ในสุสานอัดแน่นด้วยพลังวิญญาณ ทำให้ผู้คนรู้สึกขนลุกโดยเลี่ยงไม่ได้ อู๋ไป๋แบกจอบขึ้นบ่า และมองไปทางเฟิ่งจิ่วเหยียนแบบยิ้มไม่ออก “แม่ทัพน้อย ท่านแน่ใจหรือว่ามาถูกที่แล้วขอรับ?” ก่อนจะมาที่นี่ แม่ทัพน้อยไม่ได้บอกว่าจะขุดหลุมฝังศพของตระกูลตัวเอง! หลุมฝังศพบรรพบุรุษตระกูลเฟิ่งล้วนตั้งอยู่ที่นี่ ลบหลู่มากเกินไปแล้ว! เฟิ่งจิ่วเหยียนไม่พูดไร้สาระ และเดินตรงเข้าไปข้างใน หลังจากเห็นป้ายหลุมศพที่มีชื่อเหยาเหนียงเขียนอยู่ จึงออกคำสั่ง “ขุดขึ้นมา” เหล่าผู้คุ้มกันก็ถูกฝังพร้อมกับเหยาเหนียง หลุมฝังศพจึงอยู่ใกล้ ๆ กัน หาเจอไม่ยาก เฟิ่งจิ่วเหยียนสั่งให้อู๋ไป๋ขุดศพขึ้นมาทั้งหมด อู๋ไป๋เห็นว่าไม่ได้ขุดหลุมฝังศพบรรพบุรุษตระกูลเฟิ่ง จึงเริ่มใช้จอบขุดทันที ฉึก! ฉึก! หนึ่งชั่วยามต่อมา บนพื้นมีซากศพที่เน่าเปื่อยอย่างหนักอยู่หลายศพ มีของเหลวไม่ทราบชนิดไหลออกมาจากช่องต่าง ๆ ของร่างกาย เช่น ตา จมูก ปาก... เป็นฉากที่ไม่น่ามองสุด ๆ แน่นอน แม้แต่คนเช่นอู๋ไป๋ที่เห็นคนตายมานับไม่ถ้วน ยังถูกกลิ่นเหม็นเน่าทำให้ลืมตาแทบไม่ขึ้น รู้สึกคล
เฟิ่งจิ่วเหยียนไม่คาดคิดว่า เซียวอวี้จะมาหานางในเวลากลางคืนเช่นนี้ นกพิราบสื่อสารบินออกจากตำหนักหย่งเหอ โดยปกติไม่ส่งเสียงเคลื่อนไหวมากนัก ทว่าเซียวอวี้ และราชองครักษ์ที่อยู่รอบกายเขา ทั้งหมดล้วนเป็นปรมาจารย์ด้านกำลังภายในขั้นสูง การเคลื่อนไหวใด ๆ มิอาจเล็ดลอดหูตาของพวกเขาได้ เฟิ่งจิ่วเหยียนรีบซ่อนจดหมายลับไว้ และกวาดสายตามองไปยังทิศทางที่นกพิราบสื่อสารบินจากไป เรื่องเร่งด่วนในตอนนี้คือ ต้องส่งเสียงดังเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจ... เฟิ่งจิ่วเหยียนจึงร้องตะโกนทันที “มีนักฆ่า!” เหลียนซวงก็ตอบสนองได้ว่องไว จึงช่วยตะโกน “ทหาร! คุ้มครองฮองเฮา!” ทันใดนั้น เซียวอวี้และราชองครักษ์ก็เข้ามาในตำหนัก เซียวอวี้เดินตรงเข้าสู่ตำหนักชั้นใน ทว่าสิ่งแรกที่เขาสนใจ มิใช่ความปลอดภัยและอันตรายของเฟิ่งจิ่วเหยียนผู้เป็นฮองเฮา “นักฆ่าอยู่ที่ใด!” หรือว่านักฆ่าหญิงผู้นั้นก่อเรื่องอีกแล้ว นางเพิ่งจะขับพิษวารีสวรรค์ทั้งหมดให้เขา พลังภายในยังไม่ฟื้นฟู กลับกล้ามาก่อความวุ่นวายในวัง! ทว่า นั่นอาจจะมิใช่นาง เฟิ่งจิ่วเหยียนชี้ไปทางหน้าต่างท
