ไฟเพิ่งลุกโชน ยังไม่ลามไปถึงวิหารหลักของวิหารลัทธิเต๋า ทว่าควันหนาทึบปลิวไปทั่ว มองเห็นเลือนราง รู้สึกแสบร้อนในลำคอทำให้ไม่สบายตัวอย่างมากรู้ว่าเฟิ่งจิ่วเหยียนถูกขังอยู่ข้างล่าง เซียวอวี้สั่งเฉินจี๋ด้วยเสียงเคร่งขรึม “หากลไก ! ”ข้างนอกมีควันฟุ้งหนาทึบ ราวกับทะเลเมฆดำทะมึนเข้ามา เฉินจี๋ใช้มือข้างหนึ่งปิดจมูก พร้อมตะโกนหาเซียวอวี้“ฝ่าบาท กระหม่อมอยู่หากลไก ท่าน...”เซียวอวี้พูดขึ้นมาด้วยสายตาเยือกเย็น“ไม่ต้องพูดมาก รีบช่วยคน ! ”วิหารหลักของวิหารลัทธิเต๋า ตกแต่งอย่างเรียบง่ายมาก ทั้งสองค้นหาอยู่นานสักพัก ก็หากลไกไม่เจอเห็นว่าไฟกำลังจะลุกลามมา เฉินจี๋รอไม่ไหวแล้ว“ฝ่าบาท ควรไปได้แล้ว ! อันตราย ! ! ”เมื่อวิหารหลักมอดไหม้ พวกเขาก็ออกไปไม่ได้แล้ว !“ฝ่าบาท ! ” เฉินจี๋ร้อนใจจนเสียงแตก “ซูฮ่วนวรยุทธล้ำเลิศ ไม่แน่ว่าเขาอาจจะหนีออกมาตั้งแต่แรกแล้ว ! ฝ่าบาท ไม่จำเป็นต้องไปเสี่ยงอันตรายเพื่อเขา ! ”เซียวอวี้มองดูบนพื้น สีหน้าตึงเครียดเขาเป็นฮ่องเต้ เขาจะตายอยู่ที่นี่ เพื่อสตรีผู้หนึ่งไม่ได้แผ่นดินไม่ไร้เท่าใบพุทรายิ่งไปกว่านั้น ยังเป็นสตรีผู้หนึ่ง ที่ไม่มีความรู้สึกอะไรกับเข
สตรีคลุมหน้าปฏิเสธว่าไม่ได้มาเพื่อแก้แค้น“ไม่ ข้าไม่คิดเช่นนั้น“คุณชายซู ในทางกลับกัน ข้าคิดว่าเรื่องราวไม่ได้ง่ายเช่นนี้“พี่ชายแอบสืบเรื่องที่ประมุขพรรคชิงอวี่ถูกสังหารมาตลอด ภายหลังเขาสืบรู้ความจริงอย่างที่คิด เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับพรรคเทียนหลง ทว่าจนใจที่ไม่มีหลักฐาน“เขานำเรื่องที่คาดเดาบอกเจ้าสำนักกับพวกศิษย์พี่ ทว่าไม่มีใครเชื่อเขา เจ้าสำนักยังถึงขั้นข่มขู่ว่าจะขับไล่เขาออกจากสำนัก“ทว่าข้าเชื่อเขา“ก่อนที่เขาจะไปยังพรรคเทียนหลง ก็ตัดสินใจที่จะทุ่มสุดตัว กระชากหน้ากากเปิดตัวความจริงของพรรคเทียนหลงต่อหน้าทุกคน ทว่าเขาตายแล้ว ข้าสงสัยว่า เขาถูกพรรคเทียนหลงฆ่าตาย“หลังจากที่เขาตายไปแล้วสองวัน สำนักหลิงซานถูกฆ่าล้างสำนัก เจ้าสำนักพวกศิษย์พี่ล้วนถูกฆ่าตายหมด จนไม่หลงเหลือสำนักอีกต่อไป ข้าไม่มีทางไป จึงคิดว่าจะมาตามหาเจ้ากับผู้นำพันธมิตรตงฟาง”เซียวอวี้เป็นคนขี้ระแวง “ล้วนตายหมดแล้ว ทำไมเจ้ายังมีชีวิตอยู่”“หลังจากพี่ชายตาย ข้าก็ลงเขา ข้าคิดอยากสืบสาเหตุการตายของเขา จึงบังเอิญรอดชีวิตมาได้ ระหว่างทางได้เจอคนของสำนักจื่อหยาง ข้าจึงสะกดรอยตามพวกเขา...”นางหันไปมองเฟิ่งจิ่วเห
