แชร์

ฝาแฝดจากยุคอดีต 1.1

ผู้เขียน: จ้าวฮุ่ยอิง
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-01-03 01:40:27

ยุคอดีต

 “อันอัน!!!” สุรเสียงรับสั่งชื่อเล่นสตรีที่ช่วยชีวิตพระองค์ พร้อมพระหัตถ์ยื่นออกไปราวกับว่าพยายามจะไขว่คว้านางมีอันต้องหยุดชะงักโดยพลัน 

 ห้องพักในยุคอนาคตค่อยๆ แปรเปลี่ยนกลายเป็นภายในกระโจมที่ประทับเข้ามาแทนที่ พระหัตถ์ยังคงยกค้างอยู่เช่นนั้นโดยที่องค์ชายหนุ่มมิทรงขยับพระวรกายเคลื่อนไหวแม้แต่น้อย พระเนตรนิลกาฬจับจ้องอยู่แต่ทิศทางซึ่งตรงกับประตูห้องพักในโลกอนาคตอยู่เช่นนั้นนิ่งนาน

 ก่อนจะรู้สึกพระองค์เมื่อทรงได้ยินเสียงของเหล่าทหารดังอยู่นอกกระโจม

“รีบเข้าไปในกระโจมเร็วเข้า! ได้ยินเสียงท่านรองแม่ทัพเรียกองค์ชายใหญ่เอ็ดอึงไปหมด” 

สิ้นเสียงพูดคุย ทหารชั้นนายกองจำนวนหลายนายเปิดผ้ากระโจมซึ่งปิดประตูทางเข้าออกอย่างรวดเร็ว ติดตามด้วยเสียงที่บ่งบอกว่าดีใจมากมายยิ่งนัก

“องค์ชายใหญ่เสด็จกลับมาแล้ว! พระองค์ทรงหายไปไหนมาพ่ะย่ะค่ะ!” เหล่านายกองต่างพากันส่งเสียงเอ็ดอึงเป็นการใหญ่ ก่อนจะพากันยืนแปลกใจไปตามๆ กันเมื่อเห็นร่างของรองแม่ทัพยืนนิ่งไม่ไหวติงอยู่เช่นนั้น

“ท่านรองแม่ทัพ! เหตุไฉนจึงยืนนิ่งราวกับหินเช่นนี้… หรือว่า!!!” 

นายกองแต่ละนายหันกลับมามองหน้ากันทันที ทุกสายตาเหลือบไปเห็นหน้ากากสีเงินถูกถอดวางเอาไว้บนโต๊ะรูปทรงประหลาดไม่เคยเห็นที่ใดมาก่อน ในขณะที่พระพักตร์องค์ชายของตนไร้สิ้นหน้ากากปิดบัง มองเห็นเพียงด้านหลังเต็มไปด้วยพระเกศาสีดำสนิทยาวสยายจนถึงบั้นพระองค์และนั่นทำให้ล่วงรู้โดยพลันขึ้นมาทันที พร้อมเสียงขององค์ชายอิ๋งหยางมีรับสั่งแทรกขึ้นมา   “พวกเจ้านำร่างของรองแม่ทัพไปจัดพิธีศพให้เรียบร้อย แล้วรีบออก ไปนอกกระโจมซะ!เพราะข้ายังไม่ได้สวมหน้ากาก” สุรเสียงรับสั่งแหบแห้งแต่มิได้อิดโรยแต่ประการใด พระเนตรปิดลงทันที เมื่อคนใกล้ตัวจบชีวิตลงอย่างไม่คาดฝันอีกแล้ว

“พ่ะย่ะค่ะ!” เหล่านายกองรีบรับพระบัญชาอย่างรวดเร็ว

ร่างของรองแม่ทัพที่ยืนแข็งทื่อสิ้นลมหายใจด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม ดวงตาเบิกกว้างหากแต่แฝงเร้นความยินดีอย่างเห็นได้ชัด เมื่อก่อนตายได้พานพบองค์ชายของตน โดยมิรู้ตัวเลยว่า ชะตาได้มาถึงฆาตแล้วทันทีที่บุรุษซึ่งเกิดมาพร้อมกับดวงพิฆาตหายจากอาการบาดเจ็บ กลับมาเป็นปกติดั่งเดิม บาดแผลจากกระสุนปืนจากยุคอนาคตถูกนำออกจากพระวรกายและได้รับการรักษาด้วยตัวยาทันสมัยมากมาย ทำให้พระอาการทุเลาลงไปชั่วพริบตา

ครั้นได้พานพบพระพักตร์ซึ่งปราศจากหน้ากากปกปิดครั้งนี้ ในสภาพที่เต็มไปด้วยพระสติที่หวนคืนกลับมาอย่างสมบูรณ์ จึงทำให้รองแม่ทัพหนุ่มสิ้นชีพวิบัติลงไปโดยมิรู้ตัว ทั่วร่างแข็งราวดั่งหินขึ้นมาโดยพลันเมื่อได้สบพระพักตร์พร้อมลมหายใจหลุดลอย

ครั้นภายในกระโจมมีแต่ความเงียบงันหลังจากเหล่านายกองนำร่างไร้วิญญาณของรองแม่ทัพและยังเป็นองครักษ์คนสนิทของพระองค์ออกไปแล้ว เปลือกพระเนตรที่ปิดอยู่ในขณะนั้นค่อยๆ เปิดขึ้นอย่างช้าๆ 

“ในที่สุดก็หามีผู้ใดรอดชีวิตเมื่อได้พานพบใบหน้าของข้า หามีผู้ใดรอดสักคน!” สุรเสียงรับสั่งเต็มไปด้วยความหดหู่เป็นยิ่งนัก สายพระเนตรเต็มไปด้วยความหม่นหมอง 

แต่แล้วเพียงครู่พระเนตรสีนิลกาฬแปรเปลี่ยนไปโดยพลัน พร้อมเบิกกว้างขึ้นมาทันที พระหัตถ์ยกขึ้นสัมผัสกับพระพักตร์ของพระองค์ครั้นทรงจดจำเสียงกระซิบแผ่วชิดริมหู

“ฉันขออนุญาตถอดหน้ากากออกก่อนนะท่านแม่ทัพ จะรีบเช็ดตัวให้ ไข้จะได้ลด”

ถ้อยประโยคดังกล่าวทรงได้ยินอย่างชัดเจนในสภาวะครึ่งหลับครึ่งตื่น

“อีกไม่นานจุดจบของนางก็คงไม่พ้นเหมือนดั่งเช่นผู้อื่น ขึ้นอยู่กับว่าจะตายช้าหรือเร็วเท่านั้น แต่อย่างน้อยการที่ได้พบใบหน้าของข้าในสภาพที่ไร้สติก็ยังสามารถอยู่ต่อได้อีกหลายวัน มิต้องจบชีวิตทันทีที่พบครั้นข้ากลับมาเป็นปกติดั่งเดิม" รับสั่งพึมพำพลางส่ายพระพักตร์ไปมา

"แต่ข้าจะอาลัยชีวิตนางไปทำไมเล่า ในเมื่อทุกสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเพียงแค่ความฝันเท่านั้น หาใช่เรื่องจริงที่เกิดขึ้นแม้แต่น้อย” รับสั่งพร้อมสลัดผ้าห่มออกจากพระวรกายแต่แล้วกลับต้องหยุดชะงักทันที

