แชร์

บทที่ 553

ผู้เขียน: อี้ซัวเยียนอวี่
ทางการได้รับรายงานลับว่า พบศพของชายชุดคลุมสีขาวสิบกว่าคนในป่า

เดิมพรรคเทียนหลงต้องการสละส่วนน้อยรักษาส่วนมาก ทว่าคาดไม่ถึง การลอบสังหารที่โจ่งแจ้งเช่นนี้ กลับบุ่มบ่ามไปชนเข้ากับฮ่องเต้ จนทำให้ผลที่ออกมาไปในทางกลับกัน

คนชุดคลุมสีขาวเหล่านั้นคือใคร และเกี่ยวข้องกับพรรคเทียนหลงหรือไม่ เซียวอวี้ต้องการตามสืบอย่างมุ่งมั่น

สองวันต่อมา อาการขององค์หญิงน้อยดีขึ้น และทั้งคณะจึงออกเดินทางอีกครั้ง

เฟิ่งจิ่วเหยียนคอยลอบคุ้มครองเขา ไม่เคยละเลย

การเดินทางหลังจากนั้นราบรื่นมาก และใช้เวลาเพียงสามวัน พวกเขาก็มาถึงเมืองหลวง

ส่งกันพันลี้ยังต้องแยกจากกัน

เฟิ่งจิ่วเหยียนยังมีภาระหน้าที่ของตนเอง หลังจากเข้าเมืองแล้ว ก็ปรากฏตัวขึ้นและกล่าวคำอำลาต่อพวกเขา

นางมอบสมุดเล่มเล็กที่เขียนเองในทุก ๆ วัน ให้แก่องค์หญิงน้อย

“องค์หญิง การฝึกซ้อมวิชาหมัดมวยทุกวัน จะสามารถทำให้ร่างกายแข็งแรงขึ้นได้”

องค์หญิงน้อยอาลัยอาวรณ์ไม่อยากจากนางไป

“พี่ชายใหญ่ ท่านอยู่ที่เมืองหลวงอีกสักสองสามวันไม่ได้หรือ? ท่านรู้จักพระราชวังหรือไม่? ที่นั่นกว้างใหญ่นัก และมีทุกสิ่งอยู่ที่นั่น หาก
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อที่ GoodNovel
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป
ความคิดเห็น (5)
goodnovel comment avatar
สุกฤตา บุตรโยจันโท
ทั้งหมดกี่ตอนใครช่วยบอกป้าที
goodnovel comment avatar
Ramai Thonganan
อย่าบอกเด้อว่ารุ๋ยอ๋อง
goodnovel comment avatar
Prig Pannasa
เราว่าอาจจะหวังดีกับฮ่องเต้กันทั้งคู่แหละแต่วิธีการคงบิดเบี้ยวไปบ้าง
ดูความคิดเห็นทั้งหมด

บทที่เกี่ยวข้อง

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 554

    ดวงตาของนางอ่อนโยน ทว่าแฝงไว้ด้วยความผิดปกติทางจิต ณ ตำหนักหย่งเหอ เหล่าข้าหลวงรู้สึกยินดีปรีดา “ทันทีที่ฝ่าบาทเสด็จกลับวัง ก็เสด็จมาหาซินเฟยเป็นอันดับแรก!” ในเวลานี้ ภายในตำหนัก เหลียนซวงหวาดกลัวการเผชิญกับพระพักตร์ศักดิ์สิทธิ์ยิ่งนัก นางได้มองดูเขานำเสื้อผ้าที่คุณหนูจิ่วเหยียนเคยสวมใส่ และเครื่องประดับที่เคยใช้ทั้งหมด โยนเข้าใส่ไปในหีบใบใหญ่ นี่แสดงให้เห็นว่าเขาต้องการจะตัดใจโดยสิ้นเชิง! ทว่าทำเช่นนี้ จะไม่เป็นการหลอกตนเองจริง ๆ หรือ? เขาควรจะปลดซินเฟยผู้นี้เสีย และไม่ย่างกรายมายังตำหนักหย่งเหออีกถึงจะถูก ความรักก็เหมือนกระดูกอักเสบเป็นหนอง ยากที่จะตัดให้ขาด เซียวอวี้กลับต้องการจะใช้กำลังตัดมันทิ้ง ทว่า ในระหว่างที่กำลังโยนทิ้ง เขาพลันได้พบสมุดเล่มหนึ่งอยู่ในช่องลับข้างโต๊ะ ด้านข้างนั้นมีปิ่นหงส์วางอยู่——เป็นสิ่งที่เขามอบให้ ครั้นเปิดสมุดเล่มนั้นออกดู ใบหน้าของเขาพลันแข็งทื่อ ทุกถ้อยคำในนั้นล้วนเป็นเรื่องของเขา ที่เขียนโดยเฟิ่งจิ่วเหยียน ครั้งหนึ่งเขาเคยขอให้นางไปอยู่กับเขาที่ห้องทรงพระอักษรเป็นเวลาหนึ่งชั่วยาม

