Share

บทที่ 2

เฟิ่งจิ่วเหยียนที่อยู่ในห้องหรี่ดวงเนตรงามลงเล็กน้อย

วันนี้ไม่ว่าผลตรวจร่างกายเป็นเช่นไร ก็ล้วนแต่ไม่เป็นผลดีต่อตระกูลเฟิ่งทั้งสิ้น

หวงกุ้ยเฟยจะต้องตัดสินว่าบุตรีตระกูลเฟิ่งไม่บริสุทธิ์เป็นแน่ จากนั้นก็ใช้เหตุนี้สร้างเรื่องตามมา

ถ้าคนที่มาสวมรอยแทนอย่างนางถูกตรวจร่างกายได้ผลว่ายังบริสุทธิ์ ถึงจะสามารถป้องกันแผนร้ายของหวงกุ้ยเฟย แต่ก็คงจะทำให้หวงกุ้ยเฟยนึกสงสัยขึ้นมา

ทันทีที่เรื่องสวมรอยแต่งงานมีพิรุธปรากฏ ถึงยามนั้นโทษฐานหลอกลวงเบื้องสูงก็เพียงพอให้ตระกูลเฟิ่งประสบหายนะได้แล้ว!

สายตาเฟิ่งจิ่วเหยียนมองตรงไปข้างหน้า ใช้มือที่จับทวนมาจนชินนั้นแต้มบุปผาตรงหว่างคิ้วของตนเองอย่างหนักแน่น

สิ่งที่อาจารย์สั่งสอนนางมีเพียงหลักพิชัยสงครามและหลักการเป็นขุนนาง

อาจารย์หญิงเคยสอนหลักการครองเรือนให้นาง ในนั้นย่อมมีธรรมเนียมปฏิบัติในวังหลวงด้วยเช่นกัน ยามนั้นแม้นางได้เรียนรู้ แต่ก็ไม่คิดว่าจะได้นำมาใช้งาน

เพราะปณิธานของนางอยู่ที่ใต้หล้า ไม่ต้องการถูกคุมขังไว้ในเรือน เป็นเพียงภรรยาตัวน้อยที่โอนอ่อนผ่อนตามสามี

คิดไม่ถึงว่าคนคำนวณมิสู้ฟ้าลิขิต

นอกห้อง

ขันทีผู้นั้นเดินนำนางกำนัลจากในวังหลวงตรงมาอย่างดุดัน

“ฮูหยิน นี่คือบัญชาของหวงกุ้ยเฟย ท่านยังกล้าฝ่าฝืน?”

เฟิ่งฮูหยินขวางอยู่หน้าห้องบุตรสาว ไม่ยอมถอยแม้ก้าวเดียว

“ต่อให้เป็นหวงกุ้ยเฟยก็ไม่อาจกระทำหุนหันเหยียดหยามกันเช่นนี้! คิดว่าบุตรีตระกูลเฟิ่งของข้าเป็นอะไรกัน!”

ขันทีเลิกคิ้ว ความเยาะหยันฉายชัดในแววตา

ตระกูลนี้คิดว่าตัวเองเป็นหงส์จริง ๆ งั้นรึ?

ต่อให้เป็นหงส์จริง ขนร่วงไปหมดแล้ว กระทั่งไก่ยังสู้ไม่ได้

“เฟิ่งฮูหยิน ท่านไม่ชอบไม้อ่อนแต่จะเอาไม้แข็งใช่หรือไม่? เช่นนั้นก็ล่วงเกินแล้ว!” น้ำเสียงขันทีกดต่ำ สีหน้าสะท้อนความเหี้ยมเกรียมหลายส่วน

จากนั้น เขาก็โบกมือทีหนึ่ง บัญชาองครักษ์ด้านหลัง

เฟิ่งฮูหยินมีสีหน้าตะลึงงัน

ที่นี่คือจวนตระกูลเฟิ่งนะ!

พวกเขาจะเหิมเกริมเกินไปแล้ว!

ครั้นเฟิ่งฮูหยินกำลังจะถูกองครักษ์จากวังหลวงควบคุมตัว น้ำเสียงนุ่มนวลอ่อนโยนแต่ไม่อ่อนแอก็ดังมาจากภายในห้องโดยมีประตูคั่นกลาง

“ตระกูลเฟิ่งของข้าเคยมีฮองเฮาทั้งสิ้นสิบสามคน ทุกคนล้วนมีชื่อเสียงดีงาม

“วันนี้มีคนกังขาในความบริสุทธิ์ของข้า คิดว่าข้าคงมีสิ่งใดน่าแคลงใจ มิฉะนั้นไยจึงมีคนสงสัยในตัวข้ากันเล่า?