หลังจากเหลียนซวงได้รู้ความจริงที่คุณหนูเวยเฉียงถูกลักพาตัวไป แม้เหตุการณ์นั้นจะผ่านไปแล้ว แต่ในใจยังคงหวาดผวาอยู่“ฮองเฮา นี่ก็คือที่ท่านพูดว่า เราอยู่ในที่แจ้ง ศัตรูอยู่ในที่ลับใช่ไหม!“สามารถปลอมเป็นเหยาเหนียง แฝงตัวอยู่กับคุณหนูเวยเฉียง คนคนนั้นน่ากลัวมากเลย! พวกเราจะทำยังไงถึงจะสามารถจับตัวเขาได้?“อีกอย่าง ท่านวางแผนที่จะไปจากเมืองหลวง กลับชายแดนเหนือไม่ใช่หรือ?”นางรู้ดีมาตลอด ฮองเฮาไม่เหมาะสมกับที่นี่แววตาเฟิ่งจิ่วเหยียนสงบนิ่ง พร้อมพูดขึ้นมาว่า“ไม่ไปแล้ว”นางจะต้องสืบให้รู้ถึงคนที่วางแผนอยู่เบื้องหลังให้ได้ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้ก็ไม่สามารถพาเวยเฉียงจากไปได้ สิ่งเดียวที่เป็นกังวลก็คือชายแดนเหนือ หวังว่าชายแดนเหนือจะไม่เกิดเหตุวุ่นวายอะไร…… ฮองเฮาไม่เหมือนนางสนมที่มีเวลาว่างพวกนั้น ต้องจัดการงานภายในวังมากมายช่วงที่ผ่านมานี้ เฟิ่งจิ่วเหยียนบันทึกการรับสินบนทั้งหมดของตำหนักหลิงเซียวไว้ พร้อมส่งไปยังคลังหลวงข้าหลวงในตำหนักหลิงเซียว ที่เคยกระทำเรื่องชั่วช้าให้กับหลิงเยี่ยนเอ๋อร์ ผู้ที่ได้ทำความผิดอย่างร้ายแรงนั้น ต้องรับโทษเช่นชุนเหอนั้น ส่งตัวไปยังกรมราชทัณฑ์ ไม่ไ
มู่หรงฉานได้เป็นที่โปรดปรานของไทเฮา ถูกไทเฮาเรียกให้เข้าวังมาบ่อยครั้ง สวดมนต์เป็นเพื่อนไทเฮา เป็นสิ่งได้เปรียบที่หญิงสาวรอการคัดเลือกคนอื่นไม่มีแม้แต่หนิงเฟยที่เป็นหลานสาวแท้ๆ ยังถูกไทเฮาหลงลืมมองข้ามไปในใจหนิงเฟยนั้นไม่พอใจวันนี้นางไม่ได้มีรับสั่งให้เข้าเฝ้า ก็ตรงไปถวายพระพรยังตำหนักฉือหนิงกุ้ยหมัวมัวออกมาบอกว่า“หนิงเฟยมาได้ไม่ถูกจังหวะ แม่นางมู่หรงกำลังช่วยซ่อมแซมหนังสือสวดมนต์ให้กับไทเฮา เมื่อสักครู่ไทเฮามีรับสั่งว่า ใครก็ห้ามมารบกวน พระนางค่อยมาช่วงบ่ายเถอะ”หนิงเฟยอดกลั้นความขุ่นเคืองไว้ ฝืนยิ้มแย้มพร้อมพูดขึ้นมาว่า“ไม่ง่ายที่ท่านป้ากับแม่นางของตระกูลมู่หรงเข้ากันได้ดี ข้าไม่รบกวนแล้ว”กุ้ยหมัวมัวเป็นคนช่างสังเกต มองเห็นถึงความโศกเศร้าของหนิงเฟย เห็นว่ารอบข้างไม่มีใคร จึงกระซิบด้วยเสียงต่ำ พูดเตือนหนิงเฟย“พระนาง ที่ไทเฮาทำแบบนี้ ล้วนเป็นการทำเพื่อท่าน เพื่อความรุ่งโรจน์ของตระกูล ท่านกับไทเฮาเป็นญาติกัน คนอื่นเทียบไม่ได้”หนิงเฟยผงกศีรษะ“ข้ารู้ ขอให้ท่านป้าดูแลสุขภาพด้วย”หลังจากไปแล้ว สาวใช้ของหนิงเฟย เต็มไปด้วยความกังวล“พระนาง คุณหนูมู่หรงฉานคนนั้นมีความสาม
