แชร์

บทที่ 581

ผู้เขียน: อี้ซัวเยียนอวี่
หลังจากพักฟื้นอยู่สองสามวัน เฟิ่งจิ่วเหยียนก็พอจะลงมาเดินบนพื้นได้

ทว่าร่างกายของฝานจิ้นกลับยิ่งแย่ลง

ตงฟางซื่อจึงหารือกับนาง และคิดจะหาตัวยาบางอย่างมาทดแทน เพื่อบรรเทาความเจ็บปวดของฝานจิ้น

หลังจากฝานจิ้นรู้เรื่องก็เป็นฝ่ายปฏิเสธก่อน

“มิต้อง เหล่าฝานอย่างข้าจะต้องผ่านพ้นไปได้!”

เขาจะมิยอมแพ้และประนีประนอมเด็ดขาด

บ่ายวันนั้น ตงฟางซื่อมาที่ห้องของเฟิ่งจิ่วเหยียน และนำภาพเหมือนแผ่นหนึ่งมาให้นางดู

“นี่ก็คือศิษย์หญิงของสำนักหลิงซาน--- จางเสวี่ย”

เฟิ่งจิ่วเหยียนมองภาพเหมือนนั้นอย่างละเอียด แววตาพลันหม่นหมองลงทันที

“สตรีที่สวมหน้ากากในคืนนั้น มิใช่คนผู้นี้”

มิใช่แค่คิ้วและดวงตาที่เผยออกมาภายนอก รูปร่างนี้ก็แตกต่างเช่นกัน

ตงฟางซื่อม้วนภาพเก็บ

“ดูเหมือนว่า สตรีผู้นั้นจะหลอกเจ้าแล้ว ทว่านางก็ช่วยเจ้าไว้ ข้าแยกแยะมิออกจริง ๆ ว่า คนผู้นี้เป็นศัตรูหรือเป็นมิตร”

เฟิ่งจิ่วเหยียนก็ตกอยู่ในห้วงความคิด

ในตอนค่ำ เซียวอวี้ก็มาถึงตามเวลา

ทันทีที่เขาเอ่ยปากก็เป็นความกังวลถึงอาการบาดเจ็บของเฟิ่งจิ่วเหยียน

เฟิ่งจิ่วเหยียนตอบว่า: “ที่จริงก็ดีขึ้นมากแล้ว”

ในเวลาเดียวกับที่เซียวอวี้คลายกังวล ก็
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อที่ GoodNovel
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป
ความคิดเห็น (4)
goodnovel comment avatar
Pimaree
พี่ต้วนต้องกลับมาสะบั้นรัก เปิดทางให้เต้
goodnovel comment avatar
Sakon Jindanin
น้องชายยอมเข้าพรรคเทียนหลง เพราะต้องมีพี่อยู่ด้วยแน่ๆ ไม่งั้นจะยอมเข้าพรรคได้ไง และ พี่ต้วนยอมรับตำแหน่งหัวหน้าเพื่อปกป้องนางเอกไหม? คะ ปมนี้ น่าคิด
goodnovel comment avatar
WLFJ
ถามจริงไม่คิดจะย้ายบ้านพักกันเหรอ คนในวังรู้หมดแล้วว่าพักอยู่ที่นี่
ดูความคิดเห็นทั้งหมด

บทที่เกี่ยวข้อง

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 582

    ความนุ่มนวลจากการจูบ ราวกับถูกปกคลุมด้วยขนนก ทั้งทะนุถนอม ดูเหมือนกลัวว่าจะทำให้นางเจ็บ เพียงสัมผัสแรกก็แยกออกจากกัน เซียวอวี้มีความสามารถในการดื่มสุราอย่างมากในฐานะฮ่องเต้ ขาดมิได้ที่จะต้องดื่มสุราในงานเลี้ยงภายในวังหากไม่มีความสามารถในการดื่มเพียงใดก็ไม่เมา ก็คงจะถูกผู้คนหัวเราะเยาะได้สุราเพียงเล็กน้อยในคืนนี้ ยังมิเพียงพอที่จะทำให้เขาขาดสติในเวลานี้ เขาออกแรงโอบกอดนางไว้ในอ้อมแขน โดยแสร้งทำเป็นขาดสติจากการมึนเมาเฟิ่งจิ่วเหยียนตกใจกับจูบเมื่อครู่นี้ จึงรีบผลักเขาออกไป และถอยหนี จนแผ่นหลังชนเข้ากับผนัง ฝ่ามือใหญ่ของบุรุษวางทับอยู่บนแผ่นหลังของนาง ภายใต้การปกป้องของมือ นางจึงมิได้รับแรงกระแทกมากเกินไปแม้กระทั่งความร้อนจากฝ่ามือของเขายังทะลุผ่านอาภรณ์ และส่งต่อมายังผิวหนังของนาง หากเทียบกับการจูบเมื่อครู่ที่ราวกับแมลงปอบินแตะน้ำนั้น ร้อนแรงกว่ามาก ทำให้นางตัวสั่นอยู่พักหนึ่งนางชะงักงันอย่างกะทันหัน เซียวอวี้มือหนึ่งเลื่อนมาหลังศีรษะนาง และก้มหัวลงมาตรงซอกคอของนางพร้อมหอบหายใจอย่างหนักหน่วง ทั้งค่อย ๆ โน้มตัวลง ราวกับว่าในเสี้ยววินาทีนั้นเขาสูญเสียพละกำลังทั้งหมด“เรา.

