แชร์

บทที่ 161

ผู้เขียน: อี้ซัวเยียนอวี่
หลังจากเหลียนซวงได้รู้ความจริงที่คุณหนูเวยเฉียงถูกลักพาตัวไป แม้เหตุการณ์นั้นจะผ่านไปแล้ว แต่ในใจยังคงหวาดผวาอยู่

“ฮองเฮา นี่ก็คือที่ท่านพูดว่า เราอยู่ในที่แจ้ง ศัตรูอยู่ในที่ลับใช่ไหม!

“สามารถปลอมเป็นเหยาเหนียง แฝงตัวอยู่กับคุณหนูเวยเฉียง คนคนนั้นน่ากลัวมากเลย! พวกเราจะทำยังไงถึงจะสามารถจับตัวเขาได้?

“อีกอย่าง ท่านวางแผนที่จะไปจากเมืองหลวง กลับชายแดนเหนือไม่ใช่หรือ?”

นางรู้ดีมาตลอด ฮองเฮาไม่เหมาะสมกับที่นี่

แววตาเฟิ่งจิ่วเหยียนสงบนิ่ง พร้อมพูดขึ้นมาว่า

“ไม่ไปแล้ว”

นางจะต้องสืบให้รู้ถึงคนที่วางแผนอยู่เบื้องหลังให้ได้

ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้ก็ไม่สามารถพาเวยเฉียงจากไปได้ สิ่งเดียวที่เป็นกังวลก็คือชายแดนเหนือ หวังว่าชายแดนเหนือจะไม่เกิดเหตุวุ่นวายอะไร

……

ฮองเฮาไม่เหมือนนางสนมที่มีเวลาว่างพวกนั้น ต้องจัดการงานภายในวังมากมาย

ช่วงที่ผ่านมานี้ เฟิ่งจิ่วเหยียนบันทึกการรับสินบนทั้งหมดของตำหนักหลิงเซียวไว้ พร้อมส่งไปยังคลังหลวง

ข้าหลวงในตำหนักหลิงเซียว ที่เคยกระทำเรื่องชั่วช้าให้กับหลิงเยี่ยนเอ๋อร์ ผู้ที่ได้ทำความผิดอย่างร้ายแรงนั้น ต้องรับโทษเช่นชุนเหอนั้น ส่งตัวไปยังกรมราชทัณฑ์ ไม่ไ
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อที่ GoodNovel
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป
ความคิดเห็น (3)
goodnovel comment avatar
Kamonwan Tipaksorn
น้องสาวหลงเฟยก็น่าสงสัย
goodnovel comment avatar
Sawarost Sontijai
หนิงเฟยคนร้ายตัวจริงไหม แต่ถ้ามีการแปลงโฉม น่าจะเป็นรุ่ยอ๋อง
goodnovel comment avatar
Kritaya Shutrusmeekul
มีใครอ่านจบหรือยังคะเขามีถึงตอนไหนคะทำไมเนื้อเรื่องมันเยิ่นเยอะจัง
ดูความคิดเห็นทั้งหมด

บทที่เกี่ยวข้อง

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 162

    มู่หรงฉานได้เป็นที่โปรดปรานของไทเฮา ถูกไทเฮาเรียกให้เข้าวังมาบ่อยครั้ง สวดมนต์เป็นเพื่อนไทเฮา เป็นสิ่งได้เปรียบที่หญิงสาวรอการคัดเลือกคนอื่นไม่มีแม้แต่หนิงเฟยที่เป็นหลานสาวแท้ๆ ยังถูกไทเฮาหลงลืมมองข้ามไปในใจหนิงเฟยนั้นไม่พอใจวันนี้นางไม่ได้มีรับสั่งให้เข้าเฝ้า ก็ตรงไปถวายพระพรยังตำหนักฉือหนิงกุ้ยหมัวมัวออกมาบอกว่า“หนิงเฟยมาได้ไม่ถูกจังหวะ แม่นางมู่หรงกำลังช่วยซ่อมแซมหนังสือสวดมนต์ให้กับไทเฮา เมื่อสักครู่ไทเฮามีรับสั่งว่า ใครก็ห้ามมารบกวน พระนางค่อยมาช่วงบ่ายเถอะ”หนิงเฟยอดกลั้นความขุ่นเคืองไว้ ฝืนยิ้มแย้มพร้อมพูดขึ้นมาว่า“ไม่ง่ายที่ท่านป้ากับแม่นางของตระกูลมู่หรงเข้ากันได้ดี ข้าไม่รบกวนแล้ว”กุ้ยหมัวมัวเป็นคนช่างสังเกต มองเห็นถึงความโศกเศร้าของหนิงเฟย เห็นว่ารอบข้างไม่มีใคร จึงกระซิบด้วยเสียงต่ำ พูดเตือนหนิงเฟย“พระนาง ที่ไทเฮาทำแบบนี้ ล้วนเป็นการทำเพื่อท่าน เพื่อความรุ่งโรจน์ของตระกูล ท่านกับไทเฮาเป็นญาติกัน คนอื่นเทียบไม่ได้”หนิงเฟยผงกศีรษะ“ข้ารู้ ขอให้ท่านป้าดูแลสุขภาพด้วย”หลังจากไปแล้ว สาวใช้ของหนิงเฟย เต็มไปด้วยความกังวล“พระนาง คุณหนูมู่หรงฉานคนนั้นมีความสาม