ครั้นพระหัตถ์สัมผัสถูกผ้าที่คลุมพระวรกายใหญ่เอาไว้ในขณะนี้ ผ้าห่มผืนน้อยค่อยๆ ถูกยกขึ้นมาทอดพระเนตรใกล้ๆ ด้วยความแปลกพระทัย ผืนผ้าเนียนนุ่มส่งกลิ่นหอมของดอกไม้แห้งที่นำมาอบจนฟุ้งกระจายและหอมทนทานนานหลายวันเลยทีเดียว

พระหัตถ์สัมผัสถึงความนุ่มเนียนของเนื้อผ้าได้อย่างชัดเจน ก่อนจะก้มลงทอดพระเนตรพระวรกายของพระองค์พร้อมสำรวจอย่างละเอียดถี่ถ้วน และพบว่าหลังพระหัตถ์ถูกเข็มเงินขนาดย่อมปักเสียบคาอยู่พร้อมแผ่นแปลกประหลาดปิดทับลงบนก้อนปุยสีขาว เท่านั้นยังไม่พอบริเวณข้อพับก็มีลักษณะเช่นเดียวกัน พระพักตร์อันปราศจากหน้ากากปิดบังรีบหันกลับไปทอดพระเนตรสายระโยงระยางที่ต่อจากเข็มเงินดังกล่าวทันที

“นี่มันคืออะไร!” รับสั่งออกมาทันใด

ราวไม้อเนกประสงค์ซึ่งจางเพ่ยอันนำมาใช้แขวนถุงน้ำเกลือและขวดยาสำหรับใช้ในการรักษามากมายยังคงห้อยค้างเอาไว้อยู่เช่นนั้น ขวดยาแก้อักเสบและยาฆ่าเชื้อหมดลงไปแล้ว เหลือเพียงน้ำเกลือที่ยังคงหยดลงมาตามจังหวะที่ถูกปรับอยู่ซึ่งเหลืออีกเพียงเล็กน้อยก็จะหมด

ภาพสตรีสาวร่างระหงที่เดินวนเวียนอยู่รอบพระวรกาย และคอยเช็ดเนื้อเช็ดตัวดูแลพระองค์ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาในขณะที่ทรงอยู่ในภาวะครึ่งหลับครึ่งตื่น ซึ่งในขณะนั้นทรงทอดพระเนตรทุกสิ่งทุกอย่างได้เพียงเลือนรางเท่านั้น เหตุการณ์ดังกล่าวเริ่มผุดขึ้นในความทรงจำขึ้นมาทันที

“ข้าไม่ได้ฝันไป! แต่นางมารักษาอาการบาดเจ็บข้าจริง! นางมีตัวตนจริงๆ ข้าไม่ได้ฝัน! ไม่ได้ฝัน!” สุรเสียงเพียรเฝ้ารับสั่งอยู่เช่นนั้น 

พระพักตร์ที่มิเคยปรากฏรอยยิ้มเลยสักครากลับเกิดขึ้นเป็นครั้งแรกเมื่อทรงล่วงรู้แล้วว่า ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับพระองค์หาใช่ความฝันแต่นั่นคือเรื่องจริงที่เกิดขึ้น ครั้นทรงเหลือบไปพบโต๊ะข้างเตียงจากโลกอนาคตปรากฏอยู่ข้างแท่นพระบรรทมยิ่งทำให้ทรงมั่นพระทัยมากยิ่งขึ้นไปกว่าเดิม อุปกรณ์ในการรักษายังคงวางไว้อยู่บนโต๊ะรวมไปถึงถุงผ้าที่เต็มไปด้วยตัวยาทันสมัยมากมายวางอยู่ด้านล่างก็ปรากฏให้พระองค์ได้ทอดพระเนตรเช่นเดียวกัน

“นางเป็นชาวแคว้นใดเล่า เหตุใดแคว้นนั้นช่างแปลกประหลาดเสียจริง ข้าวของเครื่องใช้แลดูชอบกลนัก ราวกับว่ามิใช่สิ่งที่ปรากฏในเวลานี้แต่อย่างใด” รับสั่งพึมพำก่อนจะทอดพระเนตรปิ่นหยกที่เพิ่งทำเสร็จวางไว้อยู่บนโต๊ะข้างเตียง

พระหัตถ์เอื้อมไปหยิบปิ่นหยกนำมาทอดพระเนตรใกล้ๆ อย่างละเอียด และทรงพบว่าปิ่นหยกตรงพระพักตร์ที่มีพระบัญชาให้ทำขึ้นมานั้น มีลวดลายและขนาดเหมือนกับที่สตรีประหลาดมีไว้ในครอบครอง

“เหตุใดปิ่นหยกที่ข้าสั่งให้ทำขึ้น ใยช่างเหมือนกับของสตรีผู้นั้นมีไว้ในครอบครองนักเล่า แล้วเหตุใดปิ่นของนางจึงสูญสลายหายไปต่อหน้าข้า ทันทีที่ปิ่นนี้มาปรากฏเคียงคู่ ช่างประหลาดเสียจริง” รับสั่งเต็มไปด้วยความสงสัยอย่างยิ่งยวด

“แต่ถึงอย่างไรเสียปิ่นหยกอันนี้ก็ทำขึ้นเหมือนกับปิ่นของนางอย่างไม่น่าเชื่อ เช่นนั้นปิ่นของนางที่เคยครอบครองก็ไม่มีอีกต่อไปแล้วน่ะสิ มีเพียงของข้าเท่านั้นที่ยังคงอยู่” รับสั่งพลางกำปิ่นหยกไว้ในพระหัตถ์พร้อมรอยแย้มเยือนยิ้มออกมาบางๆ ปรากฏออกมาเป็นครั้งที่สองครั้นทรงนึกถึงสตรีที่ครอบครองปิ่นหยกที่เหมือนกับพระองค์

“นี่ข้ากำลังยิ้มอยู่หรือนี่!” รับสั่งออกมาทันทีครั้นทรงรู้สึกองค์ ความรู้สึกในยามนี้ยากเกินกว่าจะพรรณนาออกมาได้ว่าเป็นเยี่ยงไร

“เจ้าเป็นคนที่ทำให้ข้ามีรอยยิ้มปรากฏขึ้นเป็นครั้งแรกในชีวิต อันอัน ข้าอยากรู้ยิ่งนักว่าเจ้ามาจากที่แห่งหนใด ใยจึงเต็มไปด้วยปริศนาและแปลกประหลาดเสียจริง” รับสั่งด้วยความสงสัยมิรู้คลาย

“ทหาร!! เข้ามาหาข้า” รับสั่งพร้อมเอื้อมพระหัตถ์หยิบหน้ากากสีเงินที่วางอยู่บนโต๊ะรูปทรงประหลาดจากโลกอนาคต นำขึ้นมาปกปิดพระพักตร์หล่อเหลา งดงามรัญจวนจิตราวอิสตรีเอาไว้ดั่งเดิม

เพียงครู่ทหารรับใช้รีบก้าวเข้ามาภายในกระโจมที่ประทับจำนวนสองนายเพื่อรอรับคำสั่งแม่ทัพใหญ่

“ไปตามบรรดานายกองและรองแม่ทัพที่เหลือให้มาพบข้าเดี๋ยวนี้!” สุรเสียงสั่งการออกไปทันที

“พ่ะย่ะค่ะ!!” ทหารรับใช้ขานรับอย่างแข็งขัน หากแต่ยังมิทันหันหลังกลับสุรเสียงดังแทรกขึ้น

