แชร์

บทที่ 46

ผู้เขียน: อี้ซัวเยียนอวี่
เซียวอวี้เดินตรงมาหาเฟิ่งจิ่วเหยียน แววตาดูพินิจพิเคราะห์

เฟิ่งจิ่วเหยียนวางตัวสงบนิ่ง มือข้างหนึ่งซ่อนอยู่ในแขนเสื้อกว้าง

“หม่อมฉันคารวะฝ่าบาทเพคะ”

“เมื่อครู่เจ้าเพิ่งออกมาจากห้องปลดทุกข์รึ” เซียวอวี้ถามด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ

เฟิ่งจิ่วเหยียนพยักหน้ารับ

“เพคะ ฝ่าบาท”

เซียวอวี้ขมวดคิ้ว “มีกลิ่นคาวเลือด”

จังหวะการหายใจของเฟิ่งจิ่วเหยียนแปรปรวนเล็กน้อย

เพราะเปื้อนเลือดจำนวนมากของโจรภูเขา อีกทั้งยังไม่ได้ชำระกาย ดังนั้นย่อมต้องได้กลิ่นคาวเลือด

ในยามนี้นางแสร้งทำเป็นอ่อนแอ มองดูเหมือนบอบบางจนไม่อาจต้านทานแรงลม ไร้เรี่ยวแรงจะโต้ตอบ

“ฝ่าบาท...หม่อมฉันมีรอบเดือนเพคะ”

เซียวอวี้พลันหรี่ตาลงและเพ่งมองนาง

นี่เป็นครั้งที่สองที่นักฆ่าปรากฏตัวใกล้ตำหนักหย่งเหอ

จะบังเอิญถึงเพียงนี้ได้อย่างไร?

เฟิ่งจิ่วเหยียนละสายตาลง ท่าทีนอบน้อม

แต่ทันใดนั้น ฝ่ายบุรุษกลับคว้าข้อมือข้างหนึ่งของนางขึ้นมา

ดูเหมือนจะทำให้นางตกใจ ดวงตาพลันเบิกกว้าง

“ฝ่าบาท...”

นิ้วมือของเขากดที่ข้อมือของนาง

นี่กำลังทดสอบพลังภายในของนาง!

ร่างกายของเฟิ่งจิ่วเหยียนแข็งทื่อ ไม่ขยับเขยื้อน

โชคดีมือที่คว้าไปเป็นข้างซ้าย ไม่
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อที่ GoodNovel
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป
ความคิดเห็น (6)
goodnovel comment avatar
Sawarost Sontijai
ก็ฮ่องเต้โง่ไงเพคะ
goodnovel comment avatar
Sanita Sriphadej
พระเอกมันสืบจากไม่รู้อะไรเลยไง แต่นางเอกรู้ตัวคนร้ายอยู่แล้ว แค่ให้พรรคพวกตัวเองไปจับมา มันก็ต้องเร็วกว่าเป็นธรรมดา
goodnovel comment avatar
สุบิน สาริกา
พระเอกโง่มากเลยเนาะ
ดูความคิดเห็นทั้งหมด

บทที่เกี่ยวข้อง

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 47

    ณ ตำหนักหย่งเหอนอกจากไทเฮาและฮ่องเต้ประทับอยู่ที่นี่ ยังมีหวงกุ้ยเฟยอยู่ด้วยหวงกุ้ยเฟยแอบบิดผ้าเช็ดหน้าในมือ ในใจรู้สึกเย็นวาบเฟิ่งเวยเฉียงหญิงต่ำช้าผู้นี้ ไม่คาดคิดว่าจะกล้าเปิดโปงเรื่องลักพาตัว!นางก็อยากเห็นเช่นกัน หญิงต่ำช้าผู้นี้จะจัดฉากละครอะไรกัน!เฟิ่งจิ่วเหยียนสั่งให้คนพาโจรภูเขาออกมาเนื่องจากพวกเขามีจำนวนคนมาก จึงพาแค่หัวหน้ากลุ่มโจรออกมาสอบปากคำเฟิ่งจิ่วเหยียนยืนขึ้นรายงาน“กลุ่มโจรภูเขาที่ลักพาตัวหม่อมฉันในวันนั้น บิดาของหม่อมฉันจับตัวพวกเขาไว้หมดแล้วเพคะ”“ตำแหน่งเบาะแสของพวกเขาไม่ธรรมดา ผ่านเหตุการณ์ไปหลายเดือน ถึงจะได้เจอตัวพวกเขา”“ยังโชคดีที่ฮ่องเต้ทรงรับปาก หม่อมฉันจึงได้รับโอกาสพิสูจน์ความบริสุทธิ์ และตามหาคนร้ายตัวจริง!”“หลังจากสอบสวนแล้ว โจรเหล่านี้ก็สารภาพว่า คนที่สั่งให้พวกเขามาลักพาตัวหม่อมฉัน ก็คือจ้าวเฉียน...คนสนิทข้างกายหวงกุ้ยเฟยเพคะ!”ประโยคสุดท้าย นางจงใจหยุดแล้วค่อยเอ่ยต่อ แสดงความหมายเป็นนัยที่ลึกล้ำ ในวินาทีนั้น แววตาของเซียวอวี้ราวกับคมดาบ ฉายประกายดุดันมาที่นางนี่เป็นสิ่งที่นางสืบหาจนรู้ หรือกำลังใส่ร้ายตำหนักหลิงเซียว?หวงกุ้ย