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 555

    เฟิ่งจิ่วเหยียนมองเซียวอวี้ที่อยู่ตรงหน้า ด้วยดวงตาที่เจือด้วยความไม่คาดฝัน เขายังมีธุระใดอีก? มือของเซียวอวี้ที่ซ่อนอยู่ใต้แขนเสื้อกว้างนั้นสั่นเทาเล็กน้อย สวรรค์รู้ดี เขาจะต้องใช้เหตุผลมากขนาดไหน ถึงจะสามารถยับยั้งแรงกระตุ้นในใจนั้นได้ เขามิได้เพ้อฝันเกินตัว ขอเพียงนางมีเขาอยู่ในใจก็พอ แม้จะเป็นเพียงพื้นที่เล็ก ๆ ก็ยังดี เพียงแค่นางเต็มใจจะเปิดรอยแยกให้สักช่อง เขาก็สามารถฉีกเปิดมันออกจากกันได้ เขานึกเสียใจสุดพรรณนา ที่มิได้ค้นพบสมุดบันทึกของนางให้เร็วกว่านี้ ทว่าก็คิดว่าโชคดี ที่วันนี้ได้เห็น มันก็ยังไม่สายเกินไป ดีเหลือเกิน ที่นางยังมิได้จากไปไกล ดวงตาของเฟิ่งจิ่วเหยียนสงบนิ่ง “ท่าน...” “มีคนต้องการจะฆ่าเรา” เซียวอวี้พูดโพล่งออกมาอย่างจริงจัง หว่างคิ้วของเฟิ่งจิ่วเหยียนขมวดมุ่น เขามีวิทยายุทธสูงส่ง มีองครักษ์ระดับปรมาจารย์อยู่รอบกาย ถึงแม้จะมีนักฆ่า ก็ไม่จำเป็นจะต้องกังวลใจขนาดนี้ เซียวอวี้กล่าวเสริมอีกครั้ง “อีกฝ่ายเป็นคนในยุทธภพ รู้แค่ว่าเกี่ยวข้องกับพรรคเทียนหลง และไม่มีเบาะแสอื่นใดอีก เราหวังว่า...รองผู้น

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 556

    เซียวอวี้ไม่ได้เรียกเฟิ่งจิ่วเหยียนเข้าวังโดยตรง ประการแรก ตอนนี้นางเป็นชาวยุทธภพแล้ว ไม่สะดวกสำหรับการเข้าออกพระราชวัง ประการที่สอง เขากลัวว่านางจะสืบเรื่องพรรคเทียนหลงในพระราชวัง และคำโกหกจะถูกเปิดโปง ดังนั้น เขาจึงทำได้เพียงมาที่บ้านพักหลังเล็กของนางเท่านั้น หลังจากที่ทั้งสองได้พบกัน เฟิ่งจิ่วเหยียนก็เอ่ยอย่างเป็นงานเป็นการ “...ดังนั้น คนชุดคลุมดำกับคนชุดคลุมสีขาวเหล่านั้น เป็นคนของพรรคเทียนหลังทั้งหมด จุดประสงค์ที่พุ่งเป้ามายังพันธมิตรอู่หลิน คือรวมยุทธภพให้เป็นหนึ่ง สำหรับการปลงพระชนม์ อาจจะต้องการแทรกแซงราชสำนัก “ฝ่าบาท กระหม่อมคิดว่า ท่านสามารถตรวจสอบ บรรดาอ๋องที่ท่านได้ลดตำแหน่งให้ไปปกครองยังเมืองต่าง ๆ ว่าในหมู่พวกเขานั้น มีผู้ใดติดต่อกับพรรคเทียนหลงบ้างพ่ะย่ะค่ะ” เซียวอวี้มองดูริมฝีปากที่เอ่ยเจื้อยแจ้วของนาง ด้วยจิตใจที่ตกอยู่ในภวังค์ ทว่า เขาก็ยังฟังคำพูดเหล่านี้ของนาง เป็นส่วนใหญ่เช่นกัน “เจ้าสงสัยว่า บรรดาพี่น้องของเราเหล่านั้นมีเจตนาแอบแฝง ดึงพรรคเทียนหลงมาเป็นพรรคพวก สังหารฮ่องเต้เพื่อยึดบัลลังก์น่ะรึ” เมื่อลองคิดเช่นนี้