“เดี๋ยว!!” รับสั่งเรียกรั้งเอาไว้

ทหารรับใช้สองนายหันกลับมาทันทีด้วยความหวาดหวั่น เมื่อบรรดานายกองที่เพิ่งนำร่างไร้วิญญาณของรองแม่ทัพออกไปจากกระโจม ต่างบอกเล่ากันว่าจู่ๆ แม่ทัพใหญ่ก็ปรากฏพระวรกายภายในกระโจมที่ประทับ ทั้งๆ ที่ตลอดสามวันที่ผ่านมา เหล่าทหารต่างพากันค้นหาแทบพลิกแผ่นดิน 

อีกทั้งภายในกระโจมก็ถูกค้นทุกซอกทุกมุมอย่างละเอียด แต่จู่ๆ ก็ทรงปรากฏพระวรกายขึ้นมาเอง มิหนำซ้ำพระอาการบาดเจ็บบรรเทาเบาบางลงไปอย่างเห็นได้ชัด แต่ที่ยังคงเหมือนเดิมนั่นก็คือทันทีที่ผู้คนได้พานพบพระพักตร์ของพระองค์ก็ต้องจบชีวิตลงอย่างไม่รู้ตัวดั่งเช่นรองแม่ทัพคนสนิท

“พระองค์มีพระประสงค์สิ่งใดอีกพ่ะย่ะค่ะ” หนึ่งในทหารรับใช้กราบทูลถามกลับไปด้วยท่าทีหวาดหวั่น

พระวรกายใหญ่ทำท่าจะลุกขึ้นจากแท่นพระบรรทม แต่แล้วกลับต้องหยุดชะงักเมื่อเข็มเงินที่เสียบอยู่หลังพระหัตถ์และข้อพับดึงรั้งเอาไว้จนรู้สึก พระพักตร์ภายใต้หน้ากากสีเงินหันกลับไปทอดพระเนตรราวแขวนอเนกประสงค์ที่แขวนถุงน้ำเกลือพร้อมสายระโยงระยางทำให้พระดำเนินไปมาไม่สะดวก ก่อนจะทรุดพระวรกายลงประทับนั่งตามเดิม

“เรียกสายข่าวให้มาพบข้าให้หมด!” รับสั่งกลับไปก่อนจะนึกอะไรขึ้นมาได้

“อ่อ... ไปบอกโรงครัวให้เตรียมอาหารสำหรับข้า! เยอะๆ หน่อยนะเพราะข้าหิว!” รับสั่งในสิ่งที่พระองค์ต้องการ

“พ่ะย่ะค่ะ” ทหารรับใช้ทั้งสองนายรีบขานรับพร้อมหันหลังกลับเดินออกจากกระโจมไปอย่างรวดเร็ว

ในขณะที่องค์ชายหนุ่มหันกลับไปทอดพระเนตรสายระโยงระยางและเข็มสีเงินที่เสียบอยู่ในขณะนั้น พระหัตถ์ลงมือจัดการกระชากเข็มเงินที่เสียบติดอยู่กับพระวรกายออกมาทันที 

พรืด! พรืด! เข็มที่นำน้ำเกลือและตัวยาจากยุคอนาคตถูกพระหัตถ์ขององค์ชายหนุ่มดึงออกไปอย่างรวดเร็ว ด้วยความรู้สึกรำคาญที่ไม่สามารถพระดำเนินไปไหนต่อไหนได้ ในขณะที่โลหิตแดงฉานไหลรินออกมาจากรูเข็มที่ถูกเจาะนั้นออกมาโดยพลัน ก่อนจะถูกพระองค์ใช้ผ้าที่วางอยู่บนโต๊ะข้างเตียงจากยุคอนาคตนำมาเช็ดพร้อมใช้นิ้วพระหัตถ์กดเอาไว้เพื่อห้ามพระโลหิตมิให้ไหลออกมา

พระหัตถ์ยกเข็มที่ถูกดึงออกจากพระวรกายทอดพระเนตรด้วยความแปลกพระทัยมากยิ่งขึ้นไปกว่าเดิม

“เข็มของเจ้าสามารถรักษาอาการบาดเจ็บของข้าได้อย่างน่าประหลาดยิ่งนัก ไม่น่าเชื่อว่าน้ำเหล่านี้จะมาจากสิ่งเล็กๆ อันน้อยนิดเช่นนี้”

รับสั่งพร้อมวางเข็มจากยุคอนาคตลงบนโต๊ะประหลาด ก่อนจะทอดพระเนตรข้าวของเครื่องใช้ รวมไปถึงตัวยามากมายที่วางอยู่บนโต๊ะข้างเตียงด้วยความสนพระทัยระคนสงสัย พลางเอื้อมพระหัตถ์หยิบถุงผ้าซึ่งวางอยู่ชั้นล่างสุดออกมาทอดพระเนตร และพระองค์ก็ทรงวุ่นวายกับการที่จะพยายามเปิดถุงผ้าที่ถูกรูดซิบเอาไว้อย่างแน่นหนาอยู่เช่นนั้น

บทที่เกี่ยวข้อง

  • แม่ทัพร้ายโหยหารัก   ฝาแฝดจากยุคอดีต 1.2

    ในขณะเดียวกัน ช่วงเวลานี้ราชวงศ์โจวซึ่งเคยปกครองแคว้นต่างๆ มากมายเริ่มเสื่อมถอย ไร้สิ้นอำนาจปกครองแคว้นน้อยใหญ่ในเวลานี้ได้แต่อย่างใด หลังจากกษัตริย์โจวผิงหวางย้ายเมืองหลวงมาอยู่ที่ลั่วอี้ (ลั่วหยาง) ดินแดนทางทิศตะวันตกทั้งหมดตกเป็นของแคว้นฉิน ซึ่งได้ผนวกแคว้นหรือดินแดนชนเผ่าหรงจู่ซึ่งอยู่ชายแดนราชวงศ์โจวกลายเป็นมหาอำนาจทางตะวันตก ในขณะที่ดินแดนซานซีเป็นของแคว้นจิ้น ดินแดนซานตงเป็นของแคว้นฉู่และแคว้นหลู่ ดินแดนหูเป่ยเป็นของแคว้นฉู่ ดินแดนเป่ยจิงและหูเป่ยตอนเหนือเป็นของแคว้นเยี้ยน ต่อมาดินแดนทางตอนใต้แม่น้ำฉางเจียง (แม่น้ำแยงซีเกียง) เป็นของแคว้นอู๋และแคว้นเย่วและแคว้นอื่นๆ หลังจากแคว้นใหญ่ๆ ทั้งหมดผนวกเอาแคว้นเล็กๆ ในราชวงศ์โจวมาเป็นดินแดนของตน ทำให้เริ่มมีอำนาจมากขึ้นเปลี่ยนเป็นแคว้นใหญ่ และเริ่มต้นเปิดฉากที่มาของสงครามแห่งการแย่งชิง เต็มไปด้วยความโหดร้ายของการแก่งแย่งอำนาจกันของแคว้นใหญ่ๆ เพื่อแย่งชิงความเป็นใหญ่ ซึ่งในเวลานี้แคว้นใหญ่ที่มีอำนาจและแผ่ขยายอิทธิพลไปทั่วหล้ามีด้วยกันสิบแคว้น อันได้แก่ แคว้นฉู่ แคว้นฉี แคว้นจิ้น แคว้นเอี้ยน แคว้นเยี่ยน แคว้นเยว่ แคว้นเจิ้

