วเหยียนตอบเขาอย่างใจเย็น“ยุทธภพยังไม่สงบ จะสร้างครอบครัวได้อย่างไร”เซียวอวี้ตอบอย่างเคร่งขรึมว่า“นี่มันสลับกันแล้ว จะสร้างตัวสร้างฐานะต้องมีครอบครัวก่อนจึงจะถูก”เฟิ่งจิ่วเหยียนพูดอย่างสงบว่า“สำหรับข้าแล้วการมีครอบครัวเป็นเรื่องยุ่งยาก”ตอนนี้นางตัวคนเดียวก็ดีอยู่เซียวอวี้แก้คำพูดนางอย่างผู้มีประสบการณ์“เจ้าไม่เคยแต่งงานย่อมไม่เคยรับรู้ถึงรสชาติของการแต่งงาน หยินหยางผ
เรื่องที่ฮ่องเต้เสี่ยงชีวิตช่วยคน ตงฟางซื่อไม่ได้คิดไปในแง่ที่ลึกกว่านั้น เขาเพียงถอนหายใจออกมาแล้วกล่าวว่า“ฝ่าบาทช่างเห็นค่าบุญคุณยิ่งนัก ข้าไม่นึกเสียใจเลย ที่ได้ยื่นมือเข้าไปช่วยตอนสงครามเมืองเซวียน”ต่อมาก็เอ่ยเตือนเฟิ่งจิ่วเหยียน“วิหารลัทธิเต๋าไฟไหม้ ไม่ใช่เรื่องบังเอิญแน่นอน เมื่อคืนมีคนจ้องจะเล่นงานเราถึงตาย”เฟิ่งจิ่วเหยียนคิดเช่นนั้นเหมือนกัน จึงเล่าให้ตงฟางซื่อฟังว่า นางพลัดตกกับดักกลไกและเซียวอวี้ช่วยนางอย่างไร สุดท้าย นางก็คาดการณ์ว่า“นักฆ่าที่โผล่มาในตอนหลัง ต้องเป็นคนจากสำนักอื่นแน่ ๆ”“ถ้าพวกเขาไม่ได้ร่วมมือกับสำนักจื่อหยาง ก็ต้องแอบวางแผนอะไรลับ ๆ อยู่เป็นแน่ ถ้าเป็นอย่างแรก ก็คงเป็นสำนักทั่วไป หากเป็นอย่างหลัง…”ต่อมา ตงฟางซื่อก็พูดเป็นเสียงเดียวกันกับนางอย่างรู้ใจ “ก็แสดงว่าเป็นพรรคเทียนหลง”หลังจากเอ่ยถ้อยคำนี้ ตงฟางซื่อก็ทำการตัดสิน“กลไกที่ห้องโถงหลักในวิหารลัทธิเต๋า ต้องไม่ได้อยู่ในแผนการของสำนักจื่อหยางแน่ ๆ”“มิเช่นนั้น พวกเขาคงสามารถล่อพวกเราไปที่ห้องโถงหลักตั้งแต่เริ่มต้นแล้ว“ด้วยเหตุนี้ข้าจึงเอนเอียงไปทาง ความเป็นไปได้ที่ว่าพรรคเทียนหลงกำลังว
แม้นในใจเซียวอวี้จะหงุดหงิดเพียงใด แต่เบื้องหน้ายังต้องแสร้งทำเป็นไม่มีอะไร“พวกเจ้ากำลังดูอะไรกันอยู่หรือ?”ตงฟางซื่อเงยหน้าขึ้นมา แล้วอธิบายว่า“แผนที่น่ะ ซูฮ่วนอยากรู้ว่าเส้นทางไหนสามารถขุดจากเมืองหลวงไปถึงเมืองอานได้…”เซียวอวี้: แค่ดูแผนที่ จำเป็นต้องใกล้กันขนาดนั้นเลยหรือ?