กลางดึก ณ ภูเขาหวู่หยางตูม!ตามเสียงที่ดังสนั่น เศษหินบนภูเขาแตกกระเด็น กำแพงหินที่เดิมทีมีสภาพสมบูรณ์ก็ปรากฏมีช่องว่างท่ามกลางฝุ่นควันตลบอบอวล คนผู้หนึ่งก็เดินออกมาจากด้านในคนหลายคนที่อยู่ด้านนอกก็คุกเข่าลงทันที และเปล่งเสียงพร้อมกัน“น้อมรับประมุขพรรคออกจากการบำเพ็ญตน!”ท่ามกลางก้อนหินกระจัดกระจาย ประมุขพรรคเทียนหลงผู้นั้นสวมชุดคลุมสีม่วง ใบหน้าที่มีอายุราวสี่สิบปีนั้น ก็มีริ้วรอยตามวัย ดวงตาเผยให้เห็นความเมตตา ทว่าก็ดูน่าเกรงขามเช่นกันในผมสีดำก็มีผมสีเงินปะปนอยู่หลายเส้น โหนกแก้มยกสูง ริมฝีปากซีดเซียวเมื่อเห็นผู้คนที่คุกเข่าอยู่บนพื้น เขาก็ยกแขนขึ้น“ทุกคนลุกขึ้นเถิด”ท่ามกลางฝูงชน แม่นางหร่านที่สวมผ้าคลุมหน้าก็แอบเงยหน้าขึ้น และมองเข้าไปด้านในกำแพงหินนั้นพี่ไหวซวี่จะต้องอยู่ข้างในเป็นแน่ในเวลานี้ ผู้พิทักษ์ก้าวมาข้างหน้า“ท่านประมุขพรรค กองทัพหวงปั้วยอมสวามิภักดิ์แล้ว ขอเพียงท่านออกคำสั่ง ก็สามารถบุกไปโจมตีเมืองหลวงได้ทันที”ประมุขพรรคมองไปทางหญิงสาวที่สวมผ้าคลุมหน้าผู้นั้น“อาหร่าน เจ้าคำนวณวันเวลาไว้แล้วใช่หรือไม่” แม่นางหร่านตอบอย่างนอบน้อม “ศิษย์คำนวณไ
เตาหลอมยาเผาไหม้ตลอดทั้งคืน ผู้คนในพรรคเทียนหลงนั่งล้อมวงกัน เฝ้ารอยาวิเศษนั้นออกมาจากเตาต้วนเจิ้งเห็นเหตุการณ์เช่นนี้ ในใจรู้สึกเย้ยหยัน วันพรุ่งนี้จะเข้าโจมตีเมืองหลวงแล้ว และยังเป็นวันที่เขานัดหมายกับเฟิ่งจิ่วเหยียนไว้วันนี้เขาจะต้องลงจากเขาทว่าตรงทางแยกของตีนเขา หญิงสาวที่สวมผ้าคลุมหน้าผู้นั้นขวางทางเขาอยู่“ต้วนเจิ้ง เจ้าจะไปที่ใด พวกเราตกลงกันแล้วมิใช่หรือว่า จะให้เจ้าแอบช่วยพี่ไหวซวี่?”ต้วนเจิ้งมีท่าทางที่ดูเย็นชา“หร่านชิว ตัวคน ข้าจักต้องช่วยแน่นอน นั่นเป็นพี่ชายแท้ ๆ ของข้า ข้ายิ่งห่วงใยเขามากกว่าเจ้า”หร่านชิวเอ่ยด้วยเสียงต่ำ“เจ้ารู้ก็ดีแล้ว ครั้งนี้พวกเราไม่มีทางถอย”คืนพรุ่งนี้ทุกคนจะเข้าไปโจมตีเมืองหลวง ก็เป็นโอกาสดีสำหรับพวกเขาในการลงมือพี่ไหวซวี่ของนาง ในที่สุดก็จะได้เห็นแสงอาทิตย์อีกครั้งเมื่อนึกถึงสิ่งนี้ ในดวงตาของหร่านชิวก็มีน้ำตาอุ่น ๆ ที่แฝงไว้ด้วยความตื่นเต้นดีใจ......เพื่อช่วยเหลือต้วนไหวซวี่ เฟิ่งจิ่วเหยียนจึงเตรียมการอย่างเต็มที่ลำพังอาวุธลับที่ซ่อนอยู่บนตัวก็มิใช่มีแค่หนึ่งหรือสองชิ้นก๊อกก๊อก!ด้านนอกมีคนเคาะประตู“ผู้ใด?”จากนั
