แชร์

บทที่ 41

ผู้แต่ง: อี้ซัวเยียนอวี่
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-10-29 19:42:56
ในช่วงเวลาสั้น ๆ ไม่กี่วัน ข่าวลือเกี่ยวกับฮองเฮาได้ทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ ในพระราชวัง ถึงขั้นที่ว่าแพร่กระจายไปถึงวังหน้า

เดิมทีไทเฮาอยากจัดการอย่างเงียบ ๆ มองดูแล้วว่าวิธีนี้ใช้ไม่ได้ผล จิตใจวิตกกังวล

“ฮองเฮาคือภรรยาของฮ่องเต้ และยังเป็นหน้าตาของพระราชวัง! ไม่ว่าก่อนที่จะเข้าวังนางจะเป็นเยี่ยงไร เพียงแค่นางย่างก้าวเข้ามาในพระราชวังแล้ว ก็ไม่สามารถแปดเปื้อนมลทินได้อีก”

กุ้ยหมัวมัวก้มศีรษะอย่างนอบน้อม

“บ่าวจะไปกระชับแต่ละตำหนักว่า หากมีผู้ใดแพร่ข่าวลือนี้อีก จะต้องถูกลงโทษสถานหนัก”

จุดที่น่ากลัวของลมปากของคนอยู่ตรงที่ ไม่มีทางที่หยุดยั้งไว้ได้อยู่เลย

ถึงแม้ว่าไทเฮาจะออกโรง เรื่องที่ว่าฮองเฮาสูญเสียพรหมจรรย์ก่อนงานอภิเษกสมรส ยังคงถูกพูดต่อกันไปอย่างเป็นตุเป็นตะ

นางสนมสองสามคนที่ชอบแส่ยุ่งเรื่องรวมหัวคุยกันเป็นส่วนตัว

“ตำหนักหย่งเหอไม่มีการโต้กลับอันใดเลย กลัวแล้วหรือกระไร?”

“ข่าวลือพวกนั้น หรือจะเป็นจริงหมด? หรือฮองเฮาไม่ได้บริสุทธิ์จริง... เช่นนั้นนางยังจะสามารถอภิเษกสมรสกับฮ่องเต้ได้อย่างไรกัน!”

“ข้าเองก็ได้ยินมาเหมือนกัน ก่อนงานอภิเษกสมรสฮองเฮาถูกโจรภูเขาลักพาตัวไป ถ
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อเรื่องนี้บน Application
ความคิดเห็น (1)
goodnovel comment avatar
Padiwarada
บทนี้มีคำว่าครึ่งชั่วโมง แทนที่จะเป็นครึ่งชั่วยาม
ดูความคิดเห็นทั้งหมด

บทที่เกี่ยวข้อง

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 42

    เมื่อได้ยินว่าผนังด้านในของฮองเฮาได้รับความเสียหาย นิ้วมือทั้งห้าใต้แขนเสื้อยาวของเซียวอวี้แปรเปลี่ยนเป็นกำหมัดแน่นฮองเฮาสร้างเรื่องโกหกหลอกลวงจริง ๆ !ในคืนอภิเษกสมรสนั้น เขาไม่น่าใจอ่อนเลย !เขาสติกระเจิงจวนจะระเบิด ก็มีหมัวมัวนางหนึ่งในนั้นเอ่ยถามขึ้น“บ่าวริซักถาม เวลาปกติฮองเฮามักจะเต้นรำหรือไม่ก็ขี่ม้าหรือไม่?”เหลียนซวงตอบอย่างลนลาน : “ใช่เจ้าค่ะ! ใช่เจ้าค่ะ!”หมัวมัวผู้นั้นเข้าใจอย่างถ่องแท้ จึงกราบทูลกับเซียวอวี้ต่อ“ฝ่าบาท สถานการณ์เช่นนี้มีไม่มากนัก สิ่งที่พบเห็นได้ทั่วไปของเหล่านางสนมในพระราชวัง ทุกคนล้วนเป็นหญิงสาวที่มักจะถูกเลี้ยงให้สงบเสงี่ยมอยู่ในเรือน ดังนั้นผนังด้านในจึงไม่ได้รับความเสียหาย”“ทว่าสถานการณ์ที่เหมือนกับฮองเฮาเช่นนี้ ก็เคยเจอมาบ้าง การเต้นรำและการขี่ม้า ถ้าหากรุนแรงเกินไป จะทำให้ผนังภายในของสตรีได้รับความเสียหายไม่มากก็น้อย”“ดังนั้นบ่าวจึงถามออกมาเช่นนี้”เซียวอวี้ถามด้วยเสียงเยือกเย็น“บอกเรามาก็พอว่าฮองเฮาบริสุทธิ์หรือไม่”หมัวมัวทั้งสองพยักหน้าทั้งคู่“กราบทูลฝ่าบาท ถึงแม้ผนังด้านในได้รับความเสียหาย ทว่าฮองเฮายังไม่เคยผ่านเรื่องอย่างว่า