เฟิ่งจิ่วเหยียนไม่รู้ว่าตนสลบไปนานแค่ไหนแล้ว ยามที่ลืมตาอีกครั้ง นางกับเซียวอวี้ยังคงอยู่ในเส้นทางนั้นทว่านางเห็นแสงสว่างอยู่ด้านหน้าราง ๆคาดว่าคงจะใกล้ทางออกมากขึ้นเรื่อย ๆในเวลาเดียวกันนี้เองภายในวิหารลัทธิเต๋าท้องฟ้าสว่างแล้วเฉินจี๋และกลุ่มองครักษ์ยังไม่ได้จากไปไฟไหม้ใหญ่เมื่อคืนวาน เกือบจะทำลายวิหารลัทธิเต๋าทั้งหมดไปเสียแล้วความโชคดีเพียงหนึ่งเดียวก็คือกลไกนั่นแข็งแกร่งมาก ไฟจึงไหม้ไปไม่ถึงใต้ดินเฉินจี๋มั่นใจว่าฝ่าบาทจะต้องปลอดภัยเป็นแน่เพียงแต่กำแพงอิฐที่ใช้ควบคุมกลไกถูกไฟเผาจนพังทลายไปแล้ว ยามนี้จะช่วยฝ่าบาทออกมา ก็ทำได้แต่ขุดพื้นเท่านั้นเขาสั่งการให้องครักษ์เหล่านั้นลงมือทันทีส่วนทางด้านวังหลวง เขาทำได้เพียงปิดเรื่องนี้ไว้ก่อนเท่านั้นไม่เช่นนั้นย่อมเกิดความโกลาหล......เซียวอวี้พาเฟิ่งจิ่วเหยียนออกจากเส้นทางที่ทั้งแคบและยาวนั้นจนมาถึงมุมหนึ่งของหุบเขาสองฝั่งเป็นเขาสูงชะลูดที่เต็มไปด้วยอันตรายและลำธารใสกระจ่างที่ส่งกลิ่นหอมหวานเขานำเฟิ่งจิ่วเหยียนไปวางไว้ข้างต้นไม้ จากนั้นก็ตรวจดูบาดแผลที่ขาเฟิ่งจิ่วเหยียนห้ามเขาทันที“ข้าใส่ยาเองแล้ว”ยามนี้น
“ท่านเป็นฮ่องเต้ ท่านจะมาชอบบุรุษได้อย่างไรกัน!”เฟิ่งจิ่วเหยียนโมโหจัดเดิมนางคิดว่าที่เขามาช่วยนางเพราะคุณธรรมและมิตรภาพปรากฏว่าเป็นเพราะเขาชอบบุรุษ!นี่ทำให้นางรู้สึกโกรธเป็นอย่างมาก“เซียวอวี้ ท่านเคยคิดถึงราษฎร คิดถึงราชสำนักและแคว้นหรือไม่ หากท่านพบกับเรื่องอันตรายเข้าล่ะ ท่านเคยคิดบ้างไหม...ข้า ที่ข้าอยู่ในเมืองหลวงก็เพื่อปกป้องฮ่องเต้ให้ปลอดภัย ท่านกลับ ท่านกลับคิดแต่เรื่องรัก ๆ ใคร่ ๆ พวกนี้ ท่าน...นี่ท่านรู้สึกละอายใจต่อความหวังดีของข้าและตงฟางซื่อบ้างหรือไม่!“ท่าน ท่านอยู่ให้ห่างจากข้าหน่อย! ข้าบอกไว้ก่อนเลยนะ ว่าข้าไม่ชอบบุรุษ!”จู่ ๆ อารมณ์นางก็พลุ่งพล่าน นางเริ่มรู้สึกเวียนหัวตาลายอีกแล้วเซียวอวี้เห็นเฟิ่งจิ่วเหยียนรู้สึกไม่สบายจึงรีบตอบว่า“เอาล่ะ เอาล่ะ เราผิดเอง เช่นนั้นพวกเราอย่าเพิ่งพูดถึงเรื่องนี้เลย วิหารลัทธิเต๋าลับนั่นเชื่อมมาที่หุบเขานี้ เราไม่อาจอยู่ที่นี่นานได้ พวกเรารีบออกไปกันเถอะ”เขากวาดตามองสภาพแวดล้อมรอบด้าน จากนั้นก็อุ้มนางขึ้นในแนวขวางเฟิ่งจิ่วเหยียนรู้สึกต่อต้านเป็นอย่างมาก เพราะทั้งโมโหและได้รับบาดเจ็บ นางจึงพูดอย่างยากลำบาก “เจ้า...เจ
