Share

บทที่ 580

Author: อี้ซัวเยียนอวี่
ภายในศาลาแปดเหลี่ยมอันเงียบสงบทางทิศตะวันตกของวัง มีสองพี่น้องนั่งเผชิญหน้ากันอยู่

บนโต๊ะหินมีกระดานหมากรุกวางบนนั้น ซึ่งใกล้จะจบตาแล้ว

ใบหน้าของเซียวจั๋วประดับด้วยรอยยิ้มบางเบา ราวกับว่ายังเป็นพี่ชายผู้มีจิตใจโอบอ้อมอารีย์เหมือนในตอนนั้น

“แนวการเล่นหมากรุกของฝ่าบาทแตกต่างจากเมื่อก่อนเยอะเลย”

เซียวอวี้พูดลอย ๆ

“ทุกสิ่งย่อมมีการเปลี่ยนแปลง”

เซียวจั๋วส่งเสียงกระแอม เหมือนกำลังข่มกลั้นอะไรบางอย่าง

“มีบางอย่าง ที่อยากถามฝ่าบาทมาโดยตลอด

“เรื่องในครานั้น ท่านเจ้าเชื่อว่าข้าคือผู้บริสุทธิ์หรือไม่?”

ตอนนั้น องค์รัชทายาทลอบฆ่าพี่ชายแท้ ๆ ทั้งยังก่อกบฏเพื่อประโยชน์ส่วนตัว สร้างความสั่นสะเทือนแก่ราชสำนัก

สายตาของเซียวอวี้ทอดมองผิวน้ำบริเวณห่างไกล กล่าวอย่างเชื่องช้าว่า

“เรื่องมันผ่านมาตั้งนานแล้ว เราจำไม่ได้”

เซียวจั๋วยิ้มออกมาบางเบา นัยน์ตาทอแววขมขื่น

“พูดตามตรง จนถึงตอนนี้ข้ายังคาดคิดไม่ถึงเลยว่า สุดท้ายคนที่ได้นั่งบัลลังก์ จะเป็นท่าน”

ในการแข่งขันขององค์ชายทั้งหลาย เซียวอวี้เป็นคนที่ถูกตัดออกไป

ขุนนางในราชสำนักเองก็ไม่มีใครอยู่ข้างเขา

ใครก็ไม่รู้ว่า  ฮ่องเต้องค์ก่อนจะเลือกเดิน
Locked Chapter
Patuloy ang Pagbabasa sa GoodNovel
I-scan ang code upang i-download ang App
Mga Comments (18)
goodnovel comment avatar
Nicky
ต้วนน่าจะอยู่พรรคเทียนหลงนะคะ
goodnovel comment avatar
Nicky
วันนี้ยังไม่อัพค่ะ รอบทต่อไปเหมือนกันค่ะ
goodnovel comment avatar
Ratchanee Jib Piempracha
ทำไมไม่ลงให้จบ เสียตังก็เยอะแต่ไม่ลงให้จบ
Tignan lahat ng Komento

Kaugnay na kabanata

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 581

    หลังจากพักฟื้นอยู่สองสามวัน เฟิ่งจิ่วเหยียนก็พอจะลงมาเดินบนพื้นได้ทว่าร่างกายของฝานจิ้นกลับยิ่งแย่ลงตงฟางซื่อจึงหารือกับนาง และคิดจะหาตัวยาบางอย่างมาทดแทน เพื่อบรรเทาความเจ็บปวดของฝานจิ้นหลังจากฝานจิ้นรู้เรื่องก็เป็นฝ่ายปฏิเสธก่อน“มิต้อง เหล่าฝานอย่างข้าจะต้องผ่านพ้นไปได้!”เขาจะมิยอมแพ้และประนีประนอมเด็ดขาดบ่ายวันนั้น ตงฟางซื่อมาที่ห้องของเฟิ่งจิ่วเหยียน และนำภาพเหมือนแผ่นหนึ่งมาให้นางดู“นี่ก็คือศิษย์หญิงของสำนักหลิงซาน--- จางเสวี่ย”เฟิ่งจิ่วเหยียนมองภาพเหมือนนั้นอย่างละเอียด แววตาพลันหม่นหมองลงทันที“สตรีที่สวมหน้ากากในคืนนั้น มิใช่คนผู้นี้”มิใช่แค่คิ้วและดวงตาที่เผยออกมาภายนอก รูปร่างนี้ก็แตกต่างเช่นกันตงฟางซื่อม้วนภาพเก็บ“ดูเหมือนว่า สตรีผู้นั้นจะหลอกเจ้าแล้ว ทว่านางก็ช่วยเจ้าไว้ ข้าแยกแยะมิออกจริง ๆ ว่า คนผู้นี้เป็นศัตรูหรือเป็นมิตร”เฟิ่งจิ่วเหยียนก็ตกอยู่ในห้วงความคิดในตอนค่ำ เซียวอวี้ก็มาถึงตามเวลาทันทีที่เขาเอ่ยปากก็เป็นความกังวลถึงอาการบาดเจ็บของเฟิ่งจิ่วเหยียน เฟิ่งจิ่วเหยียนตอบว่า: “ที่จริงก็ดีขึ้นมากแล้ว”ในเวลาเดียวกับที่เซียวอวี้คลายกังวล ก็