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 557

    เฟิ่งจิ่วเหยียนดื่มสุราไม่เก่ง และยังกลัวจะมีปัญหาหลังดื่ม เมื่อเห็นเซียวอวี้ยกสุราขึ้นดื่มจอกแล้วจอกเล่า นางจึงดื่มด้วยสักสองจอกอย่างไม่เต็มใจ “ครั้นเรายังเยาว์วัย ก็ปรารถนาจะกวัดแกว่งกระบี่ท่องไปสุดหล้า เป็นคนที่เอ้อระเหยและอิสระเสรีคนหนึ่ง “หลังจากที่เสด็จแม่สิ้นพระชนม์ ฮ่องเต้พระองค์ก่อนจึงส่งเราไปเล่าเรียนวิทยายุทธที่นอกวัง “ครั้นได้ออกจากวังแล้ว จึงได้รู้ว่าแผ่นดินกว้างใหญ่เพียงใด แม้ว่าจะมีสถานะสูงศักดิ์ ในพระราชวัง ก็ไม่ต่างจากกบก้นบ่อ “เรารู้ เจ้าซูฮ่วนออกเดินทางท่องยุทธภพตั้งแต่ยังอายุน้อย ย่อมจะต้องรู้สึกว่า เรากับเจ้าไม่เหมือนกันเลย “เจ้าถูกบังคับโดยสถานะของเรา จึงทำแบบขอไปทีกับเรา...” เฟิ่งจิ่วเหยียนกล่าวอย่างใจเย็น “ฝ่าบาท ท่านมิควรดื่มมากกว่านี้แล้วพ่ะย่ะค่ะ” “เรามีสตินัก” เขาจดจ้องมองนางอย่างลึกซึ้ง “ตั้งแต่เรานั่งบนบัลลังก์นี้ ก็ไม่มีสหายที่ดีเลย “ซูฮ่วน เจ้าเป็นคนแรก “ในการศึกที่เมืองเซวียน เราชื่นชมความสามารถที่สูงส่งของเจ้า “ยุทธภพ จักปราศจากผู้มีคุณธรรมเช่นเจ้าไม่ได้ “สุราจอกนี้ เราขอดื่มคารวะใ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 558

    ฝานจิ้นบาดเจ็บสาหัส เฉินจี๋รีบไปเชิญหมอทันที ครั้นหมอได้เห็นอาการบาดเจ็บของเขาแล้ว พลันมีสีหน้าลำบากใจ “บาดแผลภายนอกไม่ร้ายแรง ทว่า...” “ทว่าอะไร” เฟิ่งจิ่วเหยียนถามอย่างเยือกเย็น “ข้าก็มิอาจระบุได้ชัดเจน ทว่ามันคล้ายกับยาอู๋ตู๋สานนั้นยิ่งนัก” หว่างคิ้วของเซียวอวี้สะท้อนความเฉียบคม “ใช่ยาอู๋ตู๋สานซึ่งเป็นยาต้องห้ามในแดนเหนือหรือไม่” หมอพยักหน้างึก ๆ “ถูกต้อง ตำนานเล่าว่ายาอู๋ตู๋สานนั้นทำให้อยู่มิสู้ตาย และยังทำให้ผู้คนเคลิ้มดั่งเซียนหรือสิ้นหวังจนอยากตายอีกด้วย มันได้รับความนิยมในแดนเหนือระยะหนึ่งแล้ว ทว่ามันก็ทำให้แดนเหนือเต็มไปด้วยศพ แคว้นต่าง ๆ จึงระบุว่ามันเป็นยาต้องห้าม ครั้นเมื่อได้สัมผัสกับยาอู๋ตู๋สานนั้นแล้ว จักอยู่โดยขาดมันไม่ได้อีก ถึงแม้จะไม่ใช่ยาพิษ ก็น่ากลัวไม่ด้อยไปกว่ายาพิษเลย” เฟิ่งจิ่วเหยียนกำหมัดแน่น นางก็เคยได้ยินเรื่องของ ยาอู๋ตู๋สานเช่นกัน เมื่อพิษนี้กำเริบแล้ว จักทำให้คนเจ็บปวดรวดร้าวใจแทบอยากจะตายให้รู้แล้วรู้รอดไป สูญเสียสติ และทำเรื่องบ้า ๆ นางยังรู้อีกว่า พิษนี้ไม่มีทางรักษาได้ ได้แต่ต้องทานต่อไปเรื่อย

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 559

    เซียวอวี้ถ่ายทอดคำสั่ง “จงเร่งรุดไปที่หมู่บ้านเสิ่นเจียอู่ และลอบสืบหา ผู้ที่คิดต่อต้านราชสำนัก” “น้อมรับพระบัญชา!” ในขณะนี้ เมืองตงซิ่น ณ หมู่บ้านเสิ่นเจียอู่ เหล่าศิษย์จากสำนักต่าง ๆ ได้เข้าปิดล้อมแน่นขนัดจนแม้แต่น้ำหยดเดียวก็ผ่านไปไม่ได้ ในหมู่พวกเขามีคนที่ยืนอยู่บนตำแหน่งสูง ปากก็ร้องตะโกน “ท่านทั้งหลาย ครั้งนี้พวกเราจะต้องมีใจเด็ดเดี่ยว ร่วมแรงร่วมใจกัน! ผู้นำพันธมิตรจะต้องให้คำอธิบายแก่พวกเรา! “สหายชาวยุทธ มีหลายคนถูกราชสำนักบีบบังคับถึงขั้นจนตรอก เหตุผลในการก่อตั้งพันธมิตรอู่หลิน คือการต่อสู้กับความอยุติธรรมทุกรูปแบบของราชสำนัก! ยุทธภพคือแดนแห่งความผาสุกของพวกเรา มิควรถูกแปดเปื้อน! “พวกเราฝึกฝนวิทยายุทธ เพื่อปล้นคนรวยช่วยคนจน กระทำการกล้าหาญชอบธรรม อย่าลดศักดิ์ศรีเพื่อไปเป็นสุนัขรับใช้ของราชสำนัก!” ทุกคนที่อยู่ด้านล่างพลันขานรับเสียงดังลั่น “ถูกต้องอย่างที่ว่า! อย่าเป็นสุนัขรับใช้ของราชสำนัก!” “บรรดาเจ้าสำนักได้เข้าไปหารือกับผู้นำพันธมิตรอีกครั้ง และนี่เป็นโอกาสสุดท้ายของพันธมิตรอู่หลิน หากพวกเขายังต้องการจะเป็นขุนน