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 163

    ตำหนักจื้อเฉินเซียวอวี้อาบน้ำเสร็จ ผมดำสยาย สวมอาภรณ์หลวมเล็กน้อย เผยกล้ามที่หน้าอกอันแข็งแกร่ง เปล่งรัศมีเยือกเย็นชาดวงตาคู่หงส์นั้นมองหรี่ลง มองดูแส้เก้าท่อนบนโต๊ะมันคือสิ่งที่นักฆ่าหญิงคนนั้น ถูกนางทิ้งไว้จนถึงวันนี้นับดูวันเวลา เมื่อวานเป็นสิบวันที่พิษแดนฝันกำเริบนางน่าจะมาเอายาตามปกติ เขาจะสั่งให้เฉินจี๋นำยาไปส่งที่ตำหนักฉางสิ้นแต่เฉินจี๋รออยู่เป็นเวลานาน ก็ไม่เห็นนางมาเอายา เช้าวันนี้ไปดู ยาถอนพิษก็ยังอยู่ที่นั่น ยังคงสภาพเดิมไว้ในระหว่างที่เซียวอวี้กำลังครุ่นคิด เฉินจี๋กลับมารายงานว่า“กราบทูลฝ่าบาท กระหม่อมไปยังตำหนักฉางสิ้นอีกครั้ง ยาถอนพิษก็ยังคงไม่ถูกนำไป”เฉินจี๋คิดว่า เป็นเรื่องที่แปลกจริงๆพิษแดนฝันกำเริบ ทุกข์ทรมานอย่างมากนางถูกพิษนี้ จะอดทนอยู่ได้อย่างไร?สีหน้าเซียวอวี้เยือกเย็นชา พร้อมพูดขึ้นมาว่า“แล้วแต่นาง”หากนางต้องการ ก็จะไปเอาเองมิเช่นนั้นจะให้เขาป้อนยาถอนพิษ ให้ถึงปากนางด้วยตนเองหรือ……เรื่องบุคคลลึกลับ เฟิ่งจิ่วเหยียนไม่ได้นิ่งนอนใจ ได้แอบสืบความอยู่อย่างหลายครั้งแต่จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีผลอะไรเขารอบคอบอย่างมาก ไม่ทิ้งร่องรอยอะ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 164

    หญิงดีงามหลายชุดเข้ามาในตำหนัก เฟิ่งจิ่วเหยียนเลือกคนไว้น้อยมากพวกนางสนมยิ่งมั่นใจว่า ฮองเฮามีใจริษยา“บุตรสาวเจ้ากรมพิธีการมู่หรงหวย...มู่หรงฉาน”ได้ยินเช่นนี้ พวกนางสนมล้วนระแวดระวังขึ้นมา ต่างพากันหันไปมองเห็นเพียงหญิงสาวคนนั้นรูปร่างงดงามสง่า สวมชุดกระโปรงผ้าปักสีสันสดใส ใบหน้าสวยงามสดใส ราวกับดอกบัวในสระน้ำ ส่งกลิ่นหอมที่ชวนให้น่าหลงใหล ทำให้บรรยากาศในตำหนักสดชื่นน่ารื่นรมย์“มู่หรงฉาน ถวายบังคมฮองเฮา”หนิงเฟยอดเบิกตาโตไม่ได้เหมือน!เหมือนหรงเฟยอย่างมาก!หากพูดว่า หลิงเยี่ยนเอ๋อร์คล้ายหรงเฟยเจ็ดแปดส่วน แล้งมู่หรงฉานคนนี้ เหมือนหรงเฟยไม่มีผิดเพี้ยนนางสนมคนอื่นกระซิบคุยกัน“เป็นลูกพี่ลูกน้องกันเอง ทำไมถึงได้เหมือนขนาดนี้?”“ใช่ ทุกอากัปกิริยา ทุกคำพูดเเละการกระทำ ล้วนเหมือนอย่างมาก ข้ายังคิดว่า...คิดว่าหรงเฟยกลับมาแล้ว!”เดิมพวกนางยังคิดเข้าข้างตนเองว่า ต่อให้คล้ายหรงเฟย มู่หรงฉานก็จะเป็นเหมือนพวกนางสนมเจีย ใช่ว่าจะเป็นที่โปรดปรานตอนนี้เพิ่งรู้ว่า พวกนางคิดผิดไปแล้วมู่หรงฉานจะต้องเป็นที่โปรดปรานแน่นอน และจะต้องมากยิ่งกว่าหลิงเยี่ยนเอ๋อร์ทุกคนหันไปมองเฟิ่งจิ่วเ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 165

