แชร์

บทที่ 47

ผู้แต่ง: อี้ซัวเยียนอวี่
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-10-29 19:42:56
ณ ตำหนักหย่งเหอ

นอกจากไทเฮาและฮ่องเต้ประทับอยู่ที่นี่ ยังมีหวงกุ้ยเฟยอยู่ด้วย

หวงกุ้ยเฟยแอบบิดผ้าเช็ดหน้าในมือ ในใจรู้สึกเย็นวาบ

เฟิ่งเวยเฉียงหญิงต่ำช้าผู้นี้ ไม่คาดคิดว่าจะกล้าเปิดโปงเรื่องลักพาตัว!

นางก็อยากเห็นเช่นกัน หญิงต่ำช้าผู้นี้จะจัดฉากละครอะไรกัน!

เฟิ่งจิ่วเหยียนสั่งให้คนพาโจรภูเขาออกมา

เนื่องจากพวกเขามีจำนวนคนมาก จึงพาแค่หัวหน้ากลุ่มโจรออกมาสอบปากคำ

เฟิ่งจิ่วเหยียนยืนขึ้นรายงาน

“กลุ่มโจรภูเขาที่ลักพาตัวหม่อมฉันในวันนั้น บิดาของหม่อมฉันจับตัวพวกเขาไว้หมดแล้วเพคะ”

“ตำแหน่งเบาะแสของพวกเขาไม่ธรรมดา ผ่านเหตุการณ์ไปหลายเดือน ถึงจะได้เจอตัวพวกเขา”

“ยังโชคดีที่ฮ่องเต้ทรงรับปาก หม่อมฉันจึงได้รับโอกาสพิสูจน์ความบริสุทธิ์ และตามหาคนร้ายตัวจริง!”

“หลังจากสอบสวนแล้ว โจรเหล่านี้ก็สารภาพว่า คนที่สั่งให้พวกเขามาลักพาตัวหม่อมฉัน ก็คือจ้าวเฉียน...คนสนิทข้างกายหวงกุ้ยเฟยเพคะ!”

ประโยคสุดท้าย นางจงใจหยุดแล้วค่อยเอ่ยต่อ แสดงความหมายเป็นนัยที่ลึกล้ำ

ในวินาทีนั้น แววตาของเซียวอวี้ราวกับคมดาบ ฉายประกายดุดันมาที่นาง

นี่เป็นสิ่งที่นางสืบหาจนรู้ หรือกำลังใส่ร้ายตำหนักหลิงเซียว?

หวงกุ้ย
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อเรื่องนี้บน Application
ความคิดเห็น (2)
goodnovel comment avatar
Hua
จ่ายเงินแล้วแต่อ่านไม่ได้
goodnovel comment avatar
ณิริน ณิรินทร์รดา
ไม่เข้าใจอิเต้ ว่าหูตามืดบอดไรขนาดนั้น รักหรอ รึอะไร เข้าข้างมันทุกอย่าง อยากจับเขย่าๆๆๆๆๆ
ดูความคิดเห็นทั้งหมด

บทที่เกี่ยวข้อง

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 48

    เฟิ่งจิ่วเหยียนยังไม่เรียกพยานออกมาทันที กลับถามหัวหน้าโจรผู้นั้นก่อน“เจ้ายืนกรานว่าเห็นจ้าวเฉียน เช่นนั้นเจ้าจำได้หรือไม่ วันนั้นเป็นวันอะไรเดือนอะไร”“จำได้! วันที่ 10 เดือน10”หวงกุ้ยเฟยยิ้มเยาะ “แน่ใจถึงเพียงนั้นเชียวรึ ความจำของเจ้าช่างดีเหลือเกิน ถ้าคนไม่รู้จะคิดว่าเจ้า...”นางมองฮองเฮาโดยมีความหมายอื่นแอบแฝง บอกเป็นนัย ๆ ว่าโจรผู้นี้รับสินบนจากฮองเฮาหัวหน้าโจรรีบแก้ต่างทันที“วันที่ 10 เดือน 10 ของทุกปีเป็นวันบูชาขุนเขา บรรดาพี่น้องเรากำลังกินดื่มสังสรรค์ และจ้าวเฉียนก็มาถึง...”จ้าวเฉียนเหมือนได้จับช่องโหว่ของอีกฝ่ายได้ จึงรีบร้อนตะโกนขึ้น“ปรักปรำ! บ่าวอยู่ในวังตลอดเวลา จะขึ้นไปบนภูเขาได้อย่างไร!”สิ่งที่เฟิ่งจิ่วเหยียนรออยู่ก็คือประโยคนี้ของเขา “จ้าวเฉียน แล้วเจ้าแน่ใจได้อย่างไร วันที่ 10 เดือน 10 ตัวเจ้าอยู่ในวังหลวง?”จ้าวเฉียนกลอกตาไปมา“ไม่ใช่แค่วันที่ 10 เดือน 10 บ่าวอยู่ปรนนิบัติรับใช้หวงกุ้ยเฟยมาตลอด ครั้งก่อนที่ออกจากวัง ก็เพราะทำความดีความชอบเลยได้กลับไปอยู่พร้อมหน้าครอบครัว “หากฮองเฮามิทรงเชื่อ ก็ตรวจดูในสมุดรายชื่อผู้ที่เข้าออกวังได้พ่ะย่ะค่ะ“การ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 49