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 560

    เฟิ่งจิ่วเหยียนไม่เคยคิดเลยว่า หมู่บ้านเสิ่นเจียอู่ที่ก่อนหน้านี้ยังเต็มไปด้วยชีวิตชีวา ตอนนี้จะถูกทำลายจนกลายเป็นสภาพเช่นนี้ได้ พืชผลในทุ่งนาถูกถอนรากถอนโคนออกจนสิ้น เมล็ดธัญพืชที่ชาวบ้านตากแห้งไว้ก็ถูกเทกระจาดเกลื่อนพื้น บ้านเรือนบางหลังถูกเผาทำลาย เหลือเพียงโครงร่างเท่านั้น เฟิ่งจิ่วเหยียนเจอชาวบ้านคนหนึ่ง และซักถามรายละเอียด ชาวบ้านคนนั้นเอ่ยอย่างทอดถอนใจ “ท่านมาสายไปแล้ว คงจะไม่ได้ยินกระมัง เมื่อครู่นี้เหล่าศิษย์ของพรรคชิงอวี่มาชี้ตัว พวกเขาได้เห็นกับตาของตนเอง ว่าผู้นำพันธมิตรสังหารประมุขพรรคชิงอวี่ “ยังมีคนในพรรคอีกหลายคนที่มาชี้ตัวด้วย กล่าวว่าในปีนั้นพรรคเทียนหลงถูกผู้นำพันธมิตรใส่ร้าย และนำหลักฐานมายืนยันอีกมากมายด้วย “ในขณะนี้ผู้นำพันธมิตรได้เรียกศิษย์ของสำนักต่าง ๆ ทั้งหมด ไปลงคะแนนเสียงว่าเขาต้องลงจากตำแหน่งหรือไม่! เฮ้อ! หมู่บ้านเสิ่นเจียอู่ไม่เหมือนเดิมแล้ว...” เฟิ่งจิ่วเหยียนได้ยินดังนั้น พลันรีบวิ่งไปที่หอประชุมทันที ทุกคนอยู่กันที่นั่นจริง ๆ สำนักต่าง ๆ ทั้งหมดในยุทธภพมารวมตัวกันที่นี่ ปิดล้อมชั้นหนึ่งต่อด้วยอีกช

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 561

    “ถวายบังคมฝ่าบาท” สีหน้าตงฟางซื่อสงบอย่างผิดปกติ ปกติแววตาที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม ยามนี้เป็นเหมือนดั่งน้ำตายเซียวอวี้ถามด้วยเสียงเย็นชา“ผู้นำพันธมิตรตงฟาง นี่คือไม่สามารถจัดการปัญหาเหล่านั้นหรือ”ตงฟางซื่ออมยิ้ม พูดขึ้นมาอย่างเยาะเย้ยตนเอง“มิใช่เช่นนั้น ข้าไม่ได้เป็นผู้นำพันธมิตรอะไรแล้ว”เฟิ่งจิ่วเหยียนรู้ว่าในใจเขารู้สึกไม่ดี จึงให้เขาไปพักในห้องก่อนจากนั้นนางก็ถามเซียวอวี้“ดึกขนาดนี้แล้ว ทำไมท่านมาอยู่ที่นี่?”เซียวอวี้จ้องมองดูเงาหลังของตงฟางซื่อ พร้อมถามขึ้นมาด้วยเสียงเคร่งขรึม“คืนนี้เขานอนที่นี่หรือ?”เฟิ่งจิ่วเหยียนพาตงฟางซื่อกลับมา ให้เขาอาศัยอยู่ในจวนที่ตนเองเช่าไว้ชั่วคราว ไม่มีอะไรไม่เหมาะสมทว่า เซียวอวี้ไม่เห็นด้วยยังไงชายหญิงมีความแตกต่างกันเฟิ่งจิ่วเหยียนไม่ได้ปฏิเสธ เพียงพูดขึ้นมา “ดึกมากแล้ว ฝ่าบาท”นี่ไม่แตกต่างอะไรกับการไล่แขกเซียวอวี้คว้าจับแขนของนางไว้อย่างกะทันหัน พร้อมพูดขึ้นมาด้วยเสียงเคร่งขรึม“ให้เขาไปพักที่อื่น”เฟิ่งจิ่วเหยียนคิดเพียงว่าเขาไม่มีเหตุผลเซียวอวี้พูดขึ้นมาอีก “เราจะช่วยเช่าเรือนพักให้กับเขา ยังไงเขาก็เคยช่วยเรา เราจะละเล