ตำหนักจื้อเฉินเซียวอวี้อาบน้ำเสร็จ ผมดำสยาย สวมอาภรณ์หลวมเล็กน้อย เผยกล้ามที่หน้าอกอันแข็งแกร่ง เปล่งรัศมีเยือกเย็นชาดวงตาคู่หงส์นั้นมองหรี่ลง มองดูแส้เก้าท่อนบนโต๊ะมันคือสิ่งที่นักฆ่าหญิงคนนั้น ถูกนางทิ้งไว้จนถึงวันนี้นับดูวันเวลา เมื่อวานเป็นสิบวันที่พิษแดนฝันกำเริบนางน่าจะมาเอายาตามปกติ เขาจะสั่งให้เฉินจี๋นำยาไปส่งที่ตำหนักฉางสิ้นแต่เฉินจี๋รออยู่เป็นเวลานาน ก็ไม่เห็นนางมาเอายา เช้าวันนี้ไปดู ยาถอนพิษก็ยังอยู่ที่นั่น ยังคงสภาพเดิมไว้ในระหว่างที่เซียวอวี้กำลังครุ่นคิด เฉินจี๋กลับมารายงานว่า“กราบทูลฝ่าบาท กระหม่อมไปยังตำหนักฉางสิ้นอีกครั้ง ยาถอนพิษก็ยังคงไม่ถูกนำไป”เฉินจี๋คิดว่า เป็นเรื่องที่แปลกจริงๆพิษแดนฝันกำเริบ ทุกข์ทรมานอย่างมากนางถูกพิษนี้ จะอดทนอยู่ได้อย่างไร?สีหน้าเซียวอวี้เยือกเย็นชา พร้อมพูดขึ้นมาว่า“แล้วแต่นาง”หากนางต้องการ ก็จะไปเอาเองมิเช่นนั้นจะให้เขาป้อนยาถอนพิษ ให้ถึงปากนางด้วยตนเองหรือ……เรื่องบุคคลลึกลับ เฟิ่งจิ่วเหยียนไม่ได้นิ่งนอนใจ ได้แอบสืบความอยู่อย่างหลายครั้งแต่จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีผลอะไรเขารอบคอบอย่างมาก ไม่ทิ้งร่องรอยอะ
หญิงดีงามหลายชุดเข้ามาในตำหนัก เฟิ่งจิ่วเหยียนเลือกคนไว้น้อยมากพวกนางสนมยิ่งมั่นใจว่า ฮองเฮามีใจริษยา“บุตรสาวเจ้ากรมพิธีการมู่หรงหวย...มู่หรงฉาน”ได้ยินเช่นนี้ พวกนางสนมล้วนระแวดระวังขึ้นมา ต่างพากันหันไปมองเห็นเพียงหญิงสาวคนนั้นรูปร่างงดงามสง่า สวมชุดกระโปรงผ้าปักสีสันสดใส ใบหน้าสวยงามสดใส ราวกับดอกบัวในสระน้ำ ส่งกลิ่นหอมที่ชวนให้น่าหลงใหล ทำให้บรรยากาศในตำหนักสดชื่นน่ารื่นรมย์“มู่หรงฉาน ถวายบังคมฮองเฮา”หนิงเฟยอดเบิกตาโตไม่ได้เหมือน!เหมือนหรงเฟยอย่างมาก!หากพูดว่า หลิงเยี่ยนเอ๋อร์คล้ายหรงเฟยเจ็ดแปดส่วน แล้งมู่หรงฉานคนนี้ เหมือนหรงเฟยไม่มีผิดเพี้ยนนางสนมคนอื่นกระซิบคุยกัน“เป็นลูกพี่ลูกน้องกันเอง ทำไมถึงได้เหมือนขนาดนี้?”“ใช่ ทุกอากัปกิริยา ทุกคำพูดเเละการกระทำ ล้วนเหมือนอย่างมาก ข้ายังคิดว่า...คิดว่าหรงเฟยกลับมาแล้ว!”เดิมพวกนางยังคิดเข้าข้างตนเองว่า ต่อให้คล้ายหรงเฟย มู่หรงฉานก็จะเป็นเหมือนพวกนางสนมเจีย ใช่ว่าจะเป็นที่โปรดปรานตอนนี้เพิ่งรู้ว่า พวกนางคิดผิดไปแล้วมู่หรงฉานจะต้องเป็นที่โปรดปรานแน่นอน และจะต้องมากยิ่งกว่าหลิงเยี่ยนเอ๋อร์ทุกคนหันไปมองเฟิ่งจิ่วเ
จวนตระกูลมู่หรงมู่หรงฉานได้รับจดหมายจากพี่ชายมู่หรงเจี๋ย รอยยิ้มอ่อนหวานมีเมตตาสาวใช้หลิวซวี่ พูดขึ้นมาอย่างใส่ใจว่า“คุณหนู มีเรื่องอะไรทำให้ดีใจขนาดนี้หรือ?”ท่าทีมู่หรงฉานเงียบสงบ พูดขึ้นมาด้วยเสียงอ่อนหวานว่า“พี่ชายทำศึกได้ชัยชนะ”หลิวซวี่พูดขึ้นมาอย่างดีใจว่า “ดีมากเลย!”แต่ไม่ช้า มู่หรงฉานก็เริ่มโศกเศร้าบ้าง“ท่านอ๋องยังคงไม่ตอบจดหมายหรือ?”หลิวซวี่ก้มศีรษะ พร้อมพูดขึ้นมาว่า“คุณหนู ท่านอย่าคิดมาก ท่านอ๋องมีงานราชการมาก...”