กองทัพกบฏโจมตีกะทันหัน เมืองหลวงจึงตกอยู่ในความตื่นตระหนกทันทีทันใดราษฎรพากันตกใจและหวาดกลัว ทั้งก็เชื่อมั่นว่า อาณาจักรของโอรสสวรรค์ กองทัพกบฏมิอาจโจมตีเข้ามาได้ทว่า ในเวลานี้กองทัพกบฏที่อยู่นอกเมือง มีจำนวนมากกว่าที่พวกเขาคาดการณ์ไว้มากผู้นำกองทัพกบฏหวงปั้วเอะอะโวยวายอยู่ด้านล่างประตูเมือง“ฮ่องเต้ทรราชไร้ความเมตตา พวกเราทำตามบัญชาสวรรค์ ราษฎรในเมือง หากมีผู้ใดมิยอมรับฮ่องเต้โง่เขลาเช่นเดียวกัน ก็ถืออาวุธลุกขึ้นมา เพื่อร่วมกันโค่นล้มกับข้า!!”เหล่าทหารที่รักษาเมืองตะโกนด้วยความโกรธเคือง“หวงปั้ว! คนคิดคดทรยศ อย่าหาข้อแก้ตัวที่ฟังดูเหมือนสูงส่ง! เจ้าตะโกนไปเถอะ ไม่มีผู้ใดเห็นด้วยกับเจ้าหรอก! รีบยอมแพ้และกลับไป มิเช่นนั้น วันนี้จะเป็นวันตายของเจ้า!” หวงปั้วถอยหลัง เหล่าทหารที่รักษาเมืองเข้าใจว่าเขาหวาดกลัว ทว่ากลับเห็นบุรุษผู้หนึ่งสวมเกราะเงิน พร้อมท่วงท่าสง่างามกำลังขี่ม้าขึ้นมาด้านหน้า“ข้าคืออดีตรัชทายาทเซียวจั๋ว ฮ่องเต้องค์ก่อนทรงโง่เขลา ขุนนางชั่วก็ยึดกุมอำนาจ ทั้งปรักปรำข้า และถอดถอนข้าจากตำแหน่งที่ตำหนักบูรพา ฮ่องเต้องค์ปัจจุบันก็ทรงโง่เขลา ทำลายกฎระเบียบของข้า ส่งเส
ภูเขาหวู่หยางเฟิ่งจิ่วเหยียนที่ต่อสู้กับราชามังกรเขียวมาหลายสิบกระบวนท่าแล้วนั้น ยังคงมิอาจเดาได้ว่าผู้ใดจักเป็นคนพ่ายหรือผู้ใดจักได้ชัยต้วนเจิ้งจึงรับหน้าที่จัดการกับลูกสมุนของราชามังกรเขียวแทนคลื่นลมภายในภูเขา พัดแรงเสียจนส่งเสียงดังไปมาเฟิ่งจิ่วเหยียนที่ถือดาบด้ามยาว พลังงานจากดาบแผ่กระจายออกมา พร้อมด้วยกระบวนท่าที่อุกอาจและแข็งกร้าวราชามังกรเขียวใช้ใบไม้แปรเปลี่ยนเป็นอาวุธ ด้านหน้าพลันเกิดการรวมตัวของใบไม้ขึ้นมาเป็นค่ายกล ยามที่ราชามังกรเขียวใช้กำลังภายในควบคุมพวกมันอยู่นั้น ไม่นานนักใบไม้เหล่านั้นก็ค่อย ๆ ก่อตัวขึ้นมาเป็นชั้นวงกลมในทันทีทันใดนั้น ราชามังกรเขียวพลันผลักฝ่ามือทั้งสองข้างออกมา ใบไม้เหล่านั้นจึงแปรเปลี่ยนเป็นคมมีดพุ่งโจมตีใส่เฟิ่งจิ่วเหยียนในทันทีเฟิ่งจิ่วเหยียนรีบยกดาบขึ้นมารับโจมตีด้วยความเร็วไว จนทำให้เกิดกระแสพลังออกมาทว่า เพียงต้านทานใบไม้ได้แค่บางส่วนเท่านั้นใบไม้อื่น ๆ ที่ทะลุผ่านม่านกำแพงออกมาได้นั้น พลันกีดบาดอาภรณ์ของเฟิ่งจิ่วเหยียนจนขาดวิ่นแม้แต่ ปอยเส้นผมของนางก็ยังถูกใบไม้ตัดจนตกลงที่ข้างเท้าของนางหากมิเพราะมีหน้ากากสีเงินปกปิดใบหน้า