    องครักษ์นำทองคำในมือของจินเหนียงจื่อมาตรวจสอบ ผลลัพธ์ตรงตามคำพูดของฮองเฮา ทองคำในมือของโจรภูเขากับจินเหนียงจื่อเป็นชุดเดียวกัน!จ้าวเฉียนปากสั่น แต่ยังคิดจะปฏิเสธ“ทองคำที่หลอมออกมาในชุดเดียวกัน ไม่ได้มีเพียงหนึ่งหรือสองก้อน บ่าวแค่บังเอิญว่ามีทองคำชุดนั้น จะนำมาพิสูจน์ได้อย่างไร...”เฟิ่งจิ่วเหยียนขัดจังหวะคำพูดของเขา และเอ่ยอย่างไม่รีบร้อน“โจรภูเขาชอบของมีค่า โดยเฉพาะเงินกับทองคำ นั่นเป็นเพราะไม่ต้องยุ่งยากนำตั๋วเงินไปแลกเป็นเงินอีก“จ้าวเฉียนคิดจะติดสินบนโจรภูเขา ทองคำที่นำออกมาจะต้องมีจำนวนเยอะ ไม่มีทางนำทองคำที่กระจัดกระจายไม่เต็มจำนวนไปแน่ อีกอย่างทองคำมากมายขนาดนั้น จะนำออกจากวังก็คงไม่สะดวกนัก ดังนั้นเขาจึงนำตั๋วเงินออกจากวัง แล้วค่อยไปแลกเป็นทองคำที่ร้านแลกเงินในเมืองหลวง”“ส่วนร้านแลกเงินถ้าเบิกทองคำจำนวนมาก ๆ ในครั้งเดียว ทองคำนั้นจะต้องมีหมายเลขกำกับที่เรียงกัน...”ไทเฮาโบกพระหัตถ์ “ฮองเฮา ข้าเข้าใจแล้ว เจ้าพูดมาตั้งมากมาย ก็เพื่อจะพิสูจน์ว่า ทองคำเหล่านี้เป็นชุดเดียวกันกับที่ถูกนำออกมาจากร้านแลกเงิน ใช่หรือไม่?”เฟิ่งจิ่วเหยียนพยักหน้ารับ“ใช่เพคะ เสด็จแม่”

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 50

    “ฮองเฮากำลังสงสัยคำตัดสินของเราใช่หรือไม่!” แววตาของเซียวอวี้เคร่งขรึม แฝงความน่าเกรงขามเฟิ่งจิ่วเหยียนมองเขาด้วยสายตาเยือกเย็นนี่หรือจักรพรรดิที่นางและเหล่าทหารนับหมื่นนับพันจงรักภักดี?เขาไม่ใช่แค่ฮ่องเต้ทรราช ยิ่งเหมือนฮ่องเต้ที่ไร้ความชอบธรรม!ทันใดนั้นนางก็เอ่ยออกมาอย่างหนักแน่น“โทษฐานที่จ้าวเฉียนต้องแบกรับนั้น ไม่ใช่แค่บงการให้โจรภูเขามาลักพาตัว”“ยังมีสิ่งใดอีก?” ไทเฮารู้สึกร้อนใจคิ้วตาของเฟิ่งจิ่วเหยียนดูเยือกเย็นและเคร่งขรึม“ก่อนหน้านี้หม่อมฉันเคยถามจ้าวเฉียน เขายืนกรานว่า วันที่ 10 เดือน 10 ปฏิบัติงานอยู่ในวังหลวง ต่อมาพอตรวจสอบสมุดรายชื่อผู้ที่เข้าออกวัง รวมถึงสมุดบันทึกการทำงานของตำหนักหลิงเซียว ต่างก็ยืนยันในสิ่งที่เขาพูด ทว่าความจริงกลับไม่เป็นเช่นนั้น นี่แสดงให้เห็นว่า...”เฟิ่งจิ่วเหยียนพลันยกมือ หลังจากลากมือไปตามแนวนอนกลางอากาศ ก็ชี้ไปที่หวงกุ้ยเฟยด้วยท่าทางดุดัน “หวงกุ้ยเฟยในฐานะผู้คุมตำหนัก ไม่เคร่งครัดกับบ่าวรับใช้ ในขณะเดียวกัน ยังถือครองตราประทับทองคำ ต้องควบคุมดูแลวังหลังด้วย แต่ทว่าในวังกลับมีการสร้างเรื่องเท็จผู้ที่เข้าออกวัง จึงถือว่าละเลยหน้า