ณ ห้องส่วนตัวในโรงพักแรมเจินเจินคารวะเซียวอวี้อย่างเต็มพิธีการ“หม่อมฉันคารวะฝ่าบาทเพคะ!”เซียวอวี้หันไปอธิบายให้เฟิ่งจิ่วเหยียนฟัง“นี่คือบุตรสาวของเจินหรูไห่ นามเจินเจิน เราสั่งให้นางจัดตั้งกองทัพหญิง”เจินเจินคำนับเฟิ่งจิ่วเหยียนอย่างคนระดับเดียวกันเฟิ่งจิ่วเหยียนพยักหน้าตอบเจินเจินพูดกับนางอย่างตรงไปตรงมาว่า“วันที่ฝ่าบาทเสด็จไปตรวจสอบกองทัพทรงเห็นข้าว่าใช้ทวนยาวได้ดี จึงทรงให้ข้าเข้าร่วมกองทัพตามอุดมการณ์ของข้า ทั้งยังทรงช่วยถอนหมั้นให้ข้า“ฝ่าบาททรงมีบุญคุณต่อข้า ข้าไม่มีทางทำผิดต่อความคาดหวังนี้เด็ดขาด“สตรีในเมืองหลวงส่วนใหญ่ถูกเลี้ยงดูอย่างเอาแต่ใจมาแต่เด็ก ไม่มีเด็กสาวสมัครเป็นทหารหญิงซักเท่าใด ข้าจึงลองมาที่เมืองอันดู“นึกไม่ถึงว่าจะบังเอิญถึงเพียงนี้...”ยามที่นางกำลังพูดอยู่ เซียวอวี้สังเกตสีหน้าเฟิ่งจิ่วเหยียนด้วยสีหน้าคลุมเครือทว่าเพราะมีหน้ากากบังอยู่ เขาจึงได้แต่ตัดสินจากแววตาและวงโค้งของมุมปากว่านางอารมณ์ดีหรือไม่ดีทว่านางเป็นคนที่ไม่ค่อยแสดงอารมณ์ออกมา ทำให้เขาเดาไม่ถูกเขายอมรับ ตอนแรกนั้นเขารู้สึกว่าเจินเจินมีส่วนที่เหมือนนางจริง ๆ ใช้ทวนยาวเหมื
เพื่อที่จะสลัดเซียวอวี้ออกให้ได้ เฟิ่งจิ่วเหยียนทำได้เพียงทำทุกอย่างให้บรรลุผลเป้าหมายโดยไม่เลือกวิธีการ“ใช่ ข้า...ตกหลุมรักแม่นางเจินเจินตั้งแต่แรกเห็น”เซียวอวี้หัวเราะเย็นทันใดนั้นก็ดูเหมือนเขาโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ ยกมือพาดคล้องคอนางด้านหลัง“เช่นนั้น เราพระราชทานสมรสให้พวกเจ้า ดีหรือไม่?”เฟิ่งจิ่วเหยียนพยายามดันมือของเขาออก เขากลับยิ่งรัดให้แน่นขึ้น ทั้งยังเอียงลำตัวช่วงบนมาชิดนาง“ถึงอย่างไรเราก็ไม่อาจแต่งตั้งบุรุษเป็นสนมได้ เจ้าแต่งเข้าตระกูลเจิน ทีนี้ก็ต้องอยู่ที่เมืองหลวงตลอดไปแล้ว“ช่วงเช้าเจ้าก็เป็นสามีภรรยากับเจินเจินผู้นั้น ตกกลางคืนก็มาเป็นสามีภรรยากับเรา...”“เหลวไหลสิ้นดี!” เฟิ่งจิ่วเหยียนคิดอยากใช้แรงผลักเขาออกไปทว่าพลันถูกเขาจับมือข้างนั้นที่ใช้ผลักคนไปคำพูดเมื่อครู่ของนางออกจะดังไปซักหน่อย เจินเจินที่อยู่ด้านนอกได้ยินจึงลดความเร็วลงแล้วถามด้วยความกังวล“ฝ่าบาท คุณชายซู พวกท่านเป็นอะไรหรือไม่?”“ไม่มีอะไร” น้ำเสียงที่น่าเกรงขามของเซียวอวี้ ทำให้นางหมดความสงสัยมือหนึ่งเขาคล้องหลังคอของเฟิ่งจิ่วเหยียน อีกข้างจับข้อมือของนาง ส่วนนางใช้มืออีกข้างดันลงบนอกของ
เฟิ่งจิ่วเหยียนจ้องมองเซียวอวี้อย่างสงบแล้วเอ่ยถาม“เหตุใดท่านต้องหลอกข้าว่าท่านชอบบุรุษด้วย”ดวงตาสีดำสนิทของเซียวอวี้ลึกล้ำและเด็ดเดี่ยว“เป็นเจ้าที่เข้าใจเราผิดก่อนว่าเราชอบบุรุษ เราก็แค่เอาคืนเจ้า”เมื่อฟังคำตอบเฟิ่งจิ่วเหยียนก็อยากจะกัดเขาให้ตายเอาคืน?ทำไมเขาถึงใจแคบขนาดนี้!ไม่รู้หรือว่านางอกสั่นขวัญหายมาตลอดทาง เอาแต่วิตกกังวลอยู่ตลอดเวลา!