แชร์

บทที่ 561

ผู้เขียน: อี้ซัวเยียนอวี่
“ถวายบังคมฝ่าบาท” สีหน้าตงฟางซื่อสงบอย่างผิดปกติ ปกติแววตาที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม ยามนี้เป็นเหมือนดั่งน้ำตาย

เซียวอวี้ถามด้วยเสียงเย็นชา

“ผู้นำพันธมิตรตงฟาง นี่คือไม่สามารถจัดการปัญหาเหล่านั้นหรือ”

ตงฟางซื่ออมยิ้ม พูดขึ้นมาอย่างเยาะเย้ยตนเอง

“มิใช่เช่นนั้น ข้าไม่ได้เป็นผู้นำพันธมิตรอะไรแล้ว”

เฟิ่งจิ่วเหยียนรู้ว่าในใจเขารู้สึกไม่ดี จึงให้เขาไปพักในห้องก่อน

จากนั้นนางก็ถามเซียวอวี้

“ดึกขนาดนี้แล้ว ทำไมท่านมาอยู่ที่นี่?”

เซียวอวี้จ้องมองดูเงาหลังของตงฟางซื่อ พร้อมถามขึ้นมาด้วยเสียงเคร่งขรึม

“คืนนี้เขานอนที่นี่หรือ?”

เฟิ่งจิ่วเหยียนพาตงฟางซื่อกลับมา ให้เขาอาศัยอยู่ในจวนที่ตนเองเช่าไว้ชั่วคราว ไม่มีอะไรไม่เหมาะสม

ทว่า เซียวอวี้ไม่เห็นด้วย

ยังไงชายหญิงมีความแตกต่างกัน

เฟิ่งจิ่วเหยียนไม่ได้ปฏิเสธ เพียงพูดขึ้นมา “ดึกมากแล้ว ฝ่าบาท”

นี่ไม่แตกต่างอะไรกับการไล่แขก

เซียวอวี้คว้าจับแขนของนางไว้อย่างกะทันหัน พร้อมพูดขึ้นมาด้วยเสียงเคร่งขรึม

“ให้เขาไปพักที่อื่น”

เฟิ่งจิ่วเหยียนคิดเพียงว่าเขาไม่มีเหตุผล

เซียวอวี้พูดขึ้นมาอีก “เราจะช่วยเช่าเรือนพักให้กับเขา ยังไงเขาก็เคยช่วยเรา เราจะละเล
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อที่ GoodNovel
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป
ความคิดเห็น (8)
goodnovel comment avatar
ลัดดาวัลย์ มูลศาสตร์
พ่อม้าย5555
goodnovel comment avatar
Ket Wichuma
โอ๊ยยย พ่อคุณ อะไรจะหึงแรงขนาดนี้ 555
goodnovel comment avatar
Rapeepan Nanthachai
ชั้นตลกอิเต้มากนะ โบ้เต็มรูปแบบ
ดูความคิดเห็นทั้งหมด

บทที่เกี่ยวข้อง

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 562

    เฟิ่งจิ่วเหยียนรินน้ำชาให้ตงฟางซื่อ“สีหน้าโศกเศร้า ทำใจสละตำแหน่งผู้นำพันธมิตรไม่ได้หรือ”สายตาตงฟางซื่อ กลับมายิ้มแย้มบ้าง“เป็นไปได้อย่างไร เจ้าก็รู้ ข้าไม่เคยอยากที่จะเป็นผู้นำพันธมิตรอะไร“ก็เหมือนอย่างที่เจ้าพูด ยามนั้นข้าถูกคนบีบบังคับไปอยู่ตำแหน่งนั้น“ยามนี้เป็นเช่นนี้ก็ดี ถือว่าได้อิสระกลับมาอีกครั้งแล้ว“ข้าคิดถึงยามที่พวกเราหลายคนบุกยุทธภพมาตลอด“เรื่องของพรรคเทียนหลง เราสืบกันเอง”เฟิ่งจิ่วเหยียนผงกศีรษะ“สืบเองนั้นถูกต้องแล้ว คนพวกนั้นพึ่งพาไม่ได้”ตงฟางซื่อพูดขึ้นมาอย่างอ่อนโยน “พวกเขาถูกปิดบังความจริงไปชั่วขณะ อย่าโทษพวกเขา”แววตาเฟิ่งจิ่วเหยียนเมินเฉย“ข้าก็รู้อยู่แล้ว เมื่อเรื่องบานปลายถึงขนาดนี้ จะต้องเป็นพรรคเทียนหลง คอยขับเคลื่อนอยู่เบื้องหลังอย่างแน่นอน“ทว่าหากพวกเขาไม่มีความคิดส่วนตัว ก็จะไม่ถูกยุแหย่“พรรคจำนวนมากในยุทธภพ ส่วนมากจะมิชอบถูกผูกมัดด้วยระเบียบวินัย“พรรคเทียนหลง เพียงแค่ฉีกเปิดช่องว่างนี้ และขยายให้กว้างขึ้น“ข้าไม่มีความเมตตาเหมือนอย่างเจ้า สำหรับข้า พวกเขาไม่น่าสงสาร”ตงฟางซื่อหรี่ตายิ้ม กลับคืนมามีพลังอีกครั้ง“ซูฮ่วน ยังไงเจ้า

