เจ้าสำนักจื่อหยางเบิกตาโต ดวงตาแตกร้าวเมื่อรู้ตัวว่าฝ่ามือตนเองขาดแล้ว เขาระเบิดเสียงกรีดร้องขึ้นมา“อ้าก ! ! ! ฆ่าเขา ฆ่าซูฮ่วน ! ”ไม่รอให้ทุกคนได้สติกลับมาจากอาการตกตะลึง เฟิ่งจิ่วเหยียนเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว มาถึงด้านข้างศิษย์สำนักจื่อเจียงที่ถือปลายโซ่ข้างหนึ่งไว้เสียง “คลั่ก คลั่ก” ดังขึ้นมากระดูกข้อมือคนนั้นถูกหักหลังจากนั้นก็มีเสียงกรีดร้องขึ้นมาอีก“อ้าก...”เฟิ่งจิ่วเหยียนยกเท้ากระโดดขึ้นมา เตะคนนั้นลอยออกไปหลังจากนั้น นางมายังตรงหน้าตงฟางซื่อ ปกป้องเขาไว้เพียงไม่กี่ลมหายใจ ก็จัดการสองคนที่คุมตัวตงฟางซื่อไว้เมื่อคนอื่นเห็นดังนี้ เหงื่อเย็นไหลออกมาอย่างอธิบายไม่ถูกวรยุทธดีที่สุดในใต้หล้าจริง ๆ รวดเร็วอย่างไร้ที่ติ...เจ้าสำนักจื่อหยางรีบทำแผลอย่างรวดเร็ว เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ตนเองเสียเลือดมากเกินไป เขาเห็นพวกลูกศิษย์ลังเลไม่กล้าเดินหน้า ก็ตะโกนตำหนิ“รีบบุกเข้าไป ! โจมตีตงฟางซื่อ ! ”กรงเล็บเหล็กที่แทงทะลุตงฟางซื่อ แตกต่างจากโซ่เหล็กทั่วไป เป็นอาวุธที่พวกเขาสร้างขึ้นมาโดยเฉพาะหลังจากสิ่งนี้แทงทะลุกระดูกสะบัก ก็จะหุบลงทันทีเหมือนมือคน กลายเป็นการยึดตาย
ปัง !ทั้งสองคนตกลงไปในห้องลับทั้งคู่ ทางเข้าข้างบนปิดลงทันทีเฟิ่งจิ่วเหยียนไม่ได้ลดความระวังตัว ออกแรงมือ แส้รัดคอนักฆ่าคลุมหน้าคนนั้นตอนที่คนนั้นกำลังดิ้นรน เฟิ่งจิ่วเหยียนก็รู้สึกได้ถึงความผิดปกติบริเวณโดยรอบขึ้นมาทันทีมือข้างหนึ่งเปิดตะบันไฟ ส่องสว่างดู ห้องใต้ดินนี้กว้างใหญ่มาก กว้างใหญ่ยิ่งกว่าวิหารลัทธิเต๋าข้างบนและที่นี่ยังมีคนรวมตัวกันอยู่อย่างมาก... พูดอย่างถูกต้องก็คือ เป็นเหมือนหุ่นเชิดที่สูญเสียดวงวิญญาณไปแล้วพวกเขามองนางด้วยสายตาว่างเปล่า ทันใดนั้นก็รุมเข้ามา !……ในวังหลวงห้องทรงพระอักษรจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีข่าวของซูฮ่วน อารมณ์เซียวอวี้กระสับกระส่ายอยู่ไม่เป็นสุขเขากลัวนางจะเป็นเหมือนกับตงฟางซื่อ เผชิญกับอันตราย แล้วก็หายตัวไป“ฝ่าบาท ! มีข่าวแล้วพ่ะย่ะค่ะ ! ”เฉินจี๋รีบเดินเข้าไปข้างใน “กระหม่อมพบศิษย์สำนักจื่อหยางนับสิบคนที่สำนักการแพทย์ในเมืองหลวง หลังจากไต่ถามแล้วได้รู้ว่า ซูฮ่วนถูกขังอยู่ในวิหารลัทธิเต๋าทางใต้ของเมือง ! ”เซียวอวี้พรวดลุกขึ้นมา ดวงตาเฉียบคมมืดมิด“เตรียมม้า ! ”เฉินจี๋พูดทักท้วงด้วยความจงรักภักดี“ฝ่าบาท ส่งคนไปช่วยเหลือก็