เขาเดินเข้าไป และนั่งลงที่ขอบเตียงเช่นกัน“เราขอดูด้วย”เฟิ่งจิ่วเหยียนไม่ได้คิดอะไรมาก จึงชี้แผนที่ที่ทำสัญลักษณ์ไว้แล้วให้เขาดู“เมื่อครู่พวกข้ากำลังถกประเด็นกัน จากวิหารลัทธิเต๋าถึงเมืองอาน คร่าว ๆ ต้องเริ่มจากทิศตะวันออก ผ่านเมืองร้าง ไปถึงหุบเขาหลิวหลี ยึดตามข้อมูลที่สอบถามมาได้ วิหารลัทธิเต๋าถูกปล่อยร้างเมื่อหลายปีก่อน บางทีอาจจะมีคนเริ่มขุดตั้งแต่ตอนนั้นก็ได้…”เซียวอวี้ฟังนางพูดไปพลาง มองดูแผนที่จากนั้น นิ้วมือเรียวยาวของเขาก็ชี้ไปยังมุมทิศตะวันออกเฉียงใต้ของเมืองหลวง“ระยะช่วงแรกไม่น่าจะมีปัญหาอะไร แต่ระยะช่วงหลังมานี่ น่าจะขุดตรงไปทางทิศตะวันออกไม่ได้ ต้องหักเอียงไปทางทิศใต้แทน แล้วค่อยวกขึ้นเหนือ”เมื่อเฟิ่งจิ่วเหยียนมองสถานที่ที่นิ้วมือของเขาชี้ หัวคิ้วก็ขมวดเล็กน้อย“นั่นหมายความว่าต้
ภายใต้ท้องฟ้าทะเลดาว เฟิ่งจิ่วเหยียนเริ่มง่วงขึ้นมาเซียวอวี้อุ้มนาง แล้วยิ้มบางเบาดุจสายลมเย็น ไร้มาดเคร่งขรึมเหมือนในยามปกติ“กลับไปนอน”ภายในเรือนเฉินจี๋เห็นฝ่าบาทอุ้มซูฮ่วนกลับมา หัวใจพลันกระตุกวูบเซียวอวี้กลับเห็นว่า ในเรือนยังมีใครอีกคนยืนอยู่ด้วยนั่นคือรุ่ยอ๋องเมื่อรุ่ยอ๋องเห็นภาพนี้ ดวงตาพลันก่อเกิดอารมณ์แปลกประหลาด“เจ้ามาทำไม” เซียวอวี้เอ่ยปาก ซักถามทันทีรุ่ยอ๋องก้มหน้าลงอย่างนอบน้อม“กระหม่อม เป็นห่วงความปลอดภัยของฝ่าบาท”เซียวอวี้ก้มมองคนในอ้อมกอด จากนั้นก็พานางเข้าไปส่งในห้องหลักก่อนรุ่ยอ๋องเงยหน้ามองแผ่นหลังของทั้งสองคน ด้วยสายตามืดสลัวเหตุใดฝ่าบาทถึงใกล้ชิดกับซูฮ่วนถึงเพียงนี้ล่ะ?ไม่นานหลังจากนั้น เซียวอวี้ก็ออกมาเขาอยู่ในชุดคลุมผ้าไหม ไม่เข้ากับสถานที่ธรรมดาแห่งนี้อย่างยิ่ง“ออกไปคุยข้างนอก” เขาพูดกับรุ่ยอ๋องรุ่ยอ๋องตามเขาออกไป……“ใครบอกให้เจ้าตามสืบการเดินทางของรา” แววตาของเซียวอวี้เยือกเย็นเล็กน้อยแม้นรุ่ยอ๋องจะเป็นเสมือนมือซ้ายมือขวาและพี่น้องที่คอยช่วยเหลือกัน ก็ไม่สมควรตามสืบเรื่องของเขาตามอำเภอใจรุ่ยอ๋องประสานมือคารวะ“หรงเฟยพ่ะ
ยุทธภพกับราชสำนัก แบ่งแยกอำนาจการปกครองผู้ใดก็ไม่คาคคิด ว่าทหารจะล้อมปราบปรามแต่ละสำนักอย่างเปิดเผยเช่นนี้ก่อนหน้านี้พวกเขาไม่ได้รับข่าวสารใด ๆ เลย แม้แต่พรรคเทียนหลงที่มีหน่วยสอดแนมเป็นหูเป็นตามากมาย ก็ยังไม่เคยได้รับข่าวใด ๆ ดังนั้น สำหรับพวกเขาแล้ว การล้อมปราบปรามในครั้งนี้จึงมาอย่างไม่ทันได้ตั้งตัวเกินไปผู้พิทักษ์พรรคเทียนหลงลุกขึ้นทันที ออกคำสั่งว่า“ล่าถอย”ทันทีที่ปริปาก แม่นางหร่านที่ใส่ผ้าคลุมหน้าก็เข้ามาในห้อง วิ่งตรงเข้ามาหาผู้พิทักษ์“ท่านประมุขรู้เรื่องนี้แล้ว ผู้พิทักษ์ ตอนนี้เจ้ากำลังทำให้ราชสำนักแตกตื่น นับเป็นความผิดมหันต์!”