    จวนตระกูลมู่หรงมู่หรงฉานได้รับจดหมายจากพี่ชายมู่หรงเจี๋ย รอยยิ้มอ่อนหวานมีเมตตาสาวใช้หลิวซวี่ พูดขึ้นมาอย่างใส่ใจว่า“คุณหนู มีเรื่องอะไรทำให้ดีใจขนาดนี้หรือ?”ท่าทีมู่หรงฉานเงียบสงบ พูดขึ้นมาด้วยเสียงอ่อนหวานว่า“พี่ชายทำศึกได้ชัยชนะ”หลิวซวี่พูดขึ้นมาอย่างดีใจว่า “ดีมากเลย!”แต่ไม่ช้า มู่หรงฉานก็เริ่มโศกเศร้าบ้าง“ท่านอ๋องยังคงไม่ตอบจดหมายหรือ?”หลิวซวี่ก้มศีรษะ พร้อมพูดขึ้นมาว่า“คุณหนู ท่านอย่าคิดมาก ท่านอ๋องมีงานราชการมาก...”มู่หรงฉานพูดแทรกขึ้นมาว่า“เจ้าไม่ต้องโกหกข้า ข้ารู้ การเข้าวังเพื่อร่วมการคัดเลือกโดยพลการ ท่านอ๋องไม่มีทางพอใจ ดังนั้นตอนแรกที่เข้าร่วมการคัดเลือก ข้าจึงปิดบังเขา ไม่กล้าบอกกับเขา”“ยังไงความจริงก็เป็นสิ่งที่ไม่อาจปิดบังได้“แต่ข้าไม่เสียใจ”หลิวซวี่พูดขึ้นมาว่า “คุณหนูเกิดมาพร้อมกับความโชคลาภ วัดเล็กๆ ย่อมไม่เพียงพอสำหรับท่าน”มู่หรงฉานมองดูใบหน้าในคันฉ่อง ที่คล้ายคลึงกับพี่สาวลูกพี่ลูกน้องใบนั้น ท่าทีจริงจังแน่วแน่“ท่านอ๋องไม่ได้บอกข้าเพียงครั้งเดียวว่า ให้อยู่ในวัดอย่างสงบ ข้าถึงจะปลอดภัยราบรื่น เขากำลังกลัวอะไรกันแน่?“ข้ารู้ว่าเขาก

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 166

    เซียวอวี้เห็นเฟิ่งจิ่วเหยียนไม่ขยับ จึงเร่งเร้าอย่างหมดความอดทน“ของประทานจากเรา ฮองเฮาไม่ยอมดื่ม?”“มิใช่เพคะ เพียงแค่กำลังคิดว่า ในวังมีนกพิราบสื่อสารได้อย่างไร”เฟิ่งจิ่วเหยียนไม่สะทกสะท้าน ไม่ได้ถูกเซียวอวี้หลอกให้พูดความจริงออกมาเซียวอวี้จับจ้องมองดูนางด้วยแววตาเยือกเย็น“นกพิราบสื่อสารตัวนั้น บินออกมาจากตำหนักหย่งเหอ ฮองเฮา เจ้าไม่รู้จริงๆ หรือ?”นอกจากนาง ภายในวังยังจะมีใครใจกล้าหาญเช่นนี้!เฟิ่งจิ่วเหยียนเงยหน้าขึ้นมา จ้องมองดูเขาด้วยแววตาแน่วแน่“หม่อมฉันไม่ทราบเพคะ”นกพิราบสื่อสารบินออกมาจากตำหนักหย่งเหอ ก็อาจเป็นไปได้ที่ถูกคนอื่นปล่อยมาและในเมื่อถูกจับตอนที่บินออกไป ก็ไม่มีจดหมายลับใดตกอยู่ในมือของเซียวอวี้แสดงว่าเซียวอวี้ ก็ไม่มีหลักฐานอย่างแน่นอนแววตาเซียวอวี้เฉยเมย“ดื่มน้ำแกงถ้วยนี้ลงไปก่อน”เฟิ่งจิ่วเหยียนยกถ้วยน้ำแกงนั้นขึ้นมา แล้วก็ดื่มลงไปอย่างไม่พูดไม่จาเหลียนซวงมองดูแล้วยังรู้สึกปวดใจนกพิราบสื่อสารขนดำตัวนั้น ถูกฮ่องเต้ทรราชต้มเสียแบบนี้แล้ว!นี่ก็ว่าไปอย่าง ทำไมเขายังบีบบังคับให้พระนางดื่มอีก!เฟิ่งจิ่วเหยียนมีนิสัยสงบสุขุมแม้ว่าในใจมีควา