ไฟเพิ่งลุกโชน ยังไม่ลามไปถึงวิหารหลักของวิหารลัทธิเต๋า ทว่าควันหนาทึบปลิวไปทั่ว มองเห็นเลือนราง รู้สึกแสบร้อนในลำคอทำให้ไม่สบายตัวอย่างมากรู้ว่าเฟิ่งจิ่วเหยียนถูกขังอยู่ข้างล่าง เซียวอวี้สั่งเฉินจี๋ด้วยเสียงเคร่งขรึม “หากลไก ! ”ข้างนอกมีควันฟุ้งหนาทึบ ราวกับทะเลเมฆดำทะมึนเข้ามา เฉินจี๋ใช้มือข้างหนึ่งปิดจมูก พร้อมตะโกนหาเซียวอวี้“ฝ่าบาท กระหม่อมอยู่หากลไก ท่าน...”เซียวอวี้พูดขึ้นมาด้วยสายตาเยือกเย็น“ไม่ต้องพูดมาก รีบช่วยคน ! ”วิหารหลักของวิหารลัทธิเต๋า ตกแต่งอย่างเรียบง่ายมาก ทั้งสองค้นหาอยู่นานสักพัก ก็หากลไกไม่เจอเห็นว่าไฟกำลังจะลุกลามมา เฉินจี๋รอไม่ไหวแล้ว“ฝ่าบาท ควรไปได้แล้ว ! อันตราย ! ! ”เมื่อวิหารหลักมอดไหม้ พวกเขาก็ออกไปไม่ได้แล้ว !“ฝ่าบาท ! ” เฉินจี๋ร้อนใจจนเสียงแตก “ซูฮ่วนวรยุทธล้ำเลิศ ไม่แน่ว่าเขาอาจจะหนีออกมาตั้งแต่แรกแล้ว ! ฝ่าบาท ไม่จำเป็นต้องไปเสี่ยงอันตรายเพื่อเขา ! ”เซียวอวี้มองดูบนพื้น สีหน้าตึงเครียดเขาเป็นฮ่องเต้ เขาจะตายอยู่ที่นี่ เพื่อสตรีผู้หนึ่งไม่ได้แผ่นดินไม่ไร้เท่าใบพุทรายิ่งไปกว่านั้น ยังเป็นสตรีผู้หนึ่ง ที่ไม่มีความรู้สึกอะไรกับเข
สตรีคลุมหน้าปฏิเสธว่าไม่ได้มาเพื่อแก้แค้น“ไม่ ข้าไม่คิดเช่นนั้น“คุณชายซู ในทางกลับกัน ข้าคิดว่าเรื่องราวไม่ได้ง่ายเช่นนี้“พี่ชายแอบสืบเรื่องที่ประมุขพรรคชิงอวี่ถูกสังหารมาตลอด ภายหลังเขาสืบรู้ความจริงอย่างที่คิด เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับพรรคเทียนหลง ทว่าจนใจที่ไม่มีหลักฐาน“เขานำเรื่องที่คาดเดาบอกเจ้าสำนักกับพวกศิษย์พี่ ทว่าไม่มีใครเชื่อเขา เจ้าสำนักยังถึงขั้นข่มขู่ว่าจะขับไล่เขาออกจากสำนัก“ทว่าข้าเชื่อเขา“ก่อนที่เขาจะไปยังพรรคเทียนหลง ก็ตัดสินใจที่จะทุ่มสุดตัว กระชากหน้ากากเปิดตัวความจริงของพรรคเทียนหลงต่อหน้าทุกคน ทว่าเขาตายแล้ว ข้าสงสัยว่า เขาถูกพรรคเทียนหลงฆ่าตาย“หลังจากที่เขาตายไปแล้วสองวัน สำนักหลิงซานถูกฆ่าล้างสำนัก เจ้าสำนักพวกศิษย์พี่ล้วนถูกฆ่าตายหมด จนไม่หลงเหลือสำนักอีกต่อไป ข้าไม่มีทางไป จึงคิดว่าจะมาตามหาเจ้ากับผู้นำพันธมิตรตงฟาง”เซียวอวี้เป็นคนขี้ระแวง “ล้วนตายหมดแล้ว ทำไมเจ้ายังมีชีวิตอยู่”“หลังจากพี่ชายตาย ข้าก็ลงเขา ข้าคิดอยากสืบสาเหตุการตายของเขา จึงบังเอิญรอดชีวิตมาได้ ระหว่างทางได้เจอคนของสำนักจื่อหยาง ข้าจึงสะกดรอยตามพวกเขา...”นางหันไปมองเฟิ่งจิ่วเห