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 48

    เฟิ่งจิ่วเหยียนยังไม่เรียกพยานออกมาทันที กลับถามหัวหน้าโจรผู้นั้นก่อน“เจ้ายืนกรานว่าเห็นจ้าวเฉียน เช่นนั้นเจ้าจำได้หรือไม่ วันนั้นเป็นวันอะไรเดือนอะไร”“จำได้! วันที่ 10 เดือน10”หวงกุ้ยเฟยยิ้มเยาะ “แน่ใจถึงเพียงนั้นเชียวรึ ความจำของเจ้าช่างดีเหลือเกิน ถ้าคนไม่รู้จะคิดว่าเจ้า...”นางมองฮองเฮาโดยมีความหมายอื่นแอบแฝง บอกเป็นนัย ๆ ว่าโจรผู้นี้รับสินบนจากฮองเฮาหัวหน้าโจรรีบแก้ต่างทันที“วันที่ 10 เดือน 10 ของทุกปีเป็นวันบูชาขุนเขา บรรดาพี่น้องเรากำลังกินดื่มสังสรรค์ และจ้าวเฉียนก็มาถึง...”จ้าวเฉียนเหมือนได้จับช่องโหว่ของอีกฝ่ายได้ จึงรีบร้อนตะโกนขึ้น“ปรักปรำ! บ่าวอยู่ในวังตลอดเวลา จะขึ้นไปบนภูเขาได้อย่างไร!”สิ่งที่เฟิ่งจิ่วเหยียนรออยู่ก็คือประโยคนี้ของเขา “จ้าวเฉียน แล้วเจ้าแน่ใจได้อย่างไร วันที่ 10 เดือน 10 ตัวเจ้าอยู่ในวังหลวง?”จ้าวเฉียนกลอกตาไปมา“ไม่ใช่แค่วันที่ 10 เดือน 10 บ่าวอยู่ปรนนิบัติรับใช้หวงกุ้ยเฟยมาตลอด ครั้งก่อนที่ออกจากวัง ก็เพราะทำความดีความชอบเลยได้กลับไปอยู่พร้อมหน้าครอบครัว “หากฮองเฮามิทรงเชื่อ ก็ตรวจดูในสมุดรายชื่อผู้ที่เข้าออกวังได้พ่ะย่ะค่ะ“การ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 49

    องครักษ์นำทองคำในมือของจินเหนียงจื่อมาตรวจสอบ ผลลัพธ์ตรงตามคำพูดของฮองเฮา ทองคำในมือของโจรภูเขากับจินเหนียงจื่อเป็นชุดเดียวกัน!จ้าวเฉียนปากสั่น แต่ยังคิดจะปฏิเสธ“ทองคำที่หลอมออกมาในชุดเดียวกัน ไม่ได้มีเพียงหนึ่งหรือสองก้อน บ่าวแค่บังเอิญว่ามีทองคำชุดนั้น จะนำมาพิสูจน์ได้อย่างไร...”เฟิ่งจิ่วเหยียนขัดจังหวะคำพูดของเขา และเอ่ยอย่างไม่รีบร้อน“โจรภูเขาชอบของมีค่า โดยเฉพาะเงินกับทองคำ นั่นเป็นเพราะไม่ต้องยุ่งยากนำตั๋วเงินไปแลกเป็นเงินอีก“จ้าวเฉียนคิดจะติดสินบนโจรภูเขา ทองคำที่นำออกมาจะต้องมีจำนวนเยอะ ไม่มีทางนำทองคำที่กระจัดกระจายไม่เต็มจำนวนไปแน่ อีกอย่างทองคำมากมายขนาดนั้น จะนำออกจากวังก็คงไม่สะดวกนัก ดังนั้นเขาจึงนำตั๋วเงินออกจากวัง แล้วค่อยไปแลกเป็นทองคำที่ร้านแลกเงินในเมืองหลวง”“ส่วนร้านแลกเงินถ้าเบิกทองคำจำนวนมาก ๆ ในครั้งเดียว ทองคำนั้นจะต้องมีหมายเลขกำกับที่เรียงกัน...”ไทเฮาโบกพระหัตถ์ “ฮองเฮา ข้าเข้าใจแล้ว เจ้าพูดมาตั้งมากมาย ก็เพื่อจะพิสูจน์ว่า ทองคำเหล่านี้เป็นชุดเดียวกันกับที่ถูกนำออกมาจากร้านแลกเงิน ใช่หรือไม่?”เฟิ่งจิ่วเหยียนพยักหน้ารับ“ใช่เพคะ เสด็จแม่”