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 43

    เซียวอวี้เสด็จมาถึงตำหนักหย่งเหอ เห็นคนคุกเข่าอยู่ในสวนจำนวนมากพวกเขาแต่ละคนก้มหน้าก้มตา หัวหดด้วยความหวาดกลัว“ฝ่าบาท” เฟิ่งจิ่วเหยียนยืนอยู่ข้างประตูต้อนรับเขา สวมชุดธรรมดาสีน้ำเงินทั้งตัว ใบหน้าไร้ซึ่งการแต่งแต้ม ทว่าเปล่งประกายดึงดูดสายตาผู้คนเซียวอวี้เพียงชายตามองนางเล็กน้อย สีหน้าเยือกเย็นเดินเข้าไปในตำหนักเฟิ่งจิ่วเหยียนเดินตามไปอย่างนอบน้อม เมื่อถึงด้านใน จึงกราบทูลเขาอย่างตรงไปตรงมา“หม่อมฉันไม่ทำให้ฝ่าบาทผิดหวัง หาคนที่ปล่อยข่าวลือได้แล้วเพคะ!”เซียวอวี้มองไปด้านนอกตำหนัก“คนเหล่านั้น ล้วนเป็นคนริเริ่มงั้นหรือ”“คนเหล่านี้ล้วนเป็นคนที่หม่อมฉัน ‘เชิญ’ มาไต่ถาม ผ่านการซักถามในแต่ละขั้นตอน ท้ายที่สุดยืนยันได้ว่าข่าวลือนั้น สาวใช้ตำหนักหลิงเซียวเป็นคนป่าวประกาศเพคะ”เมื่อได้ยินว่าตำหนักหลิงเซียว เซียวอวี้สีหน้ามีการเปลี่ยนแปลง“ฮองเฮา จัดการเรื่องราวถูกผิดต้องดูตามข้อเท็จจริง ในช่วงเวลาสั้น ๆ สามวัน เจ้ามั่นใจได้อย่างไรว่าคำให้การของคนเหล่านี้ไม่มีข้อผิดพลาด”เฟิ่งจิ่วเหยียนไม่ได้แก้ตัว แต่กลับขออนุญาตเพิ่มเติมอีก“หากฝ่าบาทสามารถปฏิบัติกับตำหนักหลิงเซียวอย่างเท่า

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 44

    เซียวอวี้หัวเราะเยาะอย่างเยือกเย็น“ได้ เพื่อส่วนรวมและส่วนตน”“ในเมื่อฮองเฮาพูดมาถึงขั้นนี้แล้ว ย่อมมั่นใจแล้วว่าเราจะอนุญาตให้เจ้าไปสืบสอบเพื่อความสงบสุขของสังคม?”เฟิ่งจิ่วเหยียนตอบกลับอย่างนอบน้อม : “หม่อมฉันเชื่อว่าฝ่าบาทเป็นจักรพรรดิที่มีพระปรีชาสามารถ ห่วงใยราษฎรทั่วหล้า จะมิเพิกเฉยกับภยันตรายใด ๆ ที่จะคืบคลานเข้ามาทำลายแคว้นหนานฉีเป็นแน่”น้ำเสียงเซียวอวี้เย็นชา“ไม่จำเป็นต้องประจบสอพลอหรอก”“หากเรื่องใหญ่โตเช่นนี้ เหตุใดเราต้องส่งไม้ต่อให้เจ้าไปสืบสอบ? หรือผู้ใต้บังคับบัญชาเราไม่มีใครที่มีน้ำยาหรือกระไร!”เฟิ่งจิ่วเหยียนไม่ได้ปฎิเสธ“ใช่เพคะ ความสามารถของหม่อมฉันมีขีดจำกัด ทว่าหม่อมฉันเป็นผู้ได้รับความเสียหายในเรื่องนี้ ไม่มีผู้ใดร้อนใจที่อยากจะสืบสอบความจริงไปมากกว่าหม่อมฉัน และไม่มีผู้ใดระมัดระวังตัวกว่าหม่อมฉันแล้ว เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้เรื่องลุกลามใหญ่โต ทำให้ทุกคนรู้ว่าราชสำนักกำลังไล่ล่าโจรภูเขา“ฝ่าบาทจะให้คนอื่นไปสืบสอบก็ย่อมได้ ทว่าทางที่ดีก็หวังคนเหล่านั้นแต่ละคนจะปิดปากเงียบสนิท”เซียวอวี้ขมวดคิ้วเล็กน้อย เขาไม่อยากต้องการคนรู้เรื่องนี้มากนักจริง ๆ “