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 563

    ในวังหลวงในห้องทรงพระอักษร เฉินจี๋ยยกมือประสานถวายบังคม รายงานอย่างชัดถ้อยชัดคำ“ฝ่าบาท เทียบกับรายชื่อแล้ว วันนี้จับคนยุทธภพที่ต่อต้านราชสำนักได้อีกสองคน ขังไว้ในคุกหลวงแล้ว ตามที่สารภาพ พวกเขาเป็นคนของสำนักชางโกว สืบรู้มาว่าตงฟางซื่อกับซูฮ่วนอยู่ในเมืองหลวง จึงเสี่ยงเข้ามาตามหา”เซียวอวี้อ่านสาส์นกราบทูล หว่างคิ้วปกคลุมไปด้วยความเฉียบขาด พูดขึ้นมาอย่างลอย ๆ“รู้จักรนหาที่ตายจริง ๆ ”เฉินจี๋พูดขึ้นมา“ปกติพวกเขาไม่กล้ามามีเรื่องในเมืองหลวง ทว่าช่วงนี้ มีคำสั่งไล่ล่า ให้รางวัลอย่างงาม จึงมีผู้กล้าเข้ามา”เซียวอวี้วางสาส์นกราบทูล ดวงตาเฉียบคมแฝงไปด้วยไอสังหาร“เราไม่สนว่าเจ้าจะใช้วิธีอะไร ใครที่เข้ามาในเมืองหลวง คิดต้องการเอาชีวิตของซูฮ่วน ล้วนจัดการให้หมดจน”“พ่ะย่ะค่ะ ! ”เฉินจี๋น้อมรับพระบัญชา กลับยังมีข้อสงสัยเพียงแค่ซูฮ่วนหรือ? คนพวกนั้นยังต้องการฆ่าตงฟางซื่อด้วยนี่พระอาทิตย์ตกดิน ถึงเวลารับประทานอาหารเย็นแล้วหลิวซื่อเหลียงถามอย่างระมัดระวัง“ฝ่าบาท จะให้ตั้งสำรับหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?”ช่วงหลายวันมานี้ แม้แต่อาหารเย็นฝ่าบาทก็ไม่ได้ทานอยู่ในวังแล้วไม่รู้จริง ๆ เลยว่

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 564

    หลังเที่ยงเฉินจี๋กราบทูลรายงานฮ่องเต้“ฝ่าบาท จ้าวเฉิงคนนั้นไม่ยอมสารภาพอะไร กัดลิ้นฆ่าตัวตายไปแล้ว”ดวงตาเซียวอวี้ปรากฏความโหดร้ายฆ่าตัวตาย ไม่เท่ากับหวาดกลัวในความผิดหรือ“ตรวจสอบยึดจวนตระกูลจ้าว”“พ่ะย่ะค่ะ ! ”หลังจากนั้น เฉินจี๋ก็กราบทูลรายงานอีก“ฝ่าบาท ช่วงนี้คนของพรรคเทียนหลงได้แสดงตัวอย่างเปิดเผย รวบรวมคนในอู่หลิน ปรึกษาหารือเรื่องจับกุมตัวตงฟางซื่อกับซูฮ่วน ยังกำจัดปีศาจชั่วร้ายมากมาย น่าสงสัยว่ากำลังดึงดูดใจผู้คน”ท่าทีเซียวอวี้เยือกเย็นชายามค่ำเขามาหาเฟิ่งจิ่วเหยียน เล่าเรื่องนี้ให้กับนางฟัง“ยามนี้พรรคเทียนหลงปรากฏตัวแล้ว เจ้ามีแผนการอย่างไร”เฟิ่งจิ่วเหยียนพูดขึ้นมาอย่างสงบ “ฆ่าพวกเขาให้หมด”เซียวอวี้ก็คิดเช่นนี้“หากเจ้าต้องการคน บอกกับเราได้เลย”“ขอบพระทัยฝ่าบาท” เฟิ่งจิ่วเหยียนถวายความเคารพอย่างนอบน้อมเซียวอวี้ประคองแขนของนางไว้ทันที “เราเห็นเจ้าเป็นเพื่อนที่ดี ไม่ต้องมากพิธีเช่นนี้”วินาทีที่ถูกเขาสัมผัส เฟิ่งจิ่วเหยียนชักแขนกลับทันที ปฏิกิริยาอึดอัดเล็กน้อย“พ่ะย่ะค่ะ”……ก่อนหน้านี้ พรรคเทียนหลงล้วนซ่อนอยู่ในที่ลับนับจากที่ตงฟางซื่อกับซูฮ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 565