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 167

    มู่หรงฉานถูกพิษกะทันหัน เซียวอวี้รีบไปยังตำหนักฟางเฟยทันทีหมอหลวงขับให้นางอาเจียน จึงไม่อันตรายถึงชีวิตหลังจากนั้นไม่นาน ในฐานะที่เฟิ่งจิ่วเหยียนเป็นฮองเฮาก็มาถึงเช่นกันเซียวอวี้นั่งอยู่ตรงนั้น พร้อมพูดขึ้นมาด้วยสีหน้าบูดบึ้งว่า“เกิดเรื่องวางยาพิษขึ้นในวัง ฮองเฮา เจ้าต้องสืบให้กระจ่างว่าเป็นฝีมือผู้ใด!”“เพคะ” เฟิ่งจิ่วเหยียนหันไปมองบนเตียง สายตานั้นสงบนิ่งมู่หรงฉานอาเจียนอยู่นาน ร่างกายอ่อนแออย่างมากเซียวอวี้อยู่เฝ้านางหนึ่งช่วยยาม แล้วค่อยกลับตำหนักจื้อเฉิน……ตำหนักฉือหนิง“จิ้งกุ้ยเหรินถูกวางยาพิษ? ตอนนี้นางเป็นอย่างไรบ้าง?” ไทเฮาตกตะลึงอย่างมากใช่ว่านางเป็นห่วงมู่หรงฉาน หากเป็นเพราะไทฮองไทเฮาอาศัยที่ตนเองเป็นผู้อาวุโสวางอำนาจ เขียนจดหมายมาบอกว่า ให้นางดูแลจิ้งกุ้ยเหรินให้ดีหากเกิดอะไรขึ้นกับจิ้งกุ้ยเหริน ไทฮองไทเฮาไม่ยอมเลิกราง่ายๆ แน่นอนกุ้ยหมัวมัวตอบอย่างนอบน้อมว่า“หมอหลวงได้ทำการรักษาแล้ว ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง ฝ่าบาทก็อยู่เฝ้าครู่หนึ่ง นับจากที่จิ้งกุ้ยเหรินเข้าวังมา ยังไม่เคยได้รับความโปรดปราน ครั้งนี้ถือว่าในความโชคร้าย ก็ยังมีความโชคดีแฝงอยู่”พูดเสร็

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 168

    ห้องทรงพระอักษรเซียวอวี้ถามขึ้นมาด้วยเสียงเย็นชาว่า“ในเมื่อมีหลักฐานแล้ว ไยไม่ลงมือจับตัว หรือเป็นเพราะว่านางสนมเจียสนิทสนมกับเจ้า เจ้าจึงคิดอยากปกป้อง?”เฟิ่งจิ่วเหยียนไม่เคยนำเรื่องส่วนตัว มาส่งผลกระทบทำให้สูญเสียการคิดวิเคราะห์นางพูดขึ้นมาว่า“ต้องสอบสวนนางสนมเจีย แต่ที่สำคัญที่สุด ต้องสอบสวนเส้นทางการนำยาพิษเข้ามา”“ยาพิษนี้มาจากข้างนอกวัง หม่อมฉันสงสัยว่า ภายในวังมีสายลับ ทำการขายสิ่งของต้องห้ามโดยเฉพาะ หม่อมฉันจึงอยากฉวยโอกาสนี้ กวาดล้างพวกเขาให้เรียบ จึงมาขออนุญาตฝ่าบาท”เซียวอวี้เห็นนางจัดการเรื่องราวอย่างเฉียบขาดกระจ่างชัดเจน ก็ค่อนข้างชื่นชมนางแน่นอนว่า ดูจากเรื่องที่นางจัดการหลิงเยี่ยนเอ๋อร์ นางย่อมไม่เหมือนหญิงสาวเรียบร้อยธรรมดาทั่วไปดังนั้นแม้ว่าเขาไม่ชอบนาง และนางไม่ใช่หญิงสาวบริสุทธิ์ เขาก็ยินดีที่จะให้นางเป็นฮองเฮาต่อไป ช่วยเขาดูแลจัดการวังหลัง“ทำตามที่เจ้าพูด”เฟิ่งจิ่วเหยียนถวายความเคารพ พร้อมพูดตอบว่า“น้อมรับพระบัญชา”แล้วนางก็กลับออกไปจู่ ๆ เซียวอวี้ก็รู้สึกขึ้นมาว่า ท่าทีของนาง...ไม่เหมือนเป็นฮองเฮาของเขา กลับเหมือนลูกน้องของเขามากกว่าหวนคิด

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 169

    ผงเหมาเกิ้นล่อมดและแมลง เป็นคำโกหกที่เฟิ่งจิ่วเหยียนแต่งขึ้นมา ทว่าก็เพียงพอที่จะหลอกล่อให้คนที่หวาดกลัวคนหนึ่งเผยพิรุธออกมามู่หรงฉานพูดยอมรับขึ้นมาเองว่า“ฮองเฮา ล้วนเป็นความผิดของหม่อมฉัน หม่อมฉันเป็นคนทำ...”หลิวซวี่มองดูนางอย่างไม่อยากเชื่อ คิดไม่ถึงว่า กุ้ยเหรินจะปกป้องตนเองขนาดนี้นางรีบโขกศีรษะลง พร้อมพูดขึ้นว่า “ฮองเฮาโปรดทรงเมตตา ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับกุ้ยหริน บ่าวเป็นคนทำเอง! บ่าวอยากจะกำจัดศัตรูแข็งแกร่งให้กับนาย จึงใส่ร้ายนางสนมเจียง...กุ้ยเหรินไม่รู้เรื่อง!”จิ้งกุ้ยเหรินหันไปมองหลิวซวี่ น้ำตาร่วงไหลพร้อมพูดขึ้นมาว่า“ไม่ ไม่ใช่หลิวซวี่…”“ใช่บ่าว ฮองเฮา ท่านจะลงโทษก็ลงโทษบ่าวเถอะ!”เป็นบ่าวจงรักภักดีคนหนึ่งแววตาเฟิ่งจิ่วเหยียนลึกล้ำมู่หรงฉานโอบกอดหลิวซวี่ ร้องไห้ขอความเมตตา“ฮองเฮา ถึงแม้หลิวซวี่จะมีความผิด แต่นางก็เป็นสาวใช้ที่ติดตามหม่อมฉันมา ผูกพันกับหม่อมฉันเหมือนพี่น้อง ขอฮองเฮาทรงโปรดเมตตา เป็นหม่อมฉันบกพร่องในการตรวจสอบ หม่อมฉันยินดีรับผิดแทนนาง”“ไม่ กุ้ยเหริน ไม่เอา! ล้วนเป็นความผิดของบ่าว...” หลิวซวี่ตื้นตันใจอย่างมาก ต่อให้ตายแทนกุ้ยเหริน นางก็ยอม!