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 582

    ความนุ่มนวลจากการจูบ ราวกับถูกปกคลุมด้วยขนนก ทั้งทะนุถนอม ดูเหมือนกลัวว่าจะทำให้นางเจ็บ เพียงสัมผัสแรกก็แยกออกจากกัน เซียวอวี้มีความสามารถในการดื่มสุราอย่างมากในฐานะฮ่องเต้ ขาดมิได้ที่จะต้องดื่มสุราในงานเลี้ยงภายในวังหากไม่มีความสามารถในการดื่มเพียงใดก็ไม่เมา ก็คงจะถูกผู้คนหัวเราะเยาะได้สุราเพียงเล็กน้อยในคืนนี้ ยังมิเพียงพอที่จะทำให้เขาขาดสติในเวลานี้ เขาออกแรงโอบกอดนางไว้ในอ้อมแขน โดยแสร้งทำเป็นขาดสติจากการมึนเมาเฟิ่งจิ่วเหยียนตกใจกับจูบเมื่อครู่นี้ จึงรีบผลักเขาออกไป และถอยหนี จนแผ่นหลังชนเข้ากับผนัง ฝ่ามือใหญ่ของบุรุษวางทับอยู่บนแผ่นหลังของนาง ภายใต้การปกป้องของมือ นางจึงมิได้รับแรงกระแทกมากเกินไปแม้กระทั่งความร้อนจากฝ่ามือของเขายังทะลุผ่านอาภรณ์ และส่งต่อมายังผิวหนังของนาง หากเทียบกับการจูบเมื่อครู่ที่ราวกับแมลงปอบินแตะน้ำนั้น ร้อนแรงกว่ามาก ทำให้นางตัวสั่นอยู่พักหนึ่งนางชะงักงันอย่างกะทันหัน เซียวอวี้มือหนึ่งเลื่อนมาหลังศีรษะนาง และก้มหัวลงมาตรงซอกคอของนางพร้อมหอบหายใจอย่างหนักหน่วง ทั้งค่อย ๆ โน้มตัวลง ราวกับว่าในเสี้ยววินาทีนั้นเขาสูญเสียพละกำลังทั้งหมด“เรา.

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 583

    บุรุษถอดหน้ากากออก เผยให้เห็นใบหน้าอ่อนเยาว์อันหล่อเหลาจากการสังเกตอายุน่าจะยังไม่ถึงยี่สิบปี ในดวงตากลับเคร่งขรึมกว่าคนรุ่นเดียวกัน ราวกับถูกแช่อยู่ในยาน้ำแห่งความเกลียดชังมาตลอดทั้งปีเขามองดูท่าทางของเฟิ่งจิ่วเหยียนที่ประหลาดใจจนถึงกับตะลึงงันด้วยความชอบใจ พร้อมเอ่ยโดยเสียงท้ายขึ้นเสียงสูง “เป็นอย่างไร จำข้ามิได้หรือ? พี่สะใภ้”เขากัดฟันหนัก ๆ คำว่า “พี่สะใภ้” ทว่ากลับไม่มีความรู้สึกเคารพแม้แต่น้อยร่างกายของเฟิ่งจิ่วเหยียนแข็งเกร็ง ม่านตาสั่นไหว“อาเจิ้ง...”คนผู้นั้นได้ยินชื่อเรียกที่คุ้นเคยนี้ ก็รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมา ดวงตากลับแดงก่ำในทันที“ห้ามเรียกข้าเช่นนี้!“ก่อนหน้านี้เจ้าเคยเป็นพี่สะใภ้ข้า ตอนนี้ เจ้าใช้สถานะใด?“ดังนั้น...อย่ามาทำท่าทางที่ดูสนิมสนมกับข้าเสียเหลือเกิน ข้ารู้สึกรังเกียจ!”ปลายนิ้วของเฟิ่งจิ่วเหยียนเย็นวาบเมื่อมองเห็นใบหน้าดวงนั้นที่มีส่วนคล้ายกับต้วนไหวซวี่ ในเสี้ยววินาทีนั้นในดวงตาของนางก็เต็มไปด้วยน้ำตาแห่งความขมขื่น นางรู้สึกดีใจที่ต้วนเจิ้งยังมีชีวิตอยู่เมื่อนึกย้อนไปถึงครั้งแรกที่พบเขา เขามีอายุเพียงสิบสามสิบสี่ปีเท่านั้น ทั้งตัวคนดูผอ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 584