เฟิ่งจิ่วเหยียนไม่รู้ว่าตนสลบไปนานแค่ไหนแล้ว ยามที่ลืมตาอีกครั้ง นางกับเซียวอวี้ยังคงอยู่ในเส้นทางนั้นทว่านางเห็นแสงสว่างอยู่ด้านหน้าราง ๆคาดว่าคงจะใกล้ทางออกมากขึ้นเรื่อย ๆในเวลาเดียวกันนี้เองภายในวิหารลัทธิเต๋าท้องฟ้าสว่างแล้วเฉินจี๋และกลุ่มองครักษ์ยังไม่ได้จากไปไฟไหม้ใหญ่เมื่อคืนวาน เกือบจะทำลายวิหารลัทธิเต๋าทั้งหมดไปเสียแล้วความโชคดีเพียงหนึ่งเดียวก็คือกลไกนั่นแข็งแกร่งมาก ไฟจึงไหม้ไปไม่ถึงใต้ดินเฉินจี๋มั่นใจว่าฝ่าบาทจะต้องปลอดภัยเป็นแน่เพียงแต่กำแพงอิฐที่ใช้ควบคุมกลไกถูกไฟเผาจนพังทลายไปแล้ว ยามนี้จะช่วยฝ่าบาทออกมา ก็ทำได้แต่ขุดพื้นเท่านั้นเขาสั่งการให้องครักษ์เหล่านั้นลงมือทันทีส่วนทางด้านวังหลวง เขาทำได้เพียงปิดเรื่องนี้ไว้ก่อนเท่านั้นไม่เช่นนั้นย่อมเกิดความโกลาหล......เซียวอวี้พาเฟิ่งจิ่วเหยียนออกจากเส้นทางที่ทั้งแคบและยาวนั้นจนมาถึงมุมหนึ่งของหุบเขาสองฝั่งเป็นเขาสูงชะลูดที่เต็มไปด้วยอันตรายและลำธารใสกระจ่างที่ส่งกลิ่นหอมหวานเขานำเฟิ่งจิ่วเหยียนไปวางไว้ข้างต้นไม้ จากนั้นก็ตรวจดูบาดแผลที่ขาเฟิ่งจิ่วเหยียนห้ามเขาทันที“ข้าใส่ยาเองแล้ว”ยามนี้น
“ท่านเป็นฮ่องเต้ ท่านจะมาชอบบุรุษได้อย่างไรกัน!”เฟิ่งจิ่วเหยียนโมโหจัดเดิมนางคิดว่าที่เขามาช่วยนางเพราะคุณธรรมและมิตรภาพปรากฏว่าเป็นเพราะเขาชอบบุรุษ!นี่ทำให้นางรู้สึกโกรธเป็นอย่างมาก“เซียวอวี้ ท่านเคยคิดถึงราษฎร คิดถึงราชสำนักและแคว้นหรือไม่ หากท่านพบกับเรื่องอันตรายเข้าล่ะ ท่านเคยคิดบ้างไหม...ข้า ที่ข้าอยู่ในเมืองหลวงก็เพื่อปกป้องฮ่องเต้ให้ปลอดภัย ท่านกลับ ท่านกลับคิดแต่เรื่องรัก ๆ ใคร่ ๆ พวกนี้ ท่าน...นี่ท่านรู้สึกละอายใจต่อความหวังดีของข้าและตงฟางซื่อบ้างหรือไม่!“ท่าน ท่านอยู่ให้ห่างจากข้าหน่อย! ข้าบอกไว้ก่อนเลยนะ ว่าข้าไม่ชอบบุรุษ!”จู่ ๆ อารมณ์นางก็พลุ่งพล่าน นางเริ่มรู้สึกเวียนหัวตาลายอีกแล้วเซียวอวี้เห็นเฟิ่งจิ่วเหยียนรู้สึกไม่สบายจึงรีบตอบว่า“เอาล่ะ เอาล่ะ เราผิดเอง เช่นนั้นพวกเราอย่าเพิ่งพูดถึงเรื่องนี้เลย วิหารลัทธิเต๋าลับนั่นเชื่อมมาที่หุบเขานี้ เราไม่อาจอยู่ที่นี่นานได้ พวกเรารีบออกไปกันเถอะ”เขากวาดตามองสภาพแวดล้อมรอบด้าน จากนั้นก็อุ้มนางขึ้นในแนวขวางเฟิ่งจิ่วเหยียนรู้สึกต่อต้านเป็นอย่างมาก เพราะทั้งโมโหและได้รับบาดเจ็บ นางจึงพูดอย่างยากลำบาก “เจ้า...เจ
ณ ห้องส่วนตัวในโรงพักแรมเจินเจินคารวะเซียวอวี้อย่างเต็มพิธีการ“หม่อมฉันคารวะฝ่าบาทเพคะ!”