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 51

    เมื่อเผชิญหน้ากับความโกรธเกรี้ยวของจักรพรรดิ เฟิ่งจิ่วเหยียนแบะปากและยิ้มเยาะตัวเอง“หม่อมฉันกล้าหาญ?“ฝ่าบาท หลังจากหม่อมฉันได้รับการช่วยเหลือกลับมา ถึงแม้ตัวเองจะบริสุทธิ์ แต่กลับไม่มีใครเชื่อ “คนรอบข้างพากันเกลี้ยกล่อมหม่อมฉัน ให้พยายามนิ่งเฉย อย่าตอบโต้ข้อสงสัยและข่าวลือเหล่านั้น รอให้ข่าวลือเงียบหายไปเอง รอให้ผู้คนลืมเรื่องนี้ไปเอง”“แต่ความจริงไม่เป็นเช่นนั้น“แต่ละวันหม่อมฉันต้องใช้ชีวิตอยู่กับความหวาดกลัวและความเจ็บปวด กระทั่งยังสงสัยในความบริสุทธิ์ของตัวเอง ไม่รู้จริง ๆ ว่าเอากฎเกณฑ์ใดมาวัดความบริสุทธิ์ของสตรีผู้หนึ่ง และยิ่งไม่เข้าใจว่าเหตุใดคนที่ถูกลักพาตัว คนที่ถูกทำลายชื่อเสียง ซึ่งเห็นชัดอยู่แล้วว่าเป็นคนที่ถูกทำร้าย ถึงได้กลายเป็นคนทำผิด และยังกลายเป็นหญิงสำส่อนตามขี้ปากของชาวบ้าน!“ถ้าหม่อมฉันไม่กล้าหาญ คงตายไปกับข่าวลือนั้นตั้งแต่แรก ไฉนเลยจะกล้าสวมเครื่องยศสตรี เพื่ออภิเษกสมรสเข้าวัง?“ถ้าหม่อมฉันไม่กล้าหาญ ไฉนเลยจะกล้าขอร้องพระองค์ให้สืบค้นหาความจริง“หม่อมฉันมีความกล้าหาญ ฉะนั้นแล้ว ขอฮ่องเต้ทรงถอดถอนตำแหน่งฮองเฮาด้วย! หม่อมฉันจะได้มีความกล้าหาญอีกครั้ง จะน

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 52

    “มีราชโองการ! หวงกุ้ยเฟยรับราชโองการ!”ชุนเหอประคองหวงกุ้ยเฟยเดินออกมาด้านนอกตำหนัก และโค้งคำนับจากนั้นก็คอยฟังข้าหลวงผู้นั้นอ่านราชโองการ“ฮ่องเต้ทรงมีรับสั่ง จ้าวเฉียนนำทรัพย์สินของพระราชวังไปขายต่อ มีหลักฐานชัดเจน ส่วนหวงกุ้ยเฟยละเลยการตรวจสอบ นับตั้งแต่บัดนี้ ให้นำตราประทับทอง ส่งมอบให้กับฮองเฮาเพื่อควบคุมวังหลัง...”เมื่อได้ยินเช่นนี้ สีหน้าหวงกุ้ยเฟยพลันเปลี่ยนในทันทีฮ่องเต้ต้องการยึดตราประทับทองของนางไปจริงหรือ?ถึงเวลานี้ ราชโองการยังอ่านไม่จบพลันได้ยินข้าหลวงผู้นั้นเอ่ยอีกว่า“นอกจากนี้ ให้หวงกุ้ยเฟยลดตำแหน่งลงมาเป็นกุ้ยเฟย!”อะไรกัน!ทุกคนในตำหนักหลิงเซียวต่างมีสีหน้าตกตะลึงจ้าวเฉียนทำความผิด เหตุใดหวงกุ้ยเฟยจึงถูกลงโทษร้ายแรงเช่นนี้?ตั้งแต่หวงกุ้ยเฟยได้รับความโปรดปราน ก็ไม่เคยเกิดเรื่องเช่นนี้ชุนเหอก็ไม่อยากเชื่อ จึงรีบประคองพระสนมของตนใบหน้าของหลิงเยี่ยนเอ๋อร์ยังคงสงบนิ่ง แต่มือไม้ชา สีหน้าไม่แช่มชื่นเหมือนปกติทั่วไป“หม่อมฉัน น้อมรับราชโองการ”หลังจากข้าหลวงที่อ่านราชโองการกลับไป หลิงเยี่ยนเอ๋อร์ก็นั่งลงบนเก้าอี้ แววตาดูว่างเปล่า ไม่รู้ว่านางกำลังคิด

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 53

    ตำหนักหย่งเหอเฟิ่งจิ่วเหยียนเสร็จจากชำระกาย กำลังนั่งสางผมอยู่ข้างตั่งนอกหน้าต่างพลันมีเสียงกึกกัก เหมือนเสียงลูกไก่จิกเม็ดข้าวสาร ดวงตาของนางเป็นประกาย จึงลุกขึ้นยืนและเดินไปทันทีบนบานหน้าต่างกระดาษสะท้อนเงาด้านข้างของนาง ผมยาวสยาย จมูกเป็นสันคมนางเปิดหน้าต่างออกไป นกพิราบส่งสารขนดำกำลังใช้ปากจิกขอบหน้าต่าง ดูร้อนใจราวกับจะพูดว่า “เหตุใดจึงมาเปิดประตูช้าถึงเพียงนี้”ดูฉุนเฉียวอย่างมากเฟิ่งจิ่วเหยียนเปิดกระบอกไม้ไผ่ที่ผูกติดกับขานกพิราบส่งสาร และหยิบสารลับด้านในออกมา—— [หนูถูกจับเข้ากรงแล้ว]หนู หมายถึงพวกโจรภูเขาเหล่านั้นทำศึกต้องใช้กลอุบายนางหลอกพวกเขา จัดส่งไปยังซ่องชายชั้นต่ำ พวกเขาจะถูกเฉือนลิ้น ตัดเส้นเอ็นมือเอ็นเท้า จะถูกทรมานทุกวัน จนกระทั่งตาย!แต่ถึงแม้โจรภูเขาจะได้รับผลกรรม เฟิ่งจิ่วเหยียนก็ยังไม่มีความสุขเวยเฉียงบาดเจ็บสาหัสถึงเพียงนั้น ต่อให้ทรมานพวกโจรภูเขาเท่าใด ก็ยากที่จะบรรเทาความแค้นในใจของนางได้คนชั่วร้ายอย่างหลิงเยี่ยนเอ๋อร์ยังไม่ถูกจับแม้แต่สาวใช้อย่างเหลียนซวงก็ยังโกรธแค้น“ผู้บงการตัวจริงยังคงลอยนวล มันไม่ยุติธรรมเลย! หรือฮ่องเต้จะไม่เ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 54