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 50

    “ฮองเฮากำลังสงสัยคำตัดสินของเราใช่หรือไม่!” แววตาของเซียวอวี้เคร่งขรึม แฝงความน่าเกรงขามเฟิ่งจิ่วเหยียนมองเขาด้วยสายตาเยือกเย็นนี่หรือจักรพรรดิที่นางและเหล่าทหารนับหมื่นนับพันจงรักภักดี?เขาไม่ใช่แค่ฮ่องเต้ทรราช ยิ่งเหมือนฮ่องเต้ที่ไร้ความชอบธรรม!ทันใดนั้นนางก็เอ่ยออกมาอย่างหนักแน่น“โทษฐานที่จ้าวเฉียนต้องแบกรับนั้น ไม่ใช่แค่บงการให้โจรภูเขามาลักพาตัว”“ยังมีสิ่งใดอีก?” ไทเฮารู้สึกร้อนใจคิ้วตาของเฟิ่งจิ่วเหยียนดูเยือกเย็นและเคร่งขรึม“ก่อนหน้านี้หม่อมฉันเคยถามจ้าวเฉียน เขายืนกรานว่า วันที่ 10 เดือน 10 ปฏิบัติงานอยู่ในวังหลวง ต่อมาพอตรวจสอบสมุดรายชื่อผู้ที่เข้าออกวัง รวมถึงสมุดบันทึกการทำงานของตำหนักหลิงเซียว ต่างก็ยืนยันในสิ่งที่เขาพูด ทว่าความจริงกลับไม่เป็นเช่นนั้น นี่แสดงให้เห็นว่า...”เฟิ่งจิ่วเหยียนพลันยกมือ หลังจากลากมือไปตามแนวนอนกลางอากาศ ก็ชี้ไปที่หวงกุ้ยเฟยด้วยท่าทางดุดัน “หวงกุ้ยเฟยในฐานะผู้คุมตำหนัก ไม่เคร่งครัดกับบ่าวรับใช้ ในขณะเดียวกัน ยังถือครองตราประทับทองคำ ต้องควบคุมดูแลวังหลังด้วย แต่ทว่าในวังกลับมีการสร้างเรื่องเท็จผู้ที่เข้าออกวัง จึงถือว่าละเลยหน้า

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 51

    เมื่อเผชิญหน้ากับความโกรธเกรี้ยวของจักรพรรดิ เฟิ่งจิ่วเหยียนแบะปากและยิ้มเยาะตัวเอง“หม่อมฉันกล้าหาญ?“ฝ่าบาท หลังจากหม่อมฉันได้รับการช่วยเหลือกลับมา ถึงแม้ตัวเองจะบริสุทธิ์ แต่กลับไม่มีใครเชื่อ “คนรอบข้างพากันเกลี้ยกล่อมหม่อมฉัน ให้พยายามนิ่งเฉย อย่าตอบโต้ข้อสงสัยและข่าวลือเหล่านั้น รอให้ข่าวลือเงียบหายไปเอง รอให้ผู้คนลืมเรื่องนี้ไปเอง”“แต่ความจริงไม่เป็นเช่นนั้น“แต่ละวันหม่อมฉันต้องใช้ชีวิตอยู่กับความหวาดกลัวและความเจ็บปวด กระทั่งยังสงสัยในความบริสุทธิ์ของตัวเอง ไม่รู้จริง ๆ ว่าเอากฎเกณฑ์ใดมาวัดความบริสุทธิ์ของสตรีผู้หนึ่ง และยิ่งไม่เข้าใจว่าเหตุใดคนที่ถูกลักพาตัว คนที่ถูกทำลายชื่อเสียง ซึ่งเห็นชัดอยู่แล้วว่าเป็นคนที่ถูกทำร้าย ถึงได้กลายเป็นคนทำผิด และยังกลายเป็นหญิงสำส่อนตามขี้ปากของชาวบ้าน!“ถ้าหม่อมฉันไม่กล้าหาญ คงตายไปกับข่าวลือนั้นตั้งแต่แรก ไฉนเลยจะกล้าสวมเครื่องยศสตรี เพื่ออภิเษกสมรสเข้าวัง?“ถ้าหม่อมฉันไม่กล้าหาญ ไฉนเลยจะกล้าขอร้องพระองค์ให้สืบค้นหาความจริง“หม่อมฉันมีความกล้าหาญ ฉะนั้นแล้ว ขอฮ่องเต้ทรงถอดถอนตำแหน่งฮองเฮาด้วย! หม่อมฉันจะได้มีความกล้าหาญอีกครั้ง จะน

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 52

    “มีราชโองการ! หวงกุ้ยเฟยรับราชโองการ!”ชุนเหอประคองหวงกุ้ยเฟยเดินออกมาด้านนอกตำหนัก และโค้งคำนับจากนั้นก็คอยฟังข้าหลวงผู้นั้นอ่านราชโองการ“ฮ่องเต้ทรงมีรับสั่ง จ้าวเฉียนนำทรัพย์สินของพระราชวังไปขายต่อ มีหลักฐานชัดเจน ส่วนหวงกุ้ยเฟยละเลยการตรวจสอบ นับตั้งแต่บัดนี้ ให้นำตราประทับทอง ส่งมอบให้กับฮองเฮาเพื่อควบคุมวังหลัง...”เมื่อได้ยินเช่นนี้ สีหน้าหวงกุ้ยเฟยพลันเปลี่ยนในทันทีฮ่องเต้ต้องการยึดตราประทับทองของนางไปจริงหรือ?ถึงเวลานี้ ราชโองการยังอ่านไม่จบพลันได้ยินข้าหลวงผู้นั้นเอ่ยอีกว่า“นอกจากนี้ ให้หวงกุ้ยเฟยลดตำแหน่งลงมาเป็นกุ้ยเฟย!”อะไรกัน!ทุกคนในตำหนักหลิงเซียวต่างมีสีหน้าตกตะลึงจ้าวเฉียนทำความผิด เหตุใดหวงกุ้ยเฟยจึงถูกลงโทษร้ายแรงเช่นนี้?ตั้งแต่หวงกุ้ยเฟยได้รับความโปรดปราน ก็ไม่เคยเกิดเรื่องเช่นนี้ชุนเหอก็ไม่อยากเชื่อ จึงรีบประคองพระสนมของตนใบหน้าของหลิงเยี่ยนเอ๋อร์ยังคงสงบนิ่ง แต่มือไม้ชา สีหน้าไม่แช่มชื่นเหมือนปกติทั่วไป“หม่อมฉัน น้อมรับราชโองการ”หลังจากข้าหลวงที่อ่านราชโองการกลับไป หลิงเยี่ยนเอ๋อร์ก็นั่งลงบนเก้าอี้ แววตาดูว่างเปล่า ไม่รู้ว่านางกำลังคิด