    ผู้คนที่ถูกส่งมาร่วมหารือที่พรรคเทียนหลง ล้วนเป็น “คนสำคัญ” ของแต่ละสำนัก ต่างก็ไม่ได้โง่จางซวีกล้ากล่าวหาพรรคเทียนหลง จะต้องมีหลักฐานความจริงแล้วดังนั้น พวกเขาจึงล้วนหันไปมองผู้พิทักษ์พรรคเทียนหลง“ที่จางซวีพูดมา เป็นความจริงหรือ ! ”ผู้พิทักษ์คนนั้นยังคงไม่พูดไม่จาจางซวีชี้ไปหาเขา พร้อมพูดต่อ“อีกอย่างช่วงนี้มีมารชั่วช้าเพิ่มมากขึ้น ก็ล้วนเป็นพรรคเทียนหลง...”เขายังพูดไม่จบ ดาบใบหลิวเล่มหนึ่งก็ลอยมา ปาดคอของเขาโดยตรง พริบตาเดียว เลือดสดกระเซ็นออกมาคนหนุ่มที่ชื่อจางซวี ตายไปเสียแบบนี้แล้วคนอื่นเห็นดังนี้ ก็ตกตะลึงวินาทีต่อมา ก็ได้ยินเสียง “ตูม” ดังขึ้นมาเมื่อหันไปมองดู กลไกตรงประตูหินทางเข้าปิดลงเวลานี้ พวกเขาค่อยรู้สึกได้ถึงความอันตรายกำลังมาเยือนผู้พิทักษ์พรรคเทียนหลงบนที่นั่งสูงศักดิ์ลุกขึ้นมา พูดขึ้นมาเพียงคำเดียว“ฆ่า”ไม่ช้า กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งไปทั่วรอเมื่อประตูหินเปิดอีกครั้ง ยอดฝีมือแต่ละพรรคก็กลายเป็นศพไปแล้วหลังจากนั้น ศพพวกนี้ถูกขนย้ายออกไปจากพรรคเทียนหลงรอเมื่อแต่ละพรรคพบเจอศพ ทั่วทั้งยุทธภพก็สั่นสะเทือนแล้วมีคนดูรู้บาดแผลถึงแก่ชีวิตของพว

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 566

    รอเมื่อเซียวอวี้ไล่ตามออกไป ก็ไม่เห็นแม้แต่เงาของเฟิ่งจิ่วเหยียนในใจเขาขุ่นเคือง รีบสั่งเฉินจี๋“ไปตามซูฮ่วน ! ปกป้องนางให้ดี ต่อให้มัดก็ต้องมัดนางกลับมา ! ”“พ่ะย่ะค่ะ ! ”หลังจากเฟิ่งจิ่วเหยียนออกมาจากจวน ก็เดินอยู่บนท้องถนนนางไม่คิดที่จะซ่อนตัวใด ๆ กลับกลัวว่าคนอื่นจะจำนางไม่ได้แล้วก็เป็นอย่างที่คิด มีคนเข้ามาหานาง“รองผู้นำพันธมิตรซู ! ในที่สุดข้าก็ตามหาท่านจนเจอ ! ข้าคือหลูสวี้ ศิษย์ของสำนักจื่อหยาง เจ้าสำนักเราได้สืบความกระจ่างแล้ว ท่านกับผู้นำพันธมิตรตงฟางถูกใส่ร้าย เจ้าสำนักถูกจับ...อู้ ! ”เขายังพูดไม่จบ เฟิ่งจิ่วเหยียนก็คว้าบีบคอของเขา ตรึงเขาไว้กับผนังด้านหลังหลูสวี้เบิกตาโตซูฮ่วนคนนี้...ทำไมถึงโหดร้ายขนาดนี้ !เฟิ่งจิ่วเหยียนพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น แฝงไปด้วยไอสังหาร“นายล่อลวงตงฟางซื่อไปด้วยวิธีนี้ใช่หรือไม่?”หลูสวี้รู้สึกหายใจลำบาก “ข้าไม่...รองผู้นำพันธมิตร พวกเรา...สืบรู้ความจริง...ข้า...”ในระหว่างที่พูด เขาก็จะยิงเกาทัณฑ์แขนเสื้อออกไปทว่าเขายังไม่ทันลงมือ เสียง “คลั่ก” ดังขึ้นมา“อ้าก ! ”กระดูกข้อมือของเขา กระดูกข้อมือของเขาถูกหักลงเสียแ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 567

    เจ้าสำนักจื่อหยางเบิกตาโต ดวงตาแตกร้าวเมื่อรู้ตัวว่าฝ่ามือตนเองขาดแล้ว เขาระเบิดเสียงกรีดร้องขึ้นมา“อ้าก ! ! ! ฆ่าเขา ฆ่าซูฮ่วน ! ”ไม่รอให้ทุกคนได้สติกลับมาจากอาการตกตะลึง เฟิ่งจิ่วเหยียนเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว มาถึงด้านข้างศิษย์สำนักจื่อเจียงที่ถือปลายโซ่ข้างหนึ่งไว้เสียง “คลั่ก คลั่ก” ดังขึ้นมากระดูกข้อมือคนนั้นถูกหักหลังจากนั้นก็มีเสียงกรีดร้องขึ้นมาอีก“อ้าก...”เฟิ่งจิ่วเหยียนยกเท้ากระโดดขึ้นมา เตะคนนั้นลอยออกไปหลังจากนั้น นางมายังตรงหน้าตงฟางซื่อ ปกป้องเขาไว้เพียงไม่กี่ลมหายใจ ก็จัดการสองคนที่คุมตัวตงฟางซื่อไว้เมื่อคนอื่นเห็นดังนี้ เหงื่อเย็นไหลออกมาอย่างอธิบายไม่ถูกวรยุทธดีที่สุดในใต้หล้าจริง ๆ รวดเร็วอย่างไร้ที่ติ...เจ้าสำนักจื่อหยางรีบทำแผลอย่างรวดเร็ว เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ตนเองเสียเลือดมากเกินไป เขาเห็นพวกลูกศิษย์ลังเลไม่กล้าเดินหน้า ก็ตะโกนตำหนิ“รีบบุกเข้าไป ! โจมตีตงฟางซื่อ ! ”กรงเล็บเหล็กที่แทงทะลุตงฟางซื่อ แตกต่างจากโซ่เหล็กทั่วไป เป็นอาวุธที่พวกเขาสร้างขึ้นมาโดยเฉพาะหลังจากสิ่งนี้แทงทะลุกระดูกสะบัก ก็จะหุบลงทันทีเหมือนมือคน กลายเป็นการยึดตาย