ด้านหลังประตูลับนั้น ภาพตรงหน้าที่ฉายเข้ามาในม่านตาเป็นสระยาขนาดใหญ่ด้านในสระเต็มไปด้วยสิ่งมีพิษมากมาย รวมไปถึงร่างกายพิกลพิการที่กำลังส่งกลิ่นเน่าเหม็นออกมาเมื่อเห็นสภาพตรงหน้านั้น ต่างก็สามารถจินตนาการได้ในทันทีว่าคนพวกนี้ก่อนตายจักต้องพบเจอกับการทรมานเช่นไรบ้างกำแพงโดยรอบนั้นเต็มไปด้วยภาพฝาผนังมากมาย ทั้งยังมีความรายละเอียดที่เห็นเรื่องราวได้ชัดมากเสียยิ่งกว่าด้านนอกเมื่อครู่เสียอีกเฟิ่งจิ่วเหยียนพบเบาะแสสำคัญจากภาพวาดในทันทีด้านบนพลันมีภาพจิตรกรรมฝาผนังที่เรียกว่า “หนอนผีเสื้อ”หนอนผีเสื้อนั้น นับว่าเป็นโอสถวิเศษชนิดหนึ่งที่ใช้สำหรับร่างของผู้ที่เสียชีวิตไปแล้ว หากแต่วิญญาณยังคงสถิตอยู่ในร่างอยู่โดยส่วนมากนั้น ผู้คนเหล่านี้มักจะได้รับบาดเจ็บสาหัสจนหมดสติไป หากแต่ยังมีลมหายใจอยู่ จึงจำเป็นต้องใช้หนอนผีเสื้อเพื่อชุบชีวิตพวกเขาขึ้นมาการจะฝึกฝนเพื่อให้ได้โอสถชนิดนี้นั้น จำเป็นต้องใช้มนุษย์ที่มีชีวิตอยู่เป็นตัวทดลอง ใช้เลือดคนจริง ๆ มาผสมกับคนตายที่หมดสติไป เพื่อเป็นการถ่ายเลือดทุกเดือนสิ่งที่โหดร้ายมากที่สุดก็คือ ผู้ที่เป็นตัวทดลองยานั้น บนร่างกายจักต้องถูกกรีดออกเป็นช
ภายในรถม้านั้น ประมุขพรรคเทียนหลงหาได้มีท่าทีตื่นกลัวใด ๆ ไม่ กลับกันเขากับหันมามองเฟิ่งจิ่วเหยียนด้วยใบหน้าที่เปี่ยมล้นไปด้วยความใจดี“คุณชายซู ไม่เจอกันนานเลย สบายดีหรือไม่เล่า?”ยามที่กำลังพูดคุยกันอยู่นั้น มือสังหารสองคนพลันมาปรากฏตัวอยู่ที่ด้านหลังของเฟิ่งจิ่วเหยียนในทันทีพวกเขาเป็นพี่น้องฝาแฝดกัน อีกคนฝ่ายรับอีกคนฝ่ายรุก ผลัดกันโจมตีเข้ามาด้วยความดุเดือดไม่นานนัก พวกเขาก็สามารถทำให้เฟิ่งจิ่วเหยียนล่าถอยออกไปได้ ทั้งยังกลับมาปกป้องรถม้าได้อีกครั้งประมุขพรรคที่นั่งอยู่ในรถม้านั้น หาได้เห็นเฟิ่งจิ่วเหยียนอยู่ในสายตาไม่ เขากลับเป็นกังวลเรื่องการโจมตีประตูเมืองหลวงเสียมากกว่าถึงแม้ว่าการที่กองทัพหวงปั้วจักหันมาเปลี่ยนข้างไปนั้น จะไม่เป็นผลดีต่อพวกเขาก็ตามทว่า พวกเขาหาได้มิมีการเตรียมตัวรับมือในเรื่องนี้ไม่ท่านประมุขพรรคจึงยกมือขึ้นมา ผู้ที่อยู่ข้างกายจึงเข้าใจได้ในทันทีพร้อมทั้งมีเสียงนกหวีดดังตามมา ก่อนจะพบว่าบนฟากฟ้ามีนกตัวใหญ่จำนวนนับไม่ถ้วนปรากฏตัวขึ้น ก่อนจะโบยบินพุ่งมาที่กำแพงเมืองกรงเล็บที่แหลมคมของพวกมันดุร้ายยิ่งนัก ปีกของพวกมันก็มีพละกำลังมากเช่นกันบนกำแพ
ความรู้สึกที่ถูกบีบคออยู่นั้น น่าอึดอัดยิ่งนักความรู้สึกที่หายใจไม่ออก จนทำให้ผู้คนต้องดิ้นรนตามสัญชาตญาณเอาชีวิตรอดของตัวเองทว่า เฟิงจิ่วเหยียนหาได้เป็นเช่นนั้นไม่นางชักลูกธนูออกมาจากแขนเสื้อของตนเองหากว่ากันตามจริงแล้ว ระยะห่างเพียงเท่านี้ ประมุขพรรคย่อมต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัยจู่ ๆ ……ปั้ง!กำลังภายในของบุรุษตรงหน้าที่สะท้อนออกมา ทำเอาร่างของเฟิ่งจิ่วเหยียนและลูกธนูที่อยู่ในมือนั้นกระเด็นออกจากรถม้าไปในทันทีผลัก!