แววตาของผู้พิทักษ์เยือกเย็นเป็นแค่เด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม กล้าดีอย่างไรมาสอนเขา?“เจ้ารีบไปคุ้มกันท่านประมุข ฝากบอกท่านประมุขด้วย ข้าจะไปรับโทษด้วยตัวเอง”คนจากสำนักอื่นที่มาขอความช่วยเหลือเห็นท่าทีไม่ดี จึงพากันรีบเผ่นหนีทหารบุกมาอย่างองอาจ พวกเขารับมือไม่ไหวแน่ทุกสำนักตกอยู่ในศึกอันขมขื่นระยะเวลาเพียงชั่วข้ามคืน ยุทธภพกลับปั่นป่วนไปหมดคุกในแต่ละแห่งอัดแน่นไปด้วยคนจนวุ่นวายชาวยุทธภพลงนามร่วมต่อสู้ ฟ้องร้องเรื่องที่ราชส
ภายในศาลาแปดเหลี่ยมอันเงียบสงบทางทิศตะวันตกของวัง มีสองพี่น้องนั่งเผชิญหน้ากันอยู่บนโต๊ะหินมีกระดานหมากรุกวางบนนั้น ซึ่งใกล้จะจบตาแล้วใบหน้าของเซียวจั๋วประดับด้วยรอยยิ้มบางเบา ราวกับว่ายังเป็นพี่ชายผู้มีจิตใจโอบอ้อมอารีย์เหมือนในตอนนั้น“แนวการเล่นหมากรุกของฝ่าบาทแตกต่างจากเมื่อก่อนเยอะเลย”เซียวอวี้พูดลอย ๆ “ทุกสิ่งย่อมมีการเปลี่ยนแปลง”เซียวจั๋วส่งเสียงกระแอม เหมือนกำลังข่มกลั้นอะไรบางอย่าง“มีบางอย่าง ที่อยากถามฝ่าบาทมาโดยตลอด“เรื่องในครานั้น ท่านเจ้าเชื่อว่าข้าคือผู้บริสุทธิ์หรือไม่?”ตอนนั้น องค์รัชทายาทลอบฆ่าพี่ชายแท้ ๆ ทั้งยังก่อกบฏเพื่อประโยชน์ส่วนตัว สร้างความสั่นสะเทือนแก่ราชสำนักสายตาของเซียวอวี้ทอดมองผิวน้ำบริเวณห่างไกล กล่าวอย่างเชื่องช้าว่า“เรื่องมันผ่านมาตั้งนานแล้ว เราจำไม่ได้”เซียวจั๋วยิ้มออกมาบางเบา นัยน์ตาทอแววขมขื่น“พูดตามตรง จนถึงตอนนี้ข้ายังคาดคิดไม่ถึงเลยว่า สุดท้ายคนที่ได้นั่งบัลลังก์ จะเป็นท่าน”ในการแข่งขันขององค์ชายทั้งหลาย เซียวอวี้เป็นคนที่ถูกตัดออกไปขุนนางในราชสำนักเองก็ไม่มีใครอยู่ข้างเขาใครก็ไม่รู้ว่า ฮ่องเต้องค์ก่อนจะเลือกเดิน
หลังจากพักฟื้นอยู่สองสามวัน เฟิ่งจิ่วเหยียนก็พอจะลงมาเดินบนพื้นได้ทว่าร่างกายของฝานจิ้นกลับยิ่งแย่ลงตงฟางซื่อจึงหารือกับนาง และคิดจะหาตัวยาบางอย่างมาทดแทน เพื่อบรรเทาความเจ็บปวดของฝานจิ้นหลังจากฝานจิ้นรู้เรื่องก็เป็นฝ่ายปฏิเสธก่อน“มิต้อง เหล่าฝานอย่างข้าจะต้องผ่านพ้นไปได้!”