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 583

    บุรุษถอดหน้ากากออก เผยให้เห็นใบหน้าอ่อนเยาว์อันหล่อเหลาจากการสังเกตอายุน่าจะยังไม่ถึงยี่สิบปี ในดวงตากลับเคร่งขรึมกว่าคนรุ่นเดียวกัน ราวกับถูกแช่อยู่ในยาน้ำแห่งความเกลียดชังมาตลอดทั้งปีเขามองดูท่าทางของเฟิ่งจิ่วเหยียนที่ประหลาดใจจนถึงกับตะลึงงันด้วยความชอบใจ พร้อมเอ่ยโดยเสียงท้ายขึ้นเสียงสูง “เป็นอย่างไร จำข้ามิได้หรือ? พี่สะใภ้”เขากัดฟันหนัก ๆ คำว่า “พี่สะใภ้” ทว่ากลับไม่มีความรู้สึกเคารพแม้แต่น้อยร่างกายของเฟิ่งจิ่วเหยียนแข็งเกร็ง ม่านตาสั่นไหว“อาเจิ้ง...”คนผู้นั้นได้ยินชื่อเรียกที่คุ้นเคยนี้ ก็รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมา ดวงตากลับแดงก่ำในทันที“ห้ามเรียกข้าเช่นนี้!“ก่อนหน้านี้เจ้าเคยเป็นพี่สะใภ้ข้า ตอนนี้ เจ้าใช้สถานะใด?“ดังนั้น...อย่ามาทำท่าทางที่ดูสนิมสนมกับข้าเสียเหลือเกิน ข้ารู้สึกรังเกียจ!”ปลายนิ้วของเฟิ่งจิ่วเหยียนเย็นวาบเมื่อมองเห็นใบหน้าดวงนั้นที่มีส่วนคล้ายกับต้วนไหวซวี่ ในเสี้ยววินาทีนั้นในดวงตาของนางก็เต็มไปด้วยน้ำตาแห่งความขมขื่น นางรู้สึกดีใจที่ต้วนเจิ้งยังมีชีวิตอยู่เมื่อนึกย้อนไปถึงครั้งแรกที่พบเขา เขามีอายุเพียงสิบสามสิบสี่ปีเท่านั้น ทั้งตัวคนดูผอ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 584

    คนชุดคลุมดำเคยพูดไว้ นางมิรู้ว่าต้วนไหวซวี่ตายอย่างไร ดูเหมือนว่า การตายของเขาคงมิใช่เพราะพิษวารีสวรรค์ธรรมดาเท่านั้นอีกทั้งยังพูดอีกว่า ต้วนไหวซวี่ใช้ตนเองแลกกับอายุขัยห้าปีของนางจนบัดนี้เฟิ่งจิ่วเหยียนก็ยังไม่มีเบาะแส ถึงขั้นเคยสงสัยว่า นี่เป็นคำโกหกที่คนชุดคลุมดำทำให้นางหวั่นไหวทว่าตอนนี้ ต้วนเจิ้งก็พูดอย่างมีความหมายอื่นแฝงอยู่ในคำพูดเช่นกันนางจักต้องพยายามถามให้กระจ่าง!“เรื่องของพี่ชายเจ้า เจ้ารู้สิ่งใดกันแน่”ทว่า ต้วนเจิ้งใบหน้าดูหม่นหมอง พร้อมเอ่ยด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น“เจ้า มิสมควรรู้”ทันทีที่เอ่ยจบ มีดสั้นเล่มหนึ่งก็จ่ออยู่บนคอของเขาต้วนเจิ้งแทบมิอยากเชื่อ“เจ้าต้องการจะสังหารข้า? เฟิ่งจิ่วเหยียน เจ้าเสียสติไปแล้วหรือไม่!”แววตาของเฟิ่งจิ่วเหยียนเย็นชา“อย่าเรียกชื่อข้ามั่ว ๆ ทางที่ดีเจ้าควรจะเชื่อฟังข้า”หลังจากได้ตื่นเต้นกับการพบกันอีกครั้ง ก็กลับมาตั้งสติต้วนเจิ้งในตอนนี้ เป็นคนของพรรคเทียนหลงไปนานแล้วการปรากฏตัวของเขาในคราวนี้ แน่นอนว่ามิได้มาเพื่อพบกับนางแบบสหายอีกอย่างเขากับคนชุดคลุมดำก็อาศัยต้วนไหวซวี่ทำให้จิตใจของนางปั่นป่วนอยู่หลายครั้ง จักต้