หลังของเฟิ่งจิ่วเหยียนล้มกระแทกลงบนพื้นเมื่อเงยหน้าขึ้นไปมองนั้น ก็พบว่าผนังรถม้ากลายเป็นรูขนาดใหญ่ พร้อมทั้งด้านในที่มีชายคนหนึ่งปรากฏตัวออกมาให้ทุกคนได้เห็นคนผู้นั้นก็คือประมุขพรรคเทียนหลง ผู้ที่อยู่เบื้องหลังการทำความผิดในครานี้เขาจ้องมองไปที่เฟิ่งจิ่วเหยียนด้วยความเย็นชา“ผู้ที่คิดต่อต้านข้า จักต้องตาย!”พูดจบ เขาพลันยื่นมือออกมา ก่อนที่กำลังภายในมากมายจะพุ่งเข้าหาเฟิ่งจิ่วเหยียนในทันทีเฟิ่งจิ่วเหยียนขมวดคิ้วเป็นปม ก่อนจะใช้ลูกเตะปรายมารเตะศพร่างหนึ่งออกไปเพื่อขวางกั้นแรงลมของกำลังภายในที่กำลังดูดทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ตรงหน้า ก่อนจะก้มลงไปหยิบดา
หลังจากที่เกิดช่องว่างที่ประตูเมืองแล้วนั้น กองทัพมนุษย์โอสถที่ได้ยินเช่นนั้น ก็ทำการเคลื่อนไหวในทันทีพวกเขาพยายามทะลวงเข้ามาเรื่อย ๆ กองทหารรักษาการณ์ที่อยู่ด้านหลังประตุเมืองนั้น ทั้งสองฝ่ายต่างก็เข้าประจันหน้ากันเมื่อเห็นว่าฝ่าบาทกำลังตกอยุ่ในอันตรายนั้น รุ่ยอ๋องที่ยืนอยู่บนกำแพงเมืองจึงร้องตะโกนออกมาว่า“คุ้มกันฝ่าบาท!”เซียวอวี้จึงกระโดดหลบหนีเหล่ากองทัพมนุษย์โอสถในทันทีก่อนจะได้มาเผชิญหน้ากับประมุขพรรคเทียนหลงแบบตัวต่อตัวและยังมีเฟิ่งจิ่วเหยียนเขานึกแปลกใจเล็กน้อยที่นางกลับมาเป็นไปได้หรือไม่ว่า หลังจากที่นางช่วยเหลือต้วนไหวซวี่ได้แล้วนั้น ตนเองเกิดวางภาระหน้าที่ในฐานะท่านแม่ทัพน้อยเมิ่งไม่ลง จึงได้กลับมาช่วยกอบกู้เมืองหลวงเช่นนี้?ถึงอย่างไร ย่อมมิใช่เพราะกลับมาช่วยเหลือเขาอย่างแน่นอนนอกจากมนุษย์โอสถของพรรคเทียนหลงแล้วนั้น ยังมีลูกศิษย์ของพรรคเทียนหลงอีกไม่น้อยเลยพวกเขายืนอยู่ข้างหลังของประมุขพรรค ก่อนจะเผชิญหน้ากับกองกำลังของเซียวอวี้อย่างไม่เกรงกลัวประมุขพรรคพุ่งตัวเข้าใส่เซียวอวี้พลางกล่าวว่า“ในเมื่อฮ่องเต้ทรราชไร้เมตตา เช่นนั้นพวกเราจักสถาปนาฮ่องเต้องค์
หลิวอิ๋งดิ้นรนเหมือนคนบ้า“ปล่อยข้า! ข้าเป็นน้องสาวแท้ ๆ ของท่านประมุขนะ! ข้าจะไปพบท่านพี่! พวกเจ้าจะทำร้ายท่านพี่ของข้า!”“ขุนนางรัก รีบหยุดพวกเขาเร็ว!“พวกเขาต้องมีเจตนาร้ายแน่!”ยามนี้เหล่าขุนนางต่างไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ต่อให้พวกนางอยากจะช่วย ก็ยังต้องดูด้วยว่าตนมีความสามารถที่จะช่วยหรือไม่แม่ทัพใหญ่ทั้งสี่มีอำนาจคุมกองทัพ รวมกับฮองเฮาแคว้นหนานฉีเองก็อยู่ที่นี่ จะให้สู้อย่างไรเล่า?อีกทั้งประมุขคนใหม่นี้มีเหตุผลชอบธรรมจริงหรือไม่ ก็ยังต้องพิจารณากันอีกที!