เซียวอวี้หันไปอธิบายให้เฟิ่งจิ่วเหยียนฟัง“นี่คือบุตรสาวของเจินหรูไห่ นามเจินเจิน เราสั่งให้นางจัดตั้งกองทัพหญิง”เจินเจินคำนับเฟิ่งจิ่วเหยียนอย่างคนระดับเดียวกันเฟิ่งจิ่วเหยียนพยักหน้าตอบเจินเจินพูดกับนางอย่างตรงไปตรงมาว่า“วันที่ฝ่าบาทเสด็จไปตรวจสอบกองทัพทรงเห็นข้าว่าใช้ทวนยาวได้ดี จึงทรงให้ข้าเข้าร่วมกองทัพตามอุดมการณ์ของข้า ทั้งยังทรงช่วยถอนหมั้นให้ข้า“ฝ่าบาททรงมีบุญคุณต่อข้า ข้าไม่มีทางทำผิดต่อความคาดหวังนี้เด็ดขาด“สตรีในเมืองหลวงส่วนใหญ่ถูกเลี้ยงดูอย่างเอาแต่ใจมาแต่เด็ก ไม่มีเด็กสาวสมัครเป็นทหารหญิงซักเท่าใด ข้าจึงลองมาที่เมืองอันดู“นึกไม่ถึงว่าจะบังเอิญถึงเพียงนี้...”ยามที่นางกำลังพูดอยู่ เซียวอวี้สังเกตสีหน้าเฟิ่งจิ่วเหยียนด้วยสีหน้าคลุมเครือทว่าเพราะมีหน้ากากบังอยู่ เขาจึงได้แต่ตัดสินจากแววตาและวงโค้งของมุมปากว่านางอารมณ์ดีหรือไม่ดีทว่านางเป็นคนที่ไม่ค่อยแสดงอารมณ์ออกมา ทำให้เขาเดาไม่ถูกเขายอมรับ ตอนแรกนั้นเขารู้สึกว่าเจินเจินมีส่วนที่เหมือนนางจริง ๆ ใช้ทวนยาวเหมื
เพื่อที่จะสลัดเซียวอวี้ออกให้ได้ เฟิ่งจิ่วเหยียนทำได้เพียงทำทุกอย่างให้บรรลุผลเป้าหมายโดยไม่เลือกวิธีการ“ใช่ ข้า...ตกหลุมรักแม่นางเจินเจินตั้งแต่แรกเห็น”เซียวอวี้หัวเราะเย็นทันใดนั้นก็ดูเหมือนเขาโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ ยกมือพาดคล้องคอนางด้านหลัง“เช่นนั้น เราพระราชทานสมรสให้พวกเจ้า ดีหรือไม่?”เฟิ่งจิ่วเหยียนพยายามดันมือของเขาออก เขากลับยิ่งรัดให้แน่นขึ้น ทั้งยังเอียงลำตัวช่วงบนมาชิดนาง“ถึงอย่างไรเราก็ไม่อาจแต่งตั้งบุรุษเป็นสนมได้ เจ้าแต่งเข้าตระกูลเจิน ทีนี้ก็ต้องอยู่ที่เมืองหลวงตลอดไปแล้ว“ช่วงเช้าเจ้าก็เป็นสามีภรรยากับเจินเจินผู้นั้น ตกกลางคืนก็มาเป็นสามีภรรยากับเรา...”“เหลวไหลสิ้นดี!” เฟิ่งจิ่วเหยียนคิดอยากใช้แรงผลักเขาออกไปทว่าพลันถูกเขาจับมือข้างนั้นที่ใช้ผลักคนไปคำพูดเมื่อครู่ของนางออกจะดังไปซักหน่อย เจินเจินที่อยู่ด้านนอกได้ยินจึงลดความเร็วลงแล้วถามด้วยความกังวล“ฝ่าบาท คุณชายซู พวกท่านเป็นอะไรหรือไม่?”“ไม่มีอะไร” น้ำเสียงที่น่าเกรงขามของเซียวอวี้ ทำให้นางหมดความสงสัยมือหนึ่งเขาคล้องหลังคอของเฟิ่งจิ่วเหยียน อีกข้างจับข้อมือของนาง ส่วนนางใช้มืออีกข้างดันลงบนอกของ
หลังจากที่ฮ่องเต้เยี่ยนได้ฟังคำขอของพระธิดา ก็หาได้ปฏิเสธทันทีไม่ ฮองเฮาของเซียวอวี้——เฟิ่งจิ่วเหยียน มิใช่สตรีธรรมดา สาเหตุที่เป่ยเยี่ยนพ่ายแพ้ต่อหนานฉีหลายครั้ง ล้วนมีฝีมือของสตรีคนนี้อยู่ในนั้น ถึงแม้เซี่ยนอี๋ไม่เอ่ย เขาก็ต้องการกำจัดเฟิ่งจิ่วเหยียนอยู่แล้ว “ได้ พ่อรับปากเจ้า” องค์หญิงเซี่ยนอี๋รู้สึกพอใจมาก “ขอบพระทัยเสด็จพ่อ!” สิ่งใดที่นางไม่ได้ครอบครอง คนอื่นก็อย่าหวังจะได้ ทว่า ฮ่องเต้เยี่ยนยังไม่หายแคลงใจ เขาถาม “เรื่องในคุกลับนั้น ผู้ใดบอกเจ้า” องค์หญิงเซี่ยนอี๋ยังมีจิตสำนึกอยู่ หาได้ทรยศองค์ชายสี่ไม่ “เป็น...