บทล่าสุด

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 938

    ราชทูตแคว้นตงซานมาพร้อมกับผ้าทอและอาชา เริ่มจากปฏิบัติด้วยความสุภาพก่อน“แคว้นตงซานเราไม่เคยเกี่ยวข้องกับข้อพิพาทระหว่างแคว้น ครั้งนี้แต่ละแคว้นมาล้อมโจมตีหนานฉี ฮ่องเต้พวกเราก็ได้ยินข่าวลือเหล่านี้เช่นกัน ต่างพูดกันว่า ข้อพิพาทนี้ ต้นเหตุมาจากการยุยงของแคว้นตงซาน”ราชทูตแคว้นอื่นต่างมองหน้ากันราชทูตแคว้นตงซานผู้นี้หมายความว่าอย่างไร? คำนึงแต่ตนเองไม่สนใจผู้อื่นรึ?ในตอนแรก มิใช่แคว้นตงซานพวกเขาส่งคนมาพูดหว่านล้อมว่า หากร่วมมือกับพวกเขาโจมตีหนานฉี จะแบ่งดินแดนหนานฉีให้หรอกหรือ!หลี่หลิงราชทูตแคว้นตงซานกล่าวต่อ“หลังจากสืบสวนอยู่หลายทาง พวกเราถึงสืบพบว่า เดิมทีแล้ว ทั้งหมดนี้ถานไถเหยี่ยนเป็นคนทำ“เขาหลอกลวงอวดอ้าง จนได้รับความไว้วางพระทัยจากฝ่าบาทของเรา ถูกยกย่องให้เป็นราชครู และถือเป็นแขกผู้ทรงเกียรติของแคว้นตงซานด้วย “นึกไม่ถึงว่า เขายังไม่พึงพอใจกับสิ่งนี้ เจตนาจะหลอกล่อกษัตริย์ของเรา ให้กษัตริย์ของเราโจมตีหนานฉี เพื่อจะได้เป็นมหาอำนาจ กษัตริย์ของเรามีสติ จึงไม่หลงกลการยั่วยุ“นึกไม่ถึงว่าเขายังไม่ยอมหยุดความคิดชั่วร้าย ยังแอบตระเวนไปยังแต่ละแคว้น เพื่อยุยงให้แต่ละแคว้นล้อ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 937

    เรื่องส่งคืนกองทัพอินทรีเหินให้กับเฟิ่งจิ่วเหยียน ตอนที่นางเสร็จสิ้นจากการไปเป็นราชทูตที่แคว้นซีหนี่ว์ เซียวอวี้ก็เคยเอ่ยถึงเรื่องนี้ทว่าภายหลังเจอกับสงครามครั้งใหญ่ เรื่องนี้จึงถูกพักไว้ก่อนเซียวอวี้เป็นฝ่ายเริ่มพูดเรื่องนี้ ซ้ำยังเตรียมการทุกอย่างไว้เป็นอย่างดี ถือว่ามีความจริงใจเต็มเปี่ยมโดยมิต้องสงสัยทว่า เฟิ่งจิ่วเหยียนกลับเป็นกังวล“เรื่องนี้ ราชสำนักรู้หรือไม่เพคะ?”เซียวอวี้สวมกอดนางจากทางด้านหลัง ราวกับได้ครอบครองทั้งใต้หล้า“เราเคยเรียกพบขุนนางคนสำคัญหลายคนในราชสำนักตั้งแต่แรก เพื่อบอกเรื่องนี้กับพวกเขา พวกเขาต่างก็คิดว่า เราสมควรทำเช่นนี้“วันนี้ประชุมราชกิจ เราก็ประกาศกับเหล่าขุนนางอย่างเป็นทางการแล้ว ทว่าก็มีบางคนคัดค้านเช่นกัน แต่เราพูดเพียงว่า ‘ตอนนี้หนานฉีต้องโจมตีกับแคว้นอื่น ผู้ใดที่คัดค้าน เราจะให้ออกไปสนามรบ’ ดังนั้น พวกเขาก็พากันเงียบกริบ“เจ้าเห็นหรือไม่ เรื่องนี้มิได้ยากเย็น”ถึงแม้เขาเอ่ยออกมาดูเหมือนจะง่ายดาย เฟิ่งจิ่วเหยียนกลับรู้ว่า เพื่อตราคำสั่งทหาร เขาต้องทุ่มเทความพยายามอย่างมากขุนนางใหญ่ในราชสำนักเหล่านั้น โดยเฉพาะขุนนางอาวุโส แต่ละคนมีฝีปา