หากนางไม่ใช่ซู่ยวนจริง ๆ พวกนางจะไม่กลายเป็นประสงค์ดีแต่ดันทำเรื่องไม่ดีลงไป แล้วช่วยคนชั่วทำความผิดหรอกหรือ?เสียงโวยวายของหลิวอิ๋ง เฟิ่งจิ่วเหยียนทำเป็นเอาหูไปนาเอาตาไปไร่นางสั่งทุกคนอย่างหนักแน่น“แม่ทัพหู ท่านดูแลท้องพระโรงให้ดี“แม่ทัพอีกสามท่านแยกกันเฝ้าประตูวัง ไม่อนุญาตให้ผู้ใดเข้าออกทั้งสิ้น ป้องกันไม่ให้สายลับของแคว้นอื่นฉวยโอกาสสร้างความวุ่นวาย“มั่วซินหมัวมัว พาขุนนางคนสนิทสองสามคนตามข้าไปพบท่านประมุข”“เพคะ!” หูย่วนเอ๋อร์และมั่วซินหมัวมัวตอบรับคำสั่งขุนนางบุ๋นบู๊ที่เหลือเห็นเช่นนี้ก็รู้สึกสั
บนบัลลังก์มังกร หลิวอิ๋งมองเฟิ่งจิ่วเหยียนที่กำลังได้เปรียบแล้วฝืนยิ้ม“ที่แท้ก็เป็นเรื่องเข้าใจผิดนี่เอง ถึงอย่างไรความจริงก็เป็นเรื่องภายในของแคว้นซีหนี่ว์ แคว้นหนานฉี...”เฟิ่งจิ่วเหยียนขัดจังหวะหลิวอิ๋งที่กำลังพูดด้วยแววตาเย็นชา“ข้าจะพบประมุขแคว้น”หลิวอิ๋งซ่อนเจตนาไม่ดีไว้ในรอยยิ้ม“ข้าบอกแล้วไม่ใช่หรือ ประมุขแคว้นทรงสวรรคตแล้ว ยามนี้ยังไม่ได้ประกาศออกไป เพราะกลัวว่าในแคว้นจะเกิดความวุ่นวาย หากพวกเจ้าไม่เชื่อก็รีบไปที่ตำหนักบรรทมสิ ประมุขแคว้น...ทรงอยู่ในโลงแล้ว”“อะไรนะ!” ปฏิกิริยาของมั่วซินหมัวมัวรุนแรงมากหลิวอิ๋งแสร้งแสดงท่าทีเสียใจ ใช้มือหนึ่งปิดใบหน้า ไหล่สั่นสะท้าน ราวกับกำลังสะอึกสะอื้นด้วยความเศร้านางก้มศีรษะลงครึ่งนึง แล้วกล่าวเสริมว่า“เหล่าขุนนางรักเอ๋ย ไม่ใช่ว่าข้าต้องการปิดบังพวกท่าน ทว่านี่เป็นเรื่องกะทันหัน ภายในก็วุ่นวาย ภายนอกศัตรูรุกราน ข้าไม่กล้าพูดออกมา“วันนี้ กบฏมั่วซินกลับเดินเข้ามาติดกับดักด้วยตนเอง ในที่สุดวิญญาณของท่านพี่ที่อยู่บนสวรรค์ ก็ได้ตายตาหลับเสียที“ท่านพี่...”นางร้องไห้เสียใจ ทำให้เหล่าขุนนางร้องตามไปด้วย“ท่านประมุข!”มั่วซินห
เหล่าขุนนางของแคว้นซีหนี่ว์ล้วนรู้ดี มั่วซินหมัวมัวเป็นคนเก่าแก่ข้างกายประมุข ได้รับความไว้วางใจจากประมุขเป็นอย่างมากคำพูดของนาง น่าจะไม่ผิดทว่า ใต้เท้าซู่ยวนคนนี้ เป็นน้องสาวแท้ ๆ ของประมุข...ชั่วขณะหนึ่ง ทุกคนไม่รู้ว่าควรจะเชื่อใครมั่วซินกล่าวหาว่าสถานะซู่ยวนเป็นตัวปลอม ซู่ยวนก็กล่าวหาว่ามั่วซินกบฏ ทั้งสองฝ่ายต่างก็มีความคิดเห็นของตนเองจนเฟิ่งจิ่วเหยียนออกมาพูด“เหตุใดไม่ให้ประมุขทรงตรัสด้วยตนเอง?”เมื่อพูดออกมาเช่นนี้ สายตาหลิวอิ๋งฉายแววความโหดร้าย“ข้าไม่มีทางให้พวกเจ้าทำร้ายพี่สาว! พวกเจ้าเป็นโจรกบฏ อย่าคิดที่จะได้พบประมุข! ทหาร จัดการพวกนาง!”