Share

บทที่ 552

Author: อี้ซัวเยียนอวี่
last update Last Updated: 2024-12-26 18:46:59
นัยน์ตาของเฟิ่งจิ่วเหยียนแวววับด้วยความเด็ดขาด

นางเอ่ยกับคนชุดคลุมสีขาวเหล่านั้น

“กฎเกณฑ์ของยุทธภพ อย่าทำร้ายผู้บริสุทธิ์ ไปสู้กันที่อื่น”

อีกฝ่ายก็ปฏิบัติตามกฎเช่นกัน ผู้นำของคนชุดคลุมสีขาวพยักหน้า

“ตกลง”

……

เวลาใกล้รุ่งสาง ในป่าที่อยู่ห่างจากที่พักแรมประมาณสิบลี้

เฟิ่งจิ่วเหยียนคุกเข่าลงข้างหนึ่ง และใช้กระบี่ในมืออีกข้างยันพื้น พร้อมหายใจหอบถี่

ลมพัดผ้าผูกผมของนาง ทำให้นางดูผอมเพรียว และเย็นชา

ศพในชุดคลุมสีขาวสิบกว่าร่างนอนเกลื่อนไปทั่วทั้งบริเวณ

ชุดคลุมสีขาวของพวกเขาอาบด้วยโลหิต และยังย้อมป่าไม้เขียวให้กลายเป็นสีแดงอีกด้วย

ตอนนี้ เหลือเพียงผู้นำของคนชุดคลุมสีขาวเท่านั้น

เขาได้รับบาดเจ็บสาหัสเช่นกัน ยืนหลังพิงต้นไม้ และใช้มือกุมบาดแผลเลือดออกที่เอว ขณะที่หน้ากากบนใบหน้าของเขาแตกหัก จนเผยให้เห็นใบหน้าแก่ชรา

ซูฮ่วนที่อยู่ตรงหน้านั้น ไม่ต่างจากสัตว์ประหลาด!

สัตว์ประหลาดที่ไม่มีผู้ใดโค่นล้มได้!

เฟิ่งจิ่วเหยียนยืนขึ้นพร้อมกระบี่ในมือ ดวงตาเย็นชา ไร้ซึ่งระลอกคลื่น

ทันใดนั้น นางก็ฟันกระบี่ลงไปที่คนชุดคลุมสีขาว

Locked Chapter
Continue to read this book on the APP
Comments (3)
goodnovel comment avatar
Chatchanart Chanpaibool
หรือว้าพี่ต้วนก็มีน้องฝาแมดเหมือนกันหรือ
goodnovel comment avatar
Nichaphat
เรื่องเริ่มคลี่คลายแล้ววว รักกันทีเถอะ
goodnovel comment avatar
WLFJ
อย่าบอกนะว่าเป็นพี่ต้วน !
VIEW ALL COMMENTS

Related chapters

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 553

    ทางการได้รับรายงานลับว่า พบศพของชายชุดคลุมสีขาวสิบกว่าคนในป่า เดิมพรรคเทียนหลงต้องการสละส่วนน้อยรักษาส่วนมาก ทว่าคาดไม่ถึง การลอบสังหารที่โจ่งแจ้งเช่นนี้ กลับบุ่มบ่ามไปชนเข้ากับฮ่องเต้ จนทำให้ผลที่ออกมาไปในทางกลับกัน คนชุดคลุมสีขาวเหล่านั้นคือใคร และเกี่ยวข้องกับพรรคเทียนหลงหรือไม่ เซียวอวี้ต้องการตามสืบอย่างมุ่งมั่น สองวันต่อมา อาการขององค์หญิงน้อยดีขึ้น และทั้งคณะจึงออกเดินทางอีกครั้ง เฟิ่งจิ่วเหยียนคอยลอบคุ้มครองเขา ไม่เคยละเลย การเดินทางหลังจากนั้นราบรื่นมาก และใช้เวลาเพียงสามวัน พวกเขาก็มาถึงเมืองหลวง ส่งกันพันลี้ยังต้องแยกจากกัน เฟิ่งจิ่วเหยียนยังมีภาระหน้าที่ของตนเอง หลังจากเข้าเมืองแล้ว ก็ปรากฏตัวขึ้นและกล่าวคำอำลาต่อพวกเขา นางมอบสมุดเล่มเล็กที่เขียนเองในทุก ๆ วัน ให้แก่องค์หญิงน้อย “องค์หญิง การฝึกซ้อมวิชาหมัดมวยทุกวัน จะสามารถทำให้ร่างกายแข็งแรงขึ้นได้” องค์หญิงน้อยอาลัยอาวรณ์ไม่อยากจากนางไป “พี่ชายใหญ่ ท่านอยู่ที่เมืองหลวงอีกสักสองสามวันไม่ได้หรือ? ท่านรู้จักพระราชวังหรือไม่? ที่นั่นกว้างใหญ่นัก และมีทุกสิ่งอยู่ที่นั่น หาก

    Last Updated : 2024-12-26
  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 554