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 45

    “ยืนงงอะไรอยู่เล่า? พระนางล่ะ!”ซุนหมัวมัวเห็นเหลียนซวงยืนแข็งทื่ออยู่ที่เดิม จึงผลักนางเบา ๆ เหลียนซวงได้สติกลับมา เหงื่อเย็นท่วมศีรษะทันที“ข้า...ข้าจะไปหาพระนางเดี๋ยวนี้”แย่แล้วนางจะไปหาพระนางจากที่ไหนกันเล่า!ซุนหมัวมัวรุดหน้าไปต้อนรับการเสด็จมาเยือนของฮ่องเต้ก่อนจักรพรรดินั่งอยู่ม้านั่งไม้สีทองขลับด้วยสีแดงด้านนอกตำหนัก เสื้อผ้าสีดำแก่ไม่มีแม้แต่รอยยับ เหมือนกับนิสัยของเขาไม่มีผิด  มีความรับผิดชอบและละเอียดรอบคอบ  เคร่งขรึมเอาจริงเอาจัง“ฮองเฮาล่ะ”ซุนหมัวมัวประเคนชาให้ : “กราบทูลฝ่าบาท พระนางคงจะกำลังเสด็จมา คงจะสรงน้ำอยู่เพคะ”เซียวอวี้เลิกคิ้วขึ้นก่อนหน้านี้ที่เขาออกจากตำหนักหลิงเซียวมา เดิมวางแผนจะกลับไปที่ตำหนักจื้อเฉินทันทีระหว่างทางผ่านตำหนักหย่งเหอ จึงเปลี่ยนใจชั่วคราว มาถามความคืบหน้าในการสืบสวนของฮองเฮาเสียหน่อยนางกลับมาสรงน้ำในยามนี้เสียอย่างนั้นผ่านไปครู่ใหญ่ ก็ยังไม่เห็นฮองเฮาออกมาเซียวอวี้จวนจะหมดความอดทนซุนหมัวมัวเองก็สังเกตได้ถึงความผิดปกตินางรีบร้อนเข้าไปในตำหนัก กลับเห็นเหลียนซวงยืนแข็งทื่อราวกับตอไม้อยู่ในด้านในฉากกั้นเมื่อเห็นเช่

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 46

    เซียวอวี้เดินตรงมาหาเฟิ่งจิ่วเหยียน แววตาดูพินิจพิเคราะห์เฟิ่งจิ่วเหยียนวางตัวสงบนิ่ง มือข้างหนึ่งซ่อนอยู่ในแขนเสื้อกว้าง “หม่อมฉันคารวะฝ่าบาทเพคะ”“เมื่อครู่เจ้าเพิ่งออกมาจากห้องปลดทุกข์รึ” เซียวอวี้ถามด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำเฟิ่งจิ่วเหยียนพยักหน้ารับ“เพคะ ฝ่าบาท”เซียวอวี้ขมวดคิ้ว “มีกลิ่นคาวเลือด”จังหวะการหายใจของเฟิ่งจิ่วเหยียนแปรปรวนเล็กน้อยเพราะเปื้อนเลือดจำนวนมากของโจรภูเขา อีกทั้งยังไม่ได้ชำระกาย ดังนั้นย่อมต้องได้กลิ่นคาวเลือดในยามนี้นางแสร้งทำเป็นอ่อนแอ มองดูเหมือนบอบบางจนไม่อาจต้านทานแรงลม ไร้เรี่ยวแรงจะโต้ตอบ“ฝ่าบาท...หม่อมฉันมีรอบเดือนเพคะ”เซียวอวี้พลันหรี่ตาลงและเพ่งมองนางนี่เป็นครั้งที่สองที่นักฆ่าปรากฏตัวใกล้ตำหนักหย่งเหอจะบังเอิญถึงเพียงนี้ได้อย่างไร?เฟิ่งจิ่วเหยียนละสายตาลง ท่าทีนอบน้อม แต่ทันใดนั้น ฝ่ายบุรุษกลับคว้าข้อมือข้างหนึ่งของนางขึ้นมาดูเหมือนจะทำให้นางตกใจ ดวงตาพลันเบิกกว้าง“ฝ่าบาท...”นิ้วมือของเขากดที่ข้อมือของนางนี่กำลังทดสอบพลังภายในของนาง!ร่างกายของเฟิ่งจิ่วเหยียนแข็งทื่อ ไม่ขยับเขยื้อนโชคดีมือที่คว้าไปเป็นข้างซ้าย ไม่

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 47

    ณ ตำหนักหย่งเหอนอกจากไทเฮาและฮ่องเต้ประทับอยู่ที่นี่ ยังมีหวงกุ้ยเฟยอยู่ด้วยหวงกุ้ยเฟยแอบบิดผ้าเช็ดหน้าในมือ ในใจรู้สึกเย็นวาบเฟิ่งเวยเฉียงหญิงต่ำช้าผู้นี้ ไม่คาดคิดว่าจะกล้าเปิดโปงเรื่องลักพาตัว!นางก็อยากเห็นเช่นกัน หญิงต่ำช้าผู้นี้จะจัดฉากละครอะไรกัน!เฟิ่งจิ่วเหยียนสั่งให้คนพาโจรภูเขาออกมาเนื่องจากพวกเขามีจำนวนคนมาก จึงพาแค่หัวหน้ากลุ่มโจรออกมาสอบปากคำเฟิ่งจิ่วเหยียนยืนขึ้นรายงาน“กลุ่มโจรภูเขาที่ลักพาตัวหม่อมฉันในวันนั้น บิดาของหม่อมฉันจับตัวพวกเขาไว้หมดแล้วเพคะ”“ตำแหน่งเบาะแสของพวกเขาไม่ธรรมดา ผ่านเหตุการณ์ไปหลายเดือน ถึงจะได้เจอตัวพวกเขา”“ยังโชคดีที่ฮ่องเต้ทรงรับปาก หม่อมฉันจึงได้รับโอกาสพิสูจน์ความบริสุทธิ์ และตามหาคนร้ายตัวจริง!”“หลังจากสอบสวนแล้ว โจรเหล่านี้ก็สารภาพว่า คนที่สั่งให้พวกเขามาลักพาตัวหม่อมฉัน ก็คือจ้าวเฉียน...คนสนิทข้างกายหวงกุ้ยเฟยเพคะ!”ประโยคสุดท้าย นางจงใจหยุดแล้วค่อยเอ่ยต่อ แสดงความหมายเป็นนัยที่ลึกล้ำ ในวินาทีนั้น แววตาของเซียวอวี้ราวกับคมดาบ ฉายประกายดุดันมาที่นางนี่เป็นสิ่งที่นางสืบหาจนรู้ หรือกำลังใส่ร้ายตำหนักหลิงเซียว?หวงกุ้ย