“ข้าจะดูว่าใครกล้าลงมือ!” แม่ทัพใหญ่หูย่วนเอ๋อร์ออกมายืนด้านหน้า ปกป้องเฟิ่งจิ่วเหยียนกับมั่วซินหมัวมัวหลิวอิ๋งตำหนิหูย่วนเอ๋อร์“แม่ทัพหู เจ้าก็คิดจะกบฏหรือ! เห็นแก่ที่พวกเจ้าไม่รู้ความจริง ถูกคนหลอกลวง ข้าให้โอกาสพวกเจ้าเป็นครั้งสุดท้าย รีบมายืนฝั่งข้า! จับกุมตัวโจรกบฏ!”หูย่วนเอ๋อร์พูดขึ้นมาอย่างเคร่งขรึม“ต่อให้จะลงโทษใคร ก็ควรให้ประมุขตัดสิน! ใต้เท้าซู่ยวน ประมุขอยู่ที่ใด!”หลิวอิ๋งเห็นว่าคนพวกนี้ไม่ฟังคำพูดตนเอง บีบ
ในพระราชวัง แคว้นซีหนี่ว์หลิวอิ๋งพาประมุขกลับวังอย่างเปิดเผย เหล่าข้าหลวงล้วนเคารพนาง ไม่สงสัยในตัวนางเพื่อไม่ให้ประมุขเปิดปากขอความช่วยเหลือ หลิวอิ๋งให้นางทานยาสลบ ทำให้นางตกอยู่ในสภาวะหมดสติเทียบกับความใจเย็นของหลิวอิ๋ง เจิ้งจีรู้สึกตื่นเต้น ไม่กล้ามองผู้ใดจนกระทั่งพาประมุขส่งมาถึงตำหนักบรรทม หลังจากสั่งให้ข้าหลวงทั้งหมดออกไปแล้ว เจิ้งจีค่อยถามด้วยเสียงเบา“ท่านแม่ เราทำเช่นนี้ จะไม่มีใครรู้จริง ๆ หรือ?”หลิวอิ๋งมองประมุขบนเตียง ด้วยแววตาโหดเหี้ยม“นางใกล้จะตายแล้ว ตำแหน่งประมุข ไม่ช้าก็จะเป็นของข้า ขอเพียงข้าควบคุมทั่วทั้งแคว้นซีหนี่ว์ ก็จะไม่มีใครกล้าเป็นศัตรูกับข้า!”เจิ้งจียังคงรู้สึกหวาดกลัวหวนคิดถึงเมื่อไม่นาน นักฆ่าพวกนั้นบุกเข้ามาในจวนชานเมือง สังหารองครักษ์ข้างกายประมุข แล้วก็ปลอมเป็นองครักษ์ ร่วมมือกับพวกนาง พาประมุขกลับวังตอนนี้ นักฆ่าพวกนั้นก็อยู่ในวัง กระทั่ง คอยจับตามองอยู่ข้างกายพวกเขาต่อให้ท่านแม่เป็นประมุข ก็จะสามารถสบายใจไม่ทุกข์ไม่ร้อนจริงหรือ?“ท่านแม่ เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่มาก ข้ากลัว”น้ำเสียงเจิ้งจีสั่นเทาหลิวอิ๋งลูบใบหน้านาง พูดเตือนนาง
ในพระราชโองการที่ประมุขแคว้นซีหนี่ว์ให้กับเฟิ่งจิ่วเหยียนนั้น เขียนบันทึกไว้อย่างชัดเจน ขอเพียงนางยินยอม ก็สามารถเป็นประมุขแคว้นซีหนี่ว์ได้ทุกเมื่อเฟิ่งจิ่วเหยียนถือพระราชโองการไว้ ในใจรู้สึกว้าวุ่นตลอดเวลาที่ผ่านมา นางคิดเพียงว่าตนเองคือคนของแคว้นหนานฉี เพื่อปกป้องแผ่นดิน ตายอยู่บนสนามรบ ก็ไม่ตำหนิเสียใจทว่าตอนนี้...ประมุขแคว้นซีหนี่ว์รู้นิสัยของนางเป็นอย่างดี รู้ว่านางไม่มีทางรับอำนาจปกครองแคว้นซีหนี่ว์“เด็กดี พระราชโองการฉบับนี้ เป็นสิ่งรับประกันที่ป้าให้กับเจ้า ให้อนาคตเจ้ามีทางถอย”บนโลกนี้ การมีชีวิตอยู่ของสตรีนั้นยากลำบากมีเพียงแคว้นซีหนี่ว์ เป็นผืนแผ่นดินของสตรีในความรู้สึกส่วนตัว นางยังคงคาดหวังให้จิ่วเหยียน สามารถกลับมาสู่ตระกูลทว่าอย่างไรนี่ก็เป็นเพียงความหวังจิ่วเหยียนกับฮ่องเต้ฉีเป็นสามีภรรยาที่รักใคร่กัน กำลังเป็นช่วงเวลาที่ตัวติดกันเป็นปาท่องโก๋ แยกจากกันไม่ได้นายหญิงเฟิ่งคาดเดาได้ว่าในพระราชโองการมีอะไร สีหน้าแสดงออกถึงตกตะลึง“พี่สาว ท่านคิดอยากที่จะ...”ประมุขพูดขัดนาง“ซู่ยวน ให้เด็กตัดสินใจเองเถอะ”จากนั้นก็หันไปสั่งมั่วซิน“เราเหนื่อยแล้ว