    ดวงตาของนางอ่อนโยน ทว่าแฝงไว้ด้วยความผิดปกติทางจิต ณ ตำหนักหย่งเหอ เหล่าข้าหลวงรู้สึกยินดีปรีดา “ทันทีที่ฝ่าบาทเสด็จกลับวัง ก็เสด็จมาหาซินเฟยเป็นอันดับแรก!” ในเวลานี้ ภายในตำหนัก เหลียนซวงหวาดกลัวการเผชิญกับพระพักตร์ศักดิ์สิทธิ์ยิ่งนัก นางได้มองดูเขานำเสื้อผ้าที่คุณหนูจิ่วเหยียนเคยสวมใส่ และเครื่องประดับที่เคยใช้ทั้งหมด โยนเข้าใส่ไปในหีบใบใหญ่ นี่แสดงให้เห็นว่าเขาต้องการจะตัดใจโดยสิ้นเชิง! ทว่าทำเช่นนี้ จะไม่เป็นการหลอกตนเองจริง ๆ หรือ? เขาควรจะปลดซินเฟยผู้นี้เสีย และไม่ย่างกรายมายังตำหนักหย่งเหออีกถึงจะถูก ความรักก็เหมือนกระดูกอักเสบเป็นหนอง ยากที่จะตัดให้ขาด เซียวอวี้กลับต้องการจะใช้กำลังตัดมันทิ้ง ทว่า ในระหว่างที่กำลังโยนทิ้ง เขาพลันได้พบสมุดเล่มหนึ่งอยู่ในช่องลับข้างโต๊ะ ด้านข้างนั้นมีปิ่นหงส์วางอยู่——เป็นสิ่งที่เขามอบให้ ครั้นเปิดสมุดเล่มนั้นออกดู ใบหน้าของเขาพลันแข็งทื่อ ทุกถ้อยคำในนั้นล้วนเป็นเรื่องของเขา ที่เขียนโดยเฟิ่งจิ่วเหยียน ครั้งหนึ่งเขาเคยขอให้นางไปอยู่กับเขาที่ห้องทรงพระอักษรเป็นเวลาหนึ่งชั่วยาม

    Last Updated : 2024-12-26
  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 555

    เฟิ่งจิ่วเหยียนมองเซียวอวี้ที่อยู่ตรงหน้า ด้วยดวงตาที่เจือด้วยความไม่คาดฝัน เขายังมีธุระใดอีก? มือของเซียวอวี้ที่ซ่อนอยู่ใต้แขนเสื้อกว้างนั้นสั่นเทาเล็กน้อย สวรรค์รู้ดี เขาจะต้องใช้เหตุผลมากขนาดไหน ถึงจะสามารถยับยั้งแรงกระตุ้นในใจนั้นได้ เขามิได้เพ้อฝันเกินตัว ขอเพียงนางมีเขาอยู่ในใจก็พอ แม้จะเป็นเพียงพื้นที่เล็ก ๆ ก็ยังดี เพียงแค่นางเต็มใจจะเปิดรอยแยกให้สักช่อง เขาก็สามารถฉีกเปิดมันออกจากกันได้ เขานึกเสียใจสุดพรรณนา ที่มิได้ค้นพบสมุดบันทึกของนางให้เร็วกว่านี้ ทว่าก็คิดว่าโชคดี ที่วันนี้ได้เห็น มันก็ยังไม่สายเกินไป ดีเหลือเกิน ที่นางยังมิได้จากไปไกล ดวงตาของเฟิ่งจิ่วเหยียนสงบนิ่ง “ท่าน...” “มีคนต้องการจะฆ่าเรา” เซียวอวี้พูดโพล่งออกมาอย่างจริงจัง หว่างคิ้วของเฟิ่งจิ่วเหยียนขมวดมุ่น เขามีวิทยายุทธสูงส่ง มีองครักษ์ระดับปรมาจารย์อยู่รอบกาย ถึงแม้จะมีนักฆ่า ก็ไม่จำเป็นจะต้องกังวลใจขนาดนี้ เซียวอวี้กล่าวเสริมอีกครั้ง “อีกฝ่ายเป็นคนในยุทธภพ รู้แค่ว่าเกี่ยวข้องกับพรรคเทียนหลง และไม่มีเบาะแสอื่นใดอีก เราหวังว่า...รองผู้น

    Last Updated : 2024-12-26
  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 556