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-03
  • แม่ทัพร้ายโหยหารัก   ฝาแฝดจากยุคอดีต 1.3

    บริเวณชายป่า ขบวนเสด็จของว่าที่ฮองเฮาบัดนี้ได้ตั้งกระโจมที่ประทับบริเวณเขตชายป่าดงดิบของเมืองผิงหยาง โดยเลือกตั้งกระโจมใกล้กับลำธารเพื่อสามารถใช้เป็นสถานที่อาบน้ำชำระล้างกายและกักเก็บน้ำสะอาดไว้ใช้ดื่มในระหว่างการเดินทาง ด้วยต้องใช้เวลาอีกสองวันก็จะถึงเมืองหยงซึ่งเป็นเมืองหลวง ด้วยอาณาเขตพื้นที่ของเมืองผิงหยางกว้างใหญ่พอๆ กับเมืองหยง จึงต้องใช้เวลาในการเดินทางพอสมควร อีกทั้งเส้นทางหลักเกิดดินถล่มทำให้ไม่สามารถผ่านไปได้ จำเป็นต้องใช้เส้นทางอ้อมขุนเขาจึงจะเข้าสู่เขตเมืองหยง ท่ามกลางป่าดงดิบและสัตว์ป่าที่ออกมาหาอาหาร ต่างเดินมาให้เห็นอยู่เป็นระยะๆ กวางตัวขนาดใหญ่ถูกล่ามาทำเป็นอาหารในค่ำคืนนี้ โดยทีมล่าคือองครักษ์ทั้งหกนายขององค์ชายสามอิ๋งเฟิ่ง เริ่มลงมือตามแผนที่วางเอาไว้เพื่อลอบสังหารจางเจี๋ยอี้ ว่าที่ฮองเฮาพระองค์ใหม่ในค่ำคืนนี้ กวางเลิศรสถูกย่างจนเกรียมส่งกลิ่นหอมฟุ้ง ถูกตัดแบ่งแจกจ่ายให้กับทุกคนอย่างทั่วถึงโดยหารู้ไม่ว่าในเนื้อกวางดังกล่าวได้วางยาทำให้หลับอย่างแรงซึ่งได้มาจากแคว้นเอี้ยนของพระชายารองซึ่งเป็นองค์หญิงแห่งแคว้น และพระนางเพิ่งได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเป็นพร

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-03
  • แม่ทัพร้ายโหยหารัก   ฝาแฝดจากยุคอดีต 1.4

    ในขณะเดียวกัน ยุคปัจจุบัน ร่างไร้วิญญาณของโฉมงามล่มแคว้น ถูกเชือกมัดรอบกลางลำตัวติดกับหินขนาดใหญ่เพื่อใช้ถ่วงน้ำหนัก วางทับไว้บนร่างโดยมีบุรุษชุดดำอุ้มส่วนหัวและปลายเท้า เหวี่ยงไปมาติดๆ กันอยู่เพียงครู่ก่อนจะโยนลงไปในแม่น้ำทันที ตูม!!! ร่างนั้นจมดิ่งลงสู่ก้นแม่น้ำอันหนาวเย็นอย่างรวดเร็ว พร้อมเสียงเพรียกหาของจางเจี๋ยอี้เจ้าของร่างไร้วิญญาณดังกล่าวดังอยู่ใต้ก้นแม่น้ำนั้น “อันอัน! อันอัน!” เสียงเพรียกหาน้องสาวฝาแฝดออกมาจากดวงวิญญาณของจางเจี๋ยอี้ ดังกึกก้องไปทั่วบริเวณ “อันอัน! ตื่นได้แล้ว!” เสียงเรียกปลุกให้ตื่นจากภวังค์แห่งการหลับใหล เฮือกกก!!! จางเพ่ยอันสะดุ้งจนสุดตัว ดวงตาเปิดขึ้นพร้อมกะพริบตาปริบๆ มองไปรอบบริเวณ และพบว่าเธอกำลังนั่งอยู่บนรถตู้ของศูนย์วิจัย และรถจอดนิ่งสนิทอยู่บนสะพานข้ามแม่น้ำหวงโหวเพื่อเดินทางกลับเข้านครซีอาน หลังจากออกสำรวจสุสานแห่งใหม่จนเสร็จสิ้นภารกิจ “ที่แท้ฉันก็ฝันไป! แต่ทำไมครั้งนี้ถึงได้ฝันเห็นอดีตชาติของตัวเอง ชาติที่แล้วเรามีฝาแฝดด้วยอย่างนั้นเหรอ แต่ทำไมพี่สาวของฉันถึงได้ตายอย่างน่าเวทนาเช่นนั้น ทำไมต้องถูกฆ่า! แล้วทำไมถึงเพิ่งมาเห็นเหต

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-03
  • แม่ทัพร้ายโหยหารัก   ฝาแฝดจากยุคอดีต 1.5

    เมื่อจู่ๆ จางเพ่ยอันก็หมดสติไปต่อหน้าต่อตาของเพื่อนร่วมงาน ร่างของหญิงสาวถูกช่วยชีวิตเบื้องต้นอย่างเร่งด่วนเพื่อทำให้เธอกลับมาหายใจได้อีกครั้ง ท่ามกลางสายตาของจางเพ่ยอันที่ยืนงงกับเหตุการณ์ตรงหน้า เมื่อรถฉุกเฉินของโรงพยาบาล มาถึงทันทีที่มีการแจ้งจากทีมงาน ทีมแพทย์ฉุกเฉินรีบช่วยกันปั้มหัวใจอย่างเร่งด่วนเพื่อให้คนไข้กลับมาหายใจได้ดั่งเดิม “หัวใจหยุดเต้นไปประมาณหนึ่งนาทีเศษๆ เห็นจะได้ ตอนนี้ปั้มหัวใจกลับคืนมาได้แล้วแต่อาการยังน่าเป็นห่วง ความดันต่ำยังไม่ยอมขึ้นเลย รีบนำขึ้นรถเร็วๆ เข้า” ทีมแพทย์ฉุกเฉินเอ่ยน้ำเสียงเคร่งเครียดก่อนจะรีบยกร่างของสาวน้อยวัยใสขึ้นเปล “นี่ฉันตายแล้วอย่างนั้นเหรอ” หญิงสาวเอ่ยออกมาทันทีเมื่อเห็นทีมแพทย์คลี่ผ้าสีขาวคลุมร่างของเธอเอาไว้อย่างมิดชิด ใบหน้าถูกสายออกซิเจนครอบเอาไว้เพื่อช่วยให้เธอได้หายใจสะดวก พร้อมยกร่างขึ้นไปไว้บนรถฉุกเฉินของโรงพยาบาล ท่ามกลางเสียงร่ำไห้ของเพื่อนร่วมงาน “ทำไมอันอันถึงได้เป็นแบบนี้... คุณหมอทำไมจู่ๆ ถึงได้ล้มฟาดพื้นทั้งยืนแบบนั้นคะ” หัวหน้าทีมวิจัยถามทีมแพทย์ช่วยเหลือด้วยความตื่นตระหนก “เป็นอาการหัวใจวายเฉียบพลันครับ เกิดข

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-03
  • แม่ทัพร้ายโหยหารัก   ฝาแฝดจากยุคอดีต 1.6