ทว่าโชคดีนักที่เขาไม่ได้ชอบบุรุษจริง ๆเซียวอวี้กลับถามอีกครั้งว่า“ว่าแต่เจ้าชอบสตรีจริง ๆ รึ?”เฟิ่งจิ่วเหยียนพยักหน้าทันที “ใช่”เซียวอวี้มองสังเกตนางทั้งร่าง“หร่วนฝูอวี้ตามติดเจ้ามาหลายปีขนาดนี้ ก็ไม่เห็นเจ้าจะสู่ขอนาง หรือเจ้าจะไม่ไหว?”เฟิ่งจิ่วเหยียนตอบเขาอย่างใจเย็น“ยุทธภพยังไม่สงบ จะสร้างครอบครัวได้อย่างไร”เซียวอวี้ตอบอย่างเคร่งขรึมว่า“นี่มันสลับกันแล้ว จะสร้างตัวสร้างฐานะต้องมีครอบครัวก่อนจึงจะถูก”เฟิ่งจิ่วเหยียนพูดอย่างสงบว่า“สำหรับข้าแล้วการมีครอบครัวเป็นเรื่องยุ่งยาก”ตอนนี้นางตัวคนเดียวก็ดีอยู่เซียวอวี้แก้คำพูดนางอย่างผู้มีประสบการณ์“เจ้าไม่เคยแต่งงานย่อมไม่เคยรับรู้ถึงรสชาติของการแต่งงาน หยินหยางผ
เรื่องที่ฮ่องเต้เสี่ยงชีวิตช่วยคน ตงฟางซื่อไม่ได้คิดไปในแง่ที่ลึกกว่านั้น เขาเพียงถอนหายใจออกมาแล้วกล่าวว่า“ฝ่าบาทช่างเห็นค่าบุญคุณยิ่งนัก ข้าไม่นึกเสียใจเลย ที่ได้ยื่นมือเข้าไปช่วยตอนสงครามเมืองเซวียน”ต่อมาก็เอ่ยเตือนเฟิ่งจิ่วเหยียน“วิหารลัทธิเต๋าไฟไหม้ ไม่ใช่เรื่องบังเอิญแน่นอน เมื่อคืนมีคนจ้องจะเล่นงานเราถึงตาย”เฟิ่งจิ่วเหยียนคิดเช่นนั้นเหมือนกัน จึงเล่าให้ตงฟางซื่อฟังว่า นางพลัดตกกับดักกลไกและเซียวอวี้ช่วยนางอย่างไร สุดท้าย นางก็คาดการณ์ว่า“นักฆ่าที่โผล่มาในตอนหลัง ต้องเป็นคนจากสำนักอื่นแน่ ๆ”“ถ้าพวกเขาไม่ได้ร่วมมือกับสำนักจื่อหยาง ก็ต้องแอบวางแผนอะไรลับ ๆ อยู่เป็นแน่ ถ้าเป็นอย่างแรก ก็คงเป็นสำนักทั่วไป หากเป็นอย่างหลัง…”ต่อมา ตงฟางซื่อก็พูดเป็นเสียงเดียวกันกับนางอย่างรู้ใจ “ก็แสดงว่าเป็นพรรคเทียนหลง”หลังจากเอ่ยถ้อยคำนี้ ตงฟางซื่อก็ทำการตัดสิน“กลไกที่ห้องโถงหลักในวิหารลัทธิเต๋า ต้องไม่ได้อยู่ในแผนการของสำนักจื่อหยางแน่ ๆ”“มิเช่นนั้น พวกเขาคงสามารถล่อพวกเราไปที่ห้องโถงหลักตั้งแต่เริ่มต้นแล้ว“ด้วยเหตุนี้ข้าจึงเอนเอียงไปทาง ความเป็นไปได้ที่ว่าพรรคเทียนหลงกำลังว
เรื่องราวมาถึงขนาดนี้แล้ว เฟิ่งจิ่วเหยียนก็ไม่ปิดบังแล้วนางพูดขึ้นมาด้วยสีหน้าเย็นชา“ท่านดูไม่ออกหรือ ข้าไม่ได้อยากพูดถึงเรื่องนั้น?”ตลก ผู้ลี้ภัย ลิงผอมตัวดำ! ตอนกลางวันเขาพูดว่านางเช่นนี้ !นางอยากยอมรับสิแปลก!เวลานี้ เซียวอวี้ก็คิดขึ้นมาได้ นางกำลังไม่พอใจอะไรที่แท้ก็อยากรักษาภาพลักษณ์ที่สมบูรณ์แบบ ไม่อยากยอมรับว่านางคือลิงน้อยคนนั้นเขาเสียใจอย่างมาก รีบพูดขอโทษขึ้นมา“เราผิดไปแล้ว ตอนนั้น...