    เซียวอวี้ไม่ได้เรียกเฟิ่งจิ่วเหยียนเข้าวังโดยตรง ประการแรก ตอนนี้นางเป็นชาวยุทธภพแล้ว ไม่สะดวกสำหรับการเข้าออกพระราชวัง ประการที่สอง เขากลัวว่านางจะสืบเรื่องพรรคเทียนหลงในพระราชวัง และคำโกหกจะถูกเปิดโปง ดังนั้น เขาจึงทำได้เพียงมาที่บ้านพักหลังเล็กของนางเท่านั้น หลังจากที่ทั้งสองได้พบกัน เฟิ่งจิ่วเหยียนก็เอ่ยอย่างเป็นงานเป็นการ “...ดังนั้น คนชุดคลุมดำกับคนชุดคลุมสีขาวเหล่านั้น เป็นคนของพรรคเทียนหลังทั้งหมด จุดประสงค์ที่พุ่งเป้ามายังพันธมิตรอู่หลิน คือรวมยุทธภพให้เป็นหนึ่ง สำหรับการปลงพระชนม์ อาจจะต้องการแทรกแซงราชสำนัก “ฝ่าบาท กระหม่อมคิดว่า ท่านสามารถตรวจสอบ บรรดาอ๋องที่ท่านได้ลดตำแหน่งให้ไปปกครองยังเมืองต่าง ๆ ว่าในหมู่พวกเขานั้น มีผู้ใดติดต่อกับพรรคเทียนหลงบ้างพ่ะย่ะค่ะ” เซียวอวี้มองดูริมฝีปากที่เอ่ยเจื้อยแจ้วของนาง ด้วยจิตใจที่ตกอยู่ในภวังค์ ทว่า เขาก็ยังฟังคำพูดเหล่านี้ของนาง เป็นส่วนใหญ่เช่นกัน “เจ้าสงสัยว่า บรรดาพี่น้องของเราเหล่านั้นมีเจตนาแอบแฝง ดึงพรรคเทียนหลงมาเป็นพรรคพวก สังหารฮ่องเต้เพื่อยึดบัลลังก์น่ะรึ” เมื่อลองคิดเช่นนี้

    Last Updated : 2024-12-26
  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 557

    เฟิ่งจิ่วเหยียนดื่มสุราไม่เก่ง และยังกลัวจะมีปัญหาหลังดื่ม เมื่อเห็นเซียวอวี้ยกสุราขึ้นดื่มจอกแล้วจอกเล่า นางจึงดื่มด้วยสักสองจอกอย่างไม่เต็มใจ “ครั้นเรายังเยาว์วัย ก็ปรารถนาจะกวัดแกว่งกระบี่ท่องไปสุดหล้า เป็นคนที่เอ้อระเหยและอิสระเสรีคนหนึ่ง “หลังจากที่เสด็จแม่สิ้นพระชนม์ ฮ่องเต้พระองค์ก่อนจึงส่งเราไปเล่าเรียนวิทยายุทธที่นอกวัง “ครั้นได้ออกจากวังแล้ว จึงได้รู้ว่าแผ่นดินกว้างใหญ่เพียงใด แม้ว่าจะมีสถานะสูงศักดิ์ ในพระราชวัง ก็ไม่ต่างจากกบก้นบ่อ “เรารู้ เจ้าซูฮ่วนออกเดินทางท่องยุทธภพตั้งแต่ยังอายุน้อย ย่อมจะต้องรู้สึกว่า เรากับเจ้าไม่เหมือนกันเลย “เจ้าถูกบังคับโดยสถานะของเรา จึงทำแบบขอไปทีกับเรา...” เฟิ่งจิ่วเหยียนกล่าวอย่างใจเย็น “ฝ่าบาท ท่านมิควรดื่มมากกว่านี้แล้วพ่ะย่ะค่ะ” “เรามีสตินัก” เขาจดจ้องมองนางอย่างลึกซึ้ง “ตั้งแต่เรานั่งบนบัลลังก์นี้ ก็ไม่มีสหายที่ดีเลย “ซูฮ่วน เจ้าเป็นคนแรก “ในการศึกที่เมืองเซวียน เราชื่นชมความสามารถที่สูงส่งของเจ้า “ยุทธภพ จักปราศจากผู้มีคุณธรรมเช่นเจ้าไม่ได้ “สุราจอกนี้ เราขอดื่มคารวะใ

    Last Updated : 2024-12-26
  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 558

    ฝานจิ้นบาดเจ็บสาหัส เฉินจี๋รีบไปเชิญหมอทันที ครั้นหมอได้เห็นอาการบาดเจ็บของเขาแล้ว พลันมีสีหน้าลำบากใจ “บาดแผลภายนอกไม่ร้ายแรง ทว่า...” “ทว่าอะไร” เฟิ่งจิ่วเหยียนถามอย่างเยือกเย็น “ข้าก็มิอาจระบุได้ชัดเจน ทว่ามันคล้ายกับยาอู๋ตู๋สานนั้นยิ่งนัก” หว่างคิ้วของเซียวอวี้สะท้อนความเฉียบคม “ใช่ยาอู๋ตู๋สานซึ่งเป็นยาต้องห้ามในแดนเหนือหรือไม่” หมอพยักหน้างึก ๆ “ถูกต้อง ตำนานเล่าว่ายาอู๋ตู๋สานนั้นทำให้อยู่มิสู้ตาย และยังทำให้ผู้คนเคลิ้มดั่งเซียนหรือสิ้นหวังจนอยากตายอีกด้วย มันได้รับความนิยมในแดนเหนือระยะหนึ่งแล้ว ทว่ามันก็ทำให้แดนเหนือเต็มไปด้วยศพ แคว้นต่าง ๆ จึงระบุว่ามันเป็นยาต้องห้าม ครั้นเมื่อได้สัมผัสกับยาอู๋ตู๋สานนั้นแล้ว จักอยู่โดยขาดมันไม่ได้อีก ถึงแม้จะไม่ใช่ยาพิษ ก็น่ากลัวไม่ด้อยไปกว่ายาพิษเลย” เฟิ่งจิ่วเหยียนกำหมัดแน่น นางก็เคยได้ยินเรื่องของ ยาอู๋ตู๋สานเช่นกัน เมื่อพิษนี้กำเริบแล้ว จักทำให้คนเจ็บปวดรวดร้าวใจแทบอยากจะตายให้รู้แล้วรู้รอดไป สูญเสียสติ และทำเรื่องบ้า ๆ นางยังรู้อีกว่า พิษนี้ไม่มีทางรักษาได้ ได้แต่ต้องทานต่อไปเรื่อย