    ตำหนักหย่งเหอ ฮ่องเต้เสด็จมาเสวยพระกระยาหารเช้าเป็นครั้งแรก ห้องครัวรีบเร่งจัดเตรียมสำรับเพิ่มเติม ดูคร่ำเคร่งเป็นพิเศษ บรรยากาศบนโต๊ะอาหารนั้นเงียบมากเซียวอวี้ไม่เอ่ยสิ่งใด เฟิ่งจิ่วเหยียนก็ไม่เอ่ยสิ่งใดเช่นกัน ยิ่งไม่ต้องหวังว่านางจะตักอาหารให้กับฮ่องเต้ บางครั้งถึงขั้นว่า “แย่ง” ตักอาหารในจานเดียวกันกับฮ่องเต้ด้วยซ้ำเหลียนซวงส่งสัญญาณบอกฮองเฮาด้วยสายตาอยู่หลายครั้ง ให้นางแสดงท่าทีต้อนรับมากกว่านี้ พูดสักสองสามประโยคเพื่อให้บรรยากาศผ่อนคลาย แต่ฮองเฮากลับทำเป็นเพิกเฉยทันใดนั้น ฮองเฮาอ้าปากจะเอ่ยเหลียนซวงกำลังรอฟัง แต่กลับได้ยินว่า“เติมข้าวอีกหนึ่งถ้วย”เฟิ่งจิ่วเหยียนเป็นคนฝึกวรยุทธ์ ความอยากอาหารจึงมีมากกว่าสตรีธรรมดาทั่วไปตอนที่นางอยู่ในค่ายทหาร อยู่ร่วมกับกลุ่มบุรุษ ก็ไม่รู้สึกว่ามีสิ่งใดผิดแปลกแตกต่างไปทว่าอยู่ในวังหลวงกลับดูแปลกแยกไปสักหน่อยหลังจากนางเติมข้าวเป็นถ้วยที่สาม เซียวอวี้ก็เงยหน้าขึ้นมองตอนที่เขาไปกินอาหารร่วมกับนางสนมคนอื่น พวกนางแทบจะไม่กินสักเท่าไร บางคนยังคอยปรนนิบัติ และตักอาหารให้เขาด้วยซ้ำอีกอย่างแต่ละคนกระเพาะเล็กแบบนก กินไม่กี่คำก็บอกว่า

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 55

    เหลียนซวงเพิ่งถามคำถามเมื่อครู่จบ อยู่ ๆ ก็เริ่มกระจ่างขึ้น“ฮองเฮาเพคะ รุ่ยอ๋องเคยบอกว่า ฮ่องเต้ทรงโปรดปรานสตรีที่มีทักษะขี่ม้า“ท่านจัดงานแข่งขันขี่ม้าโปโล เพราะอยากจะช่วยให้นางสนมคนอื่น ๆ ช่วงชิงความโปรดปรานกระมัง!”เฟิ่งจิ่วเหยียนเอ่ยอย่างเรียบเฉย“ฮ่องเต้ทรงโปรดปราน คือหรงเฟยที่มีทักษะขี่ม้า ไม่ใช่จะเป็นผู้ใดก็ได้”“ฮองเฮา บ่าวโง่เขลา แล้วท่านทำเพื่อเหตุผลใดกัน?”“ปลาตัวไหนเต็มใจก็มาติดเบ็ด [1]” แววตาสงบนิ่งของเฟิ่งจิ่วเหยียน มีประกายแสงสีดำแวบหนึ่ง เหลียนซวงคิดทบทวน แน่นอนว่ามีสิ่งเดียวเท่านั้นคือ ฮองเฮาต้องการเล่นงานกุ้ยเฟยแต่จะเกี่ยวข้องกันอย่างไร นางก็ยังคิดไม่ออก......ตำหนักหลิงเซียวพอได้ยินว่าเมื่อเช้าฮ่องเต้เสด็จไปเสวยพระกระยาหารเช้ากับฮองเฮา กุ้ยเฟยก็รู้สึกว้าวุ่นและโกรธเคือง“นังสารเลวสมควรตาย! ไม่รู้ว่าใช้วิธีไหน มาบังคับฝ่าบาทให้ลงโทษข้า ตอนนี้ยังจะกล้ามาล่อลวงฝ่าบาทอีก!”พอชุนเหอเห็นพระสนมมีท่าทางโมโห จึงพูดเกลี้ยกล่อม“พระสนม ฝ่าบาททรงทำเช่นนี้ ก็เพื่อทำให้ฮองเฮายอมสงบ กลัวว่าฮองเฮาจะใช้เรื่องของจ้าวเฉียนกับโจรภูเขา ก่อปัญหาใหม่ตามมาอีก ซึ่งจะไม่เป็