อารมณ์ประมุขแคว้นซีหนี่ว์แปรปรวนอย่างมาก บวกกับความปรารถนาที่เฝ้ารอคอยมานานเป็นจริง...การได้หาเจอน้องสาวที่แท้จริง เหมือนเชือกที่รัดแน่น ขาดกะทันหัน ร่างกายทนรับไม่ไหวในที่สุดหมอหลวงผู้ติดตามเฝ้าอยู่ด้านข้างเตียง ให้การรักษาอย่างเร่งด่วนด้านนอกห้อง เฟิ่งจิ่วเหยียนรออยู่เป็นเพื่อนนายหญิงเฟิ่งนายหญิงเฟิ่งยังคงถามย้ำอยู่หลายรอบ“จิ่วเหยียน ข้าคือซู่ยวนจริง ๆ หรือ? คราวนี้ไม่ได้ตรวจสอบผิดจริง ๆ หรือ?”เฟิ่งจิ่วเหยียนอดทน เล่าความจริงกับนางฟังซ้ำแล้วซ้ำเล่าต่อให้นายหญิงเฟิ่งเตรียมใจตั้งแต่แรก ก็ยังคงไม่สามารถยอมรับสิ่งที่เปลี่ยนแปลงนี้จากที่นางเป็นคนแคว้นหนานฉี กลายเป็นคนแคว้นซีหนี่ว์ กระทั่งยังกลายเป็นน้องสาวของประมุขทว่าลูกชายลูกสาวของนาง ล้วนอยู่ที่แคว้นหนานฉีต่อไปนางจะทำอย่างไร?และพี่สาวที่นางเพิ่งรู้ความจริง เวลานี้ยังคงเสี่ยงอยู่ตรงประตูนรก...นายหญิงเฟิ่งรู้สึกใจหาย จิตใจกระสับกระส่ายเฟิ่งจิ่วเหยียนจับมือของนางไว้แน่น ปลอบโยนอย่างไร้เสียงนายหญิงเฟิ่งเอียงศีรษะมองนาง แล้วค่อยผ่อนคลายเล็กน้อย“จิ่วเหยียน ประมุขจะไม่เป็นอะไรใช่หรือไม่?”เฟิ่งจิ่วเหยียนไม่สามารถใ
ก่อนที่ชายลึกลับจะปล่อยเจิ้งจี ได้ป้อนยาเม็ดหนึ่งใส่ปากของนางเจิ้งจีอยากคายออกมา กลับถูกเขาบีบคางไว้ ยังเม็ดนั้นจึงไหลลงคอไปหลิวอิ๋งมองเห็นกับตา ร้อนรุ่มอยู่ในใจ“เจ้าเอาอะไรให้นางกิน!”ฝ่ายชายพูดขึ้นมาอย่างสบายอารมณ์ “แน่นอนว่าเป็นยาพิษ ชีวิตลูกสาวของเจ้าอยู่ในมือพวกเรา”สายตาเจิ้งจีเต็มไปด้วยความหวาดกลัวนางกลัวตายนางอยากมีชีวิตอยู่“ท่านแม่ ท่านแม่ช่วยข้าด้วย!”ท่าทีหลิวอิ๋งเต็มไปด้วยความโกรธ“ข้าได้ตอบตกลงทำงานให้พวกเจ้าแล้ว ไยยังต้องทำร้ายลูกสาวข้า! ยาถอนพิษล่ะ! ยาถอนพิษอยู่ที่ใด?”ฝ่ายชายหัวเราะเสียงดัง“ยาถอนพิษ? จะให้เจ้าตอนนี้ได้อย่างไร? หลังจากทำงานสำเร็จแล้ว พวกเจ้าสองแม่ลูกก็จะปลอดภัยเอง ทว่าตอนนี้ พวกเจ้าว่าง่ายเชื่อฟังจะดีที่สุด!”แววตาของเขาเต็มไปด้วยความโหดเหี้ยม ฆ่าคนได้อย่างไม่กะพริบตาหลิวอิ๋งเกลียดแค้นจัดทว่า ถูกคนอื่นควบคุม ทำได้เพียงก้มหัว……แคว้นซีหนี่ว์ช่วงเวลานี้ อาการป่วยของประมุข ไม่มีร่องรอยว่าจะดีขึ้นเลยสุขภาพของนานย่ำแย่อย่างมาก แม้แต่ยาก็ไม่สามารถย่อยได้ส่วนงานราชกิจ นางมอบหมายให้กับขุนนางหลายคนที่ไว้ใจนางใช้ข้ออ้างไปรักษาตัว