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 568

    ปัง !ทั้งสองคนตกลงไปในห้องลับทั้งคู่ ทางเข้าข้างบนปิดลงทันทีเฟิ่งจิ่วเหยียนไม่ได้ลดความระวังตัว ออกแรงมือ แส้รัดคอนักฆ่าคลุมหน้าคนนั้นตอนที่คนนั้นกำลังดิ้นรน เฟิ่งจิ่วเหยียนก็รู้สึกได้ถึงความผิดปกติบริเวณโดยรอบขึ้นมาทันทีมือข้างหนึ่งเปิดตะบันไฟ ส่องสว่างดู ห้องใต้ดินนี้กว้างใหญ่มาก กว้างใหญ่ยิ่งกว่าวิหารลัทธิเต๋าข้างบนและที่นี่ยังมีคนรวมตัวกันอยู่อย่างมาก...
พูดอย่างถูกต้องก็คือ เป็นเหมือนหุ่นเชิดที่สูญเสียดวงวิญญาณไปแล้วพวกเขามองนางด้วยสายตาว่างเปล่า ทันใดนั้นก็รุมเข้ามา !……ในวังหลวงห้องทรงพระอักษรจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีข่าวของซูฮ่วน อารมณ์เซียวอวี้กระสับกระส่ายอยู่ไม่เป็นสุขเขากลัวนางจะเป็นเหมือนกับตงฟางซื่อ เผชิญกับอันตราย แล้วก็หายตัวไป“ฝ่าบาท ! มีข่าวแล้วพ่ะย่ะค่ะ ! ”เฉินจี๋รีบเดินเข้าไปข้างใน “กระหม่อมพบศิษย์สำนักจื่อหยางนับสิบคนที่สำนักการแพทย์ในเมืองหลวง หลังจากไต่ถามแล้วได้รู้ว่า ซูฮ่วนถูกขังอยู่ในวิหารลัทธิเต๋าทางใต้ของเมือง ! ”เซียวอวี้พรวดลุกขึ้นมา ดวงตาเฉียบคมมืดมิด“เตรียมม้า ! ”เฉินจี๋พูดทักท้วงด้วยความจงรักภักดี“ฝ่าบาท ส่งคนไปช่วยเหลือก็

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 569

    ไฟเพิ่งลุกโชน ยังไม่ลามไปถึงวิหารหลักของวิหารลัทธิเต๋า ทว่าควันหนาทึบปลิวไปทั่ว มองเห็นเลือนราง รู้สึกแสบร้อนในลำคอทำให้ไม่สบายตัวอย่างมากรู้ว่าเฟิ่งจิ่วเหยียนถูกขังอยู่ข้างล่าง เซียวอวี้สั่งเฉินจี๋ด้วยเสียงเคร่งขรึม “หากลไก ! ”ข้างนอกมีควันฟุ้งหนาทึบ ราวกับทะเลเมฆดำทะมึนเข้ามา เฉินจี๋ใช้มือข้างหนึ่งปิดจมูก พร้อมตะโกนหาเซียวอวี้“ฝ่าบาท กระหม่อมอยู่หากลไก ท่าน...”เซียวอวี้พูดขึ้นมาด้วยสายตาเยือกเย็น“ไม่ต้องพูดมาก รีบช่วยคน ! ”วิหารหลักของวิหารลัทธิเต๋า ตกแต่งอย่างเรียบง่ายมาก ทั้งสองค้นหาอยู่นานสักพัก ก็หากลไกไม่เจอเห็นว่าไฟกำลังจะลุกลามมา เฉินจี๋รอไม่ไหวแล้ว“ฝ่าบาท ควรไปได้แล้ว ! อันตราย ! ! ”เมื่อวิหารหลักมอดไหม้ พวกเขาก็ออกไปไม่ได้แล้ว !“ฝ่าบาท ! ” เฉินจี๋ร้อนใจจนเสียงแตก “ซูฮ่วนวรยุทธล้ำเลิศ ไม่แน่ว่าเขาอาจจะหนีออกมาตั้งแต่แรกแล้ว ! ฝ่าบาท ไม่จำเป็นต้องไปเสี่ยงอันตรายเพื่อเขา ! ”เซียวอวี้มองดูบนพื้น สีหน้าตึงเครียดเขาเป็นฮ่องเต้ เขาจะตายอยู่ที่นี่ เพื่อสตรีผู้หนึ่งไม่ได้แผ่นดินไม่ไร้เท่าใบพุทรายิ่งไปกว่านั้น ยังเป็นสตรีผู้หนึ่ง ที่ไม่มีความรู้สึกอะไรกับเข