บทล่าสุด

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 318

    หินเซวียนอิง เคยย่ำจนรองเท้าเหล็กสึกไม่พบพาน ตอนนี้กลับได้มาเฟิ่งจิ่วเหยียนรีบถามทันที“นี่คือหินเซวียนอิง เจ้ามีได้อย่างไร?”จางฉีหยางกลับแปลกประหลาดใจ“อาจารย์ ทำไมท่านก็รู้จักหินเซวียนอิง?“เมื่อสามปีก่อน ครั้งแรกที่ข้าได้เจอแม่ทัพน้อยเมิ่ง ได้ยินเขากับท่านพ่อคุยกันเรื่องหินเซวียนอิง ดูเหมือนนางจะชอบหินนี้มาก ดูในตำราก็มีบันทึกไว้“ความจำของข้าดี จึงจดจำไว้“ตำบลหลินผิงที่บ้านเกิดของข้า มีหุบเขามากมาย ยามมีเวลาว่าง ข้าก็จะออกค้นหาไปทั่ว เมื่อหนึ่งปีก่อน ข้าได้เจอหินเซวียนอิง ดังนั้นข้าจึงนำมันมาเป็นของขวัญคารวะอาจารย์...”เมื่อสามปีก่อน เฟิ่งจิ่วเหยียนก็คิดอยากปรับเปลี่ยนปืนหอกไฟรูปแบบใหม่ตอนนั้นนางก็มั่นใจแล้วว่า สิ่งสำคัญที่สุด ก็คือฉนวนกันความร้อน และสิ่งที่เหมาะสมในการทำเป็นฉนวนกันความร้อนที่สุด ก็คือเหล็กเซวียนอิงที่หล่อหลอมมาจากหินเซวียนอิงคิดไม่ถึงว่า ถูกเด็กคนนี้ได้ยินอย่างไม่ตั้งใจ และช่วยนางตามหาจนเจอแล้ว!ปกติเฟิ่งจิ่วเหยียนเป็นคนสงบควบคุมตนเองได้ดีต่อให้ดีใจแค่ไหน ก็ไม่มีทางแสดงออกมานางรีบถามจางฉีหยาง“ข้าก็ชอบหินเซวียนอิงอย่างมาก บอกข้าได้ไหมว่า เจ้าเ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 317

    ริมฝีปากจางฉีหยางแห้งแตก เสียงที่พูดออกมาค่อนข้างเสียงแหบแห้งอย่างยิ่งเฟิ่งจิ่วเหยียนสบสายตากับเขา มองเห็นถึงรัศมีสังหารในแววตาของเขา“ไหว้ผู้ล่วงลับ เดินผ่านทางนี้” นางพูดอธิบายเพราะจางฉีหยางหิวโซเป็นเวลานาน มือจึงสั่นเทา เอาสิ่งของเซ่นไหว้พวกนั้นคืนให้กับนาง“เอาคืนไป! แม่ของข้าไม่ต้องการสิ่งพวกนี้!”เฟิ่งจิ่วเหยียนทำเป็นเหมือนมองไม่เห็นการปฏิเสธของเขานางชักกระบี่ออกมาจากฟักตรงเอวตามด้วยเสียงรอยแตกร้าวดังในอากาศ ต้นไม้ด้านข้างต้นหนึ่งถูกนางโค่นลง ตัดเป็นกระดานขนาดเท่าศิลาหลุมศพจางฉีหยางมองดูภาพนี้ แววตาไม่มีความเคลื่อนไหวใด ๆจนเฟิ่งจิ่วเหยียนเอาแผ่นไม้นั่นวางบนพื้น แล้วถามเขา“ผู้ล่วงลับสกุลอะไร”จางฉีหยางมีปฏิกิริยาขึ้นมาเล็กน้อย มองดูนางอย่างแปลกประหลาดใจเฟิ่งจิ่วเหยียนพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย ไม่มีความสงสารอย่างสูงส่ง“มีป้ายหลุมศพ ก็จะไม่กลายเป็นวิญญาณเร่ร่อน”จางฉีหยางหัวเราะเย้ย“ข้าไม่เชื่อ”เฟิ่งจิ่วเหยียนพูดขึ้นมาเหมือนล้อเล่นว่า“เป็นผีก็สามารถหลงทางได้ มีป้ายหลุมศพ ต่อไปแม่ของเจ้าก็จะรู้ว่า ที่นี่เป็นบ้านของนาง เป็นบ้านที่ลูกชายของนางสร้างให้นางด้วยต