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 585

    เฟิ่งจิ่วเหยียนมั่นใจว่า ต้วนไหวซวี่ตายไปแล้วร่างของเขาเป็นนางที่ฝังเองกับมือ...ต้วนเจิ้งมองดูปฏิกิริยาของนาง พร้อมทั้งหรี่ตาเขาเย้ยหยัน“เป็นอย่างไร มิดีใจหรือ?“ได้ยินว่าพี่ชายข้ายังมีชีวิตอยู่ เจ้ารู้สึกผิดหรือ? มิกล้าเผชิญหน้ากับเขาหรือ?“ก็อาจจะใช่ เจ้ายุ่งเกี่ยวกับบุรุษคนอื่น แล้วเจ้าจะมีหน้าไปพบพี่ชายข้าได้อย่างไร...”เฟิ่งจิ่วเหยียนเมินเฉยต่อคำพูดไร้สาระเหล่านั้นของเขา แววตาของนางเคร่งขรึมและเย็นชา ภายในกลับมีเปลวไฟที่ลุกโชน“เขายังมีชีวิตอยู่จริงหรือ ต้วนเจิ้ง พูดความจริงมา!”ต้วนเจิ้งก้มหน้าลง “ความจริงก็คือ พี่ชายข้ายังมีชีวิตอยู่! เจ้าก็คงรู้เรื่องข้อตกลงห้าปีนั้นกระมัง เหตุใดเจ้าถึงไม่ลองคิดดูว่า หากพี่ชายข้าตายแล้ว พรรคเทียนหลงของเขาเหตุใดจะยังคงรักษาข้อตกลงนั้นอยู่ พวกเขาเป็นพวกโง่เขลาหรือ!”หัวใจของเฟิ่งจิ่วเหยียนสั่นไหวอย่างรุนแรง ก็จริงอยู่ หากข้อตกลงห้าปียังอยู่ สิ่งใดถึงจะสามารถรับประกันได้ว่าข้อตกลงนี้จะยังคงได้รับการปฏิบัติ? อย่างไรเสียก็เป็นข้อตกลงที่ตกลงกันด้วยปากเปล่า สามารถยึดตามการตายของฝ่ายหนึ่ง โดยอีกฝ่ายก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องรักษาข้อตกลง

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 586

    ภายในห้องมืดสนิท ต้วนเจิ้งรู้สึกตัวแล้ว ทว่าร่างกายถูกมัดติดกับเก้าอี้ ปากก็ยังถูกอุดอยู่ ไม่มีทางช่วยเหลือตนเองได้ และขอความช่วยเหลือก็ไม่มีทางเช่นกันเขาเหมือนกับหมาป่าหิวโหยที่ดุร้าย จ้องมองไปที่ประตู และอยากรู้ว่าเมื่อใดเฟิ่งจิ่วเหยียนจะกลับมานางต้องรู้แล้วว่า เขาแสร้งลวงให้สับสน โดยให้นักฆ่าไปโอบล้อมตงฟางซื่อ...เมื่อครั้งแรกที่พบนาง นางยืนอยู่ข้าง ๆ พี่ชาย สีหน้าไร้ความรู้สึก บนตัวมีไอแห่งความแค้น ทำให้เขารู้สึกหวาดกลัวอยู่บ้างทว่าตามด้วยเสียงที่เขาเรียกว่า “พี่สะใภ้” ในดวงตาที่สงบนิ่งของนางนั้นราวกับรู้สึกเบิกบานขึ้นมาเขาคิดว่า ครอบครัวของพวกเขาจะอยู่ด้วยกันไปตลอดกาลทว่าโชคชะตามักจะเล่นตลกกับคนเรา...ขณะที่ต้วนเจิ้งกำลังนึกย้อนไปถึงอดีต จู่ ๆ ประตูก็เปิดออกเขามองไปทางนอกประตูอย่างระแวดระวังในทันทีทว่ากลับเห็น เฟิ่งจิ่วเหยียนยืนอยู่ตรงนั้น พร้อมในมือยังถือกล่องอาหาร......ต้วนเจิ้งหิวมาทั้งวันแล้ว เมื่อเห็นอาหารที่เฟิ่งจิ่วเหยียนนำมา เขากลับปฏิเสธเสียงแข็ง“เอาไปพ้น! ข้าไม่กิน!”เฟิ่งจิ่วเหยียนเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย“อาหารก่อนถูกประหารตัดหัว เป็นมื้อสุดท้าย

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 587

    “พี่ชายเจ้า เดิมก็เป็นคนของพรรคเทียนหลง...”ในความทรงจำของเฟิ่งจิ่วเหยียน ต้วนไหวซวี่เป็นคนจิตใจดีและอ่อนโยนเสมอมา ไม่ว่ากับผู้ใดเขาก็จะปฏิบัติเช่นเดียวกันนี้ นางยังรู้ด้วยว่า หลายปีก่อนเนื่องจากตระกูลต้วนคิดก่อกบฏจึงถูกฆ่าล้างตระกูลทว่านางเข้าใจมาตลอดว่า คนคิดก่อกบฏคือคนรุ่นปู่ของต้วนไหวซวี่ ในเวลานั้นต้วนไหวซวี่ยังเด็ก เขาไม่มีความผิด ดังนั้นในใจของนาง ต้วนไหวซวี่ผู้นี้จึงดีอย่างไร้ที่ติเสมอมา เมื่อชอบผู้ใดสักคน ก็จะมองไม่เห็นข้อบกพร่องของอีกฝ่าย ยิ่งไปกว่านั้น ต้วนไหวซวี่ก็ยัง “ตาย” ในขณะที่นางรักเขามากที่สุด นางมิเคยคิดด้วยซ้ำว่า “การตาย” ของเขา หรือกระทั่งการปรากฏตัวของเขา ทั้งหมดล้วนเป็นแผนชั่วร้าย... เมื่อต้วนไหวซวี่เป็นคนของพรรคเทียนหลง ทุกอย่างล้วนสมเหตุสมผล ในตอนนั้นนางสังหารบุตรชายของประมุขพรรคเทียนหลง พรรคเทียนหลงเพื่อแก้แค้น จึงสืบหาจนพบนาง ต้วนไหวซวี่ก็คือคนที่ถูกมอบหมายให้เข้ามาใกล้ชิดนางในเวลานั้น ต้วนเจิ้งมองเห็นความรู้สึกในดวงตาของนางชัดเจน ก็ปากไวรีบอธิบายแทนพี่ชายของตน“เจ้ากำลังสงสัยสิ่งใด?“ข้าจะบอกเจ้าว่า ถึงแม้พี่ชายข้าจะเป็นคนของพรรคเที