เรากลัวว่าเจ้าจะเข้าใจผิด จึงตั้งใจพูดแบบนั้น ความจริงแล้ว เราจดจำเจ้ามาตลอด วีรชนน้อย”เฟิ่งจิ่วเหยียนเอียงศีรษะเล็กน้อย มองดูเขาอย่างเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งเซียวอวี้จูบบนหน้าผากของนาง จากนั้นก็หยิบผ้าแห้งผืนนั้นมา เช็ดผมที่เปียกให้กับนางด้วยตนเอง กระทำอยู่อย่างอ่อนโยน ราวกับในมือถือสิ่งของล้ำค่าเอาไว้“ปีนั้นเมืองซีซิ่นเกิดทุพภิกขภัย เราเพิ่งเข้าเมืองมาก็ถูกปล้นแล้ว ไม่สามารถที่จะลงมือทำร้ายประชาชน โชคดีที่เจ้ามาปรากฏ เวลานี้เราพูดความจริง เจ้าในตอนนั้นถึงแม้ยังเด็ก ทว่าท่าทีขี่ม้า ดูสง่างามยิ่งกว่าบุรุษจริงๆ”“ไม่ใช่ตลกหรอกหรือ?” นางยังคงไม่ยิ้มแย้ม คำพูดแฝงไปด้วยความเหน็บแ
เซียวอวี้จำได้ดี ตอนนั้น ขนมเกาลัดที่ยัยเด็กคนนั้นให้เขา ก็ละเอียดแตกเป็นชิ้นเล็ก ๆ กระทั่งละเอียดเป็นเศษกลับอร่อยมากเขารู้สึกหัวใจเต้นราวกับตีกลอง พร้อมลองถามฮูหยินเมิ่ง“มีเพียงนางที่กินแบบนี้?”ฮูหยินเมิ่งผงกหัวอย่างยิ้มแย้ม“ก็ใช่นะสิ มีแค่นางคนเดียว เพราะตอนอายุห้าขวบเคยสำลัก ทั้งรักทั้งเกลียดขนมเกาลัด คิดว่าทุบแล้วค่อยกิน เหมือนอย่างกับมันจะเชื่อฟังขึ้น ภายหลังจึงเคยชิน กินแบบนี้มาตลอด”คิดถึงจิ่วเหยียนตอนเด็กที่น่ารักดื้อรั้น และยังมีท่าทีดุร้าย บนใบหน้าฮูหยินเมิ่งปรากฏความอ่อนโยนของความเป็นแม่ “เด็กคนนั้น พริบตาเดียวก็โตขนาดนี้แล้ว...”เมื่อพูดเสร็จ แววตาฮูหยินเมิ่งก็กลายเป็นเฉียบคมขึ้นมาทันที ทุบฝ่ามือลงไป ผ่านบนไม้กระดาน ขนมเกาลัดชิ้นหนึ่งถูกทุบจนแบนเฉินจี๋ : ! ! !ฝ่ามือของฮูหยินเมิ่ง ดุเดือดมากเวลานี้ สีหน้าเซียวอวี้แข็งทื่อใช่ !อยู่ดี ๆ ใครจะทุบขนมเกาลัดที่เป็นชิ้นสมบูรณ์ให้แหลก !และปีนั้น ยัยเด็กคนนั้นอายุเพียงสิบขวบ เมื่อนับดูแล้ว ก็อายุไม่ต่างอะไรกับเฟิ่งจิ่วเหยียนบังเอิญบวกกับบังเอิญ นั่นก็จะไม่ใช่ความบังเอิญแล้ว !แล้วก็คิดถึงความผิดปกติของนาง
เมื่อครู่เซียวอวี้วู่ว่ามไปหน่อย เวลานี้สงบสติลง ก็รู้ตัวว่าตนเองตื่นตระหนกตื่นตูมไปแล้วพวกนางปรึกษาเรื่องตั้งกองกำลังหญิง คำนึงถึงแผ่นดินราษฎรเขากลับใจแคบ ยอมรับไม่ได้ ช่างเป็นแบบอย่างที่ไม่ดีเอาเสียเลยเมื่อคิดได้เช่นนี้ เขาดับความขุ่นเคืองในใจด้วยตนเองหลังจากนั้นก็ล้วงเอาขนมเกาลัดออกมาหลายชิ้น พวกมันถูกกระดาษมันห่อเป็นชั้น ๆ ยังร้อนอยู่เลย“ขนมเกาลัดที่ฮูหยินเมิ่งเพิ่งทำวันนี้ ข้าเอามาให้เจ้ากิน”สีหน้าเฟิ่งจิ่วเหยียนเปลี่ยนไปเล็กน้อย ยังยืนยันคำพูดเดิม “ข้าไม่ชอบกิน”เซียวอวี้ดึงมือของนางมา วางขนมเกาลัดไว้บนฝ่ามือของนาง“ยังคิดจะโกหกข้า?