บทล่าสุด

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1014

    หนานฉี เมืองหลวงหลิวอิ๋งยังคงมิได้ข่าวคราวของราชทูตคนอื่น ๆ ในใจยิ่งกระวนกระวายในช่วงหลายวันที่ผ่านมานางวนเวียนไปที่จวนรุ่ยอ๋อง เพื่อสอบถามความคืบหน้าทว่า บัดนี้ก็ยังมิได้รับข่าวคราวใด ๆภายในโรงพักแรมเจิ้งจีเห็นมารดากลับมา คำพูดแรกมิใช่แสดงความห่วงใย แต่เป็นการเร่งรัด“ท่านแม่ ฝ่าบาทเสด็จกลับวังแล้ว เมื่อใดพวกเราถึงจะได้เข้าวัง?”สีหน้าหลิวอิ๋งอยู่ในอาการเหม่อลอยเจิ้งจีถามอีก: “ท่านป้ายังมิได้ตอบจดหมายพวกเรา และส่งสาส์นตราตั้งฉบับใหม่มาให้อีกหรือเจ้าคะ? ท่านแม่?”หลิวอิ๋งเรียกสติกลับมา พลันกุมมือบุตรสาวไว้แน่น“ท่านป้าของเจ้ามิมีทางเมินเฉยพวกเรา ถึงอย่างไรข้าก็เป็นน้องสาวแท้ ๆ ของนาง! พวกเราจะเข้าวังไปพบฝ่าบาทได้เลยโดยตรง!”เดิมคิดว่ารุ่ยอ๋องมีความสามารถที่จะตามหาราชทูตได้ มิคาดคิดว่า เขาที่ดูเหมือนเป็นคนเข้าหาได้ง่าย ที่จริงแล้วกลับรับปากนางแบบขอไปทีตลอดสองแม่ลูกจึงมุ่งหน้าไปยังพระราชวังเพื่อขอเข้าเฝ้าฮ่องเต้ภายในวังเซียวอวี้เพิ่งกลับเข้าวัง ขณะกำลังตรวจดูสาส์นกราบทูลในห้องทรงพระอักษร องครักษ์ก็เข้ามารายงาน---หลิวอิ๋งคนที่อ้างว่าเป็นราชทูตแคว้นซีหนี่ว์มาขอเข้าเฝ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1013

    หลังจากท่านผู้เฒ่าหลินรู้สถานะของเฟิ่งจิ่วเหยียน เดิมทีก็คิดจะสานสัมพันธ์เป็นเครือญาติกับนางทว่านางกลับบอกว่า มิใช่เครือญาติแท้ ๆ หรือ?ใครมิใช่เครือญาติแท้ ๆ กันเล่า?เฟิ่งจิ่วเหยียนถามด้วยสีหน้าเย็นชา “บุตรสาวคนที่สองของตระกูลหลิว เมื่อคลอดออกมาก็มอบให้พวกเจ้าดูแลใช่หรือไม่?”ท่านผู้เฒ่าหลินสีหน้าเต็มไปด้วยความหวาดหวั่นและงุนงง นึกไม่ถึงว่า สิ่งที่นางต้องการจะถาม กลับเป็นเรื่องราวในตอนนั้น...เขาก้มศีรษะลง กลัวว่าเฟิ่งจิ่วเหยียนจะเห็นสีหน้าของตน“พ่ะย่ะค่ะ! ตอนนั้น น้องสาวของข้าน้อยคลอดบุตรสาวคนเล็ก ก็มอบให้พวกเราดูแลเลย“ฮองเฮา เรื่องนี้ยังจะมีอะไรให้น่าพูดถึงอีก?”เฟิ่งจิ่วเหยียนยังคงถือเครื่องมือทรมานนั้นอยู่ในมือ สายตาดูเยือกเย็นไร้ความปรานี“เจ้ายืนยันได้หรือไม่ว่า เด็กที่มอบให้กับมือพวกเจ้าในตอนนั้น เพิ่งจะคลอดมาได้ไม่นาน?”ท่านผู้เฒ่าหลินตอบด้วยความมั่นอกมั่นใจ“แน่นอนพ่ะย่ะค่ะ! เด็กคนนั้นคลอดออกมาได้ไม่กี่วัน ก็ถูกพวกเรานำมาดูแลแล้ว...”“โกหก” สายตาของเฟิ่งจิ่วเหยียนดูเย็นชา นางเงยหน้าขึ้นมองท่านผู้เฒ่าหลิน “หากข้าเดาไม่ผิด เด็กคนนั้น ตอนที่มาถึงมือพวกเจ้า น่าจ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1012