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 588

    กลางดึก ณ ภูเขาหวู่หยางตูม!ตามเสียงที่ดังสนั่น เศษหินบนภูเขาแตกกระเด็น กำแพงหินที่เดิมทีมีสภาพสมบูรณ์ก็ปรากฏมีช่องว่างท่ามกลางฝุ่นควันตลบอบอวล คนผู้หนึ่งก็เดินออกมาจากด้านในคนหลายคนที่อยู่ด้านนอกก็คุกเข่าลงทันที และเปล่งเสียงพร้อมกัน“น้อมรับประมุขพรรคออกจากการบำเพ็ญตน!”ท่ามกลางก้อนหินกระจัดกระจาย ประมุขพรรคเทียนหลงผู้นั้นสวมชุดคลุมสีม่วง ใบหน้าที่มีอายุราวสี่สิบปีนั้น ก็มีริ้วรอยตามวัย ดวงตาเผยให้เห็นความเมตตา ทว่าก็ดูน่าเกรงขามเช่นกันในผมสีดำก็มีผมสีเงินปะปนอยู่หลายเส้น โหนกแก้มยกสูง ริมฝีปากซีดเซียวเมื่อเห็นผู้คนที่คุกเข่าอยู่บนพื้น เขาก็ยกแขนขึ้น“ทุกคนลุกขึ้นเถิด”ท่ามกลางฝูงชน แม่นางหร่านที่สวมผ้าคลุมหน้าก็แอบเงยหน้าขึ้น และมองเข้าไปด้านในกำแพงหินนั้นพี่ไหวซวี่จะต้องอยู่ข้างในเป็นแน่ในเวลานี้ ผู้พิทักษ์ก้าวมาข้างหน้า“ท่านประมุขพรรค กองทัพหวงปั้วยอมสวามิภักดิ์แล้ว ขอเพียงท่านออกคำสั่ง ก็สามารถบุกไปโจมตีเมืองหลวงได้ทันที”ประมุขพรรคมองไปทางหญิงสาวที่สวมผ้าคลุมหน้าผู้นั้น“อาหร่าน เจ้าคำนวณวันเวลาไว้แล้วใช่หรือไม่” แม่นางหร่านตอบอย่างนอบน้อม “ศิษย์คำนวณไ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 589

    เตาหลอมยาเผาไหม้ตลอดทั้งคืน ผู้คนในพรรคเทียนหลงนั่งล้อมวงกัน เฝ้ารอยาวิเศษนั้นออกมาจากเตาต้วนเจิ้งเห็นเหตุการณ์เช่นนี้ ในใจรู้สึกเย้ยหยัน วันพรุ่งนี้จะเข้าโจมตีเมืองหลวงแล้ว และยังเป็นวันที่เขานัดหมายกับเฟิ่งจิ่วเหยียนไว้วันนี้เขาจะต้องลงจากเขาทว่าตรงทางแยกของตีนเขา หญิงสาวที่สวมผ้าคลุมหน้าผู้นั้นขวางทางเขาอยู่“ต้วนเจิ้ง เจ้าจะไปที่ใด พวกเราตกลงกันแล้วมิใช่หรือว่า จะให้เจ้าแอบช่วยพี่ไหวซวี่?”ต้วนเจิ้งมีท่าทางที่ดูเย็นชา“หร่านชิว ตัวคน ข้าจักต้องช่วยแน่นอน นั่นเป็นพี่ชายแท้ ๆ ของข้า ข้ายิ่งห่วงใยเขามากกว่าเจ้า”หร่านชิวเอ่ยด้วยเสียงต่ำ“เจ้ารู้ก็ดีแล้ว ครั้งนี้พวกเราไม่มีทางถอย”คืนพรุ่งนี้ทุกคนจะเข้าไปโจมตีเมืองหลวง ก็เป็นโอกาสดีสำหรับพวกเขาในการลงมือพี่ไหวซวี่ของนาง ในที่สุดก็จะได้เห็นแสงอาทิตย์อีกครั้งเมื่อนึกถึงสิ่งนี้ ในดวงตาของหร่านชิวก็มีน้ำตาอุ่น ๆ ที่แฝงไว้ด้วยความตื่นเต้นดีใจ......เพื่อช่วยเหลือต้วนไหวซวี่ เฟิ่งจิ่วเหยียนจึงเตรียมการอย่างเต็มที่ลำพังอาวุธลับที่ซ่อนอยู่บนตัวก็มิใช่มีแค่หนึ่งหรือสองชิ้นก๊อกก๊อก!ด้านนอกมีคนเคาะประตู“ผู้ใด?”จากนั