    Last Updated : 2024-12-26
  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 559

    เซียวอวี้ถ่ายทอดคำสั่ง “จงเร่งรุดไปที่หมู่บ้านเสิ่นเจียอู่ และลอบสืบหา ผู้ที่คิดต่อต้านราชสำนัก” “น้อมรับพระบัญชา!” ในขณะนี้ เมืองตงซิ่น ณ หมู่บ้านเสิ่นเจียอู่ เหล่าศิษย์จากสำนักต่าง ๆ ได้เข้าปิดล้อมแน่นขนัดจนแม้แต่น้ำหยดเดียวก็ผ่านไปไม่ได้ ในหมู่พวกเขามีคนที่ยืนอยู่บนตำแหน่งสูง ปากก็ร้องตะโกน “ท่านทั้งหลาย ครั้งนี้พวกเราจะต้องมีใจเด็ดเดี่ยว ร่วมแรงร่วมใจกัน! ผู้นำพันธมิตรจะต้องให้คำอธิบายแก่พวกเรา! “สหายชาวยุทธ มีหลายคนถูกราชสำนักบีบบังคับถึงขั้นจนตรอก เหตุผลในการก่อตั้งพันธมิตรอู่หลิน คือการต่อสู้กับความอยุติธรรมทุกรูปแบบของราชสำนัก! ยุทธภพคือแดนแห่งความผาสุกของพวกเรา มิควรถูกแปดเปื้อน! “พวกเราฝึกฝนวิทยายุทธ เพื่อปล้นคนรวยช่วยคนจน กระทำการกล้าหาญชอบธรรม อย่าลดศักดิ์ศรีเพื่อไปเป็นสุนัขรับใช้ของราชสำนัก!” ทุกคนที่อยู่ด้านล่างพลันขานรับเสียงดังลั่น “ถูกต้องอย่างที่ว่า! อย่าเป็นสุนัขรับใช้ของราชสำนัก!” “บรรดาเจ้าสำนักได้เข้าไปหารือกับผู้นำพันธมิตรอีกครั้ง และนี่เป็นโอกาสสุดท้ายของพันธมิตรอู่หลิน หากพวกเขายังต้องการจะเป็นขุนน

    Last Updated : 2024-12-26
  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 560

    เฟิ่งจิ่วเหยียนไม่เคยคิดเลยว่า หมู่บ้านเสิ่นเจียอู่ที่ก่อนหน้านี้ยังเต็มไปด้วยชีวิตชีวา ตอนนี้จะถูกทำลายจนกลายเป็นสภาพเช่นนี้ได้ พืชผลในทุ่งนาถูกถอนรากถอนโคนออกจนสิ้น เมล็ดธัญพืชที่ชาวบ้านตากแห้งไว้ก็ถูกเทกระจาดเกลื่อนพื้น บ้านเรือนบางหลังถูกเผาทำลาย เหลือเพียงโครงร่างเท่านั้น เฟิ่งจิ่วเหยียนเจอชาวบ้านคนหนึ่ง และซักถามรายละเอียด ชาวบ้านคนนั้นเอ่ยอย่างทอดถอนใจ “ท่านมาสายไปแล้ว คงจะไม่ได้ยินกระมัง เมื่อครู่นี้เหล่าศิษย์ของพรรคชิงอวี่มาชี้ตัว พวกเขาได้เห็นกับตาของตนเอง ว่าผู้นำพันธมิตรสังหารประมุขพรรคชิงอวี่ “ยังมีคนในพรรคอีกหลายคนที่มาชี้ตัวด้วย กล่าวว่าในปีนั้นพรรคเทียนหลงถูกผู้นำพันธมิตรใส่ร้าย และนำหลักฐานมายืนยันอีกมากมายด้วย “ในขณะนี้ผู้นำพันธมิตรได้เรียกศิษย์ของสำนักต่าง ๆ ทั้งหมด ไปลงคะแนนเสียงว่าเขาต้องลงจากตำแหน่งหรือไม่! เฮ้อ! หมู่บ้านเสิ่นเจียอู่ไม่เหมือนเดิมแล้ว...” เฟิ่งจิ่วเหยียนได้ยินดังนั้น พลันรีบวิ่งไปที่หอประชุมทันที ทุกคนอยู่กันที่นั่นจริง ๆ สำนักต่าง ๆ ทั้งหมดในยุทธภพมารวมตัวกันที่นี่ ปิดล้อมชั้นหนึ่งต่อด้วยอีกช