    ภายในคุกที่ว่าการท่านผู้เฒ่าหลินในวัยชรา ยืนพิงอยู่มุมกำแพงด้วยอาการตัวสั่นเทาเขามองไปยังเจ้าหน้าที่เหล่านั้นโดยฝืนทำเป็นสงบนิ่ง“พวกเจ้า พวกเจ้ามีสิทธิ์อะไรมาจับข้า ข้าไม่มีความผิด...”เอ่ยยังมิทันจบ เจ้าหน้าที่ก็ถอยแยกเป็นสองฝั่ง เพื่อเปิดช่องทางตรงกลางหลังจากนั้น เฟิ่งจิ่วเหยียนก็เข้ามาจากด้านนอก เส้นผมนางถูกรวบยกสูง ดวงตาทั้งคู่ดูองอาจน่ายำเกรง“ทุกคนออกไปก่อน”ตามคำสั่งของนาง บรรดาเจ้าหน้าที่ก็ออกไปอย่างรู้งาน อู๋ไป๋ปิดประตูห้องขัง และคอยเฝ้าอยู่ด้านนอกห้องขังภายในห้องขังท่านผู้เฒ่าหลินมิรู้จักเฟิ่งจิ่วเหยียน ในตอนแรกคิดว่านางเป็นขุนนาง ทว่าพอได้ยินเสียงนางเป็นสตรี ก็มิแน่ใจแล้วว่านางเป็นใคร“เจ้าเป็นใคร?” ท่านผู้เฒ่าหลินมองนางตาไม่กะพริบ ไม่มีท่าทีอ่อนข้อสายตาของเฟิ่งจิ่วเหยียนดูเยือกเย็นและหมางเมิน ราวกับดวงดาวระยิบในค่ำคืนเหน็บหนาว ทำเอาผู้คนสั่นสะท้านนางมองท่านผู้เฒ่าหลิน พลางแสร้งทำเป็นหยิบเครื่องมือทรมานที่อยู่ด้านข้างขึ้นมาโดยมิได้ตั้งใจแค่การกระทำนี้ ก็ทำให้ท่านผู้เฒ่าหลินตกใจกลัวจนลำคอแห้งผาก ดวงตาเบิกกว้าง ยืนนิ่งไม่เคลื่อนไหว“ข้า ข้ามิเคยทำเรื่องช

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1011

    ไม่นานรุ่ยอ๋องก็จัดหาหญิงสาวให้กับหร่วนฝูอวี้ได้แล้ว เป็นสาวใช้ภายในจวนเขายืนอยู่นอกห้อง ยืนอยู่นานก็มิยอมไปหนึ่งชั่วยามต่อมา ด้านในก็เรียกขอน้ำสาวใช้ผลักประตูเดินออกมารุ่ยอ๋องรีบหันไปมองนาง เห็นเพียงนางถืออ่างเลือดออกมา“พระชายาเป็นอย่างไรบ้าง?” เขาถามด้วยท่าทีใส่ใจการถอนพิษกู่เสน่ห์ มิใช่แค่ต้องมีสัมพันธ์กับใครสักคนเท่านั้นหรือ?เหตุใดจึงมีเลือดออกมามากมายเพียงนี้?สาวใช้ตอบด้วยอาการตัวสั่นเทา“พระชายาเลือดออกมาก บ่าวคอยช่วยพระชายาเปลี่ยนอาภรณ์ และชำระร่างกายเจ้าค่ะ”สีหน้าของรุ่ยอ๋องเปลี่ยนไปเล็กน้อยดูแล้วสาวใช้ผู้นี้ ไม่เหมือน...“แค่ช่วยพระชายาชำระร่างกาย?” เขาถามด้วยความไม่แน่ใจสาวใช้พยักหน้าซ้ำ ๆ“เจ้าค่ะ”รุ่ยอ๋องรู้สึกงุนงง มิรู้ว่าหร่วนฝูอวี้ทำสิ่งใดลงไปหรือว่า เขาเข้าใจเจตนาของนางผิดไป นางขอให้เขาหาหญิงสาวให้นาง มิใช่เพื่อจะถอนพิษกู่เสน่ห์หรอกหรือ?ในระหว่างที่ครุ่นคิด เขาก็พุ่งตรงเข้าไปในห้องทันทีทว่าเห็นหร่วนฝูอวี้นั่งอยู่ในอ่างอาบน้ำ ภายในห้องคละคลุ้งไปด้วยกลิ่นคาวเลือดเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้า หร่วนฝูอวี้พลันลืมตาขึ้นนางจ้องมองไปทางรุ่ยอ๋อง ดว