    คนชุดคลุมดำเคยพูดไว้ นางมิรู้ว่าต้วนไหวซวี่ตายอย่างไร ดูเหมือนว่า การตายของเขาคงมิใช่เพราะพิษวารีสวรรค์ธรรมดาเท่านั้นอีกทั้งยังพูดอีกว่า ต้วนไหวซวี่ใช้ตนเองแลกกับอายุขัยห้าปีของนางจนบัดนี้เฟิ่งจิ่วเหยียนก็ยังไม่มีเบาะแส ถึงขั้นเคยสงสัยว่า นี่เป็นคำโกหกที่คนชุดคลุมดำทำให้นางหวั่นไหวทว่าตอนนี้ ต้วนเจิ้งก็พูดอย่างมีความหมายอื่นแฝงอยู่ในคำพูดเช่นกันนางจักต้องพยายามถามให้กระจ่าง!“เรื่องของพี่ชายเจ้า เจ้ารู้สิ่งใดกันแน่”ทว่า ต้วนเจิ้งใบหน้าดูหม่นหมอง พร้อมเอ่ยด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น“เจ้า มิสมควรรู้”ทันทีที่เอ่ยจบ มีดสั้นเล่มหนึ่งก็จ่ออยู่บนคอของเขาต้วนเจิ้งแทบมิอยากเชื่อ“เจ้าต้องการจะสังหารข้า? เฟิ่งจิ่วเหยียน เจ้าเสียสติไปแล้วหรือไม่!”แววตาของเฟิ่งจิ่วเหยียนเย็นชา“อย่าเรียกชื่อข้ามั่ว ๆ ทางที่ดีเจ้าควรจะเชื่อฟังข้า”หลังจากได้ตื่นเต้นกับการพบกันอีกครั้ง ก็กลับมาตั้งสติต้วนเจิ้งในตอนนี้ เป็นคนของพรรคเทียนหลงไปนานแล้วการปรากฏตัวของเขาในคราวนี้ แน่นอนว่ามิได้มาเพื่อพบกับนางแบบสหายอีกอย่างเขากับคนชุดคลุมดำก็อาศัยต้วนไหวซวี่ทำให้จิตใจของนางปั่นป่วนอยู่หลายครั้ง จักต้

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 585

    เฟิ่งจิ่วเหยียนมั่นใจว่า ต้วนไหวซวี่ตายไปแล้วร่างของเขาเป็นนางที่ฝังเองกับมือ...ต้วนเจิ้งมองดูปฏิกิริยาของนาง พร้อมทั้งหรี่ตาเขาเย้ยหยัน“เป็นอย่างไร มิดีใจหรือ?“ได้ยินว่าพี่ชายข้ายังมีชีวิตอยู่ เจ้ารู้สึกผิดหรือ? มิกล้าเผชิญหน้ากับเขาหรือ?“ก็อาจจะใช่ เจ้ายุ่งเกี่ยวกับบุรุษคนอื่น แล้วเจ้าจะมีหน้าไปพบพี่ชายข้าได้อย่างไร...”เฟิ่งจิ่วเหยียนเมินเฉยต่อคำพูดไร้สาระเหล่านั้นของเขา แววตาของนางเคร่งขรึมและเย็นชา ภายในกลับมีเปลวไฟที่ลุกโชน“เขายังมีชีวิตอยู่จริงหรือ ต้วนเจิ้ง พูดความจริงมา!”ต้วนเจิ้งก้มหน้าลง “ความจริงก็คือ พี่ชายข้ายังมีชีวิตอยู่! เจ้าก็คงรู้เรื่องข้อตกลงห้าปีนั้นกระมัง เหตุใดเจ้าถึงไม่ลองคิดดูว่า หากพี่ชายข้าตายแล้ว พรรคเทียนหลงของเขาเหตุใดจะยังคงรักษาข้อตกลงนั้นอยู่ พวกเขาเป็นพวกโง่เขลาหรือ!”หัวใจของเฟิ่งจิ่วเหยียนสั่นไหวอย่างรุนแรง ก็จริงอยู่ หากข้อตกลงห้าปียังอยู่ สิ่งใดถึงจะสามารถรับประกันได้ว่าข้อตกลงนี้จะยังคงได้รับการปฏิบัติ? อย่างไรเสียก็เป็นข้อตกลงที่ตกลงกันด้วยปากเปล่า สามารถยึดตามการตายของฝ่ายหนึ่ง โดยอีกฝ่ายก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องรักษาข้อตกลง

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 586

    ภายในห้องมืดสนิท ต้วนเจิ้งรู้สึกตัวแล้ว ทว่าร่างกายถูกมัดติดกับเก้าอี้ ปากก็ยังถูกอุดอยู่ ไม่มีทางช่วยเหลือตนเองได้ และขอความช่วยเหลือก็ไม่มีทางเช่นกันเขาเหมือนกับหมาป่าหิวโหยที่ดุร้าย จ้องมองไปที่ประตู และอยากรู้ว่าเมื่อใดเฟิ่งจิ่วเหยียนจะกลับมานางต้องรู้แล้วว่า เขาแสร้งลวงให้สับสน โดยให้นักฆ่าไปโอบล้อมตงฟางซื่อ...เมื่อครั้งแรกที่พบนาง นางยืนอยู่ข้าง ๆ พี่ชาย สีหน้าไร้ความรู้สึก บนตัวมีไอแห่งความแค้น ทำให้เขารู้สึกหวาดกลัวอยู่บ้างทว่าตามด้วยเสียงที่เขาเรียกว่า “พี่สะใภ้” ในดวงตาที่สงบนิ่งของนางนั้นราวกับรู้สึกเบิกบานขึ้นมาเขาคิดว่า ครอบครัวของพวกเขาจะอยู่ด้วยกันไปตลอดกาลทว่าโชคชะตามักจะเล่นตลกกับคนเรา...ขณะที่ต้วนเจิ้งกำลังนึกย้อนไปถึงอดีต จู่ ๆ ประตูก็เปิดออกเขามองไปทางนอกประตูอย่างระแวดระวังในทันทีทว่ากลับเห็น เฟิ่งจิ่วเหยียนยืนอยู่ตรงนั้น พร้อมในมือยังถือกล่องอาหาร......ต้วนเจิ้งหิวมาทั้งวันแล้ว เมื่อเห็นอาหารที่เฟิ่งจิ่วเหยียนนำมา เขากลับปฏิเสธเสียงแข็ง“เอาไปพ้น! ข้าไม่กิน!”เฟิ่งจิ่วเหยียนเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย“อาหารก่อนถูกประหารตัดหัว เป็นมื้อสุดท้าย