“ในเมื่อเป็นความผิดของข้าเพียงผู้เดียว ข้าไม่อยากเห็นตระกูลเฟิ่งต้องได้รับความไม่เป็นธรรมเพราะเรื่องนี้ จึงได้แต่ใช้ความตายมาพิสูจน์ความบริสุทธิ์

“รบกวนท่านแม่หาแพรขาวสามฉื่อ[1]มาให้ข้า รอหลังข้าตายไปแล้ว โปรดยกศพของข้าให้พวกเขาตรวจสอบ ยามนั้นย่อมจะทราบเองว่าลูกเป็นผู้บริสุทธิ์

“เช่นนี้ จะได้ไม่กระทบต่อชื่อเสียงตระกูลเฟิ่ง!”

เฟิ่งฮูหยินหน้าซีดเผือด “ไม่ได้เด็ดขาดนะ!”

ขันทีที่เมื่อครู่นี้ยังจองหองพองขน ชั่วขณะนี้กลับลังเลขึ้นมาเสียแล้ว จากนั้นก็โบกมือส่งสัญญาณให้องครักษ์หยุดอยู่กับที่

เขาเดินหน้ามาหลายก้าว กล่าวกับคนในห้องด้วยท่าทีอ่อนน้อมจอมปลอม

“คุณหนูใหญ่เฟิ่ง เรื่องหาได้ร้ายแรงถึงขั้นนั้นไม่

“หากท่านบริสุทธิ์จริงก็ไม่จำเป็นต้องหวาดกลัวการตรวจสอบ

“นางกำนัลสองท่านนี้เป็นผู้มากประสบการณ์ จะต้องปรนนิบัติเป็นอย่างดีแน่นอน”

จากคำกล่าวของเขา หากเฟิ่งจิ่วเหยียนไม่ให้ความร่วมมือก็เท่ากับว่าร้อนตัว

ขณะที่เขานึกว่าตัวเองจัดการคนในห้องได้อยู่หมัดแล้วนั่นเอง ก็ได้ยินเสียงถามมาอีกว่า

“กงกง ตกลงแล้วเป็นหวงกุ้ยเฟยที่สงสัยข้า หรือว่าฝ่าบาทที่ทรงสงสัยกันแน่?”

ขันทีผู้นั้นขมวดคิ้วน้อย ๆ

เขายังไม่ทันตอบ เฟิ่งจิ่วเหยียนก็ชิงตอบเสียเอง

“คิดดูแล้วก็เป็นไปไม่ได้ที่จะเป็นหวงกุ้ยเฟย

“นางเป็นเพียงสนมในวังหลังคนหนึ่ง จะกล้าล้ำเส้นมาสงสัยฮองเฮาที่แต่งเข้าราชวงศ์อย่างถูกต้องตามธรรมเนียมเช่นข้าได้อย่างไร?

“เป็นได้เพียงฝ่าบาทหรือไม่ก็ไทเฮาที่ทรงสงสัย จึงอ้างนามหวงกุ้ยเฟยมากระมัง”

ขันทีได้ยินเช่นนั้นก็รู้สึกเย็นสันหลังวาบ

เขาโต้แย้งกลับไปโดยพลัน

“คุณหนูใหญ่เฟิ่ง! ท่านกล้าดีอย่างไร...”

เฟิ่งจิ่วเหยียนสงบนิ่งอย่างยิ่ง ไม่สะทกสะท้านแม้แต่น้อย

“ถ้าเป็นราชวงศ์ที่สงสัยในตัวข้า บุตรีตระกูลเฟิ่งของข้าไม่ยินดีรับคำครหาที่ไม่มีมูลเช่นนี้

“ต่อให้วันนี้พิธีอภิเษกสมรสไม่สำเร็จเสร็จสิ้น ก็ต้องไปร้องทุกข์ที่สุสานหลวงบนเขาอวิ๋นไถให้จงได้!”

ขันทีเห็นเรื่องมาถึงขั้นนี้ก็พลันรู้สึกร้อนใจ หนังตากระตุกยิบ

ถ้าเรื่องนี้ลุกลามบานปลายก็จัดการยากแล้ว!