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 936

    เซียวอวี้กับเซียวฉีเริ่มจะขัดแย้งกันเขานึกไม่ถึงว่า เซียวฉีจะใส่ร้ายเขาต่อหน้าจิ่วเหยียนเช่นนี้“วาดภาพ” อะไรกัน เขาจำสิ่งใดมิได้เลย!เซียวฉีเล่าออกมาเป็นเรื่องเป็นราว“ตอนที่เขาออกไปเที่ยวเล่นกับเหล่าเสด็จพี่ อาภรณ์ของทุกคนเรียบร้อยกันหมด ทว่าของเขามักจะทำขาดอยู่เสมอ ซ้ำยังขาดตรงส่วนก้นด้านหลัง จนเห็นกางเกงลายดอกไม้ยามเหมันต์ และเพราะกลัวเสด็จพ่อจะทรงดุ จึงต้องเดินถอยหลัง“พอโตขึ้นมาหน่อย เขาก็ชอบไปเล่นกับสาวน้อยนางกำนัล...”“พูดจาเพ้อเจ้อ! เราเคยทำเรื่องแบบนั้นที่ไหนกัน!” เซียวอวี้ไม่ยอมรับ จึงตะโกนเรียกเฉินจี๋ให้เข้ามาทันที เพื่อใช้กำลังขับไล่เซียวฉีออกจากตำหนักหย่งเหอองค์หญิงใหญ่มิยอมให้เซียวอวี้อยู่อย่างสงบ ขณะถูกพาตัวไป นางยังพยายามจะหันกลับมา พร้อมตะโกน“สาวน้อยนางกำนัลไม่ยอมเล่นกับท่าน ท่านยังแกล้งนอนคว่ำอยู่บนพื้น ฮองเฮา เขายังชักดิ้นชักงอด้วย!”สีหน้าของเซียวอวี้หม่นคล้ำราวกับน้ำหมึก“ปิดปากนางไว้!”ชายหญิงมิควรแตะเนื้อต้องตัวกัน เฉินจี๋ตื่นตระหนกจนมิรู้จะใช้วิธีใด จึงรีบทำให้ตัวคนหมดสติทันทีก่อนองค์หญิงใหญ่จะหมดสติ ก็ยังเหลือกตาขาวในตำหนักชั้นในขณะที่เซียว

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 935

    ราชทูตจากแคว้นต่าง ๆ มาโดยพร้อมเพรียง และเข้าพักในโรงพักแรมเหล่าราษฎรได้ยินเรื่องนี้ ภายใต้แรงผลักดันจากความโกรธแค้น จึงรวมตัวกันไปก่อจลาจลที่โรงพักแรม เพื่อต้องการจะสั่งสอนกลุ่มราชทูตเหล่านั้นยังมีชาวยุทธภพบางส่วน อาศัยวิทยายุทธ์อันแข็งแกร่ง พยายามบุกเข้าไปในโรงพักแรมพวกเขาจับราชทูตมัดไว้ และพาออกไปด้านนอก เพื่อให้เหล่าราษฎรได้ขว้างปาผักเน่า และด่าประณามเหล่าราชทูตมิกล้าต่อต้าน และมิอาจต่อต้านได้ด้วยราชทูตของต้าเซี่ยมิอาจทนต่อความอัปยศอดสูเช่นนี้ได้“ราษฎรเลวทราม! ราษฎรเลวทราม!! ข้าเป็นราชทูต พวกเจ้าทำกับข้าเช่นนี้ไม่ได้!”สิ่งที่เขาได้รับจากการขัดขืน คือฝ่ามือของเหล่าราษฎรเป็นเพราะคนเหล่านี้ ที่เกือบจะทำให้หนานฉีต้องล่มสลายพวกเขายังมีหน้ามาหนานฉีอีกหรือ?เหล่าราษฎรระบายความโกรธอยู่พักหนึ่ง ไม่นานก็ถูกทางการปราบปราม เหล่าราชทูตจึงได้รับการช่วยเหลือ แต่ละคนใบหน้าปูดบวมเขียวช้ำ สติมึนงงณ หอสุราใกล้เคียง ภายในห้องส่วนตัวบนชั้นสองราชทูตสองคนของแคว้นตงซานยืนอยู่ริมหน้าต่าง มองเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นด้านนอกโรงพักแรมหนึ่งในนั้นรู้สึกโชคดี“ท่านแม่ทัพหยวน โชค