    Last Updated : 2024-12-26

Latest chapter

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 638

    หลังจากไปคารวะอาจารย์หญิงแล้ว เฟิ่งจิ่วเหยียนก็มุ่งตรงไปที่เซียวเหยาจวีทันทีนางสวมเครื่องแต่งกายบุรุษ และสวมหน้ากากอยู่ แต่กลัวว่าเวยเฉียงจะจำนางไม่ได้ จนกระทบกระเทือนจิตใจ ดังนั้นก่อนจะเข้าไปที่เซียวเหยาจวี นางจึงถอดหน้ากากออกเมื่อเดินเข้าไปในลานกว้าง นางก็เห็นเวยเฉียงกำลังนั่งอยู่บนชิงช้า ซ่งหลีคอยผลักให้เบา ๆ อยู่ด้านข้าง แววตาดูอ่อนโยนและห่วงใยในตอนนั้น เวยเฉียงเงยหน้าขึ้นและมองเห็นนาง“พี่สาว!” เฟิ่งเวยเฉียงราวกับผีเสื้อเริงร่า นางยืนขึ้น และวิ่งโผเข้ามาหานางเฟิ่งจิ่วเหยียนยื่นมือออกไปรับนางไว้ได้เห็นใบหน้านางแดงระเรื่อ สีหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มของความดีใจหากกำจัดปานปลอมที่ใช้แปลงโฉมง่าย ๆ บนแก้มแล้ว พวกนางก็มีหน้าตาแทบจะเหมือนกันทุกอย่าง“พี่สาว! ในที่สุดท่านก็กลับมาแล้ว!”ซ่งหลียืนอยู่ที่ไกล ครั้งแรกที่เห็นหน้าของเฟิ่งจิ่วเหยียน ก็รู้สึกตกใจสิ่งที่น่าตกใจยิ่งกว่าคือ รูปลักษณ์ภายนอกของคนผู้นี้ช่างเหมือนกับซูฮ่วน! ทว่า คนฉลาดอย่างเขา ลองคิดกลับกันก็น่าจะเดาความจริงได้เขาอดถอนหายใจมิได้---ซูฮ่วนหลอกเขาเสียสนิทเลยทว่า ยังดีที่เป็นเช่นนี้มิเช่นนั้นแล้วเขาจะรู้ส

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 637

    วันที่สองหลังจากเฟิ่งจิ่วเหยียนจากไป เซียวอวี้ก็เดินทางกลับเมืองหลวงเช่นกันเพื่อป้องกันมิให้ราษฎรตื่นตระหนก เขาจึงตั้งใจสั่งให้หนานซานอ๋องกับเหล่าทหาร ปิดปากเงียบเรื่องของเจดีย์เก้าชั้นกับหยางเหลียนซั่วตงฟางซื่อก็ตัดสินใจไปท่องยุทธภพต่อ ทำตัวเป็นคนพเนจรพรรคเทียนหลงใช้แผนการชั่วร้าย ทำให้ชาวยุทธภพตายไปไม่น้อยยุทธภพในตอนนี้ จึงต้องการคนอีกมากลุกขึ้นยืนหยัดบางคนเสนอให้จัดตั้งกลุ่มพันธมิตรอู่หลินขึ้นมาใหม่ ทั้งเสนอแนะให้ตงฟางซื่อเป็นผู้นำทว่า หลังจากที่ตงฟางซื่อผ่านเรื่องราวเหล่านั้น ก็รู้สึกอยู่ลึก ๆ ว่าตนไม่เหมาะสมที่จะเป็นผู้นำ อีกทั้งเขาก็หาใช่คนที่ตอบแทนความแค้นด้วยการทำดีตอบ จึงปฏิเสธไปตามตรงเขาเข้าใจแจ่มแจ้ง พันธมิตรอู่หลินคืออะไร ในยามต้องการก็เป็นสมบัติ ส่วนในยามที่ไม่ต้องการก็เป็นฟางเน่ามิน่าเล่าในตอนแรกไม่ว่าจะพูดอย่างไรซูฮ่วนก็ไม่ยอมเป็นรองผู้นำกลุ่มพันธมิตรที่ใดมีผู้คน ที่นั่นย่อมมีการหลอกลวงและการแก่งแย่งชิงดีชิงเด่น แม้ยุทธภพมิใช่ราชสำนัก ก็ยากที่จะหลีกเลี่ยงการปฏิบัติเช่นกันเขายอมเป็นจอมยุทธ์ที่มีอิสระดีกว่าตงฟางซื่อปฏิเสธที่จะเป็นผู้นำกลุ่มพันธมิตร ดั