บทล่าสุด

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 842

    คนเหล่านี้คงเป็นองครักษ์ที่ประมุขแคว้นซีหนี่ว์จัดให้มาปกป้องตนเองกระมังมิน่าเล่า อีกฝ่ายถึงกล้ามิพาคนมาคอยอารักขาตนเอง ยามที่พบหน้ากันครั้งแรกผู้ที่ขึ้นเป็นจักรพรรดิของแว่นแคว้นได้ หาได้มีผู้ใดเป็นคนโง่เง่าไม่ประมุขแคว้นซีหนี่ว์พลางลุกขึ้นยืน ก่อนจะเข้าไปเล่นกับดอกไม้ที่วางอยู่บนโต๊ะข้างเตียง“อาการป่วยของเรานั้น ยามที่ยังวัยสาวอยู่ได้ทิ้งอาการป่วยเหล่านี้เอาไว้ หลายปีที่ผ่านมา อาการกับค่อย ๆ แย่ลงเรื่อย ๆ“โดยเฉพาะในช่วงไม่กี่เดือนมานี้ อาการป่วยกลับทรุดหนักเสียจนมิอาจลุกขึ้นมาสะสางราชกิจบ้านเมืองได้ อัครมหาเสนาบดีจึงใช้โอกาสนี้ในการรวบรวมพรรคพวกของตนเองขึ้นมา เมื่อเรารู้สึกตัวอีกที นางก็มีอำนาจมากมายเสียแล้ว”ท่านประมุขพลันหันหน้ากลับมามองเฟิ่งจิ่วเหยียนด้วยท่าทีสงบนิ่งแม้ว่าภูเขาไท่ซานจะถล่มลงมาตรงหน้าก็ตาม พลางยกยิ้มขึ้นมาอย่างเย็นชาว่า“ผู้ที่ทรยศเรา สมควรตาย”เฟิ่งจิ่วเหยียนพลางเอ่ยถามด้วยท่าทีใจเย็นว่า: “รวมไปถึงน้องสาวแท้ ๆ ของท่านด้วยหรือไม่?”นิ้วมือของประมุขแคว้นซีหนี่ว์พลันสั่นเทาเล็กน้อยนางมิได้ตอบคำถามของเฟิ่งจิ่วเหยียน ทว่า กลับเอ่ยเปลี่ยนเรื่องอื่นแทน“แค

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 841

    เนื่องจากความประมาทเลินเล่อที่ภูเขาหิมะเทียนฉือ หยิ่นลิ่วจึงตั้งใจชดใช้ความผิดของตน ทั้งยังเพื่อลบล้างความอับอายในหน้าที่ของตนเองอีกด้วย ทำให้ในยามนี้เขาตั้งใจทำตามคำสั่งของฮองเฮายิ่งนักเพื่อจับตาดูความเคลื่อนไหวที่ผิดปกติไปภายในจวนอัครมหาเสนาบดีนั้น ทุก ๆ วันได้นอนหลับเพียงแค่หนึ่งชั่วยามเท่านั้นในที่สุด หยิ่นลิ่วก็พบกับเหตุการณ์ที่ผิดปกติไปในทันที“นายท่านขอรับ เมื่อคืนวานนี้ น้องสาวฝาแฝดของประมุขแคว้นซีหนี่ว์ได้ลอบเข้ามาทางประตูด้านหลังของจวนอัครมหาเสนาบดี ทั้งยังพูดคุยกันลับ ๆ อยู่นานสองนาน ข้าน้อยมิอาจเข้าไปใกล้ ๆ ได้ ทว่า พอจะฟังออกคร่าว ๆ ว่า พวกนางกำลังพยายามคิดที่จะกำจัดประมุขแคว้นซีหนี่ว์....”กองทัพอินทรีเหินสองสามคนที่อยู่ในห้องนั้นต่างพากันลอบสบตากันนี่มันลอบพระชนม์!เกรงว่าแคว้นซีหนี่ว์เองก็กำลังจะเกิดความวุ่นวาย!หัวหน้ากองทัพอินทรีเหินพลันลุกขึ้นยืน ก่อนจะโค้งกายคำนับต่อเฟิ่งจิ่วเหยียน“กระหม่อมคิดว่า การเมืองภายในแคว้นซีหนี่ว์กำลังจักเกิดความระส่ำระส่าย แม้แต่ตัวประมุขแคว้นซีหนี่ว์เองก็ยากที่จะรักษาชีวิตของตนเองไว้ได้ พวกเขาย่อมมิอาจตอบรับอันใดพวกเราได้เช่นก