เขาจะมิยอมแพ้และประนีประนอมเด็ดขาดบ่ายวันนั้น ตงฟางซื่อมาที่ห้องของเฟิ่งจิ่วเหยียน และนำภาพเหมือนแผ่นหนึ่งมาให้นางดู“นี่ก็คือศิษย์หญิงของสำนักหลิงซาน--- จางเสวี่ย”เฟิ่งจิ่วเหยียนมองภาพเหมือนนั้นอย่างละเอียด แววตาพลันหม่นหมองลงทันที“สตรีที่สวมหน้ากากในคืนนั้น มิใช่คนผู้นี้”มิใช่แค่คิ้วและดวงตาที่เผยออกมาภายนอก รูปร่างนี้ก็แตกต่างเช่นกันตงฟางซื่อม้วนภาพเก็บ“ดูเหมือนว่า สตรีผู้นั้นจะหลอกเจ้าแล้ว ทว่านางก็ช่วยเจ้าไว้ ข้าแยกแยะมิออกจริง ๆ ว่า คนผู้นี้เป็นศัตรูหรือเป็นมิตร”เฟิ่งจิ่วเหยียนก็ตกอยู่ในห้วงความคิดในตอนค่ำ เซียวอวี้ก็มาถึงตามเวลาทันทีที่เขาเอ่ยปากก็เป็นความกังวลถึงอาการบาดเจ็บของเฟิ่งจิ่วเหยียน เฟิ่งจิ่วเหยียนตอบว่า: “ที่จริงก็ดีขึ้นมากแล้ว”ในเวลาเดียวกับที่เซียวอวี้คลายกังวล ก็
หลังจากที่ฮ่องเต้เยี่ยนได้ฟังคำขอของพระธิดา ก็หาได้ปฏิเสธทันทีไม่ ฮองเฮาของเซียวอวี้——เฟิ่งจิ่วเหยียน มิใช่สตรีธรรมดา สาเหตุที่เป่ยเยี่ยนพ่ายแพ้ต่อหนานฉีหลายครั้ง ล้วนมีฝีมือของสตรีคนนี้อยู่ในนั้น ถึงแม้เซี่ยนอี๋ไม่เอ่ย เขาก็ต้องการกำจัดเฟิ่งจิ่วเหยียนอยู่แล้ว “ได้ พ่อรับปากเจ้า” องค์หญิงเซี่ยนอี๋รู้สึกพอใจมาก “ขอบพระทัยเสด็จพ่อ!” สิ่งใดที่นางไม่ได้ครอบครอง คนอื่นก็อย่าหวังจะได้ ทว่า ฮ่องเต้เยี่ยนยังไม่หายแคลงใจ เขาถาม “เรื่องในคุกลับนั้น ผู้ใดบอกเจ้า” องค์หญิงเซี่ยนอี๋ยังมีจิตสำนึกอยู่ หาได้ทรยศองค์ชายสี่ไม่ “เป็น...เสด็จพี่เจ็ดเพคะ” สีหน้าของฮ่องเต้เยี่ยนพลันมืดลง เจ้าเจ็ดนี่ เลอะเลือนเกินไปแล้ว! องค์หญิงเซี่ยนอี๋ขอร้อง “เสด็จพ่อ เสด็จพี่เจ็ดก็ถูกหม่อมฉันบังคับ ท่านอย่าตำหนิเขาเลย และอย่าบอกเขาด้วยว่า หม่อมฉันพูด มิฉะนั้นต่อจากนี้เขาคงไม่รักเอ็นดูหม่อมฉันอีกเพคะ” ใบหน้าของฮ่องเต้เยี่ยนแสดงความอดกลั้นไม่ใส่ใจ “ได้ เราเข้าใจแล้ว”…… เมื่อองค์หญิงเซี่ยนอี๋ออกจากวังหลวง ก็ตรงไปที่คุกลับอีกครั้ง ครั้
ขณะที่องค์หญิงเซี่ยนอี๋กำลังถือพู่หยกอย่างพึงพอใจ ทันใดนั้นชายหนุ่มก็บีบคอของนาง จนโซ่ที่ล่ามไว้ส่งเสียง“อึก!” นางพลันเบิกตากว้างไหนเสด็จพี่สี่บอกว่า ฮ่องเต้ฉีสูญเสียพลังภายในไปหมดแล้วไม่ใช่หรือ?เดิมทีเซียวอวี้คิดจะให้ความร่วมมือนาง เพื่อให้นางช่วยตัวเองหนีออกไปจากที่แห่งนี้ทว่า เขาประเมินความอดทนของตัวเองไว้สูงเกินไปเขาทนไม่ไหวแล้วจริง ๆ!นางกล้าเอาพู่หยกนั้นไป!