เมื่อเทียบกับบุตรสาวที่มีความมั่นใจ หลิวอิ๋งกลับมีแต่ความกังวลใจนางรู้สึกอยู่ตลอดว่า เรื่องทั้งหมดแฝงกลิ่นอายความไม่ชอบมาพากลโดยเฉพาะกับราชทูตเหล่านั้นที่หายตัวไปอย่างกะทันหัน...เพล้ง!ขณะที่สาวใช้ยกน้ำชาออกมา เจิ้งจีสะบัดแขนเสื้อแรงเกินไป จึงมิทันระวังทำถ้วยชาหก จนลวกมือตนเองก่อนหน้านี้เจิ้งจีอยู่ที่พระราชวังแคว้นซีหนี่ว์ เป็นนายที่ผู้คนมากมายต้องให้ความเคารพ หากมีสิ่งใดมิราบรื่นเพียงเล็กน้อย จะมิยอมทนเด็ดขาด ตอนนี้แทบจะกลายเป็นสัญชาตญาณ นางจึงฟาดฝ่ามือออกไปอย่างทันควัน“เพียะ!” สาวใช้ปรากฏรอยแดงบนใบหน้าขึ้นมาทันที พลันรีบก้มศีรษะและขออภัยเจิ้งจีตอบโต้ฉับไว: “พวกรนหาที่ตาย ยกชาไม่เป็นหรืออย่างไร? มือข้าถูกลวกจนเป็นแผลแล้ว รีบไปนำยามาเดี๋ยวนี้!”หลิวอิ๋งรู้สึกหงุดหงิดใจ จึงตำหนิบุตรสาว“พอแล้ว แค่เรื่องเล็กน้อยเท่านั้น”ถึงอย่างไรก็เป็นจวนขององค์หญิงใหญ่เจิ้งจีรู้สึกคับแค้นใจ จึงยื่นมือไปตรงหน้ามารดา“ท่านแม่ เป็นเรื่องใหญ่แล้วเจ้าค่ะ! ท่านดูมือของข้าสิ! ประเดี๋ยวก็ต้องเข้าวังไปพบฝ่าบาทแล้ว มือของข้ากลายเป็นเช่นนี้ ฝ่าบาททรงมิพอพระทัยจะทำอย่างไร!”มือนับเป็นใบหน้าที่
หนานฉี เมืองหลวงหลิวอิ๋งยังคงมิได้ข่าวคราวของราชทูตคนอื่น ๆ ในใจยิ่งกระวนกระวายในช่วงหลายวันที่ผ่านมานางวนเวียนไปที่จวนรุ่ยอ๋อง เพื่อสอบถามความคืบหน้าทว่า บัดนี้ก็ยังมิได้รับข่าวคราวใด ๆภายในโรงพักแรมเจิ้งจีเห็นมารดากลับมา คำพูดแรกมิใช่แสดงความห่วงใย แต่เป็นการเร่งรัด“ท่านแม่ ฝ่าบาทเสด็จกลับวังแล้ว เมื่อใดพวกเราถึงจะได้เข้าวัง?”สีหน้าหลิวอิ๋งอยู่ในอาการเหม่อลอยเจิ้งจีถามอีก: “ท่านป้ายังมิได้ตอบจดหมายพวกเรา และส่งสาส์นตราตั้งฉบับใหม่มาให้อีกหรือเจ้าคะ? ท่านแม่?”หลิวอิ๋งเรียกสติกลับมา พลันกุมมือบุตรสาวไว้แน่น“ท่านป้าของเจ้ามิมีทางเมินเฉยพวกเรา ถึงอย่างไรข้าก็เป็นน้องสาวแท้ ๆ ของนาง! พวกเราจะเข้าวังไปพบฝ่าบาทได้เลยโดยตรง!”เดิมคิดว่ารุ่ยอ๋องมีความสามารถที่จะตามหาราชทูตได้ มิคาดคิดว่า เขาที่ดูเหมือนเป็นคนเข้าหาได้ง่าย ที่จริงแล้วกลับรับปากนางแบบขอไปทีตลอดสองแม่ลูกจึงมุ่งหน้าไปยังพระราชวังเพื่อขอเข้าเฝ้าฮ่องเต้ภายในวังเซียวอวี้เพิ่งกลับเข้าวัง ขณะกำลังตรวจดูสาส์นกราบทูลในห้องทรงพระอักษร องครักษ์ก็เข้ามารายงาน---หลิวอิ๋งคนที่อ้างว่าเป็นราชทูตแคว้นซีหนี่ว์มาขอเข้าเฝ