เสด็จพี่เจ็ดเพคะ” สีหน้าของฮ่องเต้เยี่ยนพลันมืดลง เจ้าเจ็ดนี่ เลอะเลือนเกินไปแล้ว! องค์หญิงเซี่ยนอี๋ขอร้อง “เสด็จพ่อ เสด็จพี่เจ็ดก็ถูกหม่อมฉันบังคับ ท่านอย่าตำหนิเขาเลย และอย่าบอกเขาด้วยว่า หม่อมฉันพูด มิฉะนั้นต่อจากนี้เขาคงไม่รักเอ็นดูหม่อมฉันอีกเพคะ” ใบหน้าของฮ่องเต้เยี่ยนแสดงความอดกลั้นไม่ใส่ใจ “ได้ เราเข้าใจแล้ว”…… เมื่อองค์หญิงเซี่ยนอี๋ออกจากวังหลวง ก็ตรงไปที่คุกลับอีกครั้ง ครั้
ขณะที่องค์หญิงเซี่ยนอี๋กำลังถือพู่หยกอย่างพึงพอใจ ทันใดนั้นชายหนุ่มก็บีบคอของนาง จนโซ่ที่ล่ามไว้ส่งเสียง“อึก!” นางพลันเบิกตากว้างไหนเสด็จพี่สี่บอกว่า ฮ่องเต้ฉีสูญเสียพลังภายในไปหมดแล้วไม่ใช่หรือ?เดิมทีเซียวอวี้คิดจะให้ความร่วมมือนาง เพื่อให้นางช่วยตัวเองหนีออกไปจากที่แห่งนี้ทว่า เขาประเมินความอดทนของตัวเองไว้สูงเกินไปเขาทนไม่ไหวแล้วจริง ๆ!นางกล้าเอาพู่หยกนั้นไป!หลังจากเซียวอวี้บีบคอนาง นางก็พยายามชูพู่หยกไปด้านหลัง ไม่ยอมคืนให้เขาแต่ด้วยแรงมือของเขามากขึ้นเรื่อย ๆ นางใกล้หมดลม แขนจึงหลุบลงเช่นนี้ เซียวอวี้จึงแย่งพู่หยกกลับมาได้ จากนั้นก็สะบัดนางออก ราวกับเพิ่งจับสิ่งของสกปรกมา ทั้งยังพูดอย่างไม่รักษาน้ำใจ“ไสหัวไป!”องค์หญิงเซี่ยนอี๋ได้รับความรักมาตั้งแต่เด็ก ไฉนเลยจะเคยถูกดูแคลนขนาดนี้นางไม่ยอม จึงจ้องเซียวอวี้ตาเขม็ง“ท่านจะต้องเสียใจ! นอกจากข้า ก็ไม่มีผู้ใดช่วยเจ้าออกไปจากที่นี่ได้!”เซียวอวี้ไม่สนใจนางอีกหากเพื่อหนีออกไป แล้วต้องร่วมเออออห่อหมกไปกับผู้หญิงคนนี้ เขากลัวสกปรกองค์หญิงเซี่ยนอี๋ถูกทำลายศักดิ์ศรี ลุกขึ้น แล้วยิ้มเยาะ“ท่านลำพองใจอะไรนัก? เป็
องค์ชายสี่อ่านความคิดขององค์หญิงเซี่ยนอี๋ออก จึงมีสีหน้าเคร่งขรึม“คนที่ขังอยู่ในนั้นคือใคร เจ้าไม่จำเป็นต้องรู้ ต่อให้เสด็จพ่อจะตามใจเจ้าแค่ไหน ก็ไม่มีทางมอบเขาให้เจ้าแน่ เซี่ยนอี๋ เจ้าเลิกคิดเถิด”“หากท่านไม่บอก พรุ่งนี้ข้าจะมาอีก!” องค์หญิงเซี่ยนอี๋กอดอก พูดข่มขู่องค์ชายสี่กลัวเหลือเกินว่านางจะมาสร้างเรื่องวุ่นวายยัยเด็กนี่ดื้อรั้นมาตั้งแต่เด็ก ไม่ถึงเป้าหมายก็จะไม่ยอมหยุดครุ่นคิดอยู่นาน องค์ชายสี่ก็ตัดสินใจบอกนาง“นั่นคือฮ่องเต้ฉี คนที่เสด็จพ่อใช้ความพยายามอย่างมากในการจับตัวมา”ให้นางรู้ถึงตัวตนของคนผู้นั้น นางจะได้หวาดกลัวองค์หญิงเซี่ยนอี๋เบิกตาอ้าปากค้างในทันที จากนั้นใบหน้าก็ก่อเกิดริ้วแดง“เขาคือ…”นางไม่อยากจะเชื่อชื่อเสียงของฮ่องเต้หนุ่มจากหนานฉี