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 587

    “พี่ชายเจ้า เดิมก็เป็นคนของพรรคเทียนหลง...”ในความทรงจำของเฟิ่งจิ่วเหยียน ต้วนไหวซวี่เป็นคนจิตใจดีและอ่อนโยนเสมอมา ไม่ว่ากับผู้ใดเขาก็จะปฏิบัติเช่นเดียวกันนี้ นางยังรู้ด้วยว่า หลายปีก่อนเนื่องจากตระกูลต้วนคิดก่อกบฏจึงถูกฆ่าล้างตระกูลทว่านางเข้าใจมาตลอดว่า คนคิดก่อกบฏคือคนรุ่นปู่ของต้วนไหวซวี่ ในเวลานั้นต้วนไหวซวี่ยังเด็ก เขาไม่มีความผิด ดังนั้นในใจของนาง ต้วนไหวซวี่ผู้นี้จึงดีอย่างไร้ที่ติเสมอมา เมื่อชอบผู้ใดสักคน ก็จะมองไม่เห็นข้อบกพร่องของอีกฝ่าย ยิ่งไปกว่านั้น ต้วนไหวซวี่ก็ยัง “ตาย” ในขณะที่นางรักเขามากที่สุด นางมิเคยคิดด้วยซ้ำว่า “การตาย” ของเขา หรือกระทั่งการปรากฏตัวของเขา ทั้งหมดล้วนเป็นแผนชั่วร้าย... เมื่อต้วนไหวซวี่เป็นคนของพรรคเทียนหลง ทุกอย่างล้วนสมเหตุสมผล ในตอนนั้นนางสังหารบุตรชายของประมุขพรรคเทียนหลง พรรคเทียนหลงเพื่อแก้แค้น จึงสืบหาจนพบนาง ต้วนไหวซวี่ก็คือคนที่ถูกมอบหมายให้เข้ามาใกล้ชิดนางในเวลานั้น ต้วนเจิ้งมองเห็นความรู้สึกในดวงตาของนางชัดเจน ก็ปากไวรีบอธิบายแทนพี่ชายของตน“เจ้ากำลังสงสัยสิ่งใด?“ข้าจะบอกเจ้าว่า ถึงแม้พี่ชายข้าจะเป็นคนของพรรคเที

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 588

    กลางดึก ณ ภูเขาหวู่หยางตูม!ตามเสียงที่ดังสนั่น เศษหินบนภูเขาแตกกระเด็น กำแพงหินที่เดิมทีมีสภาพสมบูรณ์ก็ปรากฏมีช่องว่างท่ามกลางฝุ่นควันตลบอบอวล คนผู้หนึ่งก็เดินออกมาจากด้านในคนหลายคนที่อยู่ด้านนอกก็คุกเข่าลงทันที และเปล่งเสียงพร้อมกัน“น้อมรับประมุขพรรคออกจากการบำเพ็ญตน!”ท่ามกลางก้อนหินกระจัดกระจาย ประมุขพรรคเทียนหลงผู้นั้นสวมชุดคลุมสีม่วง ใบหน้าที่มีอายุราวสี่สิบปีนั้น ก็มีริ้วรอยตามวัย ดวงตาเผยให้เห็นความเมตตา ทว่าก็ดูน่าเกรงขามเช่นกันในผมสีดำก็มีผมสีเงินปะปนอยู่หลายเส้น โหนกแก้มยกสูง ริมฝีปากซีดเซียวเมื่อเห็นผู้คนที่คุกเข่าอยู่บนพื้น เขาก็ยกแขนขึ้น“ทุกคนลุกขึ้นเถิด”ท่ามกลางฝูงชน แม่นางหร่านที่สวมผ้าคลุมหน้าก็แอบเงยหน้าขึ้น และมองเข้าไปด้านในกำแพงหินนั้นพี่ไหวซวี่จะต้องอยู่ข้างในเป็นแน่ในเวลานี้ ผู้พิทักษ์ก้าวมาข้างหน้า“ท่านประมุขพรรค กองทัพหวงปั้วยอมสวามิภักดิ์แล้ว ขอเพียงท่านออกคำสั่ง ก็สามารถบุกไปโจมตีเมืองหลวงได้ทันที”ประมุขพรรคมองไปทางหญิงสาวที่สวมผ้าคลุมหน้าผู้นั้น“อาหร่าน เจ้าคำนวณวันเวลาไว้แล้วใช่หรือไม่” แม่นางหร่านตอบอย่างนอบน้อม “ศิษย์คำนวณไ