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 316

    จางฉีหยางตอบโต้รวดเร็วมาก หลบเลี่ยงฝ่ามือแรกของเฉียวม่อได้จากนั้นเฉียวม่อโจมตีเขาอีกอย่างต่อเนื่องจางฉีหยางเดินทางไกลมาอย่างเหน็ดเหนื่อย ทั้งหิวทั้งหนาวเวลานี้จึงไม่ค่อยมีเรี่ยวแรงเท่าไรนักแต่ต่อให้อยู่ภายใต้สภาพเช่นนี้ ยังสามารถหลบเลี่ยงเฉียวม่อได้ ซ้ำยังสามารถหาโอกาสตอบโต้ได้สีหน้าเฉียวม่อมืดมิดอย่างรวดเร็วเด็กคนนี้ เก่งกาจกว่าที่นางคิดไว้นางแกล้งทำเป็นจู่โจมส่วนล่างของเขา ฉวยโอกาสตอนที่เขาตอบโต้ เคลื่อนตัวไปทางด้านหลังเขาอย่างรวดเร็ว เตะหลังเข่าของเขาอย่างรุนแรงจางฉีหยางงอเข่าลง ขาข้างหนึ่งคุกเข่าลงจากนั้น เฉียวม่อใช้แขนรัดคอเขาไว้จากทางด้านหลังจางฉีหยางถูกบีบให้เงยศีรษะขึ้นมา อ้าปากกว้างเพื่อหายใจเฉียวม่อไม่ผ่อนมือ เพิ่มแรงมากขึ้น เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ...จนสีหน้าจางฉีหยางเขียวม่วง สกุลฉินเห็นว่าไม่ดีแน่ จึงรีบร้องเรียกขึ้นมาว่า“แม่ทัพน้อย!”เฉียวม่อค่อยผ่อนคลายมือ อยากที่จะกำจัดให้สิ้นซากเสียเดี๋ยวนี้สกุลฉินรีบประคองลูกชายลุกขึ้นมา ปัดฝุ่นบนตัวให้กับเขาจางฉีหยางหายใจหอบ ดวงตาสีดำเข้มจ้องมองที่เฉียวม่อหลังจากดีขึ้นบ้างแล้ว เขายกมือประสานหันไปทำความเคารพนา

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 315

    “มีทั้งหมด...สามคน ข้าไม่ค่อยได้เห็นอีกสองคนนั้น”“แม่นางเมิ่งมีคำสั่ง...พวกเรา เราก็ทำตาม”ชายขายผักพูดไปด้วย เลือดไหลไปด้วยไม่ค่อยได้เห็น ซึ่งก็คือเคยเห็นบ้างแล้วเฟิ่งจิ่วเหยียนถามอีก“อีกสองคนนั้นมีลักษณะเป็นยังไง”“คนหนึ่งบนใบหน้ามีไฝ ส่วนอีกคนหนึ่ง...คนนั้นชอบไปบ่อนเล่นการพนัน เป็นคนที่มีนิสัยลักขโมย หน้าตาปากแหลมแก้มเหมือนลิง...ท่านผู้กล้า ปล่อยข้าไปเถอะ ที่ข้ารู้ก็ล้วนบอกหมดแล้ว!”เฟิ่งจิ่วเหยียนใช้กริชเชยคางของเขาขึ้นมา“ทำไมพวกเจ้าต้องฟังคำสั่งเฉียวม่อ”ชายขายผักเสียเลือดมาก จนอ่อนแรงอย่างยิ่ง“พวกเรา... พวกเราล้วนถูกราชสำนักออกหมายนำจับ...เป็นโจรเจียงหยาง หากไม่เชื่อฟังนาง ก็จะส่งตัวพวกเราไปให้ทางการ”“เชื่อฟังนาง นางให้เงินพวกเราได้ใช้จ่าย...”“อีกอย่าง...นางวางยาพิษพวกเรา...ให้ยาถอนพิษพวกเราตามเวลาที่กำหนด ไม่อย่างนั้น...ก็จะตาย”“ท่านผู้กล้า ตอนนี้ข้าหักหลังนาง ไม่มีทางรอดแล้ว“ขอร้องท่าน...ให้ข้าได้ตายอย่างรวดเร็วด้วยเถอะ!”แววตาเฟิ่งจิ่วเหยียนเยือกเย็นชา พร้อมพูดขึ้นมาว่า “ได้”จากนั้นนางยกมีดขึ้นมาแล้วปาดลง ปาดคอชายขายผักตายเดิมก็เป็นอาชญากรรายใหญ่ ต