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 53

    ตำหนักหย่งเหอเฟิ่งจิ่วเหยียนเสร็จจากชำระกาย กำลังนั่งสางผมอยู่ข้างตั่งนอกหน้าต่างพลันมีเสียงกึกกัก เหมือนเสียงลูกไก่จิกเม็ดข้าวสาร ดวงตาของนางเป็นประกาย จึงลุกขึ้นยืนและเดินไปทันทีบนบานหน้าต่างกระดาษสะท้อนเงาด้านข้างของนาง ผมยาวสยาย จมูกเป็นสันคมนางเปิดหน้าต่างออกไป นกพิราบส่งสารขนดำกำลังใช้ปากจิกขอบหน้าต่าง ดูร้อนใจราวกับจะพูดว่า “เหตุใดจึงมาเปิดประตูช้าถึงเพียงนี้”ดูฉุนเฉียวอย่างมากเฟิ่งจิ่วเหยียนเปิดกระบอกไม้ไผ่ที่ผูกติดกับขานกพิราบส่งสาร และหยิบสารลับด้านในออกมา—— [หนูถูกจับเข้ากรงแล้ว]หนู หมายถึงพวกโจรภูเขาเหล่านั้นทำศึกต้องใช้กลอุบายนางหลอกพวกเขา จัดส่งไปยังซ่องชายชั้นต่ำ พวกเขาจะถูกเฉือนลิ้น ตัดเส้นเอ็นมือเอ็นเท้า จะถูกทรมานทุกวัน จนกระทั่งตาย!แต่ถึงแม้โจรภูเขาจะได้รับผลกรรม เฟิ่งจิ่วเหยียนก็ยังไม่มีความสุขเวยเฉียงบาดเจ็บสาหัสถึงเพียงนั้น ต่อให้ทรมานพวกโจรภูเขาเท่าใด ก็ยากที่จะบรรเทาความแค้นในใจของนางได้คนชั่วร้ายอย่างหลิงเยี่ยนเอ๋อร์ยังไม่ถูกจับแม้แต่สาวใช้อย่างเหลียนซวงก็ยังโกรธแค้น“ผู้บงการตัวจริงยังคงลอยนวล มันไม่ยุติธรรมเลย! หรือฮ่องเต้จะไม่เ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 54

    ตำหนักหย่งเหอ ฮ่องเต้เสด็จมาเสวยพระกระยาหารเช้าเป็นครั้งแรก ห้องครัวรีบเร่งจัดเตรียมสำรับเพิ่มเติม ดูคร่ำเคร่งเป็นพิเศษ บรรยากาศบนโต๊ะอาหารนั้นเงียบมากเซียวอวี้ไม่เอ่ยสิ่งใด เฟิ่งจิ่วเหยียนก็ไม่เอ่ยสิ่งใดเช่นกัน ยิ่งไม่ต้องหวังว่านางจะตักอาหารให้กับฮ่องเต้ บางครั้งถึงขั้นว่า “แย่ง” ตักอาหารในจานเดียวกันกับฮ่องเต้ด้วยซ้ำเหลียนซวงส่งสัญญาณบอกฮองเฮาด้วยสายตาอยู่หลายครั้ง ให้นางแสดงท่าทีต้อนรับมากกว่านี้ พูดสักสองสามประโยคเพื่อให้บรรยากาศผ่อนคลาย แต่ฮองเฮากลับทำเป็นเพิกเฉยทันใดนั้น ฮองเฮาอ้าปากจะเอ่ยเหลียนซวงกำลังรอฟัง แต่กลับได้ยินว่า“เติมข้าวอีกหนึ่งถ้วย”เฟิ่งจิ่วเหยียนเป็นคนฝึกวรยุทธ์ ความอยากอาหารจึงมีมากกว่าสตรีธรรมดาทั่วไปตอนที่นางอยู่ในค่ายทหาร อยู่ร่วมกับกลุ่มบุรุษ ก็ไม่รู้สึกว่ามีสิ่งใดผิดแปลกแตกต่างไปทว่าอยู่ในวังหลวงกลับดูแปลกแยกไปสักหน่อยหลังจากนางเติมข้าวเป็นถ้วยที่สาม เซียวอวี้ก็เงยหน้าขึ้นมองตอนที่เขาไปกินอาหารร่วมกับนางสนมคนอื่น พวกนางแทบจะไม่กินสักเท่าไร บางคนยังคอยปรนนิบัติ และตักอาหารให้เขาด้วยซ้ำอีกอย่างแต่ละคนกระเพาะเล็กแบบนก กินไม่กี่คำก็บอกว่า