มู่หรงฉานพูดแทรกขึ้นมาว่า“เจ้าไม่ต้องโกหกข้า ข้ารู้ การเข้าวังเพื่อร่วมการคัดเลือกโดยพลการ ท่านอ๋องไม่มีทางพอใจ ดังนั้นตอนแรกที่เข้าร่วมการคัดเลือก ข้าจึงปิดบังเขา ไม่กล้าบอกกับเขา”“ยังไงความจริงก็เป็นสิ่งที่ไม่อาจปิดบังได้“แต่ข้าไม่เสียใจ”หลิวซวี่พูดขึ้นมาว่า “คุณหนูเกิดมาพร้อมกับความโชคลาภ วัดเล็กๆ ย่อมไม่เพียงพอสำหรับท่าน”มู่หรงฉานมองดูใบหน้าในคันฉ่อง ที่คล้ายคลึงกับพี่สาวลูกพี่ลูกน้องใบนั้น ท่าทีจริงจังแน่วแน่“ท่านอ๋องไม่ได้บอกข้าเพียงครั้งเดียวว่า ให้อยู่ในวัดอย่างสงบ ข้าถึงจะปลอดภัยราบรื่น เขากำลังกลัวอะไรกันแน่?“ข้ารู้ว่าเขาก
เซียวอวี้เห็นเฟิ่งจิ่วเหยียนไม่ขยับ จึงเร่งเร้าอย่างหมดความอดทน“ของประทานจากเรา ฮองเฮาไม่ยอมดื่ม?”“มิใช่เพคะ เพียงแค่กำลังคิดว่า ในวังมีนกพิราบสื่อสารได้อย่างไร”เฟิ่งจิ่วเหยียนไม่สะทกสะท้าน ไม่ได้ถูกเซียวอวี้หลอกให้พูดความจริงออกมาเซียวอวี้จับจ้องมองดูนางด้วยแววตาเยือกเย็น“นกพิราบสื่อสารตัวนั้น บินออกมาจากตำหนักหย่งเหอ ฮองเฮา เจ้าไม่รู้จริงๆ หรือ?”นอกจากนาง ภายในวังยังจะมีใครใจกล้าหาญเช่นนี้!เฟิ่งจิ่วเหยียนเงยหน้าขึ้นมา จ้องมองดูเขาด้วยแววตาแน่วแน่“หม่อมฉันไม่ทราบเพคะ”นกพิราบสื่อสารบินออกมาจากตำหนักหย่งเหอ ก็อาจเป็นไปได้ที่ถูกคนอื่นปล่อยมาและในเมื่อถูกจับตอนที่บินออกไป ก็ไม่มีจดหมายลับใดตกอยู่ในมือของเซียวอวี้แสดงว่าเซียวอวี้ ก็ไม่มีหลักฐานอย่างแน่นอนแววตาเซียวอวี้เฉยเมย“ดื่มน้ำแกงถ้วยนี้ลงไปก่อน”เฟิ่งจิ่วเหยียนยกถ้วยน้ำแกงนั้นขึ้นมา แล้วก็ดื่มลงไปอย่างไม่พูดไม่จาเหลียนซวงมองดูแล้วยังรู้สึกปวดใจนกพิราบสื่อสารขนดำตัวนั้น ถูกฮ่องเต้ทรราชต้มเสียแบบนี้แล้ว!นี่ก็ว่าไปอย่าง ทำไมเขายังบีบบังคับให้พระนางดื่มอีก!เฟิ่งจิ่วเหยียนมีนิสัยสงบสุขุมแม้ว่าในใจมีควา
หยางเหลียนซั่วสูญเสียกำลังภายในของตนเองไปทั้งหมด ทั้งยังมิอาจต้านทานอันใดได้อีกเพียงแค่สัญญาณมือของเซียวอวี้ ทหารองครักษ์จึงก้าวไปข้างหน้า ก่อนจะจับหยางเหลียนซั่วล็อคด้วยโซ่ตรวนเอาไว้ และนำตัวไปขังไว้ในกรงเหล็กที่เตรียมไว้ก่อนหน้านี้ยามที่หยางเหลียนซั่วถูกนำตัวไปนั้น ปากเขายังคงก่นด่าสาปแช่งออกมาไม่มีหยุด“ซูฮ่วน! เจ้าต้องไม่ตายดี——”ฝานจิ้นพลางทุบหม้อข้าวหม้อแกงทั้งหมดพลางเอ่ยถามความเป็นไปเป็นมาว่า“ซูฮ่วน เจ้ารีบบอกมาเร็วเข้า เจ้าคิดหาวิธีมาต่อกรกับหยางเหลียนซั่วได้อย่างไร?”