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 314

    อู๋ไป๋บาดเจ็บสาหัสอย่างมาก หลังจากฟื้นขึ้นมาแล้วเห็นแม่ทัพน้อย ก็รู้ว่าตนเองมีชีวิตรอดแล้วร่างกายท่อนบนของเขา พันเต็มไปด้วยผ้าพันแผล สีหน้าซีดอ่อนแรง“แม่...”ทันใดนั้นก็เห็นว่าภายในห้องยังมีคนอื่น จึงรีบเปลี่ยนเป็นร้องเรียกขึ้นมาว่า “นายท่าน”เฟิ่งจิ่วเหยียนที่สวมหน้ากากเงินครึ่งชิ้น หันมามองดูเขาหมอกำลังบอกนางเกี่ยวกับข้อควรระวังของผู้บาดเจ็บหลังจากนางฟังแล้วก็จดจำไว้ จากนั้นก็จ่ายค่ารักษา ออกมาส่งหมอด้วยตนเองผ่านไปครู่หนึ่ง นางกลับเข้ามาในห้องอีกครั้ง แล้วเห็นอู๋ไป๋พยายามจะลุกขึ้นมานั่งนางรีบพูดสั่งทันทีว่า“อย่าเคลื่อนไหว”เขาบาดเจ็บสาหัสอย่างมาก ไม่รู้สึกเลยสักนิดหรือ?อู๋ไป๋รีบนอนลงอย่างเชื่อฟัง ฉีกยิ้มอย่างขมขื่น พร้อมพูดขึ้นมาว่า“นายท่าน กระหม่อมผิวหยาบเนื้อหนา ไม่เป็นไร”พูดว่าไม่เป็นไรนั้นเป็นความเท็จเขายังจำได้ มีดที่แทงลงมาหลายทีนั้น เจ็บปวดอย่างมาก“นายท่าน ชายขายผักคนนั้น...”“จับตัวมาได้แล้ว” เฟิ่งจิ่วเหยียนพูดแทรกคำพูดของเขาอู๋ไป๋ยังอยากพูดอะไรอีก ก็มีชายหนุ่มแปลกหน้าคนหนึ่งวิ่งเข้ามา“รองผู้นำพันธมิตร! เมื่อครู่ชายขายผักคนนั้นยังคิดอยากวิ่งหนี

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 313

    ตำหนักเย็น เฟิ่งจิ่วเหยียนได้รับลูกศรมาหนึ่งอันบนหัวลูกศร เสียบกระดาษไว้หนึ่งแผ่นเป็นลายมือของเฉียวม่อ...[ศิษย์พี่ ติดหนี้ชีวิตเจ้าอีกหนึ่งชีวิตแล้ว แต่ข้าจะให้เจ้าหาเจอทางหนีสุดท้ายได้ง่ายๆ ได้อย่างไร? คราวหน้าส่งคนที่ฉลาดกว่านี้หน่อยนะ]เฟิ่งจิ่วเหยียนรู้ว่า เกิดเรื่องกับอู๋ไป๋แล้วนางขมวดคิ้วแน่น ไม่กล้าชักช้าแม้ชั่วขณะเดียว ฟ้ายังไม่มืดก็ออกจากวังแล้วอู๋ไป๋ติดตามนางจากค่ายเป่ยต้า มาจนถึงเมืองหลวงเขาไม่เพียงเป็นลูกน้องคนสนิท ลูกน้องที่มีความสามารถของนาง ยังเป็นเพื่อนของนางเพื่อต่อสู้กับนาง เฉียวม่อทำร้ายคนตายไปอย่างมากมายแล้วอู๋ไป๋ นางจะต้องตามหาให้เจอ!……ท่ามกลางผู้คนมากมาย ภายใต้สถานการณ์ที่ไม่มีเบาะแสอะไรเลย ตามหาคนหนึ่ง เหมือนงมเข็มในมหาสมุทรวันนี้ เฟิ่งจิ่วเหยียนไม่รู้ว่าวิ่งไปมากี่ที่ที่นางสามารถตามหา ก็มีเพียงชายขายผักจากคำบอกเล่าของชาวบ้านบริเวณรอบๆ นางวาดภาพชายขายผักคนนั้นขึ้นมาเวลาพลบค่ำโรงรับจำนำแห่งหนึ่งในเขตชานเมือง คนงานกำลังเตรียมปิดร้าน ชายสวมหน้ากากเงินคนหนึ่ง คว้าจับกรอบประตูไว้ ไม่สนใจความเจ็บปวดที่ถูกประตูหนีบ พูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเยือ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 312

    ไทฮองไทเฮาหันมองไปข้างนอก ดวงตาเบิกโตอย่างไม่รู้ตัว“ฮ่องเต้? เจ้ามาทำอะไร!”นางมาจัดการฮองเฮาเป็นการส่วนตัว ไม่ได้บอกเซียวอวี้รับรู้เซียวอวี้ก้าวเท้ายาวเข้ามาในตำหนัก ใช้เท้ากระทืบข้าหลวงที่คิดจะลงมือทำร้ายเฟิ่งจิ่วเหยียน พร้อมทั้งปกป้องนางไว้ข้างหลัง เผชิญหน้ากับไทฮองไทเฮาโดยตรง“เสด็จย่า ควรเป็นเราถามท่าน ท่านทำอะไรอยู่ที่นี่”เขาสวมอาภรณ์สีม่วง สีหน้าเยือกเย็นชา เป็นเหมือนดั่งหุบเขาหิมะ คนเห็นแล้วรู้สึกหวาดกลัวเฟิ่งจิ่วเหยียนแอบเก็บอาวุธลับไว้ ไทฮองไทเฮานั่งอยู่ตรงนั้น พูดขึ้นมาอย่างไม่รู้สึกผิดเลยสักนิดว่า“ข้าทำเช่นนี้ ล้วนเพื่อความมั่นคงของแผ่นดิน“สตรีตระกูลเฟิ่งไม่ควรเข้าวัง ยิ่งไม่ควรเป็นฮองเฮาของเจ้า”ฮ่องเต้กตัญญูต่อนางมาตลอด นางไม่เชื่อว่า ฮ่องเต้จะไม่เชื่อฟังนางเพราะเหตุนี้ดวงตาสีเข้มของเซียวอวี้หนักหน่วงมืดมน“เราได้ให้นางมาอยู่ในตำหนักเย็นแล้ว เสด็จย่าอย่าบีบคั้นกันจนเกินไป ยิ่งไปกว่านั้น เราเคยพูดแล้วว่า เราไม่เคยเชื่อในคำทำนายของหนังสือแห่งโชคชะตาในปีนั้น”ปัง!ไทฮองไทเฮาฟาดตบโต๊ะอย่างโกรธโมโห“ฮ่องเต้ เจ้าจะเลอะเลือนไม่ได้!“ผู้หญิงคนนี้...นางจะเป