    ยุคอดีต ฮั่นจง เมืองชายแดนแคว้นฉิน จวนแม่ทัพ พระวรกายสูงใหญ่ขององค์ชายปีศาจอิ๋งหยาง ในฉลองพระองค์สีดำทะมึนทรงนั่งประทับภายในห้องพระบรรทม โดยมีหมอในเมืองฮั่นจง มาถวายการรักษาบาดแผลแปลกประหลาดที่อยู่บริเวณพระอุระ ผ้าพันแผลผืนใหม่ถูกนำมาพันรอบพระวรกายใหญ่ด้วยมืออันสั่นเทาของคนเป็นหมอ เมื่อต้องถวายการรับใช้องค์ชายปีศาจซึ่งเป็นที่เลื่องลือไปทั่วทุกแคว้น “เจ้ากลัวข้ามากอย่างนั้นรึ มือจึงสั่นเทาอยู่ตลอดเวลา ข้าคงเป็นปีศาจมากกระนั้นสิ” รับสั่งถามสุรเสียงเย็นยะเยียบ สายพระเนตรจับจ้องใบหน้าหมอที่มาทำการรักษาพระองค์อยู่ในขณะนี้เขม็ง ในขณะที่คนเป็นหมอรีบทรุดกายลงพื้นก้มคำนับไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมองแต่อย่างใดด้วยความกลัวเกรง แม้ว่าในขณะนี้องค์ชายอิ๋งหยางจะสวมหน้ากากสีเงินปิดบังพระพักตร์เอาไว้ก็ตามที แต่มิอาจลดทอนความน่ากลัวและน่าเกรงขามของพระองค์ลดน้อยถอยลงไปได้เลย “กะ… กระหม่อมสมควรตายพ่ะย่ะค่ะที่แสดงอาการออกมาเช่นนั้น ตะ... แต่… แต่กระหม่อมก็กลัวพระองค์จริงๆ มิขอปิดบังแต่ประการใด บรรดาหมอทั่วเมืองฮั่นจงต่างมีความรู้สึกไม่แตกต่างจากกระหม่อมแม้แต่น้อย” “เช่นนั้นรึ!”รับสั่งออกมาสั้นๆ พ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-03
  • แม่ทัพร้ายโหยหารัก   ฝาแฝดจากยุคอดีต 1.7

    แม่น้ำเฟิ่ง แม่น้ำเฟิ่งอยู่ในเขตรอยต่อระหว่างเมืองผิงหยางและเมืองหยง ขวางกั้นระหว่างสองเมืองใหญ่ของแคว้นฉิน บริเวณต้นแม่น้ำมีบ้านหลังไม่ใหญ่ไม่เล็กถูกสร้างขึ้นอยู่ริมลำธารฝั่งเขตเมืองหยง ภายในบริเวณกว้างขวางมีรั้วรอบขอบชิด จัดแบ่งเป็นสัดเป็นส่วน มีเรือนนอนแยกเป็นกิจจะลักษณะ เรือนครัวและห้องโถงเล็กๆ จัดวางไว้อย่างสวยงาม ตัวบ้านทำจากไม้ไผ่เขียวยืนต้นสูง เนื้อแข็งแรงทานทน ทำให้บ้านออกมาสวยงามและน่าอยู่ ภายในห้องนอนบนเตียงไม้ไผ่ปูด้วยเสื่อกลางเก่ากลางใหม่ทาบทับด้วยฟูกนอน ปรากฏร่างระหงของหญิงสาวนางหนึ่งนอนหมดสตินานกว่าห้าวัน บริเวณหน้าอกและคอมีผ้าพันแผลราวกับว่าได้รับบาดเจ็บ ใบหน้าสวยงดงามบัดนี้แลดูขาวซีดเซียว ริมฝีปากอิ่มไร้สิ้นสีเลือดเจือจางด้วยเพราะทั่วร่างถูกพิษและเพิ่งถูกขับออกไปจนหมด ร่างอวบของสตรีสูงวัยอายุประมาณห้าสิบเศษๆ นามว่าฉางอี๋นั่วกำลังเป่ายาซึ่งเคี่ยวมาอย่างต่อเนื่องอยู่เป็นเวลานาน โดยมีชายสูงวัยแลดูมีอายุนั่งอยู่บนโต๊ะกลางห้องกำลังค่อยๆ จิบน้ำชาพลางมองคนเจ็บที่ถูกช่วยขึ้นมาจากก้นแม่น้ำเมื่อห้าวันก่อน “ท่านพี่! แม่นางผู้นี้หมดสติเข้าวันที่ห้าแล้ว ยังไม่ยอมฟื้นขึ้น

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-03
  • แม่ทัพร้ายโหยหารัก   พระเชษฐาปีศาจ 1.1

    ในขณะเดียวกัน เมืองหลวง พระราชพิธีฝังพระศพ ขบวนแห่พระศพอดีตเจ้าผู้ครองแคว้น กำลังตั้งขบวนเป็นแถวยาวออกจากตำหนักส่วนกลางเพื่อเคลื่อนขบวนไปยังสุสานหลวงของราชวงศ์ บรรดาพระโอรสที่ประสูติจากอดีตเจ้าผู้ครองแคว้นรวมด้วยกันสิบห้าพระองค์ ทยอยเสด็จมาเข้าร่วมขบวนโดยมีเจ้าผู้ครองแคว้นองค์ปัจจุบัน ฉินรุ่ยกงพระดำเนินนำหน้าพระอนุชาทั้งหมด หากจะว่ากันไปแล้วฉินรุ่ยกงกับองค์ชายอิ๋งหยางพระเชษฐาทรงพระอ่อนชันษาเพียงแค่ห้าวันเท่านั้น จึงทำให้กลายเป็นองค์ชายรอง ซึ่งแคว้นฉินได้จัดลำดับเชื้อพระวงศ์เอาไว้อย่างชัดเจน และต่างล่วงรู้กันดีว่าแท้จริงแล้ว เจ้าผู้ครองแคว้นพระองค์จริงจะต้องเป็นองค์ชายอิ๋งหยาง พระเชษฐาองค์โตซึ่งประสูติจากฮองเฮาพระองค์แรก “พิธีฝังพระศพของอดีตเจ้าผู้ครองแคว้น หากองค์ชายใหญ่ไม่ได้รับบาดเจ็บเช่นนั้น ผู้ที่จะต้องถือป้ายวิญญาณและพระดำเนินนำหน้าพระองค์แรกจะต้องเป็นองค์ชายอิ๋งหยาง ตามโบราณราชประเพณีใช่หรือไม่” “ตามโบราณราชประเพณีเป็นเช่นนั้นมิผิดแต่อย่างใด” “แต่พระองค์จวนเจียนสิ้นพระชนม์แล้วถึงอย่างไรก็มิอาจมาร่วมพิธีได้อยู่ดี” “อย่ามาเลย ขืนมาคงวุ่นวายเป็นแน่ ฝ่าบาทจะต้องอยู

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-04
  • แม่ทัพร้ายโหยหารัก   พระเชษฐาปีศาจ 1.2