เฟิ่งจิ่วเหยียนเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“ยามที่หยางเหลียนซั่วดูดซับกำลังภายในของฝ่าบาทนั้น พลังงานที่แท้จริงของเขาหาได้เสถียรไม่ นั่นจึงทำให้ข้าเริ่มสงสัย“ต่อมา หลังจากที่ข้าเห็นหร่านชิวดูดซับกำลังภายในของหยางเหลียนซั่วไปแล้วนั้น ข้าก็ยิ่งมั่นใจมากขึ้น”“มั่นใจเรื่องอะไร” ฝานจิ้นที่มีนิสัยใจร้อนนั้น เขาจึงรีบเร่งถามออกมาเฟิ่งจิ่วเหยียนจึงพูดต่อไปอีกว่า“วิชาดาราโรยหมื่นวิถีนั้น มิอาจดูดซับกำลังภายในของผู้อื่นได้อย่างไม่มีที่สิ้นสุด“แม้แต่เหวก็ยังมีก้นบึ้ง“หร่านชิวมิอาจดูดซับกำลังภายในได้ม
เฟิ่งจิ่วเหยียนพลางหันไปพูดกับตงฟางซื่อพร้อมพรรคพวกของเขา “ส่งกำลังภายในของพวกเจ้ามาให้ข้า!”ตงฟางซื่อหาได้มีท่าทีสงสัยอันใดไม่ รีบวิ่งเข้าไปที่ข้างหลังของนางในทันที ก่อนจะทำเช่นเดียวกันกับเซียวอวี้ พร้อมถ่ายทอดพลังกำลังภายในของตนเองให้นางแม้ว่าคนอื่นจักไม่ค่อยเข้าใจเหตุผล ทว่า ด้วยความเชื่อใจที่พวกเขามีให้แก่ซูฮ่วนนั้น เขาเลือกที่จะเชื่อใจนางเฟิ่งจิ่วเหยียนจ้องมองหยางเหลียนซั่วที่อยู่ตรงหน้าด้วยความเย็นชาหยางเหลียนซั่วพลันเอ่ยหัวเราะเยาะนางออกมาว่า“ซูฮ่วน! เจ้าที่รนหาที่ตาย ยังต้องการลากผู้อื่นลงไปตายพร้อมกับเจ้าอีกงั้นหรือ! ดี ข้าจักทำให้ความหวังของเจ้าเป็นจริง!”หยางเหลียนซั่วที่คล้ายกับธาตุไฟเข้าแทรกไปมากขึ้นทุกที ทว่า สติอันน้อยนิดกำลังดึงตัวเขาเอาไว้ ให้เขาตั้งใจต่อกรกับคนตรงหน้าทว่า เมื่อคิดไปถึงหร่านชิวที่เป็นบุตรสาวของตนเองนั้น ทั้งยังตกตายด้วยน้ำมือของเขาอีก ความตั้งใจของเขาก็สั่นคลอน พร้อมกำลังภายในที่เกิดความแปรปรวนขึ้นมา ราวกับสายน้ำที่กำลังเดือดพล่านปะทุขึ้น...หร่วนฝูอวี้ที่กำลังถ่ายทอดกำลังภายในของตนเองให้กับเฟิ่งจิ่วเหยียนด้วยเช่นกัน นางพลันรู้สึกว่ายากลำบ
เฟิ่งจิ่วเหยียนจึงก้าวไปข้างหน้า พลางหันไปกล่าวกับหยางเหลียนซั่ว“หยางเหลียนซั่ว หร่านชิวเป็นบุตรสาวของเจ้าจริง ๆ เป็นบุตรสาวแท้ ๆ ของเจ้า”หยางเหลียนซั่วยังคงมีท่าทีไม่เชื่อตงฟางซื่อจึงออกหน้าช่วยพูดอีกแรง“ข้าสามารถพิสูจน์ได้ หยางเหลียนซั่ว ก่อนหน้านั้นที่กลายว่าเจ้ามิใช่ทายาทสายเลือดแคว้นฉินนั้น ล้วนแต่หลอกเจ้า ทว่า หร่านชิว เป็นบุตรของเจ้าจริง ๆ ”“ไร้สาระ! นางมิมีทางเป็นบุตรสาวของข้าได้!” หยางเหลียนซั่วตอบกลับด้วยท่าทีฉุนเฉียว “ข้าจักสังหารพวกเจ้าทั้งหมด——”หร่านชิวที่ใกล้จะหมดลมหายใจก็ไม่อยากจะเชื่อเช่นกันตงฟางซื่อได้แต่ถอนหายใจออกมา“หร่านชิว เป็นไปไม่ได้ที่มารดาของเจ้าจักเอาเรื่องเช่นนี้มาโกหกเจ้า เจ้าเพียงแค่เรียก 'บิดา' ออกมาคำเดียว แล้วก็จากไปอย่างสงบเสียเถิด”เฟิ่งจิ่วเหยียนกล่าวออกมาด้วยความเย็นชา“เพียงเพื่อฝึกฝนวิชามารนั้น หร่านชิวทำร้ายผู้คนในพันธมิตรอู่หลินไปมากมาย นางมีจิตใจโหดเหี้ยมอำมหิตยิ่งนัก เหมือนกับบิดาของตนเองมิมีผิด“หยางเหลียนซั่ว เจ้าควรดีใจที่มีบุตรสาวเช่นนี้“หากว่าเจ้าสามารถฟื้นคืนราชวงศ์เฉินได้จริง มีบุตรสาวเช่นนี้ สายเลือดของเจ้าย่อมมิมีท