Pinakabagong kabanata

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 846

    ด้านนอกวัดกวงหวามีองครักษ์มากมายคอยเฝ้าระวังเพื่อปกป้องท่านประมุของครักษ์เงาต่างก็อยู่ในเงามืดเพื่อปกป้องเฟิ่งจิ่วเหยียนอยู่เช่นกันบรรดาเหล่าองครักษ์เงาที่ซ่อนตัวอยู่นั้น ต่างพากันจับจ้องไปที่วัดกวงหวา ยกเว้นหยิ่นฉีที่ก้มหน้าก้มตาลงไปจดบันทึกอย่างบ้าคลั่ง“ฮองเฮาปลอมกายลอบเข้าพบท่านประมุขจนถึงดึกดื่น...”หยิ่นซานที่ก้มหน้าลงไปดูสิ่งที่เขาเขียนนั้น พร้อมกับกำปั้นที่ทุบลงไปที่หัวของหยิ่นฉีในทันที“ลอบพบอะไรของเจ้า!”เพียงพริบตาเดียว พลันมีก้อนเนื้อปูดบวมขึ้นมาบนหัวของหยิ่นฉีในทันทีเขายังมีท่าทีน้อยใจ“พี่สาม เหตุใดท่านต้องตีข้าด้วย?”หยิ่นซานทุบเขาอีกครั้ง พลางกระซิบต่อว่าออกมาอีกว่า“ข้ารู้แล้ว ว่าเหตุใดพี่รองถึงให้ข้าจับตาดูเจ้า! หยิ่นฉี ก่อหน้านั้นข้าหาได้ดูออกไปว่าเจ้าเก่งในเรื่องราดน้ำมันในกองไฟเช่นนี้! เจ้าจงใจใช่หรือไม่ มิอยากให้ฝ่าบาทกับฮองเฮามีความสุขใช่หรือไม่? เจ้าต้องการสร้างความขัดแย้งระหว่างพวกเขางั้นหรือ!”หยิ่นฉีร่ำไห้ออกมา“ฮื่อฮื่อ...ท่านรังแกข้านัก ข้าจะไปฟ้องฝ่าบาท!”หยิ่นฉีเอ่ยขึ้นมาด้วยหยาดน้ำตาที่นองหน้า พลางเขียนเพิ่มลงไปอีกประโยคว่า——[หยิ่นซานขั

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 845

    วัดกวงหวาเมื่อประมุขแห่งแคว้นซีหนี่ว์เสด็จลงจากรถม้านั้น ก็มีท่านเจ้าอาวาสวัดเป็นผู้นำทางให้พระนางพลันหันกลับไปมองใบหน้าของเหล่าองครักษ์ที่ติดตามมาด้วยนั้น มีหลายคนที่มิคุ้นหน้าคุ้นตามากเลยทีเดียวเกรงว่า นี่คงเป็นการจัดการของจ้าวหรู่หลานกระมังใบหน้าของท่านประมุขแคว้นซีหนี่ว์หาได้แสดงสีหน้าออกมาไม่ ยามที่แสงอาทิตย์ส่องสว่างลงมานั้น เสื้อคลุมมังกรสีเหลืองสดพลันส่องประกายเรืองอล่ามออกมา ทำเอาวัดกวงหวาสว่างไสวกว่าปกติเสียอีกหลังจากเข้าไปในห้องฌานแล้วนั้น มั่วซินหมัวมัวที่เป็นนางกำนัลรับใช้ข้างกายคนสนิทจึงปิดประตูลง พลางกระซิบเสียงเบากล่าวว่า“ท่านประมุขเพคะ วัดกวงหวาแห่งนี้ดูแปลกประหลาดยิ่งนัก”ประมุขแห่งแคว้นซีหนี่ว์ที่ยืนอยู่ด้านหน้าพระพุทธรูปองค์เล็ก พลางเอามือไพล่หลังจ้องมองพระพุทธรูป ก่อนจะเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงมืดมนว่า“นี่คือคุกที่สร้างเอาไว้ให้เรา”พระสงฆ์ในวัดแห่งนี้ คงถูกสับเปลี่ยนมานานแล้วมือของอัครมหาเสนาบดีช่างยาวยิ่งนักท่านประมุขพลันเม้มริมฝีปากลงด้วยความเย็นชา พลางแย้มยิ้มออกมาด้วยความเย้ยหยันยามราตรีในวังหลวง ภายในห้องทรงพระอักษรจ้าวหรู่หลานพลางมองไปท