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 636

    “เจ้าต้องการจะกลับไปชายแดนเหนือ?” เซียวอวี้มองไปยังคนตรงหน้าที่มาอำลาตน เขารู้สึกแน่นในทรวงอกเดิมเขาคิดว่า เมื่อเรื่องเจดีย์เก้าชั้นจบลงแล้ว เฟิ่งจิ่วเหยียนก็สามารถกลับเมืองหลวงไปกับเขาดังนั้น เขาจึงเฝ้ารอนางมาตลอด และรีรอไม่ออกเดินทางมิง่ายเลยกว่าจะรอให้ต้วนไหวซวี่หมดลมหายใจ แต่เพื่อเถ้ากระดูกของต้วนไหวซวี่แล้วนางยังต้องการจะไปชายแดนเหนืออันที่จริง นางเป็นคนที่ให้ความสำคัญกับความรักและมิตรภาพ เรื่องทำนองนี้ก็มิใช่เรื่องใหญ่ทว่าแล้วเขาเล่า?นางเคยนึกถึงเขาบ้างหรือไม่?เซียวอวี้ยืนอยู่ที่เดิม หมัดเริ่มกำแน่นเขาควบคุมอารมณ์พร้อมถามว่า “เจ้า...จะกลับมาอีกหรือไม่”เฟิ่งจิ่วเหยียนมองเข้าไปในดวงตาของเขา และมิได้ตอบเขาในวินาทีแรกในช่วงเวลาสั้น ๆ ไม่กี่อึดใจขณะที่นางกำลังลังเล เซียวอวี้ก็หมดความอดทน ดวงตาดำมืดของเขาคู่นั้น พลันปกคลุมไปด้วยความหม่นหมองในทันที ทันใดนั้นเขาจับไหล่ของเฟิ่งจิ่วเหยียนไว้ และดันนางไปที่หลังประตู น้ำเสียงของเขาแหบพร่า“เจ้าจะไม่กลับมาแล้วใช่หรือไม่!“เฟิ่งจิ่วเหยียน เจ้าทำเช่นนี้กับเราได้อย่างไร!“เป็นเพราะคำพูดสุดท้ายก่อนตายของต้วนไหวซวี่ใช่หรือ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 635

    ณ จวนหนานซานอ๋องวันรุ่งขึ้น เฟิ่งจิ่วเหยียนฟื้นขึ้นมาในห้องของตนเมื่อลืมตาขึ้นก็เห็นสาวใช้เฝ้าอยู่ที่ข้างเตียง“คุณชายซู ท่านฟื้นแล้ว!” สาวใช้ในจวนมิรู้ตัวตนของนาง เมื่อเห็นบนตัวนางสวมเครื่องแต่งกายบุรุษ จึงเรียกว่าคุณชายมาตลอดเฟิ่งจิ่วเหยียนลุกขึ้นนั่ง เอามือค้ำหน้าผาก ความคิดก็พลุ่งพล่านหยางเหลียนซั่วหนีไปแล้วมิรู้ว่าถูกผู้ใดช่วยไปแล้วดูเหมือนว่า ยังมีคนที่พวกเขามิได้สังเกต และแอบสอดแนมอยู่ตลอดหลังจากนางชำระกายอย่างง่าย ๆ ก็ไปพบกับเซียวอวี้เซียวอวี้เห็นนางตื่นเช้าเช่นนี้ จึงเตือนนางว่า “เจ้าบาดเจ็บภายใน จักต้องพักผ่อนให้มากถึงจะหายดี”เฟิ่งจิ่วเหยียนมิสนใจคำพูดทักทาย กลับเอ่ยถามออกมาตรง ๆ“ส่งคนไปตามหาหยางเหลียนซั่วแล้วหรือไม่? มีข่าวคราวใดบ้าง?”เซียวอวี้ตอบนางว่า “จนบัดนี้ก็ยังไม่มีเบาะแส ในเมื่อตื่นแล้ว ก็ทานอาหารมื้อเช้าก่อนเถอะ หยางเหลียนซั่วร่างกายบาดเจ็บสาหัส มิอาจสร้างความวุ่นวายใหญ่โตได้”ขณะที่พูด เขาก็ส่งสัญญาณทางสายตาให้เฉินจี๋ไปนำอาหารมื้อเช้ามาเมื่อมีเรื่องราวที่ทับถมอยู่ในใจของนาง เฟิ่งจิ่วเหยียนเห็นอาหารเหล่านี้ ก็แทบไม่มีความอยากอาหารในห้องด้