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 934

    เช้าวันรุ่งขึ้น เมื่อเซียวอวี้ตื่นขึ้นมา ก็ไม่เห็นเงาของเฟิ่งจิ่วเหยียนแล้วคงจะตื่นเช้าไปฝึกยุทธ์อีกเป็นแน่เซียวอวี้เปลี่ยนอาภรณ์ด้วยตนเอง มิได้ให้ผู้ใดมารับใช้หลิวซื่อเหลียงยกอ่างน้ำร้อนเข้ามา “ฝ่าบาท ฮองเฮาทรงเสด็จไปที่คุกเทียนเหลาตั้งแต่เช้าแล้วพ่ะย่ะค่ะ”เซียวอวี้ขมวดคิ้วมุ่นนางไปคุกเทียนเหลาด้วยเหตุใด?ณ คุกเทียนเหลาระหว่างเฟิ่งจิ่วเหยียนกับถานไถเหยี่ยน มีเพียงประตูคุกคั่นอยู่หนึ่งบานถานไถเหยี่ยนนั่งสงบนิ่งอยู่ข้างกำแพง บนกำแพงที่อยู่ด้านหลังยังสลักภาพ “ใยแมงมุม” ไว้ ภายใต้แสงเงา ยิ่งขับเน้นให้เขาดูเยือกเย็นเป็นพิเศษ“ฮองเฮาเสด็จมาเอง คิดว่าคงมิได้มาเพื่อพูดคุยความหลังกับข้ากระมัง”แววตาของเฟิ่งจิ่วเหยียนดูดุดัน“แคว้นตงซานส่งราชทูตมาที่หนานฉี ก็เพื่อช่วยเหลือเจ้า”สีหน้าของถานไถเหยี่ยนดูเป็นปกติ“จะช่วยข้า หรือจะสังหารข้า ก็ไม่ต่างกัน”ดูเหมือนเขาจะถอดใจแล้ว เฟิ่งจิ่วเหยียนถามขึ้นในทันที “อาจารย์เต็มใจจะอยู่ที่หนานฉีหรือไม่”ถานไถเหยี่ยนรู้สึกประหลาดใจ หลังจากตะลึงงันอยู่ชั่วขณะ ก็เงยหน้าขึ้นมองนางเห็นนางมีสีหน้าจริงจัง ไม่เหมือนพูดหยอกล้อ“ฮองเฮา ทรงมิอ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 933

    ในเมื่อเป็นสามีภรรยากัน เฟิ่งจิ่วเหยียนก็ไม่มีสิ่งใดต้องปิดบังต่อเซียวอวี้ นางจึงบอกตามความจริง“ก็แค่จดหมายเพคะ”เซียวอวี้เลือกหยิบจดหมายขึ้นมาหนึ่งฉบับ เห็นบนนั้นเขียนว่า---[อาเหยียนที่รัก]สีหน้าของเขาพลันเปลี่ยนเป็นเย็นชา จากนั้นฝืนข่มความรู้สึกไม่พอใจนั้นไว้ และหันมายิ้มให้เฟิ่งจิ่วเหยียนพร้อมถามว่า“นี่ต้วนไหวซวี่เป็นคนเขียนทั้งหมดหรือ?”หว่านชิวยืนอยู่ด้านข้าง เหมือนจะรับรู้บางอย่าง ทว่าก็ยังไม่แน่ชัด และยังไม่เข้าใจหลังจากเฟิ่งจิ่วเหยียนเหลือบมองที่เซียวอวี้ ก็หันไปพูดกับหว่านชิว “เจ้าออกไปก่อน”“เพคะ ฮองเฮา”ในตำหนักชั้นในไม่มีผู้อื่น เหลือเพียงฮ่องเต้กับฮองเฮาสองคนเท่านั้นเฟิ่งจิ่วเหยียนหยิบจดหมายฉบับนั้นมาจากมือเซียวอวี้ และเอ่ยอย่างจริงจัง“เรื่องในอดีต ฝ่าบาทจักสนพระทัยไปไยเพคะ”เซียวอวี้กลับคว้าข้อมือของนางไว้ “เราอยากอ่าน”เขาดูท่าทางจริงจังอย่างมาก “เราอยากรู้ว่า ในจดหมายของเขา เขียนอะไรบ้าง และยิ่งอยากรู้ว่า เจ้าตอบเขาว่าอย่างไร”เฟิ่งจิ่วเหยียนขมวดคิ้วเล็กน้อย“ฝ่าบาท...”เซียวอวี้เอ่ยแทรกคำพูดของนาง มองนางด้วยสายตาที่ยากจะเข้าใจ พร้อมกับย้อนถาม“ม

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 932

    หลายวันก่อนเหล่าราชทูตก็ทยอยกันมาถึงแล้ว กำลังรอให้ฮ่องเต้ฉีเรียกเข้าเฝ้า เพื่อเจรจาเรื่องชดเชยการสงบศึกพวกเขามิอาจรบได้อีก และมิอาจเดิมพันได้ไหวหากหนานฉีโจมตีแว่นแคว้นของพวกเขาจริง ๆ จักต้องล่มสลายเป็นแน่ไม่เพียงแต่แคว้นเล็ก ๆ ที่ผู้คนรู้สึกว่ากำลังตกอยู่ในอันตราย แคว้นใหญ่อย่างต้าเซี่ยก็เช่นเดียวกันราชทูตต้าเซี่ยต้องการจะเข้าเฝ้าองค์หญิงใหญ่ เพราะหวังว่าองค์หญิงใหญ่จะออกหน้า ประสานความสัมพันธ์ระหว่างสองแคว้นทว่า แม้แต่ประตูจวนองค์หญิงใหญ่พวกเขาก็ยังมิอาจเข้าไปได้เหล่าราชทูตอยู่รวมกัน ต่างมองหน้ากัน และถอนหายใจพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย“เฮ้อ!”“ทุกท่าน พวกท่านจะยอมจำนนต่อข้อเรียกร้องของหนานฉี ยอมยกดินแดนตามที่พวกเขาต้องการจริงหรือ?”“แล้วจะอย่างไร? พวกเรายังมีทางเลือกอื่นอีกหรือ?”“พวกเรามิใช่เป่ยเยี่ยน ไม่มีกองกำลังมากพอที่จะต่อสู้กับหนานฉีได้ การสงบศึกถึงจะรับประกันความสงบสุขได้”เหล่าราชทูตสีหน้าซีดเผือด ราวกับแบกภูเขาลูกใหญ่ หายใจแทบไม่ออกหากรู้แต่แรกว่าจะเป็นเช่นนี้ ตอนนั้นคงจะไม่เข้าร่วมกับการสู้รบครั้งนี้......จันทราลอยอยู่บนกิ่งไม้ ม่านราตรีมาเยือนงานเลี