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 844

    ไท่ซ่างหวังพลันสัมผัสได้ถึงบรรยากาศที่ไม่ชอบมาพากลได้ในทันที ก่อนจะส่งเสียงคำรามออกมา“เจ้าสารเลว! เจ้าคิดจะทำอันใดกันแน่! เราเป็นถึงบิดาแท้ ๆ ของเจ้านะ! เป็นฮ่องเต้ของแคว้นเป่ยเยี่ยน!”ทว่า บุตรของตนเองนั้น ที่ยามนี้ขึ้นเป็นฮ่องเต้องค์ใหม่แล้ว กลับหาได้เห็นแก่หน้าผู้ใดไม่ สนใจแต่เพียงตราคำสั่งทหารเท่านั้นเหล่าชายฉกรรจ์พวกนั้น รู้ว่าไท่ซ่างหวังมีวรยุทธ์ที่แข็งแกร่ง จึงจับพระองค์กินผงสลายเส้นเอ็นไท่ซ่างหวังที่อายุมากแล้วนั้น สองมือย่อมมิอาจสู้กับสี่มือได้ จึงมิอาจหาทางต่อกรกลับไปเมื่อเห็นว่าฮ่องเต้องค์ใหม่กำลังจะจากไปนั้น ทั้งยังปล่อยตนเองให้ถูกคนเหล่านี้รังแกอีก จึงรู้สึกถึงหวาดกลัวและความตื่นตระหนกขึ้นมาเป็นครั้งแรกในชีวิต “ไม่…ไม่เอา!”ฮ่องเต้องค์ใหม่จ้องมองดูบิดาของตนอย่างไร้อารมณ์“ตราคำสั่งทหาร จะมอบให้หรือไม่?”ไท่ซ่างหวังร้องตวาดออกมา: “สวรรค์ต้องการทำลายเป่ยเยี่ยนของข้าหรืออย่างไร!!”ฮ่องเต้องค์ใหม่พลันฉายนัยน์ตาที่แฝงไปด้วยความชั่วร้ายออกมาในทันที“เสด็จพ่อ เราจะพูดเป็นครั้งสุดท้ายเท่านั้น ตราคำสั่งทหาร!”ร่างของไท่ซ่างหวังที่อ่อนปวกเปียกลงนั้นหากเขามิยอมให้ต

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 843

    เป่ยเยี่ยนด้านนอกพระราชวัง เรือนถงหวา ตำหนักเล็กของพระราชวงศ์คือสถานที่ที่ไท่ซ่างหวังผู้ถูกบังคับให้สละราชบัลลังก์นั้นอาศัยอยู่ ผู้คนในใต้หล้าอาจจะคิดว่าไท่ซ่างหวังใช้ชีวิตยามบั้นปลายอยู่ที่นี่ แท้จริงแล้วเขากลับถูกกักขังเอาไว้ ทั้งในและนอกเรือนนั้นต่างก็มีทหารคุ้มกันอย่างแน่นหนาภายในตำหนักใน ไท่ซ่างหวังยังคงนั่งอยู่ด้านบนตำแหน่งสูงสุดด้วยท่วงท่าน่าเกรงขาม ด้านหน้าของเขาพลันมีบุตรเนรคุณยืนอยู่ ในยามนี้ขึ้นเป็นฮ่องเต้องค์ใหม่แล้วฮ่องเต้องค์ใหม่พลางมองมาที่เขาด้วยท่าทีก้าวร้าวไท่ซ่างหวังจึงมีท่าทีพิโรธขึ้นมา“เจ้าต้องการจะล้อมโจมตีหนานฉีงั้นหรือ? เราว่า เจ้าต้องการจะทำลายเป่ยเยี่ยนของเราต่างหากเล่า!”ในเมื่อเรื่องราวดำเนินมาถึงจุดนี้ ไท่ซ่างหวังนึกเกลียดยิ่งนัก เกลียดที่ตนเองมิสังหารบุตรเนรคุณผู้นี้ในคราแรก!เหตุผลที่ฮ่องเต้องค์ใหม่เสด็จมายังเรือนถงหวานั้น ก็เพื่อต้องการมาเอาตราคำสั่งทหารดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความบ้าคลั่ง ราวกับว่าใต้หล้าได้ตกมาอยู่ในกำมือของเขาแล้ว เหลือเพียงขั้นตอนสุดท้ายเท่านั้น“เสด็จพ่อ มันใกล้แล้ว... พระองค์จักได้เห็นเองว่าใต้หล้าได้กลับมาตกอยู่ในกำมือ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 842