นางเคยได้ยินมาเป็นเวลานานแล้วครั้งนี้ได้มาเจอ ช่างหล่อเหลาโดดเด่นอย่างที่ร่ำลือกันไม่มีผิดดูดีกว่าบรรดาราชบุตรเขยที่เสด็จพ่อให้นางเลือกเสียอีกและยังเป็นคนน่าเกรงขามถึงเพียงนั้น…องค์หญิงเซี่ยนอี๋จับชายเสื้อขององค์ชายสี่อย่างตื่นเต้น “เสด็จพี่ เสด็จพี่คนดีของข้า ข้ารับรองว่าจะไม่ทำเรื่องสำคัญของท่านกับเสด็จพ่อเ
วังหลังเหล่าสนมต่างเคยได้ยินเรื่องเกี่ยวกับราชสำนักส่วนหน้ามาบ้าง“ฮองเฮาจะให้เด็กเล็กขนาดนั้นขึ้นครองราชย์จริงหรือ? ช่างเละเทะเสียจริง!”“เห็นได้ชัดว่าหวังเพื่อควบคุมโอรสสวรรค์!”“นี่ก็เป็นส่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ มิใช่หรือ ในเมื่อเหล่าขุนนางต่างพากันกดดันอย่างหนัก และยังมีทายาทในราชวงศ์ที่ไม่อยู่นิ่งอีกด้วย…”“ใช่สิ หากฮองเฮาไม่ทำเช่นนี้ พวกเราก็จะเดือดร้อนด้วย หากมีฮ่องเต้องค์ใหม่ขึ้นครองบัลลังก์ สิ่งแรกที่จะทำต้องเป็นการจัดวังหลังใหม่เป็นแน่”พวกนางกังวลเกี่ยวกับผลสรุปของราชสำนักส่วนหน้าหลังจากรอคอยอยู่หนึ่งชั่วยาม ในที่สุดก็มีขันทีมารายงาน——องค์ชายน้อยได้ขึ้นครองบัลลังก์มังกรสำเร็จแล้ว แต่ยังมีคนยึดติดเรื่องฝาแฝดไม่ยอมปล่อยวาง บังคับให้ฮองเฮาต้องสังหารองค์ชายอีกองค์ทิ้งเมื่อเหล่านางสนมได้ยิน ก็เริ่มเป็นห่วงฮองเฮาขึ้นมาในฐานะเป็นแม่ จะทำใจทิ้งลูกแท้ ๆ ได้อย่างไร?ขุนนางใหญ่เหล่านั้นทำมากเกินไปแล้ว!ทว่า ฝาแฝดก็เป็นปัญหาจริง ๆ ไม่รู้ว่าฮองเฮาจะรับมืออย่างไรไม่นาน ก็มีขันทีมารายงานอีก“พระนางทุกท่าน เหล่าขุนนางได้สลายตัวแล้ว!”นางสนมทั้งหลายแปลกใจอย่างมากทำไมสลายต
เฟิ่งจิ่วเหยียนอุ้มลูก ยืนอยู่บนที่สูง แววตาสุขุมแน่วแน่“หากข้าอยากว่าราชการหลังม่าน แล้วเหตุใดจะไม่ได้?”เมื่อคำนี้พูดออกมา ทุกคนต่างส่งเสียงเกรียวกราว“ฮองเฮา ท่านก็ไม่ต่างอะไรกับให้แม่ไก่มาขันในตอนเช้า นั่นฝ่าฝืนกฎเกณฑ์!”“ขออภัยกระหม่อมขอคัดค้าน!”ไทฮองไทเฮามีสีหน้าโรยรา มองไปยังเฟิ่งจิ่วเหยียน แล้วส่ายหน้าอย่างเอือมระอาฮองเฮาทำเช่นนี้ มันเสี่ยงมากเกินไปพูดตรงขนาดนี้ ขุนนางคนไหนจะยอมรับได้?เฟิ่งจิ่วเหยียนไม่มีความอดทนมากขนาดนั้น จึงวางองค์ชายลงบนบัลลังก์“ไม่ต้องกล่าวถึงว่าฝ่าบาทยังไม่เสด็จสวรรคต ถึงแม้ว่าท่านเป็นอะไรไปจริง ๆ ก็ยังมีองค์ชายสืบราชบัลลังก์ ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่ถึงเวลาสำหรับทุกท่านหรอก“วันนี้พวกเจ้าต่างพูดกันเซ็นแซ่ ราวกับอยากวางแผนชิงบัลลังก์เลยนะ!”ทหารคนหนึ่งโต้กลับไปอย่างฮึกเหิม“ฮองเฮา พวกกระหม่อมบริสุทธิ์ใจ กลับถูกท่านหยามเกียรติเช่นนี้! พวกกระหม่อมไม่ยอม!”ท่านอ๋องผู้หนึ่งมองไปทางไทฮองไทเฮา“เสด็จย่า ท่านพูดอะไรบ้างสิ!”เด็กทารกจะไปทำอะไรได้? คุ้มครองแผ่นดินไหวหรือ?จู่ ๆ ไทฮองไทเฮาก็บอกว่าปวดหัว แล้วให้สาวใช้ประคองตัวเองออกไปเหล่าท่านอ๋องต่