หลังจากเซียวอวี้บีบคอนาง นางก็พยายามชูพู่หยกไปด้านหลัง ไม่ยอมคืนให้เขาแต่ด้วยแรงมือของเขามากขึ้นเรื่อย ๆ นางใกล้หมดลม แขนจึงหลุบลงเช่นนี้ เซียวอวี้จึงแย่งพู่หยกกลับมาได้ จากนั้นก็สะบัดนางออก ราวกับเพิ่งจับสิ่งของสกปรกมา ทั้งยังพูดอย่างไม่รักษาน้ำใจ“ไสหัวไป!”องค์หญิงเซี่ยนอี๋ได้รับความรักมาตั้งแต่เด็ก ไฉนเลยจะเคยถูกดูแคลนขนาดนี้นางไม่ยอม จึงจ้องเซียวอวี้ตาเขม็ง“ท่านจะต้องเสียใจ! นอกจากข้า ก็ไม่มีผู้ใดช่วยเจ้าออกไปจากที่นี่ได้!”เซียวอวี้ไม่สนใจนางอีกหากเพื่อหนีออกไป แล้วต้องร่วมเออออห่อหมกไปกับผู้หญิงคนนี้ เขากลัวสกปรกองค์หญิงเซี่ยนอี๋ถูกทำลายศักดิ์ศรี ลุกขึ้น แล้วยิ้มเยาะ“ท่านลำพองใจอะไรนัก? เป็
องค์ชายสี่อ่านความคิดขององค์หญิงเซี่ยนอี๋ออก จึงมีสีหน้าเคร่งขรึม“คนที่ขังอยู่ในนั้นคือใคร เจ้าไม่จำเป็นต้องรู้ ต่อให้เสด็จพ่อจะตามใจเจ้าแค่ไหน ก็ไม่มีทางมอบเขาให้เจ้าแน่ เซี่ยนอี๋ เจ้าเลิกคิดเถิด”“หากท่านไม่บอก พรุ่งนี้ข้าจะมาอีก!” องค์หญิงเซี่ยนอี๋กอดอก พูดข่มขู่องค์ชายสี่กลัวเหลือเกินว่านางจะมาสร้างเรื่องวุ่นวายยัยเด็กนี่ดื้อรั้นมาตั้งแต่เด็ก ไม่ถึงเป้าหมายก็จะไม่ยอมหยุดครุ่นคิดอยู่นาน องค์ชายสี่ก็ตัดสินใจบอกนาง“นั่นคือฮ่องเต้ฉี คนที่เสด็จพ่อใช้ความพยายามอย่างมากในการจับตัวมา”ให้นางรู้ถึงตัวตนของคนผู้นั้น นางจะได้หวาดกลัวองค์หญิงเซี่ยนอี๋เบิกตาอ้าปากค้างในทันที จากนั้นใบหน้าก็ก่อเกิดริ้วแดง“เขาคือ…”นางไม่อยากจะเชื่อชื่อเสียงของฮ่องเต้หนุ่มจากหนานฉี นางเคยได้ยินมาเป็นเวลานานแล้วครั้งนี้ได้มาเจอ ช่างหล่อเหลาโดดเด่นอย่างที่ร่ำลือกันไม่มีผิดดูดีกว่าบรรดาราชบุตรเขยที่เสด็จพ่อให้นางเลือกเสียอีกและยังเป็นคนน่าเกรงขามถึงเพียงนั้น…องค์หญิงเซี่ยนอี๋จับชายเสื้อขององค์ชายสี่อย่างตื่นเต้น “เสด็จพี่ เสด็จพี่คนดีของข้า ข้ารับรองว่าจะไม่ทำเรื่องสำคัญของท่านกับเสด็จพ่อเ
วังหลังเหล่าสนมต่างเคยได้ยินเรื่องเกี่ยวกับราชสำนักส่วนหน้ามาบ้าง“ฮองเฮาจะให้เด็กเล็กขนาดนั้นขึ้นครองราชย์จริงหรือ? ช่างเละเทะเสียจริง!”“เห็นได้ชัดว่าหวังเพื่อควบคุมโอรสสวรรค์!”