    คนเหล่านี้คงเป็นองครักษ์ที่ประมุขแคว้นซีหนี่ว์จัดให้มาปกป้องตนเองกระมังมิน่าเล่า อีกฝ่ายถึงกล้ามิพาคนมาคอยอารักขาตนเอง ยามที่พบหน้ากันครั้งแรกผู้ที่ขึ้นเป็นจักรพรรดิของแว่นแคว้นได้ หาได้มีผู้ใดเป็นคนโง่เง่าไม่ประมุขแคว้นซีหนี่ว์พลางลุกขึ้นยืน ก่อนจะเข้าไปเล่นกับดอกไม้ที่วางอยู่บนโต๊ะข้างเตียง“อาการป่วยของเรานั้น ยามที่ยังวัยสาวอยู่ได้ทิ้งอาการป่วยเหล่านี้เอาไว้ หลายปีที่ผ่านมา อาการกับค่อย ๆ แย่ลงเรื่อย ๆ“โดยเฉพาะในช่วงไม่กี่เดือนมานี้ อาการป่วยกลับทรุดหนักเสียจนมิอาจลุกขึ้นมาสะสางราชกิจบ้านเมืองได้ อัครมหาเสนาบดีจึงใช้โอกาสนี้ในการรวบรวมพรรคพวกของตนเองขึ้นมา เมื่อเรารู้สึกตัวอีกที นางก็มีอำนาจมากมายเสียแล้ว”ท่านประมุขพลันหันหน้ากลับมามองเฟิ่งจิ่วเหยียนด้วยท่าทีสงบนิ่งแม้ว่าภูเขาไท่ซานจะถล่มลงมาตรงหน้าก็ตาม พลางยกยิ้มขึ้นมาอย่างเย็นชาว่า“ผู้ที่ทรยศเรา สมควรตาย”เฟิ่งจิ่วเหยียนพลางเอ่ยถามด้วยท่าทีใจเย็นว่า: “รวมไปถึงน้องสาวแท้ ๆ ของท่านด้วยหรือไม่?”นิ้วมือของประมุขแคว้นซีหนี่ว์พลันสั่นเทาเล็กน้อยนางมิได้ตอบคำถามของเฟิ่งจิ่วเหยียน ทว่า กลับเอ่ยเปลี่ยนเรื่องอื่นแทน“แค

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 841

    เนื่องจากความประมาทเลินเล่อที่ภูเขาหิมะเทียนฉือ หยิ่นลิ่วจึงตั้งใจชดใช้ความผิดของตน ทั้งยังเพื่อลบล้างความอับอายในหน้าที่ของตนเองอีกด้วย ทำให้ในยามนี้เขาตั้งใจทำตามคำสั่งของฮองเฮายิ่งนักเพื่อจับตาดูความเคลื่อนไหวที่ผิดปกติไปภายในจวนอัครมหาเสนาบดีนั้น ทุก ๆ วันได้นอนหลับเพียงแค่หนึ่งชั่วยามเท่านั้นในที่สุด หยิ่นลิ่วก็พบกับเหตุการณ์ที่ผิดปกติไปในทันที“นายท่านขอรับ เมื่อคืนวานนี้ น้องสาวฝาแฝดของประมุขแคว้นซีหนี่ว์ได้ลอบเข้ามาทางประตูด้านหลังของจวนอัครมหาเสนาบดี ทั้งยังพูดคุยกันลับ ๆ อยู่นานสองนาน ข้าน้อยมิอาจเข้าไปใกล้ ๆ ได้ ทว่า พอจะฟังออกคร่าว ๆ ว่า พวกนางกำลังพยายามคิดที่จะกำจัดประมุขแคว้นซีหนี่ว์....”กองทัพอินทรีเหินสองสามคนที่อยู่ในห้องนั้นต่างพากันลอบสบตากันนี่มันลอบพระชนม์!เกรงว่าแคว้นซีหนี่ว์เองก็กำลังจะเกิดความวุ่นวาย!หัวหน้ากองทัพอินทรีเหินพลันลุกขึ้นยืน ก่อนจะโค้งกายคำนับต่อเฟิ่งจิ่วเหยียน“กระหม่อมคิดว่า การเมืองภายในแคว้นซีหนี่ว์กำลังจักเกิดความระส่ำระส่าย แม้แต่ตัวประมุขแคว้นซีหนี่ว์เองก็ยากที่จะรักษาชีวิตของตนเองไว้ได้ พวกเขาย่อมมิอาจตอบรับอันใดพวกเราได้เช่นก

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 840

    หลังออกจากพระราชวังแคว้นซีหนี่ว์ เฟิ่งจิ่วเหยียนยังมิกลับไปที่โรงพักแรมในทันทีคนเก่งกาจเพียงใดก็มิอาจสู้คนท้องถิ่นได้เพื่อป้องกันมิให้อัครมหาเสนาบดีแคว้นซีหนี่ว์ประพฤติชั่วช้า จักต้องเพิ่มความระมัดระวัง และรอบคอบไว้ดีที่สุดดังนั้น นางจึงเดินจากหอคณิกาไปที่หอหนานเฟิง แล้วค่อยวกกลับมาที่หอคณิกาอีกครั้ง ประการแรกเพื่อหาโอกาสปลอมตัวอีกครั้งเพื่อออกไปได้ง่าย ประการที่สองก็เพื่อสืบหาข่าวอย่างไรเสีย สถานที่เริงรมย์เช่นนี้ ข่าวสารจะรับรู้ได้ไวที่สุดภายในหอคณิกาเฟิ่งจิ่วเหยียนเรียกนางคณิกาที่ขายศิลปะมิขายเรือนร่างผู้หนึ่งมา เพราะรู้ว่าหญิงสาวผู้นี้มิต้องการปรนเปรอลูกค้า จึงจ่ายเงินจ้างนางแบบเหมาครึ่งเดือน เมื่ออยู่ในห้องนางก็แค่เล่นดนตรีและขับร้อง เพื่อเป็นการบังหน้าให้กับนางดังนั้นจึงได้รับประโยชน์ด้วยกันทั้งสองฝ่ายเพียงแต่รู้สึกเสียดายเงินก้อนนั้นนางคณิกาผู้นี้ตกคืนละสามตำลึงเงิน แพงกว่าค่าโรงพักแรมที่นางพักอยู่ตั้งมากโขนางใช้เงินก้อนนี้ ก็อดมิได้ที่จะรู้สึกปวดใจยังดีที่นางคณิกาผู้นี้เชื่อฟัง และมีเรื่องพูดคุย“...คุณชาย ท่านอาจจะยังมิรู้ว่า ประมุขแคว้นของเราเคยได้รับบา