แคว้นหนานฉีณ เมืองหลวงเรื่องที่ฮองเฮากลับวัง และให้กำเนิดฝาแฝด ใต้หล้าต่างรู้กันถ้วนหน้าอย่างรวดเร็วในวังหลวง ไทเฮาทั้งดีใจที่องค์ชายถือกำเนิดขึ้นมา ทั้งกังวลเรื่องฝาแฝดนางเรียกฮองเฮามาที่ตำหนักฉือหนิง ชักแม่น้ำทั้งห้ามาพูดกับอีกฝ่าย“หากราชวงศ์มีฝาแฝด โดยเฉพาะองค์ชาย เช่นนั้นก็ต้องส่งคนหนึ่งออกไปนอกวัง“ฮองเฮา ข้ารู้ ไม่ว่าจะหน้ามือหรือหลังมือล้วนคือเลือดเนื้อ แต่เพื่อราชวงศ์ เจ้าต้องตัดสินใจอย่างเด็ดขาด”ขนาดตอนนั้นตระกูลเฟิ่งมีลูกแฝดยังทอดทิ้งหนึ่งคน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงราชวงศ์ใบหน้าเฟิ่งจิ่วเหยียนไร้ซึ่งอารมณ์ใด ๆ กล่าวเหมือนไม่ได้ยิน“เด็กทั้งสองคน จะไม่มีใครถูกส่งออกไปทั้งนั้น”เซียวอวี้เองก็เคยพูด เขาจะปกป้องลูกของตัวเองไทเฮารู้เป็นอย่างดีว่าการเป็นแม่ไม่ใช่เรื่องง่ายแต่กฎก็เป็นเช่นนี้“ฮองเฮา อย่าหาว่าข้าใจร้ายเลย แม้นข้าจะยินยอม ขุนนางใหญ่เหล่านั้นก็คงไม่ยอมอยู่ดี“วันนี้อยากให้เจ้าเตรียมพร้อม“สุดท้ายเจ้าก็ต้องตัดสินใจ”วังหลังเหล่านางสนมรวมตัวกัน ต่างคนต่างมีความคิดแตกต่างกัน“มีคนบอกว่าฝ่าบาทเกิดเรื่อง จริงหรือไม่?”“มีความเป็นไปได้สูงว่าจะเป็นเรื่อ
เซียวอวี้ที่ยังคงคอพับไร้เรี่ยวแรง ยกยิ้มเย็นที่มุมปากอย่างถากถางเขาไม่พูดอะไร ท่าทางทะนงองอาจคนที่อยู่ตรงหน้าแนะนำตัว “ข้าคือองค์ชายสี่แห่งแคว้นเป่ยเยี่ยน ครั้งนี้มาเป็นตัวแทนของเสด็จพ่อ เพื่อแสดงไมตรีในฐานะเจ้าบ้านต่อฮ่องเต้หนานฉี”เมื่อองค์ชายสี่มองส่งสัญญาณ ข้ารับใช้ก็นำอาหารเข้ามาเซียวอวี้ไม่แม้แต่จะมององค์ชายสี่มีความอดทน เขาพูดด้วยรอยยิ้ม“ฮ่องเต้หนานฉี พวกเราแคว้นเป่ยเยี่ยนเชิญท่านมาเป็นแขกด้วยความจริงใจ“เพียงแต่ข้างนอกอันตรายเกินไป จึงได้แต่จัดให้ท่านอยู่ที่นี่“ท่านวางใจเถิด รอให้แคว้นเป่ยเยี่ยนขับไล่กองทัพแคว้นหนานฉีออกไปจนได้ดินแดนที่สูญเสียไปคืนมา ย่อมปล่อยตัวท่านกลับไป”ริมฝีปากบางของเซียวอวี้ยิ้มเยาะเบา ๆพูดเสียดูดี ที่จริงก็แค่เอาเขาเป็นตัวประกัน ทำให้กองทัพแคว้นหนานฉีต่อต้านไม่ได้ก็เท่านั้นองค์ชายสี่เห็นเขาเยือกเย็นเพียงนี้ จึงขอตัวไปก่อนทว่าเมื่อออกมาด้านนอก องค์ชายสี่ก็พูดอย่างเย้ยหยัน“ตกเป็นเชลยแล้วยังจะโอหังเพียงนี้!”ที่ปรึกษาที่อยู่ข้างกายเขาพูด“องค์ชาย ฝ่าบาททรงมอบหมายเรื่องนี้ให้ท่าน ไม่แน่ว่าจะเป็นเรื่องดีเสมอไป ได้ยินว่าฮ่องเต้หนานฉีผ