    ณ บ้านน้อยริมลำธาร “คุณยายเอาอีก!” เสียงหวานส่งเสียงเจื้อยแจ้วร้องขอข้าวจากฮูหยินฉางที่กำลังตักข้าวให้หญิงสาวจนพูนชาม จางเพ่ยอันรีบเอื้อมมือรับชามข้าวด้วยความดีใจ พลางใช้ตะเกียบที่ทำจากไม้ไผ่คีบข้าวเข้าปากด้วยความหิว เนื้อปลาย่างจนสุกหอมน่ากินและน้ำแกงปลา เพื่อบำรุงกำลังทำให้หญิงสาวเจริญอาหารอย่างยิ่งยวด “คุณยายทำกับข้าวอร่อยจังเลยค่ะ อร่อยมากๆ อร่อยจริงๆ นะ” เธอพูดชมไม่ขาดปากพร้อมพุ้ยข้าวไปด้วย สองสามีภรรยาหันไปมองหน้ากันก่อนจะยิ้มเจื่อนๆ เมื่อฟังคำพูดของสาวน้อยตรงหน้าไม่เข้าใจ ในขณะที่จางเพ่ยอันเริ่มจะรู้สึกตัวว่าเธอพูดอะไรผิดไปหรือไร ใยผู้อาวุโสทั้งสองจึงได้นั่งเงียบงันอยู่เช่นนั้น “เอ่อ... หนูพูดอะไรผิดไปหรือเปล่า ทำไมตากับยายถึงนั่งมองหน้าแบบนั้นคะ” หญิงสาวเอ่ยถามกลับไปพร้อมเคี้ยวข้าวที่อยู่ในปากพลางยกน้ำแกงซดตามไปด้วย ก่อนจะได้ยินหยงอู่เอ่ยขึ้น “แม่หนู... เจ้าเป็นคนแคว้นใดรึ เป็นชาวเมืองฉินหรือเปล่า เหตุใดถ้อยเจรจราของเจ้าจึงแลดูแปลกชอบกลนัก ข้าและฮูหยินพยายามตั้งใจฟังเจ้าพูดอยู่เป็นนานแต่ก็หาเข้าใจถ้อยคำของเจ้าแต่อย่างใด” ครั้นหญิงสาวได้ยินเช่นนั้นตะเกียบที่กำลังคี

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-04

บทล่าสุด

  • แม่ทัพร้ายโหยหารัก   ดวงพิฆาต รักนิรันดร์ (ตอนอวสาน)

    ยุคอดีตตำหนักจินไท่ทั่วบริเวณในเวลานี้เต็มไปด้วยกลิ่นหอมของดอกเหมยฟุ้งกระจายไปทั่วบริเวณ แจกันดินเผาขนาดใหญ่วาดลวดลายเป็นลายเมฆและนกยูงสลับไปมา เพิ่มความสวยงามได้อย่างลงตัวและแจกันดังกล่าวเต็มไปด้วยกิ่งดอกเหมยปักลงบนแจกันวางตั้งไว้บนโต๊ะข้างแท่นพระบรรทมเพื่อให้คนงามได้สูดกลิ่นหอมดังกล่าวร่างอรชรของจางเพ่ยอันบัดนี้นอนสงบนิ่งอยู่บนแท่นพระบรรทม และเธอหลับใหลอยู่เช่นนี้มานานนับเดือนแล้ว โดยมีสายตาของพระสวามีผู้หล่อเหลาจับจ้องอยู่กับดวงหน้างามของพระชายาอยู่ตลอดเวลา พระองค์จะเพียรเข้าคอยมาดูแลพระชายาเพียงหนึ่งเดียวทันทีที่เสร็จภารกิจจากการออกว่าราชการในท้องพระโรงเหตุการณ์ในวันที่รัชทายาทหลี่จิ้งบุกโจมตีพระราชวังหลวงของต้าฉินอย่างอุกอาจ และจบลงคือเซ่นสังเวยพระชนม์ชีพของพระองค์ให้กับแม่ทัพปีศาจพร้อมชีวิตทหารต้าหลู่ไปอีกนับไม่ถ้วน ต่างพากันสิ้นชีพวิบัติโรยรากลายเป็นหินไปชั่วพริบตาเหตุการณ์ในวันนั้นเล่าลือไปอย่างกว้างขวางจนล่วงรู้ไปทั่วทุกแคว้นแดนดิน และต่างพากันขยาดแม่ทัพปีศาจกันอย่างถ้วนหน้า จนมีคำกล่าวติดปากออกมา

  • แม่ทัพร้ายโหยหารัก   โหยหามิคลาดครา 1.1

    ในขณะเดียวกันบริเวณลานกว้างหน้าท้องพระโรงกองทหารของแคว้นต้าหลู่และกองทหารจากต้าฉิน ต่างวิ่งเข้าโจมตีปะทะกันอย่างดุเดือด ทั่วทั้งพระราชวังหลวงเต็มไปด้วยเปลวเพลิงและกลุ่มควันขาวพร้อมเสียงกรีดร้องของเหล่านางกำนัลและเชื้อพระวงศ์ บรรดาขุนนางที่อยู่ในท้องพระโรงต่างแตกฮือแยกย้ายกันหนีตายจนจ้าละหวั่น เมื่อทหารต้าหลู่บุกเข้ามาถึงในท้องพระโรงและปะทะกับจางฟงอัครเสนาบดีที่เคยเป็นขุนศึกในวัยหนุ่มแม้จะมีอายุมากถึงหกสิบปีแล้วก็ตาม แต่จางฟงมีวิทยายุทธ์ในระดับสูงจึงเป็นฝ่ายใช้อาวุธออกปกป้องเหล่าขุนนางเอาไว้ ก่อนจะวิ่งตามไปสมทบกับกองทหารของตนและกองทหารขององค์ชายปีศาจที่ยกตามมาช่วยอย่างทันท่วงที ทั่ววังหลวงเต็มไปด้วยซากศพมากมายมิรู้ใครเป็นใครท่ามกลางความวุ่นวายองค์ชายปีศาจอิ๋งหยางและองค์ชายหลี่จิ้ง รัชทายาทจากต้าหลู่กำลังปะทะฝีมือกันอย่างดุเดือด ทั้งสองยืนจ้องหน้ากันในขณะที่องค์ชายหลี่จิ้งถือทวนยาวและองค์ชายอิ๋งหยางใช้ดาบง้าวอาวุธประจำพระวรกายไล่ฟาดฟันองค์ชายผู้นี้อย่างบ้าคลั่ง“เจ้าเอาอันอันของข้าไปไว้ไหน! เอาคนของข้าคืนมา!!

  • แม่ทัพร้ายโหยหารัก   โหยหามิคลาดครา 1.2

    ทันทีที่พระพักตร์หล่อเหลาขององค์ชายปีศาจเงยขึ้นทอดพระเนตร ทหารของต้าหลู่ที่กำลังมองมาที่พระองค์เป็นจุดเดียวค่อยๆ แปรเปลี่ยนไปทันที เมื่อร่างค่อยๆ กลายเป็นหินลามเลียตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าและแผ่ขยายออกเป็นวงกว้างเพียงชั่วเวลาไม่กี่อึดใจ ติดตามด้วยเสียงของเหล่าทหารดังแทรกขึ้นมา“แม่ทัพปีศาจ!!!” เสียงเรียกขานดังออกมาได้เพียงแค่นั้นก็ต้องเงียบงันลงไปโดยพลันเมื่อทุกอย่างกลับหยุดการเคลื่อนไหวทั้งสิ้น ลมหายใจของเหล่าทหารต้าหลู่หลุดลอยไปทันใดนับหนึ่งพันนายที่แออัดอยู่ภายในท้องพระโรงท่ามกลางสายพระเนตรขององค์ชายหลี่จิ้ง ครั้นได้ทอดพระเนตรเหตุการณ์ที่มีผู้คนกล่าวขานเลื่องลือมานานแสนนาน และตอนนี้กำลังเกิดขึ้นอยู่ตรงพระพักตร์ในขณะนี้“เป็นความจริงหรือนี่! คนผู้นี้คือแม่ทัพปีศาจอิ๋งหยางอย่างนั้นหรอกรึ!” องค์ชายหลี่จิ้งรับสั่งได้เพียงเท่านั้นองค์ชายปีศาจหันกลับไปทอดพระเนตรรัชทายาทผู้นั้นทันที โดยที่อีกฝ่ายมิทันได้ตั้งตัวเพียงแค่เห็นใบหน้าก็สิ้นชีพไปโดยมิรู้ตัว พระเศียรค่อยๆ กลายเป็นหินลามเลียไปทั่วพระวรกายก่อนจะกลืนกินจนกระทั่งยืนแข็ง