“นี่ก็เป็นส่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ มิใช่หรือ ในเมื่อเหล่าขุนนางต่างพากันกดดันอย่างหนัก และยังมีทายาทในราชวงศ์ที่ไม่อยู่นิ่งอีกด้วย…”“ใช่สิ หากฮองเฮาไม่ทำเช่นนี้ พวกเราก็จะเดือดร้อนด้วย หากมีฮ่องเต้องค์ใหม่ขึ้นครองบัลลังก์ สิ่งแรกที่จะทำต้องเป็นการจัดวังหลังใหม่เป็นแน่”พวกนางกังวลเกี่ยวกับผลสรุปของราชสำนักส่วนหน้าหลังจากรอคอยอยู่หนึ่งชั่วยาม ในที่สุดก็มีขันทีมารายงาน——องค์ชายน้อยได้ขึ้นครองบัลลังก์มังกรสำเร็จแล้ว แต่ยังมีคนยึดติดเรื่องฝาแฝดไม่ยอมปล่อยวาง บังคับให้ฮองเฮาต้องสังหารองค์ชายอีกองค์ทิ้งเมื่อเหล่านางสนมได้ยิน ก็เริ่มเป็นห่วงฮองเฮาขึ้นมาในฐานะเป็นแม่ จะทำใจทิ้งลูกแท้ ๆ ได้อย่างไร?ขุนนางใหญ่เหล่านั้นทำมากเกินไปแล้ว!ทว่า ฝาแฝดก็เป็นปัญหาจริง ๆ ไม่รู้ว่าฮองเฮาจะรับมืออย่างไรไม่นาน ก็มีขันทีมารายงานอีก“พระนางทุกท่าน เหล่าขุนนางได้สลายตัวแล้ว!”นางสนมทั้งหลายแปลกใจอย่างมากทำไมสลายต
เฟิ่งจิ่วเหยียนอุ้มลูก ยืนอยู่บนที่สูง แววตาสุขุมแน่วแน่“หากข้าอยากว่าราชการหลังม่าน แล้วเหตุใดจะไม่ได้?”เมื่อคำนี้พูดออกมา ทุกคนต่างส่งเสียงเกรียวกราว“ฮองเฮา ท่านก็ไม่ต่างอะไรกับให้แม่ไก่มาขันในตอนเช้า นั่นฝ่าฝืนกฎเกณฑ์!”“ขออภัยกระหม่อมขอคัดค้าน!”ไทฮองไทเฮามีสีหน้าโรยรา มองไปยังเฟิ่งจิ่วเหยียน แล้วส่ายหน้าอย่างเอือมระอาฮองเฮาทำเช่นนี้ มันเสี่ยงมากเกินไปพูดตรงขนาดนี้ ขุนนางคนไหนจะยอมรับได้?เฟิ่งจิ่วเหยียนไม่มีความอดทนมากขนาดนั้น จึงวางองค์ชายลงบนบัลลังก์“ไม่ต้องกล่าวถึงว่าฝ่าบาทยังไม่เสด็จสวรรคต ถึงแม้ว่าท่านเป็นอะไรไปจริง ๆ ก็ยังมีองค์ชายสืบราชบัลลังก์ ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่ถึงเวลาสำหรับทุกท่านหรอก“วันนี้พวกเจ้าต่างพูดกันเซ็นแซ่ ราวกับอยากวางแผนชิงบัลลังก์เลยนะ!”ทหารคนหนึ่งโต้กลับไปอย่างฮึกเหิม“ฮองเฮา พวกกระหม่อมบริสุทธิ์ใจ กลับถูกท่านหยามเกียรติเช่นนี้! พวกกระหม่อมไม่ยอม!”ท่านอ๋องผู้หนึ่งมองไปทางไทฮองไทเฮา“เสด็จย่า ท่านพูดอะไรบ้างสิ!”เด็กทารกจะไปทำอะไรได้? คุ้มครองแผ่นดินไหวหรือ?จู่ ๆ ไทฮองไทเฮาก็บอกว่าปวดหัว แล้วให้สาวใช้ประคองตัวเองออกไปเหล่าท่านอ๋องต่