“อาจารย์กับอาจารย์หญิงของเจ้าก็พูดแล้ว ตั้งแต่เล็กจนโตเจ้าชอบทานขนมเกาลัดที่สุด“เรารู้ ทำไมเจ้าถึงโกหกเรา”เฟิ่งจิ่วเหยียนเงยหน้าขึ้นมาเขารู้?หลังจากนั้น เซียวอวี้ก็พูดขึ้นมาอย่างมั่นใจในตนเอง“เจ้าถือสาเรื่องที่เราพูดถึง รู้สึกไม่พอใจ ใช่หรือไม่”เฟิ่งจิ่วเหยียน : ...เซียวอวี้อธิบายให้นางฟังอย่างจริงจัง“เราจำได้จนถึงตอนนี้ แค่ขนมเกาลัดชิ้นเดียว ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับคนที่ให้ขนมเกาลัดเลย“เจ้าไม่รู้ ยัยเด็กคนนั้นป่าเถื่อนมาก
เห็นเฟิ่งจิ่วเหยียนอึ้ง เซียวอวี้ถามขึ้นมาด้วยเสียงเบา“ทำไมหรือ?”เฟิ่งจิ่วเหยียนได้สติกลับมา สายตาจ้องบนใบหน้าของเขา “ไม่เป็นไร"เซียวอวี้นึกว่านางยังเข้าใจผิดอยู่ จึงพูดขึ้นมาอีก“ไม่ได้โกหกเจ้า เป็นยัยเด็กคนนั้นจริง ๆ “ตัวผอม ๆ บนใบหน้าเปื้อนไปด้วยฝุ่น ไม่รู้ว่าลี้ภัยมาจากไหน...”“ตลกมากใช่ไหม” เฟิ่งจิ่วเหยียนพูดขัดจังหวะเขา พร้อมถามขึ้นมาด้วยเสียงต่ำเซียวอวี้ผงกหัว“อืม”เฟิ่งจิ่วเหยียนหันไปมองข้างนอกรถม้า ไม่พูดอะไรอีกทว่า แอบกำหมัดแน่นไม่นาน เฉินจี๋ซื้อขนมเกาลัดกลับมาแล้วเซียวอวี้ยื่นมาให้เฟิ่งจิ่วเหยียนหนึ่งชิ้น นางส่ายหัวพร้อมพูดขึ้นมา “ขอบพระทัย ทว่าข้าไม่ชอบทานสิ่งนี้”ตอนที่พูดประโยคนี้ นางไม่ได้มองดูเขาแต่ละคนชอบทานไม่เหมือนกัน เซียวอวี้ไม่สงสัยว่ามีอะไรระหว่างทาง เฟิ่งจิ่วเหยียนเห็นร้านขายเสื้อผ้าสำเร็จรูป จึงสั่งให้หยุดรถม้าอาจารย์หญิงพูดไม่ผิด จะแต่งตัวเป็นชายอยู่ตลอดเวลาไม่ได้ ควรที่จะซื้อชุดสตรีบ้างแล้ว“ข้าขอทำธุระส่วนตัว ท่านกลับไปก่อน”พูดเสร็จ นางก็กระโดดลงจากรถม้าเซียวอวี้เปิดม่าน มองเงาแผ่นหลังของนาง แล้วก็ย้อนครุ่นคิดเขาทำอะไรผิด พ
“พี่สาว...”เฟิ่งเวยเฉียงเพิ่งวิ่งมาหา ก็เห็นบุรุษด้านข้างพี่สาวคนผู้นั้นสวมชุดผ้าแพรสีม่วง ดูออกว่าเขาพยายามที่จะไม่ทำตัวเป็นจุดสนใจ ทว่าก็ยังคงไม่สามารถปกปิด ความสูงศักดิ์อย่างไม่ธรรมดารอบตัวเขาโดยเฉพาะใบหน้าเผด็จการน่าเกรงขาม ดูก็รู้ว่ามีสถานะสูงส่ง ไม่ให้มีการฝ่าฝืน“ข้าน้อยถวายบังคมฝ่าบาท” เฟิ่งเวยเฉียงก้มศีรษะลงทันที ไม่กล้ามองอีกฝ่ายสาวใช้ไฉ่เยว่ ก็รีบถวายความเคารพตามได้เห็นพระพักตร์จักรพรรดิ พูดว่าไม่ตื่นเต้นนั้นเป็นความเท็จ ฝ่ามือของนางเหงื่อไหลชุ่มฝ่าบาทแตกต่างจากที่นางคิดไว้ไม่มาก...