บทล่าสุด

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 742

    เมื่อเป่ยเยี่ยนต้องการถอยทัพนั้น หาใช่เรื่องดีสำหรับหยางเหลียนซั่วไม่เขาจึงเข้าพบฉินเซียวในทันที“ท่านแม่ทัพ นี่เป็นเพียงเล่ห์เหลี่ยมของพวกฉีเท่านั้น…”กองทัพใหญ่ได้เคลื่อนย้ายแล้ว ฉินเซียวมิต้องการฟังเรื่องไร้สาระอันใดจากเขาอีก“หยางเหลียนซั่ว เป็นเพราะเจ้ากล่าวว่าพวกเรามีโอกาสได้ชัย ฝ่าบาทจึงส่งกองกำลังเสริมมาให้กับพวกเราแน่! พวกเราหาได้มีความคิดที่จะต้องมารบกับหนานฉีจริง ๆ ไม่! ยามนี้งามหน้ายิ่งนัก เรื่องของเจ้าก็มิอาจจัดการได้สำเร็จ ยังมาทำให้พวกเราต้องสูญเสียกองกำลังอีกครึ่งหนึ่งไปอีก!“แม่ทัพเช่นข้านึกสงสัยยิ่งนัก ว่าเจ้าร่วมมือกับเซียวอวี้เพื่อมาทำลายเป่ยเยี่ยนของข้าใช่หรือไม่!“ไสหัวไป! คิดว่าตนเองเป็นใครกัน ถึงจะมาให้พวกข้าทำงานถวายชีวิตให้กับเจ้า?”ใบหน้าของหยางเหลียนซั่วพลันเปลี่ยนเป็นเย็นชาไปในทันทีเพียงแค่เขาโบกมือเล็กน้อยก็คว้าเข้าที่คอของฉินเซียวฉินเซียวตกใจยิ่งนักทั้งยังเจือไปด้วยความโกรธเกรี้ยว“หยางเหลียนซั่ว...เจ้า...”ทันใดนั้น เขาก็รู้สึกว่ากำลังภายในที่ร่างกายของเขากำลังรั่วไหลออกมาหยางเหลียนซั่วที่กำลังดูดซึมกำลังภายใน พลางเอ่ยถามออกมาด้วยท่าทีเคร

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 741

    เมื่อปีใหม่มาเยือน กองทัพหนานฉีจึงเริ่มโจมตีกลับเป็นระลอก ๆ การโจมตีกลับในครานี้เป็นเพียงแค่การยั่วยุเท่านั้น หาใช่การสู้รบจริง ๆ ไม่ดูเหมือนจะมิเป็นอันตรายอันใด ทว่า เมื่อเกิดเหตุการณ์เช่นนี้บ่อยครั้งทั้งวันทั้งคืนเข้า ก็ทำเอาทั้งกองทัพเยี่ยนตกอยู่ในความวิตกกังวลตลอดเวลาหลังจากเป็นเช่นนี้ไปนานครึ่งเดือนนั้น ตกกลางคืน พลันเกิดเหตุการณ์เลวร้ายขึ้นภายในค่ายกองทัพเยี่ยน...“ท่านแม่ทัพ! ท่านแม่ทัพ! ค่ายแตกขอรับ!”ค่ายแตกในที่นี่หมายถึงค่ายเกิดการจลาจลปรากฏการณ์นี้เกิดขึ้นไม่บ่อยนัก ทว่า นับเป็นเหตุการณ์ที่ส่งผลกระทบร้ายแรงต่อกองทัพเป็นอย่างมากฉินเซียวลุกขึ้นมาในทันที เหล่าองครักษ์จึงกรูเข้าอารักขาเขา พลางกล่าวคำรามออกมาว่า“คุ้มกันท่านแม่ทัพหนีออกไป!”การจลาจลในค่ายพลันเกิดขึ้นมาอย่างไม่ทันคาดคิดเพียงแค่ทหารนายหนึ่งร้องตะโกนขึ้นมาว่า “ฆ่า” พลางทำเอาทหารภายในกองทัพหันมาห้ำหั่นกันเอง กองทัพเยี่ยนในยามนี้พลันตกอยู่ในความสับสนอลหม่านไปในทันทีเหล่าทหารกองทัพเยี่ยนในยามนี้คล้ายกับแมลงวันที่ไร้หัว พวกเขารีบร้อนลุกขึ้นมาสวมใส่เสื้อผ้า พลางกรีดร้องออกมาด้วยความโกลาหลวุ่นวายในส