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 931

    เฟิ่งจิ่วเหยียนสังเกตว่า หลังจากเซียวอวี้ได้พบกับอาจารย์ศิษย์ทั้งสองคน หลายวันต่อมาหลังจากนั้นดูเหมือนในใจมีเรื่องครุ่นคิด คิ้วขมวดปมไม่คลาย คิดดูแล้วอาจจะวิตกกังวลเรื่องของมนุษย์โอสถขณะที่นางขี่ม้าอยู่ด้านหน้าเพื่อเปิดทาง จะรู้สึกอยู่เสมอว่ามีสายตาหนึ่งกำลังจ้องมองนางเมื่อหันกลับมา ก็มองเห็นเพียงเซียวอวี้ ใบหน้าเขาไม่แสดงอารมณ์ใด ๆ ดวงตาดำคล้ำคู่นั้นลึกล้ำยากจะหยั่งถึง มองไม่ออกว่าเขากำลังคิดสิ่งใดอยู่ต้นเดือนเจ็ดกองทัพใหญ่ได้รับชัยชนะ และกลับมาถึงเมืองหลวงผู้คนในเมืองหลวงพากันออกจากบ้านเรือน มายืนอยู่ริมถนนสายหลักเพื่อต้อนรับกองทัพใหญ่ชาวบ้านต่างเปล่งเสียงด้วยความยินดี“ฝ่าบาททรงพระเจริญหมื่นปี!”“ฮองเฮาทรงเกรียงไกร!”เด็กตัวเล็ก ๆ ก็ถูกพ่อแม่จับยกขึ้นเหนือศีรษะ เพื่อมองดูฉากเหตุการณ์อันยิ่งใหญ่ผู้คนพากันพูดปากต่อปาก“ว่ากันว่าฝ่าบาททรงนำทัพด้วยพระองค์เอง จนพลิกสถานการณ์เลวร้าย แก้ไขวิกฤตในเมืองเซวียน ทหารกองทัพศัตรูก็ถูกจับกุมทั้งหมด”“ชายแดนเหนือกับชายแดนตะวันออกสร้างการป้องกันขึ้นมาใหม่! แคว้นต่าง ๆ ถูกหนานฉีพวกเราตีพ่ายจนหวาดกลัว คงมิกล้ามารุกรานอีกเป็นแน่!”

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 930

    ห้องชงชาในโรงพักแรมหมอทหารและลูกศิษย์ถูกพาเข้ามา ทำความเคารพฮ่องเต้บนพระที่นั่งหลักเซียวอวี้ล้างมืออย่างง่าย ๆ ใส่เสื้อคลุมสบาย ๆ แต่มิอาจปกปิดรังสีสูงส่งของฮ่องเต้ได้ ผมดำขลับมัดรวบด้วยผ้ายาวประดับมุขขาว คิ้วคมเด่นชัด ดูแข็งแรงกำยำ“ในเมื่อเป็นหมอทหาร เหตุใดไม่ตามกองทัพใหญ่ไป แต่กลับแอบหนีมาที่แห่งนี้?” เมื่อเผชิญกับคำซักถามของฮ่องเต้ หมอทหารก็อธิบายอย่างไม่เร่งรีบ“ทูลฝ่าบาท ข้าน้อยได้รับคำสั่งในยามคับขัน หาใช่หมอทหารที่แท้จริงไม่”สิ้นคำกล่าว ก็มีคนเดินเข้ามาในห้องชงชา“ฝ่าบาท” ผู้มาคือเฟิ่งจิ่วเหยียนเมื่อเซียวอวี้เห็นนาง ก็รีบลุกขึ้น น้ำเสียงฟังดูตำหนิเล็กน้อย“ทำไมไม่นอนอีก?”เฟิ่งจิ่วเหยียนโค้งให้เขาเล็กน้อย จากนั้นก็นั่งลงพร้อมกับเขา แนะนำอาจารย์กับลูกศิษย์สองคนนั้นอย่างเป็นทางการ“เรื่องนี้หม่อมฉันเลินเล่อเอง ฝ่าบาท ตอนนั้นหม่อมฉันประสบภัยในภูเขาหิมะเทียนฉือ และได้รับการช่วยเหลือจากพวกเขา”สีหน้าของเซียวอวี้ผ่อนคลายลง ไม่ดุดันเหมือนก่อนหน้านี้เขารีบออกคำสั่ง“ที่แท้ก็เป็นสองคนนี้นี่เอง เชิญนั่ง”หมอเทวดาเฒ่ารีบโค้งคำนับ“มิได้เด็ดขาดพ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท ข้าน้

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status