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 840

    หลังออกจากพระราชวังแคว้นซีหนี่ว์ เฟิ่งจิ่วเหยียนยังมิกลับไปที่โรงพักแรมในทันทีคนเก่งกาจเพียงใดก็มิอาจสู้คนท้องถิ่นได้เพื่อป้องกันมิให้อัครมหาเสนาบดีแคว้นซีหนี่ว์ประพฤติชั่วช้า จักต้องเพิ่มความระมัดระวัง และรอบคอบไว้ดีที่สุดดังนั้น นางจึงเดินจากหอคณิกาไปที่หอหนานเฟิง แล้วค่อยวกกลับมาที่หอคณิกาอีกครั้ง ประการแรกเพื่อหาโอกาสปลอมตัวอีกครั้งเพื่อออกไปได้ง่าย ประการที่สองก็เพื่อสืบหาข่าวอย่างไรเสีย สถานที่เริงรมย์เช่นนี้ ข่าวสารจะรับรู้ได้ไวที่สุดภายในหอคณิกาเฟิ่งจิ่วเหยียนเรียกนางคณิกาที่ขายศิลปะมิขายเรือนร่างผู้หนึ่งมา เพราะรู้ว่าหญิงสาวผู้นี้มิต้องการปรนเปรอลูกค้า จึงจ่ายเงินจ้างนางแบบเหมาครึ่งเดือน เมื่ออยู่ในห้องนางก็แค่เล่นดนตรีและขับร้อง เพื่อเป็นการบังหน้าให้กับนางดังนั้นจึงได้รับประโยชน์ด้วยกันทั้งสองฝ่ายเพียงแต่รู้สึกเสียดายเงินก้อนนั้นนางคณิกาผู้นี้ตกคืนละสามตำลึงเงิน แพงกว่าค่าโรงพักแรมที่นางพักอยู่ตั้งมากโขนางใช้เงินก้อนนี้ ก็อดมิได้ที่จะรู้สึกปวดใจยังดีที่นางคณิกาผู้นี้เชื่อฟัง และมีเรื่องพูดคุย“...คุณชาย ท่านอาจจะยังมิรู้ว่า ประมุขแคว้นของเราเคยได้รับบา

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 839

    เฟิ่งจิ่วเหยียนท่าทางดูเหมือนจะหมดหนทาง“เรียนใต้เท้า ทักษะการแพทย์ของข้าน้อยด้อยฝีมือ”ซู่ยวนได้ยินเช่นนั้น น้ำตาพลันร่วงไหลลงมาทันที แสดงออกถึงความรักและความห่วงใยที่แท้จริงนัก“เจ้าก็ไม่มีหนทางเลยหรือ...”แววตาของเฟิ่งจิ่วเหยียนมืดมน “ข้าน้อยขอลาก่อน”เดิมคิดว่าเมื่อพบกับซู่ยวน จะไม่พบปัญหาอื่นใดอีกผลสุดท้าย ขณะที่ใกล้จะถึงประตูวัง ก็พบกับสตรีผู้หนึ่งในชุดเครื่องแบบขุนนางข้าหลวงเตือนว่า“ผู้นั้นคือใต้เท้าจ้าวอัครมหาเสนาบดี เจ้าก็ควรแสดงความเคารพด้วยเช่นกัน”อัครมหาเสนาบดีจ้าวหรู่หลานหยุดฝีก้าว และมองดูเฟิ่งจิ่วเหยียนอย่างวิเคราะห์“เจ้าก็คือหมอที่หยิบประกาศเสนอตัวผู้นั้นใช่หรือไม่?”เฟิ่งจิ่วเหยียนก้มหัวลง “ขอรับ”จ้าวหรู่หลานยื่นมือออกมาทันที และเชยคางนางขึ้นในแคว้นซีหนี่ว์ สตรีทำเรื่องเช่นนี้กับบุรุษ ไม่ถือว่าเสียมารยาทจ้าวหรู่หลานอายุน้อยกว่าประมุขแคว้น และผอมกว่าเล็กน้อยดวงตาหางตาชี้ชันคู่หนึ่ง เต็มไปด้วยความพินิจพิเคราะห์คนที่ได้เป็นถึงอัครมหาเสนาบดี หาใช่จะเป็นผู้ที่หลอกลวงได้ง่าย ๆ ไม่นางถามด้วยเสียงดุดัน“เหตุใดมิทันไรก็รีบออกจากวังแล้ว?”เฟิ่งจิ่วเ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 838