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 634

    เพื่อรับมือกับหยางเหลียนซั่ว เซียวอวี้ได้เตรียมการป้องกันไว้แล้วเหล่าองครักษ์จึงตั้งค่ายกล พร้อมปล่อยตาข่ายลงมา เหมือนกับดักจับปลา ทำให้หยางเหลียนซั่วติดอยู่ในตาข่ายจากนั้นคนจำนวนหนึ่งก็รีบล้อมวงเข้ามา และย้ายตำแหน่งกัน ปากตาข่ายจึงรัดแน่นขึ้นอย่างสมบูรณ์ตามการเคลื่อนไหวของพวกเขาหยางเหลียนซั่วเหวี่ยงมือทั้งสองข้าง และดิ้นรนทว่า การพังทลายของเจดีย์เก้าชั้น เดิมก็ทำให้เขาได้รับบาดเจ็บสาหัส หลังจากนั้นยังต่อสู้กับคนจำนวนมาก โดยเฉพาะการโจมตีของซูฮ่วน บวกกับในเวลานี้เขาธาตุไฟเข้าแทรก พลังเจินชี่กลับรั่วไหลออกมา ตาข่ายนี้ ในยามปกติเขาสามารถทำลายได้อย่างง่ายดาย ทว่าตอนนี้กลับมีกำลังไม่เพียงพอพลังเจินชี่รั่วไหลออกมาอย่างต่อเนื่อง ร่างกายของเขาก็ได้รับความทรมานเช่นกัน“ยิงธนู!!” หนานซานอ๋องออกคำสั่งตามมาในขณะที่กำลังจะยิงสังหารราชาปีศาจผู้ยิ่งใหญ่นี้ได้ แต่จู่ ๆ หมอกควันสีขาวก็กระจายฟุ้งขึ้นมาโดยรอบตรงกลางหมอกควันนั้น ก็คือหยางเหลียนซั่ว เฟิ่งจิ่วเหยียนหัวใจบีบแรงแย่แล้ว!มีคนช่วยหยางเหลียนซั่ว!หมอกควันหนาทึบ ทุกคนมองเห็นสิ่งที่อยู่ตรงหน้าไม่ชัด ทั้งยังสำลักควันหนานซานอ๋

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 633

    หยางเหลียนซั่วดูดซับพลังภายในของคนจำนวนมาก หาใช่จะควบคุมได้ง่ายเพียงนั้นแรงกระตุ้นจากคำพูดของเฟิ่งจิ่วเหยียน ทำให้พลังเจินชี่ภายในของเขาแปรปรวนเพื่อป้องกันมิให้พลังเจินชี่พลุ่งพล่าน จนทำให้ธาตุไฟเข้าแทรก เขาจึงมิอาจใช้เคล็ดวิชาดาราโรยหมื่นวิถีได้ ขณะเดียวกันก็ยังต้องใช้พลังภายในควบคุมตนเองให้นิ่งในเสี้ยววินาทีสั้น ๆ นี้ ก็ทำให้เฟิ่งจิ่วเหยียนและตงฟางซื่อมีโอกาสท่าทะลวงพิฆาต---กระบวนท่าโจมตีเป็นคู่ของพวกเขาเฟิ่งจิ่วเหยียนโยนกระบี่ให้ตงฟางซื่อ คนหลังเปลี่ยนมาโจมตีทางตรงก่อน ท่าเคลื่อนไหวกระบี่วกวนจนทำให้ลายตาหยางเหลียนซั่วถอยหลังไปหลายก้าว ทว่ากลับไม่สังเกตเห็นว่า เหนือศีรษะของเขา เฟิ่งจิ่วเหยียนราวกับนกอินทรีโฉบลงมากินเหยื่อ พร้อมกับพลังที่รวบรวมอยู่ในฝ่ามือตูม!ฝ่ามือของนางกระแทกลงมาบนศีรษะของหยางเหลียนซั่ว!ในเสี้ยววินาทีนั้น กะโหลกศีรษะของเขาสั่นไหวเมื่อเห็นเช่นนี้ เซียวอวี้ก็รีบซัดฝ่ามือจากด้านข้างเพิ่มไปอีกหนึ่งฝ่ามือสิบเอ็ดเทพชะตาก็รีบเข้ามาเสริมกำลัง และใช้กระบวนท่าโจมตีหยางเหลียนซั่วโดยพร้อมเพรียงกองกำลังมากกว่าสิบคนก็โจมตีมาในเวลาเดียวกัน หยางเหลียนซั่วขับ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 632

    ภูเขาอวี้หลิงหยางเหลียนซั่วราวกับพญาวานร กระโดดออกมาท่ามกลางก้อนหินกระจัดกระจายเหล่าทหารเหมือนเผชิญหน้ากับศัตรูตัวฉกาจตงฟางซื่อพุ่งมาด้านหน้าในทันที และขวางหยางเหลียนซั่วไว้ด้วยพละกำลังของตนเอง เพื่อไม่ให้คนวิ่งหนีไปได้ทันใดนั้น สิบสองเทพชะตาที่คุ้มกันขุนเขาก็ลงมือ ตั้งค่ายกลปิดล้อมหยางเหลียนซั่ว และเปิดฉากโจมตีเขาอย่างต่อเนื่องเฟิ่งจิ่วเหยียนพร้อมคณะรีบตามไป และมองเห็นฉากการประมือของพวกเขาการต่อสู้อันดุเดือดทำให้ก้อนหินภูเขาแตกกระจายเหล่าทหารใช้ลูกธนูยิงออกไป ทว่ายากจะเล็งไปยังหยางเหลียนซั่วได้อย่างแม่นยำเฟิ่งจิ่วเหยียนมิได้สวมหน้ากาก จึงเผยให้เห็นใบหน้าที่แท้จริงในเวลานี้ หยางเหลียนซั่วจดจำเซียวอวี้ได้ และยิ่งจดจำ “เมิ่งสิงโจว” ได้อย่างชัดเจน---คนร้ายที่ลอบสังหารเจาเอ๋อร์ของเขา!หากมิใช่เมิ่งสิงโจว เจาเอ๋อร์ก็คงมิอยู่ในสภาพปางตาย! ดวงตาของหยางเหลียนซั่วใต้หน้ากากพลันแดงก่ำเขารีบพุ่งออกมาจากวงล้อมของสิบสองเทพชะตา และมุ่งตรงมายังเซียวอวี้กับเฟิ่งจิ่วเหยียนเฟิ่งจิ่วเหยียนชักกระบี่ยาวออกจากฝัก และเดินตรงไปด้านหน้าเซียวอวี้กับตงฟางซื่อสองคนก็โจมตีจากด้านข้างทั