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 48

    เฟิ่งจิ่วเหยียนยังไม่เรียกพยานออกมาทันที กลับถามหัวหน้าโจรผู้นั้นก่อน“เจ้ายืนกรานว่าเห็นจ้าวเฉียน เช่นนั้นเจ้าจำได้หรือไม่ วันนั้นเป็นวันอะไรเดือนอะไร”“จำได้! วันที่ 10 เดือน10”หวงกุ้ยเฟยยิ้มเยาะ “แน่ใจถึงเพียงนั้นเชียวรึ ความจำของเจ้าช่างดีเหลือเกิน ถ้าคนไม่รู้จะคิดว่าเจ้า...”นางมองฮองเฮาโดยมีความหมายอื่นแอบแฝง บอกเป็นนัย ๆ ว่าโจรผู้นี้รับสินบนจากฮองเฮาหัวหน้าโจรรีบแก้ต่างทันที“วันที่ 10 เดือน 10 ของทุกปีเป็นวันบูชาขุนเขา บรรดาพี่น้องเรากำลังกินดื่มสังสรรค์ และจ้าวเฉียนก็มาถึง...”จ้าวเฉียนเหมือนได้จับช่องโหว่ของอีกฝ่ายได้ จึงรีบร้อนตะโกนขึ้น“ปรักปรำ! บ่าวอยู่ในวังตลอดเวลา จะขึ้นไปบนภูเขาได้อย่างไร!”สิ่งที่เฟิ่งจิ่วเหยียนรออยู่ก็คือประโยคนี้ของเขา “จ้าวเฉียน แล้วเจ้าแน่ใจได้อย่างไร วันที่ 10 เดือน 10 ตัวเจ้าอยู่ในวังหลวง?”จ้าวเฉียนกลอกตาไปมา“ไม่ใช่แค่วันที่ 10 เดือน 10 บ่าวอยู่ปรนนิบัติรับใช้หวงกุ้ยเฟยมาตลอด ครั้งก่อนที่ออกจากวัง ก็เพราะทำความดีความชอบเลยได้กลับไปอยู่พร้อมหน้าครอบครัว “หากฮองเฮามิทรงเชื่อ ก็ตรวจดูในสมุดรายชื่อผู้ที่เข้าออกวังได้พ่ะย่ะค่ะ“การ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 49

    องครักษ์นำทองคำในมือของจินเหนียงจื่อมาตรวจสอบ ผลลัพธ์ตรงตามคำพูดของฮองเฮา ทองคำในมือของโจรภูเขากับจินเหนียงจื่อเป็นชุดเดียวกัน!จ้าวเฉียนปากสั่น แต่ยังคิดจะปฏิเสธ“ทองคำที่หลอมออกมาในชุดเดียวกัน ไม่ได้มีเพียงหนึ่งหรือสองก้อน บ่าวแค่บังเอิญว่ามีทองคำชุดนั้น จะนำมาพิสูจน์ได้อย่างไร...”เฟิ่งจิ่วเหยียนขัดจังหวะคำพูดของเขา และเอ่ยอย่างไม่รีบร้อน“โจรภูเขาชอบของมีค่า โดยเฉพาะเงินกับทองคำ นั่นเป็นเพราะไม่ต้องยุ่งยากนำตั๋วเงินไปแลกเป็นเงินอีก“จ้าวเฉียนคิดจะติดสินบนโจรภูเขา ทองคำที่นำออกมาจะต้องมีจำนวนเยอะ ไม่มีทางนำทองคำที่กระจัดกระจายไม่เต็มจำนวนไปแน่ อีกอย่างทองคำมากมายขนาดนั้น จะนำออกจากวังก็คงไม่สะดวกนัก ดังนั้นเขาจึงนำตั๋วเงินออกจากวัง แล้วค่อยไปแลกเป็นทองคำที่ร้านแลกเงินในเมืองหลวง”“ส่วนร้านแลกเงินถ้าเบิกทองคำจำนวนมาก ๆ ในครั้งเดียว ทองคำนั้นจะต้องมีหมายเลขกำกับที่เรียงกัน...”ไทเฮาโบกพระหัตถ์ “ฮองเฮา ข้าเข้าใจแล้ว เจ้าพูดมาตั้งมากมาย ก็เพื่อจะพิสูจน์ว่า ทองคำเหล่านี้เป็นชุดเดียวกันกับที่ถูกนำออกมาจากร้านแลกเงิน ใช่หรือไม่?”เฟิ่งจิ่วเหยียนพยักหน้ารับ“ใช่เพคะ เสด็จแม่”