แคว้นหนานฉีณ เมืองหลวงเรื่องที่ฮองเฮากลับวัง และให้กำเนิดฝาแฝด ใต้หล้าต่างรู้กันถ้วนหน้าอย่างรวดเร็วในวังหลวง ไทเฮาทั้งดีใจที่องค์ชายถือกำเนิดขึ้นมา ทั้งกังวลเรื่องฝาแฝดนางเรียกฮองเฮามาที่ตำหนักฉือหนิง ชักแม่น้ำทั้งห้ามาพูดกับอีกฝ่าย“หากราชวงศ์มีฝาแฝด โดยเฉพาะองค์ชาย เช่นนั้นก็ต้องส่งคนหนึ่งออกไปนอกวัง“ฮองเฮา ข้ารู้ ไม่ว่าจะหน้ามือหรือหลังมือล้วนคือเลือดเนื้อ แต่เพื่อราชวงศ์ เจ้าต้องตัดสินใจอย่างเด็ดขาด”ขนาดตอนนั้นตระกูลเฟิ่งมีลูกแฝดยังทอดทิ้งหนึ่งคน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงราชวงศ์ใบหน้าเฟิ่งจิ่วเหยียนไร้ซึ่งอารมณ์ใด ๆ กล่าวเหมือนไม่ได้ยิน“เด็กทั้งสองคน จะไม่มีใครถูกส่งออกไปทั้งนั้น”เซียวอวี้เองก็เคยพูด เขาจะปกป้องลูกของตัวเองไทเฮารู้เป็นอย่างดีว่าการเป็นแม่ไม่ใช่เรื่องง่ายแต่กฎก็เป็นเช่นนี้“ฮองเฮา อย่าหาว่าข้าใจร้ายเลย แม้นข้าจะยินยอม ขุนนางใหญ่เหล่านั้นก็คงไม่ยอมอยู่ดี“วันนี้อยากให้เจ้าเตรียมพร้อม“สุดท้ายเจ้าก็ต้องตัดสินใจ”วังหลังเหล่านางสนมรวมตัวกัน ต่างคนต่างมีความคิดแตกต่างกัน“มีคนบอกว่าฝ่าบาทเกิดเรื่อง จริงหรือไม่?”“มีความเป็นไปได้สูงว่าจะเป็นเรื่อ
เซียวอวี้ที่ยังคงคอพับไร้เรี่ยวแรง ยกยิ้มเย็นที่มุมปากอย่างถากถางเขาไม่พูดอะไร ท่าทางทะนงองอาจคนที่อยู่ตรงหน้าแนะนำตัว “ข้าคือองค์ชายสี่แห่งแคว้นเป่ยเยี่ยน ครั้งนี้มาเป็นตัวแทนของเสด็จพ่อ เพื่อแสดงไมตรีในฐานะเจ้าบ้านต่อฮ่องเต้หนานฉี”เมื่อองค์ชายสี่มองส่งสัญญาณ ข้ารับใช้ก็นำอาหารเข้ามาเซียวอวี้ไม่แม้แต่จะมององค์ชายสี่มีความอดทน เขาพูดด้วยรอยยิ้ม“ฮ่องเต้หนานฉี พวกเราแคว้นเป่ยเยี่ยนเชิญท่านมาเป็นแขกด้วยความจริงใจ“เพียงแต่ข้างนอกอันตรายเกินไป จึงได้แต่จัดให้ท่านอยู่ที่นี่“ท่านวางใจเถิด รอให้แคว้นเป่ยเยี่ยนขับไล่กองทัพแคว้นหนานฉีออกไปจนได้ดินแดนที่สูญเสียไปคืนมา ย่อมปล่อยตัวท่านกลับไป”ริมฝีปากบางของเซียวอวี้ยิ้มเยาะเบา ๆพูดเสียดูดี ที่จริงก็แค่เอาเขาเป็นตัวประกัน ทำให้กองทัพแคว้นหนานฉีต่อต้านไม่ได้ก็เท่านั้นองค์ชายสี่เห็นเขาเยือกเย็นเพียงนี้ จึงขอตัวไปก่อนทว่าเมื่อออกมาด้านนอก องค์ชายสี่ก็พูดอย่างเย้ยหยัน“ตกเป็นเชลยแล้วยังจะโอหังเพียงนี้!”ที่ปรึกษาที่อยู่ข้างกายเขาพูด“องค์ชาย ฝ่าบาททรงมอบหมายเรื่องนี้ให้ท่าน ไม่แน่ว่าจะเป็นเรื่องดีเสมอไป ได้ยินว่าฮ่องเต้หนานฉีผ