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 839

    เฟิ่งจิ่วเหยียนท่าทางดูเหมือนจะหมดหนทาง“เรียนใต้เท้า ทักษะการแพทย์ของข้าน้อยด้อยฝีมือ”ซู่ยวนได้ยินเช่นนั้น น้ำตาพลันร่วงไหลลงมาทันที แสดงออกถึงความรักและความห่วงใยที่แท้จริงนัก“เจ้าก็ไม่มีหนทางเลยหรือ...”แววตาของเฟิ่งจิ่วเหยียนมืดมน “ข้าน้อยขอลาก่อน”เดิมคิดว่าเมื่อพบกับซู่ยวน จะไม่พบปัญหาอื่นใดอีกผลสุดท้าย ขณะที่ใกล้จะถึงประตูวัง ก็พบกับสตรีผู้หนึ่งในชุดเครื่องแบบขุนนางข้าหลวงเตือนว่า“ผู้นั้นคือใต้เท้าจ้าวอัครมหาเสนาบดี เจ้าก็ควรแสดงความเคารพด้วยเช่นกัน”อัครมหาเสนาบดีจ้าวหรู่หลานหยุดฝีก้าว และมองดูเฟิ่งจิ่วเหยียนอย่างวิเคราะห์“เจ้าก็คือหมอที่หยิบประกาศเสนอตัวผู้นั้นใช่หรือไม่?”เฟิ่งจิ่วเหยียนก้มหัวลง “ขอรับ”จ้าวหรู่หลานยื่นมือออกมาทันที และเชยคางนางขึ้นในแคว้นซีหนี่ว์ สตรีทำเรื่องเช่นนี้กับบุรุษ ไม่ถือว่าเสียมารยาทจ้าวหรู่หลานอายุน้อยกว่าประมุขแคว้น และผอมกว่าเล็กน้อยดวงตาหางตาชี้ชันคู่หนึ่ง เต็มไปด้วยความพินิจพิเคราะห์คนที่ได้เป็นถึงอัครมหาเสนาบดี หาใช่จะเป็นผู้ที่หลอกลวงได้ง่าย ๆ ไม่นางถามด้วยเสียงดุดัน“เหตุใดมิทันไรก็รีบออกจากวังแล้ว?”เฟิ่งจิ่วเ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 838

    เฟิ่งจิ่วเหยียนหยุดชะงักเล็กน้อย สายตาเคลื่อนลงมา มองดูคมกระบี่ที่อยู่ใกล้แค่เอื้อมถึงแม้จะถูกเปิดโปงสถานะ แต่นางยังคงมีท่าทีสงบนิ่งเมื่อเงยหน้าขึ้นก็มองเห็น ประมุขแคว้นซีหนี่ว์ในชุดบรรทมสีเหลือง พระชันษาราวสี่สิบกว่า พระเกศาสยายคลุมบ่า พระพักตร์มีริ้วรอย ทว่า กาลเวลามิอาจเอาชนะหญิงงามได้ ทั้งตัวนางยังคงมีความสง่าผ่าเผย มั่นคงราวกับเสาค้ำทะเลตงไห่แคว้นซีหนี่ว์มีประมุขแคว้นเช่นนี้ มิน่าแปลกใจที่ยังคงยืนหยัดอยู่ได้ประมุขแคว้นซีหนี่ว์มองสำรวจเฟิ่งจิ่วเหยียนอย่างเย็นชา“ให้ฮองเฮาเยี่ยงเจ้ามาที่แคว้นซีหนี่ว์ ฮ่องเต้ฉีทรงตัดพระทัยได้จริงหรือ เหตุใด มิกลัวว่าเราจะฆ่าเจ้า?”เฟิ่งจิ่วเหยียนก็มิเสแสร้งแกล้งทำอีก พร้อมกับยอมรับตามตรง“คารวะประมุขแคว้น”“ครั้งนี้มาเยือนแคว้นท่าน คือมาในฐานะราชทูต หาใช่มาในฐานะฮองเฮาแห่งหนานฉี และยิ่งมิใช่ในฐานะแม่ทัพน้อยเมิ่งอะไรนั่น“ที่ปลอมตัวมาพบท่าน เป็นเพราะสถานการณ์กำลังวุ่นวาย หากมีสิ่งใดรบกวนพระทัย หวังว่าท่านจะให้อภัย“ทว่า ตัวหม่อมฉัน และแม้แต่ทั้งหนานฉี ก็ไม่มีเจตนาจะล่วงเกินต่อท่าน”ประมุขแคว้นซีหนี่ว์ยังคงถือกระบี่จ่ออยู่ที่นาง พร้อมกับ

I-scan ang code para mabasa sa App
DMCA.com Protection Status