สูงส่งเย็นชา ยากที่จะคาดเดาว่ารู้สึกอย่างไรไม่รู้เลยจริง ๆ ว่า คุณหนูจิ่วเหยียนเคยชินกับการอยู่ข้างกายเขาได้อย่างไรเมื่อเซียวอวี้เห็นเฟิ่งเวยเฉียง ก็รู้ว่านางกับเฟิ่งจิ่วเหยียน สมกับที่เป็นฝาแฝดกัน ใบหน้าเหมือนกันเลยทว่าลักษณะนิสัย ดูก็รู้ว่าไม่เหมือนกันนางเพียงยืนอยู่ไม่พูดอะไร เขาก็สามารถมองทะลุถึงใจนาง เป็นคนไร้เดียงสา เป็นสตรีที่ไม่หวั่นไหวกับเรื่องทางโลกคนหนึ่ง“ครอบครัวเดียวกัน ไม่ต้องมากพิธี” เซียวอวี้พยายามพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ทว่า เฟิ่งเวยเฉียงยังคงรู้สึกว่าเขาเยือ
ในมุ้งบนเตียง บนผ้าห่ม มือสองข้างใหญ่ข้างหนึ่งเล็กข้างหนึ่ง นิ้วทั้งสิบนิ้วประสานกัน พัวพันแนบแน่นเซียวอวี้ยิ่งจูบยิ่งร้อนแรงเฟิ่งจิ่วเหยียนแทบทนไม่ไหว พยายามดิ้นรนหาช่องว่างเพื่อหายใจเวลาต่อมา เขาล้มทับบนตัวนาง หายใจอย่างหนัก ลมหายใจร้อนผ่าวรดข้างหู แก้มด้านข้างของนางนางถูก “ย่าง” จนเหงื่อไหลชุ่ม เอียงศีรษะไปฝ่ายชายยกตัวขึ้นมาเล็กน้อย จับปลายคางของนาง ดวงตาแดงสลัว จ้องริมฝีปากแดงระเรื่อสดใสของนางอย่างลึกซึ้งริมฝีปากแดง ทำให้สีหน้าขาวใสมากขึ้นสายตาของเขามองเลื่อนขึ้น มองความเร่าร้อนในดวงตาของนางที่กำลังจะจางหายไป อยากจดจำภาพนี้ไว้ตลอดกาลจดจำภาพที่นางหวั่นไหวเพื่อเขาจดจำภาพที่ในสายตานางมีเพียงเขา ในกระแสเลือด ในร่างกายก็มีเพียงเขาเจิดจ้ายิ่งกว่าดอกไม้ไฟ สว่างไสวยิ่งกว่าดวงดาว ลานตายิ่งกว่าแสงอาทิตย์...งดงามจริงๆ !ทุกครั้งในเวลานี้ แม้นางต้องการชีวิตเขา เขาก็จะให้เขาคิดว่า เขารักนางอย่างที่สุดจริง ๆหากชั่วชีวิตที่เหลือนี้ไม่สามารถได้ครอบครองนาง เขาจะเสียใจขนาดไหนมือของเขาเลื่อนมาถึงด้านหน้าลำตัวของนาง ลูบไล้รอยสักรูปเปลวเพลิงสีแดง“รอยสักของเจ้านี้ เพื่อปกปิด
สีหน้าเซียวอวี้จากดำกลายเป็นขาวสิ่งของที่อยู่ในกล่อง...เขาเคยเห็นในตำรานี่คือถุงยาง ใช้สำหรับผู้ชายทว่า จักรพรรดิไม่จำเป็นต้องสวมสิ่งนี้ หากไม่อยากให้นางสนมตั้งครรภ์ ประทานน้ำแกงป้องกันการมีบุตรก็พอดังนั้น ในวังไม่เคยมีสิ่งนี้ เขาก็ไม่เคยเห็นของจริงมาก่อนยิ่งคิดไม่ถึง เฟิ่งจิ่วเหยียนจะมอบสิ่งนี้ให้กับเขาจนเขาไม่รู้จะพูดนางว่าอะไรดีพัฟ !เขาปิดกล่องไม้ ท่าทีราวกับตาไม่เห็นไม่กวนใจ“สิ่งนี้ เราไม่ชอบ”เขาปฏิเสธทันทีเขาอยากที่จะมีลูกกับนางมากมาย จะใช้สิ่งนี้ได้อย่างไรเฟิ่งจิ่วเหยียนพูดขึ้นมาอย่างจริงจัง“ข้าเห็นว่า มีบุตรก่อนแต่งงาน ไร้ชื่อไร้สถานะ ไม่แตกต่างอะไรกับบุตรนอกสมรส”เซียวอวี้ขมวดคิ้วเข้มนางหมายความว่า ก่อนแต่งงานสามารถ...บอกตั้งแต่แรกสิ ! เวลาต่อมา เซียวอวี้ไม่พูดอะไร ลุกขึ้นมาอุ้มนางทันที“เจ้าพูดถูก คืนนี้ลองใช้สิ่งนี้เลย” เฟิ่งจิ่วเหยียนขมวดคิ้ว “แขนของท่าน...”“ไม่เป็นไร” ดวงตาของเขาแฝงไปด้วยรอยยิ้ม อารมณ์ดี ยังจะสนใจบาดแผลที่ไหนกันยิ่งไปกว่านั้น ก็แค่บาดแผลภายนอกในมุ้งบนเตียงเสื้อผ้าหลุดออกส่งเสียงกรอบแกรบ ซ้อนกันเป็นชั้นๆ ราวกับสองค