  • แม่ทัพร้ายโหยหารัก   พระสนมชายของข้า! 1.2

    ทันทีที่พระหัตถ์ของรัชทายาทรูปงามสัมผัสกับแก้มนวลเนียนของหญิงสาว ภาพเหตุการณ์ในอนาคตบังเกิดขึ้นมาให้เธอได้เห็นทันทีท่ามกลางกองทหารของทั้งสองฝ่ายกำลังสู้รบกันอย่างดุเดือด ร่างของจางฟงท่านพ่อและจางฮั่นพี่ชายคนโตกำลังใช้ดาบสู้รบกับทหารของต้าหลู่ ในขณะที่พระสวามีปีศาจของเธอกำลังบุกเข้าโจมตีไล่ฟาดฟันองค์ชายหลี่จิ้งจนถอยไม่เป็นท่า“อันอันของข้าอยู่ไหน! ไอ้คนถ่อย! ลักพาตัวชายาของข้าไปไว้ที่ใด!!!” รับสั่งพร้อมบุกไล่ฆ่ากองทหารมากมายที่เข้ามาปกป้ององค์ชายของตน จนล้มตายกองสุมมิรู้กี่ร้อยชีวิตองค์ชายหลี่จิ้งวิ่งหนีการไล่ล่าอย่างบ้าคลั่งของแม่ทัพปีศาจจนวิ่งเข้าไปอยู่ในท้องพระโรง “คนผู้นี้มันบ้าไปแล้ว! ช่างบ้าคลั่งราวปีศาจร้ายยิ่งนัก” รับสั่งพร้อมพยายามหาอาวุธที่สามารถทุ่นแรงของพระองค์ได้ดีกว่าดาบ ก่อนจะไปสะดุดกับคันธนูและลูกธนูรวมไปถึงอาวุธอื่นๆ ที่มีเกลื่อนกลาดท่ามกลางร่างไร้วิญญาณของทหารทั้งสองฝ่ายและขุนนางบางคนที่หนีตายไม่ทันคันธนูถูกหยิบขึ้นจากพื้นพร้อมลูกธนูสามดอก พระหัตถ์ล้วงเข้าไปในอกเสื้อฉลองพระองค์ก่อนจะดึงขวดยาใบน้อยออกมาพร้อมรีบดึงจุกออกเทผงสีขาวลงบนลูกธนูทั้งสามดอกพรึบ! ภาพเหตุการ

  • แม่ทัพร้ายโหยหารัก   พระสนมชายของข้า! 1.1

    บริเวณคุกใต้ดิน ดวงเนตรสีนิลดำใหญ่ทอดสายตามองร่างไร้วิญญาณขององค์ชายอิ๋งเฟิ่ง เจ้าของพระตำหนักหรดีในสภาพศพลิ้นจุกปาก ดวงตาถลนแทบจะทะลักออกมานอกเบ้า รอบลำคอถูกรัดอย่างรุนแรงจนเห็นเป็นรอยโซ่ และสิ่งที่ใช้สังหารองค์ชายโฉดผู้นี้ก็ตกอยู่ใกล้ๆ พระศพนั่นเอง พระพักตร์หล่อเหลาขององค์ชายหลี่จิ้ง ค่อยๆ เงยขึ้นจากพระศพขององค์ชายโฉดพร้อมสำรวจไปทั่วบริเวณคุกใต้ดินไปโดยรอบก่อนจะพบว่า กองทหารของพระองค์ที่คอยรักษาเวรยามตั้งแต่ปากทางเข้าแม่น้ำทางชายป่ารกร้าง จนถึงคุกใต้ดิน มีเพียงทหารยามที่คอยดูแลบริเวณคุกเท่านั้นจบชีวิตทั้งหมด สภาพศพร่างแหลกเหลวและมีรอยโซ่ทิ้งร่องรอยเอาไว้บนศพเหล่านั้น “พวกเจ้าที่เหลือรอดชีวิตล่วงรู้หรือไม่ว่าผู้ใดเข้ามาสังหารผู้คนภายในนี้รวมไปถึงเจ้าของตำหนักนี้ด้วย!” รับสั่งถามกองทหารที่รอดชีวิต “กระหม่อมได้ยินว่าคนผู้นั้นเป็นพี่ชายของเด็กหนุ่มหน้าหวาน ซึ่งถูกจับตัวมาจากตำหนักบูรพาพร้อมกันพ่ะย่ะค่ะ แต่องค์ชายอิ๋งเฟิ่งทรงแยกขังเจ้าคนพี่ไว้ที่คุกใต้ดิน ส่วนคนน้องนำไปขังในตำหนักหรดีเพื่อนำไปมอบให้พระองค์ที่จวนสกุลไป๋ต่อไปพ่ะย่ะค่ะ” ทหารที่รอดชีวิตกราบทูลรายงานอย่างละเอียดเท่าที่ล่ว

  • แม่ทัพร้ายโหยหารัก   เป็นหรือตาย 1.3

    พระตำหนักหรดีภายในคุกใต้ดินพระตำหนักหรดีขององค์ชายอิ๋งเฟิ่ง ตั้งอยู่ห่างไกลจากพระตำหนักอื่นๆ อยู่ช่วงท้ายๆ ของพระราชวังมีพื้นที่ติดกับชายป่ารกร้างซึ่งองค์ชายโฉดใช้เป็นเส้นทางลำเลียงอาวุธและกองทหาร ทางเข้าออกต้องดำน้ำลงไป แม่น้ำซึ่งอยู่ติดกับชายป่าและมีทางเข้าเชื่อมต่อขุดไปถึงกับสระบัวในอุทยานส่วนพระองค์ ใช้เป็นเส้นทางเพื่อสะสมฐานกำลังเตรียมพร้อมช่วงชิงบัลลังก์เพื่อขึ้นเป็นเจ้าผู้ครองแคว้นภายในพระตำหนักลึกลงไปใต้ดิน ถูกสร้างเป็นห้องพักมากมายเพื่อใช้สะสมเงินทองและอาวุธรวมไปถึงเสบียงและคุกใต้ดิน เพื่อใช้ลักพาตัวผู้คนที่บังเอิญมาระแคะระคายการกระทำคิดคดทรยศขององค์ชายผู้นี้ และนี่คือสาเหตุว่าทำไมองค์ชายสามจึงไม่อนุญาตให้บุรุษเข้ามาในพระตำหนัก สืบเนื่องมาจากสาเหตุดังกล่าวด้วยส่วนหนึ่งและอีกเหตุผลนั่นก็คือ เกรงกลัวการถูกลอบปลงพระชนม์จากการจ้างวานฆ่าของผู้อื่นนั่นเอง ไม่ว่าจะเป็นพี่น้องร่วมสายโลหิตหรือพันธมิตรที่เคยร่วมมือและรีบหันหลังให้แก่กันทันใดที่หมดประโยชน์ร่วมกันพระวรกายสูงใหญ่ขององค์ชายปีศาจ ถูกล่ามไว้ที่ข้อพระหัตถ์และข้อพระบาทก่อนจะนำไปโยงกับคานที่แขวนไว้ เตรียมเครื่องทรมานเพื่อเ