เฟิ่งเวยเฉียงเปลี่ยนมามีคารมคมคายเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อใด!

วังหลวง

ตำหนักหลิงเซียว

หวงกุ้ยเฟยเอนกายบนตั่งคนงามอย่างเกียจคร้าน นางกำนัลหลายคนช่วยกันบีบไหล่ทุบขาให้นาง

ฟังคำรายงานของขันทีจบแล้ว ดวงตาเปี่ยมเสน่ห์เย้ายวนดุจจิ้งจอกของนางก็ฉายแววเย็นชา

“เฟิ่งเวยเฉียง นางคนชั้นต่ำนั่น นางพูดเช่นนี้จริง ๆ รึ ?”

ขันทีพยักหน้าติดต่อกัน

แววตาหวงกุ้ยเฟยเย็นชากว่าเดิม นางถีบนางกำนัลที่กำลังทุบขากระเด็นแล้วหยัดร่างขึ้นนั่ง

“นางกล้าแต่งเข้าวังมา ไม่กลัวว่าจะถูกจับได้ในคืนเข้าหอ หรือว่าข่าวสารผิดพลาด นางไม่ได้เสียพรหมจรรย์?”

ขันทีคุกเข่าลงบนพื้นทันที “หวงกุ้ยเฟย บ่าวมิทราบขอรับ!”

...…

เกี้ยวเจ้าสาวถูกหามเข้าไปในประตูวัง ตามธรรมเนียม เฟิ่งจิ่วเหยียนจะต้องถูกนำตัวไปยังตำหนักข้าง รอจนถึงฤกษ์มงคลจึงจะเข้าไปทำพิธีในตำหนักหลัก

เหลียนซวง สาวใช้ของนางยังประหม่ากว่านางเสียอีก ยืนตัวแข็งทื่ออยู่ข้าง ๆ

“คุณหนู ว่ากันว่าฝ่าบาททรงเอาใจยากนัก เคยสั่งประหารขุนนางใหญ่หลายสิบคนในวันเดียว สตรีที่มาเป็นสนมโดยสมัครใจในวังหลังเหล่านั้น ล้วนได้รับพระราชทานความตายด้วยวิธีโหดเหี้ยมเหลือแสน

“ยังถึงขั้นพูดกันว่า ฝ่าบาทเป็นเทพสังหารมาจุติ โหดร้ายกระหายเลือด...”

ข่าวลือเหล่านี้ เฟิ่งจิ่วเหยียนเคยได้ยินตั้งแต่ตอนอยู่ที่ชายแดนแล้ว

ฮ่องเต้เซียวอวี้เป็นฮ่องเต้ทรราชองค์หนึ่ง

เหลียนซวงยังคงพูดต่อไป

“แต่ตอนแรกฝ่าบาทไม่ได้เป็นเช่นนี้ ทว่านับแต่หรงเฟยที่ทรงรักใคร่เสียชีวิตก็เหมือนเปลี่ยนไปเป็นคนละคน

“คุณหนู ท่านรู้ไหมเจ้าคะ สาเหตุที่ฝ่าบาททรงโปรดปรานหวงกุ้ยเฟยก็เพราะหวงกุ้ยเฟยมีหน้าตาคล้ายหรงเฟยอย่างมาก สนมทั้งหลายในวังหลังเหล่านั้น ทุกคนล้วนคล้ายหรงเฟยไม่มากก็น้อย

“แต่สำหรับสตรีที่ฝ่าบาทไม่โปรดปราน เขาล้วนแต่...”

เหลียนซวงมองไปทางคุณหนู อดกังวลแทนอีกฝ่ายไม่ได้

คุณหนูไม่มีส่วนคล้ายหรงเฟยเลยแม้สักนิด ไม่เพียงจะไม่ได้รับความโปรดปรานจากฮ่องเต้ แต่ยังอาจถูกฮ่องเต้รังเกียจเดียดฉันท์อีกด้วย

เกรงว่าคืนเข้าหอคงไม่สงบนัก

----------------------------------------------

[1] แพรขาวสามฉื่อ คือผ้าที่ใช้ในการผูกคอตาย ไม่จำเป็นต้องยาวสามฉื่อเสมอไป แค่ยาวพอสำหรับการผูกคอก็พอแล้ว (ทั้งนี้ 1 ฉื่อ เท่ากับ 33.33 ซม.)

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status