เฟิ่งจิ่วเหยียนมองภาพรวมเป็นสำคัญ จึงต้องกลับแคว้นหนานฉีก่อนอู๋ไป๋วิตกกังวล“ท่านประมุข กระหม่อมกลัวว่านักฆ่าพวกนั้นจะลงมือกับท่านด้วยพ่ะย่ะค่ะ”ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าท่านประมุขเพิ่งจะคลอดลูก จะทนรับแรงสั่นสะเทือนจากการเดินทางได้เช่นไร?สีหน้าของเฟิ่งจิ่วเหยียนเย็นชา“กลับแคว้นหนานฉี”ไม่ว่าจะยากลำบากเพียงใดก็ต้องกลับไปกลัวก็กลัวแต่ เป้าหมายของนักฆ่าพวกนั้นคือก่อกวนแคว้นหนานฉี นางจะปล่อยให้พวกเขาสมหวังไม่ได้เด็ดขาดก่อนที่จะตามหาเซียวอวี้เจอ นางจะต้องช่วยเขาปกป้องแคว้นหนานฉีเอาไว้ให้ได้เฟิ่งจิ่วเหยียนจัดการเรื่องในแคว้นซีนี่ว์ไว้เรียบร้อยแล้ว รวมถึงว่าจะจัดการขับไล่กองทัพแคว้นเป่ยเยี่ยนอย่างไร ไปจนถึงผู้ที่จะสืบทอดตำแหน่งประมุขแคว้นคนใหม่ด้วยเพื่อป้องกันไม่ให้ประมุขคนใหม่ใช้อำนาจอย่างเผด็จการ นางจึงจัดตั้งนโยบายสามประมุขขึ้นในบรรดาสามคนนี้ มีคนหนึ่งเป็นบุรุษทำเช่นนี้จะได้ปลอบโยนเหล่าบุรุษในแคว้นซีนี่ว์ ป้องกันไม่ให้พวกเขาสร้างเรื่องวุ่นวายอีกเฟิ่งจิ่วเหยียนออกเดินทางกลับแคว้นหนานฉีอย่างรวดเร็วแม้ว่าหูย่วนเอ๋อร์จะตัดใจไม่ลง ทว่านางก็รู้ดีถึงความเร่งด่วนในเรื่องนี้
ประตูตำหนักเปิดออก นางกำนัลเดินออกมาจากด้านในแล้วพูดกับหูย่วนเอ๋อร์: “ท่านแม่ทัพ ท่านประมุขคลอดองค์ชายพระองค์หนึ่งออกมาอย่างปลอดภัยเพคะ”ที่แคว้นซีหนี่ว์ มีเพียงองค์หญิงเท่านั้นที่จะสืบทอดตำแหน่งประมุขได้ ดังนั้นองค์ชายผู้นี้จึงไม่เป็นที่ต้องการทว่าหูย่วนเอ๋อร์ยังคงรู้สึกขอบคุณสวรรค์เป็นอย่างยิ่ง“องค์ชายก็ดี ปลอดภัยก็ดีแล้ว”ไม่ว่าอย่างไรก็เป็นสายเลือดเชื้อพระวงศ์เพิ่งจะพูดจบ หมอตำแยข้างในก็ร้องตะโกนอย่างตกใจ“ยังมีอีกพระองค์หนึ่ง!”ที่แท้ท่านประมุขก็ทรงตั้งครรภ์ฝาแฝดนี่เป็นเรื่องเหนือความคาดหมายของทุกคนแววตาหูย่วนเอ๋อร์มีความยินดีและการเฝ้ารอพาดผ่านหวังว่าจะเป็นแฝดชายหญิงหากเป็นองค์หญิง อนาคตย่อมสามารถสืบทอดตำแหน่งประมุขแคว้นได้ภายในตำหนักเฟิ่งจิ่วเหยียนนึกไม่ถึงว่าคลอดออกมาแล้วคนหนึ่ง แล้วยังมีอีกคนโชคดีที่นางเป็นผู้ฝึกยุทธ์ ยังใช้แรงไปไม่หมดก่อนหน้านี้เป็นเพราะตำแหน่งครรภ์ไม่ตรงจึงคลอดยากคนที่สองนี้กลับคลอดง่ายกว่ามาก ทว่าตอนนี้เฟิ่งจิ่วเหยียนไม่รู้สึกอะไรแล้ว นางเจ็บปวดจนชาไปหมดแล้ว ร่างกายส่วนล่างบวมเสียจนเหมือนว่าเนื้อส่วนนั้นไม่ใช่ของนางอีกต่อไปจนกร