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 740

    มังกรไฟที่หนานฉีลากออกมา จะทำให้กองทัพเยี่ยนถูกโจมตีอย่างหนักก่อนหน้านี้ กองทัพเยี่ยนคิดไปเองว่า การสร้างปืนหอกไฟที่มีเฉพาะของหนานฉีขึ้นมา จะทำให้เป่ยเยี่ยนไร้คู่ต่อกร ผู้ใดจะคิดว่า หนานฉีก็แอบลักจำเช่นกัน!แม่ทัพใหญ่ของกองทัพเยี่ยน---ฉินเซียวก็มิอยากเชื่อ เขาจักต้องเห็นด้วยตาตนเอง มิเช่นนั้น ยากจะรับประกันได้ว่ากองทัพฉีมิได้หลอกลวง!หลังจากเข้าไปใกล้ เมื่อเห็นฐานมังกรไฟของกองทัพฉี ก็เหมือนกับของเป่ยเยี่ยนพวกเขาทุกประการ!กองทัพฉียังส่งคนกลุ่มเล็ก ๆ กลุ่มหนึ่ง ลากมังกรไฟไปทางด้านกองทัพเยี่ยนของพวกเขา มังกรไฟของทั้งสองแคว้นเฉียดผ่านกันไป สถานการณ์ทำเอาคนพูดไม่ออกกองทัพฉียังคงโห่ร้อง“ฮ่องเต้พวกเราตรัสว่า ขอบคุณเป่ยเยี่ยนที่ส่งกระสุนมังกรไฟมาให้!”ฉินเซียวมือไม้อ่อนแรงขึ้นมาทันทีกระสุนมังกรไฟลูกนั้นมอบให้กลุ่มกบฏพรรคเทียนหลง เพื่อช่วยพวกเขาก่อความวุ่นวาย และสังหารฮ่องเต้ตอนนี้กลับมาปรากฏอยู่ที่นี่!หากหนานฉีมีมังกรไฟจริง ๆ แผนการของเขาก็คงใช้กันไม่ได้แล้วมิใช่แค่เพียงกองทัพเยี่ยน แม้แต่เหล่าทหารหนานฉีในด่านเฉาอวี๋ ในเวลานี้ต่างตะลึงงัน และประหลาดใจอย่างที่สุดแม่ทัพใหญ่ก

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 739

    เฟิ่งจิ่วเหยียนสวมใส่ชุดเกราะ เซียวอวี้เห็นแล้ว ในใจรู้สึกกังวลขึ้นมาทันที“เจ้าจะทำอะไร มิใช่พูดแล้วหรือว่า เรื่องสำคัญอันดับแรกของเจ้าคือการพักฟื้นจากอาการบาดเจ็บ”เฟิ่งจิ่วเหยียนสงบนิ่งและใจเย็น“อาการบาดเจ็บของหม่อมฉันไม่ร้ายแรง หากอยู่ที่นี่ไปตลอด ในทางตรงกันข้ามร่างกายจะยิ่งไม่สบาย“การขับไล่กองทัพเยี่ยน เรื่องนี้ไม่ควรรอช้า ยิ่งไปกว่านั้นหยางเหลียนซั่วก็อยู่ที่กองทัพเยี่ยนด้านนั้นด้วย การจัดการพวกเขาโดยเร็วที่สุด ถึงเป็นเรื่องสำคัญอันดับแรก”เซียวอวี้ไม่เห็นด้วยเขาขวางนางไว้ แววตาดูเคร่งขรึม“เราไม่อนุญาต อาการบาดเจ็บของเจ้ายังไม่หายดี จะได้รับบาดเจ็บไม่ได้อีก”เฟิ่งจิ่วเหยียนเอ่ยอย่างจริงจัง“หม่อมฉันจะดูแลตนเองให้ดี”“จิ่วเหยียน เจ้า...”เขายังคิดจะเกลี้ยกล่อมนาง ทว่าด้านนอกกลับได้ยินเสียงรายงาน“ฝ่าบาท กองทัพเยี่ยนตะโกนโวยวาย ให้เราส่งมอบตัวซูฮ่วน มิเช่นนั้นจะเปิดฉากสงคราม”ชายแดนด้านตะวันออกด้านนอกด่านเฉาอวี๋ กองทัพเยี่ยนมืดฟ้ามัวดิน ธงรบสีแดงถูกลมพัดเสียงดังพรึ่บพรั่บกองทัพทั้งสองประจันหน้ากัน แม่ทัพใหญ่ของกองทัพเยี่ยนฉินเซียวท่าทางหยิ่งทะนงเพราะด้านหลัง