    เฟิ่งจิ่วเหยียนหยุดชะงักเล็กน้อย สายตาเคลื่อนลงมา มองดูคมกระบี่ที่อยู่ใกล้แค่เอื้อมถึงแม้จะถูกเปิดโปงสถานะ แต่นางยังคงมีท่าทีสงบนิ่งเมื่อเงยหน้าขึ้นก็มองเห็น ประมุขแคว้นซีหนี่ว์ในชุดบรรทมสีเหลือง พระชันษาราวสี่สิบกว่า พระเกศาสยายคลุมบ่า พระพักตร์มีริ้วรอย ทว่า กาลเวลามิอาจเอาชนะหญิงงามได้ ทั้งตัวนางยังคงมีความสง่าผ่าเผย มั่นคงราวกับเสาค้ำทะเลตงไห่แคว้นซีหนี่ว์มีประมุขแคว้นเช่นนี้ มิน่าแปลกใจที่ยังคงยืนหยัดอยู่ได้ประมุขแคว้นซีหนี่ว์มองสำรวจเฟิ่งจิ่วเหยียนอย่างเย็นชา“ให้ฮองเฮาเยี่ยงเจ้ามาที่แคว้นซีหนี่ว์ ฮ่องเต้ฉีทรงตัดพระทัยได้จริงหรือ เหตุใด มิกลัวว่าเราจะฆ่าเจ้า?”เฟิ่งจิ่วเหยียนก็มิเสแสร้งแกล้งทำอีก พร้อมกับยอมรับตามตรง“คารวะประมุขแคว้น”“ครั้งนี้มาเยือนแคว้นท่าน คือมาในฐานะราชทูต หาใช่มาในฐานะฮองเฮาแห่งหนานฉี และยิ่งมิใช่ในฐานะแม่ทัพน้อยเมิ่งอะไรนั่น“ที่ปลอมตัวมาพบท่าน เป็นเพราะสถานการณ์กำลังวุ่นวาย หากมีสิ่งใดรบกวนพระทัย หวังว่าท่านจะให้อภัย“ทว่า ตัวหม่อมฉัน และแม้แต่ทั้งหนานฉี ก็ไม่มีเจตนาจะล่วงเกินต่อท่าน”ประมุขแคว้นซีหนี่ว์ยังคงถือกระบี่จ่ออยู่ที่นาง พร้อมกับ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 837

    ช่วงกลางเดือนแปด ดวงอาทิตย์ส่องแสงเจิดจ้าเฟิ่งจิ่วเหยียนพร้อมคณะเดินทางมาถึงแคว้นซีหนี่ว์อย่างราบรื่นแคว้นซีหนี่ว์นั้นผู้นำล้วนเป็นสตรี และที่พบเห็นตามถนนหนทาง ปรากฏตัวในที่สาธารณะ ส่วนใหญ่ก็จะเป็นสตรีทหารรักษาเมืองที่ลาดตระเวน ก็เป็นสตรีทั้งหมดเช่นกันแคว้นซีหนี่ว์ในอดีต บุรุษก็เคยเป็นผู้นำสูงสุดทว่าจากสงครามหายนะครั้งใหญ่ เหล่าบุรุษทั้งหมดตายในสนามรบ เหล่าสตรีทำได้เพียงต้องแบกรับภาระอันหนักหน่วงนานวันเข้า ถึงแม้ภายหลังบุรุษจะเพิ่มขึ้น ทว่า เหล่าสตรีได้สัมผัสกับรสชาติของการมีอำนาจ จึงไม่เต็มใจจะวางมืออีกแล้วเพื่อปฏิบัติตามแนวทางแห่งสตรีของราชวงศ์ ประมุขแคว้นแต่ละคน จึงส่งต่อบัลลังก์ให้บุตรสาวมิส่งให้บุตรชายคนที่เข้ามาเป็นขุนนาง ส่วนใหญ่ก็เป็นสตรีที่ครองตำแหน่งมากกว่าบุรุษก็เป็นขุนนางได้ ทว่ามีจำนวนน้อย อีกทั้งมิอาจครอบครองอำนาจที่แท้จริงได้เหล่าสตรีของแคว้นซีหนี่ว์เชื่อว่า มีเพียงผู้นำเป็นสตรี ถึงจะรับประกันได้ว่าอำนาจของสตรีจะไม่หลุดมือไปหากเปลี่ยนเป็นบุรุษ จักต้องเกิดการเปลี่ยนแปลงแน่ดังนั้น ต่อให้ประมุขแคว้นซีหนี่ว์มีโอรส บัลลังก์ก็จะไม่มีทางส่งต่อให้องค์ชาย

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 836

    เฟิ่งจิ่วเหยียนเอ่ยอย่าง “เห็นอกเห็นใจ”“ข้ารู้ว่าสิ่งนี้ไม่ยุติธรรมกับเจ้า หากเจ้าไม่เต็มใจ...”นางพูดไปได้ครึ่งทาง ถานไถเหยี่ยนก็เทยาออกมา และกลืนมันลงไปเสี้ยววินาทีนั้น เฟิ่งจิ่วเหยียนถึงกับตาค้างเพื่อทำลายหนานฉี ถานไถเหยี่ยนสามารถเสียสละถึงเพียงนี้เชียวหรือ......หลังอาหาร ขณะทั้งสองกำลังจะแยกย้ายกันเฟิ่งจิ่วเหยียนเอ่ยอย่างจนใจ“ฝ่าบาทกังวลพระทัยว่าจะเกิดอุบัติเหตุกับบุตรของข้า ทรงต้องการให้ข้าพักผ่อนดูแลครรภ์ สถาบันทางการทหารข้าก็มิได้ไปอีกแล้ว หากเจ้ามีปัญหาอันใด ให้ทูลรายงานกับฮ่องเต้ได้โดยตรง”ถานไถเหยี่ยนเอ่ยออกมาตามตรง“หนานฉีมีแม่ทัพที่เก่งกาจและมีชื่อเสียงอยู่มากมาย ข้ามิใช่ราษฎรของหนานฉี ถึงแม้จะมียุทธวิธีดี ๆ ทูลเสนอ ฝ่าบาทก็อาจมิทรงเชื่อ“สิ่งที่ข้าทำเพื่อหนานฉีได้ ก็คือค้นหาเส้นทางลับของ ‘ใยแมงมุม’ ทั้งหมดให้ครบ เพราะมันจะสร้างประโยชน์ที่ยิ่งใหญ่ในขณะทำสงครามได้”เฟิ่งจิ่วเหยียนเห็นด้วยกับความคิดของเขา“ข้าจะพูดโน้มน้าวฝ่าบาท ให้เขายอมตกลงให้เจ้าร่วมสืบหา ‘ใยแมงมุม’”หลังจากนั้น ถานไถเหยี่ยนก็มองตามจนนางขึ้นรถม้าไม่นาน เขาก็จากไปเช่นกันรอจนเขากลับม