บทล่าสุด

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 318

    หินเซวียนอิง เคยย่ำจนรองเท้าเหล็กสึกไม่พบพาน ตอนนี้กลับได้มาเฟิ่งจิ่วเหยียนรีบถามทันที“นี่คือหินเซวียนอิง เจ้ามีได้อย่างไร?”จางฉีหยางกลับแปลกประหลาดใจ“อาจารย์ ทำไมท่านก็รู้จักหินเซวียนอิง?“เมื่อสามปีก่อน ครั้งแรกที่ข้าได้เจอแม่ทัพน้อยเมิ่ง ได้ยินเขากับท่านพ่อคุยกันเรื่องหินเซวียนอิง ดูเหมือนนางจะชอบหินนี้มาก ดูในตำราก็มีบันทึกไว้“ความจำของข้าดี จึงจดจำไว้“ตำบลหลินผิงที่บ้านเกิดของข้า มีหุบเขามากมาย ยามมีเวลาว่าง ข้าก็จะออกค้นหาไปทั่ว เมื่อหนึ่งปีก่อน ข้าได้เจอหินเซวียนอิง ดังนั้นข้าจึงนำมันมาเป็นของขวัญคารวะอาจารย์...”เมื่อสามปีก่อน เฟิ่งจิ่วเหยียนก็คิดอยากปรับเปลี่ยนปืนหอกไฟรูปแบบใหม่ตอนนั้นนางก็มั่นใจแล้วว่า สิ่งสำคัญที่สุด ก็คือฉนวนกันความร้อน และสิ่งที่เหมาะสมในการทำเป็นฉนวนกันความร้อนที่สุด ก็คือเหล็กเซวียนอิงที่หล่อหลอมมาจากหินเซวียนอิงคิดไม่ถึงว่า ถูกเด็กคนนี้ได้ยินอย่างไม่ตั้งใจ และช่วยนางตามหาจนเจอแล้ว!ปกติเฟิ่งจิ่วเหยียนเป็นคนสงบควบคุมตนเองได้ดีต่อให้ดีใจแค่ไหน ก็ไม่มีทางแสดงออกมานางรีบถามจางฉีหยาง“ข้าก็ชอบหินเซวียนอิงอย่างมาก บอกข้าได้ไหมว่า เจ้าเ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 317

    ริมฝีปากจางฉีหยางแห้งแตก เสียงที่พูดออกมาค่อนข้างเสียงแหบแห้งอย่างยิ่งเฟิ่งจิ่วเหยียนสบสายตากับเขา มองเห็นถึงรัศมีสังหารในแววตาของเขา“ไหว้ผู้ล่วงลับ เดินผ่านทางนี้” นางพูดอธิบายเพราะจางฉีหยางหิวโซเป็นเวลานาน มือจึงสั่นเทา เอาสิ่งของเซ่นไหว้พวกนั้นคืนให้กับนาง“เอาคืนไป! แม่ของข้าไม่ต้องการสิ่งพวกนี้!”เฟิ่งจิ่วเหยียนทำเป็นเหมือนมองไม่เห็นการปฏิเสธของเขานางชักกระบี่ออกมาจากฟักตรงเอวตามด้วยเสียงรอยแตกร้าวดังในอากาศ ต้นไม้ด้านข้างต้นหนึ่งถูกนางโค่นลง ตัดเป็นกระดานขนาดเท่าศิลาหลุมศพจางฉีหยางมองดูภาพนี้ แววตาไม่มีความเคลื่อนไหวใด ๆจนเฟิ่งจิ่วเหยียนเอาแผ่นไม้นั่นวางบนพื้น แล้วถามเขา“ผู้ล่วงลับสกุลอะไร”จางฉีหยางมีปฏิกิริยาขึ้นมาเล็กน้อย มองดูนางอย่างแปลกประหลาดใจเฟิ่งจิ่วเหยียนพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย ไม่มีความสงสารอย่างสูงส่ง“มีป้ายหลุมศพ ก็จะไม่กลายเป็นวิญญาณเร่ร่อน”จางฉีหยางหัวเราะเย้ย“ข้าไม่เชื่อ”เฟิ่งจิ่วเหยียนพูดขึ้นมาเหมือนล้อเล่นว่า“เป็นผีก็สามารถหลงทางได้ มีป้ายหลุมศพ ต่อไปแม่ของเจ้าก็จะรู้ว่า ที่นี่เป็นบ้านของนาง เป็นบ้านที่ลูกชายของนางสร้างให้นางด้วยต