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1010

    ฉึก---ตามเข็มที่หร่วนฝูอวี้แทงลงไป กู่เสน่ห์ในร่างกายของรุ่ยอ๋องก็แตกระเบิด แปรเปลี่ยนเป็นกองเลือดในเวลานี้ รุ่ยอ๋องรู้สึกเพียงความเจ็บปวดอย่างรุนแรงโจมตีเข้ามา จากนั้นตามมาด้วยความรู้สึกโล่งสบายราวกับปล่อยวางของหนักกู่เสน่ห์ หายไปแล้วเขาผ่อนลมหายใจออกมายาว ๆ มิคาดคิดว่า กู่เสน่ห์ที่ทรมานเขามาหลายเดือนนั้น จะกำจัดได้อย่างราบรื่นเช่นนี้...ในชั่วขณะนั้น หร่วนฝูอวี้ในสภาพราวกับใบไม้แห้งที่อยู่ตรงหน้าเขา ทั้งตัวคนกลับเอนมาทางด้านหน้า และล้มลงในอ้อมอกเขารุ่ยอ๋องรีบประคองนางไว้ทันที โดยมิรู้สาเหตุ“เจ้าเป็นอะไร?”เมื่อครู่นางก็ยังดี ๆ อยู่มิใช่หรือ?เมื่อก้มลงมอง สีหน้านางซีดขาวไร้เลือดฝาด ส่งเสียงครวญครางด้วยความเจ็บปวดรุ่ยอ๋องรับรู้ได้ทันทีว่า นี่อาจจะเป็นผลที่ย้อนกลับมาทำร้ายของกู่เสน่ห์!หากต้องการจะฝังกู่เสน่ห์ให้กับคนอื่น ตนเองก็ต้องฝังกู่เสน่ห์ตัวแม่ไว้ด้วยเช่นกันตอนนี้กู่เสน่ห์ตัวลูกในร่างกายของเขาตายไปแล้ว หร่วนฝูอวี้ย่อมต้องทรมานเป็นธรรมดาทว่าเขามิมีความรู้ด้านนี้มากนัก มิรู้ว่าอาการของนางร้ายแรงเพียงใด เป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตหรือไม่รุ่ยอ๋องจึงตัดสินใจเด็ดข

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1009

    หลิวอิ๋งต้องการอาศัยสถานะราชทูต เพื่อเข้าวังไปพบฮ่องเต้ทว่า ฮ่องเต้และฮองเฮาเสด็จออกไปภายนอก ยังมิได้เสด็จกลับวัง ข้าหลวงจึงเพียงรายงานเรื่องนี้ขึ้นไปตามลำดับขั้นภายในวังเมื่อฮองเฮาไม่อยู่ หน้าที่ในวังหลังจึงอยู่ภายใต้การควบคุมดูแลของหนิงเฟยนางได้ยินว่าด้านนอกประตูวังมีราชทูตมาจากแคว้นซีหนี่ว์ ต้องการจะขอเข้าเฝ้าฮ่องเต้ พลันรู้สึกราวกับว่าเผชิญศัตรูตัวฉกาจถึงอย่างไร นางก็แค่รับผิดชอบแต่ในวังหลัง นี่เกี่ยวข้องกับเรื่องสำคัญของบ้านเมือง นางมิเคยจัดการมาก่อนเช่นกัน“รีบไปเชิญรุ่ยอ๋องมาเดี๋ยวนี้!”หายากที่นางจะมีช่วงเวลาที่สงบสุขไม่กี่วัน จู่ ๆ ก็มีราชทูตมาเยือน คงมิใช่ต้องการให้นางจัดงานเลี้ยงในวัง และต้อนรับราชทูตอีกแล้วกระมัง!เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ หนิงเฟยรู้สึกหงุดหงิดกระวนกระวายนางเริ่มจะคิดถึงฮองเฮาขึ้นมาแล้วเหตุการณ์ในวังแห่งนี้ ช่างเกิดขึ้นเรื่องแล้วเรื่องเล่า จนรู้สึกสับสนวุ่นวายรุ่ยอ๋องก็มิเคยได้ยินมาก่อนว่า ราชทูตจากแคว้นซีหนี่ว์จะเดินทางมาเยือนเขาพบกับหลิวอิ๋งเป็นการส่วนตัวสิ่งที่นางพูด เป็นคำพูดเพียงฝ่ายเดียวถึงแม้จะเป็นเช่นนั้น ทว่าก็ควรเชื่อแม้จะยังยื

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1008

    เฟิ่งจิ่วเหยียนหาได้กลับไปยังเมืองหลวงในทันทีไม่ นางต้องการจะสืบเรื่องของซู่ยวนให้กระจ่างเซียวอวี้ยังมีราชกิจที่ต้องสะสาง สองคนจึงแยกทางกันณ เมืองหลวงหลิวอิ๋งแม่ลูกมาถึงในฐานะราชทูต คณะก็เข้าพักในโรงพักแรม ทว่ามิคาดคิดว่า วันต่อมาก็เกิดเรื่องไม่ชอบมาพากลขึ้นเช้าวันรุ่งขึ้น เจิ้งจีวิ่งเข้ามาพร้อมกับร้องตะโกน“ท่านแม่! ท่านแม่! เหตุใดคนอื่น ๆ ถึงหายไปแล้วเจ้าคะ?”สีหน้าหลิวอิ๋งเต็มไปด้วยความประหลาดใจคณะราชทูตที่มาพร้อมกับพวกนาง ยังมีขุนนางอีกหลายคนคนเหล่านั้นจะหายไปได้อย่างไร?หลิวอิ๋งวิ่งไปยังห้องที่พวกเขาพักอยู่ ตรวจดูแต่ละห้อง ทว่าว่างเปล่าไร้เงาคนนี่ช่างน่าแปลกยิ่งนัก!สีหน้าเจิ้งจีดูกังวลใจ“ท่านแม่ พวกเขาคงมิได้ถูกมองว่าเป็นสายลับ และถูกจับตัวไปแล้ว?”หลิวอิ๋งสงบสติ เอ่ยพึมพำ“เป็นไปมิได้”แคว้นซีหนี่ว์กับหนานฉีเป็นพันธมิตรกัน หนานฉีคงมิทำให้พวกนางต้องขุ่นเคืองใจหลิวอิ๋งจึงตัดสินใจในทันที “ไปแจ้งทางการ!”ณ ที่ว่าการเจ้าหน้าที่ศาลพาสองแม่ลูกมายังห้องโถงรองซึ่งแตกต่างจากห้องโถงหลักที่ใช้สอบสวนคดี ห้องโถงรองเป็นสถานที่ที่ขุนนางจัดการงานราชการ และรับรองสหาย