หร่านชิวที่รู้สึกผิดอยู่ในใจนั้น ค่อย ๆ เดินถอยหลัง “ไม่ ไม่ใช่... ข้ามิใช่วิชาดาราโรยหมื่นวิถี ข้า...เฟิ่งจิ่วเหยียนกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา“หยางเหลียนซั่วคือบิดาของเจ้า พวกเจ้าบุตรบิดาต่างก็ทำให้ทั่วทั้งยุทธภพหาได้มีความสงบสุขไม่ หร่านชิว เจ้าก็สมควรตาย”“ไม่! เขามิใช่บิดาของข้า!” หร่านชิวรีบร้อนปฏิเสธออกมาในทันทีนางเพียงแค่ต้องการครอบครองโลกของวรยุทธ์ อยากได้รับความชื่นชมการยอมรับจากผู้คนมากมาย นางจักมีบิดาที่เลวร้ายเช่นนี้ได้อย่างไร!เฟิ่งจิ่วเหยียนกล่าวออกมาอย่างเย็นชาว่า“หรือมิใช่พวกเจ้าสองพ่อลูกรวมหัวกัน จัดฉากละครนี้ขึ้นมา แท้จริงแล้วก็เพื่อที่จะกำจัดพวกข้าทิ้งไปงั้นหรือ!”“ซูฮ่วน! เจ้าใส่ร้ายฉัน! ข้ากับเขา…”เฟิ่งจิ่วเหยียนพลางเอ่ยตัดบดออกมา ก่อนจะกล่าววาจาเกรี้ยวกราดออกมาว่า“เหตุใดเจ้าถึงหยุดมือเล่า เหตุใดถึงมิคิดต่อสู้กับเขาต่อไป! ที่เจ้าต้องการให้คนอื่นขึ้นไปสู้แทนนั้น ทั้ง ๆ ที่รู้แก่ใจว่าพวกเข้ามิอาจเอาชนะหยางเหลียนซั่วได้ นั่นก็เพราะต้องการส่งพวกข้าไปตาย แล้วให้เขาสูบฉีดกำลังภายในของพวกข้าไปใช่หรือไม่!”หร่านชิวพลันส่ายหัวไปมาไม่มีหยุด“ไม่... ข้าได้ร
หยางเหลียนซั่วมิเคยคิดเลยว่า ตนเองจะมีบุตรสาวแท้ ๆ กับเขาด้วยเขาไม่เชื่อหร่านชิวก็ไม่เชื่อเช่นกัน“ท่านแม่! ท่านกำลังพูดเรื่องอะไรกัน!”คนพวกนี้เพียงเพราะต้องการช่วยเหลือนาง ถึงได้เอ่ยคำโกหกเหล่านี้ออกมางั้นหรือ?เมื่อเห็นว่าหยางเหลียนซั่วยังมีเจตนาที่ต้องการจะสังหารบุตรสาวของตนเองอีกครั้ง ฮูหยินหร่านจึงเปิดเผยเรื่องราวที่แท้จริงในปีนั้นออกมาโดยมิสนสิ่งใดอีก“หยางเหลียนซั่ว! ท่านจำมิได้หรือ... ในปีนั้น ยามที่ท่านฝึกฝนวิชามารได้ไม่นาน เกิดธาตุไฟเข้าแทรก จึงจำความสิ่งใดมิชัดแจ้ง ถึงได้ ถึงได้ทำให้ข้าได้รับความอับอายเช่นนั้น!“หร่านชิวคือบุตรสาวของท่าน! เป็นบุตรสาวที่ข้าตั้งครรภ์ในคืนนั้น!”หยางเหลียนซั่วก่นด่าสาปแช่งออกมาด้วยความโกรธเกรี้ยว“นังสารเลว! ผู้ที่ธาตุไฟเข้าแทรกคือเจ้าต่างหาก!”หร่านชิวเมื่อเห็นมารดาของตนเองสำลักออกมาเป็นเลือดไม่มีหยุดนั้น พร้อมทั้งร่างกายที่ค่อย ๆ เย็นชืดนางพยายามประคองมารดาของตนเอง “ท่านแม่ ท่านมิต้องพูดอันใดแล้ว ท่านมิควรมาที่นี่!”กำลังภายในในร่างกายของหยางเหลียนซั่วนั้นกำลังเกิดการปั่นป่วนยิ่งนัก หากแต่ถูกเขากดมันเอาไว้หยางเหลียนซั่วนึกหง