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 316

    จางฉีหยางตอบโต้รวดเร็วมาก หลบเลี่ยงฝ่ามือแรกของเฉียวม่อได้จากนั้นเฉียวม่อโจมตีเขาอีกอย่างต่อเนื่องจางฉีหยางเดินทางไกลมาอย่างเหน็ดเหนื่อย ทั้งหิวทั้งหนาวเวลานี้จึงไม่ค่อยมีเรี่ยวแรงเท่าไรนักแต่ต่อให้อยู่ภายใต้สภาพเช่นนี้ ยังสามารถหลบเลี่ยงเฉียวม่อได้ ซ้ำยังสามารถหาโอกาสตอบโต้ได้สีหน้าเฉียวม่อมืดมิดอย่างรวดเร็วเด็กคนนี้ เก่งกาจกว่าที่นางคิดไว้นางแกล้งทำเป็นจู่โจมส่วนล่างของเขา ฉวยโอกาสตอนที่เขาตอบโต้ เคลื่อนตัวไปทางด้านหลังเขาอย่างรวดเร็ว เตะหลังเข่าของเขาอย่างรุนแรงจางฉีหยางงอเข่าลง ขาข้างหนึ่งคุกเข่าลงจากนั้น เฉียวม่อใช้แขนรัดคอเขาไว้จากทางด้านหลังจางฉีหยางถูกบีบให้เงยศีรษะขึ้นมา อ้าปากกว้างเพื่อหายใจเฉียวม่อไม่ผ่อนมือ เพิ่มแรงมากขึ้น เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ...จนสีหน้าจางฉีหยางเขียวม่วง สกุลฉินเห็นว่าไม่ดีแน่ จึงรีบร้องเรียกขึ้นมาว่า“แม่ทัพน้อย!”เฉียวม่อค่อยผ่อนคลายมือ อยากที่จะกำจัดให้สิ้นซากเสียเดี๋ยวนี้สกุลฉินรีบประคองลูกชายลุกขึ้นมา ปัดฝุ่นบนตัวให้กับเขาจางฉีหยางหายใจหอบ ดวงตาสีดำเข้มจ้องมองที่เฉียวม่อหลังจากดีขึ้นบ้างแล้ว เขายกมือประสานหันไปทำความเคารพนา

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 315

    “มีทั้งหมด...สามคน ข้าไม่ค่อยได้เห็นอีกสองคนนั้น”“แม่นางเมิ่งมีคำสั่ง...พวกเรา เราก็ทำตาม”ชายขายผักพูดไปด้วย เลือดไหลไปด้วยไม่ค่อยได้เห็น ซึ่งก็คือเคยเห็นบ้างแล้วเฟิ่งจิ่วเหยียนถามอีก“อีกสองคนนั้นมีลักษณะเป็นยังไง”“คนหนึ่งบนใบหน้ามีไฝ ส่วนอีกคนหนึ่ง...คนนั้นชอบไปบ่อนเล่นการพนัน เป็นคนที่มีนิสัยลักขโมย หน้าตาปากแหลมแก้มเหมือนลิง...ท่านผู้กล้า ปล่อยข้าไปเถอะ ที่ข้ารู้ก็ล้วนบอกหมดแล้ว!”เฟิ่งจิ่วเหยียนใช้กริชเชยคางของเขาขึ้นมา“ทำไมพวกเจ้าต้องฟังคำสั่งเฉียวม่อ”ชายขายผักเสียเลือดมาก จนอ่อนแรงอย่างยิ่ง“พวกเรา... พวกเราล้วนถูกราชสำนักออกหมายนำจับ...เป็นโจรเจียงหยาง หากไม่เชื่อฟังนาง ก็จะส่งตัวพวกเราไปให้ทางการ”“เชื่อฟังนาง นางให้เงินพวกเราได้ใช้จ่าย...”“อีกอย่าง...นางวางยาพิษพวกเรา...ให้ยาถอนพิษพวกเราตามเวลาที่กำหนด ไม่อย่างนั้น...ก็จะตาย”“ท่านผู้กล้า ตอนนี้ข้าหักหลังนาง ไม่มีทางรอดแล้ว“ขอร้องท่าน...ให้ข้าได้ตายอย่างรวดเร็วด้วยเถอะ!”แววตาเฟิ่งจิ่วเหยียนเยือกเย็นชา พร้อมพูดขึ้นมาว่า “ได้”จากนั้นนางยกมีดขึ้นมาแล้วปาดลง ปาดคอชายขายผักตายเดิมก็เป็นอาชญากรรายใหญ่ ต