บทล่าสุด

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 868

    คนสนิทของแคว้นประมุขซีหนี่ว์แบ่งออกเป็นสองพรรค พรรคแรกคือแม่ทัพป้องกันเมืองหูย่วนเอ๋อร์เป็นผู้นำ คอยปกป้องประมุขแคว้น ให้การสนับสนุนทุกการตัดสินใจของประมุขแคว้นรวมถึงครั้งนี้ที่ต่อหน้าโจมตีแคว้นหนานฉี ความจริงนั้นเป็นพันธมิตรกับแคว้นหนานฉีขุนพลอื่นหลายคนกลับมีความคิดอื่นพวกนางคิดว่า แคว้นซีหนี่ว์ไม่ควรให้การสนับสนุนแคว้นหนานฉี“ประมุขแคว้น ทั้งสองแคว้นเป็นพันธมิตรกันถือเป็นเรื่องใหญ่ขนาดนี้ ท่านควรปรึกษาพวกกระหม่อมตั้งแต่แรก! ค่อยทำการตัดสินใจ! เห็นได้ชัดว่าแคว้นหนานฉียากที่จะเอาตัวรอด แคว้นซีหนี่ว์ไม่มีความจำเป็นที่จะถูกลากลงน้ำไปด้วย!”“ท่านประมุขแคว้น ขอท่านทรงเปลี่ยนกลยุทธ์แสร้งโจมตี กลับมาร่วมมือกับแต่ละแคว้นโจมตีแคว้นหนานฉีเถอะ!”“ท่านประมุขแคว้น สถานการณ์ตอนนี้เห็นได้อย่างชัดเจน โอกาสที่แคว้นหนานฉีจะชนะนั้นมีน้อยมาก อาศัยเพียงกำลังแคว้นเดียว ไม่มีทางเอาชนะกองกำลังทหารสิบกว่าแคว้นได้ เป็นพันธมิตรกับเป่ยเยี่ยนจะดีกว่า!”ไม่ว่าพวกนางจะโน้มน้าวยังไง ประมุขแคว้นซีหนี่ว์ยังคงยืนหยัดความคิดตนเองนางนั่งบนเก้าอี้สูงศักดิ์ สีหน้าเยือกเย็น น้ำเสียงไม่ให้ได้ขัดขืน“เราจะคอยดู แ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 867

    แต่ละแคว้นโจมตีแคว้นหนานฉี ภัยพิบัติครั้งนี้ รุนแรงยิ่งกว่าตอนที่เซียวอวี้เพิ่งครองราชย์ หลายแคว้นร่วมมือกันโจมตีแคว้นหนานฉีเหล่าขุนนางต่างมองหน้ากันต่อให้มีการเตรียมการปกป้องแล้ว ทว่า วันนี้ก็มาถึงเร็วเกินไปเซียวอวี้สมกับที่เป็นจักรพรรดิแห่งแผ่นดิน ศัตรูมาขวางหน้า ไม่มีความกระสับกระส่ายแม้เพียงนิดเขามีรับสั่งอย่างสุขุมใจเย็น“เฝ้าปกป้องสี่ชายแดนอย่างเข้มงวด เตรียมเสบียงอาหาร เตรียมปืนหอกไฟ!”“พ่ะย่ะค่ะ!”ยามนี้ ชายแดนแคว้นหนานฉี กองทัพแต่ละแคว้นรวมตัวกันชายแดนเหนือมีเป่ยเยี่ยน ตลอดจนสามแคว้นเล็กที่อยู่ภายใต้เป่ยเยี่ยนชายแดนตะวันออกมีแคว้นต้าเซี่ยเป็นผู้นำรวบรวมกองกำลังพันธมิตรสี่แคว้นชายแดนใต้ ทหารพันธมิตรที่เมื่อไม่นานถูกโจมตีล่าถอยหวนกลับมา ยังมีแคว้นหนานชางที่พักฟื้นมาหลายปี มีทหารม้าเป็นจำนวนมากรวมอยู่ด้วยชายแดนตะวันตกก็มีสองแคว้นเล็ก รวบรวมกำลังทหาร ทั้งหมดสามหมื่น ยังมีกองทัพหกหมื่นนายของแคว้นซีหนี่ว์ติดตามอยู่ข้างหลังพวกเขาเคลื่อนทัพมายังสี่ชายแดนแคว้นหนานฉี ทำการโอบล้อม มากันอย่างดุเดือดเหล่าทหารที่เฝ้าปกป้องชายแดน ไม่เคยเห็นเช่นนี้แคว้นใหญ่เล็กนับรวมก