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1007

    เฟิ่งจิ่วเหยียนตอบนายหญิงเฟิ่งด้วยท่าทีระวังคำพูด“หลิวอิ๋งต่างหากที่เป็นหลิวหนิงบุตรสาวคนโตเริ่มแรกของตระกูลหลิว “ทว่า นี่เป็นเพียงการคาดเดาของข้า มิได้มั่นใจเต็มร้อย”นางยึดถือตามความเชื่อเรื่องการกดดวงชะตา จึงได้คาดเดาทว่าประมุขแคว้นซีหนี่ว์กลับเชื่ออย่างสนิทใจหากเป็นเช่นนั้น ข้อสงสัยเกี่ยวกับอายุ ก็คลี่คลายได้มิยากแล้วนางมองไปที่นายหญิงเฟิ่ง สายตาแสดงออกถึงความอ่อนโยน“เจ้าถึงจะเป็นน้องสาวของเรา ตระกูลหลิวให้เจ้าเป็นตัวตายตัวแทน ให้เจ้าแทนที่ตัวตนของหลิวหนิง“ปิ่นปักผมที่หักนั้น ก็เป็นของเจ้า มันเป็นหลักฐานที่ทำให้พวกเราพี่น้องได้รู้ถึงสายสัมพันธ์”นายหญิงเฟิ่งสีหน้าดูสับสน แยกไม่ออกว่าอะไรจริง และอะไรเท็จขึ้นมาชั่วขณะเฟิ่งจิ่วเหยียนเสนอแนะ“รอหม่อมฉันกลับไปที่หนานฉี จะสืบเรื่องนี้ให้กระจ่างต่อไป”ประมุขแคว้นกังวลพระทัยว่านางจักพานายหญิงเฟิ่งกลับไปด้วย สีหน้าดูเคร่งเครียดขึ้นมาทันทีจากนั้น เฟิ่งจิ่วเหยียนมองไปทางมารดา “สิ่งที่ข้ารู้ ก็บอกให้ท่านรู้แล้วทั้งหมด ตอนนี้ ถึงเวลาที่ท่านต้องตัดสินใจแล้ว ท่านจะกลับไปหนานฉีกับข้า หรือจะอยู่ต่อ?”นายหญิงเฟิ่งตกอยู่ในภาวะก

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1006

    นายหญิงเฟิ่งคิดอย่างไรก็ยังมิเข้าใจว่า ตนเองกลายเป็นน้องสาวของประมุขแคว้นซีหนี่ว์ได้อย่างไรเห็นกันอยู่ว่านางเป็นบุตรแท้ ๆ ของท่านพ่อท่านแม่ เรื่องนี้ เพื่อนบ้านและญาติมิตรที่บ้านเกิด ล้วนเป็นพยานได้พวกเขาต่างเห็นตอนนางคลอดเฟิ่งจิ่วเหยียนหยิบภาพเหมือนของคนตระกูลหลิวออกมา แล้ววางไว้บนโต๊ะตรงหน้ามารดา“หากดูจากภาพเหมือนแล้ว ท่านไม่เหมือนบุตรแท้ ๆ ของพวกเขาเลย”นายหญิงเฟิ่งคิ้วขมวดแน่น ในช่วงเวลาสั้น ๆ มิอาจยอมรับเรื่องเช่นนี้ได้หากนางมิใช่บุตรแท้ ๆ เหตุใดถึงถูกท่านพ่อท่านแม่รับมาเลี้ยงยังมี ปิ่นปักผมที่หักอันนั้น ก็มิใช่ของอาอิ๋งหรอกหรือ?นางรู้สึกสับสนในใจยิ่งนักในเวลานี้ เฟิ่งจิ่วเหยียนเหลือบมองไปยังประมุขแคว้นซีหนี่ว์ พลางเอ่ยอย่างช้า ๆ “ข้าสืบพบว่า ตอนนั้นสามีภรรยาตระกูลหลิวให้กำเนิดบุตรสาวคนโต พร้อมกับตั้งชื่อว่าหลิวหนิง“หลิวหนิงตั้งแต่เกิด ร่างกายก็มิค่อยแข็งแรง มักจะร้องไห้งอแงในตอนกลางคืน“คนในหมู่บ้านต่างพูดว่า นางถูกวิญญาณชั่วร้ายตามรังควาน ในไม่ช้าก็จะถูกวิญญาณอาฆาตมาเอาชีวิต”นายหญิงเฟิ่งได้ยินเช่นนี้ จึงพยักหน้าเล็กน้อย“มีเรื่องเช่นนั้นจริง ท่านพ่อท่านแ

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status