หร่านชิวที่เป็นผู้ฝึกตนวิชาดาราโรยหมื่นวิถีนั้น กำลังดูดซับกำลังภายในของหยางเหลียนซั่ว จนทำให้ทักษะของนางเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมากทั้งนางและหยางเหลียนซั่วต่างก็ต่อกรกันตั้งแต่พื้นดินจนไปถึงบนภูเขา ทว่า ไม่ว่าพวกเขาจะเคลื่อนตัวไปที่ใด ทั้งฝุ่นควันเศษหินต่างก็ปลิวว่อนตลบอบอวลไปหมดในขณะเดียวกัน อีกด้านหนึ่ง กองทัพหนานฉีก็กำลังโรมรันกับกองทัพเยี่ยนรองแม่ทัพเยี่ยนที่เห็นเงาของหยางเหลียนซั่วเลือนรางนั้น ภายในใจนึกเป็นกังวลยิ่งนักมิใช่กล่าวว่าตนเองสามารถสังหารฮ่องเต้หนานฉีได้อย่างง่ายดายงั้นหรือ?เหตุใดยามนี้ถึงยังไม่ยอมจัดการเล่า?ฝั่งของเขาใกล้จะต้านไม่ไหวเต็มทีแล้ว!เมื่อพบเจอกับการซุ่มโจมตีของกองทัพหนานฉีหลายต่อหลายครั้งเช่นนี้ ยามที่พวกเขาคิดว่าสามารถจัดการได้แล้วนั้น ก็มักจะมีคนกลุ่มใหม่พุ่งเข้ามาต่ำช้ายิ่งนัก!เหล่าทหารของกองทัพเยี่ยนต่างก็หวาดผวาไปในทันทีแม่ทัพใหญ่กองทัพฉีกวนไหลอิ้งขี่ม้าบุกเข้ามา พลางร้องตะโกนออกมาว่า“กองทัพเยี่ยนจงฟัง ท่านแม่ทัพของเรากล่าวว่า ตราบใดที่พวกเจ้ายอมวางอาวุธ ถอดชุดเกราะออก และโยนหมวกเหล็กบนหัวทิ้งไปเพื่อยอมจำนนนั้น ก็จักอนุญาติให้กองทัพเยี่
“พวกเจ้ายังคิดที่จะโกหกข้าอีกหรือ! ซูฮ่วน เจ้าสมควรตาย!” หยางเหลียนซั่วไม่มีทางที่ถูกคำพูดยั่วยุของพวกเขาทำให้ไขว้เขวอีกต่อไปเขาหาได้คิดฟังสิ่งใดไม่ พลางสูบฉีดกำลังภายในของตงฟางซื่อเฟิ่งจิ่วเหยียนชักดาบของตนเองออกมาในทันที ก่อนจะพุ่งทะยานเข้าไป ราวกับนกนางแอ่นที่บินได้อย่างคล่องแคล่ว พลางพุ่งตรงไปที่หยางเหลียนซั่ว...หูทั้งสองข้างของหยางเหลียนซั่วกระตุกขึ้นมาเล็กน้อย เมื่อสัมผัสได้ถึงพลังดาบอันแหลมคมที่เข้ามาใกล้ ๆ เขาเอียงตัวไปด้านข้าง ถูกบังคับให้เก็บพลังภายในกลับตงฟางซื่อถือโอกาสหลุดพ้นออกมาและล้มลง หลังของเขากระแทกกับพื้นหินอันขรุขระไปในทันที พร้อมด้วยผมเผ้าที่กระจัดกระจายออกมาหยางเหลียนซั่วมีปฏิกิริยาตอบสนองอย่างรวดเร็ว ก่อนจะหันไปโต้กลับเฟิ่งจิ่วเหยียนภายในใจของเขาที่มีจิตใจอาฆาตแค้นนั้น อยากที่จะสังหารนักฆ่าที่ปลิดชีพบุตรชายของตนเป็นอย่างยิ่ง!ทว่า หยางเหลียนซั่วหาได้โจมตีออกไปโดยตรงไม่ แต่กลับเคลื่อนที่ไปที่ข้างหลังของนางแทนพร้อมทั้งฝ่ามือที่กำลังจะกระแทกมาที่หลังของนาง“ซูฮ่วน! ระวัง!” ตงฟางซื่อร้องเตือนผัวะยามที่เฟิ่งจิ่วเหยียนหันหน้ากลับมานั้น เป็นเซียวอวี