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 314

    อู๋ไป๋บาดเจ็บสาหัสอย่างมาก หลังจากฟื้นขึ้นมาแล้วเห็นแม่ทัพน้อย ก็รู้ว่าตนเองมีชีวิตรอดแล้วร่างกายท่อนบนของเขา พันเต็มไปด้วยผ้าพันแผล สีหน้าซีดอ่อนแรง“แม่...”ทันใดนั้นก็เห็นว่าภายในห้องยังมีคนอื่น จึงรีบเปลี่ยนเป็นร้องเรียกขึ้นมาว่า “นายท่าน”เฟิ่งจิ่วเหยียนที่สวมหน้ากากเงินครึ่งชิ้น หันมามองดูเขาหมอกำลังบอกนางเกี่ยวกับข้อควรระวังของผู้บาดเจ็บหลังจากนางฟังแล้วก็จดจำไว้ จากนั้นก็จ่ายค่ารักษา ออกมาส่งหมอด้วยตนเองผ่านไปครู่หนึ่ง นางกลับเข้ามาในห้องอีกครั้ง แล้วเห็นอู๋ไป๋พยายามจะลุกขึ้นมานั่งนางรีบพูดสั่งทันทีว่า“อย่าเคลื่อนไหว”เขาบาดเจ็บสาหัสอย่างมาก ไม่รู้สึกเลยสักนิดหรือ?อู๋ไป๋รีบนอนลงอย่างเชื่อฟัง ฉีกยิ้มอย่างขมขื่น พร้อมพูดขึ้นมาว่า“นายท่าน กระหม่อมผิวหยาบเนื้อหนา ไม่เป็นไร”พูดว่าไม่เป็นไรนั้นเป็นความเท็จเขายังจำได้ มีดที่แทงลงมาหลายทีนั้น เจ็บปวดอย่างมาก“นายท่าน ชายขายผักคนนั้น...”“จับตัวมาได้แล้ว” เฟิ่งจิ่วเหยียนพูดแทรกคำพูดของเขาอู๋ไป๋ยังอยากพูดอะไรอีก ก็มีชายหนุ่มแปลกหน้าคนหนึ่งวิ่งเข้ามา“รองผู้นำพันธมิตร! เมื่อครู่ชายขายผักคนนั้นยังคิดอยากวิ่งหนี

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 313

    ตำหนักเย็น เฟิ่งจิ่วเหยียนได้รับลูกศรมาหนึ่งอันบนหัวลูกศร เสียบกระดาษไว้หนึ่งแผ่นเป็นลายมือของเฉียวม่อ...[ศิษย์พี่ ติดหนี้ชีวิตเจ้าอีกหนึ่งชีวิตแล้ว แต่ข้าจะให้เจ้าหาเจอทางหนีสุดท้ายได้ง่ายๆ ได้อย่างไร? คราวหน้าส่งคนที่ฉลาดกว่านี้หน่อยนะ]เฟิ่งจิ่วเหยียนรู้ว่า เกิดเรื่องกับอู๋ไป๋แล้วนางขมวดคิ้วแน่น ไม่กล้าชักช้าแม้ชั่วขณะเดียว ฟ้ายังไม่มืดก็ออกจากวังแล้วอู๋ไป๋ติดตามนางจากค่ายเป่ยต้า มาจนถึงเมืองหลวงเขาไม่เพียงเป็นลูกน้องคนสนิท ลูกน้องที่มีความสามารถของนาง ยังเป็นเพื่อนของนางเพื่อต่อสู้กับนาง เฉียวม่อทำร้ายคนตายไปอย่างมากมายแล้วอู๋ไป๋ นางจะต้องตามหาให้เจอ!……ท่ามกลางผู้คนมากมาย ภายใต้สถานการณ์ที่ไม่มีเบาะแสอะไรเลย ตามหาคนหนึ่ง เหมือนงมเข็มในมหาสมุทรวันนี้ เฟิ่งจิ่วเหยียนไม่รู้ว่าวิ่งไปมากี่ที่ที่นางสามารถตามหา ก็มีเพียงชายขายผักจากคำบอกเล่าของชาวบ้านบริเวณรอบๆ นางวาดภาพชายขายผักคนนั้นขึ้นมาเวลาพลบค่ำโรงรับจำนำแห่งหนึ่งในเขตชานเมือง คนงานกำลังเตรียมปิดร้าน ชายสวมหน้ากากเงินคนหนึ่ง คว้าจับกรอบประตูไว้ ไม่สนใจความเจ็บปวดที่ถูกประตูหนีบ พูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเยือ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 312

    ไทฮองไทเฮาหันมองไปข้างนอก ดวงตาเบิกโตอย่างไม่รู้ตัว“ฮ่องเต้? เจ้ามาทำอะไร!”นางมาจัดการฮองเฮาเป็นการส่วนตัว ไม่ได้บอกเซียวอวี้รับรู้เซียวอวี้ก้าวเท้ายาวเข้ามาในตำหนัก ใช้เท้ากระทืบข้าหลวงที่คิดจะลงมือทำร้ายเฟิ่งจิ่วเหยียน พร้อมทั้งปกป้องนางไว้ข้างหลัง เผชิญหน้ากับไทฮองไทเฮาโดยตรง“เสด็จย่า ควรเป็นเราถามท่าน ท่านทำอะไรอยู่ที่นี่”เขาสวมอาภรณ์สีม่วง สีหน้าเยือกเย็นชา เป็นเหมือนดั่งหุบเขาหิมะ คนเห็นแล้วรู้สึกหวาดกลัวเฟิ่งจิ่วเหยียนแอบเก็บอาวุธลับไว้ ไทฮองไทเฮานั่งอยู่ตรงนั้น พูดขึ้นมาอย่างไม่รู้สึกผิดเลยสักนิดว่า“ข้าทำเช่นนี้ ล้วนเพื่อความมั่นคงของแผ่นดิน“สตรีตระกูลเฟิ่งไม่ควรเข้าวัง ยิ่งไม่ควรเป็นฮองเฮาของเจ้า”ฮ่องเต้กตัญญูต่อนางมาตลอด นางไม่เชื่อว่า ฮ่องเต้จะไม่เชื่อฟังนางเพราะเหตุนี้ดวงตาสีเข้มของเซียวอวี้หนักหน่วงมืดมน“เราได้ให้นางมาอยู่ในตำหนักเย็นแล้ว เสด็จย่าอย่าบีบคั้นกันจนเกินไป ยิ่งไปกว่านั้น เราเคยพูดแล้วว่า เราไม่เคยเชื่อในคำทำนายของหนังสือแห่งโชคชะตาในปีนั้น”ปัง!ไทฮองไทเฮาฟาดตบโต๊ะอย่างโกรธโมโห“ฮ่องเต้ เจ้าจะเลอะเลือนไม่ได้!“ผู้หญิงคนนี้...นางจะเป