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 835

    ภายในห้องไม่มีคนอื่น เฟิ่งจิ่วเหยียนจึงมิลังเล และบีบนวดหน้าท้องของเซียวอวี้เซียวอวี้ตัวเกร็งขึ้นมาในทันที สูดลมหายใจเข้า และกลั้นเอาไว้ผ่านไปไม่กี่อึดใจ เฟิ่งจิ่วเหยียนดูเหมือนจะค้นพบสิ่งที่ชื่นชอบ นางพลันยกคิ้วขึ้น เหลือบตามองไปที่เซียวอวี้“ท่านยุ่งถึงเพียงนี้ ยังมีเวลาฝึกฝนพละกำลัง?”เซียวอวี้กลั้นลมหายใจนั้นมิอยู่แล้ว จึงคว้ามือของนางที่วางอยู่บนหน้าท้องของเขาขึ้นมา วางลงที่ริมฝีปากและจูบไปสองครั้ง“แผนการแต่ละวันต้องเริ่มทำตอนรุ่งสาง อีกอย่าง ศัตรูต่างแคว้นก็จดจ้องตาเป็นมัน เรายิ่งต้องทำให้ร่างกายแข็งแรงกำยำ เพื่อเตรียมพร้อมกับการนำทัพออกศึก ดังนั้น ช่วงหลายวันมานี้จึงขยันฝึกฝนมากขึ้น“เป็นอย่างไร? ฮองเฮาพอใจหรือไม่?”เขาตั้งตารอคอยคำตอบของนางเฟิ่งจิ่วเหยียนไม่แสดงความเห็นใดนางเข้าไปใกล้หูเขา น้ำเสียงแผ่วเบา ลมหายใจราวกับขนนก พัดผ่านใบหูของเขา ใจที่สงบนิ่งของเขากระตุ้นให้เกิดระลอกคลื่นนับพันเขาเพียงแค่ฟังนางเอ่ยอย่างช้า ๆ“คืนนี้ จะเปิดประตูรอท่านพี่...”เซียวอวี้ถูกปลุกเร้า ตอนนี้คิดจะ “ประหัตประหาร” นางในที่นี้ทันทีฝ่ามือใหญ่ของเขาทาบลงที่หลังเอวของนาง แล้วออ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 834

    เฟิ่งจิ่วเหยียนตัดสินใจแน่วแน่ที่จะไปเป็นราชทูตยังแคว้นซีหนี่ว์ ก่อนหน้าที่จะไป นางมิลืมที่จะเตรียมการทุกอย่างในหนานฉีทางนี้ให้เรียบร้อย“ฝ่าบาท ถานไถเหยี่ยนมีคำพูดหนึ่งที่เอ่ยไว้ไม่ผิด ก่อนหน้านี้หม่อมฉันไปสำรวจที่ช่องทางลับ และถูกซุ่มโจมตีด้วยดินปืน แน่นอนว่าจักต้องมีคนที่รู้เรื่องนี้ล่วงหน้า“แท้จริงแล้วเป็นผู้ใดกันที่แอบลงมือ จุดประสงค์นั้นคือเพื่อทำลาย ‘ใยแมงมุม’ และยังตัดขาดเบาะแสของมนุษย์โอสถด้วย หรือไม่ก็ อาจจะต้องการชีวิตของหม่อมฉัน ทั้งหมดจึงควรสืบให้กระจ่าง”เซียวอวี้เริ่มครุ่นคิดอย่างจริงจังเขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่มั่นใจ“คนที่รู้ว่าเจ้าจะไปที่ช่องทางลับ ล้วนเป็นองครักษ์คู่ใจของเรา พวกเขาแต่ละคนผ่านการคัดเลือกอย่างเข้มงวด ไม่มีทางทรยศต่อเราเด็ดขาด ทว่า ไม่มีสิ่งใดที่แน่นอน หากพัวพันกับความปลอดภัยของเจ้า เราจักสืบสวนอย่างละเอียด...”เฟิ่งจิ่วเหยียนขัดจังหวะคำพูดของเขา และเอ่ยอย่างจริงจัง“คนที่หม่อมฉันสงสัยมิใช่พวกเขา“ท่านมิจำเป็นต้องเสียเวลาไปสืบสวนพวกเขา เพื่อมิให้พวกเขารู้สึกเสียกำลังใจ“สิ่งที่หม่อมฉันสงสัยคือ มีคนแอบเฝ้าสังเกตการณ์อยู่“คนผู้นี้อาจจะแอบซุ่มอยู

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status