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 866

    หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วยามอาภรณ์อัปลักษณ์ในตำหนักจื้อเฉิน ถูกเฟิ่งจิ่วเหยียนโยนทิ้งไปทั้งหมดต่อให้เป็นเช่นนี้ อารมณ์ของนางก็ยากที่จะสงบสตรีปกติคนไหนสามารถรับได้ ผู้ชายของตนเองแต่งตัวราวกับหนุ่มน้อยยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นถึงจักรพรรดิตอนที่นางโยนเสื้อผ้า จักรพรรดิหนุ่มก็ตามอยู่ข้างหลังนาง ราวกับเด็กน้อยที่ทำอะไรผิด จนทำอะไรไม่ถูก“จิ่วเหยียน ชุดนี้ดีอยู่นะ...”“ฮองเฮา มิต้องโยนแล้ว ตัวนี้เราชอบมาก”“ตัวนี้โยนไม่ได้ เจ้าเคยพูดว่า ชอบดูเราสวมใส่...”แต่แล้ว ไม่ว่าเขาจะพูดอย่างไร ที่ควรทิ้งก็ยังคงทิ้งเฟิ่งจิ่วเหยียนโกรธมาก ถอดที่เขาสวมใส่อยู่ออกมาด้วยตนเองต่อให้เป็นเช่นนี้ เฟิ่งจิ่วเหยียนก็ยังคงไม่สามารถระงับความโกรธได้นางเดินมาถึงด้านนอกตำหนัก กวาดสายตามอง แส้สีแดงในมือหลิวซื่อเหลียงหลิวซื่อเหลียง: แววตาของฮองเฮา น่ากลัวมาก...เฟิ่งจิ่วเหยียนแย่งเอาแส้นั้นมา“หัวมงกุฎท้ายมังกร! ข้าไม่เคยเห็นแส้สีแดง! อันนี้ก็เผาไปเสีย! !”หลิวซื่อเหลียงคุกเข่าลง “ตุบ” ปากตะโกนว่า“ฮองเฮา เผามิได้พ่ะย่ะค่ะ! ฝ่าบาทตรัสว่า นี่เป็นสิริมงคล...”ในใจกลับคิดว่า: เผาได้ดี! ฮองเฮาต่างหากที่เ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 865

    ภายใต้สายตาเร่าร้อนของเซียวอวี้ เฟิ่งจิ่วเหยียนเปิดกล่องผ้าแพรข้างในมีมีดทองเล่มหนึ่ง ยังมีจดหมายลายพระหัตถ์ของประมุขแคว้นซีหนี่ว์หนึ่งฉบับเซียวอวี้ยังไม่ดูจดหมาย เมื่อเห็นมีดทองเล่มนั้น สีหน้าพลันเปลี่ยนไปมีดทองเป็นสิ่งของมีเฉพาะราชวงศ์แคว้นซีหนี่ว์ ใช้สำหรับมอบให้ผู้มีพระคุณ คนรู้ใจ และใช้เป็นสินสอดสู่ขอนี่ประมุขแคว้นซีหนี่ว์หมายความว่าอย่างไร!เซียวอวี้แสร้งทำเป็นไม่ใส่ใจ ความจริงลูกตาเอียงไปด้านข้าง จ้องมองทางด้านเฟิ่งจิ่วเหยียนเฟิ่งจิ่วเหยียนเปิดจดหมาย เมื่ออ่านจบแล้ว ก็เก็บพับไว้ครั้นเงยหน้าขึ้นมา ก็เห็นสายตาไม่พอใจของเซียวอวี้“ท่านอยากดู?”เซียวอวี้นั่งตัวตรง: “ก็ไม่ได้อยากดูขนาดนั้น”เฟิ่งจิ่วเหยียนรู้ความคิดในใจเขาเป็นอย่างดี จึงอธิบาย“ประมุขแคว้นมอบมีดทอง เพื่อขอบคุณที่หม่อมฉันช่วยสงบศึกวุ่นวายภายใน”สีหน้าเซียวอวี้ทำเป็นไม่ใส่ใจ“เรารู้“เจ้าเป็นฮองเฮาของเรา ยังเป็นสตรี ประมุขแคว้นซีหนี่ว์มอบมีดทอง คงเป็นไปไม่ได้ที่จะเป็นสินสอด เรามีอันใดต้องคิดมาก”เฉินจี๋ที่อยู่ด้านข้างพูดเสริมขึ้นมา“ฝ่าบาท ท่าทีกระหม่อมทราบ ประมุขแคว้นซีหนี่ว์ท่านนั้นชอบทั้งชายและ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 864