เฟิ่งจิ่วเหยียนมองภาพรวมเป็นสำคัญ จึงต้องกลับแคว้นหนานฉีก่อนอู๋ไป๋วิตกกังวล“ท่านประมุข กระหม่อมกลัวว่านักฆ่าพวกนั้นจะลงมือกับท่านด้วยพ่ะย่ะค่ะ”ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าท่านประมุขเพิ่งจะคลอดลูก จะทนรับแรงสั่นสะเทือนจากการเดินทางได้เช่นไร?สีหน้าของเฟิ่งจิ่วเหยียนเย็นชา“กลับแคว้นหนานฉี”ไม่ว่าจะยากลำบากเพียงใดก็ต้องกลับไปกลัวก็กลัวแต่ เป้าหมายของนักฆ่าพวกนั้นคือก่อกวนแคว้นหนานฉี นางจะปล่อยให้พวกเขาสมหวังไม่ได้เด็ดขาดก่อนที่จะตามหาเซียวอวี้เจอ นางจะต้องช่วยเขาปกป้องแคว้นหนานฉีเอาไว้ให้ได้เฟิ่งจิ่วเหยียนจัดการเรื่องในแคว้นซีนี่ว์ไว้เรียบร้อยแล้ว รวมถึงว่าจะจัดการขับไล่กองทัพแคว้นเป่ยเยี่ยนอย่างไร ไปจนถึงผู้ที่จะสืบทอดตำแหน่งประมุขแคว้นคนใหม่ด้วยเพื่อป้องกันไม่ให้ประมุขคนใหม่ใช้อำนาจอย่างเผด็จการ นางจึงจัดตั้งนโยบายสามประมุขขึ้นในบรรดาสามคนนี้ มีคนหนึ่งเป็นบุรุษทำเช่นนี้จะได้ปลอบโยนเหล่าบุรุษในแคว้นซีนี่ว์ ป้องกันไม่ให้พวกเขาสร้างเรื่องวุ่นวายอีกเฟิ่งจิ่วเหยียนออกเดินทางกลับแคว้นหนานฉีอย่างรวดเร็วแม้ว่าหูย่วนเอ๋อร์จะตัดใจไม่ลง ทว่านางก็รู้ดีถึงความเร่งด่วนในเรื่องนี้
ประตูตำหนักเปิดออก นางกำนัลเดินออกมาจากด้านในแล้วพูดกับหูย่วนเอ๋อร์: “ท่านแม่ทัพ ท่านประมุขคลอดองค์ชายพระองค์หนึ่งออกมาอย่างปลอดภัยเพคะ”ที่แคว้นซีหนี่ว์ มีเพียงองค์หญิงเท่านั้นที่จะสืบทอดตำแหน่งประมุขได้ ดังนั้นองค์ชายผู้นี้จึงไม่เป็นที่ต้องการทว่าหูย่วนเอ๋อร์ยังคงรู้สึกขอบคุณสวรรค์เป็นอย่างยิ่ง“องค์ชายก็ดี ปลอดภัยก็ดีแล้ว”ไม่ว่าอย่างไรก็เป็นสายเลือดเชื้อพระวงศ์เพิ่งจะพูดจบ หมอตำแยข้างในก็ร้องตะโกนอย่างตกใจ“ยังมีอีกพระองค์หนึ่ง!”ที่แท้ท่านประมุขก็ทรงตั้งครรภ์ฝาแฝดนี่เป็นเรื่องเหนือความคาดหมายของทุกคนแววตาหูย่วนเอ๋อร์มีความยินดีและการเฝ้ารอพาดผ่านหวังว่าจะเป็นแฝดชายหญิงหากเป็นองค์หญิง อนาคตย่อมสามารถสืบทอดตำแหน่งประมุขแคว้นได้ภายในตำหนักเฟิ่งจิ่วเหยียนนึกไม่ถึงว่าคลอดออกมาแล้วคนหนึ่ง แล้วยังมีอีกคนโชคดีที่นางเป็นผู้ฝึกยุทธ์ ยังใช้แรงไปไม่หมดก่อนหน้านี้เป็นเพราะตำแหน่งครรภ์ไม่ตรงจึงคลอดยากคนที่สองนี้กลับคลอดง่ายกว่ามาก ทว่าตอนนี้เฟิ่งจิ่วเหยียนไม่รู้สึกอะไรแล้ว นางเจ็บปวดจนชาไปหมดแล้ว ร่างกายส่วนล่างบวมเสียจนเหมือนว่าเนื้อส่วนนั้นไม่ใช่ของนางอีกต่อไปจนกร