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 311

    ไทฮองไทเฮาเสด็จมายังตำหนักเย็นด้วยพระองค์เอง แฝงไปด้วยความแปลกประหลาดและแล้ว ลางสังหรณ์เฟิ่งจิ่วเหยียนนั้นไม่มีผิดคนที่มาไม่ได้มีเพียงไทฮองไทเฮา ยังมีนางข้าหลวงหนึ่งคนนางข้าหลวงคนนั้นถือถาดไม้สีดำ สิ่งของที่วางอยู่บนถาด ทำให้คนเห็นแล้วอกสั่นขวัญแขวนมีผ้าขาว สุราหนึ่งจอก ยังมีกริชเล่มหนึ่งเหลียนซวงแสดงสีหน้าหวาดกลัว เบิกตาโตอย่างไม่อยากเชื่อไทฮองไทเฮาต้องการที่จะ...ประหารฮองเฮา? ! !นางรีบหันไปมองพระนางของตนเองเฟิ่งจิ่วเหยียนยืนถวายความเคารพ สวมอาภรณ์ธรรมดา ยากที่จะบดบังความสง่างามของนางได้นางก็มองเห็นสิ่งของพวกนั้นแล้ว ท่าทีสงบนิ่ง สีหน้าไม่เปลี่ยนแปลง แม้ภูเขาไท่พังทลายลงต่อหน้าก็ตาม“ถวายบังคมไทฮองไทเฮา”สายตาไทฮองไทเฮามองผ่านนาง มีคนประคองเดินไปนั่งบนที่นั่งหลักอย่างเชื่องช้า“ตอนนี้ข้าดูแลจัดการวังหลัง ควรแบ่งเบาความกังวลของฝ่าบาท”“ฮองเฮา เจ้ารู้ไหม ระยะนี้ที่วังหน้า เกิดปัญหาวุ่นวายเพราะเรื่องของเจ้า?”แววตาน้ำเสียงไทฮองไทเฮา ล้วนเต็มไปด้วยความตำหนิติเตียนราวกับเฟิ่งจิ่วเหยียนก็คือคนร้ายคนนั้นเฟิ่งจิ่วเหยียนขยับริมฝีปากพูดขึ้นมาว่า “หม่อมฉันอยู่ในตำหนักเ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 310

    “มันลวกข้า!” “อ๊าก! ร้อน!” บรรดาพลทหารต่างพากันโยนปืนหอกไฟที่พาดอยู่บนหัวไหล่ทิ้งไป ลูกปืนสูญเสียการควบคุม พุ่งมายังแท่นเฝ้าชมตรงฝั่งนี้แทน “คุ้มครองฮ่องเต้!” เฉินจี๋ราชองครักษ์หูตาว่องไว พลิกโต๊ะอาหารขึ้นเป็นเกราะกำบัง เซียวอวี้นั่งนิ่งไม่สะทกสะท้าน หัวคิ้วขมวดแน่น ดูเหมือนว่าปืนหอกไฟแบบใหม่อันนี้ ก็ไม่ได้สมบูรณ์แบบทุกด้าน ขุนนางท่านอื่นล้วนพุ่งหาที่กำบังอย่างคล่องแคล่วรวดเร็ว พริบตาเดียว สถานการณ์พลันโกลาหล กระทั่งลูกปืนถูกยิงจนหมด สถานการณ์เลวร้ายได้ผ่านพ้นไปแล้ว เหล่าขุนนางทั้งหลายค่อยยื่นศีรษะออกมาอีกครั้ง ชะเง้อคอมอง อยากสืบเสาะถึงต้นสายปลายเหตุที่แท้จริง เฉียวม่อยามนี้ก็สติหลุดลอยไปแล้วเช่นกัน เหตุใดถึงร้อนลวกขึ้นมา? พิมพ์เขียวนั่นก็มีแผ่นกันความร้อนเขียนไว้อยู่ไม่ใช่หรือ! หัวหน้าคนอื่นก็ตรวจสอบแล้ว ทุกคนล้วนคิดตรงกันว่าสมบูรณ์แบบ! เซียวอวี้หยัดกายขึ้น เงาร่างสูงใหญ่บดบังแสงอาทิตย์ เขาจ้องมองสถานที่เกิดเหตุอย่างดูแคลน ก่อนจะทิ้งสายตามองบนตัวเฉียวม่อในตอนสุดท้าย แม้ว่าไม่มีเสียงตำหนิใดถูกเอื้อนเอ่ยออกมา กระนั้นแล้วยังทำให้คนพรั่นพรึงจนสั่นสะท้านได้

DMCA.com Protection Status