    เทียนยาวลุกไหม้ตลอดคืน ในตำหนักหย่งเหอเต็มไปด้วยความรักไร้การหลับไหลทั้งคืนวันรุ่งขึ้น ครั้นเซียวอวี้ตื่นขึ้นมา มองไปที่คนยังนอนหนุนแขนตนเอง ด้วยสีหน้าอิ่มเอม ก้มศีรษะจูบแก้มนาง แล้วก็ปัดไรผมบนหน้าผากนางที่ยุ่งเหยิง จับจ้องนางอย่างรักใคร่เมื่อคืนเหน็ดเหนื่อยครึ่งค่อนคืน ดึกมากแล้วเฟิ่งจิ่วเหยียนค่อยนอนหลับไม่ง่ายที่จะได้ผ่อนคลาย วันนี้นางนอนจนตะวันโด่งฟ้าหว่านชิวเดินเข้ามาในตำหนัก ยกน้ำร้อนมาคอยปรนนิบัติฮองเฮาล้างหน้าแต่งตัว“ฮองเฮา หมอหลวงเจิ้งขอเข้าเฝ้าเพคะ รออยู่ด้านนอกเป็นเวลานานแล้วเพคะ”เฟิ่งจิ่วเหยียนพยักหน้า นวดเอวที่ปวดเมื่อยเวลาผ่านไปสองเค่อ หมอหลวงเจิ้งถูกพาเข้ามาเขาถวายความเคารพ “กระหม่อมถวายบังคมฮองเฮา”เฟิ่งจิ่วเหยียนนั่งบนตำแหน่งประมุข น้ำเสียงอ่อนโยน“หมอหลวงเจิ้งมาหาข้าอย่างรีบเร่ง มีเรื่องสำคัญอันใด?”“กระหม่อมมีเรื่องหนึ่งจริง วันนี้ได้กราบทูลรายงานฝ่าบาทแล้ว ฝ่าบาทยุ่งกับงานราชกิจ จึงให้กระหม่อมมายังตำหนักหย่งเหอ กราบทูลรายงานฮองเฮาโดยตรงอีกครั้ง” หมอหลวงเจิ้งอายุมากแล้ว เส้นผมเป็นสีขาวหมดแล้วทว่าทั่วทั้งสำนักหมอหลวง ด้านทักษะทางการแพทย์ ไม่มีผู้ใ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 863

    รู้ว่าอู๋ไป๋ตกอยู่ในมือของแคว้นตงซาน ท่าทีเฟิ่งจิ่วเหยียนกลายเป็นเยือกเย็นขึ้นมาทันที เซียวอวี้จับมือของนางอย่างแผ่วเบา“เราไม่ได้บอกเจ้าตั้งแต่แรก เพราะกลัวเจ้า...”“เขายังมีชีวิตอยู่หรือไม่” เฟิ่งจิ่วเหยียนพูดขัดจังหวะขึ้นมา พร้อมถามตามตรง เซียวอวี้พูดปลอบโยน “จากข่าวที่ได้มาในตอนนี้ เขาเพียงถูกล้อมไว้ คนน่าจะยังมีชีวิตอยู่ เจ้าวางใจ เราได้ส่งคนไปช่วยเหลือแล้ว เชื่อว่าไม่ช้าก็จะช่วยคนออกมาได้”“อู๋ไป๋รอไม่ไหว” สีหน้าเฟิ่งจิ่วเหยียนตึงเครียดนางลุกขึ้นมา หันไปพูดกับเซียวอวี้ “วิธีที่รวดเร็วที่สุด คือไปหาถานไถเหยี่ยน”ในวันเดียวกันฮ่องเต้รับสั่งให้ถานไถเหยี่ยนเข้าวังด่วนเขาเข้ามาในห้องทรงพระอักษร เห็นฮองเฮาก็อยู่ด้วยเพราะกำลังตั้งครรภ์ ท้องน้อยนูนเล็กน้อยเฟิ่งจิ่วเหยียนไม่เคยเป็นคนท้อง แต่ก็เคยเห็นมาไม่น้อยยามนี้นางเลียนแบบรูปร่างของคนท้องได้อย่างแม่นยำ ท่าทีผ่อนคลาย หากคอยห่วงใยลูกในครรภ์อยู่ตลอดเวลา ถานไถเหยี่ยนถวายความเคารพฮ่องเต้กับฝ่าบาทหลายวันก่อน เขาตามหา “ใยแมงมุม” ที่เหลือมาตลอด ร่วมมือกับตงฟางซื่อได้เป็นอย่างดีสองวันนี้กลับมาเมืองหลวง มาเอายาถอนพิษยาส

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 862

    หลังจากเฉินจี๋ไปแล้ว จางฉวนอดกลั้นน้ำตาแห่งความตื่นเต้นไว้ พร้อมวิ่งเข้าไปในบ้านสตรีที่นอนอยู่บนเตียง ราวกับศพร่างหนึ่ง หลับตานอนราบ ไม่ขยับเขยื้อน แม้แต่ตาก็ปิดอยู่หากไม่ใช่เพราะนางยังหายใจอยู่ ก็ไม่แตกต่างอะไรกับคนตายเสี่ยวจางฉวนคุกเข่าอยู่ข้างเตียง จับมือของแม่ อดกลั้นน้ำตาเอาไว้“ท่านแม่ ข้าจะได้เข้าสถาบันทางการทหารแล้ว” “ต่อไปราชสำนักจะจ่ายเบี้ยหวัดให้ข้าทุกเดือน ข้าก็จะมีเงินซื้อยาให้ท่านแล้ว!”แม่ป่วยมานานหลายปี ลำบากที่ไม่มีเงินรักษามาตลอดเขาอยากเข้าร่วมการจัดสอบคัดเลือกช่วงวสันต์ อยากเป็นขุนนาง ก็เพื่อเก็บเงินรักษาอาการป่วยของแม่เพราะการเรียนหนังสือสอบบรรจุ เป็นทางออกทางเดียวของเขาทั้งที่เข้าร่วมการจัดสอบคัดเลือกช่วงวสันต์ในปีนี้มีความหวัง ฮ่องเต้กลับเลื่อนเวลาสอบมาล่วงหน้า! เขาจึงเกลียดชังฮ่องเต้อย่างมาก จึงเขียนบทกวีปริศนาก่นด่าฮ่องเต้ระบายอารมณ์เดิมโคมลอยล้วนถูกขายกระจัดกระจายออกไป ไม่มีคนพบบทกวีที่เชื่อมต่อกัน สุดท้าย...คืนวันเทศกาลชีซี เขาถูกมือปรามจับตัว ติดคุกหลายวัน เขาเสียใจอย่างมาก อย่างไร เขาถูกจับ ก็ไม่มีคนดูแลแม่แล้วหลังจากกลับบ้าน เขายังกลัว