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 311

    ไทฮองไทเฮาเสด็จมายังตำหนักเย็นด้วยพระองค์เอง แฝงไปด้วยความแปลกประหลาดและแล้ว ลางสังหรณ์เฟิ่งจิ่วเหยียนนั้นไม่มีผิดคนที่มาไม่ได้มีเพียงไทฮองไทเฮา ยังมีนางข้าหลวงหนึ่งคนนางข้าหลวงคนนั้นถือถาดไม้สีดำ สิ่งของที่วางอยู่บนถาด ทำให้คนเห็นแล้วอกสั่นขวัญแขวนมีผ้าขาว สุราหนึ่งจอก ยังมีกริชเล่มหนึ่งเหลียนซวงแสดงสีหน้าหวาดกลัว เบิกตาโตอย่างไม่อยากเชื่อไทฮองไทเฮาต้องการที่จะ...ประหารฮองเฮา? ! !นางรีบหันไปมองพระนางของตนเองเฟิ่งจิ่วเหยียนยืนถวายความเคารพ สวมอาภรณ์ธรรมดา ยากที่จะบดบังความสง่างามของนางได้นางก็มองเห็นสิ่งของพวกนั้นแล้ว ท่าทีสงบนิ่ง สีหน้าไม่เปลี่ยนแปลง แม้ภูเขาไท่พังทลายลงต่อหน้าก็ตาม“ถวายบังคมไทฮองไทเฮา”สายตาไทฮองไทเฮามองผ่านนาง มีคนประคองเดินไปนั่งบนที่นั่งหลักอย่างเชื่องช้า“ตอนนี้ข้าดูแลจัดการวังหลัง ควรแบ่งเบาความกังวลของฝ่าบาท”“ฮองเฮา เจ้ารู้ไหม ระยะนี้ที่วังหน้า เกิดปัญหาวุ่นวายเพราะเรื่องของเจ้า?”แววตาน้ำเสียงไทฮองไทเฮา ล้วนเต็มไปด้วยความตำหนิติเตียนราวกับเฟิ่งจิ่วเหยียนก็คือคนร้ายคนนั้นเฟิ่งจิ่วเหยียนขยับริมฝีปากพูดขึ้นมาว่า “หม่อมฉันอยู่ในตำหนักเ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 310

    “มันลวกข้า!” “อ๊าก! ร้อน!” บรรดาพลทหารต่างพากันโยนปืนหอกไฟที่พาดอยู่บนหัวไหล่ทิ้งไป ลูกปืนสูญเสียการควบคุม พุ่งมายังแท่นเฝ้าชมตรงฝั่งนี้แทน “คุ้มครองฮ่องเต้!” เฉินจี๋ราชองครักษ์หูตาว่องไว พลิกโต๊ะอาหารขึ้นเป็นเกราะกำบัง เซียวอวี้นั่งนิ่งไม่สะทกสะท้าน หัวคิ้วขมวดแน่น ดูเหมือนว่าปืนหอกไฟแบบใหม่อันนี้ ก็ไม่ได้สมบูรณ์แบบทุกด้าน ขุนนางท่านอื่นล้วนพุ่งหาที่กำบังอย่างคล่องแคล่วรวดเร็ว พริบตาเดียว สถานการณ์พลันโกลาหล กระทั่งลูกปืนถูกยิงจนหมด สถานการณ์เลวร้ายได้ผ่านพ้นไปแล้ว เหล่าขุนนางทั้งหลายค่อยยื่นศีรษะออกมาอีกครั้ง ชะเง้อคอมอง อยากสืบเสาะถึงต้นสายปลายเหตุที่แท้จริง เฉียวม่อยามนี้ก็สติหลุดลอยไปแล้วเช่นกัน เหตุใดถึงร้อนลวกขึ้นมา? พิมพ์เขียวนั่นก็มีแผ่นกันความร้อนเขียนไว้อยู่ไม่ใช่หรือ! หัวหน้าคนอื่นก็ตรวจสอบแล้ว ทุกคนล้วนคิดตรงกันว่าสมบูรณ์แบบ! เซียวอวี้หยัดกายขึ้น เงาร่างสูงใหญ่บดบังแสงอาทิตย์ เขาจ้องมองสถานที่เกิดเหตุอย่างดูแคลน ก่อนจะทิ้งสายตามองบนตัวเฉียวม่อในตอนสุดท้าย แม้ว่าไม่มีเสียงตำหนิใดถูกเอื้อนเอ่ยออกมา กระนั้นแล้วยังทำให้คนพรั่นพรึงจนสั่นสะท้านได้

DMCA.com Protection Status