“หยางเหลียนซั่ว ในที่สุดเจ้าก็ปรากฏตัวออกมาเสียที!”บนเนินเขา ตงฟางซื่อพร้อมทั้งเหล่าสหายในยุทธภพมากมายมารวมตัวกันจัดตั้งค่ายกลเฟิ่งจิ่วเหยียนที่ได้ติดต่อกับพวกเขามาก่อนหน้านั้น การซุ่มโจมตีกานโจวในครานี้ ไม่เพียงแต่เพื่อกองทัพเยี่ยนเท่านั้น แต่ยังเพื่อจับกุมหยางเหลียนซั่วอีกด้วยถึงแม้ว่าหยางเหลียนซั่วจักสามารถระบุตำแหน่งได้จากการฟังเสียงก็ตาม แต่นั่นก็ต้องใช้เวลาในการปรับตัวพอสมควรอีกทั้ง กานโจวแห่งนี้เป็นสถานที่ที่หยางเหลียนซั่วไม่คุ้นชินอีกด้วยผมเผ้าของหยางเหลียนซั่วที่มิได้มัดให้เรียบร้อยนั้น ทว่า ดวงตาทั้งสองข้างกลับถูกมัดด้วยผ้าสีดำ หูของเขาตั้งขึ้นเพื่อพยายามแยกแยะเสียงอย่างเต็มที่“เซียวอวี้! ซูฮ่วน! พวกเจ้าสองคน ไสหัวออกมาเดี๋ยวนี้!”อย่างแรก เขาต้องการหวนคืนแว่นแคว้น อย่างที่สองเขาต้องการแก้แค้นพวกมันสองคนสังหารบุตรชายของเขา แค้นในครานี้อย่างไรก็ต้องชำระ!เฟิ่งจิ่วเหยียนยืนอยู่บนที่สูง พลางก้มมองดูเขาอย่างเย็นชาผู้ที่ยืนอยู่ข้าง ๆ นางนั้นคือเซียวอวี้เหล่าแม่ทัพคนอื่น ๆ ก็นำกองกำลังของตนออกไปสู้รบกับกองทัพเยี่ยนที่เนินเขาด้วยกำลังพลเพียงแค่ห้าพันนายเท่านั้น
เมื่อเป่ยเยี่ยนต้องการถอยทัพนั้น หาใช่เรื่องดีสำหรับหยางเหลียนซั่วไม่เขาจึงเข้าพบฉินเซียวในทันที“ท่านแม่ทัพ นี่เป็นเพียงเล่ห์เหลี่ยมของพวกฉีเท่านั้น…”กองทัพใหญ่ได้เคลื่อนย้ายแล้ว ฉินเซียวมิต้องการฟังเรื่องไร้สาระอันใดจากเขาอีก“หยางเหลียนซั่ว เป็นเพราะเจ้ากล่าวว่าพวกเรามีโอกาสได้ชัย ฝ่าบาทจึงส่งกองกำลังเสริมมาให้กับพวกเราแน่! พวกเราหาได้มีความคิดที่จะต้องมารบกับหนานฉีจริง ๆ ไม่! ยามนี้งามหน้ายิ่งนัก เรื่องของเจ้าก็มิอาจจัดการได้สำเร็จ ยังมาทำให้พวกเราต้องสูญเสียกองกำลังอีกครึ่งหนึ่งไปอีก!“แม่ทัพเช่นข้านึกสงสัยยิ่งนัก ว่าเจ้าร่วมมือกับเซียวอวี้เพื่อมาทำลายเป่ยเยี่ยนของข้าใช่หรือไม่!“ไสหัวไป! คิดว่าตนเองเป็นใครกัน ถึงจะมาให้พวกข้าทำงานถวายชีวิตให้กับเจ้า?”ใบหน้าของหยางเหลียนซั่วพลันเปลี่ยนเป็นเย็นชาไปในทันทีเพียงแค่เขาโบกมือเล็กน้อยก็คว้าเข้าที่คอของฉินเซียวฉินเซียวตกใจยิ่งนักทั้งยังเจือไปด้วยความโกรธเกรี้ยว“หยางเหลียนซั่ว...เจ้า...”ทันใดนั้น เขาก็รู้สึกว่ากำลังภายในที่ร่างกายของเขากำลังรั่วไหลออกมาหยางเหลียนซั่วที่กำลังดูดซึมกำลังภายใน พลางเอ่ยถามออกมาด้วยท่าทีเคร