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 861

    หลังจากเฟิ่งจิ่วเหยียนตอบตกลง ดวงตาเซียวอวี้ละลายไปด้วยความอบอุ่นเขาทำใจปล่อยมือนางไม่ได้ คว้าจับไว้แน่น“พรุ่งนี้เราจะประกาศเรื่องนี้”เฟิ่งจิ่วเหยียนพูดขึ้นมาอย่างเรียบเฉย “ไม่ต้องร้อนใจขนาดนี้ สี่ชายแดนแคว้นหนานฉีตอนนี้ยังไม่สงบ รับมือกับศัตรูก่อน”เซียวอวี้พยักหน้า “เจ้าพูดถูก เช่นนั้นพวกเรา ทานข้าวกันก่อน?”นางเหนื่อยล้าจากการเดินทาง จะต้องไม่ได้ทานอิ่มสักมื้อแน่เฟิ่งจิ่วเหยียนหิวแล้วจริง ๆ นางก้มศีรษะมองมือขวาของตนเอง “ท่านจับมือของหม่อมฉันไว้ จะให้หม่อมฉันใช้ตะเกียบอย่างไร?”เซียวอวี้ยิ้มหัวเราะ “เราป้อนเจ้า”“อย่าเลย ให้หม่อมฉันทานเองเถอะเพคะ” เฟิ่งจิ่วเหยียนรีบแกะนิ้วของเขาออก พร้อมพูดขึ้นมาอย่างจริงจัง……ก่อนกลับวัง เฟิ่งจิ่วเหยียนยังมีเรื่องต้องจัดการชานเมือง ในบ้านไร่แห่งหนึ่งภายในลานวุ่นวาย สุนัขไล่ไก่ ไก่บิน ไข่ไก่แตกเด็กอายุประมาณสิบขวบดูเหมือนผู้ใหญ่ตัวน้อย นั่งสานตะกร้าไม้ไผ่อยู่ตรงมุม มีหนังสือเล่มวางอยู่บนพื้นเขาทำสองอย่างพร้อมกัน ดูเหมือนเป็นคนขยันชอบเรียนหนังสือคนนี้คือจางโก่วตั้น ชื่อจริงจางฉวนเขาเห็นมีคนมา ก็ตื่นตัวขึ้นมาทันที วางตะกร้า

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 860

    “ฮองเฮา นี่เจ้าจะทำอันใด” เซียวอวี้รีบประคองเฟิ่งจิ่วเหยียนขึ้นมาทันที นางกลัวเขาจะลงโทษกองทัพอินทรีเหิน หรืออยากให้เขาลงโทษกันแน่? ไม่ว่าสถานการณ์จะเป็นเช่นไร ก็ไม่ควรนอบน้อมเช่นนี้ เฟิ่งจิ่วเหยียนไม่ยอมลุกขึ้น นางยังอยู่ในท่าแสดงความเคารพ และเอ่ยด้วยน้ำเสียงสงบนิ่ง “ฝ่าบาท ได้โปรดอนุญาตให้กองทัพอินทรีเหินกลับคืนสู่ค่ายเป่ยต้าด้วยเพคะ” เซียวอวี้ย่นคิ้วเบา ๆ เขาไม่ได้คาดคิดเลยว่า นางจะทำเพื่อเหตุผลนี้ เซียวอวี้ประคองใต้ศอกของเฟิ่งจิ่วเหยียน เพื่อบอกให้นางอย่าได้มากพิธี เขากล่าวอย่างโล่งใจ “จิ่วเหยียน ระหว่างพวกเรา ไม่ต้องทำเช่นนี้เลย “หากเป็นเรื่องของกองทัพอินทรีเหิน ก็แค่เอ่ยมาตามตรง” เฟิ่งจิ่วเหยียนหยิบคำสั่งทหารออกมาอีกครั้ง นี่เป็นสิ่งที่เซียวอวี้มอบให้นางใช้ป้องกันตัว ก่อนจะออกเดินทางไปยังแคว้นซีหนี่ว์ นางเก็บรักษามันไว้อย่างดี ตอนนี้ได้กลับมาที่หนานฉีแล้ว ก็ควรจะคืนให้เขา ทว่า เซียวอวี้ไม่ยอมรับไว้ น้ำเสียงของเขาทุ้มลึก “สามีภรรยาเป็นน้ำหนึ่งใจเดียว ทุกสิ่งของเรา ล้วนเป็นของเจ้า ไยจะต้องแบ่งแยกให้ชัดเจนเช่นนี

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status