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 631

    ต้วนไหวซวี่ตายแล้วที่จริงชีวิตเขาใกล้จะมอดดับไปนานแล้วหลายปีที่ผ่านมา เขาฝืนทนอยู่ได้ ก็เพื่อรักษาข้อตกลงห้าปีนั้นตอนนี้ เมื่อเห็นว่าอาเหยียนของเขามีความสามารถปกป้องตนเองได้ ข้างกายยังมีสหายและคนรัก รู้ว่านางมิจำเป็นต้องการตนอีกต่อไป เขาก็ปลดปล่อยพลังอย่างหมดสิ้นชีวิตนี้ของเขาไม่เจ็บแค้น และไม่เสียใจเสียงร่ำไห้ของต้วนเจิ้งนั้น ทำลายความเงียบสงัดของรัตติกาลทั่วทั้งจวนอ๋องถูกปกคลุมด้วยความมัวหมองเซียวอวี้ยืนอยู่ที่ลานกว้าง พร้อมแหงนหน้าขึ้น และมองไปยังดวงจันทร์สีขาวนวลดวงนั้นเป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกกังวลใจหากต้วนไหวซวี่ยังมีชีวิตอยู่ เขาจะสามารถแย่งชิงมาได้จริง ๆ หรือไม่?พวกเขาอยู่ด้วยกันเพียงเวลาสั้น ๆ ไม่กี่วัน รวมถึงเคยพูดคุยกันไม่กี่ประโยค เขาก็รู้แล้วว่า เหตุใดตอนแรกเฟิ่งจิ่วเหยียนถึงชอบต้วนไหวซวี่ถึงเพียงนั้นสุภาพบุรุษที่อ่อนโยนเช่นนี้ กระทั่งตายก็ยังนึกถึงคนอื่นเขามิอยากเห็นเฟิ่งจิ่วเหยียนร่ำไห้ให้กับต้วนไหวซวี่ จึงกลับเข้าห้องในทันที ทั้งรู้สึกว้าวุ่นในใจ เหมือนสิ่งของกระจัดกระจายมากมาย กำลังลอยละลิ่ว ทำให้คนคว้าไว้ไม่ได้ จิตใจจึงกระวนกระวาย......หนานซ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 630

    “ทำไมถึงเป็นอย่างนั้น!” เฟิ่งจิ่วเหยียนตกใจอย่างมากแม้นหมอจะบอกว่า เวลาของต้วนไหวซวี่เหลือไม่มากแล้ว แต่อย่างน้อยก็ยังเหลือเวลาอยู่อีกหลายวันนางยังไม่ทันได้เตรียมใจ——เขากำลังจะลาจากโลกนี้ไปแล้วเฟิ่งจิ่วเหยียนรีบกลับไปที่จวนหนานซานอ๋องเมื่อเปิดประตูเข้าไป เห็นเพียงต้วนไหวซวี่นอนอยู่บนเตียง ลมหายใจเริ่มโรยรินขึ้นเรื่อย ๆ ความมีชีวิตชีวาบนใบหน้าหล่อเหลานั้นค่อย ๆ เลือนหายไปต้วนเจิ้งคุกเข่าอยู่ข้างเตียง กุมมือของเขาไว้แน่น“ท่านพี่ ท่านพี่! ท่านอย่าหลับนะ! กว่าเราจะช่วยท่านออกมาได้…ท่านพี่!”เฟิ่งจิ่วเหยียนเดินเข้าไปทีละก้าวอย่างแข็งทื่อ จ้องมองต้วนไหวซวี่แน่นิ่ง นัยน์ตาทอแววเวทนา“ไหวซวี่…”ผ้าปูเตียงเปื้อนไปด้วยเลือดสด ๆ ของเขา เขามองมาที่นาง ด้วยแววตาอ่อนโยน ราวกับว่าไม่อยากให้นางกังวลและกลัว“อาเหยียน ข้าไม่เป็นอะไร” เขาพยายามยิ้มออกมาเฟิ่งจิ่วเหยียนกำหมัดแน่นนางรู้ว่าร่างกายของเขาต้องแบกรับความเจ็บปวดมากแค่ไหนมากถึงขนาดที่ว่า ทุกครั้งที่หายใจ เหมือนถูกลงโทษประหารแล่เนื้อการมีชีวิตอยู่สำหรับเขา ไม่ได้สบายในวินาทีนี้ นางปล่อยวางแล้วดังนั้นนางจึงนั่งลงข้างเต

DMCA.com Protection Status