  • แม่ทัพร้ายโหยหารัก   เป็นหรือตาย 1.2

    ยามเหม่าพระราชวังหลวงร่างอรชรแน่งน้อยของจางเพ่ยอันสวมเสื้อผ้าบุรุษสะพายกระเป๋าล่วมยาเดินเคียงคู่มากับพระสวามีปีศาจ ฉลองพระองค์เครื่องแบบราชองครักษ์ฝ่ายใน เดินตามติดชายาคนงามของพระองค์ไปอย่างกระชั้นชิดมิให้คลาดสายพระเนตรไปได้แม้แต่น้อย โดยเป้าหมายในขณะนี้คือพระศพขององค์ชายรองซึ่งจนถึงเวลานี้ มิมีหมอหลวงคนใดล่วงรู้เลยว่าสาเหตุการสิ้นพระชนม์นั้นเกิดจากอะไรกันแน่องค์ชายปีศาจพระดำเนินนำหน้าพร้อมจูงมือพระชายา ผ่านสายตาเหล่านางกำนัลและขันทีมากมายหลายสิบคู่ โดยไม่สนพระทัยสายตาของผู้ใดแม้แต่น้อยที่กำลังจับจ้องบุรุษทั้งสองกำลังเดินจูงมือเคียงคู่ไปด้วยกัน ก่อนจะหยุดลงเมื่อมาถึงพระตำหนักบูรพา ภายในห้องเก็บพระศพ มีผ้าขาวผืนขนาดใหญ่ขวางกั้นโลงพระศพและแท่นบูชาป้ายวิญญาณเพื่อให้เชื้อพระวงศ์และบรรดาขุนนางน้อยใหญ่ เข้ามาเซ่นไหว้บริเวณด้านนอก ภายในห้องดังกล่าวมีนางกำนัลและขันทีคอยทำหน้าที่ดูแลพระศพให้เรียบร้อยอยู่ตลอดเวลา และทันทีที่มาถึงองค์ชายปีศาจมีรับสั่งออกไปทันที“เปิดฝาโลง! องค์ชายอิ๋งเฟิ่งมีรับสั่งให้ท่านหมอมาตรวจหาสาเหตุการสิ้นพระชนม์ขององค์ชายรอง” สิ้นพระสุรเสียงขององค์ชายปีศาจบรรดาขันที

  • แม่ทัพร้ายโหยหารัก   เป็นหรือตาย 1.1

    เรือนบูรพา ปัง! ปัง! ปัง! เสียงเคาะประตูห้องดังเอ็ดอึงขึ้นระหว่างกลางดึกในขณะที่คู่สามีภรรยากำลังนอนหลับใหลด้วยความอ่อนเพลียกับบทเสพสังวาสที่มอบให้กันตั้งแต่ยามสายในห้องหนังสือและยังมาต่อเนื่องในห้องนอนกันอีก ก่อนจะพากันหมดแรงไปด้วยกันก็เข้ายามโฉว่ “องค์ชายพ่ะย่ะค่ะ! เกิดเรื่องใหญ่ในวังแล้ว! ทรงตื่นบรรทมอยู่หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ” เสียงของจางฮั่นดังขึ้นอยู่หน้าประตูห้องนอน พร้อมร่างของรองแม่ทัพโม่โฉวและหรงซิ่วต่างพากันยืนอยู่ด้วยพร้อมกันในขณะนี้ เพียงครู่ภายในห้องบรรทมที่มีแต่ความมืดมิดมีแสงสว่างจากโคมไฟขึ้นมาทันที พร้อมเสียงจากคนที่อยู่ด้านในเปิดบานประตูออกด้วยความรวดเร็ว พร้อมพระวรกายสูงใหญ่ขององค์ชายอิ๋งหยางพระดำเนินออกมาหยุดยืนอยู่หน้าห้อง เมื่อเห็นรองแม่ทัพคนสนิททั้งสองปรากฏกายในยามวิกาลเช่นนี้ “มีเหตุสิ่งใดเกิดขึ้นอย่างนั้นรึ! พวกเจ้าจึงรีบร้อนพากันมาหาข้าในยามวิกาลเช่นนี้” รับสั่งถามกลับไปทันใด “องค์ชายรองสิ้นพระชนม์แล้วพ่ะย่ะค่ะ!” โม่โฉวรีบกราบทูลรายงานทันที องค์ชายปีศาจทรงยืนนิ่งไปชั่วขณะครั้นทรงได้ยินรายงานเช่นนั้น “อิ๋งเหว่ยตายได้อย่างไร!” รับสั่งถามกลับไป “ตอนนี้บรรดาหมอ

  • แม่ทัพร้ายโหยหารัก   ปิ่นหงส์แทนข้า ปิ่นมังกรแทนหัวใจ 1.2

    สามวันผ่านไปภายในห้องหนังสือร่างงามแน่งน้อยในชุดสีขาวลออตาของสตรีสาวที่เต็มไปด้วยยศศักดิ์ ผมสีดำยาวสยายถูกเกล้าขึ้นสูงเป็นสัญลักษณ์ของหญิงที่สมรสแล้ว พรั่งพร้อมด้วยเครื่องประดับผมล้ำค่ามีทั้งทองคำและหยกเนื้องามชั้นดีเสียบไว้ที่บริเวณผมที่ถูกเกล้าขึ้น ใบหน้าแสนสวยถูกแต่งแต้มพองามมิต้องประเคนเครื่องประทินโฉมอะไรมากมาก คนสวยยังไงก็เอาอยู่ดวงตากลมโตสีหยาดน้ำผึ้งกำลังนั่งมองแผ่นไม้ไผ่ที่เป็นตำรายาสูตรลับของหยงเซี๊ยะกำลังถูกเปลวเพลิงเผาไหม้จนลุกโชน ก่อนจะโยนตำราดวงดาวลงไปเผาอีกเช่นกัน ราวกับว่าหญิงสาวล่วงรู้ว่าจะมีเหตุเกิดขึ้นเพราะมีการแย่งชิงตำราดังกล่าวเกิดขึ้นนั่นเองท่ามกลางสายพระเนตรของพระสวามีปีศาจ ทรงพระดำเนินเข้ามาด้วยความแปลกพระทัยเมื่อทอดพระเนตรพระชายาคนงามกำลังเผาตำราโบราณของหยงเซี๊ยะด้วยมือของนางเอง“อันอัน! เหตุใดเจ้าจึงเผาตำราที่ท่านตามอบให้มาเล่า เกิดเหตุสิ่งใดขึ้นหรือไรตำราทั้งสองนั้นเป็นของล้ำค่าทางด้านการรักษาและดูดวงดาวมิใช่รึ” พระองค์รับสั่งถามกลับไปด้วยความสงสัยระคนใคร่รู้ใบหน้าแสน

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status