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 738

    เซียวอวี้โอบกอดคนที่อยู่ในอ้อมแขนไว้ ไม่อยากให้นางเห็นน้ำตาที่ควบคุมไม่ได้นั้นโธ่เอ๊ย!บุรุษไม่ควรหลั่งน้ำตาง่าย ๆ แล้วเขาร่ำไห้ได้อย่างไร!ช่างอับอายขายหน้าจริง ๆ !ทว่า...รู้สึกอิ่มเอมใจในที่สุดจิ่วเหยียนก็บอกว่ารักเขาความรู้สึกของเซียวอวี้ผสมปนเปกัน เขาหอมที่แก้มนาง“เจ้าพูดอะไร? เมื่อครู่เราไม่ได้ยิน”เฟิ่งจิ่วเหยียนเอ่ยอย่างจริงจัง“ไม่ได้ยินหรือ ถ้าเช่นนั้นก็แล้วไปเถิด”มือสองข้างของเซียวอวี้ประคองใบหน้านางขึ้นมาทันที “ใจร้ายนัก เจ้าตั้งใจ เราก็แค่อยากได้ยินเจ้าพูดอีกครั้ง มิได้หรือ?”เฟิ่งจิ่วเหยียนดึงมือของเขาออก จากนั้น เงยคางขึ้น แตะลงไปที่ข้างริมฝีปากเขาเบา ๆ“เพคะ หม่อมฉันรักท่าน…”ในสมองของเซียวอวี้ราวกับพลุดอกไม้ไฟระเบิดขึ้น โชติช่วง สุกสกาว ไม่มีวันร่วงโรยแขนสองข้างของเขาโอบตัวเฟิ่งจิ่วเหยียนไว้ ราวกับได้กินน้ำผึ้งมิปาน รู้สึกมีความสุข“จิ่วเหยียน เราดีใจจริง ๆ ได้ยินเจ้าพูดเช่นนี้ ตายก็ไม่เสียใจจริง ๆ!”ต่อมาฟังนางเล่าเรื่องราว ถึงรู้ว่าสิ่งที่นางประสบพบเจอนั้นเสี่ยงอันตรายซ้ำแล้วซ้ำเล่าขณะที่หิมะถล่มใกล้เข้ามา ตามสามัญสำนึก ควรจะวิ่งไปด้านข้าง ทว่

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 737

    เมื่อเห็นฮูหยินเมิ่งออกมา หร่วนฝูอวี้รีบเข้าไปทักทายทันที ในใจเต็มเปี่ยมด้วยความหวัง และเอ่ยถาม“อาจารย์หญิง สารเลวนั่น...ฮ่องเต้นั่นดูแลคนเป็นหรือ” แม้ฮูหยินเมิ่งจะแก้ไขอยู่หลายครั้งก็ตาม นางยังคงยืนกรานที่จะเรียก “อาจารย์หญิง”ฮูหยินเมิ่งนึกย้อนไปถึงใบหน้าซีดเซียวที่อดนอนของฮ่องเต้ ก็พยักหน้าเบา ๆ“อืม”หร่วนฝูอวี้ไม่ยอมแพ้ ยังถามอีกว่า: “ถ้าเช่นนั้นเขารู้แล้วหรือไม่ว่าซูฮ่วนมิอาจให้กำเนิดบุตรได้?”ฮูหยินเมิ่งเหลือบมองดูนาง สีหน้าไม่สบายใจ“มันยาก แต่หาใช่ว่าจะเป็นไปมิได้เลย”เหตุใดนางจึงมีท่าทางเหมือนหวังว่าจิ่วเหยียนจะไม่สามารถให้กำเนิดบุตรได้?หร่วนฝูอวี้ยิ้มอย่างกระดากอาย “ ใช่เจ้าค่ะ ท่านพูดถูก ถ้าเช่นนั้นฮ่องเต้ทรงทราบหรือไม่?”ฮูหยินเมิ่งส่ายหัวนางมิรู้ว่า จิ่วเหยียนบอกเรื่องนี้กับฮ่องเต้หรือไม่ราชวงศ์ให้ความสำคัญกับทายาท ฮองเฮาให้กำเนิดบุตรยาก ถือเป็นเรื่องต้องห้ามหร่วนฝูอวี้ยังคงยกยิ้มมุมปากถ้าเช่นนั้นนางจักต้องทูลให้ฮ่องเต้ทรงทราบ! ขอเพียงเขาจากไป ซูฮ่วนก็จะเป็นของนางแล้ว!วันต่อมาในตอนรุ่งเช้า เซียวอวี้ชำระกายเสร็จ เริ่มจากไปที่กระโจมหลัก เพื่อหารือกับเ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 736

    ใบหน้าของเฟิ่งจิ่วเหยียนไม่แสดงอารมณ์เท่าใดนัก แค่มองเซียวอวี้ด้วยท่าทีเรียบเฉย แววตาเยือกเย็น ใบหน้าซีดขาว และซูบผอมลงไปไม่น้อย“หากท่านใส่พระทัย หม่อมฉันจะไม่ตำหนิท่าน...”เขาเคยพูดอยู่หลายครั้งว่า ต้องการองค์ชายทว่า มีความเป็นไปได้ว่านางมิอาจมอบให้เขาได้เรื่องนี้ต้องอธิบายกับเขาให้ชัดเจน ไม่ว่าเขาจะตัดสินใจอย่างไร นางก็จะไม่โกรธเคืองเซียวอวี้ได้ยินเช่นนั้น พลันรีบกุมมือนางไว้ และวางลงบนทรวงอกของเขา นัยน์ตาเต็มไปด้วยความอัดอั้นตันใจ“เราใส่ใจอะไร?“เราใส่ใจเพียงว่าเจ้ามีชีวิตอยู่หรือไม่ และอยู่เคียงข้างเราหรือไม่“จิ่วเหยียน เราต้องการแค่เจ้าเท่านั้น”เขาโอบนางเข้ามาในอ้อมแขนด้วยท่าทางอ่อนโยน คางแตะบนศีรษะของนาง ถูไถเบา ๆ ราวกับสุนัขป่าโดดเดี่ยวที่คลุ้มคลั่งได้พบคู่รัก ทั้งเหมือนราชสีห์รอนแรมในที่รกร้างได้พบครอบครัว ทั้งตัวคนจากดุร้ายกระสับกระส่าย เปลี่ยนเป็นเชื่อฟังและสงบนิ่งเขาเอ่ยซ้ำไปซ้ำมา “เราต้องการแค่เจ้าเท่านั้น...”แม้ว่านางจะไม่มีทางให้กำเนิดบุตรได้ นางก็ยังเป็นภรรยาของเขานางยังเป็นคนที่ไม่มีใครแทนที่ได้ในใต้หล้านี้ เป็นฮองเฮาที่เขายอมรับความรู้สึกที่เขาม