ภายในเรือนหลักคืนนี้แม่ทัพเมิ่งต้องออกไปลาดตระเวน หากไม่ใช่เพราะฝ่าบาทอยู่ในจวน เขาก็คงหาอะไรทานอยู่ในค่ายทหารแล้วเวลานี้เขาจึงกลับห้องไปเปลี่ยนเสื้อผ้า เพื่อกลับไปยังค่ายทหารเฟิ่งจิ่วเหยียนกับอาจารย์หญิงมาด้วยกัน เห็นไฟในห้องสว่างอยู่ “อาจารย์อยู่ข้างใน ข้าไม่เข้าไปแล้ว”ฮูหยินเมิ่งอมยิ้มแย้ม “รออยู่ที่นี่ ข้าไปเอามาให้เจ้า"เมื่อนางเข้าไปในห้อง ก็เห็นสามีนั่งอยู่ข้างโต๊ะ สีหน้าประหลาด บอกไม่ถูกว่าดีใจ และก็ไม่ถือว่าโกรธ ทว่าดูเหมือนคับข้องใจเมิ่งฉวีลุกขึ้นยืน ถามขึ้นมาอย่างหยั่งเชิง“ฮูหยิน ช่วงนี้ข้ายุ่งกับงานในค่ายทหาร เพิกเฉยต่อเจ้า เจ้าโกรธข้าหรือไม่?”ฮูหยินเมิ่งตอบตามความจริง“ท่านต้องทำตามหน้าที่ ข้าไม่มีทางโกรธเพราะสาเหตุนี้”ทันใดนั้น สีหน้าเมิ่งฉวีบูดบึ้งลงเขายกมือขึ้นมาอย่างสั่นเทา ชี้ไปยังกล่องไม้บนหัวเตียง“นั่น...ข้างในนั้นคืออะไร?”สีหน้าฮูหยินเมิ่งเคร่งขรึมขึ้นมา“ท่านได้เปิดดูหรือ? ! ”เมิ่งฉวีเห็นนางตื่นเต้นขนาดนี้ ก็โกรธขึ้นมาทันที“ฮูหยิน ! ต่อให้เจ้าโกรธ ก็ไม่ควรทำกับข้าเช่นนี้ ! บอกมา ! คนนั้นคือใคร ! ”ของสิ่งนั้นทำไม่ง่าย ฮูหยินไม่ได้ทำมา
ทันทีที่เจินเจินก้าวเข้ามาในจวนแม่ทัพ ก็ได้เห็นชายหนุ่มรูปงามที่ยืนอยู่ข้างฮูหยินเมิ่ง บางทีอาจเป็นเพราะกลับจากค่ายทหาร และเห็นผู้ชายหยาบกระด้างเหล่านั้นจนชินตา คุณชายท่านนี้จึงทำให้ดวงตาของนางเป็นประกาย ปากแดงฟันขาว กลับมิสูญเสียบุคลิกองอาจผึ่งผาย สายตาเช่นนั้นที่จ้องมองมา มิได้ให้ความรู้สึกหยาบคาย ดูเหมือนจะมีเพียงความชื่นชม หาได้มีความคิดชั่วร้ายใด ๆ ไม่ ช่างเป็นดวงตาคู่หนึ่งที่สะอาด และซื่อตรง หัวใจของเจินเจินสั่นไหวอย่างไม่รู้ตัว ถึงแม้จะอยู่ต่อหน้าบุรุษผู้สูงศักดิ์และหล่อเหลาเช่นฝ่าบาท นางยังไม่เคยมีความรู้สึกแปลก ๆ เช่นนี้มาก่อน ราวกับในจุดหนึ่งของหัวใจกำลังมีดอกท้อผลิบาน... ครั้นฮูหยินเมิ่งได้เห็นการเปลี่ยนแปลงในดวงตาของเจินเจิน ย่อมตระหนักถึงบางสิ่งได้ทันที เพื่อป้องกันมิให้จิ่วเหยียนก่อหนี้รักขึ้นอีก นางจึงออกหน้า แกล้งทำเป็นตำหนิเฟิ่งจิ่วเหยียน “บอกกี่ครั้งแล้ว เป็นผู้หญิงดี ๆ ก็ควรสวมอาภรณ์ของสตรี ดูสิ ทำให้คนอื่นเข้าใจผิดอีกแล้วมิใช่หรือ?” เจินเจินได้ยินเช่นนั้น หัวใจที่เต้นรัวพลันแตกสลายทันที ผู้หญิง?!! แม้เฟิ่งจ