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 735

    ภายในกระโจมหลัก บรรดาแม่ทัพเอ่ยกันทีละคน“ฝ่าบาท กองทัพเยี่ยนมีทหารสองแสนนาย ก่อนหน้านี้พวกเขาตีฝ่าแนวป้องกันที่เมืองเซวียนอย่างลับ ๆ ตัดเส้นทางกองกำลังเสริม เกือบจะทำให้เมืองหลวงถึงขั้นเป็นพื้นที่อันตราย”“ต้องขอบคุณกลยุทธ์ที่ถูกต้องของแม่ทัพน้อยเมิ่ง บวกกับการกลับมาอย่างทันท่วงทีของจู้กั๋วกง ที่นำกองทัพใหญ่ไปปกป้องเมืองเซวียนอย่างสุดชีวิต จึงทำให้กองทัพเยี่ยนทำไม่สำเร็จ หลายวันมานี้ พวกเราบีบกองทัพเยี่ยนให้ถอยกลับไปทางชายแดนตะวันออกแล้ว”“ฝ่าบาท ดูจากภายนอก กองทัพเยี่ยนอยู่นอกชายแดนตะวันออก หนานฉีไม่ตกอยู่ในอันตรายชั่วคราว ที่จริงแล้ว ท่านลองดู...”แม่ทัพผู้นั้นชี้ไปที่จุดหนึ่งบนโต๊ะทราย แล้วเอ่ยต่อ “แนวป้องกันตอนกลางของเมืองเซวียน จะมีเมืองเซวียน เมืองม่อ กานโจว และด่านเฉาอวี๋เป็นหลักสำคัญ โดยเชื่อมกันเป็นแนวป้องกันตามขวางจากตะวันออกไปตะวันตก ก่อนหน้านี้กองทัพเยี่ยนเคยตีฝ่าด่านเฉาอวี๋ การคุ้มกันของที่แห่งนี้พังทลายแล้ว หากสงครามเริ่มขึ้น ด่านเฉาอวี๋ไม่สามารถรวบรวมกำลังได้แน่ ดังนั้น ที่แห่งนี้จึงไม่เหมาะเป็นสนามรบหลัก แทบจะกลายเป็นสถานที่ที่สูญเสียการคุ้มกัน”เซียวอวี้นำธงเล็

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 734

    ไทฮองไทเฮาทรงถูกส่งเข้ามาในคุกเทียนเหลา แต่ยังรักษาความน่าเกรงขามเอาไว้อย่างเต็มที่เหล่าท่านอ๋องมองเห็นนาง ทุกคนถึงกับตาค้างแม้แต่เสด็จย่าก็ถูกส่งเข้ามาในคุกเทียนเหลาด้วยหรือ?ถ้าเช่นนั้นพวกเขา...ดูเหมือนจะไม่ถูกปรักปรำแล้วช้าก่อน!หรือว่าพวกเขาจะก่อกบฏตามไทฮองไทเฮาจริง ๆ?สวรรค์!หญิงชราผู้นี้ ไม่เพียงทำร้ายคนอื่นก็ยังทำร้ายตนเองด้วย!เหล่าท่านอ๋องพลันนิ่งเงียบไม่ส่งเสียง แอบขบเขี้ยวเคี้ยวฟันในเวลานี้ พลุดอกไม้ไฟนอกคุกเทียนเหลาอยู่ ๆ ก็ดังขึ้น พวกเขารู้สึกถึงความอ้างว้างคืนวันดี ๆ ส่งท้ายปีเก่า พวกเขากลับต้องอยู่ในคุกเทียนเหลา ช่างเป็นกรรมแท้ ๆ!ไทฮองไทเฮาทรงเข้ามาในห้องขังแห่งนี้ ก็เห็นมู่หรงหลันแม่ลูกอยู่ที่นี่ด้วยในใจนางรู้สึกหวาดหวั่นเมื่อหันกลับมา ก็ประสานกับแววตาอันยั่วยุขององครักษ์ลับผู้นั้น และถูกเย้ยหยัน“คนสามรุ่นอยู่ร่วมกัน ไทฮองไทเฮา หญิงชราเช่นท่านช่างโชคดีเหลือเกิน”ขณะที่พูด หญ้าหางจิ้งจอกของคนผู้นั้นก็ขยับขึ้นลง แสดงออกถึงการยั่วยุไทฮองไทเฮาทรงทรมานพระทัยอย่างมากมู่หรงหลันได้รับบาดเจ็บหนัก ถูกโยนไว้ที่มุมห้องอย่างไม่ใส่ใจ เอนพิงอยู่ข้างกำแพง ห

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status